Noble Business 2021

5 ไฮไลท์แผนธุรกิจปี 64 “โนเบิล” กับแนวทางสู่ Top5 ผู้นำอสังหาฯ ไทย

เพียงระยะเวลา 1 ปีที่ “ธงชัย บุศราพันธ” กลับมาบริหารงานบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ Noble อีกครั้งในตำแหน่ง ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป้าหมายการนำพาบริษัทไปสู่เป้าหมายการติดยู่ในกลุ่มผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ อันดับ Top5 ภายในระยะเวลา 3-5 ปี ก็เข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น เพราะ​สเต็ปต์แรกของการไปสู่เป้าหมายดังกล่าว คือ การสร้างรายได้ปีละ 10,000 ล้านบาท

 

เพราะจากเป้าหมายในปี 2563 ที่ต้องการการสร้างรายได้ 10,000 ล้านบาท คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้  แม้ว่าในภาพรวมของอุตสาหกรรมและภาวะเศรษฐกิจโดยรวม จะได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ผลการดำเนินงานของโนเบิล ก็มีทิศทางการเติบโตที่ดีและเป็นไปตามเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นยอดขายหรือรายได้ หรือแม้แต่ยอดขายจากตลาดชาวต่างชาติ ที่แม้ว่าจะไม่สามารถเดินทางเข้ามาประเทศไทยได้ แต่ก็ทำยอดขายได้สูง จนเป็นผู้นำตลาดแล้ว

 

สำหรับแผนธุรกิจในปี 2564 ยังคงวางเป้าหมายสานต่อเป้าหมายการไปสู่การเป็นผู้นำตลาด ติดอันดับ Top5 ให้ได้ภายในปี 2566  โดยมีรายได้ประมาณ​15,000-20,000 ล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 15% จากปัจจุบันที่สามารถสร้างรายได้เข้ามาติดอยู่ในกลุ่มผู้นำอสังหาฯ​ Top10 ของไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Noble Business 2021 1

โดยแผนธุรกิจในปี 2564 ของโนเบิล มีไฮไลท์สำคัญ ดังนี้

1.เปิดโปรเจ็กต์ใหม่มูลค่าสูงสุดรอบ 30 ปี

เปิดโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่า 45,100 ล้านบาท มีมูลค่าสูงสุดในรอบ 30 ปีที่ดำเนินธุรกิจ ​ตั้งแต่ปี 2534 เป็นโครงการไฮไรส์   4 โครงการ มูลค่า 25,000 ล้านบาท และโครงการโลว์ไรส์ 7 โครงการ มูลค่า 20,100 ล้าบาท

 

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โนเบิลพัฒนาโครงการรวม 67 โครงการ รวมมูลค่า 152,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีโครงการอยู่ระหว่างการขาย 18 โครงการ มูลค่าเพื่อขาย 29,000 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนกว่า 50% เป็นยอดขายรอรับรู้รายได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

 

2.ปั้นโปรเจ็กต์ร่วมทุน

ในจำนวนแผนการเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด จะเป็นฃโครงการร่วมทุนกันพันธมิตร 6 โครงการ รวมมูลค่า 32,800 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 5 โครงการ มูลค่า 22,100 ล้านบาท  และโครงการที่ร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์ จำนวน 1 โครงการ มูลค่า 10,700 ล้านบาท

3.ทำตลาด 3 กลุ่มหลัก

แนวทางการทำตลาดในปี 2564 เพื่อสร้างรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย โนเบิล จะมุ่งเน้นการจับ 3 ตลาด ได้แก่

-กลุ่มคอนโดราคา 1.1-2 ล้านบาท

ในรอบปี 2563 ที่ผ่านมาโนเบิล ได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่ คือ นิว (NUE) ตลาดในกลุ่ม Affordable price หรือราคา 1.1-2 ล้านบาท ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าคนไทย แม้ว่าจะมีสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากสามารถพัฒนาโครงการให้ตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย จนสามารถมียอดขายกว่า 50% ในช่วงแรกที่เปิดการขาย (อ่านข่าวเพิ่มเติม…. 3 เหตุผลโนเบิล ปั้น NUE เพิ่มรายได้สร้างพอร์ตสัดส่วน 50%)

Noble Condo

-กลุ่มตลาดไฮด์เอนด์

เป็นตลาดที่ปัจจุบันซัพพลายถูกดูดซับออกจากตลาดค่อนข้างมาก ทำให้มีปริมาณแทบไม่เหลือขายในตลาด โดยเฉพาะในพื้นที่ใจกลางเมือง แต่อสังหาฯ ในพื้นที่ใจกลางเมือง ยังเป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งโนเบิล วางแผนพัฒนาโครงการขายในย่านใจกลางเมือง เช่น ทำเลถนนวิทยุ ทองหล่อ ซึ่งจะขายในราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่ง อาทิ ในทำเลทองหล่อ ปัจจุบันคอนโดขายราคาตารางเมตรละ 300,000 บาท แต่โนเบิล วางแผนขายตารางเมตรละประมาณ​ 240,000-250,000 บาท

-กลุ่มอสังหาฯ แนวราบ

ในอดีตที่ผ่านมาพอร์ตใหญ่ของโนเบิลกว่า 70% เป็นอสังหาฯ​ แนวราบ แต่ระยะหลังได้หันมาพัฒนาโครงการคอนโด ทำให้พอร์ตอสังหาฯ แนวราบในปัจจุบันเหลือสัดส่วนเพียง 5% ซึ่งในปี 2564 โนเบิลจะเพิ่มพอร์ตพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น โดยมีทั้งประเภททาวน์โฮม บ้านแฝด และขายที่ดินเปล่า

4.เพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างชาติ 

วางเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติ 35% จากที่ปี 2563 คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ของชาวต่างชาติ 30% เฉพาะช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 โนเบิล มียอดขายในจากชาวต่างชาติแล้ว 1,599 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 26% และมีส่วนบ่างตลาดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มดีเวลลอปเปอร์ที่ขายอสังหาฯ ให้กับชาวต่างชาติ ด้วยส่วนแบ่งตลาด 37%

 

โดยแนวทางที่จะช่วยกระตุ้นให้ตลาดชาวต่างชาติเติบโตมากขึ้น โนเบิล มองว่ามาตรการขยายระยะเวลาสิทธิการเช่าซื้ออสังหาฯ โดยเฉพาะตลาดบ้านแนวราบให้ได้มากถึง 60-90 ปี จะทำให้ตลาดเติบโตมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มระยะเวลาของวีซ่าเพื่อการอยู่อาศัยในประเทศไทยได้นานขึ้น 180 วัน ในอัตราค่าวีซ่าปกติ จะช่วยทำให้ตลาดเติบโตเช่นกัน  เพราะประเทศไทยเป็นประเทศจุดหมายปลายทางที่ชาวต่างชาติต้องการเข้ามาพักอาศัย ภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยุติลง หรือมีมาตรการด้านวัคซีนออกมาใช้ได้ผล ​

Noble Hongkongland

5.สร้างรายได้ 11,000 ล้าน

จากแผนงานและการมองภาพรวมในปี 2564 ยังมีปัจจัยบวกหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการค้นพบวัคซีนและการนำมาใช้ อัตราดอกเบี้ยในอัตราต่ำ ประเทศไทยเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ  จึงทำให้ในปี 2564 โนเบิลจะสามารถทำรายได้รวม ตามเป้าหมายจำนวน 11,000 ล้านบาท เติบโต 10% จากปี 2563 ที่คาดว่าจะทำได้ 10,000 ล้านบาท และยอดขาย (pre-sale) จำนวน 16,000 ล้านบาท เติบโต 146% จากมูลค่า 6,500 ล้านบาท

ปัจจุบันเราอยู่ Top10 หวังว่าปี 2566 น่าจะขยับสู่ Top5 เราเชื่อว่ามีความท้าทายรอยอู่ แต่เชื่อมั่นว่ามันเป็นไปได้

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด