Cpn Revenue2019 1

CPN โชว์ผลงานปี 62  ทำกำไรได้กว่า 1.1 หมื่นล้าน 

CPN ประกาศผลประกอบการปี 2562 รายได้รวม 38,403 ล้านบาท เติบโต 9% จากปีก่อน และทำกำไรสุทธิ 11,738 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน และเตรียมจ่ายเงินปันผล 1.30 บาทต่อหุ้น  พร้อมเดินหน้าสร้างรายได้ตามแผน 5 ปี เติบโตเฉลี่ย 12% ต่อปี

นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง  บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN เปิดเผยว่า ในปี 2562 ที่ผ่านมา แม้ว่าการขยายตัวเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัว แต่ผลประกอบการของ CPN ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 38,403 ล้านบาท โต 9% และกำไรสุทธิ 11,738 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน

Cpn 2019

โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้จากการเติบโตของธุรกิจศูนย์การค้าเป็นหลัก ประกอบกับบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ  สำหรับอัตราการเช่าพื้นที่ศูนย์การค้าช่วงสิ้นปี 2562 อยู่ที่ 93%  ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างรายได้ จากทั้งศูนย์การค้าใหม่ การปรับปรุงศูนย์การค้าที่เปิดดำเนินการอยู่แล้ว และการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น  ตามแผนการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (mixed-use)  จาผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา บริษัทยังพร้อมจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 1.30 บาทด้วย

 

สำหรับเหตุการณ์สำคัญในปี 2562 บริษัทได้เปิดให้บริการเซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ ศูนย์การค้าในต่างประเทศแห่งแรกของ CPN ในเดือนมีนาคม และการเปิดตัวโซนลักชูรี่ของเซ็นทรัล ภูเก็ต ที่รวบรวมแบรนด์หรูชั้นนำระดับโลกไว้ รวมทั้งเปิดให้บริการแอทแทรคชั่นระดับโลก “ไตรภูมิ มหัศจรรย์สามโลก”  ธีมพาร์ครูปแบบ 3 มิติอินเตอร์แอ็กทีฟแห่งแรกของโลก และ “AQUARIA Phuket” พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งภายในยังมี Andasi ร้านอาหารใต้น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกและบาร์ใต้น้ำแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย

Central Village 4

นอกจากนี้ ยังเปิดให้บริการเซ็นทรัล วิลเลจ โครงการรีเทลรูปแบบลักชูรี่เอาท์เล็ตระดับโลกแห่งแรกของประเทศไทย บนทำเลที่ดีที่สุดใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ รองรับทั้งลูกค้าชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมทั้งมีการจับมือพันธมิตรระดับโลกอย่างบริษัท Mitsubishi Estate Asia Pte. Ltd. (MEA) เข้าร่วมทุนโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ผ่านการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท ซีพีเอ็น วิลเลจ จำกัด ในสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 30% และ CPN 70% เพื่อร่วมกันพัฒนาเซ็นทรัล วิลเลจ ให้ขึ้นแท่นเอาท์เล็ตเบอร์หนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

ปัจจุบันบริษัทบริหารจัดการศูนย์การค้า 34 แห่ง มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 1.8 ล้านตารางเมตร  (อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล   15 โครงการ, ต่างจังหวัด 18 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ) ศูนย์อาหาร 30 แห่ง อาคารสำนักงาน 7 อาคาร โรงแรม 2 แห่ง โครงการที่พักอาศัยอีก 10 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ESCENT, ESCENT  VILLE และ ESCENT PARK VILLE  ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่ดินซึ่งติดศูนย์การค้าของเซ็นทรัลพัฒนา ได้แก่ โครงการ ESCENT เชียงใหม่ ระยอง ขอนแก่น นครราชสีมา และอุบลราชธานี ESCENT VILLE เชียงใหม่ เชียงราย และ ESCENT PARK VILLE เชียงใหม่ รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ได้แก่ “ฟิล พหล 34” (PHYLL PAHOL 34) และมีโครงการบ้านเดี่ยวแห่งแรกของเซ็นทรัลพัฒนา คือ “นิยาม บรมราชชนนี” ในกรุงเทพฯ นอกจากนี้เซ็นทรัลพัฒนา เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLAND ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนทำเลศักยภาพสูงในกรุงเทพฯอีกด้วย

 

เซ็นทรัลพัฒนา ฉลองเปิด “เซ็นทรัล ภูเก็ต” สุดยิ่งใหญ่ในคอนเซ็ปต์ “The World Comes to Play” สร้างดาวน์ทาวน์ใจกลางภูเก็ต ตอบโจทย์การพักผ่อนและช็อปปิ้งลักชูรี่แห่งแรกในเอเชีย

 

สำหรับโครงการมิกซ์ยูสที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา ที่จะเชิดชูความเรืองรองและย้อนรอยความเจริญรุ่งเรืองของเมืองอยุธยา ผลักดันอยุธยาให้เป็น Top destination เมืองท่องเที่ยวของโลก (กำหนดเปิดปี 2564) เซ็นทรัลพลาซา ศรีราชา ในคอนเซ็ปต์ ‘Living Green in Smart City of EEC Center’ ให้คนศรีราชาได้หลบหลีกจากความวุ่นวายมาผ่อนคลายในบรรยากาศธรรมชาติ และจะเสริมให้ศรีราชาเป็น MICE Hub ของ EEC Center ในอนาคต (กำหนดเปิดปี 2564) เซ็นทรัลพลาซา จันทบุรี ศูนย์การค้า format ใหม่ภายใต้แนวคิด ‘The Shining Gem of EEC plus 2’ ที่จะเป็น The Best Modern Living Area ที่แรกที่ดีที่สุดในจันทบุรี (กำหนดเปิดปี 2565) และโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่ร่วมพัฒนากับบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) บนทำเลทอง “Super Core CBD” ในกรุงเทพฯ โดยจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2565 เป็นต้นไป นอกจากนี้ เซ็นทรัลพัฒนา อยู่ระหว่างเตรียมแผนการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสภายใต้ GLAND ในกรุงเทพฯ โดยคาดว่าจะสรุปได้ในปี 2563

 

บริษัทตั้งเป้าหมายทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 2563-2567) ที่จะมีรายได้เติบโตในอัตราเฉลี่ย (CAGR) ประมาณ 12% ต่อปี โดยบริษัทฯ ได้กำหนดแนวทางการขยายธุรกิจในรูปแบบการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Mixed-use Development) การพัฒนาศูนย์การค้าใหม่ การปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่เพื่อเพิ่มมูลค่า การพัฒนาโครงการที่พักอาศัย รวมทั้งศึกษาโอกาสการลงทุนธุรกิจใหม่ในรูปแบบอื่น การเข้าซื้อกิจการ และการลงทุนในต่างประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาเลเซีย และเวียดนาม เพื่อเดินหน้าสู่การเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกและเพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

Centralworl

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด