B-Loft สุขุมวิท 109 (รีวิวคอนโด)
B-Loft สุขุมวิท 109 : รีวิวคอนโด

ปักหลักกันที่โซนรถไฟฟ้าสถานีแบริ่ง แต่ขยับออกมาไกลอีกนิด เข้ามาที่สุขุมวิท 109 หรือ ซอยสันติคาม ซึ่งสุขุมวิท 107 (ซอยแบริ่ง) กับ สุขุมวิท 109 นั้นมีซอยย่อยๆ เชื่อมต่อถึงกันอยู่หลายซอย ดังนั้นการเดินทางเข้าออกจึงทำได้ทั้งจากปากซอยสุขุมวิท 109 เอง หรือจะเข้าทางซอยแบริ่งก็ได้เหมือนกัน ถ้าพูดกันในด้านความเจริญ แน่นอนว่าซอยแบริ่งต้องมีมากกว่าอยู่แล้ว เพราะเป็นซอยใหญ่ที่สามารถเข้าออกถนนศรีนครินทร์ได้จากอีกฝั่งของซอย ในขณะที่สุขุมวิท 109 เป็นซอยเล็กกว่า และออกจะเงียบสงบกว่ามาก เนื่องจากมีลักษณะคล้ายเป็นซอยตันและมีบ้านในแนวราบเสียเป็นส่วนใหญ่นั่นเอง อาศัยว่าเป็นซอยคู่ขนานกับซอยแบริ่ง ดังนั้นทำเลจึงถือว่าไม่แย่นักถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าออกมาเกือบ 600 เมตรก็ตาม เพราะยังไงคงต้องอาศัยพึ่งวินมอเตอร์ไซค์เป็นหลักอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการออกไปต่อรถที่ปากซอย ไปขึ้นรถไฟฟ้า รวมถึงการออกไปหาของกินในซอยแบริ่ง เว้นเสียแต่จะมีรถส่วนตัวก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

โครงการที่เราแวะไปดูในครั้งนี้ก็คือ B-Loft อีกหนึ่งโครงการ Low Rise ที่ตั้งอยู่ในซอยสันติคาม 12 ไม่ว่าจะเข้ามาทางสุขุมวิท 109 มาเกือบสุดซอย หรือจะเข้ามาทางสุขุมวิท 107 แล้วเลี้ยวเข้าซอยแบริ่ง 16 นับๆ แล้วก็ได้เป็นระยะทางเกือบๆ 2 กิโลเมตร จัดว่าไม่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าเท่าไหร่ แต่ก็ยังไม่ถึงกับลำบากในการต่อรถ หรือถ้าจะเดินก็ยังพอไหวอยู่สำหรับคนที่อยากออกกำลังกาย (แต่ออกจะไกลไปซักหน่อย แถมตอนค่ำๆ ในซอยก็ดูจะเปลี่ยวไม่น้อย) แต่ทางโครงการก็เคลมไว้ว่ามีบริการ Shuttle Bus มาให้ด้วย จึงค่อนข้างโอเคถ้าไม่ต้องเร่งรีบเดินทางนัก Shuttle Bus ก็ดูเป็นตัวเลือกที่ช่วยประหยัดค่าเดินทางได้ดีทีเดียว มาถึงสำนักงานขายที่ปากซอยแบริ่ง 16 เราก็ต้องขอชมห้องตัวอย่างกันหน่อย จากหน้าตาของสำนักงานขายก็ดูจะดึงดูดใจได้อยู่พอสมควร แต่ถ้าใครยังไม่แน่ใจ เราแนะนำให้ลองวนไปดูทำเลจริงไว้ด้วย จะได้นึกภาพออกว่าถ้าต้องมาอยู่จริงๆ แล้ว การเดินทางเข้าออก สภาพแวดล้อมรอบๆ จะถูกใจมากน้อยแค่ไหน

อย่างที่บอกว่าตัวโครงการเป็น Low Rise แปดชั้น จำนวนยูนิตทั้งหมดคือ 175 ยูนิต มีที่จอดรถอยู่ที่ชั้นล่างอย่างเดียว นับๆ แล้วก็คิดเป็น 35% รวมจอดซ้อนคันแล้วด้วย ถือว่าไม่มากไม่น้อยสำหรับโครงการขนาดนี้ ถ้าใครที่พอจะคุ้นเคยกับโครงการของเครือ Origin ดี คงพอจะนึกผังอาคารออก เพราะไม่ต่างกันมาก ตัวตึกเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยม ทางเดินภายในถูกจัดเป็นรูปตัว U มีสระว่ายน้ำเล็กๆ อยู่ตรงกลาง รวมถึงห้องฟิตเนสและห้องสมุดซึ่งอยู่ที่ชั้น 2 ในขณะที่ชั้น 2 ก็มีส่วนของที่พักอาศัยด้วยเช่นกัน ใครที่เลือกอยู่ชั้นนี้ก็อาจจะเสียความเงียบสงบเป็นส่วนตัวไปบ้างในมุมที่ใกล้กับ Facilities ส่วนกลาง ส่วนพื้นที่บนดาดฟ้าถูกจัดไว้เป็นสวนลอยฟ้า (Rooftop Garden) อันนี้คือ Facilities แบบคร่าวๆ ที่ทางโครงการมีให้นะครับ

ในส่วนของห้องพักนั้น โครงการนี้มีให้เลือก 2 ขนาดคือ 28 ตรม. และ 37 ตรม. แต่ห้องตัวอย่างมีให้ชมแค่แบบเดียวคือขนาด 28 ตรม. ลักษณะห้องเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า หน้ากว้าง 4.30 เมตร โดยที่มีการวาง Layout ให้แยกส่วนห้องครัวออกไปให้เป็นพื้นที่ปิด และวางไว้ติดระเบียงจะได้ทำครัวกันได้เต็มที่หน่อย แล้วกั้นด้วยกระจกบานสไลด์ ข้อดีอีกอย่างของการออกแบบก็คือ การเอาห้องน้ำไปวางไว้ในแนวระนาบเดียวกับห้องครัว ทำให้พื้นที่ส่วนที่เหลือยังคงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทำให้การจัดแบ่งห้องดูค่อนข้างลงตัว พอเปิดประตูห้องเข้ามาก็จะเจอห้องนั่งเล่นที่พื้นที่เกือบจะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส ขนาดพอๆ กับห้องนอนเลย ต้องบอกว่าห้องทั้งหมดเป็นห้องเปล่าๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์แถมมาด้วยนะครับ ดังนั้นที่เห็นในห้องตัวอย่างจึงเป็นแค่ไอเดียในการตกแต่งเท่านั้น จากที่ดู พอวางเตียงลงไปแล้ว พื้นที่ปลายเตียงยังพอเหลืออยู่นิดหน่อย ถ้าอยากจะดูทีวีในห้อง แนะนำให้แขวนติดผนังจะช่วยประหยัดพื้นที่ได้ หันกลับไปดูที่ห้องน้ำ ซึ่งออกจะเล็กจนอึดอัดไปซะหน่อย ก็ผันกันไปตามขนาดห้องนั่นแหละ สุขภัณฑ์ที่ให้มาก็เป็น Cotto มีแค่ อ่างล้างหน้า ชักโครก กับ Shower Box แต่ทุกชิ้นดูจะลดขนาดให้เล็กไปซะทุกอัน ต้องทำใจนะเนื่องจากพื้นที่มันน้อยจริงๆ ส่วนชุดครัว และแอร์ในห้อง พนักงานก็แจ้งว่ามีให้เฉพาะห้องที่อยู่ชั้น 5 ขึ้นไปเท่านั้น

ถ้าดูจากราคาต่อยูนิตที่เริ่มต้นกันที่ระดับล้านต้นๆ ก็ถือว่าพอใช้ได้ทีเดียวสำหรับ B-Loft การเลือกใช้วัสดุสุขภัณฑ์ก็เป็นไปตามมาตรฐานคอนโดระดับเดียวกัน ไม่มากไม่น้อย ส่วนในเรื่องการออกแบบสไตล์อาคารก็เรียบๆ ง่ายๆ ออกจะธรรมดาเสียด้วยซ้ำ จึงจัดว่าน่าจะดึงดูดความน่าสนใจจากคนที่อยากได้ห้องพักใกล้ๆ ที่ทำงานแถบนี้ ในงบประมาณไม่สูงนัก ถ้าไม่ติดว่าห่างจากสถานีรถไฟฟ้าประมาณนึง เพราะคงต้องหวังพึ่งพาพี่วินมอเตอร์ไซค์ หรือ Shuttle Bus ของโครงการซะมากกว่า เพราะซอยลึกขนาดนี้การจะหาเรียกแท็กซี่ก็ยากเอาการ เว้นเสียแต่จะมีรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งก็ต้องลุ้นว่าเพื่อนร่วมคอนโดจะมีรถกันหมดรึเปล่า ไม่อย่างนั้นต้องมานั่งปวดหัวเรื่องที่จอดรถกันอีกรอบ

สรุปแล้วก็ถือว่าเข้าขั้นอยู่ในมาตรฐานคอนโดระดับ Economy ไม่แย่ครับ

บทความ รีวิวคอนโด ล่าสุด