ทุนสิงคโปร์จับมือไทยลุยตลาดอสังหาฯ EEC ปักหมุดโปรเจ็กต์แรกที่บางแสน

ติดต่อโครงการ


Venture Global

ทุนสิงคโปร์จับมือไทยลุยตลาดอสังหาฯ EEC ปักหมุดโปรเจ็กต์แรกที่บางแสน

ดีเวลลอปเปอร์ไทยดึงทุนสิงคโปร์ บุกตลาดอสังหาฯ อีอีซี จับตลาดปล่อยเช่าทั้งกลุ่มแรงงาน และนักศึกษา ก่อนแต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอีก 5 ปี  มั่นใจตลาดอสังหาฯ เติบโตและไม่โอเว่อร์ซัพพลาย ประเดิมโปรเจ็กต์แรกที่บางแสน ปั้นโครงการ “เดอะ เซนโทร คอนโด บางแสน” มูลค่า 550 ล้าน

 

นายพีระพล รังสิมานุรักษ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวนเจอร์ โกลบอล โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับ ABN กลุ่มนักธุรกิจที่พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศสิงคโปร์ ในการจัดตั้งบริษัทขึ้น เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในประเทศไทย โดยร่วมลงทุนเบื้องต้นมูลค่า 60 ล้านบาท  ซึ่งฝ่ายสิงคโปร์ลงทุนสัดส่วน 49% และบริษัทลงทุนในสัดส่วน 51%

 

โดยได้พัฒนาโครงการแรกในพื้นที่บางแสน จังหวัดชลบุรี ภายใต้ชื่อ  “เดอะ เซนโทร คอนโด บางแสน” มูลค่า 550 ล้านบาท เป็นอาคารขนาด 8 ชั้นจำนวน 2 อาคาร บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่  จำนวน 304 ยูนิต มีห้อง 3 ขนาด ได้แก่ ขนาด 1 ห้องนอน 28-28.15  ขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ 28.2 ตารางเมตร และ ขนาด 2 ห้องนอน พื้นที่ 58.27 ตารางเมตร มีระดับตั้งแต่ตารางเมตรละ 53,000-60,200 บาท  ราคาขายเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท ชนาด 28 ตารางเมตร ส่วนห้องขนาดใหญ่สุด 58.27 ตารางเมตร ราคาประมาณ 2.9 ล้านบาท

 

จับตลาดเช่า สร้างผลตอบแทนปีละ 8%

นายพีระพล กล่าวว่า พื้นที่บางแสนถือเป็นที่ศักยภาพด้านการลงทุน เนื่องจากอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาพื้นที่สร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศ ซึ่งจะมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาในพื้นที่กว่า 45,000 ล้านเหรียญสหรัฐ  บางแสนยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ใกล้กรุงเทพฯ และพัทยา มีชายหาด และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แต่ค่าครองชีพ ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับพัทยา

 

Preerapol Venture Global

 

นอกจากนี้ ยังมีสถาบันการศึกษาชั้นนำ ทั้งระดับมหาวิทยาลัย รวมถึงเป็นแหล่งงาสำคัญ ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของแรงงานจำนวนมาก ปัจจุบันน่าจะมีแรงงานกว่า 700,000 คน มีโรงงานเปิดใหม่กว่า 5,300 แห่ง ทำให้บางแสนกลายเป็นอีกหนึ่งแหล่งงานสำคัญ  ซึ่งเป็นโอกาสทางการตลาดของโครงการคอนโดฯ  สำหรับกลุ่มนักลงทุนที่จะซื้อเพื่อปล่อยเช่า เนื่องจากในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีโครงการคอนโดฯ เปิดใหม่เลย โครงการเปิดตัวล่าสุด คือ ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา  ขณะที่ซัพพลายของคอนโดฯ เหลือขายในปัจจุบันมีกว่า 100  ยูนิตเท่านั้น และมีอัตราการขายเฉลี่ย 20 ยูนิตต่อเดือน ทำให้มั่นใจได้ว่าตลาดอสังหาฯ ไม่อยู่ในภาวะโอเว่อร์ซัพพลาย

 

นายพีระพล กล่าวอีกว่า  หลังจากบริษัทได้เริ่มเปิดตัวโครงการ  ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย โดยยังไม่ได้เปิดการขายอย่างเป็นทางการ พบว่ามีผู้สนใจลงทะเบียนล่วงหน้าเกินกว่าจำนวนยูนิตที่เปิดขายแล้ว  จึงคาดว่าโครงการนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า  โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่บริษัทคาดว่าจะมีสัดส่วน 70% และผู้ซื้ออยู่จริงสัดส่วน 30% โดยส่วนหนึ่งจะเป็นกลุ่มลูกค้าจากประเทศสิงคโปร์  เนื่องจากพันธมิตรที่เข้ามาร่วมทุน จะทำการตลาดและดึงลูกค้าบางส่วนให้เข้ามาซื้อโครงการด้วย

Thecentro2

สำหรับผลตอบแทนจากการลงทุน โดยการซื้อเพื่อปล่อยเช่า คาดว่าจะให้ผลตอบแทนได้ในอัตรา 8% สำหรับห้องในขนาด 28 ตารางเมตร ซึ่งสามารถปล่อยเช่าได้ในราคา 6,000-7,000 บาทต่อเดือน หากเป็นห้องขนาดใหญ่ หรือขนาด 2 ห้องนอน น่าจะได้อัตราค่าเช่า 15,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตกแต่งห้อง และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เจ้าของห้องมีให้กับลูกค้า ซึ่งนอกจากการทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าทั่วไปแล้ว บริษัทยังมีแผนทำตลาดกับกลุ่มบริษัท หรือองค์กรที่ต้องการซื้อเพื่อให้เป็นที่พักของพนักงานด้วย

 

เป้าหมายเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอีก 5 ปี

ภายหลังจากเปิดการขายและสามารถสร้างยอดขายได้เกิน 50% บริษัทจะหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่ 2 ต่อไปด้วย ในเบื้องต้นบริษัทวางแผนที่จะเข้าไปพัฒนาโครงการคอนโดฯ โลว์ไรซ์ในพื้นที่อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง โดยมีขนาดพื้นที่โครงการประมาณ 2 ไร่ จำนวน 300 ยูนิต เนื่องจากเป็นขนาดโครงการที่มีความเหมาะสม และบริหารจัดการได้อย่างรวดเร็ว

 

โดยป้าหมายในอนาคตภายในระยะ 5 ปีนับจากนี้ ต้องการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  เพื่อระดมทุนในการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งวางแผนจะพัฒนาโครงการจำนวน 8 โครงการ มูลค่าโครงการละ 800 ล้านบาท เพื่อสร้างผลการดำเนินงานให้ได้ 4,000 ล้านบาท  ซึ่งแต่ละโครงการจะจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทขึ้นมาโดยเฉพาะ แต่ยังคงอยู่ภายใต้บริษัทเนื่องจากเป็นโครงสร้างด้านการบริหารงาน และเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

Thecentro 1

สำหรับนายพีระพล ก่อนหน้านี้ได้ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ ในพื้นที่จังหวัดสระแก้วและชลบุรี ภายใต้บริษัท เสริมทรัพย์ 999 จำกัด เป็นอาพาร์ทเมนท์ให้เช่า อาคารพาณิชย์ และโรงแรม เป็นระยะเวลากว่า 4 ปี มีมูลค่าโครงการรวมกว่า 100 ล้านบาท ปัจจุบันยังพัฒนาโครงการต่างๆ ในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการรวมทุนกับสิงคโปร์ในครั้งนี้เป็นเพราะรู้จักรกับนักธุรกิจสิงคโปร์เป็นการส่วนตัว และต้องการได้ความรู้ด้านการพัฒนาโครงการองทุนสิงคโปร์ และการทำตลาดดึงกลุ่มลูกค้าสิงคโปร์เข้ามา

 

ทุนสิงคโปร์มั่นใจตลาดไทย ลงทุนยาวนับ 10 ปี

นายออสติน ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวนเจอร์ โกลบอล โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นอีกประเทศหนึ่งในภูมิภาคอาเซียนที่มีอัตราการเติบโตมาตลอดในระยะ 4 ทศวรรษ ที่ผ่านมา การพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นไปอย่างก้าวหน้า  ประสบความสำเร็จในฐานะประเทศที่เกิดใหม่ จากนโยบายลงทุนพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลไทย เมื่อแล้วเสร็จจะส่งผลให้ประเทศไทยจะมีโอกาสเติบโตอีกมาก เช่นเดียวกันในสิงคโปร์ทีมีการเติบโตของเม็ดเงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง

 

“กลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัท คือ ABN เป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ในสิงคโปร์ เมื่อเล็งเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจนอกประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาฯ  ตามเมืองใหญ่ หรือเมืองท่องเทียวของไทย จึงทำให้ตัดสินใจไม่ยากที่จะร่วมลงทุนและพัฒนาอสังหาฯ ในครั้งนี้ และจะลงทุนต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10 ปี” 

 

 

 

 

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด