Ryl Feature 220621 (1)

พร็อพฟิต เปิดแพลตฟอร์มออนไลน์ Propfit ดึง 900 รายสร้างยอดขายอสังหาฯ​ 3,200 ล้าน

พร็อพฟิต ลุยธุรกิจอสังหาฯ เปิดแพลตฟอร์มตัวแทนขายอสังหาฯ ออนไลน์ Propfit ชูคอนเซ็ปต์ ดีลครบจบง่ายได้มากกว่า หลังเห็น 2 ว่างโอกาสทางการตลาด ผู้บริโภคคุ้นเคยช้อปปิ้งออนไลน์​ และภาวะเศรษฐกิจผันผวน ดีเวลลอปเปอร์มองหาการทำงานที่ยืดหยุ่น ตั้งเป้าทำยอดขาย 3,200 ล้านบาท

 

นายฐิติพันธ์ เผ่าทรง ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริหารบริษัท พร็อพฟิต จำกัด (Founder & CEO) เปิดเผยว่า ได้เปิดตัว  Propfit (พร็อพฟิต) แพลตฟอร์มตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ หรือ Online Agent Platform​ ที่ใช้เทคโนโลยีมาเพิ่มศักยภาพให้กับนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ช่วยปิดการขายได้รวดเร็ว และมีรายได้มากขึ้น โดยมีการ​ทำงานร่วมกับบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ซึ่งถือเป็นโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ที่จะมาปฏิวัติวงการตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์จากรูปแบบเดิม

 

“Propfit” เป็นแพลตฟอร์มตัวแทนขายอสังหาฯ ​ ด้วยรูปแบบการทำงานภายใต้คอนเซ็ปต์ “ดีลครบ จบง่าย  ได้มากกว่า” เป็นศูนย์รวมคอนโดฯ สำหรับนายหน้าอสังหาฯ  ที่สร้างช่องทางการเข้าถึงอสังหาฯ ​ในลักษณะการสร้างเครือข่ายในรูปแบบของ Online Agent Platform ที่มีขนาดใหญ่และมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด สามารถเข้าถึงอสังหาฯ ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยแพลตฟอร์มดิจิทัลทำหน้าที่เป็น “ตัวกลาง” ระหว่างเครือข่ายของ “ตัวแทนขาย/นายหน้าอสังหาริมทรัพย์” (Property Agent) และ “ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์” (Property Developer) ทั้งรายใหญ่ รายกลาง รายเล็ก ให้สามารถทำงานร่วมกันเพื่อปิดการขายโครงการอสังหาฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Propfit01

นอกจากนี้ Propfit จะช่วยลดต้นทุน จากการนำเสนอวิธีการขายในรูปแบบใหม่ โดยผู้ประกอบการฯ ไม่จำเป็นต้องมีต้นทุนสำหรับการตั้งทีมขายของตัวเอง ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในสภาพตลาดที่มีความผันผวน​ ด้วย 3 เครื่องมือสนับสนุนที่ใช้งานง่าย ได้แก่

1.Stock inventory ช่วยให้สามารถเข้าถึงสต๊อกโครงการต่าง ๆ กว่า 8,000 ยูนิต

2.Proposal module สามารถส่งข้อมูลรายการให้ลูกค้าสะดวกและเรียลไทม์

3.Sales Pipeline Management ระบบบริหารการขายประสิทธิภาพสูง (Free beta)

 

โดยเครือข่ายนายหน้าอสังหาฯ ​จะได้รับข้อมูลสนับสนุนจาก Propfit ทั้งด้านการตลาดและบริการด้านการขาย (Marketing & Sale Service ) แพล็ตฟอร์มของ Propfit  ยังมีข้อได้เปรียบสำหรับการทำงาน คือ “Matching Mechanism” หรือระบบที่ Propfit เก็บข้อมูลเป็นรายสัปดาห์ ที่จะช่วยจับคู่ระหว่างยูนิตคอนโดมิเนียมเข้ากับความถนัดเฉพาะตัวของแต่ละตัวแทนขาย/นายหน้าอสังหาฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการที่ตัวแทนขายหรือนายหน้าอสังหาฯ ในแต่ละกลุ่มจะมีความถนัดเฉพาะตัว ทั้งในเรื่องของราคา พื้นที่ รวมถึงฐานลูกค้าที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกกลุ่มนายหน้าให้เหมาะกับโครงการ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะดันให้นายหน้าสามารถปิดการขายได้รวดเร็ว

 

นอกจากนี้ Propfit ยังมีประสบการณ์ทำการตลาดให้กว่า 90 โครงการในเกือบทุกพื้นที่ของกรุงเทพฯ ผ่านแพล็ตฟอร์มดิจิทัล ที่มีข้อมูลลูกค้าครอบคลุมและอัปเดตอยู่ตลอดเวลา จึงเหมาะกับผู้ประกอบการฯ ที่เปิดโครงการใหม่ ซึ่งยังไม่เคยทำการตลาดจับกลุ่มลูกเป้าหมายในทำเลนั้น ๆ มาก่อน  โดยจะช่วยให้ทำการตลาดขายได้เร็วขึ้นและใช้งบประมาณน้อยลงด้วย

นายฐิติพันธ์ กล่าวอีกว่า จากการมองเห็นช่องว่างธุรกิจจาก 2 ประเด็น คือหนึ่ง แม้ปัจจุบันผู้บริโภคจะคุ้นชินกับการซื้อขายออนไลน์เองโดยตรง แต่สินค้าประเภท high-Involvement อย่างอสังหาฯ ​ยังมีความจำเป็นที่ผู้บริโภคต้องเข้าเยี่ยมชมโครงการเพื่อเปรียบเทียบก่อนการตัดสินใจซื้อ จึงทำให้ที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญ พนักงานขาย และนายหน้ามีความสำคัญในกระบวนการขาย และการตัดสินใจของผู้บริโภค  ข้อสองคือความผันผวนของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่าง 1-2 ปีนี้ เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการทำธุรกิจในรูปแบบเดิม โดยเฉพาะองค์กรที่มีความยืดหยุ่นน้อย การบริหารทีมงานแบบเดิม ๆ จะสู้กับคู่แข่งที่ปรับตัวได้เร็วและดีกว่าไม่ได้ จึงนับเป็นข้อได้เปรียบขององค์กรขนาดกลางและขนาดย่อม

 

ทั้งนี้ หลังจากที่บริษัทเปิดตัว Propfit ในระยะเวลาเพียง 18 เดือน พบว่ามีการตอบรับที่เกินความคาดหมาย โดยได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่ อาทิ เอพี, อนันดา, พฤกษา  แสนสิริ  และบริษัทพัฒนาอสังหาฯ รายกลาง อาทิ Asset 5 และ Divine Development รวมทั้งเครือข่ายนายหน้าอสังหาฯ ​ที่สนใจร่วมงานกับบริษัทมากกว่า 900 ราย และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ​ จากโครงสร้างส่วนแบ่งคอมมิชชั่นที่สูงกว่าในระดับปกติ และการสนับสนุนด้านแพล็ตฟอร์มการทำงาน ที่ทำให้ปิดดีลได้ง่ายขึ้น สามารถเข้าถึงรายการอสังหาฯ ในสต๊อกกว่า 8,000 รายการ และรับลูกค้าจากระบบเพื่อเริ่มปิดการขายได้ทันที

 

โดยล่าสุด Propfit สามารถทำยอดขายคอนโด คิดเป็นมูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท  ซึ่งนับเป็นบทพิสูจน์ถึงโมเดลธุรกิจใหม่ ที่มีประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจได้โดยไม่มีข้อจำกัด ซึ่งบริษัทยังได้วางเป้าหมายทางธุรกิจ ด้วยการเป็นเครือข่ายนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย ภายในระยะเวลา 2 ปี  โดยในปี 2564 บริษัทวางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 3,200 ล้านบาท

 

 

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด