Tta

TTA จับมือ 2 พันธมิตร ปั้น 125 สาทร 8,000 ล้าน รับตลาดอสังหาฯ ฟื้นตัว

TTA ของกลุ่มมหากิจศิริ จับมือ 2 พันธมิตรจากญี่ปุ่น ลงทุนอสังหาฯ ปั้นโปรเจ็กต์ 125 สาทร 8,000 ล้าน ขายตร.ม.ละ 250,000 บาท มั่นใจโอกาสและศักยภาพอสังหาฯ ไทยยังน่าดึงดูดต่างชาติ คาดสิ้นปีทำยอดขาย 3,000 ล้าน ขณะที่ลูกบ้านโครงการ THE MET ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ประเด็นการยื่นขอ EIA ของโครงการ มั่นใจไม่กระทบต่อการพัฒนา พร้อมเดินหน้าก่อสร้างตามแผน

 

นางสาวอุษณา มหากิจศิริ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA)  เปิดเผยว่า นโยบายและเป้าหมายของบริษัท มองหาโอกาสด้านการลงทุนในธุรกิจหลากหลายธุรกิจ ซึ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่บริษัทมองเห็นโอกาสและศักยภาพการเติบโตในอนาคต นอกเหนือจาก 5  กลุ่มธุรกิจ ทั้งธุรกิจชิปปิ้ง น้ำมันและก๊าซ อาหาร และธุรกิจอื่นๆ ที่บริษัทได้เข้าไปลงทุน

 

ล่าสุด บริษัทจึงได้ลงทุนในสัดส่วน 60% ร่วมลงทุนกับ พันธมิตร 2 ราย ได้แก่ บริษัท คันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (KRD) สัดส่วน 10%  และ บริษัท โทเร คอนสตรัคชั่น จำกัด (TCC) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ ในประเทศญี่ปุ่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทั่วโลก สัดส่วน 30% จัดตั้งบริษัท พีเอ็มที พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (PMT) เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมโครงการ 125 สาทร ขึ้นเป็นแห่งแรกบนถนนสาทร

125 Sathorn

ทั้งนี้ บริษัทมองตลาดอสังหาฯ ของไทย มีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากสัญญาณการฟื้นตัวตลาด   ที่อยู่อาศัยที่เริ่มส่งสัญญาณบวก รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายมากขึ้น รวมถึงนโยบายกระตุ้นอสังหาฯ ทั้งจากภาครัฐและเอกชนช่วยให้เอื้อต่อการซื้อ-ขายมากขึ้น อาทิ การลดค่าโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองทั้ง   บ้านใหม่และบ้านมือสอง รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ชั่วคราวของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  ช่วงต้นปีที่ผ่านมาจึงเห็นผู้ประกอบการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจไทยปัจจุบันจะผันผวน มีภาวะเงินเฟ้อสูง แต่ราคาที่ดินไม่ได้ลดราคาลง เพราะราคาที่ดินไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ราคาอสังหาฯ ไทยมีความได้เปรียบเมื่อเทียบกับหลายประเทศในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง จีน หรืออินเดีย เพราะราคายังถือว่าต่ำกว่า และมีผลตอบแทนด้านการลงทุนที่สูงกว่า โดยอสังหาฯ ของไทยให้ผลตอบแทนจากการเช่าอยู่ที่ 4-5% ส่วนประเทศญี่ปุ่นให้ผลตอบแทน 2.6%  จีนให้ผลตอบแทน 2.1% และฮ่องกงให้ผลตอบแทนจากการเช่า 2.3%

125 Sathorn 1

ด้านนายภัทร์กร วงศ์สวรรค์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯ​ ไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัว เห็นได้จากการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ที่มีจำนวน 31,473 ยูนิต เติบโตจากช่วงเดียวกันกว่า 200% ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังรัฐบาลเริ่มคลายมาตรการต่าง ๆ ลง นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศได้ ซึ่งสินค้าหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ได้อย่างดี คือ โครงการลักชัวรี่ เพราะเป็นสินค้าที่กลุ่มชาวต่างชาติต้องการ และสามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนได้

 

สำหรับโครงการ 125 สาทร เป็นคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ มูลค่า 8,000 ล้านบาท บนที่ดินขนาดกว่า 3 ไร่ ติดถนนสาทร มีจำนวน 2 อาคาร ยูนิตรวม 755 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท ห้องขนาด 28.5 ตารางเมตร มีราคาเฉลี่ย 250,000 บาทต่อตารางเมตร มูลค่าโครงการทั้งสิ้น  โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะคาดว่าจะทำยอดขายได้ 3,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทวางเป้าหมายยอดขายในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ 20-30% โดยจะเป็นกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่นสัดส่วน 50% และชาวยุโรปอีก 50%

 

นายภัทร์กร กล่าวถึงกรณีที่นิติบุคคลอาคารชุด THE MET ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อคัดค้านการอนุมัติรายงาน EIA ของโครงการ 125 สาทร ว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาโครงการ เพราะบริษัทได้รับการอนุมัติรายงาน EIA  แล้ว รวมถึงใบอนุญาตการก่อสร้าง  บริษัทจึงเดินหน้าพัฒนาโครงการตามแผนที่ได้วางไว้  ซึ่งคาดว่าโครงการจะเริ่มการก่อสร้างได้ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า และจะใช้ระยะเวลาการก่อสร้างให้แล้วเสร็จในอีก 4 ปีนับจากเริ่มการก่อสร้าง หรือภายในปี 2569

 

ข้อเรียกร้องเป็นการให้ตรวจสอบกระบวนการยื่นขอ EIA  ซึ่ง​ EIA ได้ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการ EIA แล้ว และโครงการไม่ได้มีประเด็นที่จะส่งผลต่อการก่อสร้างโครงการไม่ได้ เช่น ขนาดความกว้างของถนน หรือทางเข้าออกโครงการ เป็นต้น  

125 Sathorn 2

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

-125 Sathorn คอนโดตึกคู่ สุดหรู ติดถนนสาทร

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด