9 วิถี New Normal ชีวิตหลังโควิด-19
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ขณะนี้ถือว่าประเทศไทยเรา “เอาอยู่” ของจริง เพราะไม่พบผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศไทย ต่อเนื่องมานานนับเดือนแล้ว ซึ่งแทบจะเรียกได้ว่า ไม่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยแล้ว จะมีก็แต่ผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเท่านั้น
แต่เพื่อไม่อยู่ในความประมาณ คนไทยทุกคนยังต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย ในการป้องกันการแพร่หรือรับเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงต้องปรับตัวเข้าสู่วิถีชีวิตปกติใหม่ หรือ New Normal ไม่ให้เกิดการระบาดซ้ำระลอก 2
คำว่า ความปกติใหม่ ในช่วงเวลานี้ จึงเป็นคำที่ถูกพูดถึงกันอย่างมาก และคงจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนวิถีชีวิต ตามความปกติใหม่ มีเรื่องอะไรบ้างนั้น มีนักวิเคราะห์และสำนักข่าวมากมายออกมาร่วมกันวิเคราะห์พฤติกรรม “New Normal” หรือ “ความปกติใหม่” ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และกลุ่มธุรกิจใดบ้างที่จะได้รับผลกระทบ
หากแต่ทั้งหมดยังเป็นการคาดการณ์และยังไม่มีข้อมูลที่ชี้ชัดให้เห็นถึงปริมาณการเปลี่ยนแปลงที่จะช่วยประกอบการตัดสินใจในการวางแผนการรับมืออย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคคนไทยก็อาจจะไม่มีข้อมูลเชิงลึกที่มีประสิทธิภาพมากพอในการเห็นภาพทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจริงๆ
ศูนย์วิจัยเทรนด์และคอนเซปต์แห่งอนาคต Baramizi Lab ร่วมกับรศ.ดร.ณัฐพล อัสสะรัตน์ ประธานหลักสูตร MBA Executive คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงร่วมกันจัดทำงานวิจัยชุด “The Day After Crisis” ขึ้น เพื่อถอดรหัสและคาดการณ์ความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคแห่งอนาคตที่จะส่งผลต่อการเฝ้าระวังและการเตรียมการรับมือของภาคธุรกิจ
โดยวิธีการวิจัยคือการเก็บแบบสอบถามออนไลน์จากกลุ่มผู้บริโภคจำนวน 443 ตัวอย่าง (ช่วงเวลาการเก็บข้อมูล 23 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2563) โดยชุดคำถามที่ทีมวิจัยสร้างขึ้นนี้ตั้งอยู่พื้นฐานที่ เราทราบเงื่อนไขดีว่า ช่วงเวลาขณะนี้อาจจะยังเร็วเกินไปที่จะฟันธงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนเนื่องจากผู้บริโภคเองก็อาจไม่สามารถมองเห็นอนาคตที่ชัดเจนได้
แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราทุกคนในช่วงเวลาที่ทำแบบสอบถามนั้นล้วนแล้วแต่ได้เผชิญสภาวะวิกฤตที่เราถูกบีบให้ต้องรับมือกับมันมาเป็นระยะเวลากว่า 2 เดือนแล้ว เราตั้งสมมติฐานว่าเป็นช่วงเวลาที่นานพอที่เราจะเรียนรู้ผลกระทบ และซึมซับและวัดผลพฤติกรรมใหม่ที่เข้ามาในชีวิตเรา และพอจะเลือกได้แล้วว่าอะไรเป็นพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มันดีขึ้น ที่เราอยากจะตัดสินใจให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราต่อไปแม้จะจบวิกฤตครั้งนี้ไปแล้วก็ตาม
ชุดคำถามทั้งหมดจึงค่อนข้างเน้นย้ำไปที่การเชิญชวนให้ผู้ร่วมทำวิจัยตอบคำถามโดยพิจารณาถึงการใช้ชีวิตของตัวเองเป็นหลักว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขาเลือกแล้วว่าจะทำต่อไป หรือเลิกทำเปรียบเทียบปริมาณระหว่างช่วงหลังจากคลาย Lock Down กับช่วงเวลาปกติก่อนเกิด COVID-19
การประมาณการของน้ำหนักในค่าบวกและลบของงานวิจัยชิ้นนี้น่าจะพอให้มุมมองที่สามารถตีความต่อได้ว่าส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจต่างในระดับไหน อย่างไร และเอื้อให้ผู้ประกอบการได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นว่าวิกฤตต่อธุรกิจของตนที่เกิดตามมาจากสภาวะเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้คนในยุคใหม่จะต้องเตรียมรับมืออย่างไร
ผู้คนในยุคปัจจุบันนับจากนี้ จะให้น้ำหนักและความสำคัญกับการวางแผนการเงิน การหารรายได้เสริม รวมถึงการพัฒนาตัวเอง เพิ่มมากขึ้น 55.7% เพราะช่วงที่ผ่านมาพบว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิด และยังส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านรายได้ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโดยรวมด้วย
การเสียชีวิตของผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แสดงให้เห็นว่า แม้ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสธรรมดา แต่หากร่างกายไม่แข็งแรง ก็สามารถรับเชื้อและเจ็บป่วยได้ง่าย ผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง จะมีภูมิต้านทานโรคได้ดีกว่า ดังนั้น ผู้คนนับจากนี้จึงมองเรื่องสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอันดับต้น ๆ และพยายามจะหลีกเลี่ยงการต้องออกไปในสถานที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะอาจจะเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อโรคกลับมาได้ วิถีชีวิตของคนแบบ New Normal นอกจากใส่ใจดูแลสุขภาพตนเองแล้ว ยังเลือกจะใช้ชีวิตในบ้านมากขึ้นด้วย โดยผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึง 38.2%
จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้สำนักงานและออฟฟิศต่าง ๆ ให้พนักงานและลูกจ้าง ต้องอยู่บ้าน รวมถึงภาครัฐเองก็รณรงค์ให้คนไทย อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ลดอัตราการแพร่กระจายและการติดเชื้อ จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พนักงานและลูกจ้างส่วนใหญ่จึงต้องทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home ซึ่งหลายคนพบว่า การทำงานที่บ้าน ไม่ได้แตกต่างจากการทำงานที่ออฟฟิศ แถมบางคนยังสามารถทำงานได้ทั้งปริมาณและประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นด้วย เพราะไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเดินทาง ผู้ที่ตอบแบบสองถาม จึงมองว่าวิถีชีวิตปกติใหม่ อาจจะต้องทำงานที่บ้านมากขึ้น และติดใจกับการ Work From Home เพิ่มขึ้นถึง 29.8%
นอกจากการทำงานที่บ้านแล้ว สิ่งหนึ่งที่เป็นพฤติกรรมที่แทบจะเรียกได้ว่า ทุกคนทำเหมือนกัน คือการเข้าครัวทำอาหารกินเอง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะร้านค้าส่วนใหญ่ปิดกิจการชั่วคราว และส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีเวลาว่างมาก ทำให้ต้องหากิจกรรมทำ และการทำอาหารกินเองที่บ้าน ก็เป็นกิจกรรมอันดับแรก ๆ ที่คนส่วนใหญ่ทำกัน เมื่อทำกันต่อเนื่องจึงเป็นพฤติกรรมที่ต่อไปคนจะทำอาหารกินเองที่บ้านมากขึ้นถึง 23.6%
ก่อนหน้าจะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 วิถีชีวิตของคนยุคดิจิทัล ก็ก้าวเข้าไปสู่โลกของออนไลน์อยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ได้ใช้ในหลายมิติ ส่วนใหญ่อาจจะเป็นเพียงการติดต่อสื่อสาร ผ่านสังคมออนไลน์ หรือการเสพคอนเทนต์และความบันเทิงออนไลน์ แต่จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 วิถีชีวิตของคนได้เข้าไปอยู่ในโลกออนไลน์เกือบ 100% ใช้ออนไลน์มาเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตไปในแต่ละวัน ทั้งเรื่องการงานและเรื่องส่วนตัว โดยเฉพาะการทำงานที่สามารถพูดคุยและประชุมกันได้ผ่านโลกออนไลน์ วิถีชีวิตปกติใหม่นับจากนี้ จึงจะมีออนไลน์เข้ามาอยู่ในหลากหลายมิติมากขึ้น ผู้ตอบแบบสอบถามมองว่าจะเพิ่มขึ้น 21.3%
จาแนวโน้มของการใส่ใจสุขภาพของตัวเอง และการเอาโลกออนไลน์มาเติมเต็มชีวิตในทุกมิติแล้ว เรื่องของการดูแลตนเองและการดูแลสุขภาพ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยส่งเสริมสุขภาพ เพราะการไปโรงพยาบาลก็ถือว่ามีความเสี่ยงในการได้รับเชื้อไม่น้อยกว่าสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก การดูแลสุขภาพของตนเองตามความปกติใหม่ จึงต้องพึ่งพาและอาศัยเทคโนโลยเข้ามาช่วย ผู้ตอบแบบสอบถามมองว่าจะมีพฤติกรรมด้านนี้เพิ่มขึ้น 17.3%
นอกจากพฤติกรรมหลายอย่างจะถูกให้ความสำคัญ และทำเพิ่มมากขึ้นแล้ว ขณะเดียวกันก็มีหลายพฤติกรรที่คนยุคหลังโควิด-19 จะทำลดน้อยลงด้วย อย่างเช่น การทำงานหรือเรียนที่โรงเรียนหรือสถานศึกษา แต่จะใช้วิธีการทำงานที่บ้าน หรือเรียนออนไลน์มากกว่า การทำงานที่สำนักงานหรือการเรียนที่สถานที่จริงน่าจะลดลงไปถึง 12%
นอกจากพฤติกรรมการทำงานและเรียนที่สถานที่จริงจะลดลงลดลงแล้ว การใช้ชีวิตนอกบ้านก็คาดว่าจะลดลงด้วย เพราะทุกคนคำนึงถึงความปลอดภัยมากขึ้น และพยายามที่จะลดความเสี่ยงจากการการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ ผู้ตอบแบบสอบถามมองกว่าจะลดพฤติกรรมการใช้ชีวิตนอกบ้าน 10.6%
จากเหตุผลของการกังวลเรื่องความปลอดภัย และการได้รับเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงการจับจ่ายใช้สอยในปัจจุบันที่มีความสะดวกสบายจากการสั่งสินค้าผ่านออนไลน์ หรือแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ทำให้คนส่วนใหญ่จะลดการออกไปตลาด หรือการซื้อสินค้าแผงลอยลง โดยผู้ตอบแบบสอบถามตอบว่า จะลดพฤติกรรมการไปตลาดและการซื้อของแผงลอยลง 12.8%
นี่คือ 9 วิถีชีวิต ตามความปกติใหม่ ที่คาดว่าทุกคนจะปรับตัวไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งโลกอนาคตอาจจะยังบอกไม่ได้ว่า ความเป็นจริงจะเกิดอะไรขึ้น แต่สุดท้ายเราต้องปรับตัว ปรับพฤติกรรมให้เหมาะกับสถานการณ์เท่านั้นเอง