Allinsprie Holding

เปิดเหตุผล ออลล์อินสไปร์ เบรกอสังหาฯ เดินหน้าสู่ “โฮลดิ้ง คอมพานี”

ออลล์อินสไปร์ 

ออลล์อินสไปร์ เบรกธุรกิจอสังหาฯ หลังเจอการแข่งขันรุนแรง  ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ สู่ โฮลดิ้งคอมพานี เดินหน้า 3 ธุรกิจใหม่ บริหารหนี้ AMC และคาร์บอนเครดิต หวังเทิร์นอะราวด์ สร้างมาร์เก็ตแคป 30,000 ล้านใน 3 ปี

 

ตั้งแต่บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ในวันที่ 29 มีนาคม 2556 เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่อยู่อาศัย ก่อนแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชนในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2558 และได้พัฒนาคอนโดมิเนียมโครงการแรก ภายใต้แบรนด์ The Excel  คือ คอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ The Excel Bearing ที่ซอยลาซาล 11 นับเป็นระยะเวลาการดำเนินธุรกิจไม่ถึง 10 ปี

 

แต่วันนี้ดูเหมือนว่า “ออลล์ อินสไปร์” จะไม่ไปต่อกับธุรกิจอสังหาฯ แล้ว เพราะออกมาแถลงข่าว ชะลอแผนการรุกตลาดอสังหาฯ แม้จะไม่ถึงขั้นว่าจะหยุดพัฒนาเลย แต่คงให้ความสำคัญน้อยลง เหลือแค่จังหวะและโอกาสที่เหมาะสมในการเข้าไปพัฒนาธุรกิจอสังหาฯ เท่านั้น แต่นับจากนี้ จะหันไปลุยธุรกิจอื่น ๆ ที่สามารถสร้างโอกาสและผลตอบแทนให้กับบริษัทได้มากขึ้น โดยวางนโยบายให้นับจากนี้ ออลล์อินสไปร์ จะมุ่งสู่ความเป็น “โฮลดิ้ง คอมพานี” แทน

 

เหตุผลสำคัญ คืออะไรบ้าง ที่ออลล์อินสไปร์ จะไม่ไปต่อในธุรกิจอสังหาฯ​ และการก้าวเข้าไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ นั้นมีเหตุผลอะไรบ้างนั้น  นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) อธิบายว่า ในปัจจุบันองค์กรธุรกิจต่างๆ ต้องเผชิญกับปัจจัยลบรอบด้าน การปรับตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อประคองธุรกิจให้สามารถดำเนินงานต่อไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนองค์กรเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงรายได้จากธุรกิจหลักเพียงอย่างเดียว

Allinsprie ออลล์อินสไปร์

อสังหาฯ แข่งเดือดไม่ใช่รอบธุรกิจ

​ต้องยอมรับว่า ออลล์อินสไปร์ เป็นดีเวลลอปเปอร์ที่มีขนาดเล็ก มีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ​ ไตรมาส 1 ปี  2565 มูลค่ากว่า 7,870 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่มีอยู่ในตลาดหลายสิบบริษัท  ทำให้การแข่งขันมีความรุนแรงมาก

นอกจากนี้ สถานการณ์ในปัจจุบัน ถือว่าไม่ใช่รอบของธุรกิจอสังหาฯ ที่จะเติบโต แถมยังมีปัจจัยแวดล้อมหลายอย่างที่มากดดันธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กำล้งซื้อที่ชะลอตัวลง โครงสร้างประชากรที่มีอัตราการเกิดลดลง กลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนที่ยังไม่กลับเข้ามา เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ตลาดอสังหาฯ ยังไม่กลับมาฟื้นตัวเป็นปกติ ​

ธุรกิจมีรอบของมัน โครงสร้างประชากรก็เปลี่ยน คนมีลูกน้อยลง ตลาดมี Big Player ที่ใหญ่กว่าเรา ธุรกิจสอังหาฯ ไม่ธุรกิจ Take off ธุรกิจอสังหาฯ มีเสน่ห์แต่ไม่ใช่รอบนี้ เงินเฟ้อ ความสามารถในการกู้ของลูกค้า มันอยู่ได้ แต่ไม่ใช่ Growth Trendปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้กว่า 1,000 ล้านบาท มีโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้างซึ่งจะแล้วเสร็จภายในอีก 1-2 ปีนี้ มูลค่า 5,000-6,000 ล้านบาท ซึ่งนับจากนี้จะพยายามเครียสินค้าที่มีอยู่ออกให้หมด  และในระยะ 3 ปีนับจากนี้จะยังไม่มีการพัฒนาโครงการใหม่ออกมา  ซึ่งบริษัทยังมีที่ดินอีก 5-6 แปลงที่ยังไม่ได้พัฒนา

 

ต่อไปธุรกิจอสังหาฯ จะมีสัดส่วนประมาณ​ 10% โดยดูความเหมาะสมและความพร้อม ในการพัฒนาโครงการ เราไม่ได้จะเลิก แค่ไม่ขยาย

 

นอกจากนี้ ธุรกิจอสังหาฯ มีกำไรขั้นต้นประมาณ 30-40% ซึ่งบริษัททำกำไรขั้นต้นได้ประมาณ 32% และมีรายได้ไม่ต่อเนื่อง บริษัทอยากทำธุรกิจที่รับรู้รายได้เร็ว ถ้าวันนี้บริษัทเปิดโครงการอีก 5-10 โครงการ จะต้องใช้เวลาการพัฒนาและรับรู้รายได้อีก 2 ปี  แต่ยังไม่รู้ว่าลูกค้าจะกู้เพื่อซื้อโครงการผ่านหรือไม่

เกาะกระแสธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์

เพื่อมุ่งสู่การเป็น โฮลดิ้ง คอมพานี” ออลล์อินสไปร์ จึงปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ ภายใต้แนวคิด “All New Era” ออลล์ อินสไปร์ ยุคใหม่ ที่ไม่ได้ทำแค่ธุรกิจอสังหาฯ แต่ยังเตรียมขยายไปในธุรกิจที่เป็นกระแสการเติบโตของโลกยุคปัจจุบัน ​หรือเมกะเทรนด์  เพื่อที่จะทำให้บริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดด หรือเทิร์นอะราวด์ ด้วยตัวเลขมาร์เก็ตแคป 30,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี

สำหรับธุรกิจใหม่ที่ ออลล์อินสไปร์ จะขยายเข้าไปทำนั้น คือ ​

1.ธุรกิจบริหารสินทรัพย์  หรือ AMC (Assets Management)

โดยรูปแบบการดำเนินงาน จะมีทั้งการจัดตั้งบริษัทใหม่ พร้อมจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงการควบรวมกิจการ และพร้อมเข้าประมูลกับสถาบันการเงิน

2.ธุรกิจบริหารหนี้สิน หรือ Debt Management

ธุรกิจบริหารหนี้ เป็นการเข้าซื้อหนี้เสียมาบริหาร ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ อาทิ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิต หรือหนี้อื่นๆ และมีแผนร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ

3.ธุรกิจคาร์บอนเครดิต (Carbon Credits)

ธุรกิจคาร์บอนเครดิต จะมีการร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก โดยรูปแบบการดำเนินธุรกิจ One Stop Service ซื้อ ขาย พัฒนา คาร์บอนเครดิต ผ่านบล็อกเชน รายแรกของประเทศไทย

ทำไมต้องเป็น AMC-บริหารหนี้

1.ใช้ทุนต่ำ-กำไรสูง

ธุรกิจบริหารหนี้ เป็นการซื้อหรือประมูลทรัพย์มาเป็นล็อตใหญ่ แต่ใช้เงินทุนไม่สูง  การทำ AMC คือ การซื้อถูกขายแพง เพราะมาร์จิ้น 80-90% การซื้อหนี้เฉลี่ยใช้เงินไม่เกิน 10-15% ของมูลหนี้

แต่ถ้า AMC อย่างเดียวจะไม่ครบวงจร ต้องมีบริษัทบริหารหนี้ด้วย การติดตามหนี้ มีทั้งการซื้อ การติดตามหนี้ การซื้อมาแล้วขายต่อ การรับจ้างติดตามหนี้ พอซื้อหนี้มาก็มีการปรับโครงสร้างหนี้ จะทำกำไรเยอะมาก เหมือนซื้อ 10 บาท ขาย 1,000 บาท อันนี้มันจะครบลูป และอยู่ในสกิลของดีเวลลอปเปอร์ ธุรกิจนี้หอมหวาน เจ้าใหญ่ทำรายไปนานแล้ว

Allinsprie ออลล์อินสไปร์ 1

2.เข้าใจทใช้ความชำนาญประเมินทรัพย์

จากการที่ออลล์อินสไปร์เป็นดีเวลลอปเปอร์  มีความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาโครงการ และสามารถประเมินได้ว่าที่ดินแปลงไหนมีศักยภาพ เข้าใจเรื่องผังเมือง ทำให้วิเคราะห์ได้ว่า​ AMC ที่ซื้อมาสามารถพัฒนาต่อได้

 

ถ้าเลือกไม่ดี ก็อาจจะมีของไม่ดีติดมาด้วย แต่การที่เราเป็นดีเวลลอปเปอร์ เวลาเลือกเราจะรู้ว่าที่ดินไหน พัฒนาต่อได้ ขายได้ เราเลือกของได้เก่งกว่าคนอื่น เรารู้เรื่องผังเมือง เราได้แอสเสทเพิ่ม เราขายชิ้นเดียวก็คืนทุนแล้ว บางอันเราเห็นโอกาส ที่ดินขนาดเล็ก ๆ ผังเมืองไม่สามารถพัฒนาบ้าน 100 ตารางวาได้ เราก็ทำนิชมาร์เก็ต ที่สำคัญวันนี้เรายังมีพันธมิตรที่มาร่วมทุน (JV) ที่ดินแปลงไหนมีศักยภาพ เราก็หาผู้ร่วมทุนได้ เราไม่ไช่แค่การซื้อมา แต่เราพัฒนาต่อได้ ทำให้รับรู้รายได้ได้รวดเร็ว

3.มูลค่าตลาด 500,000 ล้าน​

ปัจจุบันมูลค่า NPL มีกว่า 500,000 ล้านบาท ถือเป็นโอกาสทางการตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก บริษัทรับบริหารหนี้ขณะนี้ก็มีการตั้งงบประมาณสำหรับการซื้อหนี้ไว้มูลค่าถึง 100,000 ล้านบาท จึงอยากจะเข้าไปทำธุรกิจนี้  และการซื้อมันมีโอกาสสูงมาก ซึ่งบริษัทยังมีโอกาสเข้าไปแชร์ส่วนแบ่งของตลาดได้อีก 10-20% ซึ่งถือว่าเยอะมาก เพราะไม่ว่าอย่างไร เจ้าใหญ่ ๆ ก็ไม่สามารถจะซื้อหนี้ได้ทั้งหมด เพราะหนี้เสียมันเยอะมาก เป็นโอกาสที่บริษัทจะเข้าไปในธุรกิจนี้ได้

 

ที่ผ่านมาธุรกิจติดตามหนี้บริหารหนี้ เติบโต 200% โตมากและโตได้อีก ภายใน 3 ปียังโตต่อเนื่อง แม้ว่าเราจะมองเป็นวิกฤตหนี้ แต่ คือ โอกาส เราจะใช้วิกฤตตรงนี้ให้เป็นโอกาส  และ AMC เป็นเทรนด์ที่กำลังมา หลาย ๆ เจ้ามาร์เก็ตแคป ไปหลายแสนล้านแล้ว เพราะธุรกิจนี้เป็นเทรนด์ขาขึ้น ออลล์อินสไปร์ก็ไม่อยากอยู่กับอะไรเดิม ๆ อยากจะ Turn around การทำ AMC เรามี 3 ทางเลือก คือ จับมือกับพันธมิตร เทคโอเวอร์ธุรกิจ และการขอใบอนุญาตทำเอง

 

ส่วนธุรกิจคาร์บอนเครดิต ออลล์อินสไปร์ ตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นผู้นำของเซาท์อีสเอเชีย โดยบริษัทจะเป็นเจ้าแรกในเมืองไทยที่ทำ  โดยสัดส่วนธุรกิจในปี 2565 ของบริษัท  คือ  ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ มีสัดส่วน 30% ธุรกิจบริหารหนี้สิน มีสัดส่วน 30%  ธุรกิจคาร์บอนเครดิต มีสัดส่วน 30% และธุรกิจอสังหาฯ ​มีสัดส่วน 10%เป้าหมายเทิร์นอะราวด์ก็คือ มาร์เก็ตแคป 30,000 ล้านบาท เราเป็น ทริปเปิ้ลบอททอมไลน์ การทำอสังหาฯ อย่างเดียว ทริปเปิลไลน์ น่าจะยากสำหรับเรา

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

[PR News] ALL บุกตลาดจีน ปักหมุดตั้งสำนักงานใน “เซี่ยงไฮ้ – ไทเป”  ดึงผู้บริหาร 4 สัญชาติ เสริมทัพ

 

 

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด