Habitat Group Mixed Use Project 4

“ฮาบิแทท กรุ๊ป” ปั้นโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส 4,500 ล้าน พร้อมบุกตลาดลูกค้าต่างชาติ

“ฮาบิแทท กรุ๊ป” ชี้ตลาดอสังหาฯเพื่อการลงทุนปี 2563  ยังเติบโตแต่ไม่หวือหวา พร้อมเดินหน้าชูกลยุทธ์ ” ไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์” เตรียมเปิดโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส 4,500 ล้าน ผนึกพันธมิตร ลีสต์ กรุ๊ป ญี่ปุ่น รุกขยายตลาดใหม่จับลูกค้าต่างชาติเพิ่ม ทั้ง ญี่ปุ่น ไต้หวัน ตะวันออกกลางและยุโรป ทดแทนตลาดจีน และฮ่องกง

Habitat Group Mixed Use Project 2

นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2563 คาดว่าจะไม่เติบโตจากปีนี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2562  ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจ และค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทำให้กำลังซื้อได้รับผลกระทบ ขณะที่ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ธนาคารยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากกว่าระดับปกติ และยังมีปัจจัยเรื่องนโยบายการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV)

 

แม้จะมีปัจจัยบวกอยู่บ้างจากการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นตลาด ประกาศลดค่าธรรมเนียมการโอน และการจดจำนองให้เหลือเพียง 0.01% ของราคาประเมินไปจนถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563 และยังมีโครงการบ้านดีมีดาวน์ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ แต่ภาพรวมตลาดอสังหาฯ น่าจะอยู่ในภาวะทรงตัว หรือใกล้เคียงกับปี 2562

Habitat Group Mixed Use Project 3

ปี 63 โอกาสของลูกกค้าเลือกซื้ออสังหาฯ ราคาสุดคุ้ม

สำหรับจำนวนโครงการที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีนี้เช่นกัน โดยโครงการใหม่เปิดที่ออกสู่ตลาดจะเป็นโครงการแนวราบมากกว่าคอนโดมิเนียม ซึ่งโครงการใหม่ที่ดีเวลลอปเปอร์เลือกเปิด เชื่อว่ามีการคัดกรองมาอย่างดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำเล  ลักษณะโครงการ และราคาที่มีความเหมาะสม เพราะว่ากำลังซื้อในตลาดถึงแม้ยังมีอยู่ แต่มีอยู่ไม่มากนัก เนื่องจากผู้บริโภคยังระมัดระวังในการใช้เงิน เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยซึ่งถือเป็นหนี้ผูกพันธ์ในระยะยาว

 

“อสังหาฯ ประเภทที่อยู่อาศัยยังถือว่าเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละทำเล ถ้ามีทำเลดีและมีราคาที่เหมาะสม แต่หากในบางทำเลก็ยังมีการชะลอตัว จากซัพพลายมีอยู่จำนวนมากจะยังคงซบเซาต่อไป อย่างไรก็ดี ในปี 2563 นี้จะเป็นปีที่ดีของผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อ และมีความต้องการแท้จริงเรื่องที่อยู่อาศัย ซึ่งจะได้รับประโยชน์ และได้เลือกสินค้าที่ดีมีคุณภาพจากการแข่งที่สูงขึ้นของตลาด”

Habitat Group Mixed Use Project 1

สำหรับแนวโน้มภาพรวมตลาดอสังหาฯ เพื่อการลงทุน ในปี 2563 คาดว่าตลาดยังคงเติบโตไปได้ต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่เติบโตสูงเหมือนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาก็ตาม เนื่องจากแนวโน้มการลงทุนอสังหาฯ ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะได้ผลตอบแทนทั้งค่าเช่าระยะยาว อีกทั้งส่วนต่างมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น (Capital gain) ซึ่งหากลงทุนในทำเลที่ดี แตกต่างจากการลงทุนในตลาดหุ้น พันธบัตร กองทุนรวมที่มีความผันผวน และสามารถมีผลตอบแทนติดลบได้ นักลงทุนจึงนิยมลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพราะมีความเสี่ยงต่ำ จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่หลายราย หันมาให้ความสนใจลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนเพิ่มมากขึ้น

 

“คนที่มีเงินสดในมือ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ ก็ยังมีความต้องการลงทุนในอสังหาฯ เมืองไทยอยู่ ถ้าหากมีการนำเสนอโปรดักส์ที่ตอบโจทย์ มีการรันตีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า ซึ่งในปีหน้าเรียกว่าเป็นช่วงจังหวะที่ดีสำหรับผู้ที่มีกำลังทรัพย์ในการซื้ออสังหาฯเพื่อลงทุน เพราะสามารถต่อรองราคาได้มาก แถมได้รับโปรโมชั่นที่ดี เพราะดีเวลลอปเปอร์เองต้องการผลักดันยอดขาย ในปีหน้าจึงถือเป็นตลาดของผู้ซื้ออยู่เอง และซื้อเพื่อลงทุนจริงๆ”

เปิดโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส 4,500 ล้าน

สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของฮาบิแทท กรุ๊ป ในปี 2563 ยังมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการเพื่อการลงทุนในรูปแบบไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์ (Lifestyle Investment) มากขึ้น โดยปีหน้าจะหันมาโฟกัสการลงทุนในพื้นที่พัทยาเป็นหลัก  เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางภาคตะวันออก เนื่องจากพัทยาได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงธุรกิจอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ประกอบกับมีกำลังซื้อทั้งจากนักท่องเที่ยวคนไทย และชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในเมืองพัทยา

 

โดยคาดว่าพัทยามีการเติบโตอีกมากใน 5 ปีข้างหน้า ส่วนหนึ่งเกิดจากโครงการพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ที่ภาครัฐให้การสนับสนุนและลงทุนในโครงการพื้นฐาน อาทิ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่เชื่อมต่อ 3 สนามบิน  คือ สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินอู่ตะเภา โครงการขยายสนามบินอู่ตะเภา หรือมอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยาย ไประยอง อู่ตะเภา มาบตาพุด ส่งผลให้มีการลงทุนหลั่งไหลเข้ามาในพัทยา ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ต่างประเทศ และภาคเอกชน มากขึ้น

Habitat Group Mixed Use Project 5

นายชนินทร์ กล่าวอีกว่า ในปีหน้า ฮาบิแทท กรุ๊ป ยังดำเนินการตามแผนเดิมคือ การเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสอีก 1 โครงการ บนทำเลติดทะเลนาจอมเทียน ประกอบไปด้วย คอนโดฯ ซื้อเพื่อลงทุนและคอนโดฯ ซื้อเพื่ออยู่อาศัย และโรงแรมระดับ 5 ดาว มูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท หลังจากที่บริษัทฯได้ลงทุนพัฒนาโครงการในพัทยาไปแล้วทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 5,500 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่ได้เปิดให้บริการในรูปแบบของโรงแรมแล้วจำนวน 3 แห่งคือ เดอะ วิลล์ จอมเทียน, ครอสทู ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์, ครอสทู พัทยา โอเชี่ยนเฟียร์ และเตรียมเปิดบริการเพิ่มอีก 2 แห่งในปี 2563 คือ บลูเฟียร์ บีดับเบิลยู พรีเมียร์ คอลเล็คชั่น บาย เบสท์เวสเทิร์น และเบสท์เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา

 

ส่วนในกรุงเทพฯ ฮาบิแทท กรุ๊ป ยังเน้นการลงทุนในทำเลซีบีดีอย่าง อโศก พร้อมพงศ์ และทองหล่อ เพราะ “ทำเล” ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการลงทุน ที่สร้างผลตอบแทนสูงให้กับนักลงทุนทั้งผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า และแคปปิตอลเกน เฉลี่ยที่ 10% ขึ้นไปเมื่อผ่านไป 3-5 ปี  อย่างไรก็ดีปีหน้าตลาดในกรุงเทพฯ ฮาบิแทท กรุ๊ป จะโฟกัสการทำตลาดและการขายใน 2 โครงการที่ได้เปิดตัวล่าสุด คือโครงการ วาลเด้น ทองหล่อ 8 และวาลเด้น ทองหล่อ 13  โดยทั้ง 2 โครงการเป็น คอนโด ลักชัวรี่โลว์ไรส์ สูง 8 ชั้น ราคาเริ่มต้นที่ 7 ล้านบาท

เดินหน้าจับตลาดลูกค้าต่างชาติ

นอกจากนี้ในปี 2563 ฮาบิแทท กรุ๊ป ยังมองหาตลาดใหม่ๆ จากเมื่อก่อนที่เน้นเจาะโดยเฉพาะลูกค้าในตลาดจีน และฮ่องกง ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มีสัดส่วน 50% ที่เข้ามาซื้ออสังหาฯในไทย แต่ปัจจุบันทั้งสองตลาดมีการชะลอตัวไปมาก
จากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจในประเทศ  ซึ่งในปีหน้า ฮาบิแทท กรุ๊ป ที่มีการผนึกกับพันธมิตรอย่าง ลิสต์ กรุ๊ป จากญี่ปุ่น จึงจะเข้าไปขยายตลาดใหม่ เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน ตะวันออกกลาง และยุโรป เพื่อมาทดแทนตลาดจีน และฮ่องกง พร้อมทั้งมุ่งตอกย้ำรูปแบบพัฒนาโครงการ ไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์ มากขึ้น เพื่อสร้างความแตกต่าง ขณะเดียวกัน ก็จะร่วมกับกูรูทางด้านการลงทุน จัดเสวนาให้ความรู้เรื่องการลงทุนให้กับผู้ซื้ออย่างต่อเนื่อง

 

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการต่างๆได้ทางเว็บไซต์ของฮาบิแทท กรุ๊ป หรือโทร. 02-168-8266 เฟสบุ๊ค HabitatGroupProperties และไลน์ @habitatgroup อินสตาแกรม habitatgroup.th

 

 

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด