Britania 2020

บริทาเนียปั้น 3 แบรนด์ใหม่ บุกตลาดแนวราบสร้างรายได้ 4,500 ล้าน

บริทาเนีย ชู 3 กลยุทธ์ สร้างรายได้ 4,500 ล้าน เปิดตัว 3 แบรนด์ใหม่ ขยายตลาดครบทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่ 2-35 ล้านบาท มั่นใจตลาดเรียลดีมานด์เติบโตสูง ลูกค้าซื้ออยู่จริงรับวิถีชีวิตยุค New Normal

 

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ผู้ประกอบการส่วนใหญ่แทบไม่เปิดตัวโครงการใหม่ออกมาทำตลาด เพราะสต็อกสินค้าเดิมยังมีเหลืออยู่ในพอร์ตจำนวนมาก ทำให้ดูจะเป็นการเสี่ยงหากเปิดตัวโครงการใหม่ และไม่สามารถสร้างยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งยังอาจจะเป็นการแบกรับภาระต้นทุนอีกจำนวนมาก เพราะการพัฒนาโครงการคอนโด หากเป็นโครงการประเภทอาคารสูง ต้องใช้ระยะเวลา 2-3 ปีกว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ

 

ท่ามกลางภาวะที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความกังวลใจ ทั้งเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังในการทำธุรกิจมากขึ้น  เพราะกำลังซื้อส่วนหนึ่งหายไปอย่างแน่นอน ทำให้ช่วงที่ผ่านมา การทำตลาดในกลุ่มที่อยู่อาศัยประเภทคอนโด จึงเน้นในเรื่องแคมเปญการส่งเสริมการขาย การลดราคาสินค้า กระตุ้นให้ลูกค้าซื้อโครงการที่มีอยู่ เพื่อจะได้แปลงจากสต็อกกลับมาเป็นรายได้เข้าบริษัท  เพราะโครงการปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นโครงการพร้อมอยู่

Britania Business Plan 2020 2

นอกจากการมุ่งระบายสต็อก โครงการคอนโดพร้อมอยู่แล้ว สิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการทำ คือ การหันมามุ่งเน้นทำตลาดแนวราบกันมากขึ้น เพราะเป็นตลาดที่มีความต้องการที่แท้จริง ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่นำมาสู่ New Normal หรือความปกติใหม่ และการทำงานจากที่บ้าน หรือ Work From Home พนักงานที่เคยทำงานในออฟฟิศ ต้องทำงานจากที่บ้าน ต้องการใช้พื้นที่ของบ้านมากขึ้น ซึ่งการพักอาศัยอยู่ในคอนโด ไม่ตอบโจทย์แน่นอน ทำให้ช่วงที่ผ่านมาตลาดบ้านแนวราบจึงเติบโตเพิ่มมากขึ้น

 

โดยพบว่าช่วงที่ผ่านมาตลาดบ้านแนวราบยังมีอัตราการเติบโต ท่ามกลางภาวะปัจจัยลบ แม้จะเติบโตเพียงเล็กน้อย ในอัตรา 0.03% แต่หากเปรียบเทียบกับตลาดคอนโด ถือว่าทำได้ดีกว่าเพราะตลาดคอนโด ลดลงในอัตรา 6.5% ซึ่งแนวโน้มการชะลอตัวของตลาดคอนโด  เริ่มเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา หลังการบังคับใช้มาตรการ LTV  ทำให้กลุ่มลูกค้าที่ซื้อคอนโด ถูกปฏิเสธการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินด้วย

 

นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด  เปิดเผยว่า ตลาดแนวราบถือว่าเป็นตลาด Real Demand และตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุค New Normal ทำให้ตลาดแนวราบมีผู้ประกอบการเข้ามาทำตลาดกันจำนวนมาก ซึ่งแผนธุรกิจของบริษัทในปีนี้ วางแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ 10 โครงการ โดยเปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้ว 2 โครงการ ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ส่วนที่เหลือจะเปิดตัวอีก 8 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 8,800 ล้านบาท

Britania Business Plan 2020 1

โดยบริษัทได้เปิดตัวโครงการบ้านแบรนด์ใหม่อีก 3 แบรนด์เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าในเซ็กเมนท์ที่หลากหลายมากขึ้น ได้แก่ เบลกราเวีย (Belgravia) เป็นแบรนด์บ้านเดี่ยวลักชัวรี่ ราคา 15-35 ล้านบาท แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) เป็นแบรนด์บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับพรีเมียม ราคา 7-15 ล้านบาท และไบรตัน (Brighton) เป็นแบรนด์บ้านแฝดและทาวน์โฮม ราคา 2-5 ล้านบาท

 

การเพิ่มจำนวนแบรนด์และระดับราคา ถือเป็นหนึ่งในสามกลยุทธ์สำคัญของการทำตลาดในปีนี้ คือ การขยายเซ็กเมนท์ (Segment Expansion) จากเดิมที่เจาะตลาดกลุ่ม Middle Income ด้วยบ้านแบรนด์บริทาเนียราคา 3-7 ล้าน นอกจากนี้ ยังมีอีก 2 กลยุทธ์สำคัญ คือ ขยายทำเลในการเจาะตลาด (Area Expansion) จากเดิมที่ทำตลาดโซนตะวันออก และเริ่มขยายอาณาจักรสู่บริเวณตอนเหนือของกรุงเทพฯ ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา บริษัทจะเดินหน้าบุกทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตทุกโซนรอบกรุงเทพฯและปริมณฑล อาทิ ราชพฤกษ์ ฯลฯ

 

กลยุทธ์ขยายนวัตกรรมการอยู่อาศัย (Living Solutions Expansion) เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ เพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์กว่าเดิม สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอัจฉริยะ ด้วยการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ มาจัดการการใช้ชีวิต ให้สะดวกง่ายดายมากยิ่งขึ้น เชื่อมต่อระบบการสื่อสารไร้สาย เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิต พร้อมของคนยุคใหม่ โดยมีการพัฒนาจาก B Genius Mode

Britania Business Plan 2020 3

นางศุภลักษณ์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ 4,500 ล้านบาท ปัจจุบันมีรายได้แล้ว 2,000 ล้านบาท และตั้งยอดขายไว้ 8,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 4,000 ล้านบาท  ซึ่งผลการดำเนินงานปัจจุบันถือว่า สามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้จากช่วงเริ่มต้นธุรกิจในปี 2560 ซึ่งมีสัดส่วนเลขตัวเดียว ขึ้นมาเป็น 30% ของรายได้รวมของกลุ่มออริจิ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังไม่มีแผนปรับเป้าหมายรายได้ เนื่องจากเชื่อว่าในช่วงปลายปีหากตลาดกลับมาฟื้นตัว จะสามารถทำผลประกอบการได้ตามเป้าหมายที่วางไว้แน่นอน

 

ตัวเลขรายได้ของเราจากเลขตัวเดียว กลายมาเป็น 30% ภายใน 2 ปีกว่า ถือว่าเป็นการตัดสินใจได้เร็ว และมาในจังหวะที่ตลาดมีดีมานด์ เพราะตลาดแนวราบตอบโจทย์วิถีชีวิตยุค New Normal

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด