Lpn Rebrand

LPN ขนอสังหาฯ พร้อมโอน หั่นราคาต่ำกว่าพรีเซลล์ รับสงครามราคา Q4

แอล.พี.เอ็น. ทุ่ม 150  ล้าน เปิดแคมเปญ “ความพอดี ที่ดีกว่า” พร้อมโฆษณาแบรนด์ดิ้งครั้งแรกในรอบ 10 ปี  เตรียมขนที่อยู่อาศัยพร้อมโอน 1,000 ล้าน จัดลดราคาพิเศษต่ำกว่าพรีเซลล์  ขณะที่ไตรมาสสุดท้ายยังเดินหน้าเปิดตัวโปรเจ็กต์ใหม่ 4,000-5,000 ล้าน ดันเป้ายอดขายอสังหาฯ ทั้งปี 10,000 ล้าน  

 

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน)(LPN) เปิดเผยว่า ได้ใช้งบประมาณ 150 ล้านบาท  จัดทำแคมเปญ “ความพอดี ที่ดีกว่า” ผ่านหนังสั้น “Dream Home”  เพื่อสื่อสารการตลาดไปยังกลุ่มผู้บริโภคในปัจจุบัน  ซึ่งถือว่าเป็นการออกแคมเปญโฆษณาแบรนด์ดิ้งครั้งแรกในรอบ 10 ปี เป็นการถ่ายทอดปรัชญาการสร้างบ้านในแบบของบริษัท ที่ต้องการสร้างบ้านที่พอดีกับการใช้ชีวิตจริง  จากปัจจุบันที่ผู้ประกอบการสร้างบ้านและสร้างแบรนด์ที่อยู่อาศัยจนเกินความพอดี  สะท้อนออกมาทำให้ราคาที่อยู่อาศัยสูงเกินไป โดยเฉพาะการปรับขึ้นของราคาที่ดิน  ซึ่งบางทำเลสูงขึ้นมากกว่า 5 เท่าตัว

 

นอกจากการจัดทำแคมเปญดังกล่าว  บริษัทยังวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในรูปแบบบ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียม รวม 10 โครงการ  มูลค่ารวมประมาณ  15,000-16,000  ล้านบาท ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงต้นปีหน้าด้วย  ซึ่งในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้  จะเปิดตัว 5 โครงการ  รวมมูลค่าประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท  ได้แก่  1. คอนโด High Rise ย่านเตาปูน จำนวน 800 ยูนิต มูลค่า 1,900 ล้านบาท 2. คอนโด Low Rise แจ้งวัฒนะ ซอย 10  จำนวน 476 ยูนิต มูลค่า 600 ล้านบาท 3.โครงการบ้านพักอาศัย ย่านลาดกระบัง ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิ 4 กม. จำนวน 400 แปลง มูลค่า 1,250 ล้านบาท  4.โครงการบ้านแฝด 2 ชั้น และบ้านทาวน์โฮมจำนวน 133 แปลง มูลค่า 750 ล้านบาท ย่านสุขุมวิท 113 และ 5.โครงการย่านพหลโยธิน 54/1 ห่าง BTS สะพานใหม่ (ในอนาคต) ระยะทาง 3 กม. จำนวน 253 แปลง มูลค่า 880 ล้านบาท

 

ส่วนโครงการที่เปิดตัวในปี 2563 ได้แก่ 1.คอนโด High Rise อาคารด้านหน้าจำนวน 719 ยูนิต  มูลค่า 1,600 ล้านบาท และอาคารด้านหลังจำนวน 788 ยูนิต มูลค่า 1,450 ล้านบาท บริเวณถนนแจ้งวัฒนะ ซอย 17  2. คอนโด Low Rise จำนวน 2,293 ยูนิต มูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท ย่านเอกชัย แถวเซ็นทรัลพระราม 2  3.โครงการลุมพินี มิกซ์ นราธิวาส-รัชดา คอนโด High Rise มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท 4.โครงการ Baan 365 ย่านเมืองทองธานี จำนวน 182 แปลง มูลค่า 1,890 ล้านบาท  และ 5.โครงการบ้านแฝด 2 ชั้น 108 แปลง มูลค่า 650 ล้านบาท ย่านท่าข้าม-พระราม 2

Lumpine Select

นายโอภาส กล่าวอีกว่า  ในไตรมาสสุดท้ายบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขาย 5,000 ล้านบาท  ซึ่งปัจจุบันมีโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมโอนกรรมสิทธิ์รวมมูลค่า 8,000 ล้านบาท และกำลังจะก่อสร้างแล้วเสร็จอีก 6,000 ล้านบาท  โดยมียอดขายรอรับรู้รายได้กว่า 4,000 ล้านบาท  ซึ่งเชื่อว่าในปีนี้จะสามารถทำยอดขายโดยรวมทั้งปี 11,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 10,000 ล้านบาท เป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 7,000-7,500 ล้านบาท และยอดขายจากธุรกิจบริการและเช่ามูลค่า 1,000 ล้านบาท

 

“ตลาดอสังหาฯ  ในไตรมาสสุดท้าย ยังคงแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคา ตอนนี้ทุกคนเอาของที่มีอยู่ออกมาขาย บางโครงการลดราคาต่ำกว่าราคาพรีเซลล์ถึง 15% ก็มี”

 

โดยในช่วงวันที่ 30 ตุลาคมนี้ บริษัทยังเตรียมจัดแคมเปญการตลาด  โดยใช้กลยุทธ์ราคาพิเศษเพื่อมากระตุ้นยอดขาย ซึ่งจะมีราคาต่ำกว่าราคาพรีเซลล์  โดยเตรียมโครงการที่อยู่อาศัยในทำเลต่างๆ มาจัดแคมเปญ  คิดเป็นมูลค่ายอดขายประมาณ​ 1,000 ล้านบาท  จากโครงการพร้อมโอนกรรมสิทธิ์มูลค่า 8,000 ล้านบาท

 

แผนธุรกิจในปีนี้ของบริษัท จึงมุ่งเน้นการกระจายฐานรายได้ออกหลายๆ ส่วนเพื่อลดความเสี่ยง โดยยังคงรักษารายได้จากการสร้างและขายอาคารชุดพักอาศัยปีละหมื่นล้านบาท รวมถึงขยายการเติบโตของโครงการบ้านพักอาศัยอย่างน้อย 50% ของอาคารชุดพักอาศัย เมื่อรวมกับรายได้จากธุรกิจบริการอื่นๆ ก็เชื่อว่าจะสร้างรายได้และการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

 

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด