Real Estate Enland

คนไทยนิยมซื้ออสังหาฯ อังกฤษ ไนท์แฟรงค์เตรียมปิดดีลกว่า 1,404 ล้าน

ตลาดอสังหาฯ อังกฤษ เริ่มฟื้นตัว หลังดีมานด์มีสูง ทั้งคนท้องถิ่นและต่างชาติ แต่ดีเวลลอปเปอร์พัฒนาโครงการออกมาน้อย  คาดปีนี้มีดีมานด์กว่า 70,000 ยูนิต แต่ซัพพลายในตลาดมีแค่ 40,000 เท่านั้น “ไนท์แฟรงค์” เห็นสัญญาณจากการขายเพิ่มเฉลี่ยเดือนละ 4-8 รายจากก่อนหน้าขายได้แค่ 1-2 รายต่อเดือน  พร้อมปิดดีลไปแล้วมูลค่ากว่า 569.4 ล้านบาท รอปิดอีก 10 ดีล

 

นายแฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหาร หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า อสังหาริมทรัพย์ในประเทศอังกฤษ  เริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังจากได้รับผลกระทบ จากนโยบายภาษีที่รัฐบาลประกาศใช้ ในการจัดเก็บภาษีที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 อัตรา 3% และภาษีจากอัตรากำไรการขายอสังหาฯ (Capital gain) ในอัตรา 20-28% ซึ่งได้ประกาศใช้กับชาวต่างชาติ ที่ได้เข้าไปซื้ออสังหาฯ  ในประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ปี 2557 ส่งผลให้ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาตลาดอสังหาฯ​ มีอัตราลดลงเฉลี่ย 15%

 

Frank Khan

 

การฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯ ในประเทศอังกฤษนั้น  เกิดจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะความต้องการที่อยู่อาศัยมีสูง ทั้งจากคนในประเทศและชาวต่างชาติ ที่เข้าไปเรียนและทำงานจำนวนมาก แต่ปัจจุบันจำนวนที่อยู่อาศัยที่พัฒนาออกมาน้อย โดยเฉพาะในปีนี้คาดว่าความต้องการที่อยู่อาศัยจะมีมากกว่า 70,000 ยูนิต แต่มีที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ถูกพัฒนาออกไม่ประมาณ​ 40,000 ยูนิตเท่านั้น สาเหตุสำคัญที่ทำให้ดีเวลลอปเปอร์พัฒนาโครงการออกมาน้อย ทั้งที่มีความต้องการสูง เป็นเพราะยังมีปัญหาเศรษฐกิจโดยภายรวม ต้นทุนการพัฒนาโครงการสูง ไม่ว่าจะเป็นราคาที่ดิน  และราคาวัสดุก่อสร้าง ขณะที่ปัญหาเบร็กซิทถือว่ามีผลกระทบเล็กน้อย

 

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในประเทศอังกฤษช่วง 6 เดือนแรกเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น โดยเห็นได้จากการติดต่อจากกลุ่มลูกค้ามายังบริษัทเพิ่มมากขึ้นในการซื้ออสังหาฯ และมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถปิดการขายได้เดือนละ 1-2 ราย แต่ปัจจุบันสามารถปิดการขายได้ 4-8 รายต่อเดือน ขณะที่ช่วงก่อนหน้านี้ อสังหาฯ จะมีการลดราคาลงอย่างมากเพื่อจูงใจผู้ซื้อ บางโครงการลดราคาถึง 25% แต่ปัจจุบันลดราคาเพียง 11-12% เท่านั้น  ซึ่งความต้องการที่อยู่อาศัยในประเทศอังกฤษ  เริ่มฟื้นตัวทั้งจากตลาดภายในประเทศ และกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้าไปซื้ออสังหาฯ ด้วย

 

ปัจจุบันสัดส่วนชาวต่างชาติที่เข้าไปซื้ออสังหาฯ มีประมาณ 40% กลุ่มลูกค้าหลักเป็นชาวจีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ โดยวัตถุประสงค์หลักของการเข้าไปซื้ออสังหาฯ ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อเพื่อให้บุตรหลานได้พักอาศัย ในระหว่างการเรียน ซึ่งนักศึกษาต่างชาติในประเทศอังกฤษมีมากกว่า 100,000 คน บริษัทต่างชาติซื้ออสังหาฯ เพื่อให้พนักงานพักอาศัย และการซื้อเพื่อลงทุนของกลุ่มนักลงทุนเพื่อปล่อยเช่า  ซึ่งผลตอบแทนจากการเช่าจะอยู่ที่ 1-2% สำหรับย่านใจกลางลอนดอน และ 4-6% สำหรับเมืองรอบนอกที่มีระบบการคมนาคมขนส่งสะดวก  สามารถเดินทางเข้ามาใจกลางเมืองได้ภายในเวลา 5-10 นาที

 

Housing Supply In London

 

ขณะที่คนไทยก็เริ่มให้ความนิยมในการเข้าไปซื้ออสังหาฯ ในประเทศอังกฤษเพิ่มมากขึ้น โดยในปีนี้บริษัทได้เป็นตัวแทนขายอสังหาฯ ในประเทศอังกฤษ ให้กับกลุ่มคนไทยได้แล้ว 8 ราย มูลค่า 14.6 ล้านปอนด์ หรือประมาณ​569.4 ล้านบาท  ซึ่ง 7 รายเป็นบุคคลทั่วไป ที่ซื้อคอนโดฯ ยูนิตในราคา 900,000 -1.6 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 35-62.4 ล้านบาท และมี 1 รายเป็นบริษัทที่ซื้อเพื่อการลงทุนจำนวน 16 ยูนิต  และบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาอีก 10 รายที่จะซื้ออสังหาฯ​ ในอังกฤษด้วย มีระดับราคาตั้งแต่ 600,000-2 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 23.4-78 ล้านบาท ซึ่งมีหนึ่งรายต้องการซื้ออสังหาฯ มูลค่ามากถึง 36 ล้านปอนด์ หรือกว่า 1,404 ล้านบาท

 

ส่วนในปี 2563 บริษัทตั้งเป้าหมายการเป็นตัวแทนขายอสังหาฯ ในประเทศอังกฤษ 15-20 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 1-2 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 39-78 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งแนวทางการทำตลาด บริษัทได้มีกิจกรรมจัดสัมมนา และนิทรรศการให้ความรู้ และข้อมูลเกี่ยวกับตลาดอสังหาฯ ในประเทศอังกฤษ รวมถึงการพาชมโครงการที่ประเทศอังกฤษ เพื่อให้ผู้ซื้อได้เห็นโครงการจริงด้วย

 

สำหรับกลุ่มคนที่เลือกซื้ออสังหาฯ ในประเทศอังกฤษ ไม่ว่าจะอยู่อาศัย หรือการลงทุน ยังคงใช้ 3 หลักเกณฑ์ในการตัดสินใจซื้อ ได้แก่ 1.ทำเลที่ตั้ง ใกล้สถานีรถใต้ดิน ระยะห่างสามารถเดินทางได้ไม่เกิน 5-10 นาที 2. สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ อาทิ สวน พื้นที่ส่วนกลางสำหรับทำกิจกรรม และ 3.สภาพอาคาร หากเป็นอาคารใหม่จะได้รับความนิยมมากกว่าอาคารเก่า

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด