Lo Feature Image Homepro 1h2019

“โฮมโปร” โกยกำไรและรายได้ครึ่งปีแรก โตสวนกระแสเศรษฐกิจซบ [PR News]

“โฮมโปร” อวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2562 มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 2,946.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 385.43 ล้านบาท หรือ 15.05% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 34,118.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,753.37 ล้านบาท หรือ 5.42% แม้แนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจขยายตัวลดลง  

 

นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร”  เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับ 6 เดือนแรกของปีนี้ ว่า  บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 2,946.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 385.43 ล้านบาท หรือ 15.05% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม  34,118.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,753.37 ล้านบาท หรือ 5.42% ซึ่งประกอบไปด้วย รายได้จากการขาย 31,826.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,506.91 ล้านบาท หรือ 4.97% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจโฮมโปร และเมกา โฮม รวมถึงการเติบโตของยอดขายจากสาขาใหม่จากธุรกิจโฮมโปร

 

บริษัทฯ มีรายได้ค่าเช่าและบริการ 1,285.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135.15 ล้านบาท หรือ 11.75% เป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้ามาร์เกต วิลเลจ และพื้นที่ให้เช่าของสาขาโฮมโปร และรายได้จากค่าบริการ “Home Service” และรายได้อื่นอีก 1,006.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111.31 ล้านบาท หรือ 12.43% โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้ส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้า ดอกเบี้ยรับ และรายได้เบ็ดเตล็ด

 

บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น จำนวน 8,371.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 496.51 ล้านบาท หรือ 6.31% เมื่อเทียบกับปีก่อน  สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 25.97% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 26.30% โดยเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนของส่วนผสมสินค้ามีไว้เพื่อขายทั้งกลุ่มสินค้าทั่วไป และการเพิ่มอัตรากำไรของกลุ่มสินค้า Direct Sourcing รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพวางแผนการจัดซื้อสินค้าของธุรกิจโฮมโปร เมกา โฮม และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย

 

“เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปี 2562 มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้จากการที่ภาคการส่งออกที่ลดลงโดยได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่ลดลงทั่วโลก ส่งผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจชะลอตัวลงใน ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ โดยภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่น้อยลง รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ลดลง แม้การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องแต่ยังได้รับแรงกัดดันจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงรวมถึงราคาสินค้าการเกษตรที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ”นายคุณวุฒิ กล่าวและว่า

 

ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสนี้ยังคงเป็นไปตามแผนงานที่ได้วางไว้ แม้บางสาขาในกรุงเทพฯ ยังได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างระบบขนส่งสาธารณะก็ตาม อย่างไรก็ตามจากสภาพอากาศที่ร้อนต่อเนื่องในช่วงเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม โดยในหลายพื้นที่มีอุณหภูมิสูงกว่าปกติเมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มียอดขายจากสินค้ากลุ่มเครื่องทำความเย็นที่สูงกว่าปกติ เช่น เครื่องปรับอากาศ พัดลม ทั้งนี้บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการจัดกิจกรรมโฮมโปร แฟร์ (HomePro Fair) ในจังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่นและสงขลา (หาดใหญ่)

 

นายคุณวุฒิ กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า สำหรับการเติบโตของบริษัทย่อย ธุรกิจ “เมกา โฮม” มีแนวโน้มการปรับตัวของยอดขายที่ดีขึ้น ส่วนธุรกิจโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย ยอดขายยังคงไม่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้โดยมีปัจจัยหลักเป็นความเชื่อมั่นของผู้บริโภค อย่างไรก็ตามบริษัทย่อยมีประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานต่างๆ ผ่านการปรับปรุงด้านอัตราการทำกำไรขั้นต้น และการบริหารค่าใช้จ่าย โดยการขยายสาขาในไตรมาสที่ 2 บริษัทฯ ได้มีการขยายสาขาใหม่ 1 แห่ง ที่ โฮมโปร สาขาจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งเปิดในเดือน พฤษภาคม ส่งผลให้บริษัทฯ มีสาขา ณ ไตรมาสที่ 2 ของปี 2562 บริษัทฯ มีสาขาโฮมโปร 83 สาขา และโฮมโปรเอส 8 สาขา เมกา โฮม 12 สาขา และ โฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย 6 สาขา

 

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด