การเปิดตัวของห้างไอคอนสยาม ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ในย่านเจริญนคร ถือเป็นปัจจัยหลักสำคัญที่ส่งผลให้ย่านเจริญนครกลายเป็นอีกหนึ่งทำเลทอง สร้างความสมบูรณ์ให้กับพื้นที่ เพราะหลังจากไอคอนสยามเปิดให้บริการเป็นเวลา 1 ปี พบว่า มีลูกค้าทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาใช้บริการจำนวนสูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ โดยมีจำนวนเฉลี่ยประมาณ 150,000 คนต่อวัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลังประสบความสำเร็จในเฟสแรก ไอคอนสยามจึงได้ขยายพื้นที่เฟส 2 เพิ่ม บนที่ดินประมาณ 5 ไร่ โครงการในเฟส 2 จะประกอบด้วยโรงแรมฮิลตัน การ์เด้น อินน์ กรุงเทพฯ ในเครือฮิลตัน จำนวนห้องพัก 244 ห้อง และซุปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่
นอกจากบริเวณเจริญนคร จะมีโครงการค้าปลีกขนาดใหญ่อย่าง “ไอคอนสยาม” ที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้พื้นที่ดังกล่าวแล้ว ก่อนหน้านี้ กลุ่ม TCC Land ของตระกูลเจริญสิริวัฒนภักดี ได้พัฒนาโครงการเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ ขึ้นมาจนประสบความสำเร็จ กลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก
โครงการเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ ยังมีแผนขยายโครงการในเฟสที่ 2 ต่อเนื่องด้วย บนพื้นที่ดินขนาด 16 ไร่ เป็นรูปแบบมิกซ์ยูส ที่ประกอบด้วยพื้นที่ค้าปลีก 10,000 ตารางเมตร โรงแรมระดับ 5 ดาว 800 ห้อง และ 6 ดาว รวมถึงแบรนด์เด็ดเรสซิเดนท์ และไฮไลท์อีกหลายอย่างจะตามมา เบื้องต้นคาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2565
นอกเหนือจากโครงการค้าปลีกขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้น การมีระบบคมนาคมขนส่งด้วยรถไฟฟ้า ทั้งสายปัจจุบันและอนาคตที่จะเกิดขึ้น อย่างการพัฒนารถไฟฟ้าสายสีทองซึ่งเชื่อมต่อกับสายสีเขียวอ่อนจากสถานีกรุงธนบุรีมายังพื้นที่เจริญนครทำให้พื้นที่บริเวณนี้มีความสะดวกสบายในการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนแบบราง ซึ่งสามารถเดินทางเข้าสู่ย่านศูนย์กลางธุรกิจอันได้แก่ บริเวณสาทร สีลม ถือเป็นปัจจัยสำคัญผลักดันให้พื้นที่ย่านเจริญนคร เป็นทำเลทองที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น จึงได้รับความสนใจทั้งจากดีเวลลอปเปอร์ในการเข้าพัฒนาโครงการ รวมถึงการเข้ามาอยู่อาศัยของคนทั่วไปด้วย
นางสาวริษิณี สาริกบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า พื้นที่บริเวณเจริญนคร กรุงธนบุรี และ ตลาดพลูเป็นบริเวณที่ผู้ประกอบการต่างให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีการพัฒนาเชิงพาณิชยกรรม โครงการค้าปลีกขนาดใหญ่ ปัจจุบันพบว่ามีจำนวนคอนโดมิเนียมบริเวณดังกล่าวประมาณ 33,197 ยูนิต โดยในช่วง 11 เดือนของปี 2562 มีคอนโดฯ เปิดขายใหม่สูงถึง 3,611 ยูนิต
กราฟที่ 1
อุปทาน อุปสงค์ และ อัตราการขายคอนโดมิเนียมบริเวณเจริญนคร กรุงธนบุรี และ ตลาดพลู ปี 2553 ถึง พฤศจิกายน 2562
โดยสามารถขายคอนโดฯ ได้ทั้งสิ้น 25,458 ยูนิต จากจำนวนทั้งหมด 33,197 ยูนิต คิดเป็นอัตราการขาย 76.7% มีจำนวนยูนิตเหลือขายอยู่ประมาณ 7,739 ยูนิต โดยกลุ่มผู้ซื้อคอนโดฯ บริเวณเจริญนคร กรุงธนบุรี และ ตลาดพลู ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่พักอาศัยในพื้นที่เดิม และส่วนหนึ่งเป็นข้าราชการที่ทำงานในบริเวณดังกล่าว
หากเป็นคอนโดฯ ที่ตั้งอยู่บริเวณกรุงธนบุรี และตลาดพลู พบว่าผู้ซื้อเป็นกลุ่มคนทำงานในบริเวณศูนย์กลางธุรกิจ ในย่านสาทรและสีลม เนื่องจากบริเวณกรุงธนบุรี และ ตลาดพลูในปัจจุบัน อยู่บนเส้นรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งสามารถเดินทางเข้าสู่ศูนย์กลางธุรกิจได้สะดวก นอกจากนี้ ยังมีนักลงทุนที่ซื้อคอนโดฯ เพื่อปล่อยเช่า หรือเก็บเป็นทรัพย์สินสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต เพราะราคาคอนโดฯ ในบริเวณดังกล่าว มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต
จากผลวิจัยไนท์แฟรงค์ประเทศไทย ราคาขายคอนโดฯ ย่านเจริญนคร แยกราคาขายเป็น 2 กลุ่ม คือ ราคาขายคอนโดฯ บริเวณตลาดพลู และราคาขายคอนโดฯ บริเวณเจริญนคร กรุงธนุบรี คอนโดฯ บริเวณตลาดพลูส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมระดับเกรดบี และเกรดซี โดยระดับราคาขายเฉลี่ยของคอนโดฯ เกรดบีบริเวณตลาดพลูมีระดับราคาขายเฉลี่ย ณ เดือนพฤศจิกายน 2562 อยู่ที่ 94,425 บาทต่อตารางเมตร ปรับตัวขึ้นจากปี 2555 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 77,154 บาทต่อตารางเมตร ค่าเฉลี่ยการปรับตัวขึ้นของคอนโดฯ ในบริเวณดังกล่าว มีค่าเฉลี่ยสะสมในการปรับตัวในระยะเวลา 6 ปี (Compound Annual Growth Rate:CAGR) อยู่ในอัตรา 3.5%
ส่วนระดับราคาขายเฉลี่ยของคอนโดฯ เกรดซีบริเวณตลาดพลู มีระดับราคาขายเฉลี่ย ณ เดือนพฤศจิกายน 2562 อยู่ที่ 66,640 บาทต่อตารางเมตร ปรับตัวขึ้นจากปี 2553 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 51,596 บาทต่อตารางเมตร ค่าเฉลี่ยการปรับตัวขึ้นของคอนโดฯ บริเวณตลาดพลู มีค่าเฉลี่ยสะสมในการปรับตัวในระยะเวลา 8 ปี (Compound Annual Growth Rate:CAGR) อยู่ในอัตรา 3.4%
กราฟที่ 2
ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมบริเวณตลาดพลู ปี 2553 ถึง พฤศจิกายน 2562
คอนโดฯ บริเวณเจริญนคร กรุงธนบุรี ส่วนใหญ่เป็นคอนโดฯ ระดับเกรดพรีเมี่ยม เกรดเอ และเกรดบี โดยระดับราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมเกรดพรีเมี่ยมมีระดับราคาขายเฉลี่ย ณ พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 อยู่ที่ 334,000 บาทต่อตารางเมตร ปรับตัวขึ้นจากปี 2557 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 222,257 บาท/ตารางเมตร ค่าเฉลี่ยการปรับตัวขึ้นของคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้จากปี 2557 ถึง พฤศจิกายน 2562 มีค่าเฉลี่ยสะสมในการปรับตัวในระยะเวลา 4 ปี (Compound Annual Growth Rate:CAGR) อยู่ในอัตรา 11.2%
ส่วนระดับราคาขายเฉลี่ยของคอนโดฯ เกรดเอบริเวณเจริญนคร กรุงธนบุรี มีระดับราคาขายเฉลี่ย ณ พฤศจิกายน 2562 อยู่ที่ 164,000 บาท ต่อตารางเมตร ปรับตัวขึ้นจากปี 2557 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 125,000 บาทต่อตารางเมตร ค่าเฉลี่ยการปรับตัวขึ้นของคอนโดฯ ในบริเวณนี้ มีค่าเฉลี่ยสะสมในการปรับตัวในระยะเวลา 4 ปี (Compound Annual Growth Rate:CAGR) อยู่ในอัตรา 6.9%
ส่วนระดับราคาขายเฉลี่ยของคอนโดฯ เกรดบีบริเวณเจริญนคร กรุงธนบุรี มีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 122,513 บาท ต่อ ตารางเมตร ปรับตัวขึ้นจากปี 2551 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 81,077 บาทต่อตารางเมตร ค่าเฉลี่ยการปรับตัวขึ้นของคอนโดฯ ในบริเวณดังกล่าว มีค่าเฉลี่ยสะสมในการปรับตัวในระยะเวลา 10 ปี (Compound Annual Growth Rate:CAGR) อยู่ในอัตรา 5.1%
กราฟที่ 3
ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมบริเวณเจริญนคร กรุงธนบุรี ปี 2551 ถึง พฤศจิกายน 2562
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง