Sc Asset Business Plan 2020

ถอดกลยุทธ์ “เอสซี แอสเสท” ใช้ความยืดหยุ่น สร้างพอร์ตธุรกิจให้เติบโต พร้อมเพิ่มรายได้ประจำ

ปีที่ผ่านมาภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ต้องเผชิญกับปัจจัยลบมากมาย ส่งผลให้ภาพรวมของการเปิดโคงการใหม่ลดลง 20% ยอดขายลดลง 23% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่วนปีนี้ปัจจัยลบต่างๆ ยังมีต่อเนื่อง แถมยังมีปัญหาใหม่เพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้า ไวรัสโคโรนา ตัวเลขจีดีพีซึ่งมีโอกาสต่ำกว่า 2 ทำให้ไม่สามารถประเมินสถานการณ์ตลาดได้ว่าจะเป็นอย่างไร

 

สำหรับบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แม้ว่าปีที่ผ่านมาสามารถสร้างการเติบโต และทำนิวไฮด์ได้หลายตัวเลข  ไม่ว่าจะเป็นรายได้ และกำไรโดยมีรายได้รวม 17,787 ล้านบาท เติบโต 15%  มีกำไรสุทธิ 2,026 ล้านบาท  เติบโต 13% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ “เอสซี แอสเสท” สามารถทำกำไรได้มากกว่า   2,000 ล้านบาท แต่การดำเนินธุรกิจต่อไปนับจากนี้ อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย และมีความท้าทายหลายเรื่อง ซึ่งกลยุทธ์ที่ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างการเติบโตต่อไป คือ “ความยืดหยุ่น” หรือ Resilient

ชูกลยุทธ์ “ความยืดหยุ่น” สู้ความยุ่งเหยิง เพื่อความยั่งยืน

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า กลยุทธ์ในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนและไม่แน่นอน “เอสซี แอสเสท” ใช้กลยุทธ์ความยืดหยุ่น หรือ  Resilient เพื่อความยั่งยืน พร้อมปรับตัว และมองโอกาสหา S-curve ให้บริษัทสำหรับการเติบโตระยะยาว โดยขับเคลื่อนใน  2 เรื่องหลัก  คือ Resilient Portfolio” กับ Resilient People”

แนวทาง Resilient Portfolio ที่จะสร้างการเติบโต แบ่งเป็น 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่

Sc Asset Business Plan 2020 2

1.For Sale เน้นโปรเจ็กต์แนวราบ

ในปี 2562 ที่ผ่านมาบริษัทมีการเติบโตของบ้านเดี่ยวทุกระดับราคา  และยังสามารถสร้างส่วนแบ่งตลาดได้เป็น อันดับ 1 กลุ่มบ้านราคา 20-50 ล้านบาท และ อันดับ 3 ของบ้านเดี่ยวทุกระดับราคา แผนธุรกิจในปีนี้ จึงเน้นการเพิ่มการเติบโตของแนวราบ โดยเพิ่มสัดส่วนของแนวราบราคาน้อยกว่า 10 ล้านบาท จาก 40%  เป็น 50% ในปี 3 ปีนี้

2.For Rent เสริมพอร์ตรายได้ประจำ

“เอสซี แอสเสท” จะกระจายความเสี่ยงและเพิ่มพอร์ตรายได้ประจำ (recurring income) ให้มากขึ้น โดยวางสัดส่วนให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในอนาคตมากกว่า 20% ผ่านธุรกิจโรงแรม ออฟฟิศ และอพาร์ทเม้นท์ ในต่างประเทศโดยได้จัดตั้งบริษัท เอสซี เอ็กซ์เพดิชั่น จำกัด (SC Expedition) เพื่อพัฒนาธุรกิจโรงแรมกลุ่มตลาดระดับ 3-4 ดาว (mid-to-upscale) รองรับนักท่องเที่ยวทั้งต่างประเทศและในไทย โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตนเอง หรือ FIT (Free Individual Travelers) ที่ชอบท่องเที่ยวด้วยตนเองและกำลังเติบโต

 

บริษัทวางแผนลงทุนโรงแรมภายในปี 2566 จะมีโรงแรม 5 แห่ง รวม 1,000 ห้อง โดยปีนี้จะเปิดแห่งแรกที่ย่านราชวัตร ขนาด 70-80 ห้อง ใช้เงินลงทุนประมาณ​ 100 ล้านบาท ส่วนปีหน้าจะลงทุนเปิดที่ทำเลรัชดา  ส่วนปีต่อไปจะเปิดที่ทำเลสุขุมวิท วิภาวดี และพัทยา ซึ่งบริษัทจะใช้แบรนด์ของตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา

 

นอกจากนี้ ยังจัดตั้ง บริษัท เอสซี อัลฟ่า อินคอร์ปอเรชั่น (SC Alpha Inc.) เพื่อลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในประเทศสหรัฐอเมริกา  ซึ่งจากปัจจัยและโอกาสของตลาด อพาร์ทเม้นท์ในบอสตันที่มีศักยภาพพร้อมเติบโต จึงได้ทำสัญญาซื้อและบริหารอาคาร ที่ 244 Hanover Street & 20 Parmenter Street ในเมืองบอสตัน รัฐ แมสซาชูเซตส์  มูลค่า 24.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อดำเนินธุรกิจอพาร์ทเม้นท์ ซึ่งจะมีการลงทุนพัฒนาอพาร์ทเม้นท์อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทวางงบลงทุนแต่ละปี 30 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 900 ล้านบาท

Sc Asset Business Plan 2020 1

3.หา S-curve ใหม่สร้างรายได้จาก Living Solutions 

นอกจาก รายได้จากการขายและรายได้ประจำแล้ว “เอสซี แอสเสท” ยังมองหาโอกาสในการสร้างรายได้จากธุรกิจที่เป็น S-curve ใหม่ๆ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากโมเดลธุรกิจ Living Solutions บนการพัฒนา platform  โดยได้เตรียมเปิดตัว  RueJai Club ไว้ดูแลลูกค้า ซึ่งเป็นวิถีของโลกยุคใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งมอบ solutions ให้กับลูกค้าทุกๆ บ้าน ด้วยโมเดลช่วยเรื่องบ้าน จัดการเรื่องชีวิต  ประกอบด้วยแพ็กเกจบริการรายครั้งหรือรายเดือน  สำหรับอำนวยความสะดวกทุกสิ่งที่เกี่ยวกับบ้าน ได้แก่ แม่บ้าน, ทำสวน , ล้างแอร์ เป็นต้น พร้อม solutions ที่มากกว่า  ได้แก่ บริการส่งน้ำ ,ส่งแก็ส , ตัดผม, ซักรีด , ประกันภัย, อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ  อีกมากมายที่จะร่วมกับบริษัทพาร์ทเนอร์ชั้นนำในอนาคต

 

นายณัฐพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนแนวทาง “Resilient People” การให้ความสำคัญกับบุคลากร ที่เป็นหัวใจของความสำเร็จขององค์กร  บริษัทได้นำวัฒนธรรมองค์กรชื่อ #SKYDIVE ภายใต้ค่านิยม (core values) 4 ประการคือ care, courage, collaboration, continuous improvement  โดยทั้งหมดเป็นส่วนผสมที่ลงตัว เปิดโอกาสให้กล้าคิดและทำอย่างมีประสิทธิภาพ  เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนองค์กรให้สอดคล้องต่อการเป็น Living Solutions Provider

แผน “เอสซี แอสเสท” เปิด 13 โปรเจ็กต์ 16,000 ล้าน

สำหรับแผนธุรกิจในปี 2563 บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 17,800 ล้านบาท และ ยอดขาย 18,000 ล้านบาท  โดยการเติบโตของรายได้และยอดขาย มาจากโครงการเปิดขายทั้งหมด 64 โครงการมูลค่ารวมกว่า 58,300 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง 51 โครงการ มูลค่ารวม 42,300 ล้านบาท พร้อมกับการเปิด 13 โครงการใหม่ มูลค่า 16,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 12 โครงการใหม่ มูลค่า 12,500 ล้านบาท มีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมซีรีย์ใหม่ทุกระดับราคา  เริ่มต้น 2-50 ล้านบาท ทำเลวิภาวดี พระราม 5 , แจ้งวัฒนะ, พระราม 9, พัฒนาการ , บางนา-อ่อนนุช   โดยเตรียมเปิดโครงการแรก วี คอมพาวด์  ติวานนท์-รังสิต ในเดือนมี.ค.นี้

Sc Asset Project

ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม ปีนี้เปิดเพียง 1 โครงการ ได้แก่ โครงการ The Crest Park Residences คอนโดฯระดับลัชัวรี่ พัฒนาภายใต้บริษัท เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน  จำกัด(SC NNR1 Co.,Ltd.) ที่บริษัทร่วมทุนกับ Nishitetsu Group ยักษ์ใหญ่และผู้นำในภูมิภาคคิวชูของประเทศญี่ปุ่น  บนทำเลห้าแยกลาดพร้าว เพียง 75 เมตร ถึง MRT พหลโยธิน ขนาดพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ จำนวน 429 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท กำหนดเปิดขายในไตรมาส 2 ของปีนี้ หรือประมาณเดือนพฤษภาคมนี้ มีราคาเฉลี่ยกว่า 200,000-250,000 บาทต่อตารางเมตร หรือราคาเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด