ผลกระทบจากมาตรการล็อคดาวน์ประเทศ เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายธุรกิจต่างต้องหยุดการดำเนินธุรกิจชั่วคราว คนส่วนใหญ่จำเป็นต้อง “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” การใช้ชีวิตและการทำงานต้องเปลี่ยนเป็น Work From Home หลาย ๆ ธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ และวิธีการทำตลาดใหม่ หันมามุ่งเน้นช่องทางตลาดออนไลน์ แทนการเปิดร้านขายแบบปกติ
การปิดสาขา หรือร้านขายสินค้าปกติ แน่นอนกระทบต่อยอดขายที่ต้องหายไป แม้การเปิดขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์จะสามารถสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าอาจจะไม่ทดแทนกับยอดขายที่หายไปได้อย่างแน่นอน เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ไม่มีใครคาดคิดและเตรียมแผนรับมือเอาไว้ล่วงหน้า
“โฮมโปร” ศูนย์จำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง และวัสดุก่อสร้าง ก็ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกคดาวน์ ซึ่งทำให้ผลการดำเนินงานในรอบครึ่งปีแรกของปี 2563 นี้ ชะลอตัวลงในอัตรา 12% แม้ว่ายอดขายผ่านช่องทางออนไลน์จะเพิ่มสูงขึ้น 350% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาก็ตาม
นางสาวศิริวรรณ เปี่ยมเศรษฐสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มการตลาด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยอดขายออนไลน์ของโฮมโปรเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก เฉพาะช่วงเดือนเมษายน มียอดขายเติบโตถึง 500% โดยปกติยอดขายออนไลน์เฉลี่ยต่อวันจะมีประมาณ 2-3 ล้านบาท แต่ช่วงโควิด-19 สามารถขายได้สูงถึง 20 ล้านบาทต่อวัน และหากวันไหนมีการจัด Live Facebook ขายสินค้าได้สูงถึงวันละ 30 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายอดขายออนไลน์จะเติบโตเพิ่มสูงขึ้น แต่ผลการดำเนินงานโดยรวมของช่วงครึ่งปีแรก ยังลดต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วงครึ่งปีหลังโฮมโปรเตรียมแผนการตลาด เพื่อกระตุ้นยอดขายให้กลับมาเติบโต และคาดหวังว่าจะสามารถทำผลประกอบการให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ว่าจะมีรายได้ 69,000 ล้านบาทในปีนี้
ในช่วงครึ่งปีหลังโฮมโปรวางแผนขยายสาขาขนาดใหญ่ 2 แห่ง ที่ย่านรังสิต และย่านสุขสวัสดิ์ ซึ่งตามแผนเดิมโฮมโปรจะขยายสาขาในรูปแบบโฮมโปร เอส ซึ่งเป็นาขาขนาดเล็ก อยู่ในพื้นที่ศูนย์การค้าหรือคอมมูนิตี้มอลล์ แต่จากสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ ศูนย์การค้าหรือคอมมูนิตี้มอลล์ที่จะเข้าไปขยายสาขา ยังไม่เปิดให้บริการ ทางโฮมโปรจึงต้องเลื่อนกำหนดการขยายสาขาออกไปเป็นปีหน้าแทน
ในช่วงครึ่งปีหลังโฮมโปรวางแผนจัดงานอีเวนต์ 5 งานหลัก ได้แก่ งานโฮมโปร แฟร์ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจัดไปแล้วในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา งานโฮมโปรเอ็กซ์โป เมืองทองธานี ช่วงจัดขึ้นใน วันที่ 24 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม 2563 นี้ และอีก 3 งานที่กำลังจะจัดขึ้นต่อไป ได้แก่ งานโฮมโปร เอ็กซ์โป จ.เชียงใหม่ งานโฮมโปร เอ็กซ์โป จ.ขอนแก่น และงานโฮมโปร เอ็กซ์โป เมืองทองธานี ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งนอกเหนือจากงานอีเวนต์หลักดังกล่าวแล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมภายในสาขา เช่น งานวันครบรอบ การจัดโปรโมชั่นประจำปี และการไปร่วมกับพันธมิตรในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ด้วย
สำหรับช่องทางตลาดออนไลน์ ปัจจุบันโฮมโปรมีการจำหน่ายสินค้าผ่านเว็บไซต์ www.homepro.co.th และ Application Line “SHOP4YOU” และการสั่งซื้อสินค้าผ่านโทร 1284 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ที่ไม่สามารถเดินทางมาซื้อสินค้าที่สาขาได้ และเป็นการเสริมช่องทาง Omni Channel ของโฮมโปรให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น จึงเตรียมเปิดตัว Homepro Mobile Application ในวันที่ 1 กันยายน 2563 นี้ โดยโฮมโปรตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากช่องทางออนไลน์ จากปัจจุบันประมาณ 3% ให้ได้ประมาณ 5% ตามเป้าหมายในปีนี้
ระบบโลจิสติกส์ ถือว่าเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการทำตลาดออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันโฮมโปรมีการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าในพื้นที่สาขาตั้งอยู่รัศมี 30 กิโลเมตร เมื่อสั่งซื้อสินค้าครบ 3,000 บาท แต่ในช่วงเกิดภาวะโควิด-19 ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าเพียง 500 บาท ก็สามารถได้รับบริการจัดส่งสินค้าได้เช่นกัน โดยบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาระบบการจัดส่งสินค้า ให้มีความสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ด้วยบริการ “SAMEDAY Delivery” หรือการบริการจัดส่งสินค้าภายในวันเดียวกับที่สั่งซื้อสินค้า ซึ่งเริ่มต้นทดลองระบบดังกล่าวในงานโฮมโปร เอ็กซ์โป ครั้งที่ 31 ก่อน หากประสบความสำเร็จจะนำมาใช้จริง
นอกจากนี้ ทางโฮมโปร ยังได้ขยายระยะเวลาการให้บริการจัดส่งสินค้า จากเดิมจัดส่งภายในเวลา 18.00 น. เป็นการจัดส่งภายในเวลา 21.00 น. ซึ่งแผนการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ โฮมโปรยังทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การส่งสินค้ามีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ในอนาคตจะขยายศูนย์กระจายสินค้าให้เพิ่มมากขึ้นด้วย
สินค้า คือ ความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจ ซึ่งต้องมีทั้งความหลากหลาย และตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะการเข้าสู่ความปกติวิถีใหม่ หรือ New Normal ของลูกค้าในยุคโควิด-19 โดยโฮมโปรมองว่าสินค้าที่จะนำมาจำหน่าย ต้องมีความหลากหลาย จึงได้ปรับสินค้าให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ภายใต้แนวคิด Happy Home Healthy Living ยิ่งอยู่บ้าน ยิ่งรู้ว่าบ้านต้องการอะไร ซึ่งเป็นการจัดกลุ่มสินค้าเพื่อตอบโจทย์ความเป็น Total Home Solution ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม
-ลูกค้าที่ต้องทำงานที่บ้าน (Work from Home) เช่น เฟอร์นิเจอร์, โต๊ะ, เก้าอี้
-ลูกค้าที่ต้องการความบันเทิงภายในบ้าน (Entertainment Home) เช่น Smart TV.
-กลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่ต้องเรียนออนไลน์ (Learning at Home)
-กลุ่มที่ทำอาหารเอง (Cooking at Home) เช่น หม้อทอด, เครื่องครัว, เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก
-กลุ่มสินค้าสุขอนามัย (Hygienic) เช่น เครื่องอบจาน, เครื่องซักผ้า, เครื่องอบผ้า, เครื่องฟอกอากาศ, เครื่องกรองน้ำ
-สินค้าจำเป็นในการดูแลบ้าน ซ่อมแซม ปรับปรุง และบริการด้าน Home Service การันตีด้วยทีมช่างมืออาชีพ
บทสรุปสุดท้าย ภายใต้สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ซึ่งปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โฮมโปร จะยังสามารถกอบกู้ยอดขายที่หดหายไปในช่วงครึ่งปีแรก ให้กลับมาได้ตามเป้าหมายรายได้ปีนี้ 69,000 ล้านบาท หรือไม่ ต้องรอดูว่ากลยุทธ์ต่าง ๆ ที่วางแผนออกมานั้น มีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน