Ryl Feature 180621 (1)

ไรมอนแลนด์ กับ 5 เหตุผลหนุนสร้างรายได้ปีนี้ 2,700 ล้าน

ไรมอนแลนด์ เดินหน้าสร้างรายได้ 2,700 ล้าน หลังไตรมาสแรกตุนรายได้มากกว่า 50% ของเป้าหมาย เตรียมอีก 3 โปรเจ็กต์ใหม่ 20,000 ล้าน เปิดช่วงครึ่งปีหลัง พร้อมเดินหน้าทำตลาดดึงต่างชาติในต่างประเทศ ขณะเดียวกันรอลุ้นมาตรการรัฐปลดล็อกอสังหาฯ เพิ่มโควตาซื้อคอนโดฯ ขยายเวลาเช่า

 

ในปีนี้ “ไรมอนแลนด์” ดีเวลลอปเปอร์ซึ่งพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ วางเป้าหมายทำรายได้ 2,700 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่อาจจะไม่สูงมากนัก หากวัดจากบรรดาเพื่อนร่วมวงการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ Top 10 แต่หากวัดกับตัวเอง ที่เป็นบริษัทซึ่งมีสินทรัพย์รวมประมาณ 10,000 ล้านบาท ถือเป็นเป้าหมายที่ไม่มากไม่น้อย  และหากเปรียบเทียบกับผลประกอบการในปีที่ผ่านมา ที่ทำรายได้รวม 3,171.5 ล้านบาท ลดลง 448.9 ล้านบาท จากปี 2562 ก่อนที่มีรายได้รวม 3,620.4 ล้านบาท  หรือลดลง 12.4% ถือเป็นเป้าหมายรายได้ที่ลดลงต่อเนื่อง

 

แต่ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีมาต่อเนื่องปีกว่า และปัจจุบันยังไม่ได้กลับสู่ภาวะปกติ การฉีดวัคซีนยังต้องลุ้นว่าปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ภาครัฐวางไวหรือไม่ รวมถึงหลังจากนี้ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กับมาเหมือนเดิม ซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาอีกหลายปี การตั้งเป้าหมายในระดับนี้ ก็ถือว่าเป็นความท้าทายสำหรับไรมอนด์แลนด์พอสมควร แต่เชื่อว่าน่าจะทำให้บรรลุเป้าหมายได้ไม่ยากนัก ​

 

โดยปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้ไรมอนด์แลนด์สามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ คงมาจาก 5 ประเด็นสำคัญ ดังนี้

1.Q1 ตุนรายได้กว่า 50% ของเป้าหมาย

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่ผ่านมา ไรมอนแลนด์ สามารถสร้างรายได้ 1,599 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 277% และหากวัดจากเป้าหมาย ถือว่าเพียงไตรมาสเดียวทำรายได้มากกว่า 50% ของเป้าหมายรายได้ที่จะต้องทำให้ได้ทั้งปีแล้ว และปัจจุบันยังมีระยะเวลาเหลือในการสร้างรายได้อีกกว่า 6 เดือน จึงทำให้มั่นใจว่าจะทำเป้าหมายได้ตามที่วางไว้

 

ขณะที่ไตรมาสแรกบริษัทมีกำไรสุทธิ 138 ล้านบาท เติบโตกว่า 199% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการรีแบรนด์ลุยขยายฐานกลุ่มลูกค้า Young generation ที่มีกำลังซื้อสูง เร่งแผนเปิดตัวโครงการใหม่ปี 64 รอรับมาตรการใหม่รัฐบาลขยายลิมิตลูกค้าต่างชาติ ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 64 พลิกกำไรครั้งแรกจากขาดทุน 5 ไตรมาสติด ตอบรับกลยุทธ์ใหม่

 

โดยปัจจุบันบริษัทได้ปิดการขายโครงการ เดอะ ลอฟท์ สีลม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งได้ขายห้องชุดที่เหลืออยู่ในโครงการ เดอะ ริเวอร์ โครงการ ยูนิกซ์ เซ้าท์ พัทยา และ โครงการ เดอะ ลอฟท์ อโศก ทั้งหมดแล้วในไตรมาสแรกนี้

2.ครึ่งปีหลังเปิดตัว 3 โคงการใหม่ 20,000 ล้าน

ในช่วงเวลาที่เหลือ บริษัทวางแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อสร้างรายได้ต่อเนื่อง อีก 3 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการบริเวณถนนสุขุมวิท 38 ในย่านทองหล่อ เป็นคอนโดระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ 2.โครงการคอนโดระดับอัลตร้าลักชัวรี่ บริเวณสุขุมวิทตอนกลาง ในย่านพร้อมพงษ์ ซึ่งจะร่วมทุนกับพันธมิตจากประเทศญี่ปุ่น และ 3.โครงการวิลล่าลักชัวรี่ริมทะเล  ในจ.ภูเก็ต มูลค่าเฉพาะโครงการนี้ประมาณ​ 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 โครงการจะมาช่วงเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทให้เป็นไปตามเป้าหมาย

Rml Tait Sathorn12

3.เดินหน้าทำตลาด2โปรเจ็กต์หรู

ในช่วงปีหลัง นอกจากการเปิดตัวโครงการใหม่ บริษัทยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและการขายที่สำคัญ  2 โครงการ ได้แก่ ​โครงการ ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ และโครงการ เทตต์ สาทร ทเวลฟ์ ซึ่งบริษัทจะโฟกัสและทำตลาดสร้างยอดขาย โดยเฉพาะโครงการเทตต์ สาทร ทเวลฟ์ ที่ปัจจุบันสามารถสร้างยอดขายได้แล้ว 75% จากมูลค่าโครงการ 2,600 ล้านบาท โดยยังเหลือยูนิตขายอีกประมาณ 73 ยูนิต มูลค่า 1,700 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถปิดการขายได้ในเร็ว ๆ นี้ และปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ 5,700 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ขณะทีเดียวกันยังมีสินค้ารอการขายอีกกว่า 8,000 ล้านบาท

4.บุกตลาดต่างประเทศโรดโชว์ดึงต่างชาติ​

นอกจากการทำตลาดภายในประเทศแล้ว ไรมอนด์แลนด์ ยังทำตลาดในต่างประเทศไปพร้อมกัน แม้ว่าจะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ตาม โดยร่วมมือกับตัวแทนในต่างประเทศช่วยทำตลาด และทำการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการโรดโชว์ที่ประเทศจีน ด้วยการร่วมงาน Luxury Property Showcase ที่เชียงไฮ้และปักกิ่ง

Elite Flexible One

ขณะเดียวกันยังร่วมมือกับ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (TPC) เพื่อเป็นผู้แทนจำหน่ายบัตรสมาชิกพิเศษ Elite Flexible One  (อ่านข่าวเพิ่มเติม…ไทยแลนด์ อีลิท เปิดรายชื่อ 57 คอนโด ร่วมโปรแกรม Elite Flexible One) ซึ่งถือเป็นรายแรกของผู้ประกอบการอสังหาฯ เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนและกลุ่มชาวต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาฯ ในประเทศไทย ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาฯ และเศรษฐกิจของประเทศ​  ซึ่งไรมอนด์แลนด์สามารถดึงนักลงทุนมาร่วมโครงการแล้ว 3 ราย

5.รัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ   มาตรการรัฐกระตุ้นตลาดอสังหาฯ

จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ทางรัฐบาลไทยได้พยายามหาแนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม รวมถึงการกระตุ้นภาคอสังหาฯ เพื่อให้เศรษฐกิจในภาพรวมกลับมาเติบโต โดยแนวทางหนึ่งที่หลายฝ่ายมองว่าน่าจะช่วยฟื้นตลาดอสังหาฯ ไทยได้อย่างดี คือ การพึ่งพาดีมานด์จากชาวต่างชาติ โดยมีการเสนอให้มีการขยายเพดานสัดส่วนการซื้อคอนโดฯ จากปกติ 49% ให้เพิ่มขึ้นเป็น 70-80% และการขยายสิทธิการเช่าซื้ออสังหาฯ จาก 30 ปี เป็น 50 ปี ซึ่งทั้งสองแนวทางดังกล่าว ทางไรมอนด์แลนด์คาดว่าจะเป็นแรงผลักดันให้ตลาดอสังหาฯ ฟื้นตัวได้อย่างดี ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนชาวต่างชาติที่ซื้อโครงการของไรมอนแลนด์ มีสัดส่วนเฉลี่ย 35% แต่บางโครงการมีสัดส่วน 49% หากในช่วงครึ่งปีหลังมีการปลดล็อกในเรื่องดังกล่าวได้ เชื่อว่าจะมีส่วนทำให้ไรมอนด์แลนด์มีรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

 

นอกจากนี้ จากการประกาศนโยบายการเปิดประเทศภายใน 120 วัน ของนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าหากเป็นไปตามแผนดังกล่าว จะส่งผลให้มีกลุ่มชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศมากขึ้น และอาจจะมียอดขายจากการซื้ออสังหาฯ ภายในประเทศไทยเพิ่มขึ้นด้วย เพราะที่ผ่านมาชาวต่างชาติยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้

 

รวมถึงการเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดย ศบศ. เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติ   4 กลุ่ม ที่มีรายได้สูงและศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย ด้วยสิทธิในการพำนักในประเทศไทยด้วยอายุวีซ่า10ปี, ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับรายได้จากต่างประเทศ รวมถึงสิทธิในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือเช่าระยะยาว เพื่อสร้างรายได้ การลงทุน และ อัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้นให้กับประเทศ หากมาตรการดังกล่าวผ่านการรับรองจากภาครัฐ ก็จะส่งผลดีกับบริษัทและประเทศชาติ จากกำลังซื้อของลูกค้าต่างชาติที่จะกลับมา

Covid Vaccine

นายมนาเทศ อันนวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด และการขาย บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) (RML) เปิดเผยว่า แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในกลุ่มลักชัวรี่ถือว่าโชคดีที่ไม่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะราคายังทรงตัวไม่ได้ปรับลด หรือต้องทำตลาดด้วการแข่งขันในเรื่องราคา เหมือนกับอสังหาฯ ในกลุ่มอื่น ๆ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีซัพพลายจำกัด โดยเฉพาะในพื้นที่ทำเลใจกลางเมืองและซีบีดี ขณะที่ดีมานด์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 จะส่งผลในเรื่องของการตัดสินใจซื้อที่ใช้เวลานานขึ้น 1-3 เดือน

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาฯ ในกลุ่มลักชัวรี่ช่วงครึ่งปีหลังจะมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก แม้ว่าต้องรอให้สถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลาย  เพราะด้วยศักยภาพของตลาดคอนโดลักชัวรี่ ทำเลใจกลางเมืองที่มีจำนวนจำกัด แต่ยังคงมีความต้องการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง  ประกอบกับ​การเปิดประเทศในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อรับนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติที่มีความเสี่ยงต่ำ ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว จะเป็นส่วนกระตุ้นให้ตลาดอสังหาฯ เติบโตได้เพิ่มขึ้น

ครึ่งปีหลังมองเห็นสัญญาไปได้ด้วยดี รัฐบาลพยายามอัดฉีดมาตรการต่าง ๆ รวมถึงการปูพรมฉีดวัคซีน เพื่อเปิดประเทศให้ได้ภายใน 120 ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้อย่างดี รวมถึงการขยายโควตาการซื้ออสังหาฯ ของชาวต่างชาติก็ช่วยได้เช่นกัน

 

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด