Ever Q12020

EVER  โชว์ผลงานไตรมาสแรก  ยังเติบโตทั้งรายได้และกำไร หลังปรับการขายผ่านออนไลน์

EVER ฝ่ากระแสโควิด-19 ไตรมาสแรกปีนี้กวาดรายได้ 450 ล้าน  กำไรสุทธิ 16 ล้าน หลังได้อานิสงส์ทยอยโอนอสังหาฯ ในมือ ทั้งแนวสูง-แนวราบ  และการปรับกลยุทธ์ขายผ่านช่องทางออนไลน์ ไตรมาส 2 เตรียมเปิดโปรเจ็กต์ใหม่สร้างยอดขายต่อเนื่อง  

 

นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) (EVER) เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส1 ปี 2563  ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ยังเติบโตทั้งด้านรายได้และผลกำไรสุทธิ โดย มีรายได้รวม 448 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 19.87 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรในส่วนของที่เป็นบริษัทใหญ่ แม้จะปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19  ทำให้จำนวนของยอดผู้เข้าชมโครงการลดน้อยลง

 

โดยรายได้ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา  มาจากโครงการ เดอะโพลิแทน รีฟ เฟส 1 ซึ่งเป็นโครงการแนวสูงย่านสนามบินน้ำ ทยอยโอนรับรู้รายได้ในสัดส่วนกว่า 50 %  จากมูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท และมาจากโครงการแนวราบ ได้แก่ โครงการทาวน์โฮม แบรนด์ “เอเวอร์ ซิตี้” จำนวน 3 โครงการที่ทยอยเปิดขายตั้งแต่ช่วงต้นปี 2562 รวมทั้ง ยังมีการรับรู้รายได้จากการขายโครงการบ้านเดี่ยว แบรนด์  “มายโฮม อเวนิวและมายโฮมซิลเวอร์เลค ฯลฯ เข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติม

 

ทั้งนี้ สถานการณ์วิกฤติไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ยอดผู้เข้าชมโครงการ (Walk in) ลดน้อยลง บริษัทฯจึงได้มีการปรับวิธีการขายด้วยการผ่านช่องทางออนไลน์ และการทำ Re-Marketing เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจให้กับลูกค้า ส่วนในแง่ของการขายเราก็มีการจัดเป็น Conference Call ลูกค้าคุยกับเซลล์ เพื่อดูวิวทิวทัศน์หรือดูบ้านพัก ผ่าน Video call เพื่อง่ายต่อการตัดสินใจของลูกค้า และยังมีภาพวิดีโอการขายแบบ 360 องศาให้ลูกค้าสามารถเก็บไว้ดูได้และเมื่อมีลูกค้าที่สนใจก็สามารถจองและชำระเงินผ่าน E-payment ได้เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว อีกทั้งเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐในเรื่อง Social D

 

ในส่วนไตรมาส 2 บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว “ซิลเวอร์เลค พาร์ค” เฟส 2  บนถนนสุวินทวงศ์-ฉลองกรุง มูลค่าโครงการ 400 กว่าล้านบาท ราคาขาย 5 – 9 ล้านบาท ที่มีเพียง 67 หลังเท่านั้น  ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างการพิจารณาเปิดตัวโครงการแนวราบ “ ทาวน์เฮ้าส์ “เอเวอร์ซิตี้ สุขสวัสดิ์ – พุทธบูชา 30  เฟส 2 เพิ่มเติมด้วย

 

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในช่วงที่เหลือของปีนี้  คาดว่าน่าจะเติบโตได้ เนื่องจากมียอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นมีนาคมปี 2563  ประมาณ 5,000 ล้านบาท โครงการในมือ และโครงการใหม่ ๆ ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างเพื่อเปิดขายจะมีการทยอยโอนให้ลูกค้า และยังมีสินค้ารอขายอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท

 

บริษัทฯ คาดหวังว่าภาพรวมตลาดอสังหาฯ หลังผ่านวิกฤติไวรัสโควิด-19 มีโอกาสเกิดภาวะการปรับสู่จุดสมดุลมากขึ้น ทยอยฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง  ตลาดทาวน์เฮาส์ราคาไม่เกิน 4 ล้านบาท และตลาดบ้านเดี่ยว ยังเป็นตลาดของผู้ที่มีกำลังซื้อและเป็นตลาด Real Demand   ส่วนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ก็น่าเริ่มกลับมาแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไปมากกว่า เนื่องจากยังมีปัจจัยลบของเศรษฐกิจและการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ดังนั้นผู้ประกอบพยายามระบายสต็อกที่มีอยู่ และบริษัทฯให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการใหม่อย่างรอบคอบที่สุด

 

 

ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่​ 11 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมามีมติอนุมัติให้บริษัทย่อยเพิ่มทุนจดทะเบียน โดยอนุมัติให้บริษัท บางกอก ริว่า ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (“BANGKOK RIVA”) เพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 500 ล้านบาท จากเดิมที่มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ภายหลังการเพิ่มทุนจำนวน 1,000 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญจำนวน 50 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท เพื่อรองรับการลงทุนในธุรกิจการอสังหาฯ  และอนุมัติให้บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) (“EVER”) เข้าเพิ่มทุนในบริษัท บางกอก ริว่า ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (“BANGKOKRIVA”) จำนวน 50 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท มูลค่ารวม 500 ล้านบาท

 

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด