“โฮมโปร”เปิดสาขาใหม่ พร้อมสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งจาก Offline สู่ Online

ผู้บริโภคยุคปัจจุบัน มีวิถีชีวิตอยู่บนโลกออนไลน์ นับตั้งแต่ตื่นจนเข้านอน ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์เหมือนอวัยวะชิ้นสำคัญของร่างกายที่ขาดไม่ได้  การทำธุรกรรมต่างๆ มักจะทำผ่านโลกออนไลน์  การช้อปปิ้งก็เป็นหนึ่งเรื่องหลักในนั้นแล้ว  ผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจและสินค้า จึงต้องปรับตัวเองเข้าหาลูกค้า เสริมช่องทางการขายสินค้าผ่านทางออนไลน์  เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากที่สุด ถือเป็นการเติมเต็ม Customer Journey  แต่การเปิดสาขาใหม่ ก็ยังคงมีความสำคัญ และยังต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า และยังต้องผสานเชื่อมโยงการช้อปปิ้งระหว่าง Offline และ Online เข้าด้วยกันด้วย

 

ในธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ของตกแต่ง ซ่อมแซม และเฟอร์นิเจอร์  แม้ว่าสินค้าหลายรายการจะมีขนาดใหญ่ แต่การสั่งซื้อสินค้าในช่องทางออนไลน์  ก็นับว่าเป็นความจำเป็นที่จะต้องมีไว้บริการให้กับลูกค้า “โฮมโปร” หนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างอุปกรณ์ตกแต่ง และซ่อมแซมบ้าน ก็เดินเกมการตลาดนี้ด้วยเช่นกัน กับการเปิดเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซมาก่อนหน้านี้ เพื่อเสริมกับการขายสินค้าในช่องทางร้านค้าด้วย

 

ไม่เพียงแต่การเปิดเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเพื่อขายสินค้าเท่านั้น  แต่โฮมโปรได้เริ่มนำเอาระบบ QR Code มาใช้แสดงรายละเอียดสินค้า ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของผลิตภัณฑ์ หรือราคาสินค้า ที่สำคัญ คือการเชื่อมโยงไปสู่เว็บไซต์ของโฮมโปรที่ให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ทันที ตอนนี้สินค้าภายในโฮมโปรกว่า 80% มีระบบ QR Code เรียบร้อยแล้ว

 

นอกจากนี้ โฮมโปรยังได้นำระบบดิจิทัล เข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาการเลือกซื้อสินค้า ที่มักจะพบว่าลูกค้านึกภาพไม่ออกว่า เมื่อเอาสินค้าไปใช้งานจริงกับบ้านของตนเองแล้วจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ด้วยการพัฒนาแอพพลิเคชั่น Fit Tile เพื่อใช้ในกลุ่นสินค้ากระเบื้อง เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกลายกระเบื้อง และเห็นภาพเสมือนจริง เมื่อนำไปใช้งานในพื้นที่ต่างๆ ของห้องได้ แถมยังสามารถคำนวณปริมาณการใช้ได้ด้วยว่า พื้นที่แต่ละห้องจะต้องใช้ปริมาณเท่าไร คำนวณราคาให้เสร็จสรรพ พร้อมกับการสั่งซื้อสินค้าได้ทันทีเมื่อพอใจกับลวดลายของกระเบื้องนั้น ถือเป็นการแก้ไขปัญหาการเลือกซื้อวัสดุ ที่เมื่อนำไปติดตั้งแล้วไม่เป็นไปตามที่ลูกค้าคิด รวมถึงการซื้อสินค้าไม่พอดีกับการใช้งานด้วย

สถาปนิก 60

ลักษณะการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในด้านการออกแบบ และทำให้ลูกค้าเห็นภาพการใช้งานของวัสดุเสมือนจริงนั้น เริ่มต้นจากกลุ่มสินค้าสีก่อน ที่สามารถถ่ายภาพและเปลี่ยนสีของผนังได้ตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งแผนงานต่อไปโฮมโปรจะพัฒนารูปแบบการใช้งานในลักษณะดังกล่าวต่อไป กับสินค้ากลุ่มอื่นๆ ตามมาด้วย อาทิ กลุ่มผ้าม่าน เป็นต้น

 

สาขาใหม่ต้องให้อะไรที่มากกว่า

 

กลยุทธ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งของโฮมโปร คือ การปรับปรุงและขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ได้เปิดสาขาใหม่ที่ 83 “โฮมโปร จรัญสนิทวงศ์” บริเวณปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 18  ถือเป็นสาขาใหม่แห่งแรกของปี 2562 กับงบลงทุน 800 ล้านบาท จัดอยู่ในกลุ่มสาขาขนาดใหญ่กับพื้นที่ 8,400 ตารางเมตร

 

โดยแนวคิดในการพัฒนาสาขาใหม่  โฮมโปรจะเอาปัญหาที่เกิดขึ้นในสาขาเดิมมาพัฒนาและปรับปรุง เพื่อไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นกับสาขาใหม่ พร้อมสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าให้กับลูกค้าที่ดีมากขึ้น  อาทิ การจัดวางสินค้าไว้ไม่สูงมากเกิน จนลูกค้าไม่สามารถหยิบสินค้าลงมาจากชั้นวางได้ การจัดทำพื้นที่สาธิตสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งเครื่องกรองน้ำ ให้ลูกค้าได้ทดลองดื่มน้ำจากเครื่องกรองในแต่ละรุ่น การสาธิตการใช้งานอุปกรณ์เครื่องครัว  การจัดพื้นที่สุขภัณฑ์ประเภทโถส้วม ให้ลูกค้าได้ทดลองนั่งจริง หรือการจัดพื้นที่แสดงการนำเอาอุปกรณ์ไปติดตั้งจริง  เพื่อทำให้ลูกค้าเห็นภาพชัดเจนว่าสินค้าเมื่อถูกนำไปติดตั้งแล้วจะมีหน้าตาอย่างไร  อย่างเช่น กลุ่มสินค้าวงกบ หน้าต่างและประตู เป็นต้น

 

นางสาวสิริวรรณ เสริมชีพ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือโฮมโปร เล่าว่า การทำให้ลูกค้าเห็นภาพการใช้งานของสินค้า จะช่วยในการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ โฮมโปรยังมีสินค้าที่หลายคนไม่คิดว่าจะมีขาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักล้าง ที่เป็นของใช้ในบ้าน หรือแม้แต่ยางมะตอย เพื่อใช้ซ่อมแซมถนนหรือโรงรถในบ้านก็มีขาย  รวมถึงสินค้าสังฆภัณฑ์ก็มีขายเช่นกัน  เพราะโฮมโปรต้องการเป็น Total Home Solution ในการซื้อสินค้าให้นึกถึงโฮมโปร ซึ่งในบางสาขายังมีสินค้าผ้าอ้อมผู้ใหญ่ขายด้วย

สถาปนิก 60

ปัจจุบันกลุ่มโฮมโปรมีสาขารวมทั้งสิ้น 108 สาขาทั้งในประเทศไทยและมาเลเซีย  ซึ่งภายในครึ่งปีหลังมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง  ทั้งในรูปแบบสแตนด์อะโลนที่ใช้งบลงทุนมากกว่า 500 ล้านบาท และสาขาขนาดเล็ก หรือ โฮมโปร เอส ที่ใช้งบลงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท โดยจะขยายในพื้นที่ของศูนย์การค้าหรือคอมมูนิตี้มอลล์เป็นหลัก

 

ไตรมาสแรก โกยรายได้กว่า 1.65 หมื่นล้าน

 

ส่วนผลประกอบการของโฮมโปร ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีรายได้รวม 16,553.01 ล้านบาท เติบโต 4.10% โดยมีรายได้จากการขาย 15,399.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.53% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจโฮมโปร และเมกา โฮม รวมถึงการเติบโตของยอดขายจากสาขาใหม่จากธุรกิจโฮมโปรที่เปิดให้บริการในปี 2561 นอกจากนี้ ยังมีรายได้ค่าเช่า และบริการอีกจำนวน 657.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  9.78% เป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้ามาร์เกต วิลเลจ และรายได้จากค่าบริการ “Home Service” ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาสแรก บริษัททำได้มูลค่า 1,419.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.73% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

 

นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ โฮมโปร กล่าวว่า บริษัท มีกำไรขั้นต้น 4,030.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.63% เมื่อเทียบกับปีก่อน  สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 25.89% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 26.17% โดยเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนของส่วนผสมสินค้ามีไว้เพื่อขายทั้งกลุ่มสินค้าทั่วไป และการเพิ่มอัตรากำไรของกลุ่มสินค้า Direct Sourcing รวมถึงการปรับปรุงแผนการจัดซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องของธุรกิจโฮมโปร เมกา โฮม และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย  ซึ่งมีอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้น

สถาปนิก 60

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด