Tag : AP

24 ผลลัพธ์
‘เอพี ไทยแลนด์’ สุดยอดแบรนด์ครองใจมหาชน บริษัทอันดับ 1 ที่คนไทยเชื่อถือที่สุด

‘เอพี ไทยแลนด์’ สุดยอดแบรนด์ครองใจมหาชน บริษัทอันดับ 1 ที่คนไทยเชื่อถือที่สุด

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนวัตกรรมการอยู่อาศัย ครองตำแหน่งองค์กรและแบรนด์อันดับหนึ่งที่ผู้บริโภคไทยให้ความชื่นชมและเชื่อถือมากที่สุด ในหมวดอสังหาริมทรัพย์ จากผลการสำรวจเพื่อเฟ้นหา ‘สุดยอดแบรนด์ครองใจมหาชนปี 2019 (Thailand’s Most Admired Brand 2019)’ รางวัลการันตีแรกในปี 2019 ที่นำไปสู่เป้าหมายหลัก ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘AP WORLD’ ผู้สร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี มีสินค้าและบริการคุณภาพครอบคลุมทุกความต้องการเชิงลึกของตลาดอย่างแท้จริง ผ่านกระบวนการทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง   นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า“รางวัลสุดยอดแบรนด์ครองใจมหาชนปี 2019 (Thailand’s Most Admired Brand 2019) ที่ทางเอพี ไทยแลนด์ได้รับจากงานวิจัยโดยนิตยสารแบรนด์เอจนั้น ถือว่าสะท้อนภาพความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคคนไทยมีต่อสินค้าและบริการในเครือเอพี ไทยแลนด์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งจากผลวิจัย 3 อันดับแรกที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ของคนไทยนั้น ประกอบด้วยระบบการรักษาความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการ และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ซึ่งเอพี ไทยแลนด์ได้รับการโหวตจากผู้บริโภคให้เป็นอันดับ 1 ใน 3 ประเด็นที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในยุคปัจจุบัน นับเป็นความสำเร็จต่อเนื่องจากการเป็น ‘องค์กรพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อันดับ 1 ในใจผู้บริโภคประจำปี 2018 (The Most Admired Company 2018)’ เมื่อปลายปีที่แล้ว โดยเราเชื่อว่าความสำเร็จของ เอพี ไทยแลนด์เกิดจากการเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งประกอบกับการนำประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 27 ปี มาคิดวิเคราะห์ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้เกิดขึ้นทั้งในด้านนวัตกรรม การออกแบบ แผนพัฒนาโครงการ กระบวนการทำงาน ตลอดจนการดูแลหลังการขาย โดยมีเป้าหมายให้ลูกบ้านในเครือเอพีรู้สึกว่าเขาไม่ได้เพียงซื้อบ้าน แต่ทุกคนในครอบครัวได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีจากเอพี”   “กระบวนการที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติของการอยู่อาศัย ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคำว่า คุณภาพชีวิต ทุกคนตีความในมุมมองที่แตกต่างกัน อีกทั้งมิติของคำว่าคุณภาพชีวิตยังสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามลำดับความสำคัญที่คนในสังคมคำนึงถึง อย่างเช่น วันนี้เรื่อง PM 2.5 กลายเป็นส่วนหนึ่งของคุณภาพชีวิตไปแล้ว ซึ่งเมื่อปีที่แล้วเราอาจจะยังไม่รู้เลยว่า PM 2.5 คืออะไร และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตเพียงใด ดังนั้น คำตอบในเรื่องคุณภาพชีวิตเปลี่ยนแปลงได้ตามบริบททางสังคมที่เราอยู่ เพราะฉะนั้นกระบวนการค้นหาความต้องการแฝง หรือ Unmet Need จึงมีความสำคัญมากต่อการพัฒนานวัตกรรมที่นำมาสู่พิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีในที่สุด” นายวิทการ กล่าว   ทั้งนี้ จากการขยายวิสัยทัศน์ไปสู่การเป็นองค์กรที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนในสังคม ภายใต้แนวคิด AP WORLD, A Vision for Quality of Life นั้น ถือเป็นการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับเอพี ไทยแลนด์ อีกทั้งยังเอื้อต่อการเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างที่มากขึ้น ผ่านการดำเนินธุรกิจในเครือ 6 รูปแบบ  1) ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สําหรับคนเมือง คลอบคลุมสินค้าทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดและทาวน์โฮม ราคาเริ่ม 2 ล้านจนถึง 50 ล้านขึ้นไป 2) ธุรกิจที่ปรึกษาด้านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ให้บริการคลอบคลุม ทั้งการรับฝากขาย ฝากเช่า ทั้งในและต่างประเทศ 3) ธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ดูแลคุณภาพชีวิตในโครงการต่างๆ ทั้งที่อยู่ในเครือเอพีและบริษัทอื่นๆ รวมถึงอีก 3 ธุรกิจใหม่ที่ได้จัดตั้งขึ้น 4) ธุรกิจสร้างระบบนิเวศที่สนับสนุนการบริหารจัดการคุณภาพชีวิต ลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินชีวิตมอบประสบการณ์ใหม่ 5) ธุรกิจการพัฒนานวัตกรรมดีไซน์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ยังไม่ถูกค้นพบของคนในสังคม 6) ธุรกิจการศึกษาดิสรัปวิธีการเรียนรู้ของคนในองค์กรและคนในสังคมด้วยกระบวนการใหม่ๆ ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจากวิสัยทัศน์ที่มุ่งสร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อทุกคนในสังคม ประสานกับความแข็งแกร่งในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และการขยายไปยังธุรกิจใหม่ๆ จะต่อยอดให้เอพี ไทยแลนด์ยังคงเป็นองค์กรและแบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคไทยต่อไป   “เอพีผสานนวัตกรรมเข้าไปในทุกๆ กระบวนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงวิธีคิดของคนในองค์กรในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะทำให้ทุกคนในสังคมได้ประโยชน์สูงสุด เราใส่ใจในทุกขั้นตอน ด้วยเหตุนี้แบรนด์ของเอพีจึงได้รับรางวัล ‘สุดยอดแบรนด์ครองใจมหาชนปี 2019 (Thailand’s Most Admired Brand 2019)’ โดยนิตยสารแบรนด์เอจ แบรนด์อันดับหนึ่งที่ผู้บริโภคไทยให้ความชื่นชมและเชื่อถือมากที่สุด ซึ่งเอพี (ไทยแลนด์) ยังคงเดินหน้า และไม่หยุดยั้งในการศึกษาค้นคว้า เพื่อส่งมอบนวัตกรรมรูปแบบใหม่ที่จะสร้างความแตกต่าง ทั้งด้านคุณภาพ ความสะดวกสบาย ความปลอดภัยในการดำเนินชีวิต พร้อมก้าวสู่เป้าหมายสูงสุด นั่นคือการสร้าง ‘AP WORLD’ พิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี ให้เกิดขึ้นอย่างทั่วถึงในสังคม” นายวิทการ กล่าวสรุป    
AP เปิดตัว “RHYTHM เอกมัย เอสเตท” ครั้งแรกกับการใช้ชีวิตแนวตั้ง เติมเต็มทุกประสบการณ์ของคำว่าบ้าน

AP เปิดตัว “RHYTHM เอกมัย เอสเตท” ครั้งแรกกับการใช้ชีวิตแนวตั้ง เติมเต็มทุกประสบการณ์ของคำว่าบ้าน

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนวัตกรรมการอยู่อาศัย ย้ำตำแหน่งเจ้าคอนโดฯ ใจกลางเมือง พร้อมเผยโฉมคอนโด High-rise ใหม่ล่าสุด 'RHYTHM เอกมัย เอสเตท' บนทำเลศักยภาพย่านเอกมัยเชื่อมต่อทองหล่อ เตรียมเจาะดีมานด์คนเมืองกลุ่ม Upper Hi-End ชูจุดเด่นด้านนวัตกรรมดีไซน์ที่ส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยมิติใหม่บนพื้นที่แนวสูง สิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็ม และการบริหารขนาดห้องชุดพร้อมแพ็คเกจราคาขายที่ตอบสนองความต้องการจริงของดีมานด์ในย่าน ราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท (เริ่ม 185,000 บาทต่อตารางเมตร) คุ้มค่าสำหรับการลงทุนทั้งการอยู่อาศัยเองและการปล่อยเช่าระยะยาว ด้วยผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าประมาณ 5-6% โดยจะเปิดจองรอบพิเศษครั้งแรกที่งาน Vertical World ชั้น 1 แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน วันที่ 21-24 มีนาคมนี้   นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “การกลับมาของแบรนด์ RHYTHM ในรอบ 3 ปีครั้งนี้ เอพีใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่คุณภาพการก่อสร้างในทุกขั้นตอนด้วยการใช้ ‘AI BIM’ (Artificial Intelligence Building Information Modeling) เทคโนโลยีการออกแบบงานก่อสร้างอาคารสูงอัจฉริยะ 7 มิติ ที่จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในทุกกระบวนการทำงาน และสร้างสรรค์นวัตกรรมดีไซน์ที่แตกต่างเพื่อเจาะลูกค้ากลุ่ม Upper Hi-End โดยเอพีเลือกเฟ้นทำเลที่โดดเด่นใจกลางเมืองอย่างทำเลเอกมัยเชื่อมต่อทองหล่อที่รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ ใจกลางเมืองที่พร้อมส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกบ้านอย่างยั่งยืน”   “จาการศึกษาและทำความเข้าใจเพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริงของผู้อยู่อาศัยย่านเอกมัย-ทองหล่ออย่างลึกซึ้ง เพื่อนำมาพัฒนา ‘RHYTHM เอกมัย เอสเตท’ ให้เป็นคอนโดฯ ที่แตกต่างและตอบโจทย์รองรับความต้องการของทุกช่วงชีวิต โดยการศึกษาพบว่ารูปแบบการใช้ชีวิตของคนเมืองเปลี่ยนไป ต้องการอยู่อาศัย ในคอนโดที่ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากการอยู่อาศัยในบ้าน มีพื้นที่ส่วนกลางที่ที่รองรับทั้งการใช้งานร่วมกันและความเป็นส่วนตัวได้จริง ให้สัมผัสความร่มรื่นของพื้นที่สีเขียว อีกทั้งยังคุ้มค่าการลงทุน ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเอง และการต่อยอดลงทุนในอนาคต ทั้งหมดนี้ทำให้เอพีสร้างสรรค์นวัตกรรมการดีไซน์ใหม่ครั้งแรกในเมืองไทย การออกแบบสถาปัตยกรรมอาคารสูงที่มอบประสบการณ์ทุกย่างก้าวเหมือนการใช้ชีวิตในบ้าน พร้อมด้วยล็อบบี้แนวตั้ง 7 ชั้นที่ช่วยลดข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ส่วนกลางอย่างชาญฉลาด เปิดมุมมองสู่ Chamchuri Outdoor Terrace พื้นที่สีเขียวร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่เดิมและพื้นที่ส่วนกลางรวมกว่า 4,800 ตารางเมตร มอบประสบการณ์มิติใหม่ของการอยู่อาศัยบนพื้นที่แนวสูงได้อย่างไร้รอยต่อ ทุกฟังก์ชั่นสเปซภายใน ‘RHYTHM เอกมัย เอสเตท’ ทั้งพื้นที่ส่วนกลาง และพื้นที่ภายในยูนิตที่พักอาศัยถูกออกแบบให้สามารถใช้งานได้ทุกตารางนิ้ว เพื่อเติมเต็มให้การอยู่คอนโดฯ รู้สึกสงบ อบอุ่น ร่มรื่น เป็นส่วนตัวเหมือนได้อยู่บ้าน” นายวิทการ กล่าวเสริม   “สำหรับภาพรวมตลาดคอนโดในทำเล ‘เอกมัยเชื่อมต่อทองหล่อ’ นับเป็นทำเลที่ดีมานด์ทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวญี่ปุ่น สิงค์โปร์ และฮ่องกงให้ความสนใจต่อเนื่อง เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รายล้อมด้วยสถานที่ทำงาน พร้อมทั้งการเดินทางที่สะดวก รองรับไลฟ์สไตล์ได้อย่างหลากหลาย ทำให้ย่านเอกมัยเป็นทำเลศักยภาพในการลงทุน ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองและการปล่อยเช่าในอนาคตของโซนสุขุมวิทเลยก็ว่าได้ อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจซัพพลาย ณ ไตรมาส 4/2561 พบจำนวนประมาณ 1,500 ยูนิต ส่วนใหญ่มีราคาขายเฉลี่ย 220,000 – 275,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งไม่สอดรับกับสิ่งที่ตลาดมองหา” นายวิทการ กล่าวเพิ่มเติม   “ดังนั้น คีย์สำคัญที่เอพีตั้งใจมาโดยตลอดในการพัฒนาทุกโครงการในเครือ คือ การนำเสนอสินค้าที่แตกต่าง รวมถึงการบริหารขนาดห้องชุดและแพ็คเกจราคาขายที่ตอบรับกับดีมานด์จริงในแต่ละย่าน การันตีได้จากความสำเร็จของการเปิดขาย RHYTHM เอกมัย ที่เอพีได้ทำการเปิดขายเมื่อปี 2559 และเมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมเปิดโอนในไตรมาส 4/2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับการตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากจากลูกค้าในการโอนห้องชุด จนสามารถทำการโอนได้ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งปัจจุบันราคารีเซลของ RHYTHM เอกมัย มีแนวโน้มการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องประมาณ 15% (หรือปรับตัวขึ้นจากราคาเปิดตัวที่ 190,000 บ./ตร.ม. เป็นรีเซลประมาณ 220,000 บ./ตร.ม)  และหากพิจารณาประกอบกับภาพรวมผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าระยะยาว (Rental Yield) ของคอนโดฯ ในย่านนี้ ที่พบอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 5 - 6%  ต่อปี  ทำให้ภาพรวมตลาดของคอนโดในทำเลนี้ เป็นที่สนใจของลูกค้าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น สำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่ RHYTHM เอกมัย เอสเตทนี้ เรามั่นใจทั้ง การนำเสนอสินค้าที่แตกต่าง การบริหารขนาดห้องชุดควบคู่กับปัจจัยด้านราคาที่จับต้องได้ จะทำให้ได้รับการตอบรับและประสบความสำเร็จอีกครั้งอย่างแน่นอน” นายวิทการ กล่าวสรุป   RHYTHM เอกมัย เอสเตท คอนโดมิเนียมร่วมทุนระหว่าง เอพี และมิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ (บริษัท ในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป - MECG) มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท (ราคาเริ่มต้น 185,000 บาท / ตร.ม.) โครงการตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 2-0-84.1 ไร่ สูง 32 ชั้น จำนวน 303 ยูนิต ประกอบด้วยห้องชุดที่หลากหลาย พร้อมตอบทุกไลฟ์สไตล์คอนเมือง อาทิ 1) ห้องชุด 1 ห้องนอน ขนาด 35.00 ตารางเมตร 2) ห้องชุด 1 ห้องนอน (แบบพิเศษ) ขนาด 39.50-40.00 ตารางเมตร 3) ห้องชุด 2 ห้องนอน ขนาด 74.50 – 86.50 ตารางเมตร 4) ห้องชุด 2ห้องนอน (Duplex) ขนาด 64.00-129.50 ตารางเมตร  5) ห้องสกายวิลล่า ขนาด 109.00-121.00 ตารางเมตร 6) ห้องเพนท์เฮ้าส์ ขนาด 100.00-177.00ตารางเมตร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในชั้น 1-7 ชั้น 31-32 และชั้น Rooftop        
เอพี ไทยแลนด์ รุกธุรกิจอสังหาฯ ปี 62 บุกทุกเซ็กเมนต์ ชูธุรกิจขาย-เช่า-บริหารจัดการ

เอพี ไทยแลนด์ รุกธุรกิจอสังหาฯ ปี 62 บุกทุกเซ็กเมนต์ ชูธุรกิจขาย-เช่า-บริหารจัดการ

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนวัตกรรมการอยู่อาศัย ประกาศโตสวนกระแสกว่า 30% ด้วยสถิติการรับรู้รายได้ (รวม 100%JV) ปี 61 สูงเป็นประวัติการณ์กว่า 38,020 ล้านบาท รวมทั้งความสำเร็จสวนภาพรวมตลาดจากยอดขายรวม อยู่ที่ 41,298 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายถึง 104% พร้อมเดินหน้าประกาศแผนธุรกิจอสังหาฯ ปี 62 มุ่งสู่เป้ายอดขายที่ 41,800 ล้านบาท และเป้ารายได้รวมที่ 35,900 ล้านบาท (รวม 100%JV) ด้วยการรุกตลาดเปิดขายอสังหาริมทรัพย์ครบทั้ง 9 แบรนด์ในพอร์ทโฟลิโอ รวม 39 โครงการ มูลค่ารวม 56,800 ล้านบาท พร้อมต่อยอดความแข็งแกร่งของ BC และ SMART สู่การเป็นเบอร์ 1 ภายใต้วิสัยทัศน์ AP WORLD การสร้างสรรค์ โลกแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมนำพาเอพีก้าวเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่มีสินค้าและบริการคุณภาพครอบคลุมทุกความต้องการเชิงลึกของตลาดอย่างแท้จริง   นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากวิสัยทัศน์ใหญ่ขององค์กร AP WORLD ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์โลกแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยการสร้างพิมพ์เขียวที่สมบูรณ์ไปด้วยระบบนิเวศ (Eco System) ที่เอพีพัฒนาขึ้น ผ่านการขยายขอบเขตธุรกิจไปสู่ธุรกิจนอกอสังหาริมทรัพย์แล้ว เอพียังเดินหน้าพัฒนาธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเราอย่างไม่หยุดยั้ง ปีนี้เอพีได้วางกลยุทธ์ในการดำเนินงาน 4 มิติหลัก เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ และความมั่นใจว่าสินค้า และบริการของเอพีจะตอกย้ำวิสัยทัศน์การส่งมอบโลกแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีให้เกิดขึ้นได้จริง”   กลยุทธ์ในการดำเนินงาน 4 มิติสู่ความสำเร็จของเอพี (ไทยแลนด์) ในปี 2562 ได้แก่ 1.เปิดตัวโครงการครบ 9 แบรนด์ ในทุกเซ็กเมนต์ ตอกย้ำความเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่มีสินค้าครอบคลุม ทุกความต้องการของผู้อยู่อาศัย โดยในปีนี้เอพีเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 39 โครงการ มูลค่ารวม 56,800 ล้านบาท เป็นคอนโด 5 โครงการ มูลค่า 22,400 ล้านบาท (เป็นคอนโดร่วมทุน 3 โครงการ มูลค่า 18,300 ล้านบาท) และแนวราบ 34 โครงการ มูลค่ารวม 34,400 ล้านบาท (แบ่งเป็นทาวน์โฮม 19 โครงการ มูลค่า 16,780ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 17,620 ล้านบาท   2.สร้างความแตกต่างด้วยสินค้าที่ตอบความต้องการของคนทุกช่วงชีวิต ด้วยเล็งเห็นถึงรูปแบบครอบครัว (Family Pattern) ที่มีความหลากหลาย และต่างไปจากเดิม เอพีจึงออกแบบและจัดวางพื้นที่ในตัวบ้าน และพื้นที่ส่วนกลางให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของครอบครัวคนรุ่นใหม่ รองรับการอยู่อาศัยของคนหลากหลายรุ่น ผ่าน 3 แนวคิดสำคัญในการออกแบบ ได้แก่ (1) SPACE TRANSFORMATION – ออกแบบให้พื้นที่ในทุกๆ ตารางนิ้วสอดคล้องกับการใช้งานจริงทั้งในวันนี้และในอนาคต (2) HUMAN CONNECTION – สร้างสรรค์ระบบนิเวศที่ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยทุกวัยเชื่อมต่อกันได้ในสังคมของเอพี และสังคมรอบข้างอย่างมีคุณภาพ และ (3) LIFE-LONG COMMUNITY – การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ช่วยยกระดับให้โครงการของเอพีมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด และอำนวยความสะดวกเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตในการอยู่อาศัยของลูกบ้านในเครือ ได้อย่างยั่งยืน   3.ผสานกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท ยกระดับคุณภาพคอนโดมิเนียมในเครือเอพีอย่างต่อเนื่อง ด้วย ‘AI BIM’ (Artificial Intelligence Building Information Modeling) เทคโนโลยีการออกแบบงานก่อสร้างอาคารสูงอัจฉริยะ 7 มิติ ที่จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในทุกกระบวนการทำงาน และมีจุดเด่นในด้านการบริหารสิ่งอำนวยความสะดวกในที่พักอาศัย (Facility Management) หลังจากส่งมอบโครงการ โดยในปี 2562 นี้ เอพีได้นำเทคโนโลยี ‘AI BIM’ มาใช้แบบครบวงจรในการพัฒนาคอนโดฯ แบบ High-Rise ทุกโครงการ   4.ต่อยอดความแข็งแกร่งของ BC และ SMART ช่วยให้เอพีก้าวไปสู่การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการอยู่อาศัยอย่างครบวงจร (Total Solution Community Developer) โดยในปีนี้ 'บีซี' (BC) ซึ่งเป็นบริษัท Property Agent อันดับ 1 ของไทย พร้อมรุกต่อในตลาดที่เป็นเมืองรองในต่างประเทศ อาทิ คุนหมิง หนานจิง ซีอานในจีน และโอซาก้า ฟุกุโอกะในญี่ปุ่น หลังประสบความสำเร็จในเมืองหลัก เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และอีกหลายเมืองในประเทศจีน และญี่ปุ่นมาแล้ว นอกจากนี้ 'สมาร์ท' (SMART) บริษัท Property Management เตรียมเปิดตัว SMART PLATFORM ที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตและประสบการณ์การอยู่อาศัยของกว่า 55,000 ครัวเรือน ในกว่า 200 โครงการ ที่ไม่ใช่เฉพาะในเครือของเอพี ภายในไตรมาส 3   นายวิทการ เปิดเผยแผนการพัฒนาคอนโดมิเนียมปี 2562 ว่า “เอพีมุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าคนเมืองที่มองหาคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ ในราคาที่คุ้มค่าจับต้องได้ในทุกเซ็กเมนต์ โดยในปีนี้ เอพีเตรียมเปิดตัว 5 คอนโดมิเนียมใหม่ รวมมูลค่า 22,400 ล้านบาท ภายใต้ 4 แบรนด์ในเครือ ได้แก่  ASPIRE ใน 2 ทำเล ได้แก่ สุขุมวิท – อ่อนนุช และอโศก – รัชดา ที่เน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่/คนทำงาน โดยมีโครงการร่วมทุนระหว่าง เอพีและมิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ (บริษัท ในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป - MECG) รวมทั้งสิ้น 3 โครงการ มูลค่า 18,300 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ THE ADDRESS,  RHYTHM, และ LIFE”   นายวิทการ กล่าวเสริมว่า “ไฮไลท์สำคัญของไตรมาสแรก คือ การเปิดตัว ‘RHYTHM เอกมัย เอสเตท’ คอนโดในกลุ่ม Upper High-End บนทำเลเอกมัยเชื่อมต่อทองหล่อ มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท จำนวน 303 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท (เฉลี่ย 210,000 ล้านบาท / ตร.ม.) โดดเด่นด้วยการจัดวางโครงสร้างอาคารรูปแบบใหม่ เพื่อส่งมอบมิติใหม่ของการใช้ชีวิตแนวสูงที่ไม่ต่างจากการพักอาศัยในบ้าน พร้อมไฮไลท์การออกแบบ Multi-Storey & Floating Lobby 7 ชั้น ครั้งแรกในประเทศไทยที่เปิดมุมมองสู่ Outdoor Terrace การดีไซน์พื้นที่สีเขียวรวมต้นไม้ใหญ่เดิม และพื้นที่ส่วนกลางกว่า 4,800ตารางเมตรและครั้งแรกกับ Sky Villa ยูนิตพิเศษพร้อมทางเข้าผ่านสวนส่วนตัว โดยจะเปิดจองรอบพิเศษครั้งแรกที่งาน Vertical World ชั้น 1 แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน วันที่ 21-24 มีนาคมนี้”   ด้านแผนพัฒนาโครงการแนวราบ นายภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจแนวราบ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปี 2561 ที่ผ่านมา สินค้าแนวราบของเอพี ได้รับการตอบรับที่ดีเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะสินค้าบ้านเดี่ยวของเรามีรายได้เติบโตขึ้นถึง 80% ในขณะเดียวกันสินค้าทาวน์โฮมแบรนด์ บ้านกลางเมือง ยังคงรักษาความเป็นเบอร์ 1 ไฮเอนด์ทาวน์โฮมในเมือง ที่สร้างมูลค่ายอดขายอันดับที่ 1 นั่นเป็นเพราะผลลัพธ์จากกระบวนการทำ Design Thinking อย่างต่อเนื่องตลอด 2-3 ปี เพื่อหาคำตอบที่แท้จริงของจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญว่า อะไรคือคุณภาพชีวิตที่คนไทยต้องการ โดยเราพบว่าที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่กว้างขวางเกินไป และไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเปล่าประโยชน์ และไม่คุ้มค่า ฉะนั้น ‘ที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่’ อาจไม่ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตที่คนไทยต้องการในทุกโลเคชั่น เราจึงมุ่งเน้นพัฒนาให้บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมทุกแบรนด์ในเครือเอพีมีแบบบ้านโมเดลใหม่ที่หลากหลาย รวมถึงการนำเสนอสเปซฟังก์ชั่นที่เอื้ออำนวยความสะดวกให้สามารถยืดหยุ่นต่อการใช้งานในวันนี้ และในอนาคต สามารถอยู่ได้อย่างยาวนาน”   “เพื่อรักษาความไว้วางใจและตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยอย่างถึงที่สุด เอพีจึงออกแบบบ้านให้สอดรับกับความต้องการเหล่านั้น เน้นการนำนวัตกรรมทางความคิดในการออกแบบที่อยู่อาศัย 3 ข้อมาใช้ให้เกิดเป็น ‘บ้านกลางเมืองและพลีโน่ โมเดลใหม่ปี 2019’ ที่โดดเด่นตั้งแต่การดีไซน์สถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน ตอบสนองความเป็นปัจเจกของแต่ละครอบครัว รวมทั้งการปรับพื้นที่ใช้สอยภายในใหม่ทั้งหมด ทั้งสเปซฟังก์ชั่นที่รองรับการอยู่ร่วมกันของครอบครัวใหญ่ 2-3 เจนเนอร์เรชั่น ทุกตารางนิ้วสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้แบบเต็มพื้นที่ จัดวางพื้นที่สีเขียวขนาดเล็กเข้าสู่ตัวบ้าน เพื่อเพิ่มความร่มรื่น โดยที่ผู้อยู่อาศัยไม่ต้องเสียเวลามากในการดูแล โฟกัสทำเลศักยภาพ ใจกลางเมือง พร้อมแพ็คเกจราคาขายที่จับต้องได้ โดยเตรียมเปิดตัว บ้านกลางเมือง ไฮเอนด์ทาวน์โฮม 3 ชั้น และพลีโน่ พรีเมี่ยมทาวน์โฮม 2 ชั้น โมเดลใหม่ปี 2019 เร็วๆ นี้”นายภมร กล่าว   “และในส่วนของการเสริมแกร่งสินค้าบ้านเดี่ยวทุกแบรนด์ในเครือเอพี อาทิ THE PALAZZO, THE CITY และ CENTRO ตอกย้ำการเป็นตัวเลือกอันดับ 1 ในใจผู้บริโภค นอกจากการนำเสนอนวัตกรรมสเปซที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในทุกความต้องการของทุกช่วงชีวิตแล้ว ในปีนี้เราได้นำร่องยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน (Infrasturcture) ในพื้นที่ส่วนกลาง โดยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ภายใต้คีย์สำคัญ คือ เน้นประโยชน์ ที่แท้จริงและการคืนกลับที่ยั่งยืนในการใช้ชีวิตของลูกบ้าน อาทิ เทคโนโลยี Solar Cell การผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง และ Water Recycle Systemระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อนำกลับมาใช้ในพื้นที่สวนของโครงการ เป็นต้น หรือการนำร่องใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างใหม่ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพของโครงการของเรา” นายภมร กล่าวเสริม   “ในปี 2562 นี้ เอพีพร้อมรุกตลาดแนวราบในทุกทำเล ภายใต้พันธกิจสำคัญในการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับลูกบ้านเอพีอย่างแท้จริง ด้วยแผนการพัฒนาโครงการใหม่ถึง 34 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 34,400 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 17,620 ล้านบาท ทาวน์โฮม 19 โครงการ มูลค่า 16,780 ล้านบาท ซึ่งการรุกตลาดแนวราบนั้นจะขยายทำเลให้ครอบคลุมทุกทำเล เช่น ย่านดอนเมือง วัชรพล พหลโยธิน สวนหลวง ราชพฤกษ์ บางใหญ่ สวนผัก อ่อนนุช พระราม 2 สายไหม เป็นต้น บนทำเลที่ติดถนนใหญ่และเป็น Multiple Connect ที่เชื่อมต่อทางลัด ทางด่วน หรือระบบขนส่งขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยด้วยการลดเวลาที่ใช้ไปกับการเดินทาง” นายภมร กล่าวสรุป   สรุปแผนการดำเนินงานธุรกิจอสังหาฯ ในปี 2562 เอพี เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 39 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 56,800 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 22,400 ล้านบาท แนวราบ 34 โครงการ มูลค่า 34,400 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายยอดขาย 41,800 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้รวม 35,900 ล้านบาท (100%JV) ในครึ่งปีแรกเอพีเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 21 โครงการ มูลค่า 30,440 ล้านบาท แนวราบ 17 โครงการ ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว 6 โครงการ และทาวน์โฮม 11 โครงการ มูลค่ารวม 16,840 ล้านบาท และ 4 คอนโดมิเนียมใหม่ ได้แก่ ASPIRE สุขุมวิท – อ่อนนุช มูลค่า 1,600 ล้านบาท  ASPIRE อโศก – รัชดา มูลค่า 2,500 ล้านบาท RHYTHM เอกมัย เอสเตท มูลค่า 3,200 ล้านบาท (โครงการร่วมทุน) และ LIFE สาทร SIERRA มูลค่าโครงการ 6,300 ล้านบาท (โครงการร่วมทุน)   ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้รวมโครงการร่วมทุน (Backlog) มูลค่ามากถึง 50,025 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 7,935 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียม (100%JV) มูลค่า 42,090 ล้านบาท (แบ่งเป็นคอนโดเอพี มูลค่า 2,310 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ทั้งหมดในปีนี้ และเป็นโครงการร่วมทุน มูลค่า 39,780 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปี 2562 ประมาณ 7,569 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566)      
‘เอพี ไทยแลนด์’ เปิดตัว 3 ธุรกิจใหม่ เตรียมเปิด 39 โครงการ

‘เอพี ไทยแลนด์’ เปิดตัว 3 ธุรกิจใหม่ เตรียมเปิด 39 โครงการ

‘เอพี ไทยแลนด์’ ปิดปี ’61 คาดโตสวนกระแสกว่า 30% เติบโตเป็นประวัติการณ์ ขึ้นแท่นอันดับ 2 ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายได้สูงสุด ดินหน้าเต็มสูบ ชูวิสัยทัศน์และพันธกิจยิ่งใหญ่ พัฒนาระบบนิเวศใหม่ นำเทคโนโลยีเชื่อมโยงกับการใช้ชีวิตยุคใหม่ ทำวิสัยทัศน์ ‘มอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้คนในสังคม’   บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนวัตกรรมการอยู่อาศัยของประเทศไทย ประกาศความสำเร็จคาดปิดปี 2561 ธุรกิจโดยรวมโตสวนกระแส 30% ขึ้นแท่นอันดับ 2 ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายได้สูงสุด เดินหน้าประกาศวิสัยทัศน์ครั้งใหญ่ นำองค์กรก้าวสู่ศักราชใหม่ที่มากกว่าธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการเป็นรายแรกที่ริเริ่มสร้างสรรค์โลกแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี ภายใต้แนวคิด ‘AP World, A New Vision of Quality of Life’ สร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า พร้อมเปิดตัว 3 ธุรกิจใหม่นอกธุรกิจอสังหาฯ อย่างสมภาคภูมิ ได้แก่ SEAC (เอสอีเอซี) VAARI (วาริ) และ CLAYMORE (เคลย์มอร์) มุ่งสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลกและการเติบโตที่ยั่งยืน ตั้งเป้าภายในปี 2565 ทั้ง 3 ภาคธุรกิจใหม่จะมีส่วนช่วยผลักดันรายได้รวมของเอพีให้เติบโตแบบก้าวกระโดดแตะหลัก 60,000 ล้านบาท   นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า “ในปี 2561  ที่ผ่านมาธุรกิจโดยรวมของเอพี ไทยแลนด์เติบโตมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เราคาดการณ์ว่า ในปี 2561 บริษัทฯ จะสามารถสร้างรายได้รวมเติบโตขึ้นประมาณ 30% จากปีก่อนหน้า ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เอพี ไทยแลนด์ ขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีรายได้สูงสุดของเมืองไทย การเติบโตแบบสวนกระแสของเอพีเป็นผลลัพธ์ของความสำเร็จในทุกธุรกิจที่เราดำเนินกิจการ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในสินค้าทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม ต่างได้รับ    การตอบรับที่ดีจากตลาด สะท้อนได้ทั้งจากยอดขายและการโอนกรรมสิทธิ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี”   นอกจากนี้ ธุรกิจอื่นๆ ในเครือเอพี ทั้ง ธุรกิจ Property Agent ภายใต้ชื่อ ‘BC (บีซี)’ ที่ให้บริการรับฝากขาย ฝากเช่าอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบ และไม่ได้จำกัดอยู่ที่สินค้าของเอพีเพียงอย่างเดียว มีผลการดำเนินงานที่เติบโตแบบก้าวกระโดด มีอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อ-ขาย-เช่า ผ่าน บีซี รวมมูลค่าสูงกว่า 12,000 ล้านบาทก้าวขึ้นเป็น Property Agent อันดับ 1 ของประเทศอย่างเต็มภาคภูมิ และธุรกิจ Property Management ภายใต้ชื่อ ‘SMART (สมาร์ท)’ เป็นธุรกิจบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ส่งผลให้วันนี้ สมาร์ทได้รับความไว้วางใจให้เข้าบริหารจัดการคุณภาพชีวิตในโครงการต่างๆ ที่ไม่ใช่แต่เฉพาะเครือเอพีกว่า 55,000 ครอบครัว ในกว่า 200 โครงการ ซึ่งก้าวต่อไปทั้งสองบริษัท ‘บีซีและสมาร์ท’ จะยังคงเดินหน้าขยายขอบเขตการให้บริการเพื่อเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง   ทั้งนี้ ทั้ง 3 ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของเอพี ไทยแลนด์ในการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นๆ ของเมืองไทยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการในทุกช่วงชีวิตของผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์และครบวงจรที่สุด (Space Expert for Living Satisfaction) ซึ่งก้าวต่อไปจากนี้ เอพี ไทยแลนด์จะไม่หยุดอยู่เพียงภาคธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่จะก้าวไปสู่ศักราชใหม่ ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘AP World, A New Vision of Quality of Life’ วิสัยทัศน์ในการสร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า ซึ่งจะสมบูรณ์ไปด้วยระบบนิเวศ (Eco System) ที่เอพีพัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อมุ่งสู่การเป็นรายแรกที่ริเริ่มสร้างสรรค์โลกแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี อีกทั้ง ยังเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน บริษัทฯ จึงพร้อมเปิดตัว 3 ภาคธุรกิจใหม่ (Disruptive Business) ได้แก่ 1) VAARI ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสร้างระบบนิเวศที่สนับสนุนการบริหารจัดการคุณภาพชีวิต 2) CLAYMORE ดำเนินธุรกิจสร้างและผลักดันนวัตกรรมดีไซน์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่ยังไม่ถูกค้นพบ และ 3) SEAC ดำเนินธุรกิจในการดิสรัปวิธีการเรียนรู้ของคนในองค์กรและคน ในสังคมด้วยกระบวนการใหม่ๆ  ผ่านความร่วมมือจากสถาบันระดับโลก   ทั้ง 3 ธุรกิจใหม่จะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ช่วยเสริมวิสัยทัศน์ในการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประสบความสำเร็จ เคียงคู่ไปกับ Core Business คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และบริษัทในเครือ ที่จะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าภายในปี 2565 สามภาคธุรกิจใหม่นี้จะมีส่วนช่วยผลักดันรายได้รวมของเอพีให้เติบโตแบบก้าวกระโดดแตะหลัก 60,000 ล้านบาท      นายอนุพงษ์กล่าวว่า “หนทางในการไปถึงวิสัยทัศน์ในการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีนั้น มีความท้าทายหลัก   3 ประการที่เราจะต้องตระหนัก ต้องบริหารจัดการ และต้องเตรียมการทุกอย่างให้พร้อม นั่นคือ 1. โลกที่กำลังดิสรัปและทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คำถาม คือ เราจะนำ Technology มาช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้เกิดขึ้นได้อย่างไร 2. เราจะรู้จักและพัฒนานวัตกรรมให้สอดคล้องและตอบรับกับความต้องการที่ยังไม่ถูกค้นพบที่แตกต่างกันของคนในสังคมได้อย่างไร 3. เราจะพัฒนาความรู้ ความสามารถของ ‘คนในองค์กรและคนในสังคม’ ให้ก้าวทันกระแสดิสรัปชั่นได้อย่างไร ดังนั้นการขยายองค์กรสู่ 3 ภาคธุรกิจใหม่ล่าสุดของเรา จึงช่วยตอบโจทย์และเติมเต็มให้วิสัยทัศน์ในการมอบคุณภาพชีวิตแก่คนในสังคมให้เป็นผลสำเร็จ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเอพีแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”   บริษัทใหม่ทั้ง 3 มีลักษณะการดำเนินธุรกิจ และเป้าหมายสำคัญแตกต่างกัน ดังนี้ บริษัท วาริ จำกัด: ดำเนินธุรกิจสร้างระบบนิเวศที่สนับสนุนการบริหารจัดการคุณภาพชีวิต (LIFE MANAGEMENT ECOSYSTEM) ที่จะมาจุดประกายคุณภาพชีวิตในวันข้างหน้าให้มีประสิทธิภาพ สร้างสรรค์สังคมแห่งการอยู่อาศัยในอุดมคติให้เกิดขึ้น ลดทอนความซ้ำซ้อนที่เป็น Pain ของผู้อยู่อาศัยในวันนี้ และมอบประสบการณ์ใหม่ที่ยกระดับรูปแบบการดำเนินชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ผ่านนวัตกรรมดีไซน์ที่เข้าถึงทุกไลฟ์สไตล์ของคนในสังคม บริษัท เคลย์มอร์ จำกัด: ดำเนินธุรกิจการพัฒนานวัตกรรมดีไซน์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ยังไม่ถูกค้นพบของคนในสังคม ผ่านการสร้างทีมนวัตกรรมที่มีจิตวิญญาณในการเป็นผู้ประกอบการขึ้นภายในองค์กร มีบทบาทหน้าที่สำคัญในการเป็น Innovation Lab สร้างนวัตกรรมโดยใช้กระบวนการ Stanford Design Thinking ต่อยอดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เดิมไปสู่ธุรกิจใหม่ โดยมีเป้าหมายให้นวัตกรรมที่คิดค้น จับต้องได้ และใช้งานได้จริง SEAC (เอสอีเอซี): ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน ดำเนินธุรกิจในการดิสรัปวิธีการเรียนรู้ของคนในองค์กรและคนในสังคมด้วยกระบวนการใหม่ๆ มุ่งพัฒนาความพร้อม ความสามารถของคนให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในวันนี้และอนาคต โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันระดับโลก อาทิ Stanford University ที่มีมุมมองในเรื่องการเรียนรู้ตรงกัน เพื่อช่วยยกระดับขีดความสามารถและกระบวนการคิดของผู้นำในเมืองไทยและระดับภูมิภาคให้มีศักยภาพทัดเทียมผู้นำระดับโลก   “การรุกขึ้นมาปรับวิสัยทัศน์ในครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปรับเปลี่ยนโฉมหน้าของเอพี ไทยแลนด์ ไปสู่การเป็นบริษัทที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมแทนที่จะเป็นเพียงผู้ส่งมอบที่อยู่อาศัยเพียงเท่านั้นซึ่งสุดท้ายแล้วนวัตกรรมหรือระบบนิเวศต่างๆ ที่ถูกพัฒนาจะเปิดกว้างให้บริการกับทุกคนไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นลูกค้าเอพีเท่านั้น โดยเราคาดหวังว่า ดอกผลที่เกิดขึ้นจากการขยายภาคธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ AP World นี้ จะมีส่วนช่วยผลักดันรายได้รวมของเอพี ไทยแลนด์ให้เติบโตแบบดับเบิ้ล หรือตั้งเป้าสร้างรายได้รวมแตะหลัก 60,000 ล้านบาทภายในปี 2565” นายอนุพงษ์ กล่าว   นอกจากความสำเร็จด้านผลประกอบการณ์แล้ว ในปี 2561 ที่ผ่านมายังเป็นเกียรติยศของเอพี ไทยแลนด์ จากการคว้ารางวัลทรงเกียรติ ทั้งจากในประเทศและระดับนานาชาติ มาครองได้มากถึง 14 รางวัล อาทิ ‘บริษัทผู้ทรงอิทธิพลแห่งเอเชียประจำปี 2018’ จากเวที The Asia Corporate Excellence & Sustainability Awards (ACES) ประเทศสิงคโปร์, ‘ที่สุดของบริษัทพัฒนาคอนโดมิเนียมยอดเยี่ยมแห่งเอเชียประจำปี 2018’ จากเวที Property Guru Asia Property Awards 2018 และได้รับการจัดอันดับให้เป็น ‘The Most Admired Company 2018’ องค์กรพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ในใจผู้บริโภคประจำปี 2018 อีกด้วย      
‘เอพี ไทยแลนด์’ ปลื้มยอดขายไตรมาส 1 โตครบลูปรวมกว่า 168% ไตรมาส 2 เตรียมเปิดอีก 3 โครงการ

‘เอพี ไทยแลนด์’ ปลื้มยอดขายไตรมาส 1 โตครบลูปรวมกว่า 168% ไตรมาส 2 เตรียมเปิดอีก 3 โครงการ

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) เผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่านมาและแนวโน้มไตรมาส 2 ดีขึ้นหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากปัจจัยบวก เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น การลงทุนของภาครัฐ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มในอัตราช้า เชื่อว่ากำลังซื้อในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน เนื่องจากเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูงและได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ ไม่มากนัก ซึ่งเห็นภาพได้อย่างชัดเจน จากอัตราการเติบโตด้านยอดขายในไตรมาส 1 ของเอพี โดยเฉพาะสินค้าแนวราบที่ปรับตัวสูงขึ้นถือเป็นดัชนีที่ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้เป็นอย่างดี  สำหรับภาพรวม ตลาดในไตรมาส 2 เชื่อว่าการแข่งขันจะเข้มข้มกว่าในไตรมาสผ่านมา ด้วยจำนวนโครงการใหม่ที่จะทยอยเปิดตัวมากขึ้น และด้านซัพพลายที่ตอบโจทย์ตลาดระดับกลางบนขึ้นไปยังคงได้รับการตอบรับที่ดี   “จากการปิดการขายโครงการ LIFE สุขุมวิท 62 ผ่านระบบจองทางแพลทฟอร์มออนไลน์ได้หมดทุกยูนิต ภายในเวลาเพียง 20 นาที สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า วันนี้ลูกค้ามีพฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนไป คุ้นชินกับการซื้อผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น อีกทั้งยังคงมีกำลังซื้อที่สูง ในขณะที่กลุ่มตลาดระดับกลางถึงล่าง มีแนวโน้มยังทรงตัว หรือขยายตัวช้า เนื่องจากกลุ่มลูกค้าในตลาดดังกล่าวยังมีปัญหาในเรื่องของสภาพคล่อง” นายอนุพงษ์กล่าว     ทั้งนี้ ยอดขายที่เพิ่มขึ้นนอกจากจะมาจากการเปิดตัว 2 คอนโดมิเนียมใหม่ LIFE สุขุมวิท 62 และแอสปาย สาทร-ราชพฤกษ์ รวมถึงคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จพร้อมโอนในเครือเอพีแล้วนั้น สินค้าแนวราบทั้ง บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมของเอพีก็ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมีนัยสำคัญ โดยเป็นผลมาจากแนวทาง การพัฒนาโครงการที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบตัวบ้าน และสภาพแวดล้อมภายในโครงการที่คำนึงถึงความสมบูรณ์แบบของคุณภาพชีวิตที่ดี ตลอดจนการกำหนดแพคเกจราคาที่ตอบรับกับความสามารถในการผ่อนชำระของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ซึ่งทั้งหมดถือว่ามีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคอย่างมาก     ทั้งนี้ในปี 2561 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 34 โครงการมูลค่า 49,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 19,000 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 30 โครงการ มูลค่า 30,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายที่ 33,500 ล้านบาท โดยเอพียังคงมีแผนในการจัดซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีโอกาสพร้อมเปิดขายเพิ่มจากแผนที่ตั้งไว้ในปีนี้ ในส่วนของเอพีเองนั้นในไตรมาส 2 เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ 3 โครงการ ได้แก่ บ้านเดี่ยว 2 ทำเล “CENTRO รังสิต คลอง 4-วงแหวน” ซึ่งจะเริ่มเปิดขายวันที่ 28-29 เมษายน เริ่ม 2.95 ล้านบาท และ “CENTRO ราชพฤกษ์-สวนผัก” เปิดขายวันที่ 5-6 พฤษภาคม เริ่ม 7.2 ล้านบาท และทาวน์โฮม “บ้านกลางเมือง วัชรพล” ซึ่งคาดว่าจะเปิดขายประมาณช่วงเดือนมิถุนายน  
‘เอพี ไทยแลนด์’ ย้ำตำแหน่งเจ้าตลาดคอนโดติดแนวรถไฟฟ้า เปิดตัว ‘LIFE ONE WIRELESS’ ไฮเอ็นด์คอนโดมิเนียม มูลค่า 6,400 ล้าน พร้อมเผยแผนเตรียมส่งคอนโดแบรนด์ LIFE บุกตลาดในครึ่งปีหลัง

‘เอพี ไทยแลนด์’ ย้ำตำแหน่งเจ้าตลาดคอนโดติดแนวรถไฟฟ้า เปิดตัว ‘LIFE ONE WIRELESS’ ไฮเอ็นด์คอนโดมิเนียม มูลค่า 6,400 ล้าน พร้อมเผยแผนเตรียมส่งคอนโดแบรนด์ LIFE บุกตลาดในครึ่งปีหลัง

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมือง เสริมแกร่งความเป็นเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมติดแนวรถไฟฟ้า เตรียมรุกตลาดคอนโดครึ่งปีหลังผนึกกำลัง “มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป” (MEC) พันธมิตรญี่ปุ่น เปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ LIFE 2 ทำเลใหม่ใจกลางเมือง ประเดิมด้วย “LIFE ONE WIRELESS (ไลฟ์ วัน ไวร์เลส)” คอนโดมิเนียมระดับไฮเอ็นด์ ภายใต้คอนเซปต์ “Live a Splendid Life” พบชีวิตสมบูรณ์แบบบนที่สุดของทำเลศูนย์กลางมหานคร ให้ผู้อยู่อาศัยได้เติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตอย่างสมดุล ด้วยวิธีคิดในการจัดวางผังโครงการที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบมุมมองจากภายในออกสู่ภายนอกในทุกมิติ ผ่านการผสานความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทั้งด้านสถาปัตยกรรม อินทีเรียดีไซน์ และแลนด์สเคปดีไซน์ เพื่อให้ทุกพื้นที่ภายในโครงการ LIFE ONE WIRELESS มอบมุมมองที่สวยที่สุดของกรุงเทพมหานคร พร้อมเอกลักษณ์การตกแต่งในสไตล์ Modern Thai Heritage ที่คงเสน่ห์และความเป็นเอกลักษณ์อันทรงคุณค่าไว้อย่างงดงาม แวดล้อมด้วยความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่และพื้นที่สีเขียวกว่า 1 ไร่ ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางที่รองรับชีวิตดิจิตอลกับนวัตกรรมล้ำสมัยหนึ่งเดียวบนถนนวิทยุ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนเมืองบนทำเลที่ยากจะได้เป็นเจ้าของ นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) เผยว่า “เอพีเข้าใจในความต้องการของลูกค้าและเทรนด์ที่อยู่อาศัยของคนเมืองเป็นอย่างลึกซึ้ง เราเน้นย้ำให้ทีมงานของเราคิดคำนึงเสมอว่า ‘ทำอย่างไรจึงจะสร้างความแตกต่าง และส่งมอบโครงการคุณภาพที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเอพีได้’ สำหรับคอนโดมิเนียมแบรนด์ LIFE ก็เป็นอีกโครงการหนึ่งได้รับการตอบรับที่ดี และถือเป็นความภาคภูมิใจของเอพีเสมอมา ด้วยทำเลที่ตั้งที่โดดเด่นใจกลางเมือง สะดวกในการเดินทาง และมอบความสบายในการอยู่อาศัย ภายใต้แนวคิด ‘Platform for Success’ ที่เรามุ่งมั่นจะให้คอนโดแบรนด์ LIFE เป็นคอนโดมิเนียมแห่งแรกและแห่งเดียวที่มอบความสะดวกสบายในการพักอาศัย และการเชื่อมต่อกับผู้คนได้อย่างไร้ขีดจำกัด ตอบโจทย์ความต้องการของชีวิตยุคดิจิตอลของคนรุ่นใหม่ที่มุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างดีที่สุด” โครงการ LIFE ONE WIRELESS ราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท (เฉลี่ย 170,000 บาทต่อตารางเมตร) จะเปิดขายทาง iBooking apthai.com ในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ และเปิดขายอย่างเป็นทางการ ณ สำนักงานขาย LIFE ONE WIRELESS ในวันที่ 29 กรกฎาคม   LIFE ONE WIRELESS ผสานความงดงามของการดีไซน์ เข้ากับความทันสมัยเพื่อชีวิตดิจิตอลไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว ด้วยความโดดเด่น ดังนี้ 1. 24 Hours Connected World ผสานเทคโนโลยีในการดีไซน์พื้นที่ส่วนกลาง เพื่อชีวิต Digital Community อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการติดตั้ง Infrastructure ที่พร้อมรองรับสิ่งอำนวยความสะดวก และสัญญาณ Wi-fi ในพื้นที่ส่วนกลางทุกจุด ทั้งยังจัดสรรพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมรองรับการใช้งานในรูปแบบ Co-working Space ที่จะทำให้การเชื่อมต่อเป็นเรื่องง่าย พร้อมการติดตั้งอุปกรณ์ที่พร้อมรองรับการใช้งานจริง รองรับวิถีชีวิตการทำงานที่ยืดหยุ่นไม่ยึดติดกับกรอบของเวลาหรือสถานที่ สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา   2. AP COMMUNITY APPLICATION ทุกอย่างควบคุมได้เพียงปลายนิ้ว ภายใต้วิสัยทัศน์ AP Digital Community สัมผัสอนาคตแห่งการอยู่อาศัยได้ด้วย AP COMMUNITY APPLICATION อย่างเต็มรูปแบบ ที่จะเข้ามาส่งเสริมให้การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในโครงการเอพีให้สะดวกสบายและปลอดภัยในรูปแบบใหม่ที่สะดวกกว่าเดิม โดยสามารถสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย ให้ควบคุมทุกอย่างได้แบบ real time รองรับการเปิด-ปิดระบบไฟฟ้าในห้องพัก การจองใช้พื้นที่ส่วนกลาง ระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งยังสามารถเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ในโครงการได้สะดวกสบายกว่าที่เคย “สำหรับภาพตลาดคอนโดในย่านพื้นที่เชื่อมต่อกันระหว่างวิทยุ-หลังสวน-เพลินจิต-ชิดลม ส่วนใหญ่เกิดจากการพัฒนาโดยผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาด ด้วยข้อจำกัดในการครอบครองและต้นทุนที่ดินที่ดีดตัวสูงขึ้นในทุกๆ ปี ทำให้การพัฒนาโครงการที่พักอาศัยในย่านดังกล่าว โดยเฉพาะทำเลที่มีทางเข้า-ออกติดถนนเส้นหลักเป็นไปได้ยาก จากการสำรวจในย่านพื้นที่เชื่อมต่อดังกล่าว พบซัพพลายคงเหลือเพียง 998 ยูนิต หรือคิดเป็น 30 % ของจำนวนยูนิตที่เปิดตัวทั้งหมด ซึ่งคอนโดในกลุ่มไฮเอ็นด์ระดับราคาต่อตารางเมตรประมาณ 1.5 - 2 แสนบาท คงเหลือเพียงแค่ 330 ยูนิตเท่านั้น ดังนั้นจึงมั่นใจว่า LIFE ONE WIRELESS จะได้รับการตอบรับที่ดีจากดีมานด์ในตลาด ด้วยโลเคชั่นใจกลางเมืองบนทำเลมากมูลค่าและยากที่จะครอบครองอย่างถนนวิทยุ โดยเฉพาะคอนโดในระดับราคาตารางเมตรไม่เกิน 2 แสนบาท ที่เปิดขายอยู่บนถนนวิทยุยังไม่มีคอนโดเปิดใหม่ โดยเอพีจะนำความเชี่ยวชาญและความสำเร็จในการพัฒนาลักชัวรี่คอนโดภายใต้แบรนด์ The Address และ RHYTHM เพื่อรังสรรค์ให้ LIFE ONE WIRELESS เป็น Flagship แรกภายใต้แบรนด์ LIFE ที่รังสรรค์ทุกองค์ประกอบ เพิ่มระดับการอยู่อาศัยที่เน้นความลักชัวรี่ที่ผสานสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย และการออกแบบที่คำนึงถึงทุกมุมมองที่ดีที่สุด เพื่อตอบดีมานด์และเป็นโครงการคอนโดที่ดีที่สุดในถนนวิทยุ” นายวิทการกล่าวเพิ่มเติม ปัจจุบัน (ณ 30 มิถุนายน 2560) เอพีมีคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา (Ongoing Projects) จำนวน 15 โครงการ มูลค่าคงเหลือขายรวมประมาณ 12,300 ล้านบาท โดยเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างเอพีและ มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MEC) 9 โครงการ มูลค่าคงเหลือขายรวมประมาณ 4,090 ล้านบาท ในส่วนของผลการดำเนินงานของเอพีจากกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขายได้ประมาณ 8,200 ล้านบาท และมั่นใจว่าจากการเปิดตัว LIFE ONE WIRELESS ไฮเอ็นด์คอนโดมิเนียมบนทำเลที่ดีที่สุดของถนนวิทยุ จำนวน 1,344 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท (ราคาเฉลี่ย 170,000 บาทต่อตารางเมตร) และ LIFE อโศก – พระราม 9 สุดยอดคอนโดมิเนียมที่พร้อมสนับสนุนความสำเร็จให้กับชีวิตคนเมืองยุคดิจิตอล ราคาเริ่มต้น 110,000 บาทต่อตารางเมตร จะช่วยโกยยอดขายคอนโดมิเนียมล็อตใหญ่ และทะลุเป้าหมายยอดขายคอนโดมิเนียมที่ตั้งไว้ที่ 12,400 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน
Rhythm Asoke ริทึ่ม อโศก จังหวะดีดีใกล้ MRT พระราม 9 : รีวิวคอนโด

Rhythm Asoke ริทึ่ม อโศก จังหวะดีดีใกล้ MRT พระราม 9 : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปอัพเดทข้อมูลโครงการ “Rhythm อโศก” จาก AP Thailand กันครับ ล่าสุดตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว เริ่มมีลูกบ้านบางส่วนทยอยโอนห้องกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจุดเด่นของโครงการนี้ที่ต้องพูดถึงเลยก็คือ เรื่องทำเลที่ตั้งที่อยู่ติดถนนอโศก-ดินแดงฝั่งขาออก ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพียง 300 เมตรเท่านั้น ใกล้ด่านขึ้นลงทางด่วนศรีรัช พระราม9  แถมยังมีสถานี Airport Link อยู่ในระยะที่เดินได้สบายๆ อีกด้วย เรียกว่าครบเครื่องเรื่องการเดินทางมากๆ สำหรับคนเมืองอย่างเรา และอย่างที่รู้ๆ กันดีอยู่แล้วว่า ทำเลในแถบนี้ถือเป็น New CBD ใหม่ของกรุงเทพเลยทีเดียว พื้นที่ในย่านนี้จึงมีราคาพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ และยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการใหม่ ห้องขายต่อ หรือห้องปล่อยเช่า ก็ดูจะถูกจับจองกันอย่างรวดเร็ว เพราะศักยภาพของทำเลบริเวณแยกพระราม 9 นี้ปัจจุบันมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่อย่าง G Land ซึ่งอยู่ติดๆ กับ Central พระราม 9 ไหนจะอาคารตลาดหลักทรัพย์ สำนักงาน AIA, สำนักงานใหญ่ทรู, อาคารฟอร์จูนทาวน์เวอร์ ฯลฯ แค่นี้ก็พอจะเห็นแล้วว่าจะมีจำนวนประชากรชาวออฟฟิศหลั่งไหลกันเข้ามาอย่างล้นหลามแน่นอน พอมีผู้คนต้องย้ายมาทำงานในย่านนี้มากขึ้น แน่นอนว่าการหาที่อยู่ใหม่ก็เป็นเรื่องที่ตามมาสำหรับใครหลายๆ คน คอนโดในย่านนี้กำลังแข่งกันขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแน่นอนว่าราคาก็เริ่มทะลุเพดานจนบางโครงการก็เกินความสามารถมนุษย์เงินเดือนไปแล้วครับ แต่สำหรับ Rhythm อโศก ที่เราจะมาอัพเดทในวันนี้ ต้องบอกว่ายังมีทีเด็ดอยู่ไม่แพ้โครงการไหนเลยทีเดียว ใครที่กำลังมองหาคอนโดพร้อมอยู่ไม่ควรมองข้ามครับ Rhythm อโศก จังหวะของการอยู่อาศัย โครงการ Rhythm อโศก เป็นคอนโด High Rise สูง 37 ชั้น ซึ่งปัจจุบันสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วนะครับ ในส่วนของการเดินทางเราขอข้ามเรื่องนี้ไปเนื่องจากทุกคนน่าจะพอคุ้นเคยกับการเดินทางในแถบนี้อยู่แล้ว แต่ถ้ายังไม่ชิน ลองไปทบทวนการเดินทางและพื้นที่รอบๆ กันได้ที่รีวิวฉบับนี้ครับ (รีวิวคอนโด Rhythm Asoke) รอบๆ โครงการมีความอุดมสมบูรณ์แบบขีดสุดครับ แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า แหล่งช๊อปปิ้ง ร้านค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิง โรงเรียน โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย รวมถึงเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ สมกับเป็น New CBD จริงๆ ครับ และเพื่อตอบโจทย์ของการใช้ชีวิตแบบคนเมืองที่สมบูรณ์แบบ ภายในโครงการถูกออกแบบมาให้เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย พื้นที่ส่วนกลางที่เป็นจุดเด่นของโครงการกินพื้นที่ตั้งแต่บริเวณชั้น 7-9 เลยทีเดียว เดี๋ยวเราไปดูภาพบรรยากาศจริงของ Facility ในโครงการกันก่อนนะครับ ชั้น 7 นอกจากจะเป็นชั้นเริ่มต้นของห้องพักอาศัยแล้ว ยังเป็นขั้นเริ่มต้นของ Facility หลักๆ ของโครงการด้วยนะครับ ชั้นนี้จะมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ และห้องซาวน่า Facility ชั้น 8 จะเป็นฟิตเนส ส่วน Facility ที่ชั้น 9 จะเป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวมุมสูง เริ่มด้วยที่บริเวณชั้น 7 จะเด่นด้วยสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ ทางโครงการจัดสระว่ายน้ำขนาดกว้าง 7.5 เมตร ยาว 20 เมตร ซึ่งสามารถใช้ออกกำลังกายได้จริง ไม่ใช่แค่ลอยคอเล่นน้ำสวยๆ เท่านั้น ในขณะที่บริเวณริมสระยังมีมุมพักผ่อนในบรรยากาศร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่สบายตา พร้อมด้วยห้องอาบน้ำ แต่งตัว และห้องซาวน่าแยกชาย-หญิงไว้เป็นสัดส่วน บรรยากาศสระว่ายน้ำที่ชั้น 7 ห้องน้ำอยู่ใกล้ๆ สระว่ายน้ำ ห้องอาบน้ำ ตู้ Locker เก็บของ ห้องซาวน่า มีทั้งในห้องน้ำชาย-หญิง ขึ้นบันไดมาที่ชั้น 8 เหนือสระว่ายน้ำก็จะเป็นพื้นที่ของห้องออกกำลังกาย ซึ่งล้อมรอบไปด้วยกระจกใสบานใหญ่ เปิดรับ City View และวิวสระว่ายน้ำได้อย่างเต็มตา ภายในห้องออกกำลังการเพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ทั้ง Cardio และ Weight Training เพื่อให้ลูกบ้านทุกคนสามารถเลือกออกกำลังกายได้ตรงตามความต้องการ ห้องฟิตเนสบนชั้น 8 อุปกรณ์ครบครัน มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำที่ชั้น 7 ขยับมาอีกนิดที่บริเวณชั้น 9 จะเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทางโครงการจัดให้เป็นสวนหย่อม พร้อมมุมนั่งเล่นพักผ่อน เปิดโล่งรับลม และวิวเมืองได้อย่างเต็มตาอีกเช่นกันครับ ช่วงเย็นๆ รอให้แดดร่มลมตกซักหน่อยรับรองว่าบรรยากาศบนนี้จะชิลไม่แพ้ Roof Top Area ที่อื่นๆ แน่นอน นอกจากนี้ทางโครงการยังเพิ่ม “ห้องอเนกประสงค์” ในบริเวณระหว่างชั้น 8-9 ด้วยนะครับ ห้องนี้เป็นห้องกระจก มีมุมให้เลือกนั่งทั้งเคาน์เตอร์ริมกระจก และโซฟาด้านใน เหมาะที่จะใช้นั่งเล่น อ่านหนังสือ หรือนั่งทำงานเงียบๆ มากครับ ห้องอเนกประสงค์ พื้นที่สีเขียว บนชั้น 9 ไว้สำหรับนั่งพักผ่อน ชมวิวมุมสูง มองออกไปเห็นโครงการ Rhythm Asoke 2 อยู่ฝั่งตรงข้าม นอกจาก Facility หลักๆ ในบริเวณชั้น 7-9 แล้ว ที่บริเวณชั้น 1 ก็ยังมีสวนด้านหน้าติดกับ Lobby พร้อมสถาปัตยกรรมสวยๆ ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้บริเวณ Lobby รื่นรมมากขึ้นครับ เช่นเดียวกันกับบริเวณดาดฟ้าชั้น 37 ก็จัดเป็นสวนลอยฟ้า มีทั้ง Jogging Track และเครื่องเล่นแบบ Outdoor มาให้ด้วย ส่วนเรื่องพื้นที่จอดรถก็มีตั้งแต่ชั้นใต้ดิน (ชั้น B) ขึ้นไปถึงชั้น 6 นับจำนวนรวมแล้วก็สามารถรองรับปริมาณรถได้มากถึง 178 คันเลยทีเดียว และแน่นอนกว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็ครบครันไม่แพ้กันทั้ง รปภ. ตลอด 24 ชั่วโมง กล้อง CCTV และการใช้ Key Card ในการเข้าออกโครงการ..... อยากเข้าอยู่แล้วใช่มั้ยครับ สวนหย่อมเล็กๆ หน้าโครงการ บรรยากาศบริเวณ Lobby 2 ห้องนอน ห้องนี้อยู่สบาย ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดูกันในครั้งนี้ เป็นห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 41.50 ตร.ม. ซึ่งเป็นขนาดที่อยากจะแนะนำ เนื่องจากมีความเหมาะสมกับการอยู่อาศัย และมีพื้นที่ใช้สอยที่จัดสรรได้อย่างลงตัวครับ พื้นที่ในห้องแบ่งเป็น 2 ห้องนอนขนาดใหญ่พอๆ กัน ทั้ง 2 ห้องสามารถวางเตียงไซส์ 5-6 ฟุต ได้ทั้งคู่ ไม่เหมือนกับบางแห่งที่ห้องนอนเล็กจะเลือกใช้ได้แค่เตียง 3.5 ฟุตเท่านั้น จาก Layout จะเห็นว่ามีห้องน้ำกั้นกลางระหว่างห้องนอน โดยห้องนอนหลักจะมีประตูเข้าห้องน้ำได้จากด้านในห้องนอนเลย ต่างจากห้องนอนเล็กที่ต้องเดินมาเข้าจากบริเวณห้องนั่งเล่นนะครับ ในส่วนของ Living Area มีขนาดกว้างพอที่จะจัดสรรให้เป็นมุมนั่งเล่น วางโต๊ะกินข้าว ไว้ใกล้ๆ กับ Pantry ครัวได้เลยนะครับ เนื่องจากห้อง 2 Bedroom นี้จะเป็นห้องในตำแหน่งมุมอาคาร ดังนั้นห้องทุกห้องจะได้แสงธรรมชาติส่องถึงอย่างเต็มที่ จึงเหมาะกับการอยู่อาศัยในหลายรูปแบบ ลองดูได้จากการตกแต่งห้องตัวอย่างที่ทางโครงการเลือกจัดห้องให้ดูว่า พื้นที่แบบ 2 ห้องนอนนี้เราสามารถเลือกให้ห้องนอนที่ 2 เป็นได้ทั้ง ห้องแต่งตัว ห้องทำงาน หรือห้องอเนกประสงค์อื่นๆ ได้ใน Space ที่ลงตัวพอดิบพอดีทีเดียวครับ เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเป็นส่วนครัววางอยู่หน้าห้องก่อนนะครับ ด้านซ้ายมือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว Starmark ท็อปครัวจะเป็นหินสังเคราะห์สีดำ ซิงค์ล้างจานแบบหลุม เตาไฟฟ้า 2 หัวของ Franke มาพร้อมกันฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ด้านล่างเป็นช่องวางไมโครเวฟและเครื่องซักผ้า ฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้องนอนเล็ก แบบแรกเราจะให้ดูห้องที่ตกแต่งเป็นห้องนอน โครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุต ให้ดูเป็นตัวอย่าง ปลายเตียงยังมีที่เหลือพอให้เดินได้สะดวก ถ้าอยากมีทีวีไว้ในห้องนอนด้วย อาจจะต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังเหมือนห้องตัวอย่างแทนนะครับ หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่ มีบานกระทุ้ง 1 บาน ที่เหลือเป็นาบน Fix มองกลับมาด้านหน้าห้องจะเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้า ส่วนห้องอีกแบบเราจะพาไปดูการตกแต่งเป็นห้องแต่งตัวพร้อมกับเป็นห้องทำงานไปด้วยในตัว ห้องนี้อาจจะเหมาะกับคู่หนุ่มสาว ที่อยู่กับ 2 คน แล้วต้องการ Space ในการใช้ชีวิตเพิ่ม ตั้งโต๊ะทำงานไว้ริมหน้าต่าง ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นส่วน Living Area โครงการวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน คั่นกลางระหว่างส่วนครัวและ Living Area พื้นที่บริเวณ Living Area กว้างขวางพอสมควรนะครับ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาอยู่ในระยะที่ดีเลย โครงการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งให้ดูเป็นตัวอย่าง เนื่องจากติดโต๊ะทานอาหารที่อยู่ข้างๆ หรืออีกหนึ่งไอเดียจะตกแต่งส่วน Living Area เป็นโซฟา Built-in ยาวไปจนติดกับส่วนครัว การตกแต่งแบบห้องนี้จะช่วยพิ่มพื้นที่ Living Area ขึ้นเยอะเลยนะครับ โดยสามารถใช้พื้นที่ Living Area และ Dining Area รวมกันได้เลย วางโต๊ะทานอาหารเล็กๆ ไว้ข้างๆ ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นทที่ระเบียงกว้างประมาณ 60 เซ็นติเมตร คอมเพรสเซอร์แอร์จะแขวนไว้ที่ระเบียงหันหน้าเป่าลมร้อนออกด้านนอก กลับเข้ามาดูที่ด้านในกันต่อกับ 2 ห้องที่เหลือ คือห้องน้ำและห้องนอนใหญ่ ห้องน้ำจะอยู่ตรงกลางระหว่างห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนนะครับ ที่เราเห็นอยู่นี้จะเป็นส่วนแรก จะมีโถสุขภัณฑ์ วางอยู่คู่กับอ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม ขนาดพอดีกับการล้างมือ พร้อมกระจกเงาขนาดพอดีตัว ระหว่าง 2 ส่วนจะมีประตูบานเลื่อนสีขาวกั้น ส่วนที่ 2 จะเป็น Shower Box ประตูสีน้ำตาลที่เห็นด้านขวามือ จะเป็นประตูเชื่อมกับห้องนอนใหญ่ จะมีอ่างล้างหน้าทรงกลมให้อีกจุด ซึ่งขนาดจะใหญ่กว่าในส่วนแรก กระจกเงาก็จะได้บานใหญ่กว่าเหมือนกันนะครับ Shower Box จะได้ขนาดใหญ่พอสมควรนะครับ มีกระจกเทมเปอร์กั้นให้เรียบร้อย ชุดฝักบัวมาพร้อม Rain Shower ถัดมาเป็นห้องนอนใหญ่ โครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง พื้นที่ปลายเตียงเหลือเยอะพอให้วางชั้นวางทีวีและตู้เสื้อผ้าเล็กๆ ได้เลยนะครับ อีกด้านจะเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ เปิดห้องตัวอย่างในบรรยากาศจริงของโครงการ “Rhythm อโศก” กันไปแล้ว หลายคนอาจจะนึกสนใจขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการซื้อไว้อยู่อาศัยเอง หรือปล่อยเช่าก็ดี ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมากนะครับ เพราะปัจจุบันค่าเช่าคอนโดในย่านนี้ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง เช่นเดียวกันกับราคาขายคอนโดใหม่ก็มีราคาสูงเกินพนักงานออฟฟิศแบบเราจะเอื้อมถึงไปหลายเท่าแล้ว แถมโครงการนี้ก็สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วด้วย ไม่ต้องอดทนรออีกนานกว่าจะได้อยู่จริง ใครที่กำลังมองหาคอนโดดีๆ ซักห้องใกล้แยกพระราม 9 แบบนี้ เราแนะนำให้ลองเข้ามาเยี่ยมชมที่โครงการดูบรรยากาศจริงกันก่อนเลยครับ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม www.apthai.com/คอนโด/rhythm/rhythm-asoke/ โทร 1623 / 0-2261-2518
Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 : รีวิวคอนโด

Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 : รีวิวคอนโด

วันนี้เราจะพาไปดูคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมอยู่ ริมถนนรัตนาธิเบศร์ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง อีกหนึ่งโครงการคุณภาพจาก AP ซึ่งโครงการ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 ที่เราจะพาไปเยี่ยมชมในครั้งนี้ เพิ่งจะสร้างเสร็จไปเมื่อต้นปี 59 นี้เอง ตัวโครงการอยู่ในตำแหน่งที่น่าสนใจมากครับ เพราะห่างจากสถานีบางกระสอเพียง 250 เมตรเท่านั้น การเดินทางสะดวกมาก ใกล้แยกแครายที่เชื่อมต่อกับถนนติวานนท์ และมีด่านขึ้นลงทางด่วนอยู่ใกล้ๆ ด้วย   Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 เป็นคอนโดมิเนียม High Rise ตึกคู่ สูง 25 ชั้น ทางเข้าโครงการอยู่ติดริมถนนรัตนาธิเบศร์ฝั่งขาออก พอเลยจากแยกแครายมาประมาณ 1.4 กม. ก็จะเห็นทางเข้าได้อย่างชัดเจน หาไม่ยากเลยครับ ใกล้ๆ กับโครงการมีทั้งศูนย์ราชการนนทบุรี ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ อย่าง เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์, บิ๊กซี, โลตัส, เอสพลานาดรัตนาธิเบศร์ ในขณะที่เลยไปอีกหน่อย ก็ยังมีห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน และเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ซึ่งเป็นแหล่งช็อปปิ้งสำคัญของย่านนี้เลยทีเดียว   เจาะลึกโครงการ สำหรับตัวโครงการ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 จะมีพื้นที่ทั้งหมด 9 ไร่เศษ ซึ่งอัดแน่นไปด้วย Facility ที่ทางโครงการจัดมาแบบเต็มที่ โดย Facility หลักๆ จะอยู่บริเวณชั้นล่างระหว่างอาคารพักอาศัยทั้ง 2 ตึก มีทั้งสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ ความยาว 25 เมตร, ห้องฟิตเนส, ห้องซาวน่า, ลานกิจกรรมกลางแจ้ง, สนามเด็กเล่น, สวนขนาดใหญ่, ล็อบบี้เปิดรับวิวแบบ 360 องศา, Bike Lane และ Jogging Track รอบโครงการ ในขณะที่พื้นที่จอดรถจะแยกส่วนออกมาเป็นอีกหนึ่งอาคาร สามารถรองรับปริมาณรถได้มากถึง 45% เลยทีเดียว Jogging Track สำหรับวิ่งออกกำลังกายรอบโครงการ Bike Lane อยู่คนละฝั่งถนนกับ Jogging Track Main Lobby จะอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 อาคาร ใกล้ๆ กับ Lobby จะมีสนามเด็กเล่น พร้อมเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่จะอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 อาคาร ฟิตเนสจะอยู่ติดกับสระว่ายน้ำเลยนะครับ จากฟิตเนสมองออกมาเห็นสระว่ายน้ำ ใกล้ๆ กันก็จะมีห้องน้ำ พร้อมห้องซาวน่าและตู้ล็อกเกอร์ แยกชาย-หญิง ข้อดีอย่างหนึ่งของการที่มี Facility อยู่ตรงกลางระหว่างอาคารพักอาศัยคือ ลูกบ้านทุกคนสามารถลงมาใช้บริการได้สะดวกเท่าเทียมกัน แถมโครงการ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 นี้ยังเป็นอาคารสูงถึง 25 ชั้น จึงช่วยบังแดดได้เป็นอย่างดีเกือบตลอดทั้งวัน บริเวณสระว่ายน้ำจึงร่มรื่น สามารถลงเล่นน้ำได้ทุกเวลาโดยไม่ต้องกลัวแดดร้อนกันเลย ในส่วนของที่พักอาศัยนั้นจะเริ่มกันตั้งแต่บริเวณชั้น 1 ของแต่ละอาคารเลยนะครับ แต่มีจำนวนห้องไม่มากนักในบริเวณชั้นล่าง ซึ่งห้องส่วนใหญ่จะหันหน้าเข้าหาส่วนกลาง เปิดรับวิวสระว่ายน้ำ และสวนสวยๆ แบบใกล้ชิดกันไปเลย นอกจากนี้บริเวณชั้น 8 ของอาคาร A ด้านที่ติดกับอาคารจอดรถ ทางโครงการยังจัดแต่งพื้นที่ดาดฟ้าของอาคารจอดรถให้เป็นสวนลอยฟ้าขนาดย่อม สำหรับนั่งเล่นพักผ่อน รับลมชมวิวได้สบายๆ ห้องพักทางด้านทิศเหนือของอาคาร A จึงได้วิวสวนสีเขียวเพิ่มขึ้นมาอีกด้านไปโดยปริยาย จากแปลนอาคารจะเห็นถนนทางเข้าโครงการด้านขวามือ ก่อนจะเข้ามาเจออาคารจอดรถเป็นอาคารแรก ทางเข้าโครงการ ถนนทางเข้าโครงการร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ มีทางเท้าสำหรับเดินเข้าโครงการอยู่คู่ขนานกับถนน Main ขับรถเข้ามาด้านในแล้วจะเจออาคารจอดรถอยู่ทางด้านขวามือ อาคารจอดรถสูง 8 ชั้น อยู่ติดกับอาคาร A ทางขึ้นอาคารจอดรถ ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 ทั้ง 2 อาคารเลยนะครับ แต่อาคาร A จะมีน้อยกว่า เพราะติดกับอาคารจอดรถ ชั้น 3-7 ห้องพักอาศัยจะเริ่มเพิ่มมากขึ้น แต่อาคาร A ก็ยังติดอาคารจอดรถอยู่ ขึ้นมาถึงชั้น 8 จะเป็นชั้นสุดท้ายของอาคารจอดรถ ซึ่งชั้นดาดจะถูกทำเป็นสวนส่วนกลาง ตั้งแต่ชั้น 9 ขึ้นไปจนถึงชั้น 25 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด ซึ่งจะมีประมาณ 31 ห้องต่อชั้น ห้องพักของ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 มีทั้งหมด 1,428 ยูนิต แบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกัน คือแบบ 1 Bedroom และ 2  Bedroom โดยมีขนาดเริ่มต้นที่ 24.5 ตร.ม. นะครับ เดี๋ยวเราจะพาไปดูห้องตัวอย่างของโครงการกันว่าจะน่าอยู่มากแค่ไหน   เปิดห้องตัวอย่าง ปัจจุบันทางโครงการ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 มีลูกบ้านย้ายเข้ามาพักอาศัยกันเป็นจำนวนพอสมควรแล้วนะครับ ดังนั้นใครที่กำลังสนใจโครงการนี้อยู่สามารถติดต่อเข้ามาขอชมห้องในบรรยากาศจริงได้เลย เปิดห้องตัวอย่างห้องแรก เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ที่ขนาด 24.5 ตร.ม. เป็นห้องขนาดเล็กสุดของโครงการเลย แต่การออกแบบ Layout ภายในห้องค่อนข้างลงตัว เป็นสัดส่วนเรียบร้อยดีทีเดียว หลังประตูทางเข้าห้อง จะเป็นพื้นที่ของ Living Area ติดกันเป็นบริเวณห้องนอน ซึ่งมีประตูกระจกบานใสกั้นไว้เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับเจ้าของห้อง ในขณะที่ห้องครัวและมุมกินข้าวจะอยู่ถัดไปอีกด้านที่ติดกับระเบียงนะครับ บรรยากาศโดยรวมภายในห้องค่อนข้างโปร่งด้วยหน้าต่างบานใหญ่ ที่ช่วยเปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ ห้องเลยไม่อับทึบถึงแม้จะมีขนาดเพียง 24.5 ตร.ม. ก็ตาม เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยนะครับ ช่วงนี้โครงการมีโปรโมชั่นจัดเฟอร์นิเจอร์ของ SB มาให้เรียบร้อย ตรงนี้จะได้เป็นโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง แต่ดูจากพื้นที่แล้วถ้าใครอยากได้ใหญ่กว่านี้ก็สามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งได้อยู่นะครับ ด้านชั้นวางทีวีโครงการก็จัดเตรียมมาให้ด้วยนะครับ ติดกับ Living Area จะเป็นห้องนอน มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้น โครงการวางเตียง 5 ฟุตไว้ให้ พร้อมฟูก ติดกับหัวเตียง Built-in โต๊ะเครื่องแป้งไว้ให้ด้วย ปลายเตียงโครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้าบานสูงไว้ให้ มุมมองจากห้องนอนออกมาที่ Living Area จากห้องนอนเราไปดูกันต่อที่ห้องครัวเลยนะครับ ห้องนี้จะเป็นครัวแบบเปิดนะครับ ไม่ได้มีประตูกระจกกั้นให้ ภายในห้องครัวโครงการจะ Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้พร้อมโต๊ะทานอาหาร เคาน์เตอร์ครัวจะมีซิงค์ล้างจาน พร้อมกับพื้นที่เตรียมอาหาร ด้านล่างจะเป็นช่องวางเครื่องซักผ้า ฝั่งตรงข้ามจะเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง ที่โครงการจัดมาให้ในช่วงโปรโมชั่น ระเบียงจะอยู่ติดกับส่วนครัว พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1 เมตร กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ห้องน้ำจะอยู่อีกด้านของห้องครัว สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจะใช้ของ American Standard ห้องตัวอย่างห้องที่ 2 ที่เปิดให้ชมคือห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ซึ่งห้อง Type นี้ ดูเผินๆ แล้วจะมีการจัดวาง Layout ภายในห้องใกล้เคียงกับห้องแบบแรกมากเลยทีเดียว แต่ด้วยความที่พื้นที่ใช้สอยภายในห้องมีมากกว่า ครัวที่ได้จึงเป็นครัวปิด มีประตูกระจกบานเลื่อนเพิ่มเข้ามา ในขณะที่ห้องนอนก็จะเป็นผนังทึบแทนกระจกบานเลื่อน ส่วนห้องน้ำก็เปลี่ยนมาเข้าออกจากในห้องนอนแทนครับ ห้องนี้จะได้เปรียบกว่าตรงที่ได้ครัวปิด มีประตูกั้นเรียบร้อย สามารถทำอาหารจริงจังได้มากกว่าแค่จัดเตรียม อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นรบกวน พื้นที่ครัวก็กว้างขึ้นอีกหน่อย วางโต๊ะกินข้าวเข้ามุมไว้ก็ยังมีพื้นที่เหลือให้ใช้งานได้อีกสบายๆ ครับ เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยนะครับ พื้นที่บริเวณ Living Area กว้างอยู่พอสมควร โครงการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งมาให้ ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวีอยู่ติดกับตู้เก็บของ ตู้เก็บของ Built-in อยู่หน้าประตูห้อง ต่อจาก Living Area เข้าไปด้านในจะเป็นห้องครัว Type นี้จะเป็นครัวแบบปิดนะครับ มีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนกั้น ด้านในครัวจะคล้ายๆ กับห้องก่อนหน้านี้ที่เราดูกันมา ตู้เย็นวางอยู่ติดกับเคาน์เตอร์ครัว เคาน์เตอร์ครัวจะมีซิงค์ล้างจานพร้อมกับพื้นที่เตรียมอาหาร ด้านบนจะเป็นตู้ลอยเก็บของ ส่วนด้านล่างจะเป็นช่องวางเครื่องซักผ้า ฝั่งตรงข้ามเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง ระเบียงจะอยู่ต่อจากห้องครัว ธรณีประตูยกขึ้นมาค่อยข้างสูงทีเดียว พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1 เมตร เรามาดูกันต่อที่ห้องนอนนะครับ พื้นที่ในห้องนอนกว้างพอสมควรนะครับ โครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือพอให้เดินได้สะดวก ถ้าอยากติดทีวีไว้ในห้องด้วย อาจจะต้องใช้ทีวีแบบติดผนัง ซึ่งโครงการก็เตรียมปลั๊กไว้ให้เรียบร้อย โครงการจะ Built-in ตู้เสื้อผ้าบานสูงไว้ให้ที่ปลายเตียง หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่เลยนะครับ จะมีบานกระทุ้งเป็นบานเล็ก 1 บาน ส่วนที่เหลือจะเป็นบาน Fix ห้องตัวอย่างที่เราได้มาดูกันจะอยู่ที่ชั้น 9 มองออกไปจะเห็นสวนสีเขียวที่อยู่บนชั้น 8 อีกด้านโครงการจะ Built-in โต๊ะเครื่องแป้งและชั้นวางของไว้หน้าห้องน้ำ การจัดวาง Layout ห้องน้ำ Type นี้จะต่างกับห้องแรกอยู่พอสมควรนะครับ เนื่องจากขนาดห้องที่ใหญ่กว่า ส่วนสุขภัณฑ์จะใช้ของ American Standard เหมือนกัน อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มาพร้อมกับกระจกเงาบานใหญ่ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นจุดวางโถสุขภัณฑ์ ตรงกลางจะเป็น Shower Box มีฉากกั้นเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน พื้นที่ใน Shower Box ค่อนข้างกว้างพอสมควรเลยนะครับ ชุดฝักบัวและที่วางของเล็กๆ ห้องแบบสุดท้ายที่เราจะเปิดชมกันก็คือ ห้อง 2 Bedroom ซึ่งมีให้เลือกขนาดเดียวคือ 45.5 ตร.ม. ส่องจาก Layout ห้องก็ว่าเป็นสัดส่วนเรียบร้อยดีแล้ว พอเปิดห้องจริงก็ต้องบอกว่าภายในเป็นสัดส่วน เหมาะกับครอบครัวเล็กๆ ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้ชีวิตร่วมกันมากๆ โซนกลางห้องเป็น Living Area ติดกับระเบียงซึ่งเปิดรับวิวและแสงธรรมชาติได้ค่อนข้างเต็มที่ ในขณะที่พื้นที่ครัวก็กว้างขวาง เป็นสัดส่วนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ฝั่งตรงข้ามกันเป็นห้องน้ำ ซึ่งเข้าออกได้ 2 ทางทั้งจากด้าน Living Area และ Master Bedroom ห้องใหญ่แบบ 2 ห้องนอนนี้ จัดแบ่งห้องนอนไว้คนละด้าน นอกจากจะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นแล้ว แต่ละห้องยังสามารถเปิดรับวิวจากกระจกบานใหญ่ได้อย่างเต็มตา ขณะเดียวกันถ้าพื้นที่ของห้องนอนเล็ก ก็สามารถปรับเปลี่ยนประโยชน์ใช้สอยได้ตามต้องการ อาจจะใช้เป็นห้องทำงาน ห้องเป็นของ หรือห้องอเนกประสงค์อื่นๆ ก็จะช่วยให้ห้องเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้นได้ แต่ถ้าครอบครัวไหนมีลูกเล็กๆ ขนาดห้องนี้ก็กำลังกะทัดรัดพอดิบพอดีเลยครับ เข้ามาในห้องแล้วจะเป็นพื้นที่ Dining Area โล่งๆ ก่อนจะเห็น Living Area ที่อยู่ด้านใน เรามาดูด้านซ้ายมือกันก่อนนะครับ ด้านซ้ายมือจะห้องน้ำ การจัดวาง Layout จะแตกต่างจาก 2 ห้องที่ผ่านมาเลยนะครับ ส่วนสุขภัณฑ์ที่ใช้จะเหมือนกัน เริ่มจากอ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มาพร้อมกับกระจกเงาบานใหญ่ ติดกันเป็นโถสุขภัณฑ์ ด้านในสุดจะเป็น Shower Box ที่มีฉากกั้นมาให้เรียบร้อย พื้นที่ใน Shower Box กว้างขวางใช้ได้เลยครับ ชุดฝักบัวและที่วางของเล็กๆ ออกจากห้องน้ำมาเราข้ามไปดูห้องครัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันต่อ ครัวของห้องนี้จะเป็นครัวแบบปิดนะครับ พื้นที่ในห้องครัวค่อนข้างกว้างเลยนะครับ เคาน์เตอร์ครัวจะได้ชุดใหญ่กว่า 2 ห้องที่ผ่านมา จะมีซิงค์ล้างจานพร้อมพื้นที่เตรียมอาหาร ซิงค์ล้างจานแบบหลุมของ Teka ด้านบนเป็นชั้นลอยเก็บของ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นพื้นที่โล่งๆ สำหรับวางตู้เย็นและเครื่องซักผ้า ห้องครัว Type จะไม่มีระเบียงให้นะครับ แต่จะมีหน้าต่างบานใหญ่ พร้อมบานกระทุ้ง ไว้สำหรับระบายกลิ่นอาหารในห้องครัว กลับมาเข้าในห้อง มาดูพื้นที่ Dining Area กันต่อ ตรงนี้โครงการวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งไว้ให้ จะอยู่บริเวณหน้าห้องครัวเลยนะครับ เตรียมอาหารเสร็จก็ยกออกมาเสิร์ฟกันได้เลย ถัดจาก Dining Area เข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่ Living Area โครงการวางโซฟา 2 ที่นั่งมาให้ แต่ดูจากพื้นที่แล้วสามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งก็ได้นะครับ ส่วนด้านที่วางทีวีโครงการ Built-in เป็นชั้นวางทีวีมาให้ด้วย จะวางบนชั้นวาง หรือจะใช้ทีวีแบบติดผนังเหมือนในห้องตัวอย่างก็ช่วยประหยัดพื้นที่ได้อีกแบบครับ ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area นะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ธรณีประตูยกขึ้นมาสูงทีเดียวครับ เวลาก้าวข้ามก็ระวังกันนิดนึงนะครับ พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1 เมตร ยาวเท่าๆ กับพื้นที่ Living Area ซึ่งถือว่ากว้างพอสมควรเลยนะครับ คอมเพรสเซอร์แอร์จะถูกว่าไว้ที่ระเบียง หันหน้าเป่าลมร้อนออกด้านนอก เรากลับเข้ามาด้านใน ขวามือของ Living Area จะเป็นห้องนอนเล็ก ด้านในห้องนอนเล็กโครงการจะวางเตียงขนาดประมาณ 3 ฟุตไว้ให้ ซึ่งขนาดเตียงจะลงล็อกพอดีเป๊ะเลยนะครับ ปลายเตียงสามารถติดทีวีแบบแขวนผนังแบบนี้ก็ได้ หน้าต่างในห้องนอนจะเป็นบาน Fix และบานกระทุ้ง 1 บาน ข้างเตียงอีกด้านโครงการ Built-in โต๊ะเครื่องแป้ง วางไว้ติดกับตู้เสื้อผ้า มาถึงห้องนอนใหญ่ที่อยู่ด้านซ้ายมือของ Living Area โครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ ด้านปลายเตียงมีพื้นที่เหลือพอให้เดินได้สะดวก อาจจะต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังจะดีกว่านะครับ หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่เป็นบาน Fix และมีบานเล็กเป็นกระทุ้ง ข้างเตียงอีกด้านโครงการจะ Built-in โต๊ะเครื่องแป้งไว้ติดกับตู้เสื้อผ้า ในห้องนอนจะมีประตูเข้าห้องน้ำอีกด้านนึงด้วยนะครับ จะอยู่ติดกับตู้เสื้อผ้าเลย ทางเข้าห้องน้ำจากฝั่งห้องนอน ด้วยความที่โครงการ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 อยู่ติดกับถนนใหญ่เลย แถมยังใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วงอีกด้วย จึงค่อนข้างได้เปรียบในเรื่องของการเดินทาง ไม่ว่าจะด้วยระบบขนส่งมวลชนหรือรถส่วนตัว ยิ่งถ้าใครต้องทำงานในช่วงโซนนนทบุรีอยู่แล้ว ก็ยิ่งสะดวกกว่ามากในการเดินทางไปกลับจากที่ทำงาน นอกจากนี้ในอนาคต บริเวณสถานีศูนย์ราชการนนทบุรีจะเป็นจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพู ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางไปยังโซนต่างๆ ของกรุงเทพฯได้มากขึ้นไปอีกครับ รอบๆ โครงการถึงแม้จะไม่ได้มีร้านค้าร้านอาหารให้พึ่งพาในระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ แต่ถ้าขึ้นรถไฟฟ้าถัดออกไปอีก 1 หรือ 2 สถานีก็จะมีห้างสรรพสินค้า แหล่งช็อปปิ้งให้พึ่งพาได้สบายๆ ทั้ง ห้างเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ และเทสโก้ โลตัส ส่วนภายในโครงการ ต้องบอกว่าทางโครงการจัด Facility มาแน่นเต็มที่มากๆ แถมห้องทุกห้องก็ขายให้แบบ Fully Fitted คือมีให้ทั้งเครื่องปรับอากาศ, ชุดเคาน์เตอร์ครัว, สุขภัณฑ์และที่กั้นอาบน้ำ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ก็จัดมาให้คุ้มค่าคุ้มราคา ตามมาตรฐานทุกชิ้น นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียวนะครับ สำหรับที่พักอาศัยที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าในราคาที่จับต้องได้ไม่ยาก หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม หรืออยากจะลองเข้าไปชมห้องตัวอย่างด้วยตัวเองก็สามารถนัดหมายกับเจ้าหน้าที่โครงการได้เลยครับ
Aspire งามวงศ์วาน…เรียบหรูอย่างมีสไตล์ บนทำเลที่ถือว่าดีที่สุดบนถนนงามวงศ์วาน : รีวิวคอนโด

Aspire งามวงศ์วาน…เรียบหรูอย่างมีสไตล์ บนทำเลที่ถือว่าดีที่สุดบนถนนงามวงศ์วาน : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปเยี่ยมชมคอนโดมิเนียมแบรนด์ “Aspire” อีกหนึ่งโครงการจาก AP ที่ยึดทำเลแยกพงษ์เพชรสร้างคอนโดมิเนียม High Rise ตึกคู่ พร้อม Facility จัดเต็ม หรูหรามีสไตล์ ในราคาโปรโมชั่นสุดคุ้มด้วยราคาเพียง 1.59 ล้านบาท* แต่ต้องบอกก่อนว่ามีจำนวนจำกัดนะครับ ใครสนใจทำเลที่มีศักยภาพคุ้มค่ากับการลงทุนแบบนี้ แนะนำว่าต้องรีบๆ กันหน่อย   โครงการ Aspire งามวงศ์วาน ปัจจุบันสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว ภาพที่เก็บมาฝากในคราวนี้จึงเป็นภาพในบรรยากาศจริงทั้งหมด รวมถึงห้องตัวอย่างก็เป็นห้องจริงบนตึกที่ทางโครงการจัดตกแต่งไว้ให้ชมครับ ที่ตั้งของโครงการ Aspire งามวงศ์วาน อยู่ติดถนนใหญ่เลยนะครับ ห่างจากแยกพงษ์เพชรมาทางฝั่งขาไปถนนวิภาวดีฯ นิดเดียวเอง การเดินทางสะดวกมาก เพราะเลือกใช้ได้หลายเส้นทาง สะดวกทั้งเข้าเมือง และ ออกนอกเมือง ถึงแม้จะไม่มีรถไฟฟ้าผ่านหน้าโครงการก็ตาม ซอยใกล้ๆ โครงการคือ ซอยชินเขต 1 สามารถใช้เป็นเส้นทางลัดไปออกถนนวิภาวดี และถนนประชาชื่นได้ แถมถนนรอบๆ ยังเชื่อมต่อไปยังถนนแจ้งวัฒนะ ถนนรัตนาธิเบศร์ แยกประชานุกูลได้อีกด้วย  จึงจัดได้ว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพในการเดินทางมากเลยทีเดียว ส่วนในอนาคตทำเลนี้ก็ยังรองรับรถไฟฟ้า ซึ่งตัวโครงการจะอยู่ระหว่างสถานีบางเขน (สายสีแดง) กับสถานีศูนย์ราชการนนทบุร (สายสีม่วง)  นอกจากนี้รอบๆ โครงการยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ห้างเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, เทสโก้โลตัส, โฮมโปร, ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า, เมเจอร์รัชโยธิน, โรงพยาบาลนนทเวช, มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ศูนย์ราชการ, SCG, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมไปถึงด่านขึ้นลงทางด่วนก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลครับ เพียง 3.9 กิโลเมตรเท่านั้น ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนก็จัดว่าสะดวกมากๆ เราซูมมาดูใกล้ๆ จะเห็นว่าโครงการจะตั้งอยู่ริมถนนงามวงศ์วานเลยจากแยกพงษ์เพชรมาประมาณ 400 เมตร ก่อนถึงซอยชินเขต 1 ซึ่งจะเป็นช่วงเชิงสะพานข้ามแยกพงษ์เพชรพอดี เพราะฉะนั้นถ้ามาจากทางแยกแครายก็ไม่ต้องขึ้นสะพานข้ามแยกพงษ์เพชรนะครับ เพราะจะเลยทางเข้าโครงการ บริเวณใกล้ๆ โครงการ Aspire งามวงศ์วาน แวดล้อมไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารมากมายเลยทีเดียว ไม่เว้นแม้แต่ร้านสะดวกซื้อ และตลาดพงษ์เพชร ซึ่งต่างก็อยู่ในระยะที่สามารถเดินได้สบายๆ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นเขตชุมชนนะครับ บรรยากาศจึงคึกคักหน่อย รถราขวักไขว่ มีรถเมล์วิ่งผ่านหลายสาย พี่วินมอเตอร์ไซค์ก็อยู่ใกล้ๆ แท็กซี่ก็มากมาย การที่ไม่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่านจึงไม่รู้สึกเป็นปัญหาเท่าไหร่ ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็แค่นั่งรถเลยไปขึ้นที่บางซื่อ หรือไปใช้รถไฟฟ้าสายสีม่วงเลยก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร โดดเด่นด้วย Facility แบบจัดเต็มจนคุณคาดไม่ถึง Aspire งามวงศ์วาน เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 28 ชั้น จำนวน 2 อาคาร โดยมี Lobby อยู่ตรงกลาง ส่วนอาคารจอดรถ 9 ชั้น แยกออกมาทางด้านหลัง และจัดพื้นที่บริเวณชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถเป็นพื้นที่ส่วนกลาง รวม Facility หลักไว้ทั้งหมด ซึ่งลูกบ้านจะต้องเดินมาใช้ร่วมกันที่บริเวณนี้ ชั้น 1 จะเป็น Lobby ที่อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 อาคาร และมีร้านค้าจำนวน 6 ร้าน อยู่ที่ตึก South ห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 2 เลยนะครับ ตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปจนถึงชั้น 28 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมดเลยนะครับ มีชั้นละ 27 ยูนิต Facility หลักๆ ที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ต้องบอกว่าเต็มที่มากๆ ครับ เช่น สระว่ายน้ำขนาด 25x7 เมตร, ห้องออกกำลังกาย พร้อมอุปกรณ์ครบครัน, ห้องอาบน้ำ, ล็อคเกอร์, ห้องอบไอน้ำ, ซาวน่า ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางที่บริเวณชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถนั้นค่อนข้างให้ความเป็นส่วนตัวดีทีเดียวครับ เนื่องจากรอบๆ โครงการไม่มีตึกสูงอยู่ใกล้ๆ เลย (นอกจากตึกของโครงการเอง) วิวบนดาดฟ้าจึงเปิดโล่งเต็มตา ลมพัดเย็นสบายมากเลยทีเดียว ที่จอดรถในอาคารจอดรถสูง 9 ชั้น บนดาดฟ้าของอาคารจอดรถจะเป็น Facility หลักของโครงการ สระว่ายน้ำขนาด 25x7 เมตร ใกล้ๆ กับสระว่ายน้ำจะมีสวนสีเขียว ไว้สำหรับนั่งพักผ่อน ฟิตอยู่ติดกับสระว่ายน้ำ ถัดมาเป็นห้องน้ำ พร้อมตู้ล็อกเกอร์ และห้อง Steam & Sauna ห้องนั่งเล่นอยู่ติดกับฟิตเนส นอกจาก Facility บนดาดฟ้าอาคารจอดรถแล้ว ทางโครงการยังเพิ่มเติมพื้นที่สีเขียวไว้รอบโครงการ โดยมีพื้นที่รวมกว่า 5 ไร่เลยทีเดียว ทั้งสวนหย่อมบริเวณด้านหน้าโครงการ และด้านหลังโครงการ ซึ่งต่างก็มีมุมร่มๆ ใต้ต้นไม่ให้นั่งเล่นพักผ่อนมากมาย และที่พิเศษกว่าโครงการอื่นๆ คือ ทาง AP จัดสนามสตรีทบาสเกตบอลไว้บริเวณสวนด้านหน้าโครงการ ในขณะเดียวกันพื้นที่บริเวณชั้นล่างของอาคารพักอาศัย ยังจัดแบ่งให้เป็นพื้นที่ร้านค้า และพื้นที่บริการด้วย หน้าทางเข้าโครงการ มีพื้นที่สีเขียวระหว่างทางเดินเข้าโครงการ ให้นั่งพัก หรือนั่งรอเพื่อนด้านหน้าโครงการ สนามสตรีทบาสเก็ตบอล สำหรับลูกบ้านที่ชอบเล่นกีฬา ให้ได้ยืดเส้นยืดสาย อยู่หน้าโครงการเช่นกัน เปิดห้องเพื่อการใช้ชีวิตที่หรูหราอย่างมีสไตล์ ในส่วนของที่พักอาศัยนั้น จะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปจนถึงชั้น 28 สำหรับโครงการ Aspire งามวงศ์วาน มียูนิตรวมทั้งหมด 1,458 ยูนิต ซึ่งโครงการนี้มีห้องชุดขนาด 28 ตร.ม. ให้เลือกเพียงขนาดเดียวนะครับ เป็นห้องแบบ 1 Bedroom มีให้เลือกด้วยกัน 2 Type เปิดห้องตัวอย่างแบบแรกกันด้วยห้อง Type A เปิดห้องมาก็จะเจอกับส่วนของ Living Area ก่อน โดยมี Pantry ครัว เชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่นติดกับระเบียง พื้นที่บริเวณนี้จะเปิดโล่งเชื่อมถึงกัน ทำให้เราสามารถจัดสรรพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ ส่วนพื้นที่ของห้องนอน กั้นด้วยประตูกระจกบานใส มีห้องน้ำในตัว ซึ่งประตูกระจกบานใหญ่ของห้องนอนสามารถเปิดออกให้เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นได้เลย ห้อง Type นี้จะได้เปรียบเรื่องการเปิดรับแสงธรรมชาติและวิวนอกอาคาร ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดเจนทั้งจากห้องนั่งเล่น และห้องนอนผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ แต่ในขณะเดียวกัน ห้อง Type นี้อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ชอบทำครัว เนื่องจาก Pantry ครัวเป็นแบบเปิด เหมาะกับการเตรียม อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ มากกว่า เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเป็นส่วน Dining Area ก่อนนะครับ บริเวณนี้จะมีแอร์ให้ 1 ตัว และในห้องนอนอีก 1 ตัว ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว เคาน์เตอร์ครัวพร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เตาไฟฟ้า 2 หัวของ Teka พร้อมฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ด้านล่างจะเป็นตู้เก็บของและช่องวางไมโครเวฟ ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นโต๊ะทานอาหาร ซึ่งจะวางอยู่ติดกับโซฟาในพื้นที่ Living Area ถัดจาก Dining Area เข้ามาด้านในจะเป็นส่วน Living Area ที่อยู่ติดกับระเบียงห้อง ฝั่งที่วางโซฟาโครงการวางโซฟา 2 ที่นั่งไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ส่วนด้านชั้นวางทีวีจะอยู่ติดกับห้องนอน ซึ่งจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน จึงอาจจะไม่สามารถ Built-in ชั้นวางทีวีได้นะครับ ระเบียงห้องจะอยู่ติดกับส่วน Living Area กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1 เมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าไว้ที่ระเบียงได้เลยครับ คอมเพรสเซอร์แอร์จะถูกแขวนไว้ด้านบน หันหน้าออกนอกระเบียง มาถึงห้องนอน พื้นที่กว้างขวางพอสมควรนะครับ โครงการวางเตียง 5 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง วางเตียงลงไปแล้วยังพอมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือให้วางโต๊ะข้างเตียงหรือโคมไฟได้อีกด้วยนะครับ ด้านปลายเตียงมีพื้นที่เหลือให้เดินได้สะดวก หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่เลยนะครับ มีบานกระทุ้ง 1 บาน ที่เหลือเป็นบาน Fix ห้องน้ำจะอยู่อีกด้านของห้องนอน จุดวางตู้เสื้อผ้าจะอยู่ที่หน้าห้องน้ำ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะใช้ของ American Standard อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มาพร้อมกับกระจกเงาบานยาว โถสุขภัณฑ์จะวางอยู่ติดๆ กัน ฝั่งตรงข้ามจะเป็น Shower Box มีฉากกั้นให้เรียบร้อย เป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน พื้นที่ใน Shower Box ชุดฝักบัวและที่วางของใน Shower Box ส่วนห้อง Type B จะมีการจัดวาง Layout ห้องที่เป็นสัดส่วนมากขึ้นมาอีกหน่อย พอเปิดประตูห้องมาแล้วก็จะเจอกับ Living Area บริเวณพื้นที่นั่งเล่นก่อน ถัดเข้าไปจึงเป็นห้องนอน ซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานใหญ่ ในขณะที่ห้องน้ำและ Pantry ครัว จะไปรวมกันอยู่อีกด้านที่ติดกับระเบียง ห้อง Type B นี้จะค่อนข้างได้เปรียบเรื่องสัดส่วนของพื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่ชัดเจนกว่า คนที่ชอบเข้าครัวทำกับข้าวก็ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นรบกวน เนื่องจากสามารถเปิดประตูตรงระเบียงช่วยระบายอากาศได้ดี สำหรับห้องนี้มี Detail เพิ่มเติมเล็กๆ บริเวณมุมห้องนอน ที่ทางโครงการเลือกติดกระจกเข้ามุมมาให้แทนที่จะใช้ผนังทึบทั้งหมด ห้องนอนจึงดูโปร่งสบายตามากขึ้นอีกนิดครับ ห้องนี้เข้ามาแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนนะครับ โครงการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งมาใหเดูเป็นตัวอย่าง ขนาดจะเข้ากับพื้นที่ได้พอดี ด้านชั้นวางทีวีสามารถวางชั้นวางหรือจะ Built-in ก็ได้เช่นกันครับ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟา ถัดจาก Living Area เข้ามาด้านในจะเป็นห้องนอนที่กั้นด้วยประตูประจกบานเลื่อน 2 ตอน ภายในห้องนอนโครงการวางเตียง 5 ฟุตมาให้ดูเป็นตัวอย่าง วางเตียงลงไปแล้วยังเหลือพื้นที่ข้างเตียงให้วางโต๊ะข้างเตียงหรือโคมไฟได้อีก หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่เลยนะครับ ช่วยให้แสงเข้ามาได้อย่างเต็มที่ ด้านปลายเตียงโครงการวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะวางของเล็กตกแต่งให้ดู จากห้องนอนเข้าไปด้านในจะเป็นส่วนครัว จะสังเกตว่าผนังห้องนอนด้านที่ติดกับส่วนครัว โครงการจะทำเป็นกระจกเข้ามุมไว้ ซึ่งช่วยให้ห้องดูโปร่งโล่งขึ้น เคาเตอร์ครัวจะคล้ายๆ กับของห้อง Type A แต่อาจจะยาวกว่านิดหน่อย เนื่องจาก Layout ห้องที่ต่างกัน ซิงค์ล้างจานแบบหลุม พร้อมที่พัก ใกล้ๆ กันเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัวของ Teka มาพร้อมกับฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ด้านบนจะเป็นตู้เก็บลอยเก็บของ ด้านล่างเป็นตู้เก็บของและช่องวางไมโครเวฟ จุดวางตู้เย็นจะอยู่ด้านใน ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นจุดวางโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน ระเบียงจะอยู่ต่อจากส่วนครัว พื้นที่ระเบียงจะกว้างประมาณ 1 เมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าไว้ที่ระเบียงได้ครับ ด้านบนจะเป็นจุดแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ทั้ง 2 ตัว หันหน้าออกนอกระเบียง กลับเข้ามาด้านในเรามาดูห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ กับส่วนครัว การจัดวาง Layout ในห้องน้ำจะเหมือนกับ Type A เลยนะครับ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ American Standard มาพร้อมกับกระจกเงาบานยาว ข้างๆ จะเป็นโถสุขภัณฑ์ ฝั่งตรงข้ามจะเป็น Shower Box มีฉากกั้นเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน พื้นที่ใน Shower Box ชุดฝักบัวและที่วางของใน Shower Box โครงการ Aspire งามวงศ์วาน นี้จัดว่าเหมาะมากสำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่ในย่านนี้ โดยที่ไม่ค่อยสนใจหรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้รถไฟฟ้ามากนัก เนื่องจากการเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ก็ถือว่ายังสะดวกดี แถมในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าอยู่ใกล้ๆ อีกด้วย โครงการนี้จัดขนาดห้องมาที่ไซส์เดียว วัสดุ อุปกรณ์ สุขภัณฑ์ต่างๆ จัดมาได้ดีตามมาตรฐาน ราคาห้องจับต้องได้ง่ายเลยทีเดียว ยิ่งมีโปรโมชั่นแรงๆ จัดมาในราคา 1.59 ล้านบาท* แบบนี้ น่าซื้อลงทุนเป็นที่สุด ไม่ว่าจะจับจองไว้อยู่อาศัยเอง หรือจะปล่อยเช่าก็น่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจดีทีเดียว แถมทำเลในย่านนี้ยังอยู่ในแหล่งชุมชน และใกล้กับแหล่งงานทั้งหน่วยงานราชการและเอกชน ใครที่กำลังสนใจคอนโดน่าอยู่ในย่านนี้ อยากหาบ้านหลังแรก เพื่อการขยายครอบครัว Aspire งามวงศ์วาน น่าจะเป็นอีกตัวเลือกที่คุ้มค่า คุ้มราคาเลยทีเดียวครับ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  https://goo.gl/GwjzJD *ราคา 1.59 ล้านบาท เป็นราคาพิเศษตามโปรโมชั่น มีจำนวนห้องจำกัด
‘เอพี ไทยแลนด์’ มุ่งก้าวสู่ท็อป 3 ผู้นำอสังหาฯ ไทย ชูกลยุทธ์ “มอบความแตกต่างด้วยคุณภาพ”

‘เอพี ไทยแลนด์’ มุ่งก้าวสู่ท็อป 3 ผู้นำอสังหาฯ ไทย ชูกลยุทธ์ “มอบความแตกต่างด้วยคุณภาพ”

กรุงเทพฯ (11 ส.ค. 59) – วันนี้ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมืองที่เชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์นวัตกรรมการดีไซน์ เพื่อพื้นที่ใช้สอยที่ไม่จำกัด โดยคุณอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยวิสัยทัศน์สู่การเติบโตในปีที่ 26 ของเอพี มุ่งสู่การเป็น 1 ใน 3 บริษัทชั้นนำด้านอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยที่อยู่ในใจผู้บริโภค ด้วยกลยุทธ์ทางธุรกิจที่มุ่ง “สร้างความแตกต่างด้วยคุณภาพ” ภายใต้หลักปรัชญาการทำงาน “AP – The Differentiator” ย้ำต้องเป็นรายแรกในการสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทย ด้วยจุดแข็งศักยภาพความพร้อม ทั้ง “ผลิตภัณฑ์ที่อยู่อาศัยคุณภาพ” “ทีมงานคุณภาพ” และ “พันธมิตรคุณภาพ” เตรียมเดินเกมส์รุกครึ่งปีหลังเปิดตัว 13 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมรับรู้รายได้ช่วงสิ้นปีกับแผนการส่งมอบคอนโดบิ๊กแพคมากถึง 8 โครงการ คุณอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “กลยุทธ์สู่ความสำเร็จในปีที่ 26 และต่อๆ ไป เอพี ไทยแลนด์ท้าทายตนเองไปอีกขั้น ด้วยเป้าหมายการมุ่งก้าวขึ้นสู่การเป็น 1 ใน 3 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยที่อยู่ในใจผู้บริโภค โดยเรามีกลยุทธ์สู่ชัยชนะคือ ‘การมอบความแตกต่างด้วยคุณภาพ’ ด้วยหลักปรัชญาการทำงาน ‘AP – The Differentiator’ หรือเอพีผู้สร้างความแตกต่างให้วงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ผ่านทั้งตัวสินค้าและบริการ ภายใต้ 4 แนวคิดหลัก 1) SPACE OPTIMIZATION แตกต่างในการพัฒนานวัตกรรมดีไซน์ เพื่อพื้นที่ใช้สอยที่ไม่จำกัด 2) CONVENIENT แตกต่างในวิธีคิดที่ทุกพื้นที่ต้องเอื้อให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายทั้งในบ้านและนอกบ้าน  และเชื่อมต่อทุกรูปแบบการเดินทางที่สะดวกที่สุดสำหรับคนเมือง 3) QUALITY มุ่งยกระดับคุณภาพสินค้าให้ดียิ่งขึ้น โดยล่าสุดได้ผสานความร่วมมือกับมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MEC) พันธมิตรทางธุรกิจในการร่วมกันสร้าง AP CHECK LIST ขึ้น ซึ่งจะเป็นคู่มือสำคัญในการควบคุมการพัฒนาโครงการที่เริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการออกแบบที่มีคุณภาพ ไปจนถึงขั้นตอนการก่อสร้างและกระบวน การตรวจสอบงานที่มีประสิทธิภาพ ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้จากทางญี่ปุ่น 4) HUMAN DEVELOPMENT มุ่งสร้างความแตกต่างทั้งระบบความคิดและการบริหารจัดการให้กับคนเอพีอย่างต่อเนื่อง ผ่าน  AP ACADEMY สถาบันเพื่อการเรียนรู้ครบวงจรด้านอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกของไทย”   “เอพี (ไทยแลนด์) มีความพร้อมด้านศักยภาพในทุกๆ ด้านทั้งบุคลากรคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ที่อยู่อาศัยคุณภาพที่ครบทุกความต้องการด้านการอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมีเนียม บ้านเดี่ยว หรือทาวน์โฮม ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ เรามีพันธมิตรทางธุรกิจที่มีคุณภาพ คือ ‘มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป’ (MEC) ที่มีอุดมการณ์เดียวกันในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพ ตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าของการจับมือเป็นพันธมิตร มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป มองภาพการร่วมทุนมากกว่าเรื่องของผลกำไรตอบแทน แต่คือความยินดีที่จะร่วมแบ่งปันองค์ความรู้ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้กับทีมงานเอพีอย่างจริงใจ ตั้งแต่ความรู้ในเรื่องการออกแบบพื้นที่ใช้สอย กระบวนการก่อสร้างและการตรวจสอบคุณภาพงาน รวมไปถึงการขยายต่อองค์ความรู้ไปยังสถาบัน  AP Academy และสิ่งหนึ่งที่การันตีถึงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระยะยาวได้อย่างชัดเจนคือ ทางมิตซูบิชิ เอสเตท ส่งพนักงานซึ่งเป็นคนญี่ปุ่นของทางมิตซูบิชิ เอสเตทเองมานั่งประจำ ณ สำนักงานใหญ่เอพี จำนวน 4 คน เพื่อให้การทำงานและอำนาจการตัดสินใจสะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น  ผมเชื่อว่าความร่วมมือดังกล่าวไม่เพียงจะช่วยส่งเสริมด้านการสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์อสังหาฯ ของ  เอพีเท่านั้น แต่ยังจะมีส่วนช่วยเสริมยกระดับมาตรฐานอสังหาริม-ทรัพย์ไทยในภาพรวมอีกด้วย” คุณอนุพงษ์ กล่าว   สำหรับยอดขาย ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2559 บริษัทฯ มียอดขายรวมเท่ากับ 13,200 ล้านบาท และในช่วงไตรมาส 3-4 บริษัทฯ มีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 13 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 26,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นแนวราบมากถึง 10 โครงการ ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 8 โครงการ และทาวน์โฮม 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 10,800 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมจำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 15,200 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยเปิดตัวตามแผนงานที่วางไว้ และเชื่อว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน   นอกจากนั้นแล้วในช่วงไตรมาส 3-4 ยังถือเป็นช่วงที่เอพีมีคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างพร้อมกันมากถึง 8 โครงการ ได้แก่ 1) Aspire งามวงศ์วาน มูลค่า 2,680 ล้านบาท 2) Vittorio มูลค่า 3,500 ล้านบาท 3) RHYTHM สุขุมวิท 42 มูลค่า 3,500 ล้านบาท 4) RHYTHM อโศก มูลค่า 1,500 ล้านบาท 5) Aspire วุฒากาศ มูลค่า 390 ล้านบาท 6) RHYTHM สุขุมวิท 36-38 มูลค่า 2,900 ล้านบาท 7) Aspire รัชดา-วงศ์สว่าง มูลค่า 2,850 ล้านบาท และ 8) Aspire สาทร-ท่าพระ มูลค่า 3,500 ล้านบาท โดย 3 โครงการหลังเป็นคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับทาง MEC ซึ่งคาดว่าจะเริ่มพร้อมเปิดให้ลูกค้าเข้าตรวจรับห้องชุดและชมความสมบูรณ์ของโครงการได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม และพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ย้ายเข้าอยู่ได้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป   ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกรฎาคม บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มากถึง 12,834 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นแนวราบ มูลค่า 3,210 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียม มูลค่า 9,624 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้มูลค่าประมาณ 4,633 ล้านบาท และส่วนที่เหลือในปี 2560-2561 สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 8,602 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิเท่ากับ 981 ล้านบาท   “ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา เราภาคภูมิใจที่ได้เห็นลูกค้ามีความสุข ในทุกๆ วันเอพีได้สร้างให้อย่างน้อยหนึ่งครอบครัว มีความสุขกับการเป็นเจ้าของบ้านหลังใหม่ ซึ่งบ้านใหม่ที่ขายได้ในเมืองมากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นของเอพี เรายึดมั่นในจุดยืนที่จะสร้างความแตกต่างให้กับวงการอสังหาฯ มาตั้งแต่เริ่มต้น กับการเป็นรายแรกที่ผู้บุกเบิกการทำ ‘ทาวน์โฮม’ ในเมือง หรือการเป็นรายแรกที่สร้างเทรนด์การอยู่อาศัยในคอนโดติดแนวรถไฟฟ้า”   “ผมเชื่อมั่นว่าเอพี ไทยแลนด์จะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะเรามีทีมงานที่เก่ง และมี passion ในการทำงาน เรามีระบบที่ยอดเยี่ยมที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และเรายังมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเราไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาด้านคุณภาพ ศักยภาพ รวมถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยี ด้วยประสบการณ์ ความมั่นคงและวินัยทางการเงินที่เข้มงวด” คุณอนุพงษ์กล่าว   “เอพี ไทยแลนด์ กล้าที่จะแตกต่าง ผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย”  
District เอกมัย-รามอินทรา บ้านใหม่สไตล์โฮมออฟฟิศ เพื่อชีวิตที่ลงตัว : รีวิวทาวน์โฮม

District เอกมัย-รามอินทรา บ้านใหม่สไตล์โฮมออฟฟิศ เพื่อชีวิตที่ลงตัว : รีวิวทาวน์โฮม

จากที่ก่อนหน้านี้เราได้ไปสำรวจดูทำเลในย่านนวลจันทร์กันไปแล้ว รีวิวฉบับนี้เราจะเข้าไปดูที่ตัวโครงการ “District เอกมัย-รามอินทรา” กันบ้างครับ โครงการนี้เป็นที่อยู่อาศัยกึ่งบ้านกึ่งสำนักงาน หรือที่เรียกกันติดปากว่า Home Office นั่นแหละครับ ซึ่งเป็นโครงการล่าสุดจาก AP Property แถมยังเป็นรูปแบบดีไซน์ใหม่ล่าสุดภายใต้คอนเซปต์ Modern Luxury ที่จะสะท้อนความเป็นตัวตนอย่างมีสไตล์ เพื่อให้มุมมองธุรกิจและชีวิตส่วนตัวสอดคล้องไปได้อย่างกลมกลืน รายละเอียดจะมีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลยครับ       รายละเอียดโครงการ   ราคาเริ่มต้น     15,900,000 บาท เจ้าของโครงการ     บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ     โฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น และ 4 ชั้น จำนวน 36 หลัง เนื้อที่ทั้งหมด    6 - 0 - 9.6 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ซอยรามอินทรา 40 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ   ศักยภาพของที่ตั้งโครงการ   ถ้าพูดถึงย่าน “นวลจันทร์” ในปัจจุบัน จะเห็นว่าไม่ใช่พื้นที่ห่างไกลที่จะใช้คำว่าชานเมืองแบบเมื่อก่อนได้อีกแล้วนะครับ เพราะความเจริญต่างๆ ก็ขยายตัวมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ทั้งการเดินทาง การกินอยู่ รวมถึงศักยภาพของทำเลในย่านนี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้ย่านนี้มีความเป็นเมืองที่พร้อมในการรองรับการทำธุรกิจ หรือเปิดกิจการมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ   ในเรื่องของรายละเอียดเกี่ยวกับ Life Style ความน่าสนใจของทำเลที่ทำให้โครงการ District เลือกปักหมุดในย่านนี้ สามารถตามไปอ่านตัวรีวิวทำเลอย่างละเอียดได้ที่นี่ครับ "สำรวจทำเล โฮมออฟฟิศ โครงการใหม่ล่าสุด ย่านเอกมัย-รามอินทรา เพื่อชีวิตและธุรกิจที่ลงตัว"   ตำแหน่งที่ตั้งของโครงการ District เอกมัย-รามอินทรา ต้องบอกว่า เด่นในเรื่องของการเดินทางมากนะครับ ข้อแรกซอยรามอินทรา 40 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ เชื่อมต่อกับถนนนวลจันทร์ ที่สามารถทะลุไปออกถนนเกษตรนวมินทร์ได้ แถมห่างออกไปเพียงแค่ 1 นาที ก็มีจุดขึ้นลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และถนนสายสำคัญของย่านนี้อย่าง ถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือที่เรียกติดปากกันว่าถนนเลียบด่วนฯ ก็เป็นถนนสายหลักที่เชื่อมถนนสำคัญอีกหลายๆ สาย เข้าไว้ด้วยกันตั้งแต่หัวจรดท้ายถนน ดังนั้นไม่ว่าจะต้องการเดินทางไปยังมุมไหนของกรุงเทพก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร   เส้นทางเข้าออกโครงการหลักๆ ก็คือทางด้านถนนนวลจันทร์ พอเลี้ยวจากถนนประดิษฐ์มนูธรรมเข้ามาเล็กน้อย ก็จะเห็นป้ายซอยรามอินทรา 40 อยู่ทางซ้ายมือ เลี้ยวเข้ามาอีกไม่เกิน 200 เมตร จะเห็นโครงการอยู่ขวามือ หรือถ้าเลือกเดินทางมาจากถนนรามอินทรา ก็ให้สังเกตุป้ายซอยรามอินทรา 40 เอาไว้ให้ดี เลี้ยวเข้าซอยมาประมาณ 1.5 กม. ก็ถึงโครงการแล้วครับ การเดินทางวันนี้เราเริ่มจากถนนเกษร-นวมินทร์ กันเลยนะครับ เราตรงตามถนนเกษตร-นวมินทร์ มาเรื่อยๆ จะถึงแยกที่ตัดกับถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา ให้เลี้ยวซ้ายตามป้ายถนนรามอินทราไปเลยนะครับ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเลียบทางด่วน จากนั้นขับตรงต่อไปอีกเรื่อยๆ นะครับ ถึงตรงนี้จะตัดกับถนนรามอินทรา ฝั่งขวาจะเป็นสะพานข้ามถนนรามอินทรา เราชิดซ้ายไว้ไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ เดี๋ยวเราไปตรงไปกลับรถใต้สะพาน กลับรถใต้สะพานตรงนี้เลยนะครับ กลับรถมาแล้ว เราตรงกลับไปตามถนนเลียบทางด่วนเหมือนเดิม ตรงมาเรื่อยๆ จะเห็นตลาดนัดเลียบทางด่วน อยู่ทางซ้ายมือ เลยมาอีกนิดหน่อยก็จะถึงถนนนวลจันทร์ สังเกตป้ายบอกทาง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนนวลจันทร์ไปเลยครับ เข้าถนนนวลจันทร์มาแล้วก็ตรงไปอีกนะครับ ตรงเข้ามานิดเดียวจะเจอสามแยก เลี้ยวซ้ายไปออกถนนรามอินทราตามป้าย เดี๋ยวเราเลี้ยวซ้ายที่สามแยกนี้เลยนะครับ เลี้ยวซ้ายเข้าซอยรามอินทรา 40 มีป้ายโฆษณาของโครงการติดบอกทางอยู่ที่ปากซอยด้วย จากนั้นตรงเข้าไปในซอยรามอินทรา 40 อีกนิดเดียวก็ถึงโครงการแล้วหล่ะครับ ถึงแล้วครับที่ตั้งโครงการ District เอกมัย-รามอินทรา อยู่ฝั่งขวามือ ทางเข้าโครงการ   แต่ในอนาคตการเดินทางมายังโครงการจะสะดวกกว่านี้อีก ด้วยรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ที่คาดว่าจะมีสถานีใกล้กับปากซอยรามอินทรา 40 เลยทีเดียว ถ้าหากอนุมัติการก่อสร้างเมื่อไหร่ ก็เชื่อได้ว่าความเจริญต่างๆ จะยิ่งแผ่ขยายมาเร็วกว่านี้อีกแน่นอน   Home Office รูปแบบใหม่ ดีไซน์ทันสมัย   Home Office ของ District เอกมัย-รามอินทรา มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบด้วยกัน คือ Home Office 4 ชั้น ที่มาพร้อมกับพื้นที่ใช้สอยประมาณ 360 ตร.ม. และ Home Office 3.5 ชั้น กับพื้นที่ใช้สอยประมาณ 173 ตร.ม. ซึ่งแบบบ้านที่เราจะพาไปดูกันก็คือ Home Office 4 ชั้นครับ   รูปร่างหน้าตาภายนอกอาคารถูกออกแบบมาเป็นคู่ หรือที่เรียกว่าบ้านแฝดนั่นแหละครับ ดูหรูหราทันสมัย ตามคอนเซปต์ Modern Luxury เลย หน้าบ้านกว้างถึง 8 เมตร สามารถจอดรถได้มากถึง 6 คันเลยทีเดียว ตัวอาคารเน้นใช้กระจกบานใหญ่ เพื่อให้ดูโปร่งสบายตา ไม่อึดอัด แล้วก็ช่วยให้รับแสงภายนอกได้ดีขึ้น ซึ่งภายในบ้านตัวอย่างก็มีการตกแต่งพื้นที่ใช้สอยในส่วนต่างๆ ไว้อย่างน่าสนใจทีเดียวครับ   ทางโครงการลองตกแต่ง Home Office หลังนี้ให้เป็นห้องเสื้อหรูสำหรับสาวๆ โดยพื้นที่ชั้นล่างหน้าร้านจัดเป็นรับรองลูกค้า และมุมโชว์สินค้า ตกแต่งด้วยพื้นเล่นระดับในโทนสีขาวสบายตา ในขณะที่ชั้น 2 เป็นโถงขนาดใหญ่เพื่อโชว์เสื้อผ้าสวยๆ ได้มากขึ้น มีห้องลองเสื้อ วางโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ไว้ด้วย นับว่าเป็นไอเดียในการตกแต่งไม่เลวเลยครับ ดูเรียบๆ แต่แฝงไว้ด้วยความโก้หรู หน้าทางเข้าเป็นประตูกระจกบานเลื่อน ด้านหน้าโครงการตกแต่งเป็นเคาน์เตอร์ Reception ด้านขวามมือเป็นพื้นที่ว่างสามารถจัดเป็นพื้นที่รับรองลูกค้า หรือโชว์สินค้าก็ได้ครับ เดี๋ยวเราเดินเข้าไปดูด้านในกันต่อ ห้องแรกจะเป็นห้องน้ำ อยู่ทางด้านขวามือ ห้องน้ำที่ชั้น 1 จะเป็นห้องน้ำหรับลูกค้าที่มาติดต่องานจึงมีเพียงอ่างล้างหน้ากับโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าทรงกลม พร้อมกระจกเงาขนาดพอดีตัว โถสุขภัณฑ์วางอยู่ใกล้ๆ กัน ถัดจากห้องน้ำเป็นห้องครัวแอบอยู่ด้านในสุด พื้นที่บริเวณห้องครัวถือว่ากว้างขวางเลยนะครับ ตรงข้ามห้องครัวเป็นบันไดขึ้นชั้น 2 สังเกตว่าจะมีห้องใต้บันไดไว้สำหรับทำเป็นห้องเก็บของได้ด้วย ขึ้นมาถึงชั้น 2 ตรงกับบันไดมีห้องน้ำอีก 1 ห้อง ห้องน้ำบนชั้น 2 จะคล้ายๆ กับที่ชั้น 1 ขึ้นมาบนชั้น 2 โครงการยังตกแต่งเป็นพื้นที่สำหรับโชว์สินค้า และมีพื้นที่สำหรับพบปะลูกค้า ที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าชั้น 1 บันไดขึ้นไปที่ชั้น 3 พอขึ้นมาที่ชั้น 3 ทางโครงการตกแต่งให้เป็นออฟฟิศ จัดห้องทำงานให้ดูโล่งๆ เพื่อให้ทุกคนสามารถแชร์ไอเดียงานกันได้สะดวก นอกจากนี้ยังเพิ่มมุมหนังสือ และ Pantry ครัวเล็กๆ เอาไว้เตรียมเครื่องดื่มและของว่าง ช่วยเพิ่มบรรยากาศในการทำงานให้ไม่น่าเบื่อ และมีอิสระทางความคิดมากขึ้นด้วย ขึ้นมาถึงชั้น 3 จะเริ่มเป็นโซนออฟฟิศแล้วนะครับ ตรงกับบันไดโครงการทำเป็น Pantry เล็กๆ สำหรับพนักงานในออฟฟิศ ด้านหลัง Pantry จะเป็นห้องน้ำอีก 1 ห้อง การจัดวางและสุขภัณฑ์ที่ใช้จะคล้ายๆ กับห้องน้ำที่เราดูมาแล้วนะครับ แต่ห้องนี้จะมีพื้นที่สำหรับอาบน้ำมาให้ด้วย พื้นที่บนชั้น 3 โครงการตกแต่งเป็นโซนออฟฟิศสำหรับนั่งทำงาน ด้านขวามือตกแต่งเป็นที่นั่งสำหรับผู้บริหาร มีฉากบางๆ กั้น เนื่องจากเป็นออฟฟิศแฟชั่น การตกแต่งการจึงดูออกแนวแฟชั่นอย่างที่เห็น ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่สำหรับพนักงาน โครงการวางโต๊ะแนวยาวจัดเป็นโต๊ะทำงาน ได้หลายที่เลยนะครับ ประหยัดพื้นที่ไปอีกแบบ ขึ้นมาถึงชั้นบนสุด จะเป็นพื้นที่อยู่อาศัย พ้นบันไดมาก็จะเป็นห้องนั่งเล่นเลย พื้นที่ติดกันจะเป็นครัวเล็กๆ สำหรับทำอาหาร อาจจะไม่ได้เป็นครัวจริงจังมาก แต่ก็พร้อมใช้งานเลยนะครับ มีหน้าต่างระบายอาหารเรียบร้อย ในขณะที่พื้นที่อีกโซนจะแบ่งออกเป็น 2 ห้องนอน คือ Master Bedroom มีห้องน้ำในตัวอยู่ในโซนหน้าบ้าน และห้องนอนเล็กอยู่โซนกลางของชั้น จริงๆ ห้องนอนเล็กนี้สามารถดัดแปลงไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้อีกเยอะนะครับ ถ้าสมาชิกในครอบครัวมีไม่เยอะ จะจัดให้เป็นห้องทำงานเล็กๆ ห้องเก็บของ หรือห้องอเนกประสงค์อีกล้านไอเดียเลย ขึ้นมาที่ชั้น 4 จะเป็นชั้นสำหรับพักอาศัย ตรงหน้าบันไดโครงการตกแต่งเป็นส่วนครัวไว้ให้ดูเป็นไอเดีย Built in เป็นเคาน์เตอร์แนวยาว มี Island เล็กๆ เป็นที่นั่งรับประทานอาหาร ฝั่งตรงข้ามเป็น Living Area พื้นที่บริเวณ Living Area สามารถวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้ ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีอยู่ในระยะที่ถือว่าไม่ใกล้เกินไป มุมมองจาก Living Area ไปที่ส่วนครัว จะเห็นทางออกไปบันไดหนีไฟอยู่ทางซ้ายมือ จาก Living Area จะเป็นทางเดินเข้าไปด้านใน ห้องแรกด้านขวามือจะเป็นห้องนอนเล็ก โครงการวางเตียงขนาด 3 ฟุตมาให้ดูเป็นไอเดีย อีกด้านโครงการ Built in เป็นตู้เสื้อผ้าบานสูงถึงเพดาน ฝั่งตรงข้ามห้องนอนเล็กจะเป็นห้องน้ำ พร้อมพื้นที่อาบน้ำ ไม่มีฉากกั้นให้นะครับ แต่จะดรอปพื้นลงไปเล็กน้อย ตรงเข้ามาด้านในสุดจะเป็นห้องนอน Master โครงการวางเตียงขนาด 6 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ปลายเตียง Built in เป็นกระจกกั้น พร้อมติดทีวีแบบแขวน เดี๋ยวไปดูที่ห้องน้ำกันต่อ หน้าทางเข้าห้องน้ำโครงการจะ Built in ตู้เสื้อเป็นแบบ Walk in Closet ตู้เสื้อผ้าอยู่ที่หน้าห้องน้ำ ที่โครงการ Built in ไว้ให้ดูเป็นไอเดีย มาถึงห้องน้ำกันบ้าง ห้องน้ำในห้องนอน Master จะใช้สุขภัณฑ์ต่างจากห้องน้ำที่เราดูมาแล้วทั้งหมดนะครับ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมกับกระจกเงา ฝั่งตรงข้ามเป็น Shower Box มีฉากกั้นมาให้เรียบร้อย อย่างที่บอกไปแล้วนะครับว่าตัวอาคารเน้นใช้กระจกเพื่อช่วยในการรับแสง พื้นที่แทบจะทุกส่วนของบ้านสามารถเปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ไม่เว้นแม้แต่โถงบันได ซึ่งจะมีหน้าต่างกระจกใหญ่ ทำให้ทางเดินบริเวณบันไดดูโล่งสบายตามากขึ้น และด้วยความที่ตัวอาคารถูกใช้งานให้เป็นออฟฟิศด้วย เรื่องความปลอดภัยก็สำคัญไม่แพ้กัน ทางโครงการออกแบบให้มีบันไดหนีไฟอยู่ทางด้านหลังอาคาร และมีประตูทางออกในทุกๆ ชั้น ช่องแสงที่โถงบันได บันไดหนีไฟบนชั้น 2 จะสังเกตเห็นทางด้านซ้ายมือ บันไดหนีไฟบริเวณครัวบนชั้น 4 และสุดท้ายก็คือเรื่องของ Facility ต่างๆ ภายในโครงการ ซึ่งทางโครงการก็จัดไว้ให้ค่อนข้างครบเลยครับ ทั้งสโมสร ฟิตเนส สวนสาธารณะ รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง และกล้อง CCTV รอบโครงการ เพื่อความสะดวกสบาย และความอุ่นใจของลูกบ้านทางโครงการก็ไม่ลืมให้ความใส่ใจทุกจุดอย่างเต็มที่นะครับ District เอกมัย-รามอินทรา สามารถตอบโจทย์คนที่กำลังมองหาบ้านแบบ Home Office ที่อยู่ในย่านที่เดินทางสะดวก แวดล้อมไปด้วยสาธารณูปโภคครบครัน และเอื้อประโยชน์ทั้งในแง่ของการประกอบกิจการธุรกิจต่างๆ พร้อมทั้งไม่ทิ้ง Life Style แบบคนเมืองที่สามารถออกไปพบปะลูกค้า หรือสังสรรค์หลังเลิกงานได้สบายๆ ในขณะเดียวกันพื้นที่ภายในบ้านก็กว้างมากพอให้สามารถปรับฟังก์ชั่นการใช้สอยได้ตามลักษณะธุรกิจ เติมเต็มทุกจินตนาการ ต่อยอดกิจการใหม่ได้อย่างไม่สิ้นสุด และยังมีพื้นที่อยู่อาศัยสบายๆ ที่คุณจะพบจังหวะใหม่ในการทำงานที่สอดคล้องไปกับชีวิตส่วนตัวได้อย่างกลมกลืนเลยทีเดียว
สำรวจทำเล โฮมออฟฟิศ โครงการใหม่ล่าสุด ย่านเอกมัย-รามอินทรา เพื่อชีวิตและธุรกิจที่ลงตัว : รีวิวทาวน์โฮม

สำรวจทำเล โฮมออฟฟิศ โครงการใหม่ล่าสุด ย่านเอกมัย-รามอินทรา เพื่อชีวิตและธุรกิจที่ลงตัว : รีวิวทาวน์โฮม

รีวิวฉบับนี้ เรากำลังพูดถึง District เอกมัย-รามอินทรา โครงการ Home Office สุดหรูย่านเอกมัย-รามอินทรา หนึ่งในทำเลที่แวดล้อมด้วยสังคมเมืองของคนรุ่นใหม่ที่น่าจับตาในเวลานี้ เพื่อให้ทุกคนเห็นสภาพแวดล้อมของสังคมที่ดีและคุณภาพชีวิตอันสะดวกสบาย ไปจนถึงละแวกโดยรอบที่เอื้ออำนวยต่อการอยู่อาศัยและทำธุรกิจในเวลาเดียวกัน เราจะมาพูดถึงความพิเศษที่ District เลือกปักหมุดทำเลในย่านนี้กันครับ Lifestyle สุดชิค ชีวิตแบบคนเมือง เริ่มตั้งแต่ตัวโครงการ District ที่เป็น Home Office ดีไซนต์ทันสมัยภายใต้คอนเซปต์ Modern Luxury เพื่อตอบโจทย์รูปแบบชีวิตที่ลงตัวของคนรุ่นใหม่ เพื่อให้จังหวะชีวิตและมุมมองธุรกิจเป็นหนึ่งเดียวกัน พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการเพื่อการอยู่อาศัยที่ครบถ้วนสมบูรณ์ รวมถึงบริเวณโดยรอบของ District เอกมัย-รามอินทรา ก็แวดล้อมไปด้วย Community Place และบรรดาห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ขับรถไปได้ในเวลาไม่กี่นาที ตอบโจทย์การใช้ชีวิตตลอด 24 ชั่วโมง ด้วย Supermarket และ Grocery Store ชั้นนำที่เปิดให้บริการทั้งวันทั้งคืนอย่าง Foodland และ Max Value รวมถึง Tops Supermarket และ Tops Food Market ให้คนรักการทำอาหารได้จับจ่ายของเข้าครัว หรือจับจ่ายของอุปโภคบริโภคนำเข้าจากต่างประเทศ ทีนี้ไม่ว่าจะต้องทำงานอยู่ดึกแค่ไหนก็หายห่วง หรือว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศนั่งชิลร้านกาแฟ คาเฟ่เก๋ๆ ในละแวกนี้ก็มีให้เลือกเพียบ ทั้งใน Community Mall ชื่อดังประจำย่านอย่าง Crystal Design Center (CDC) และ The Crystal Park ที่มีคาเฟ่น่านั่งอยู่มากมาย ในขณะที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ชั้นนำก็ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ที่ทันสมัยและชิคสุดในเวลานี้ต้องยกให้ Central Festival East Ville ห้างใหม่เลียบทางด่วนรามอินทราที่ดึงดูดทุกไลฟ์สไตล์ไว้อย่างไม่ตกเทรน หรือจะขยับไปอีกนิด ก็ยังมี Central Plaza Ladprao ที่คุ้นเคยไว้ให้อุ่นใจอีกแห่ง เรื่องชิคเรื่องช๊อปยังไม่หยุดอยู่แค่นี้ แหล่งช็อปสุดแนวทั้งตลาดนัดเลียบด่วน และตลาดนัดหัวมุม ก็เป็นอีกตัวเลือกบนถนนเลียบทางด่วนรามอินทราสำหรับวันสบายๆ ที่อยากอัพเดทเทรนวัยรุ่น หรือหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจก็น่าสนใจไม่แพ้กัน Varity of Foods นานาร้านอาหารชื่อดัง ที่เลือกกินได้แบบไม่ซ้ำ บอกแล้วว่าใกล้ๆ กับโครงการ District เอกมัย​-รามอินทรานี่มีของดีเพียบ รอบโครงการก็เต็มไปด้วยร้านอาหารนานาชนิด อร่อยง่ายๆ ตลอดทั้งซอยรามอินทรา 40 และถนนนวลจันทร์ แต่ถ้าชีวิตคนเมืองต้องป๊อป ต้องชิค ร้านเด่นร้านดังก็มีให้เลือก Hangout ได้ไม่เว้นวัน ไม่ว่าจะเป็นนัดกินมื้อกลางวันแบบคลูๆ ที่ On The Table, Zen, กัลปพฤกษ์ หรือร้านก๋วยเตี๋ยวแม่ศรีเรือน ก็ไม่เลวสำหรับวันทำงาน ส่วนค่ำๆ ขอเลยเถิดอีกนิด จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ Est.33, Wine Connection, Wine I Love You ที่ CDC ก็รวบรวมไว้ครบในที่เดียว แต่ถ้ายังไม่พอ ขับรถต่อไปอีกหน่อยก็ถึง เอกมัย-ทองหล่อ ย่านปาร์ตี้แถวหน้าที่ไม่มีใครไม่รู้จัก แค่ใช้เส้นทางถนนหลักเลียบทางด่วนรามอินทราไปแค่นี้ก็สะดวกสุดๆ แล้ว เชื่อมต่อทุกการเดินทาง เข้าสู่ใจกลางเมืองได้ง่ายยิ่งกว่าใคร ประเด็นสำคัญในการเลือกซื้อบ้าน หรือหาที่ตั้งออฟฟิศก็คือ เรื่องของการเดินทาง แน่นอนว่า District เอกมัย-รามอินทรา อยู่ในทำเลที่ตอบโจทย์การเดินทางครบทุกข้อ เริ่มตั้งแต่ตำแหน่งของโครงการที่ใกล้ถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ มีด่านขึ้นลงอยู่ไม่ไกล เข้าซอยมาไม่ลึกก็เจอเลย สังเกตุเห็นได้ไม่ยากครับ ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับการเปิดกิจการ อีกทั้งยังสามารถเข้าออกได้หลายทางอีกด้วย เช่น จากถนนรามอินทรา ก็ให้เข้ามาทางซอยรามอินทรา 40 หรือถ้ามาจากทางถนนเลียบทางด่วน ก็ให้เลี้ยวเข้าถนนนวลจันทร์ เข้ามานิดเดียวก็เห็นป้ายซอยรามอินทรา 40 เลี้ยวซ้ายมาอีกหน่อยก็ถึงโครงการแล้วครับ แค่เส้นทางหลักๆ สองอันนี้ก็อธิบายให้ใครต่อใครเข้าใจได้ง่ายแบบสุดๆ ข้อดีของทำเลบนถนนนวลจันทร์นี้ยังมีอีกเยอะทีเดียว เพราะถึงแม้จะเป็นถนนสายรอง แต่ก็เชื่อมต่อไปยังถนนหลายๆ เส้น ทั้งถนนเกษตร-นวมินทร์ ถนนประเสิรฐมนูกิจ ถนนพหลโยธิน ถนนลาดพร้าว ถนนวิภาวดี หรือไปถึงย่านสุขุมวิท เอกมัย-ทองหล่อก็ง่าย มีซอยให้ลัดเลาะมากมาย แถมมีถนนวงแหวนอยู่ใกล้ๆ ให้ใช้อีก ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน หรือต้องติดต่องาน นัดลูกค้าไว้ในย่านใดก็จัดว่าสะดวกมากๆ ตอบโจทย์ในแง่ของการเดินทางเพื่อการติดต่อธุรกิจที่ง่ายแบบนี้นี่เอง จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำเลในย่านนี้จะมีโครงการที่เป็น Home Office ค่อนข้างเยอะ นอกจากนี้การเดินทางที่สะดวกที่สุดสำหรับคนเมืองอย่างรถไฟฟ้าก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินฝันนะครับ เพราะที่ตั้งของ District อยู่ในเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่ยังไงๆ ในอนาคตก็ต้องได้ใช้อย่างแน่นอน พอรถไฟฟ้ามาถึง การเดินทางก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรก็คงประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก จากแผนที่จะเห็นโครงการ District เอกมัย-รามอินทรา อยู่ในซอยรามอินทรา 40 ที่เชื่อมต่อระหว่างถนนรามอินทรากับถนนนวลจันทร์ที่แยกมาจากถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือที่เรียกกันติดปากว่าถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา ซึ่งถือเป็นเส้นหลักในการเดินทางในย่านนี้ นอกจากนี้ยังอยู่ไม่ไกลจากจุดขึ้น-ลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์อีกด้วย ส่วนบรรยากาศในย่านนี้จะเต็มไปด้วย Home Office, ร้านค้า และร้านอาหารต่างๆ มากมายเลยนะครับ ไล่ตั้งแต่หน้าปากซอยนวลจันทร์ด้านถนนประดิษฐ์มนูธรรม เรื่อยเข้าไปถึงในซอยรามอินทรา 40 และยาวเข้าไปในถนนนวลจันทร์ก็จะเต็มไปด้วย Office Building, Home Office และร้านค้าต่างๆ พอรวมทุกศักยภาพของทำเลที่ District เอกมัย-รามอินทรา เลือกปักหมุดในตำแหน่งนี้แล้ว ก็ต้องบอกว่าโครงการนี้ถือเป็น Home Office ที่น่าจับตาเป็นอย่างมาก ปัจจัยโดยรอบสามารถตอบโจทย์การทำงาน และไลฟ์สไตล์ที่มีสีสัน ให้คุณมีแรงบันดาลใจในการทำงาน รวมถึงมีจังหวะชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบรอบด้านทั้งครอบครัวและธุรกิจ ถ้าคุณกำลังมองหา Home Office ในฝัน เราเชื่อว่า District เอกมัย-รามอินทรา เป็นหนึ่งในโครงการที่ดีที่สุดโครงการหนึ่งที่สำหรับคุณ สำหรับโครงการ District เอกมัย-รามอินทรา จะเปิดจองครั้งแรกในวันที่ 25-26 มิถุนายนนี้ ในราคาเริ่มต้น 8.9 - 15.9 ล้านบาท ใครสนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษได้ที่นี่เลยนะครับ www.apthai.com/โฮมออฟฟิศ/district/district-ekkamai-ramintra/
DISTRICT เอกมัย-รามอินทรา : รีวิวทาวน์โฮม

DISTRICT เอกมัย-รามอินทรา : รีวิวทาวน์โฮม

DISTRICT เอกมัย-รามอินทรา โฮมออฟฟิศรูปแบบใหม่ในซอยรามอินทรา 40 ด้วยการออกแบบภายใต้ Concept Modern Luxury ทั้งการออกแบบภายนอกและภายใน อำนวยความสะดวกด้วย Private Parking 2-6 คัน ตอบโจทย์การอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบด้วยพื้นที่ส่วนกลาง สโมสร และ ฟิตเนสภายในโครงการ โครงการใหม่ล่าสุดจาก AP เปิดจอง 25-26 มิถุนายนนี้ ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษได้ที่ www.apthai.com     รายละเอียดโครงการ   ราคาเริ่มต้น     8.99 - 15.90 ล้านบาท เจ้าของโครงการ     บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ     โฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น และ 4 ชั้น จำนวน 36 หลัง เนื้อที่ทั้งหมด    6 - 0 - 9.6 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ซอยรามอินทรา 40 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ   สถานที่สำคัญใกล้เคียง   สนามกอล์ฟนวลจันทร์    450 M โรงเรียนเลิสหล้า     3.5 KM Cristal Park     4.2 KM โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์     4.7 KM CDC     5 KM Tesco Lotus     5 KM Home Pro     5 KM Central Festival     5 KM โรงเรียนสตรีวิทยา 2     5 KM Central Plaza     7 KM มหาวิทยาลัยเกษตร     8 KM มหาวิทยาลัยศรีปทุม     9 KM แบบบ้านและขนาดพื้นที่ใช้สอย   โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 360.95 ตร.ม. จำนวน 24 ยูนิต พื้นที่จอดรถส่วนตัว 6 คัน โฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 172.80 ตร.ม. จำนวน 12 ยูนิต พื้นที่จอดรถส่วนตัว 2-3 คัน   สิ่งอำนวยความสะดวก   สโมสร พร้อมห้องฟิตเนส สวนสาธารณะ ป้อมยามรักษาความปลอดภัย กล้อง CCTV รอบโครงการ ระบบสายไฟฟ้าปักเสาพาดสาย ตามแบบมาตราฐานการไฟฟ้านครหลวง ระบบท่อเมนประปา ตามแบบมาตราฐานการประปานครหลวง ถนนคอนกรีตหลักกว้าง 9 เมตร   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  1623 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.apthai.com
Life ปิ่นเกล้า : รีวิวคอนโด

Life ปิ่นเกล้า : รีวิวคอนโด

ไม่นานมานี้ เราเพิ่งจะได้ยินข่าวว่าทาง AP เตรียมจะเปิดตัวโครงการใหม่ย่านปิ่นเกล้า ในแบรนด์ Life ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการภายใต้ความร่วมมือกับทาง Mitsubishi Estate แต่ยังไม่ทันไรก็มีกระแสว่าโครงการ Life ปิ่นเกล้า ได้รับการตอบรับที่ดีเกินความคาดหมาย แค่ช่วงทดลองเปิด Pre-sale ก็มียอดจองล้นหลามแล้ว งานนี้พวกเราทีมงานเลยรีบเข้าไปเก็บข้อมูลโครงการ และภาพห้องตัวอย่างมาให้ดูกันแบบด่วนๆ เลยครับ   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น     3,000,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ    High Rise สูง 23 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง    803 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   4 - 3 - 86.3 ไร่ ที่จอดรถ    52% (รวมจอดซ้อนคัน) ที่ตั้งโครงการ    ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปี 2561 ค่าส่วนกลาง    34 บาท/ตารางเมตร/เดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี ค่ากองทุน    450 บาท/ตารางเมตร เก็บครั้งแรกในวันโอนกรรมสิทธิ์ การเดินทาง ทำเลที่ตั้งโครงการ Life ปิ่นเกล้า อยู่ริมถนนจรัญสนิทวงศ์ ใกล้กับซอยจรัญฯ 40/1 ห่างจากแยกบรมราชชนนีประมาณ 450 เมตรเท่านั้น แต่จุดเด่นสำคัญของโครงการอยู่ที่ ห่างจากหน้าโครงการไปเพียง 40 เมตรก็จะเป็นบันไดทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน (สถานีบางยี่ขัน) ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างครับ และคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมใช้งานพอๆ กับที่คอนโด Life ปิ่นเกล้า เลยด้วย การเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองด้วยรถไฟฟ้าสำหรับลูกบ้านของโครงการจึงนับว่าสะดวกสุดๆ จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าศักยภาพของทำเลในแถบนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และได้รับความสนใจมากเลยทีเดียว นอกจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า MRT ในอนาคตอันใกล้แล้ว ปัจจุบันการเดินทางมายังโครงการ ก็สามารถทำได้หลากหลายวิธีเช่นกัน เหมือนที่เราลองเลือกเส้นทางถนนจรัญสนิทวงศ์ ตั้งแต่แยกท่าพระซึ่งเป็นต้นถนน ลองวิ่งมาเรื่อยๆ จนข้ามแยกบรมราชชนนีมาแล้วค่อยมากลับรถมายังโครงการ ตลอดเส้นทางตอนนี้อาจจะติดขัดบ้าง เพราะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่ในขณะนี้ ทำให้การจราจรไม่ค่อยคล่องตัวเท่าที่ควร แต่เชื่อว่าถ้ารถไฟฟ้าสร้างเสร็จแล้ว การจราจรจะคล่องตัวขี้นอีกเยอะ ไหนจะรถไฟฟ้า และอุโมงค์ข้ามแยกต่างๆ อีก น่าจะช่วยลดปัญหารถติดไปได้ไม่มากก็น้อยเลยครับ แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ เราเริ่มกันบริเวณสะพานข้ามคลองบางกอกใหญ่เลยนะครับ เราตรงไปตามถนนจรัญสนิทวงศ์เรื่อยๆ เลยนะครับ ลงจากสะพานข้ามคลองบางกอกใหญ่นิดหน่อย จะเป็นแยกท่าพระ เราลงอุโมงค์ลอดใต้แยกไปเลยนะครับ พอขึ้นมาจากอุโมงค์แล้วจะเริ่มเจอกับการก่อสร้างรถไฟฟ้า ที่ทอดยาวตลอดแนวถนนจรัญสนิทวงศ์ การจราจรอาจจะหนาแน่นสักหน่อยนะครับ เพราะถนนถูกบีบลงมาเหลือ 2 เลน ตรงมาตามถนนจรัญสนิทวงศ์เรื่อยๆ จะเจอตลาดบางขุนศรี อยู่ทางซ้ายมือ เลยจากตลาดบางขุนศรีมาจะเจอแมคโคร สาขาจรัญสนิทวงศ์ ตรงมาอีกหน่อยเราจะเจออีกหนึ่งแยก คือแยกบรมราชชนนี แยกนี้เราก็ตรงลงอุโมงค์อีกเหมือนกันนะครับ พอขึ้นมาจากอุโมงค์แล้วจะเห็นที่ตั้งโครงการอยู่ทางด้านขวามือ ที่ตั้งโครงการจะอยู่ฝั่งขวามือนะครับ ต้องตรงไปกลับรถอีกประมาณ 300 เมตร บริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน Susco กลับรถมาแล้วเราก็เลี้ยวซ้ายเข้าโครงการกันเลยครับ หน้าตาของสำนักงานขายโครงการ วิเคราะห์รอบโครงการ Life ปิ่นเกล้า เป็นคอนโด High Rise สูง 23 ชั้น บนเนื้อที่ประมาณ 4.3 ไร่ โดยทาง AP ได้เสนอคอนเซปต์แนวคิดที่ว่า “Discover The New Joy of Old Memories” ซึ่งเป็นการบอกเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของพื้นที่ ผสมผสานเสน่ห์แห่งวิถีชีวิตชุมชนของย่านนี้ มาสู่รูปแบบการใช้ชีวิตที่พิถีพิถัน เรียบหรูและลงตัวสำหรับคนรุ่นใหม่ โดยกลุ่มเป้าหมายหลักที่ทาง AP มุ่งเน้นให้เป็นลูกค้าหลักคือ กลุ่มคนในพื้นที่ กลุ่มพ่อค้าชาวไทยเชื้อสายจีนที่ต้องการซื้อไว้อยู่อาศัยเอง หรือส่งต่อให้ลูกหลานต่อไป รวมไปถึงกลุ่มหมอ และข้าราชการระดับสูงซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง และด้วยความที่คนกลุ้มนี้จะมีความคุ้นชินกับพื้นที่อยู่แล้ว จึงน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทางโครงการได้รับการตอบรับอย่างดีด้วยยอดจองถล่มทลายเหนือความคาดหมายแบบนี้ พื้นที่ฝั่งธนบุรีในย่านนี้มีความคึกคักและมีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากมาตั้งแต่อดีตแล้วครับ ร้านค้า ร้านอาหาร ตลาดสด ตลาดน้ำ รวมกันอยู่หนาแน่นเข้าขั้นอุดมสมบูรณ์มาก แถมด้วยสถาบันศึกษาชื่อดัง โรงพยาบาล หน่วยงานราชการ ห้างสรรพสินค้า โรงหนัง แหล่งช็อปปิ้งก็แวดล้อมอยู่ใกล้ๆ ทุกอย่าง เป็นทั้งพื้นที่ชุมชนการค้า ศูนย์งานราชการครบถ้วน การเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมือง หรือข้ามเข้าสู่ฝั่งพระนครก็ทำได้หลายเส้นทาง สามารถเดินทางได้ทั้งรถ และเรือ รวมถึงรถไฟฟ้าที่จะมีในอนาคตด้วยอีกอย่าง ไม่ว่าจะมองในด้านใดพื้นที่บริเวณนี้ก็ถือว่ามีศักยภาพตอบโจทย์ด้านการอยู่อาศัยมากที่สุดแห่งหนึ่งเลยล่ะครับ ในส่วนของพื้นที่ภายในโครงการ ก็เน้นให้มีพื้นที่สีเขียวมากถึง 3 ไร่ นับตั้งแต่ทางเข้าสู่ตัวโครงการที่มีการผสานความร่มรื่นของทิวไม้และสายน้ำ ภายใต้แนวคิด “Mura” A Village within Nature ในขณะที่ Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 5 ทั้งสระว่ายน้ำในระบบน้ำเกลือแบบ Infinity Edge Pool ยาว 40 เมตร พร้อมวิวสะพานพระราม 8 ในมุมที่สวยที่สุด, ห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่ที่ให้วิวแบบ Panoramic ในบรรยากาศเหมือนได้ออกกำลังกายอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และห้องซ่าวน่า สตีมแยกชายหญิง รวมถึง Casual Space พื้นที่สำหรับพักผ่อน หรือไว้พบปะพูดคุยสังสรรค์ ซึ่งทางโครงการตั้งใจจัดสรรไว้ให้ลูกบ้านของ Life ปิ่นเกล้าโดยเฉพาะ นอกจากนี้เรื่องความเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน ทางโครงการก็ไม่ลืมให้ความสำคัญนะครับ โดยเฉพาะยูนิตพักอาศัยที่อยู่บนชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับพื้นที่ส่วนกลาง ทางโครงการก็มีการออกแบบตกแต่งสวนไว้เป็นแนวยาว เพื่อช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องด้านที่ติดกับสระว่ายน้ำมากขึ้นด้วย มาดูกันที่ Master Plan ของโครงการกันก่อนนะครับ ด้านหน้าโครงการจะเป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนด้านในตัวอาคารด้านหน้าจะเป็น Main Lobby สำนักงานนิติบุลคล Mail Box และร้านค้า ส่วนพื้นที่ด้านในจะเป็นที่จอดรถตั้งแต่ชั้น 1 ขึ้นไปถึง ชั้น 4 สวนสไตล์ญี่ปุ่นที่ผสมผสานกันของทิวไม้และเสียงน้ำ กับแนวคิด "Mura" A Village within Nature ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการ บรรยากาศของโถง Lobby ที่ชั้น 1 ชั้น 5 จะเป็นชั้นที่มี Facility หลักของโครงการ ประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำ แบบ Infinity Edge Pool ความยาวกว่า 40 เมตร พร้อมห้องฟิตเนส, Casual Space, Steam และ Sauna ส่วนพื้นที่อีกด้านจะเป็นห้องพักอาศัย บรรยากาศของสระว่ายน้ำ บนชั้น 5 ได้วิวฝั่งสะพานพระราม 8 บรรยากาศของห้องฟิตเนส บนชั้น 5 Casual Space พื้นที่สำหรับพบปะกันของลูกบ้าน ตั้งแต่ชั้น 8-23 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด พื้นที่โล่งตรงนี้จะเป็นสถานที่ก่อสร้างโครงการนะครับ ด้านนี้จะเป็นทิศตะวันออกที่หันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา จะสังเกตเห็นว่ายังไม่มีตึกสูงขึ้นมาบังวิว ภาพมุมสูงในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะหันไปทางสะพานพระราม 8 ยังไม่มีตึกสูงขึ้นมาบังวิว ด้านทิศเหนือที่หันไปทางบางพลัดก็เช่นกันนะครับ ยังไม่มีตึกสูงมาบังวิว ภาพมุมสูงของทิศเหนือ หันไปทางสถานีรถไฟฟ้าบางยี่ขัน ด้านทิศใต้จะมีอาคารสูงขึ้นอยู่นิดหน่อย ส่วนด้านหน้าโครงการจะเป็นทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีตึกสูงเพียงตึกเดียวคือคอนโดคอมมอนเวลธ์ ปิ่นเกล้า สูง 22 ชั้น แต่ก็ไม่ได้อยู่ใกล้จนบังวิวซะทีเดียวนะครับ ภาพมุมสูงของทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พาชมห้องตัวอย่าง มาถึงห้องพักอาศัยกันบ้างนะครับ Life ปิ่นเกล้า มีห้องให้เลือกหลายขนาดเช่นกัน โดยมีขนาดเริ่มต้นอยู่ที่ 26 ตร.ม. ไปจนถึงห้องขนาด 60.50 ตร.ม.ซึ่งเป็นขนาดใหญ่สุด สำหรับการอยู่อาศัยในลักษณะของครอบครัวมากยิ่งขึ้น แต่ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมในครั้งนี้ เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Plus ในขนาด 35 ตร.ม. ซึ่งถือว่าเป็น Highlight ของโครงการเลยทีเดียวครับ โดย Layout ของห้องนี้จะถูกจัดสรรพื้นที่ใช้สอยให้พิเศษมากขึ้น ด้วยการปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานให้ตอบโจทย์มากกว่าเดิม ด้วยพื้นที่ของ Walk in Closet ในห้องนอนที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บข้าวของได้มากขึ้น และเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าเดิม แน่นอนว่าพื้นที่ในส่วนนี้เจ้าของห้องยังสามารถปรับเปลี่ยนการใช้สอยได้ความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงาน ห้องนอนเล็ก หรือห้องอเนกประสงค์อื่นๆ ก็ตามแต่ความจำเป็นใช้งานเลยครับ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ภายในห้องก็ถือว่าจัดสรรปันส่วนกันได้อย่างลงตัวมากๆ เลยทีเดียว เดี๋ยวไปดูตามรูปที่เก็บมาฝากกันเลยครับ แปลนห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตารางเมตร เปิดประตูเข้ามาแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยนะครับ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาไม่ถือว่าใกล้กันเท่าไหร่ ด้านที่วางโซฟามีพื้นที่ให้วางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้เลยนะครับ แถมยังมีที่เหลือให้วางโต๊ะข้างหรือโต๊ะทำงานได้อีกด้วย ส่วนฝั่งชั้นวางทีวี เลยจาก Living Area เข้ามาด้านใน ฝั่งที่ติดกับชั้นวางทีวี จะเป็นส่วนครัวแบบเปิด พร้อมโต๊ะทานอาหาร เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นรูปตัว L ด้านล่างจะมีช่องวางเครื่องซักผ้า และไมโครเวฟ ซิงค์ล้างจานทรงสี่เหลี่ยม เตาไฟฟ้า 2 หัวของ Teka พร้อมฮูดดูดควัน ต่อมาเรามาดูห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องครัวกันต่อนะครับ อ่างล้างหน้าวางอยู่ติดกับโถสุขภัณฑ์ พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม วางอยู่ติดกับโถสุขภัณฑ์ Shower Box จะอยู่ด้านในสุด เราออกไปมาดูที่ห้องนอนด้านนอกกันต่อนะครับ ห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขนาดของห้องนอนค่อนข้างกว้างพอสมควรนะครับ โครงการวางเตียง 6 ฟุตลงไปแล้วยังมีพื้นที่รอบๆ เตียงเหลือให้วางอย่างอื่นได้อีกนิดหน่อย หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่แบบนี้เลยนะครับ มีบานกระทุ้งเป็นบานเล็ก 1 บาน ที่เหลือจะเป็นบาน Fix ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือพอให้เดินได้ ถ้าอยากมีทีวีไว้ในห้องนอนด้วย คงต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนัง เหมือนในห้องตัวอย่างแทนนะครับ ถัดจากห้องนอนเข้าไปด้านในอีกหน่อย จะเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบ Walk in Closet บริเวณโต๊ะเครื่องแป้งจะมีช่องกระจกมองออกไปเห็นส่วนครัว ระเบียงจะอยู่ติดกับห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านี้นะครับ ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน จุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ที่ระเบียง หันหน้าออกด้านนอก ใครที่กำลังสนใจโครงการ Life ปิ่นเกล้า อยู่ สามารถเข้าไปเยี่ยมชมห้องตัวอย่างได้แล้วนะครับ ซึ่งนอกเหนือจากการซื้อไว้อยู่อาศัยเองแล้ว ทำเลในย่านจรัญฯ-ปิ่นเกล้า ยังนับว่าเป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีศักยภาพน่าเก็บสะสมไว้ลงทุนด้วยนะครับ เพราะนอกจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่เป็นรูปเป็นร่างให้เห็นแล้ว ก็ยังมีโครงการทางด่วนในอนาคต (ทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนสายตะวันตก) มาลงใกล้ๆ อีกด้วย ซึ่งจะยิ่งทำให้ศักยภาพของทำเลในย่านนี้มีความพร้อมมากขึ้น และเป็นที่ต้องการของตลาดสูงขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน
Pleno เพชรเกษม 81 : รีวิวทาวน์โฮม

Pleno เพชรเกษม 81 : รีวิวทาวน์โฮม

Pleno เพชรเกษม 81 ทาวน์โฮม 2 ชั้น สไตล์ Modern Oriental หน้ากว้าง 5 เมตร บนถนนเพชรเกษม 81 โครงการใหม่จาก AP รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น     1,990,000 บาท เจ้าของโครงการ     บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ     ทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน 224 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด     18 - 2 - 98.4 ไร่ ที่ตั้งโครงการ     ถนนเพชรเกษม 81 เลียบคลองภาษีเจริญฝั่งใต้ เขตหนองแขม กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ     ปี 2559 สถานที่สำคัญใกล้เคียง บิ๊กซี เพชรเกษม โรงเรียนมัถยมวัดหนองแขม โรงเรียนสารสาสน์บางบอน โรงเรียนกรพิทักษ์ศึกษา โรงเรียนสารสาสน์หนองแขม วัดหนองแขม ตลาดหนองแขม สน.หนองแขม แบบบ้านและขนาดพื้นที่ใช้สอย หน้ากว้าง 5 เมตร ขนาด 16.4 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 91.33 ตร.ม.  3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ สิ่งอำนวยความสะดวก สวนสาธารณะภายในโครงการ อาคารนิติบุคคล เข้า-ออกโครงการ Access Card Control CCTV และ ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :   02-814-9922 , 1623 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :   www.apthai.com
บ้านกลางเมือง รัชโยธิน : รีวิวทาวน์โฮม

บ้านกลางเมือง รัชโยธิน : รีวิวทาวน์โฮม

บ้านกลางเมือง รัชโยธิน ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง แบบใหม่ ในซอยพหลโยธิน 34 จาก AP รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    7,590,000 บาท ราคาต่อตารางวา    ประมาณ 380,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ    ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น จำนวน 92 ยูนิต เฟสแรก 63 ยูนิต และ เฟสสอง 29 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด     9-1-0 ไร่ เฟสแรก 6-2-0 ไร่ และ เฟสสอง 2-3-0 ไร่ ที่ตั้งโครงการ     ซ.พหลโยธิน 34 ถ.พหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพ ค่าส่วนกลาง    90 บาทต่อตารางวา จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี สถานที่สำคัญใกล้เคียง ตลาดศรีเสนา Tops Supermarket โรงพยาบาลเมโย มหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ เมเจอร์รัชโยธิน SCB Park โลตัส วังหิน โรงเรียนหอวัง เซนทรัลลาดพร้าว MRT พหลโยธิน จุดขึ้นลงทางด่วน Toll way BTS หมอชิต แบบบ้านและขนาดพื้นที่ใช้สอย ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 193 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ํา จอดรถ 2 คัน สิ่งอำนวยความสะดวก Access Card เข้า – ออกโครงการ ระบบรักษาความปลอดภัย 24ชั่วโมง สวนสาธารณะส่วนกลาง Clubhouse เครื่องเล่น Fitness 6 ชิ้น สระว่ายน้ำ 2 สระ ระบบเกลือ ขนาด 5×15 เมตร แบ่งสระเด็กลึก0.50 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2เมตร สวนสาธารณะ  63.4 ตารางเมตร หรือ 5 % ระบบ CCTV ที่ Main Gate ทางเข้าออกด้านหลัง และภายในโครงการ  24ชั่วโมง รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตรและรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 1.5 เมตร Wi-Fi ฟรีที่คลับเฮ้าส์ ประตูรั้วโครงการแบบ  เลื่อน 2 ตอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :   02-941-7888  หรือ 1623 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :   www.apthai.com
บ้านกลางเมือง สุขุมวิท 77 : รีวิวทาวน์โฮม

บ้านกลางเมือง สุขุมวิท 77 : รีวิวทาวน์โฮม

บ้านกลางเมือง สุขุมวิท 77 ทาวน์โฮม 3 ชั้น จาก AP Thai ในซอยอ่อนนุช 17 ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   5,490,000 บาท ราคาต่อตารางวา   ประมาณ 275,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ   ทาวน์โฮม 3 ชั้น เนื้อที่ทั้งหมด   18-2-2 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ซอยอ่อนนุช 17 ถนนสุขุมวิท 77 (อ่อนนุช) เขตพระโขนง กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง    เดือน มิถุนายน 2557 ค่าส่วนกลาง   67 บาท/ตารางวา จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี สถานที่สำคัญใกล้เคียง Lotus Express Big C mini The Curve People Park Big C อ่อนนุช ตลาดอ่อนนุช Lotus สุขุมวิท 50 BTS สถานีอ่อนนุช Pickadaily Bangkok แบบบ้านและขนาดพื้นที่ใช้สอย ทาวน์โฮม 3 หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 178 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน สิ่งอำนวยความสะดวก สวนสาธารณะ 1 จุด ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 16 จุด รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร Key Card Access ระยะใกล้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ประตูรั้วโครงการแบบเลื่อนไฟฟ้า 2 ตอน ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :   02-300-2400, 1623 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :   www.apthai.com
RHYTHM อโศก 2 : รีวิวคอนโด

RHYTHM อโศก 2 : รีวิวคอนโด

ในทำเลใกล้กับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีพระราม 9 เราเคยพาไปดู Rhythm อโศก กันมาแล้ว คราวนี้บริษัท AP Thai ร่วมมือกับบริษัท Mitsubishi Estate Group ของญี่ปุ่น ทำโครงการ Rhythm อโศก 2 คอนโดมิเนียม High Rise ติดถนนอโศกดินแดงในย่าน New CBD ของกรุงเทพ เราเลยเข้าไปเก็บข้อมูลโครงการมาฝากกันครับ   การเดินทาง เรื่องการเดินทางแน่นอนว่าสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งตัวสถานีพระราม 9 อยู่ห่างจากที่ตั้งโครงการประมาณ 300-400 เมตรเท่านั้น เป็นระยะที่กำลังเดินได้สบายๆ ครับ แต่อาจจะลำบากนิดหน่อยถ้าฝนตกหนักๆ ตัวโครงการตั้งอยู่ริมถนนอโศก-ดินแดงฝั่งขาเข้า  (มุ่งหน้าไปอโศก) หรืออยู่ตรงกันข้ามกับโครงการ Rhythm อโศก นั่นเอง หรือถ้าใครที่ต้องอาศัยการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า Airport Link ก็ถือว่าสะดวกเช่นกัน เพราะสถานีรถไฟฟ้า Airport Link มักกะสัน อยู่ห่างออกไปประมาณ 700 เมตรเท่านั้น ดังนั้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจึงมีทางเลือกอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็ไม่ได้ยากเลยครับ จะมีก็แค่ปัญหารถติดเท่านั้นที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ถนนสายอโศก-ดินแดงมีปริมาณรถหนาแน่นเกือบตลอดเวลา บริเวณรอบๆ มีทั้งถนนดินแดง ถนนรัชดา ถนนเพชรบุรี ซึ่งเป็นถนนสายหลักๆ ที่เราสามารถใช้เดินทางเข้าออกเมือง รวมถึงด่านทางด่วนพระราม 9 ก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลอีกด้วย สำหรับขาขึ้นก็สะดวกหน่อยเพราะออกจากโครงการไปหน่อยก็ เลี้ยวซ้ายขึ้นทางด่วนได้เลย ส่วนขาลงก็อาจจะต้องอ้อมไปกลับรถมาที่ตัวโครงการอีกรอบ ดูจากระยะทางแล้วก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่ แต่ช่วงเวลาเร่งด่วนก็รถติดเอาเรื่องเลยนะครับ จึงเสียเวลาในการเดินทางมากกว่าปกติพอสมควร การเดินทางโดยไม่ใช้รถส่วนตัว ถือว่าสะดวกใช้ได้เลย เพราะตัวโครงการติดถนนใหญ่ และรถราก็วิ่งคึกคักแทบจะตลอดเวลา โดยเฉพาะแท็กซี่ที่หาเรียกได้ง่ายที่สุด ดึกดื่นก็ยังหารถได้ง่ายครับ เพราะย่านนี้อยู่ใกล้แหล่งบันเทิงยามค่ำคืน ส่วนรถเมล์ และพี่วินมอเตอร์ไซค์คงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เพราะต้องเดินไปข้ามแยกไปถึงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินนู่นเลย แผนที่โครงการ การเดินทางวันนี้ขอใช้ทางด่วนศรีรัชฝั่งขาออก มุ่งหน้ามาลงที่ถนนพระราม 9 เลยนะครับ เพราะถ้าลงถนนรัชดาภิเษกจะต้องไปกลับรถไกลพอสมควร ลงมาแล้วจะแยก แบบนี้ให้เลี้ยวซ้ายไปทางสี่แยก อ.ส.ม.ท. ตามป้ายเลยนะครับ เลี้ยวซ้ายมาแล้วก็จะเจอสีแยก อ.ส.ม.ท. เลี้ยวซ้ายอีกทีนะครับ เพื่อเข้าถนนพระราม 9 เลี้ยวซ้ายมาแล้วขับตรงมาอีกหน่อยนะครับ สำนักงานขายจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ เยื้องๆ กับเซ็นทรัล พระราม 9 ก่อนถึงแยกพระราม 9 ครับ สำนักงานขายโครงการ ส่วนที่ตั้งของโครงการนั้น จะตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษกนะครับ เราออกจากสำนักงานขายมาแล้วขับตรงมาอีกนิดเดียวก็จะเจอสี่แยกพระราม 9 ให้เลี้ยวซ้ายไปทางถนนอโศกมนตรี ตามป้ายเลยครับ จากแยกพระราม 9 มาประมาณ 250 เมตร ก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วครับ สถานที่ก่อสร้างล้อมรั้วไว้อย่างมิดชิดนะครับ แต่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง วิเคราะห์ตัวโครงการ ด้วยความที่ที่ตั้งโครงการ Rhythm อโศก 2 อยู่ในทำเลที่กำลังมีการเติบโตมาที่สุดย่านหนึ่งของกรุงเทพ บริเวณรอบๆ จึงมีคอนโดโครงการอื่นๆ ให้เปรียบเทียบกันเป็นจำนวนมาก ถ้านับเอาแค่ตึกที่จะอยู่ใกล้ๆ กับ Rhythm อโศก 2 ที่เห็นชัดๆ เลยก็คือ ตึกของ Rhythm อโศก ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน ตึกนี้ถึงจะไม่ได้อยู่ในระยะประชิด แต่ก็มีผลต่อวิวของห้องด้านนี้พอสมควร หันไปทางแยกรัชดา-พระราม9  ก็มี Ideo Mobi พระราม 9 บังวิวอยู่นิดหน่อย ส่วนทางด้านหลังโครงการหันไปก็จะเจอทั้ง Aspire พระราม 9, Condolette Midst และ Ideo Mobi บังวิวไปเต็มๆ ห้องทางฝั่งนี้ (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) จึงค่อนข้างเสียเปรียบเรื่องวิวครับ ทั้งๆ ที่อยู่ในทิศทางที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าอยากได้ห้องที่วิวดีหน่อยก็ต้องเลือกห้องทางฝั่งทิศใต้ ซึ่งจะได้วิวมุมกว้างสุด (เห็นทางด่วน) รองลงมาก็เป็นฝั่งตะวันตก ซึ่งมีแค่ตึก Rhythm อโศก เป็นตึกสูงแค่ตึกเดียวเท่านั้น สิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ โครงการ ในระยะไม่เกิน 500 เมตร จัดว่ามีตัวเลือกให้พึ่งพาได้พอสมควรเลย เริ่มตั้งแต่Central พระราม 9 ซึ่งยึดหัวหาดอยู่ที่แยกพระราม 9 คู่กับ Fotune Tower ที่มีทั้ง Tesco Lotus ศูนย์รวมอุปกรณ์ไอที และร้านค้าร้านอาหาร อยู่ในโซนพลาซ่าอีกเพียบ ถัดจาก Centralไปทางถนนพระราม 9 จะเป็นพื้นที่ของ G Land ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ในอนาคตอันใกล้บริเวณนี้จะเป็นแหล่งรวมอาคารสำนักงาน อาคารตลาดหลักทรัพย์  และCommercial Building ที่ใหญ่มาก ปริมาณรถและคนก็จะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอีกหลายเท่าแน่ๆ เรื่องความเจริญทั้งอาหารการกิน ที่ทำงาน และแหล่งช็อปปิ้งจึงหายห่วง ถัดออกไปอีกหน่อยยังมี Esplanade, Big C หรือทางฝั่งสุขุมวิทก็มี Terminal 21 ด้วย อันนี้แค่ระยะใกล้ๆ นั่งรถไฟฟ้าไปแค่ 1-2 สถานีเท่านั้นเองนะครับ นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาล โรงเรียน สถานศึกษา มหาวิทยาลัย อยู่ในระยะที่สามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินด้วย จึงจัดว่าเป็นทำเลที่สะดวกสบายมากๆ สำหรับคนที่ขยันเดินทางซักหน่อย ตัวโครงการ Rhythm อโศก 2 เป็นคอนโด High Rise ที่ร่วมกันออกแบบกับ บริษัท Mitsubishi Estate Group ของญี่ปุ่น รูปแบบอาคารเป็นแบบเรียบๆ ไม่หวือหวามาก มีการผสมผสานบรรยากาศแบบญี่ปุ่นเข้าไปตามส่วนต่างๆ เช่น สวนหินบริเวณหน้าล็อบบี้ ภายในล็อบบี้ที่เน้นความเรียบง่ายตามสไตล์ญี่ปุ่น และการวางผังห้องแบบ Inter-Locked เป็นต้น ยูนิตรวมทั้งหมดของโครงการคือ 346 ยูนิต ภายในอาคารสูง 30 ชั้น โดยพื้นที่อยู่อาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นไปครับ ซึ่งที่ชั้น 8 จะถูกแบ่งเป็นพื้นที่ของ Main Facilities ด้วย บริเวณ Main Facilities จะมีทั้ง สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ห้องซาวน่าแยกชาย หญิง และห้อง Spa ตามมาตรฐานเลยครับ สำหรับห้องพักที่ชั้น 8 จะมีเพียง 10 ยูนิตเท่านั้น โดยทางโครงการพยายามออกแบบเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องบนชั้นนี้โดยแยกทางออกบริเวณโถงลิฟท์เป็นสองทาง เพื่อป้องกันการถูกรบกวนจากคนที่ลงมาใช้สอยส่วนกลางนั่นเอง พูดถึงลิฟท์โดยสารแล้ว ก็จะเห็นในแปลนว่าทางโครงการเตรียมลิฟท์โดยสารไว้ 2 ตัว และลิฟท์ขนของอีก 1 ตัว ซึ่งอัตราการใช้งานต่อลิฟท์โดยสาร 1 ตัวค่อนข้างหนาแน่นเลยทีเดียว (1:173) ในขณะที่จำนวนที่จอดรถทั้งหมดตั้งแต่ชั้น 1- 7 สามารถรองรับรถได้เพียง 136 คันเท่านั้น (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ซึ่งจะเป็นปัญหากับคนที่มีรถส่วนตัวมากๆ เพราะอาจจะเจอปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอ แล้วต้องแย่งที่จอดกันแบบใครมาก่อนได้ก่อน ใครที่ต้องใช้รถส่วนตัวเป็นหลักแน่ๆ คงต้องพิจารณาปัญหาตรงนี้เพิ่มขึ้นอีกข้อด้วย นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ที่มีทั้งกล้องวงจรปิด CCTV, รปภ., Key Card เข้าอาคาร และลิฟท์แบบล็อคชั้น รวมถึงร้านค้า 1 ห้องที่บริเวณใต้อาคาร ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเป็นร้านอะไรกันแน่ เรามาเริ่มที่ชั้น G กันก่อนนะครับ ที่ชั้น G จะเป็น Lobby ที่เน้นความเรียบง่าย และมีสวนหินสไตล์ญี่ปุ่นอยู่ด้านหน้าโครงการ สวนหินสไตล์ญี่ปุ่นด้านหน้าโครงการ Lobby ที่เน้นความเรียบง่าย ชั้น 2 - 7 จะเป็นส่วนของที่จอดรถทั้งหมด รวมแล้วจอดได้ประมาณ 136 หรือคิดเป็น 40% ส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 8 ซึ่งจะมาพร้อมกัน Facility หลักของโครงการทั้งฟิตเนสและสระว่ายน้ำ หน้าตาของสระว่ายน้ำบนชั้น 8 ครับ ตั้งแต่ชั้น 9 ขึ้นไปถึงชั้น 29 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด เฉลี่ยแล้วประมาณ 16 ยูนิตต่อชั้น พาชมห้องตัวอย่าง มาถึงห้องตัวอย่างกันบ้างครับ ทางโครงการ Rhythm อโศก 2 เตรียมห้องตัวอย่างไว้ 2 แบบนะครับ ซึ่งเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนในขนาด 28 ตร.ม. ทั้ง 2 ห้องเลย เริ่มต้นกันด้วยห้อง Type B01 กันก่อน เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอห้องที่ตกแต่งในโทนเข้มขรึม ซ้ายมือเป็น Pantry ครัว และพื้นที่กินข้าวที่วางโต๊ะตัวสูงไว้ติดริมหน้าต่างเลย ทำให้มุมนี้มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น อีกฝั่งทางด้านหลังประตูทางเข้า เว้าพื้นที่เข้าไปทำชั้นเก็บของ ชั้นวางรองเท้า และวางเครื่องซักผ้าได้ลงตัวเป๊ะ โถงกลางห้องเป็น Living Area วางโซฟาชุดเล็กไว้ตรงข้ามกับทีวี ได้ระยะเต็มความกว้างของห้องซึ่งกำลังพอเหมาะพอดี ข้างๆ ชั้นวางทีวีเป็นห้องน้ำนะครับ ซึ่งภายในก็แบ่งพื้นที่ใช้สอยไว้ค่อนข้างลงตัวเลยทีเดียว ทั้งโซนแห้งโซนเปียกที่กั้นด้วยประตูกระจก temper  แต่ที่วางของในห้องน้ำน้อยไปหน่อยครับ โดยเฉพาะตรงอ่างล้างที่ตัวอ่างเป็นทรงกลมทำให้แทบจะไม่มีพื้นที่วางของเลย ออกมาดูโซนสุดท้ายของห้องกันบ้าง ที่ด้านหลังประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่คือห้องนอน บริเวณปลายเตียงเป็นตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง Built-in ทำให้บริเวณปลายเตียงไม่สามารถแขวนทีวีเพิ่มได้ สำหรับคนที่ชอบนอนดูทีวีคงจะขัดใจเล็กน้อยก็ได้ครับ ผังห้อง Type B01 แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาในห้องแล้วถ้ามองตรงไปจะเป็นส่วน Living Area ที่จะอยู่ติดกับห้องนอนนะครับ แต่ถ้ามองมาด้านซ้ายมือจะเป็นส่วนครัวแบบเปิดที่อยู่ด้านหน้าห้อง เคาน์เตอร์ครัวจะหน้าตาประมาณนี้นะครับ มีช่อใส่ไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง ด้านบนจะเป็นชั้นลอยเก็บของ ส่วนตำแหน่งการวางอยู่เย็นจะอยู่ด้านซ้ายติดกับประตูห้อง ซิงค์หลุมจะอยู่ด้านติดกับตู้เย็น แต่ขนาดค่อนข้างเล็กไปหน่อยนะครับ เตาไฟฟ้า 2 หัว + ฮูดดูดควัน โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน หันหน้าออกนอกหน้าต่าง เพิ่มบรรยากาศในการทานอาหารได้อีกแบบ ส่วนอีกฝั่งตรงข้ามกับครัว ด้านหลังประตูทางเข้า จะเว้าพื้นที่เข้าไปทำเป็นชั้นเก็บของ ชั้นวางรองเท้า และวางเครื่องซักผ้าได้ลงตัวเป๊ะ มาดูที่ส่วน Living Area กันต่อนะครับ ระยะห่างระหว่างโซฟากันทีวีกำลังพอดี ไม่ใกล้ ไม่ไกล จนเกินไป ชั้นวางทีวีจะวางได้ขนาดประมาณนี้นะครับ เนื่องจากถูกบีบจากทั้งฝั่งของห้องนอนและห้องน้ำ ตำแห่งวางแอร์ที่ห้องนั่งเล่นก็จะอยู่เหนือทีวีนี่แหละครับ มาดูส่วนของห้องนอนกันบ้างนะครับ สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้เลยครับ ด้านข้างเตียงมีพื้นที่เหลือนิดหน่อยให้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟได้ ห้องนอนจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ขนาดใหญ่ ด้านปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง Built-in ถ้าหากต้องการจะติดทีวีไว้ในห้องนอนด้วย ก็ต้องแขวนผนังไว้ตรงโต๊ะเครื่องแป้งนี่เลยครับ เพราะพื้นที่มีจำกัดจริงๆ ตำแหน่งของแอร์ในห้องนอนก็จะอยู่เหนือทีวี เราออกมาดูที่ห้องน้ำกันต่อนะครับ การวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ใช้สอยไว้ค่อนข้างลงตัวเลยทีเดียว อ่างล้างหน้าทรงกลม พื้นที่วางของตรงอ่างล้างหน้าแทบไม่มีเลยครับ ระยะห่างของโถสุขภัณฑ์กำลังพอดีครับ ไม่แคบเกินไป ส่วนเปียกกั้นด้วยประตูกระจก Temper มาพร้อมกับชุดผักบัวและ Rain Shower ส่วนห้องแบบที่ 2 คือ Type B02 ซึ่งขนาดใกล้เคียงกัน แต่ Layout ห้องจะมีการแยกห้องนอนไว้อย่างชัดเจน เข้าห้องมาจะเจอ Pantry ครัวก่อนเช่นกัน ด้านหลังประตูห้องเป็นพื้นที่เว้าเข้าไป Built-in เป็นชั้นวางของ และที่วางเครื่องซักผ้า ถัดจากมุมนี้ไปจะเป็นประตูห้องน้ำ ภายในห้องน้ำก็มี Layout เหมือนกันกับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ โซนด้านในติดกับหน้าต่างเป็น Living Area ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้จะออกเป็นแนวลึก ทำระยะห่างระหว่างทีวีและโซฟาค่อนข้างแคบ ไม่เหมาะจะแขวนทีวีขนาดใหญ่ๆ ในขณะที่นอนจะถูกแบ่งพื้นที่ไว้ชัดเจนด้วยผนังทึบและมีประตูบานสวิงปิดมิดชิด ทำให้พื้นที่ห้องนอนมีความเป็นส่วนตัวสูง ในนอนพอวางเตียง 5 ฟุตเข้าไปแล้วก็เหลือพื้นที่ข้างเตียงและปลายเตียงอีกนิดหน่อยเท่านั้น ผนังด้านปลายเตียงสามารถแขวนทีวีเพิ่มได้ ในขณะที่อีกด้านของห้องจะมีตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง Built-in มาเต็มผนัง ภายในห้องนอนจึงตกแต่งอะไรเพิ่มเข้าไปอีกได้ไม่เยอะนัก ซึ่งถ้าใครมีเพื่อนมาเยี่ยมห้องบ่อยๆ และชอบที่จะยังคงมีพื้นที่ส่วนตัวอยู่อย่างชัดเจน ห้องแบบนี้น่าจะเหมาะกว่าครับ ผังห้อง Type B02 แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอกันส่วนของครัวอยู่ด้านซ้ายมือก่อนเลยนะครับ เคาน์เตอร์ครัวก็จะคล้ายๆ กับ Type B01 ฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นส่วนที่เว้าเข้าไป ทำเป็นชั้นเก็บของและวางเครื่องซักผ้า ข้างๆ กันก็จะเป็นห้องน้ำ ที่จะอยู่ตรงข้ามกับส่วนครัวพอดี เดี๋ยวเราเข้าไปดูในห้องน้ำก่อนเลยนะครับ สุขภัณฑ์ที่ใช้จะเหมือนกับห้อง Type B01 เลยนะครับ ส่วนการวาง Layout ก็จะคล้ายๆ กัน ส่วนเปียกจะกั้นด้วยประตูกระจก Temper มาพร้อมกับชุดผักบัวและ Rain Shower มีส่วนเว้าเล็กๆ ไว้สำหรับวางของในห้องอาบน้ำ เดินเลยห้องน้ำและครัวเข้ามาก็จะเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน ก่อนถึงส่วน Living Area ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีจะค่อนข้างแคบนะครับ ไม่เหมือนกับห้อง Type B01 จึงอาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดทีวี ข้างๆ กันจะเป็นหน้าต่างบาน Fix บานใหญ่ และบานกระทุ้ง 1 บาน มาต่อกันที่ห้องสุดท้ายคือห้องนอน ห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุต กำลังเหมาะเลยครับ จะมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือนิดหน่อย แต่ด้านปลายเตียงจะไม่มีพื้นที่เหลือพอให้วางชั้นวางทีวีนะครับ จะต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแทน ตำแหน่งการวางแอร์จะอยู่ปลายเตียงเหนือทีวี ส่วนข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อและโต๊ะเครื่องแป้ง จากที่ได้ดูห้องตัวอย่างทั้ง 2 ห้องแล้ว ต้องบอกว่าแต่ละห้องก็มีข้อดีข้อด้อยต่างกันออกไป แต่ที่แน่ๆ คือห้องทั้ง 2 แบบนี้ไม่มีระเบียงนะครับ ซึ่งอันนี้เป็นปัญหาใหญ่เลย เพราะมันไม่มีที่ให้ตากผ้า!! แล้วจะมีที่วางเครื่องซักผ้ามาให้เราซักผ้าแล้วไปตากที่ไหน ต่อให้เครื่องมีความสามารถในการปั่นผ้าให้หมาดจนเกือบแห้ง แต่ยังไงเราก็ยังต้องการพื้นที่ตากผ้าอยู่ดีใช่มั้ยครับ ต่อให้เลือกที่จะเอาเสื้อผ้าส่งร้านซักรีดทั้งหมด แต่ยังไงก็ต้องมีผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้ต้องซักต้องตากอยู่ดี อันนี้ก็แล้วแต่นะครับ สำหรับบางคนอาจจะคิดว่าไม่เดือดร้อนก็ได้ นอกจากนี้เรื่อง Lay out ห้องที่ดูจากแปลนแล้วมีหน้าตาแปลก มีส่วนเว้า ส่วนเพิ่มตรงนั้นตรงนี้ ก็เนื่องจากการออกแบบตำแหน่งห้องในรูปแบบ Inter-Locked ซึ่งแต่ละห้องจะเหมือนจิ๊กซอร์แต่ละตัวที่เมื่อนำมาต่อกันแล้วจะเข้าล็อคลงตัวกันพอดี พื้นที่ในห้องจึงมีไม่ได้เป็นแค่ทรงสี่เหลี่ยมเรียบๆ อย่างโครงการอื่นๆ ครับ และอีกข้อที่ต้องตรวจสอบให้ดีๆ ก็คือ เรื่องเฟอร์นิเจอร์และวัสดุภายในห้องที่เราจะได้มาพร้อมห้องครับ เพราะบางชิ้นก็ไม่ได้มีหน้าตาเหมือนกับที่เห็นในห้องตัวอย่างนะครับ อาจจะแค่เทียบเคียง หรือหน้าตาต่างกันมากบ้างน้อยบ้าง และหลายๆ ชิ้นที่เห็นก็จัดไว้เพื่อการตกแต่งเท่านั้น อันนี้ต้องสอบถามกับพนักงานขายให้ละเอียดถี่ถ้วน ป้องกันการเข้าใจผิดเวลาที่เห็นห้องจริงครับ Type A04 แบบ Studio ขนาด 27 ตารางเมตร Type A13 แบบ Studio ขนาด 22.20 ตารางเมตร Type C07 แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 42 ตารางเมตร ความคุ้มค่าน่าลงทุน อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าทำเลที่ตั้งของ Rhythm อโศก 2 ตั้งอยู่ในย่านที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงมากที่สุดย่านหนึ่งในกรุงเทพ และบริเวณแวดล้อมก็ค่อนข้างพร้อมทั้งใกล้แหล่งสำนักงานเอกชน หน่วยงานราชการ สถานศึกษา แหล่งช็อปปิ้ง และแหล่งคมนาคมที่สำคัญของกรุงเทพทั้ง MRT และ Airport Link จึงเหมาะทั้งการจับจองไว้อยู่อาศัยเองและเพื่อการลงทุน เนื่องจากมีแนวโน้มในการทำกำไรค่อนข้างมาก ในขณะที่ตัวห้องเองก็มีขนาดเริ่มต้นที่เล็กและอยู่ในเรทราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น ยิ่งถ้าคนที่ต้องทำงานในระแวกนี้อยู่แล้ว การเลือกห้องในทำเลนี้ก็จะยิ่งสะดวกในการเดินทางมากขึ้น แต่ก็ใช่ว่าในระแวกนี้จะไม่มีโครงการอื่นๆ ไว้ให้เปรียบเทียบความต่างและความคุ้มค่าเลยนะครับ ในทางกลับกันกลับมีคอนโดโครงการอื่นๆ แวดล้อมเป็นจำนวนมาก ทีนี้ก็เหลือแค่เรื่องราคา สไตล์ ฟังก์ชั่นการใช้งาน และสาธารณูปโภคที่มีมาให้ ว่าโครงการไหนจะตอบโจทย์การใช้ชีวิตของแต่ละคนได้ดีกว่ากัน ในขณะที่ข้อดีจะมีอยู่มาก แต่ข้อด้อยก็ไม่ควรมองข้ามนะครับ ทั้งเรื่องจำนวนที่จอดรถที่ค่อนข้างน้อยถ้าเทียบว่าโครงการอยู่ในทำเลที่มีแนวโน้มว่าลูกบ้านส่วนใหญ่จะมีรถส่วนตัว ปัญหาการจารจรที่ติดหนักในชั่วโมงเร่งด่วนสำหรับคนที่ต้องเดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลัก และมลภาวะทางเสียง และมลภาวะทางอากาศจากฝุ่นควันที่อาจได้รับผลกระทบเนื่องจากคอนโดอยู่ติดริมถนนใหญ่ รวมถึงปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ในห้อง อย่างพื้นที่เว้าไป เว้ามา ทำให้การจัดตกแต่งห้องยากในบางที หรือการที่ไม่มีพื้นที่ระเบียงให้เลย ถึงบริเวณที่ใช้แขวนคอมเพรสเซอร์แอร์จะมีหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่เจ้าหน้าที่อ้อมแอ้มว่าเปิดออกไปได้ และพยายามทำให้เข้าใจเหมือนว่ามันคือระเบียง แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่!! ในเมื่อมันไม่สามารถเปิดประตูเดินออกไปใช้งานอะไรได้ มันก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไร จะให้ยื่นออกไปตากผ้าก็ใช่เรื่อง และในความเป็นจริงมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ด้วยครับ  อันนี้เลยอยากจะย้ำให้คิดให้รอบคอบอีกนิดว่า ถ้าเกิดต้องอยู่จริงๆ แล้วมันจะเกิดปัญหาตามมาหรือไม่ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตเราได้มากน้อยแค่ไหน
Aspire สุขุมวิท 48 : รีวิวคอนโด

Aspire สุขุมวิท 48 : รีวิวคอนโด

ใครที่กำลังมองหาคอนโดในย่านพระโขนง ต้องไม่พลาดข้อมูลของโครงการ Aspire สุขุมวิท 48 คอนโด High Rise ที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว แถมยังอยู่เกาะแนวรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิทด้วย ถึงแม้สถานีพระโขนงจะอยู่ห่างจากตัวโครงการมากถึง 750 เมตร แต่ก็ถือว่าเป็นทำเลที่ยังน่าสนใจเลยทีเดียวสำหรับห้องในราคาเริ่มต้นไม่เกิน 3 ล้านบาท การเดินทาง   การเดินทางมายังคอนโด Aspire สุขุมวิท 48 สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีพระโขนง ซึ่งอยู่ห่างจากปากซอยสุขุมวิท 48 ประมาณ 500-600 เมตร ส่วนตัวโครงการอยู่ถัดเข้ามาในซอยอีกเกือบ 200 เมตร ด้วยระยะขนาดนี้ยังถือว่าเดินได้ไม่ยาก แต่ติดอยู่นิดหน่อยตรงที่จากตัวสถานีรถไฟฟ้าลงมาทางถนนพระราม 4 ต้องข้ามทางม้าลายที่แยกใหญ่อีกทอด ซึ่งต้องเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยจากรถราบนท้องถนนบ้างไม่มากก็น้อย ถ้าจะออกจากโครงการไปยังรถไฟฟ้าแล้วไม่อยากเดิน ก็มีทางเลือกให้ทั้งบริการพี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือจะใช้บริการ Shuttle Bus ของทางโครงการที่มีบริการรับส่งตามเวลาที่กำหนดก็ได้เช่นกัน   ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ สามารถเลือกเข้าได้ทั้งจากทางซอยสุขุมวิท 48 และฝั่งถนนพระราม 4 จากซอยสุขุมวิทพลัส 2 ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับสามแยกพระโขนงนั่นเอง ถ้าเราเดินทางมาจากทางอ่อนนุช จะต้องข้ามสะพานข้ามคลองพระโขนงมาก่อนนะครับ พอขึ้นสะพานมาแล้วให้พยายามชิดซ้ายเข้าไว้ เพราะลงสะพานมาปุ๊ปก็เห็นซอยสุขุมวิท 48 อยู่ตรงหน้าทันที ส่วนถ้าใครมาจากฝั่งเอกมัย ผ่านแยกพระโขนงมาแล้วจะต้องมากลับรถที่ใต้สะพานเพื่อเข้าซอยสุขุมวิท 48 หรือจะเลี้ยวเข้าถนนพระราม 4 แล้วเข้าทางซอยสุขุมวิทพลัส 2 ก็ได้เช่นกัน แต่การเข้าออกทางซอยสุขุมวิทพลัส 2 ต้องเสียค่าผ่านทาง 10 บาทด้วยนะครับ ซึ่งก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน แน่นอนว่าการจราจรบริเวณนี้ก็ได้ชื่อว่าติดหนักเอาการ เพราะถนนสุขุมวิทมักจะมีปริมาณรถที่หนาแน่นเกือบตลอดเวลา เส้นทางหลีกเลี่ยงที่พอจะทำได้ง่ายก็เห็นจะมีถนนพระราม 4 ที่สามารถออกไปขึ้นทางด่วนที่ด่านอาจณรงค์ได้ แต่การจราจรบนถนนพระราม 4 ก็ใช่ว่าจะติดน้อยกว่าถนนสุขุมวิทซักเท่าไหร่ ดังนั้นใครที่ต้องใช้รถส่วนตัวในการเดินทางเป็นหลักอาจจะเลี่ยงปัญหารถติดได้ยาก หรือถ้าใครที่พอจะคุ้นเคยกับเส้นทางบริเวณนี้ดีพอ ก็อาจจะรู้ว่าในซอยสุขุมวิท 48 นี้มีเส้นทางลัดไปออกซอยสุขุวิท 50 เพื่อไปขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ได้ด้วยอีกทาง แต่เส้นทางนี้จะต้องขับผ่านซอยแคบในพื้นที่ส่วนบุคคลด้วย จึงไม่ค่อยมีใครรู้เส้นทางเท่าไหร่ถ้าไม่ใช่คนในพื้นที่   สำหรับการเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ก็จัดว่าสะดวกไม่แพ้กัน เพราะบริเวณปากซอยสุขุมวิท 48 มีทั้งวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และป้ายรถเมล์ ซึ่งถนนสุขุมวิทมีรถราวิ่งผ่านมากมายอยู่แล้ว จะไปไหนมาไหนจึงหาเรียกรถได้สะดวก   แผนที่รอบๆ โครงการครับ สำหรับการเดินทางวันนี้ผมขอเริ่มจากถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้า ย่านบางจากใกล้ๆ โครงการเลยนะครับ ด้านซ้ายมือจะเป็นสำนักงานเขตพระโขนงครับ ตรงมาอีกนิดนึงก็ถึง BTS อ่อนนุชแล้วครับ เลยจาก BTS อ่อนนุชมาก็จะเจอแยกอ่อนนุช ด้านขวามือจะเป็นถนนสุขุมวิท 77 หรือซอยอ่อนนุช ให้ขับตรงไปเลยนะครับ พอตรงมาแล้วก็จะเจอสะพานข้ามคลองพระโขนง ให้ขับตรงขึ้นสะพานไปเลยครับ พอข้ามสะพานมาก็ถึงแล้วครับ ให้ชิดซ้ายเตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าซอยเลยนะครับ หน้าปากซอยสุขุมวิท 48 จะมีป้ายโฆษณาของโครงการติดอยู่ด้วยนะครับ สังเกตได้ไม่ยาก โครงการสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ เมื่อเลี้ยวเข้ามาในซอยก็จะเห็นอาคารของโครงการตั้งตระหง่านอยู่แบบนี้เลยครับ โครงการจะอยู่ในซอยประมาณ 200 เมตรครับ ถึงแล้วครับ ทางเข้าโครงการ อย่างที่บอกว่าโครงการสร้างเสร็จแล้ว เริ่มมีลูกบ้านทยอยเข้ามาอยู่แล้วครับ เมื่อเลี้ยวเข้ามาในโครงการแล้วให้ขับเลยมาจอดรถที่ Tower S ด้านในนะครับ เพราะสำนักงานขายจะย้ายมาอยู่ที่ Lobby Tower S ครับ บรรยากาศด้านล่างตึก น้ำพุด้านหน้า Tower S บรรยากาศภายใน Lobby ครับ Lobby อีกมุม ครับ   วิเคราะห์ตัวโครงการ   โครงการ Aspire สุขุมวิท 48  อยู่ถัดเข้ามาจากปากซอยเป็นระยะทางเกือบ 200 เมตร ลักษณะที่ดินของโครงการจะเป็นแนวยาวเริ่มจากฝั่งซอยสุขุมวิท 48 ไปจรดคลองพระโขนง พื้นที่ภายในแบ่งเป็น 3 อาคาร คือ อาคาร N (North) สูง 25 ชั้น อาคาร S (South) สูง 30 ชั้น และอาคารจอดรถสูง 8 ชั้นซึ่งอยู่ด้านในสุด อาคารทั้งหมดตั้งอยู่ตามแนวทะแยงทิศเหนือ-ใต้  ทำให้ห้องส่วนใหญ่ค่อนไปในตำแหน่งทิศตะวันออกและตะวันตก ห้องทางด้านทิศตะวันออกจะได้ City View เห็นทั้งรถไฟฟ้า BTS ถนนสุขุมวิท และวิวตึกสูงตามแบบฉบับเมืองใหญ่ ส่วนทางด้านทิศตะวันตกที่ใครๆ กลัวว่าแดดจะร้อนแต่กลับได้วิวที่สวยกว่า ด้วยวิวมุมกว้างไร้ตึกสูงให้รกตา แถมยังได้วิวแม่น้ำ ท่าเรือ และในวันที่อากาศดีๆ ก็สามารถมองเห็นได้ไกลถึงบางกระเจ้าเลยทีเดียว ใครที่เลือกห้องในชั้นสูงๆ ก็จะได้เปรียบเรื่องวิวไปเต็มๆ ส่วนปัญหาเรื่องแดดร้อนก็อาจจะร้อนบ้างแต่ยังโชคดีที่บางห้องอยู่ในตำแหน่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ จึงไม่โดนแดดเต็มที่ ใครที่อยากได้ห้องวิวสวยๆ ก็ลองพิจารณากันดูได้ครับ   ส่วนบริเวณรอบๆ โครงการยังมีบรรยากาศเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยกันมาก่อน ในซอยสุขุมวิท 48 มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร และร้านซักรีดบ้าง ซึ่งก็เป็นอาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้น  ถัดมาทางถนนสุขุมวิทก็ยังมีร้านค้าอยู่อีกไม่น้อยเช่นกัน รอบๆ ในรัศมีใกล้เคียงมีสาธารณูปโภคครบถ้วนดีเช่นกัน ทั้งโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ที่ทำการไปรษณีย์ ธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง รวมถึงมหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตกล้วยน้ำไท และห้างสรรพสินค้าอีกหลายแห่ง จัดว่าอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียวครับ   และด้วยความที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ มียูนิตรวมทั้ง 2 อาคารมากถึง 838 ยูนิต  ทำให้มีการจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางที่ต้องใช้ร่วมกันบ้าง และแยกส่วนกันบ้าง เช่นในส่วนของอาคารจอดรถที่ลูกบ้านต้องใช้อาคารจอดรถร่วมกัน โดยอาคารจอดรถสูง 8 ชั้นที่ทางโครงการจัดไว้ สามารถรองรับรถได้กว่า 400 คัน ถ้านับรวมที่จอดรถบริเวณรอบๆ อาคาร และนับรวมการจอดซ้อนคันแล้ว ก็มีสัดส่วนที่จอดรถมากถึง 50% ของจำนวนห้องทั้งหมดเลยทีเดียว แต่ลูกบ้านในอาคาร N จะเสียเปรียบกว่านิดหน่อย เพราะตั้งอยู่ห่างจากอาคารจอดรถมากกว่าอาคาร S แถมทางเดินระหว่างอาคารแต่ละหลังก็ไม่มีหลังคาบังแดดบังฝนด้วย การเดินไปมาในช่วงเวลาฝนตกอาจจะลำบากหน่อย ยิ่งถ้าต้องหิ้วของพะรุงพะรังยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะทุลักทุเลแค่ไหน นอกจากนี้สวนหย่อม และลู่วิ่งบนถนนรอบโครงการก็เป็นอีกส่วนที่ต้องใช้ร่วมกัน ส่วนสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ห้องซาวน่า และพื้นที่พักผ่อนจะอยู่ที่ชั้นบนสุดของทั้ง 2 อาคาร ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางนี้จะแยกกันแต่ละอาคารโดยชัดเจน โดยที่พื้นที่ส่วนกลางบนดาดฟ้าของอาคาร S จะกว้างกว่าอาคาร N อย่างชัดเจน เนื่องจากจำนวนยูนิตรวมในอาคาร S มากกว่านั่นเอง ส่วนเรื่องลิฟท์โดยการก็แบ่งเป็นอาคาร S 3 ตัว และลิฟท์เซอร์วิสอีก 1 ตัว ในขณะที่อาคาร N มีลิฟท์โดยสารให้เพียง 2 ตัวเท่านั้น เรื่องความหนาแน่นของการใช้งานส่วนกลางต่างๆ ก็ต้องบอกว่าหนาแน่นกันพอสมควร อย่างลิฟท์โดยสารก็คำนวนได้ในอัตรา 1:140-180 เลยนะครับ ส่วนสระว่ายน้ำระดับ 5x15-20 เมตร ในแต่ละอาคารไม่ต้องบอกก็น่าจะนึกออกว่าจะต้องแบ่งกันใช้งานมากน้อยแค่ไหน   เนื่องจากตัวโครงการ Aspire สุขุมวิท 48 สร้างเสร็จพร้อมอยู่อาศัยแล้ว เราเลยได้เห็นบรรยากาศภายในโครงการจริงๆ ทั้งล็อบบี้ที่โอ่งโถงทันสมัย วิวสวยๆ จากบนตึก ระบบรักษาความปลอดภัยที่ต้องใช้ Key Card กันตั้งแต่ทางเข้าโครงการ ไปจนถึงลิฟท์โดยสารแบบล็อคชั้น รวมถึงหน้าตาของพื้นที่ส่วนกลางที่บนดาดฟ้าของอาคาร S ทำให้เราไม่ต้องจินตนาการเกินจริงจากแบบแปลนในกระดาษอีกต่อไป ใครที่กำลังสนใจโครงการนี้อยู่ ลองแวะไปดูของจริงกันได้เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจได้ครับ   หน้าตาแบบแปลนของโครงการนะครับ จะมีทั้งหมด 3 อาคาร ซ้ายสุด Tower N สูง 25 ชั้น , Tower S สูง 30 ชั้น และอาคารที่จอดรถสูง 8 ชั้น ชั้น G ของ Tower N กับ S จะเป็น Lobby หน้าตาของ Lobby ครับ ส่วนของห้องพักอาศัยของทั้ง 2 อาคารจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปเลยนะครับ โดย Tower N จะมีห้องพักทั้งหมด 278 ยูนิต ส่วน Tower S จะมีทั้งหมด 560 ยูนิตครับ ที่ชั้น 17 และ 22 ของ Tower N จะมี Sky Garden ด้วยนะครับ ส่วนชั้น 25 จะเป็นชั้นบนสุดของ Tower N จะมีสระว่ายน้ำ,ฟิตเนส และสวนสีเขียวอยู่ที่ชั้นนี้ครับ ส่วน Facility หลักของ Tower S จะอยู่ที่ชั้นบนสุดเหมือนกันคือชั้น 30 ครับ หน้าตาของสระว่ายน้ำที่อยู่บนชั้นดาดฟ้า Fitness ที่อยู่บนชั้นสุงสุดของอาคาร อาคารจอดรถสูง 8 ชั้นครับ   พาชมห้องตัวอย่าง   แบบห้องของ Aspire สุขุมวิท 48 มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบใหญ่ คือ ห้องแบบ 1bedroom ขนาด 27-38 ตร.ม. และห้องแบบ 2 bedroom ขนาด 54-64 ตร.ม. แต่สำหรับตอนนี้ห้องที่เหลืออยู่จะมีเพียงห้องแบบ 1 bedroom เท่านั้นนะครับ ซึ่งทางโครงการขายกันมาให้แบบห้องเปล่าๆ โล่งๆ มีให้มาเพียงชุดครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำเท่านั้น ส่วนถ้าอยากได้เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งตามแบบห้องตัวอย่างก็ต้องลองสอบถามพนักงานขายกันดูว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมยังไงบ้าง สำหรับห้องแบบ 1 bedroom ยังมีแบบแยกย่อยให้เลือกอีก 2 แบบ คือห้องแบบที่มีห้องน้ำในตัวห้องนอน กับห้องแบบที่แยกห้องน้ำไว้นอกห้องนอน ซึ่งห้องทั้ง 2 แบบจะมี Layout ภายในต่างกันทั้งเรื่องขนาดของห้องครัว ตำแหน่งประตูห้องน้ำ และลักษณะการกั้นพื้นที่ห้องน้ำ โดยห้องแบบแรกมีขนาด 38 ตร.ม. เรียกว่า Type D : Bed Sky Kit เปิดประตูเข้ามาแล้วจะเจอพื้นที่ในส่วน living room ก่อน และส่วนที่อยู่ติดในแนวเดียวกันคือห้องครัวขนาดใหญ่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ซึ่งจัดมุมรับประทานอาหารไว้ชิดหน้าต่างเพื่อเปิดรับวิวขณะรับประทานอาหารได้อย่างเต็มที่ ซึ่งห้องแบบนี้จะจัดแบ่งพื้นที่ของห้องนอนและห้องน้ำไว้เป็นสัดส่วน ประตูห้องนอนเป็นบานสวิง ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง แต่ในขณะเดียวกันการจะเข้าออกห้องน้ำต้องเดินผ่านห้องนอนก่อนทุกครั้ง ส่วนห้องอีกแบบมีขนาด 38 ตร.ม. เท่ากัน แต่เป็น Type D : Bed Std Kit ซึ่งเปิดประตูห้องเข้ามาจะเจอ living room ถัดเข้าไปเป็นพื้นที่ของห้องนอนที่ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ทำให้ห้องนี้ดูโล่งโปร่งสบายตากว่า ในขณะที่ห้องครัวจะมีขนาดเล็กกว่าห้องก่อนหน้านี้ เพราะชุดโต๊ะกินข้าวถูกจัดวางไว้ในบริเวณเดียวกันกับ living room นั่นเอง และห้องน้ำก็อยู่ในแนวเดียวกันกับห้องครัว โดยรวมห้องแบบนี้จะได้คะแนนความน่าอยู่มากกว่า เพราะเราจะรู้สึกว่าห้องกว้างกว่าถึงแม้ขนาดของห้องจะเท่ากันก็ตาม   จากที่ได้ชมห้องตัวอย่างแล้วต้องบอกว่าแปลนห้องไม่ได้มีผิดแผกจากคอนโดในระดับเดียวกัน ฟังก์ชั่นการใช้งานในห้องค่อนข้างครบถ้วน พื้นห้องครัวและห้องน้ำใช้เป็นกระเบื้องเซรามิค ในขณะที่พื้นห้องนอนและห้องนั่งเล่นเป็นลามิเนตตามมาตรฐาน เคาน์เตอร์ครัวมีทั้งตัวดูดควัน เตาไฟฟ้า และซิงค์ล้างจานติดตั้งมาให้เรียบร้อยพร้อมใช้งาน รวมถึงในห้องน้ำที่แยกส่วนแห้งส่วนเปียกด้วยกระจกบานเลื่อน ถึงแม้จะบอบบางไปหน่อยแต่ก็พอเหมาะกับการใช้งาน หน้าตาของวัสดุสุขภัณฑ์ที่ให้มาพร้อมห้องเป็นเกรดธรรมดาทั่วๆ ไปนะครับ ไม่ได้หรูหราสวยงามมากนัก ออกจะดูว่าทางโครงการลดเกรดวัสดุบางตัวลงมากเกินไปด้วยซ้ำ ทำให้ดูไม่ค่อยสมราคาเท่าไหร่ ส่วนที่น่าประทับใจก็เห็นจะเป็นเรื่องวิวของห้องทางด้านทิศตะวันตก ที่ถึงแม้จะต้องเจอกับแดดร้อนๆ ในช่วงบ่าย แต่กลับได้วิวมุมสูงที่สบายตากว่ามาก ถ้าไม่ติดปัญหาเรื่องราคาลองเลือกห้องในชั้นที่สูงซักหน่อย ก็จะได้วิวกว้างไร้สิ่งบดบังสายตา ส่วนภายในห้องถ้าตกแต่งดีๆ ก็ทำให้น่าอยู่ได้ไม่ยากครับ มาดูกันที่ห้อง 1 Bedroom แบบ Sky Kitchen ขนาด 38 ตารางเมตร กันก่อนนะครับ ห้อง Type นี้จะเน้นที่ห้องครัว ดูจากผังห้องจะเห็นชัดเลยนะครับ ว่าห้องครัวมีขนาดใหญ่พอสมควร และมีโต๊ะทานอาหารหันหน้าเข้าหาหน้าต่าง เพื่อชมวิวเวลาทานอาหารด้วย เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับส่วนของ Living Area ก่อนเลยนะครับ มุมนี้จะเป็นมุมของโซฟาดูทีวีครับ อีกฝั่งจะเป็นชั้นวางทีวี เมื่อมองตรงเข้าไปข้างในจะเป็นห้องครัว วางอยู่ด้านในสุด ครัวจะเป็นครัวแบบปิดนะครับ มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้น พื้นที่ห้องครัวจะเป็นพื้นกระเบื้องนะครับ ด้านในห้องครัวเราจะได้แบบนี้เลยนะครับ ทั้งเคาน์เตอร์ครัว และโต๊ะทานอาหารติดหน้าต่าง จุดวางตู้เย็นจะอยู่ติดประตูกระจกบานเลื่อนนะครับ ส่วนไฟฟ้าจะอยู่ด้านในติดกับโต๊ะทานอาหาร มีช่องใส่เครื่องซักผ้า และไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง เตาไฟฟ้า Hot Plate แบบ 2 หัว และ Hood ดูดควัน ของ Teka ซิงค์หลุมก็ของ Teke เช่นกันครับ เดี๋ยวเราไปดูที่ห้องนอนกันต่อเลยนะครับ จากการที่ทำห้องครัวใหญ่ จึงทำให้ห้องนอนค่อนข้างจะเล็กเลยนะครับ มาดูที่หัวเตียงกันบ้าง ข้างเตียงทั้ง 2 ข้างมีพื้นที่เหลือนิดหน่อย ให้วางโต๊ะข้างและโคมไฟได้ครับ ถัดไปด้านซ้ายอีกหน่อยจะเป็นตู้เสื้อผ้า ตั้งอยู่หน้าห้องน้ำเลยครับ Type นี้ห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอนเลยนะครับ ว่าแล้วเราก็เข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อเลยครับ ตำแหน่งการวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำครับ ห้องอาบน้ำมีประตูบานเลื่อน 3 ตอนปิด ชุดฝักบัวในห้องอาบน้ำ มาดูอีกห้องนะครับ ขนาด 38 ตารางเมตรเท่ากัน แต่ห้องนี้จะเน้นที่ห้องนอนนะครับ ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีครับ โซฟาขนาด 2 คน นั่งชิดกันกำลังอบอุ่นเลยครับ ทีวีที่ Built in มาให้ดูจะเป็นแบบแขวนนะครับ ทำให้ชั้นวางทีวีดูโล่งมีพื้นที่เหลือให้วางของเพิ่มขึ้นด้วยครับ ห้องนี้โต๊ะทานอาหารจะออกมาอยู่ที่ส่วน Living Area ใกล้ๆ กับชั้นวางทีวีนะครับ ถัดมาด้านในเป็นห้องนอนนะครับ อย่างที่บอกว่า Type นี้จะเน้นที่ห้องนอนเป็นพิเศษ ห้องนอนจะมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นนะครับ ไม่ใช่ผนังเหมือน Type Sky Kitchen ทำให้ห้องดูโล่งขึ้นมาเยอะเลยครับ การวางเตียง จะมีโต๊ะทำงานและที่นั่งริมหน้าต่างไว้นั่งชมวิวด้วยนะครับ ที่ปลายเตียงจะมีชั้นวางทีวีให้อีกนะครับ ตู้เสื้อผ้าก็จะอยู่ปลายเตียง เหมือนกันครับ ตรงนี้เป็นช่องว่างตรงกลางก่อนจะแยกไปเป็นห้องครัวและห้องน้ำนะครับ มีการ Built in ตู้เก็บของไว้ด้วย เราเลี้ยวขวาเข้ามาดูห้องครัวกันก่อนนะครับ ห้องครัว Type นี้จะต่างกับ Type ก่อนหน้านี้ที่เราดูไปนะครับ เพราะถูกห้องนอนบีบจนแคบอย่างที่เห็นนี่แหละครับ ห้องครัวจะมีประตูกระจกบานเลื่อนปิดครับ ภายในครัวนะครับ จะมีช่องใส่ไมโครเวฟและเครื่องซักผ้าอยู่ด้านล่าง ด้านบนจนชั้นลอยเก็บของ เตาไฟฟ้า Hot Plate จะอยู่ด้านในติดกับระเบียง แต่ดูไม่ค่อยดีเลยนะครับที่อยู่ติดกับผ้าม่านแบบนี้ เวลาทำอาหาร ทั้งน้ำมันกระเด็น ทั้งกลิ่นอาหารคงจะติดผ้าม่านเอาได้ ธรณีประตูระเบียงค่อนข้างสูงนะครับ ถ้าก้าวไม่ระวังอาจจะสะดุดเอาได้ ข้ามมาอีกฝั่งจะเป็นห้องน้ำนะครับ การวางสุขภัณฑ์ของห้องน้ำก็จะเหมือนกับห้อง Sky Kitchen เลยครับ ชุดฝักบัว เดี๋ยวเราออกไปดูบรรยากาศด้านนอกกันบ้างดีกว่านะครับ อันนี้เป็นโถงทางเดินของแต่ละชั้นครับ บรรยากาศ Sky Garden บนชั้นที่ 30 ของ Tower S ครับ ขึ้นมาตอนบ่ายๆ แดดอาจจะแรงหน่อยนะครับ แต่หากเป็นตอนค่ำๆ แดดร่มลมตกแล้ว ขึ้นมาเดินเล่นรับลม ชมวิวกรุงเทพยามค่ำคืน คงจงชิวน่าดู วิวอีกมุมครับ สระว่ายน้ำก็เสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ แต่ดูจากสีของน้ำแล้วน่าจะยังไม่พร้อมใช้งาน บรรยากาศอีกมุมของสระว่ายน้ำครับ ห้องน้ำสำหรับเปลี่ยนชุดและอาบน้ำครับ ภายในห้องอาบน้ำ จะมีห้องซาวน่าอยู่ด้านในสุดของห้องน้ำนะครับ มาดูที่ฟิตเนสกันบ้าง อุปกรณ์อาจจะมีน้อยไปหน่อยนะครับ เมื่อเทียบกับลูกบ้านที่มีถึง 560 ยูนิต ด้านนี้จะเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ต้องใช้เวลาเล่นนาน ก็จะเป็นวิวสระว่ายน้ำนะครับ เพราะถ้าเล่นนานเดี๋ยวคนที่ว่ายน้ำอยู่เค้าจะเขินเอาได้ แต่ถ้าใครจะมีแรงเหลืออยากเล่นนานๆ เพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่างก็ไม่ว่ากันนะครับ ฮ่าาา.. ส่วนอีกด้านจะเป็นพวกอุปกรณ์ที่ต้องใช้เวลาเล่นนาน ก็จะเป็นวิวตึกรามบ้านช่องให้นั่งมองกันไป บรรยากาศเหมือนกำลังออกกำลังกายบนเส้นขอบฟ้า... Type A 1 ห้องนอนขนาด 25 ตารางเมตร Type B 1 ห้องนอน ขนาด 27 ตารางเมตร Type C 1 ห้องนอน ขนาด 32 ตารางเมตร Type E 2 ห้องนอน (A) ขนาด 54 ตารางเมตร Type E 2 ห้องนอน (B) ขนาด 54 ตารางเมตร Type F 2 ห้องนอน (A) ขนาด 64 ตารางเมตร Type F 2 ห้องนอน (B) ขนาด 64 ตารางเมตร ความคุ้มค่าน่าลงทุน สำหรับคนที่มองหาคอนโดในระดับ 2-3 ล้าน ที่ยังอยู่ในแนวรถไฟฟ้า BTS โครงการ Aspire สุขุมวิท 48 ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย เพราะทำเลที่ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ถึงแม้ว่าจะค่อนมาทางตอนปลายๆ ของสุขุมวิทแล้วก็ตาม แต่การเดินทางก็ถือว่าสะดวกมากทั้งรถไฟฟ้า BTS ก็ดี หรือจะใช้รถส่วนตัวก็มีทางเข้าออกได้ทั้งฝั่งสุขุมวิท และถนนพระราม 4 ที่สำคัญยังอยู่ไม่ห่างจาก ใจกลางเมืองมากนัก แค่ขับรถหรือนั่งรถไฟฟ้าออกไปหน่อยก็มีทั้งศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า แหล่งบันเทิง และร้านอาหารมากมายครบครัน ในขณะที่ไม่ต้องอยู่ท่ามกลางความพลุกพล่านวุ่นวายแบบพื้นที่แถบทองหล่อหรือเอกมัย บริเวณนี้จึงค่อนข้างสงบกว่า และเหมาะกับการอยู่อาศัยมากกว่า ถึงแม้ว่าสาธารณูปโภคส่วนกลางจะมีน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับภาพรวมโครงการ แต่ก็อาจไม่ใช่ประเด็นใหญ่สำหรับบางคน การหากลุ่มคนเช่า หรือจะลงทุนห้องไว้ขายต่อก็มีศักยภาพในการลงทุนอยู่พอสมควรเช่นกัน ยิ่งถ้าสามารถต่อรองราคาห้อง หรือซื้อได้ช่วงที่มีราคาโปรโมชั่นพิเศษก็จะยิ่งคุ้มค่าน่าลงทุนมากขึ้น
Rhythm อโศก 2 : รีวิวคอนโด

Rhythm อโศก 2 : รีวิวคอนโด

โครงการ: Rhythm อโศก 2 (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 2,890,000 บาท บาท/ตารางเมตร 130,180 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) จุดเด่น “นวัตกรรมดีไซน์ใหม่ล่าสุด ที่ทำให้สเปซในการอยู่อาศัยนั้นมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิด “INTERROCK” ซึ่งเป็นวิธีคิดในการแบ่งพื้นที่ระหว่างยูนิตแบบใหม่ สะดวกด้วยการเดินทางจากรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีพระราม 9 เพียง 400 เมตร และจากทางขึ้นทางด่วนเพียง 60 เมตร เหมาะสำหรับหนุ่มสาววัยทำงาน” จุดด้อย โปรโมชั่น ปีที่สร้างเสร็จ เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2560 ที่ตั้ง: Rhythm อโศก 2 (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 1-2-28ไร่ ที่ตั้ง ถนนอโศก-ดินแดง แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.754089,100.564752 ระบบขนส่งสาธารณะ MRT พระราม 9 สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT พระราม 9 Central พระราม 9 Fortune Town Airport Link มักกะสัน ทางด่วนพระราม 9 ศูนย์วัฒนธรรม ลักษณะโครงการ: Rhythm อโศก 2 (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี Studio 1 Bedroom 2 Bedrooms ขนาดห้องที่มี Studio ขนาด 22.2-27.0 ตร.ม. 1 Bedroom ขนาด 27.7-29.50 ตร.ม. 2 Bedrooms ขนาด 42 ตร.ม. จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 30 ชั้น จำนวนห้อง 346 ยูนิต ส่วนกลาง: Rhythm อโศก 2 (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 136 คัน คิดเป็น 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 70 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 600 บาท สาธารณูปโภค Lobby สระว่ายน้ำ Sauna แยกชาย หญิง Spa ห้องออกกำลังกาย ร้านค้า   เพิ่มเติม: Rhythm อโศก 2 (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 1623 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.apthai.com/ ข้อมูล ณ วันที่
Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 : รีวิวคอนโด

Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 : รีวิวคอนโด

โครงการ: Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 1,600,000บาท บาท/ตารางเมตร 70,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) จุดเด่น ใกล้สถานีรถไฟฟ้า 2 สถานี อยู่ในย่านแหล่งความเจริญใหม่ในอนาคต จุดด้อย สำหรับการซื้อลงทุน น่าจะหาผู้เช่าได้ยาก โปรโมชั่น - ปีที่สร้างเสร็จ 2558 ที่ตั้ง: Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 9-1-91.7 ไร่ ที่ตั้ง ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี พิกัดโครงการ 13.86031,100.508058 ระบบขนส่งสาธารณะ รถไฟฟ้า MRT ส่วนต่อขยาย (สายสีม่วงสถานีศรีพรสวรรค์ )   สถานที่สำคัญใกล้เคียง แยกนนทบุรี ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ทาวน์ รัตนาธิเบศร์ ห้างสรรพสินค้าเอสพลานาด รัตนาธิเบศร์ สะพานพระนั่งเกล้า บิ๊กซี ลักษณะโครงการ: Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bed 2 Bed ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom 24.50 – 30 ตร.ม. 2 Bedrooms 45.50 ตร.ม. จำนวนตึก 2 อาคาร จำนวนชั้น 25 ชั้น จำนวนห้อง 1,428 ยูนิต   ส่วนกลาง: Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด ประมาณ 503 คัน (35%)ไม่รวมซ้อนคัน (รวมซ้อนคันได้ประมาณ 40%) ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 40 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 350 บาท   สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ฟิตเนส รปภ. กล้องวงจรปิดโครงการ ประตู Key Card รถรับส่ง สวนหย่อม   เพิ่มเติม: Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-950-4744 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.apthai.com/คอนโด/aspire/aspire-rattanathibet-2/ ข้อมูล ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2557
ASPIRE รัชดา วงศ์สว่าง : รีวิวคอนโด

ASPIRE รัชดา วงศ์สว่าง : รีวิวคอนโด

โครงการ: ASPIRE รัชดา วงศ์สว่าง (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 1,590,000 บาท บาท/ตารางเมตร ประมาณ 79,555 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) จุดเด่น จุดด้อย โปรโมชั่น ปีที่สร้างเสร็จ 2559 ที่ตั้ง: ASPIRE รัชดา วงศ์สว่าง (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด ที่ตั้ง ถนนกรุงเทพนนท์ ตำบลบางซื่อ อำเภอบางซื่อ กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.830782, 100.525051 ระบบขนส่งสาธารณะ MRT สถานีวงศ์สว่าง   สถานที่สำคัญใกล้เคียง บิ๊กซี วงศ์สว่าง ร.พ.เกษมราษฏร์ กระทรวงสาธาณสุข โฮมโปร โลตัส   ลักษณะโครงการ: ASPIRE รัชดา วงศ์สว่าง (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี Studio 1 Bedroom 2 Bedroom ขนาดห้องที่มี Studio 22.50 ตร.ม. 1 Bedroom 26 ตร.ม. 2 Bedroom 45 ตร.ม. จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 27 ชั้น จำนวนห้อง 1,232 ยูนิต จำนวนร้านค้า 2 ยูนิต   ส่วนกลาง: ASPIRE รัชดา วงศ์สว่าง (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด ประมาณ 424 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) ค่ากองทุน(/ตร.ม) สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย สำนักงานนิติบุคคล   สวนสาธารณะ ลิฟท์โดยสาร ลิฟท์ดับเพลิง ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.   เพิ่มเติม: ASPIRE รัชดา วงศ์สว่าง (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 1623 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม www.apthai.com ข้อมูล ณ วันที่ 13 มิถุนายน 2557
ASPIRE สุขุมวิท 48 : รีวิวคอนโด

ASPIRE สุขุมวิท 48 : รีวิวคอนโด

โครงการ: ASPIRE สุขุมวิท 48 (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 2,450,000 บาท บาท/ตารางเมตร เริ่มต้น 98,000 บาท เจ้าของโครงการ Asian Property., Plc. จุดเด่น เติม Surprise ให้…เกินคาด โลดแล่น…ให้ถึงขีดสุดกับไลฟ์สไตล์แบบ ENERGETIC LIVING ที่พร้อมสปาร์คความสุขให้คุณ…แบบเกินความคาดหมาย พบความสุขอีก ฯลฯ ได้ที่ Aspire คอนโด สุขุมวิท 48 โลดแล่น…ให้ถึงขีดสุดกับไลฟ์สไตล์แบบ ENERGETIC LIVING ที่พร้อมสปาร์คความสุขให้คุณ…แบบเกินความคาดหมาย มีคอนโดบนสุขุมวิท…ง่ายเกินคาด มีสเปซในการใช้ชีวิต…กว้างเกินคิด มีพื้นที่ของวันพักผ่อน…สูงกว่าที่ฝัน มีการเดินทาง…รวดเร็วกว่าที่เคย และพบความสุขอีก ฯลฯ ได้ที่ Aspire คอนโด สุขุมวิท 48 ปีที่สร้างเสร็จ 2557 ที่ตั้ง: ASPIRE สุขุมวิท 48 (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 5-0-98.3 ไร่ ที่ตั้ง ซอยสุขุมวิท 48 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.711467,100.594341 ระบบขนส่งสาธารณะ BTS สถานีพระโขนง (650 ม.)   สถานที่สำคัญใกล้เคียง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เอกมัย พาร์คเลน เอกมัย เจ อเวนิว ทองหล่อ ห้าง ดิเอ็มโพเรี่ยม   ลักษณะโครงการ: ASPIRE สุขุมวิท 48 (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bed 2 Bed ขนาดห้องที่มี 1 Bed / 25-38 ตร.ม. 2 Bed / 54-64 ตร.ม. จำนวนตึก 3 อาคาร จำนวนชั้น อาคาร A สูง 25 ชั้น, อาคาร B สูง 30 ชั้น, อาคาร C สูง 8 ชั้น จำนวนห้อง อาคาร A จำนวน 277 ยูนิต, อาคาร B จำนวน 560 ยูนิต, อาคาร C เป็นอาคารจอดรถ   ส่วนกลาง: ASPIRE สุขุมวิท 48 (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด ประมาณ 40% ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 35 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 350 บาท   สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ฟิตเนส เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และ กล้องวงจรปิด ประตู Key Card สวนหย่อม Wi-Fi Internet บริเวณ Lobby   เพิ่มเติม: ASPIRE สุขุมวิท 48 (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 1623 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.apthai.com/Aspire/Aspire-Sukhumvit-48/home/ ข้อมูล ณ วันที่
Aspire สาทร – ตากสิน (Brick Zone) : รีวิวคอนโด

Aspire สาทร – ตากสิน (Brick Zone) : รีวิวคอนโด

โครงการ: Aspire สาทร - ตากสิน (Brick Zone)(PREVIEW)   ราคา 1,690,000 บาท บาท/ตารางเมตร 60,500 บาท เจ้าของโครงการ Asian Property Development (AP) จุดเด่น มีโอกาสทำไรจากราคาห้องที่จะปรับตัวในอนาคตสูงกว่าโครงการใกล้เคียง บริษัทเจ้าของโครงการมีความมั่นคงสูง จุดด้อย โครงการจะอยู่ค่อนข้างห่างจากสถานี BTS เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น ตังโครงการอยู่ค่อนข้างลึกจากถนนใหญ่ โปรโมชั่น - ปีที่สร้างเสร็จ 2558 ที่ตั้ง: Aspire สาทร - ตากสิน (Brick Zone)(PREVIEW) ลักษณะคอนโด Low Rise เนื้อที่ทั้งหมด 4-9-94.7 ไร่ ที่ตั้ง ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร พิกัดโครงการ 13.714104,100.464513 ระบบขนส่งสาธารณะ BTS วุฒากาศ สถานที่สำคัญใกล้เคียง เดอะมอลล์ท่าพระ ตลาดพลู วงเวียนใหญ่ ลักษณะโครงการ: Aspire สาทร - ตากสิน (Brick Zone)(PREVIEW) ประเภทห้องที่มี Studio ขนาดห้องที่มี Studio 28 ตร.ม. จำนวนตึก 2 อาคาร จำนวนชั้น 8 ชั้น จำนวนห้อง 364 ยูนิต ส่วนกลาง: Aspire สาทร - ตากสิน (Brick Zone)(PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 140 คัน(35%) ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 35 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 350 บาท สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ฟิตเนส รปภ. และ CCTV 24 ชม.   เพิ่มเติม: Aspire สาทร - ตากสิน (Brick Zone)(PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-490-3563 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.apthai.com/Aspire/Aspire-Sathorn-Taksin-Brick-Zone-/home/ ข้อมูล ณ วันที่