Life+Style

 

Life+Style ล่าสุด

1 ... 6 7 8 ... 16
หนาวแล้วได้เวลาตรวจเช็คบ้าน 5 จุดสำคัญ

หนาวแล้วได้เวลาตรวจเช็คบ้าน 5 จุดสำคัญ

ตอนนี้ คนไทยได้สัมผัสอากาศหนาวกันทั่วหน้า ไม่เว้นแต่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะในช่วงเช้าๆ ได้สัมผัสกับบรรยากาศของฤดูหนาว แต่ก็ไม่รู้ว่าบรรยากาศแบบนี้จะอยู่คู่คนกรุงเทพฯ ได้นานกี่วัน ได้แต่ลุ้นให้อากาศหนาวไปนานๆ เพื่อให้สมกับได้ขึ้นชื่อว่าเป็นฤดูหนาวกับเขาบ้าง   จะว่าไปข้อดีของฤดูหนาวนอกจากทำให้เราได้สัมผัสกับอากาศเย็นสบายๆ แล้ว ในช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นช่วงที่เหมาะกับการตรวจสอบ และปรับปรุงซ่อมแซมบ้านที่ชำรุด หรือจะต่อเติมบ้านมากที่สุด โดยเฉพาะการทาสีบ้านใหม่เพราะความชื้นในอากาศน้อยกว่าช่วงอื่นๆ ทำให้สีแห้งเร็ว   ไม่เพียงแต่เรื่องของการซ่อมแซม หรือต่อเติมบ้านแล้ว สิ่งสำคัญที่เจ้าของบ้านควรทำ คือ การตรวจสอบรายละเอียดเล็กๆ แต่สำคัญ เช่น การตรวจสอบมิเตอร์ไฟ ว่ามีกระแสไฟรั่วหรือไม่ ตรวจสอบท่อประปาว่ามีท่อรั่วต้องรีบซ่อมแซมหรือไม่ ยิ่งเป็นช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ก็เป็นจังหวะที่เหมาะเพื่อเอาฤกษ์งามยามดี กับการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ แต่ถ้าหากจัดการเองไม่ได้ ควรหาช่างหรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเร่งดำเนินการให้การอยู่อาศัยเป็นได้อย่างราบรื่น เป็นการต้อนรับกับศักราชใหม่ที่กำลังจะมาถึง   วันนี้ ทางยิปซัมตราช้าง มาแนะนำวิธีการตรวจเช็คบ้าน ในช่วงฤดูหนาว ว่าควรจะตรวจสอบอะไรตรงไหนบ้าง ซึ่งจุดสำคัญที่เจ้าของบ้านควรตรวจสอบเบื้องต้นนั้น ก็มีอยู่ด้วยกัน 5 จุดสำคัญ  ดังนี้ 1.เช็คหลังคา แก้ปัญหารั่วซึม บ้านใครที่มีปัญหาเรื่องน้ำรั่ว น้ำซึม ในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา หน้าหนาวนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ในการซ่อมแซมหรือแก้ไขปัญหาน้ำรั่ว น้ำซึมต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา เพราะสามารถทำการซ่อมแซมได้ตลอดเวลา ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดปัญหาฝนตกขณะซ่อมแซม 2.สภาพสีภายในบ้าน ฤดูฝนที่ผ่าน นอกจากปัญหาน้ำรั่ว น้ำซึม บริเวณหลังคาแล้ว อีกปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นมากับบ้านได้ คือ ความเสียหายของผนังบ้าน จากสีลอก สีไม่สม่ำเสมอ โป่งพอง ลอกล่อนในจุดต่างๆ  ฤดูหนาวนี้ก็ถือเป็นช่วงที่เหมาะมากในการซ่อมแซมและทาสีใหม่ทั้งสีผนัง และสีฝ้าเพดานภายในบ้าน เพราะความชื่นในอากาศต่ำ สีแห้งเร็ว ไม่ต้องกังวลใจต่อสภาพอากาศชื้นเหมือนหน้าฝนที่ผ่านมา 3.ต้นไม้ หรือสนามหญ้า แม้ว่าฤดูหนาวอากาศจะเย็น แต่ความชื้นต่ำ แถมช่วงเวลากลางวัน แสงแดดจากดวงอาทิตย์ก็แรง และอากาศแล้งชื้น มีโอกาสทำให้ต้นไม้เหี่ยวเฉาได้ง่าย แถมต้นไม้ ใบไม้ที่แห้ง สามารถเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี อาจก่อให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ได้เช่นกัน เจ้าของบ้าน จึงควรหมั่นดูแลรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย และตัดกิ่งไม้ที่แห้งทิ้ง เพราะหากถูกลมพัดหักโค่นอาจทำให้เกิดความเสียหายกับหลังคา ตัวบ้าน สิ่งของ หรือเป็นอันตรายกับคนที่อยู่ภายในบ้านได้ 4.สภาพเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และถังดับเพลิง อย่างที่รู้ว่าฤดูหนาว อากาศจะแห้ง เพราะความชื้นต่ำ ทำให้เป็นฤดูที่มีโอกาสเกิดอัคคีภัยได้ง่าย ไม่ต่างจากฤดูร้อน เจ้าของบ้านจึงควรทำการตรวจสอบ ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อุปกรณ์ต่างๆ และถังดับเพลง ยังอยู่ในสภาพปรกติและพร้อมใช้งานหรือไม่ 5.การจัดระเบียบภายในบ้าน เพราะฤดูหนาวนี้เป็นช่วงที่เสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยมากที่สุด ดังนั้น อะไรที่จะเป็นบ่อเกิด หรือฉนวนให้เกิดอัคคีภัย เราคงต้องให้ความสำคัญและตรวจตราอย่างละเอียด ไม่ให้เป็นจุดเกิดเพลิงไหม้ได้ รวมถึงการจัดวางสิ่งของเพื่อไม่ให้ขวางทางเดิน และกำจัดวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิง เช่น เสื้อผ้าเก่า หนังสือพิมพ์  ไม้ขีดไฟ  ซึ่งล้วนแต่เป็นแหล่งเชื้อเพลิงอย่างดีที่ทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ต้องรีบป้องกันไว้ก่อนที่จะสายเกินแก้ ส่วนการต่อเติมบ้าน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือพื้นที่ส่วนต่างๆ ก็ถือได้ว่าเป็นจังหวะโอกาสที่ดี เพราะหมดห่วงเรื่องปัญหาฝนตก ซึ่งมักเป็นอุปสรรคสำคัญของการทำงานก่อสร้าง ยิ่งใช้วัสดุก่อสร้างสำเร็จรูป อย่างการเลือกใช้ระบบผนังยิปซัมตราช้าง มากั้นห้อง ก็ทำให้ระยะเวลาการทำงานเร็วขึ้นด้วย สำหรับผู้สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ผลิตภัณฑ์ของยิปซัมตราช้าง  ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง ยิปซัมตราช้าง
รวมอีเว้นท์สัปดาห์แรก เดือนธันวาคม 2562

รวมอีเว้นท์สัปดาห์แรก เดือนธันวาคม 2562

เริ่มต้นสัปดาห์แรกของเดือนสุดท้ายของปี ซึ่งเริ่มจะมีอีเว้นท์แห่งการเฉลิมฉลองชวนให้เราออกจากบ้านกันมากยิ่งขึ้น ยิ่งบรรยากาศดีเช่นนี้ก็ยิ่งน่าชวนคนรู้ใจไปเดินเล่นกันนะคะ ครัวคุณต๋อย ยกทัพ พบกับร้านอาหาร 52 บูท และยังมีบูทจำหน่าย "วัตถุดิบอาหาร" ภายใต้แนวคิด "ครัวคุณต๋อย Selected" บนความเชื่อ "อาหารที่ดีเกิดมาจากวัตถุดิบที่ดี" เพื่อให้ผู้มาร่วมงานได้เลือกซื้อวัตถุดิบคุณภาพกลับไปประกอบอาหารเองตามสูตรเด็ดเฉพาะของแต่ละบุคคล   วัน เวลา : 5-15 ธันวาคม 2562 เวลา 10.30-21.30 น. สถานที่ : ชั้น G เดอะมอลล์ บางแค Banzai Chaiyo Festival 2019 EP.1 เทศกาลเฉลิมฉลอง 2 วัฒนธรรมญี่ปุ่นไทย พบ การตกแต่งโคมไฟญี่ปุ่นและยี่เป็ง นับ 1,000 ดวง การออกร้านอาหารและสินค้ายอดฮิตทั้งไทยและญี่ปุ่น กิจกรรมและการแสดงสุดพิเศษ งานนี้เข้าชมฟรี   วัน เวลา : 2-8 ธันวาคม 2562 เวลา 11.00-22.00 น. สถานที่ : ลานหน้า Central World German Christmas Market 2019 thailand ตลาดคริสต์มาสในบรรยากาศที่แสนอบอุ่น พบกับร้านค้ากว่า 40 ร้านที่ขนเอาอาหารมากมายจากเยอรมนีและประเทศใกล้เคียงมาให้ทุกคนได้ลิ้มลอง พลาดไม่ได้กับเครื่องดื่มประจำเทศกาลอย่าง Glühwein (ไวน์อุ่นผสมเครื่องเทศ) แถมยังมีแซนด์วิชสไตล์เวียดนามและอาหารเมดิเตอร์เรเนียนด้วย อีกทั้งยังมีสินค้าอีกมากมาย พร้อมซุ้มกิจกรรม ดนตรีแจ๊สและคณะนักร้องประสานเสียงที่จะมาสร้างบรรยากาศคริสต์มาสตลอดทั้งงาน   วัน เวลา : 7-8 ธันวาคม 2562 เวลา 16.00–20.00 น.  สถานที่ : ซ.สาทร 1 สถาบันเกอเธ่ จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์ : ต่ำหูก แต้มผ้า เล่าอีสานผ่านงานทอ กลับมาเปิดฟาร์มให้ได้เที่ยวกันปีละหน ปีนี้มาในธีม ‘ต่ำหูก แต้มผ้า เล่าอีสานผ่านงานทอ’ โดยนำเอาเรื่องราวของผ้ามาสร้างประสบการณ์ให้ผู้เข้าชมได้รับรู้ ได้สัมผัสความงามของผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ ความเกี่ยวพันระหว่างผ้ากับวิถีชีวิตและประเพณีของชาวอีสานที่ถักทอผูกพันกันมาช้านาน บนพื้นที่กว่า 600 ไร่ ที่จะมาชวนให้ดื่มด่ำกับธรรมชาติในฟาร์ม   วัน เวลา : 7 ธันวาคม 2562-5 มกราคม 2563 เวลา 09.00–17.00 น. สถานที่ : จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา Thailand Furniture & Houseware Fair พบกับสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านส่งตรงจากโรงงานผู้ผลิต อาทิ โซฟา เคาน์เตอร์ครัว ชุดห้องนอน ชุดบิวท์อิน ฯลฯ รวมถึงบริษัทรับตกแต่งภายใน มาพร้อมโปรโมชั่นลดราคาพิเศษ ส่วนลด สิทธิพิเศษจากบัตรเครดิตมากมาย   วัน เวลา : 7-15 ธันวาคม 2562 เวลา 11.00–21.00 น. สถานที่ : EH 103-104 ไบเทค บางนา ICC FAIR ครั้งที่ 20 ชมสินค้าหลากหลาย ช้อปสินค้าราคาถูก ส่งท้ายปีจากแบรนด์ดังในเครือ สหพัฒน์ ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอาง ของกินของใช้ ของใช้สำหรับเด็ก ลดราคา สูงสุด 80% อาทิ ARROW, มาม่า, ELLE, GUY LAROCHE, DAKS, LACOSTE, Mizuno, Covermark, St.Andrews, Minna, Enfant, BSC และ อีกหลายแบรนด์ดัง พร้อมชิม อาหารร้านดังในเขตยานนาวา   วัน เวลา : 5-8 ธันวาคม 2562 เวลา 08.00-20.00 น. สถานที่ : บริษัท ไอ.ซี.ซี. สาธุประดิษฐ์ 58  Electronica Amazing Sale พบกับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน จากแบรนด์ดังชั้นนำทุกยี่ห้อ ราคาโดนใจ ลดกระหน่ำราคาสุดคุ้ม พร้อมโปรโมชั่นส่วนลด/ผ่อน 0% จากบัตรเครดิตอีกมากมาย   วัน เวลา : 7–15 ธันวาคม 2562 เวลา 11.00-21.00 น. สถานที่ : EH 103-104 ไบเทค บางนา    
รวมอีเว้นท์เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2562

รวมอีเว้นท์เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2562

เดือนสุดท้ายของปีแล้ว บรรยากาศเป็นใจน่าออกนอกบ้านไปเดินเล่นตามงานอีเว้นท์ระดับบิ๊กแห่งปีหลายงานทีเดียวค่ะ   PHOTO FAIR 2019 โลกแห่งการถ่ายภาพที่ทุกคนรอคอยในงาน PHOTO FAIR 2019 มหกรรมการถ่ายภาพครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี มาในแนวคิด "Share Your Wonder แชร์ความมหัศจรรย์แห่งโลกของภาพถ่าย" พบสินค้าจากแบรนด์ดังกว่า 150 บูธ มาพร้อมโปรโมชั่นแรงๆ และร่วมสนุกชิงรางวัล รถยนต์ กล้องถ่ายรูป พร้อมด้วยกิจกรรมงานสัมมนาเกี่ยวกับการถ่ายภาพ พบกับช่างภาพชื่อดังในสายงานต่างๆ ที่จะมาให้ความรู้รวมถึงเทคนิคเพื่อไปปรับใช้ในการถ่ายภาพ อีกทั้งยังมีการประมูลอุปกรณ์ถ่ายภาพชุดพิเศษ   วัน เวลา : 27 พฤศจิกายน-1 ธันวาคม 2562 เวลา 10.30-21.00 น. สถานที่ : ฮอลล์ 103-104 ไบเทค บางนา   Motor Expo 2019 “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 36” หรือ The 36th Thailand International Motor Expo 2019 ภายใต้แนวคิด “โลดแล่นทันใด ทะยานไปด้วยกัน-Ride and Drive Together Now” แต่ละค่ายมีแคมเปญพิเศษเฉพาะในงาน พร้อมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่น บัตรเข้าชมงาน 100 บาท   วัน เวลา : 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2562 (บุคคลทั่วไปเริ่ม วันที่ 30 พฤศจิกายน) จันทร์-ศุกร์ เปิดเวลา 12:00-22:00 น. เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดเวลา 11:00-22:00 น. สถานที่ : ชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี    Thailand Friendly Design Expo 2019 มหกรรมอารยสถาปัตย์ และนวัตกรรมสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่ 4 ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน นำเสนอแนวคิดหลัก เรื่อง “Home Care & Rehabilitation : การดูแลและฟื้นฟูสุขภาพ สำหรับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยพักฟื้น ผู้พิการ และคนที่ใช้รถเข็น” เชื่อมโยงสู่ “Tourism for All : การท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล” โดยภายในงาน  จำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยี Friendly Design จากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงเทคโนโลยี นวัตกรรมล้ำยุค เกี่ยวกับการดูแล และฟื้นฟูสุขภาพ สำหรับผู้สูงวัย ผู้ป่วยพักฟื้น และผู้พิการ และสามารถร่วมฟังอภิปราย เสวนา บรรยายพิเศษ ากผู้รอบรู้เชี่ยวชาญด้าน Friendly Design หรือ Universal Design และเครือข่ายมนุษย์ล้อจากนานาประเทศทั่วโลก   วัน เวลา : 28 พฤศจิกายน-1 ธันวาคม 2562 เวลา 10.00 - 19.00 น. สถานที่ : ฮอลล์ 6 อิมแพ็ค เมืองทองธานี   Money Expo End-Year 2019 งานมหกรรมการเงินส่งท้ายปี ครั้งที่ 3 ขนทัพแบงก์-นอนแบงก์-ประกัน-บล.-บลจ. แข่งแคมเปญสุดพิเศษส่งท้ายปี อาทิ สินเชื่อบ้านดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน, เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ ดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดสูงสุด 10%, สินเชื่อ SME Start Up ดอกเบี้ย 1.99%, ซื้อประกันชีวิตแถมทองคำแท่ง 20 บาท/ทัวร์โครเอเชีย, ซื้อ RMF & LTF ลดหย่อนภาษี ทำธุรกรรมภายในงานลุ้นรับ iPhone11 พร้อมฟังฟรี! ฯลฯ สัมมนาการลงทุนหุ้นจากกูรูชื่อดัง/มินิคอนเสิร์ตจากศิลปิน BNK48-SB FIVE   วัน เวลา : 28 พฤศจิกายน-1 ธันวาคม 2562 สถานที่ : อีเว้นท์ฮอลล์ 99 ไบเทค บางนา   European Union Film Festival (EUFF) เทศกาลภาพยนตร์สหภาพยุโรปกลางแจ้ง 2019 พบกับภาพยนตร์คุณภาพจากยุโรปกว่า 17 ที่จะมาเล่าเรื่องหลากหลายแง่มุมจากสหภาพยุโรป ท่ามกลางบรรยากาศรับลมหนาวกลางแจ้งในบริเวณที่โอบล้อมด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ งานนี้ฟรี!   วัน เวลา : 29 พฤศจิกายน-15 ธันวาคม 2562 เวลา 18.30 น. สถานที่ : ทำเนียบเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป และสถาบันวัฒนธรรมยุโรป ทั้งหมด 8 แห่งในกรุงเทพฯ เช็คตารางฉายและจองตั๋วได้ที่ Ticketmelon Siam Carnival Fun Fair 2019 สนุกได้ทุกเพศทุกวัยไปกับเครื่องเล่นหลากหลายกว่า 20 ชนิด ซึ่งนำเข้าจากอิตาลีและเยอรมัน รับประกันความปลอดภัย ในราคาเบาๆ เพียง 50-60 บาท/เครื่องเล่น   วัน เวลา : 22 พฤศจิกายน-8 ธันวาคม 2562 เวลา 17.00-22.00 น. สถานที่ : ลานด้านหลัง เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 Central ลดดุ ช้อปเดือด 2019 มหกรรมเซลครั้งใหญ่ของเครือเซ็นทรัล สินค้าจาก Central Department Store ทุกแผนกที่ยกขบวนมาเต็มฮอลล์ ลดสูงสุดถึง 80% และยังมีสินค้าซื้อ 1 แถม 1 สินค้าราคาพิเศษร่วมกับบัตรเครดิต และมีช่วงนาทีทองที่ลดแรงกว่าเดิมถึงวันละ 3 รอบ เวลา 13.00 / 16.00 และ 19.00 น.*   วัน เวลา : 27 พฤศจิกายน-1 ธันวาคม 2562 เวลา 10.00-21.00 น. สถานที่ : EH 102 ไบเทค บางนา    ONE STOP SHOPPING EXPO 2019 งานเดียวที่รวบรวมเอาไว้ 6 งานมาลดราคาสินค้าพร้อมๆ กัน ได้แก่ Furniture Expo, Home Electric Sale of the Year, Fashion Street Market, Wedding Expo, ตลาดน้ำ ตำนานอร่อย, Food Street Japan Yokocho   วัน เวลา : 30 พฤศจิกายน-8 ธันวาคม 2562 เวลา 10.30-21.00 น. สถานที่ : ฮอลล์ 9-11 อิมแพ็ค เมืองทองธานี    TGIF MARKET โ-ค-ต-ร SALE TGIF Market  ฉลองครบรอบปีที่ 5 ยกแบรนด์แฟชั่นจากโลกออนไลน์กว่า 220 แบรนด์และโปรส่วนลดสูงสุด 70 % เดินเพลินๆมีโซนอาหารให้อิ่มอร่อยไปด้วย พิเศษสำหรับ 100 คนแรกที่มาร่วมงาน รับไปเลย วอชเชอร์ฟรี 100 บาท   วัน เวลา : 29 พฤศจิกายน-1 ธันวาคม 2562 เวลา 11.00-21.00 น. สถานที่ : GMM Live House ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์    
รวมอีเว้นท์สัปดาห์ที่ 4 เดือนพฤศจิกายน 2562

รวมอีเว้นท์สัปดาห์ที่ 4 เดือนพฤศจิกายน 2562

เข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน มีหลากหลายอีเว้นท์ให้ได้เลือกไปเดินชม เดินช้อป เดินชิม สนุกไปกับงานอีเว้นท์ที่เราคัดสรรมาแนะนำกันทุกสัปดาห์ค่ะ   เกาะสวาทหาดทิพย์ Coke HaadThip ผู้ได้รับลิขสิทธิ์ ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม โคคา-โคลา ใน 14 จังหวัดภาคใต้ จัดงานครั้งใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ หน้าลานเซ็นทรัลเวิลด์ โดยภายในงานแบ่งเป็น 3 โซน ทั้งฟรีคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง ซุ้มเกมส์โดนๆ และหลากหลายร้านอาหารชื่อดังจากภาคใต้   วัน เวลา : 23-24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00-22.00 น. สถานที่ : Central World   Ocean Marina Pattaya Boat Show 2019 งานแสดงเรือ ไลฟ์สไตล์ และสันทนาการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยรูปแบบเต็นท์และผังงานแบบใหม่ที่จะเชิญชวนผู้คนให้เข้ามาเยี่ยมเยียนบูธอย่างคับคั่ง มีบูธสินค้ามากกว่า 100 บูธ มีเรือจากแบรนด์เรือยอชท์ชั้นนำของโลกมากมาย มีสินค้าและบริการต่างๆ เกี่ยวกับเรือ รวมถึงของเล่นและอุปกรณ์กีฬาทางน้ำต่างๆ และยังมีบูธจากรถยนต์และมอเตอร์ไซค์แบรนด์หรู โรงแรมและรีสอร์ทระดับ 5 ดาว ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ และที่พลาดไม่ได้คืออาหารและเครื่องดื่มที่คัดสรรมาอย่างดีใน Beer Garden ตลอด 4 วัน   วัน เวลา : 21-24 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : Ocean Marina Yacht Club Pattaya   Bangkok Hot Rod Custom Show 2019 งานที่รวมนักสร้างรถเบอร์หนึ่งของไทยไว้มากที่สุดของประเทศ กระทบไหล่คนดังของวงการคัสต้อมระดับโลกที่จะมาเป็นคณะกรรมการตัดสินการประกวด พร้อมกองทัพรถคัสต้อมไบค์ ฮอทรอท ที่มาจอดโชว์รวมกันในพี้นที่เฉพาะกิจ จากบิวท์เดอร์ทั่วประเทศ จากเหล่านักคัสต้อมทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นจากทั่วประเทศมารวมตัวกันมากที่สุด บัตรผ่านประตู 300 บาท ซื้อได้ที่หน้างาน พร้อมลุ้นรับ Honda Monkey125 Built by Triple 555 มูลค่ากว่า 180,000 บาท   วัน เวลา : 23-24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 16.00–00.00 น. สถานที่ : SHOW DC ARENA   Central Home Expo มหกรรมสินค้าเพื่อคนรักบ้านแห่งปี รวมไอเทมสำหรับบ้านไว้แบบครบครัน แถมมาในราคาลดสนั่น สูงสุดถึง 70% สินค้าซื้อ 1 แถม 1 และยังมีช่วงนาทีทองที่ลดหนักกว่าเดิม ทั้งเครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องนอน อุปกรณ์ห้องน้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย   วัน เวลา : 14-24 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : BCC Hall เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว   Sports world Expo 2019 มหกรรมลดราคาสินค้ากีฬา ยกขบวนหลากหลายแบรนด์กีฬาดังมาร่วมรายการอาทิ Adidas, Nike, Under Armour, Reebok, Asics, Skechers, Converse, Puma ฯลฯ อีกมากมาย ลดกระหน่ำสูงสุดถึง 70% สินค้า ซื้อ 1 แถม 1 และสินค้านาทีทอง ทุกวัน   วัน เวลา : 15-24 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : ฮอลล์ 8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี   แม็คโคร มหกรรมครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ ครั้งที่ 14 แม็คโคร จัดงาน “งานแม็คโคร มหกรรมครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ ครั้งที่ 14 : HoReCa #14” สำหรับผู้ที่หลงใหลการทำอาหารแบบเข้าเส้นและผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร ในหลากหลายมิติ เพื่อนำไปสร้างสรรค์และต่อยอดธุรกิจอาหาร จากวัตถุดิบคุณภาพปลอดภัย ภายในงานมีพันธมิตรทางธุรกิจของแม็คโคร ทั้งรายเล็ก รายกลาง รายใหญ่ ขนทัพสินค้ามาร่วมออกบูทจัดโปรโมชั่นแรง แซงทุกรายการ และกิจกรรมเวิร์คช็อป สร้างสรรค์ไอเดียล้ำทำได้จริง ต่อยอดธุรกิจให้รุ่งโรจน์ตลอดการจัดงาน   วัน เวลา : 21-24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00-19.00 น. สถานที่ : ฮอลล์ 6-7 อิมแพ็ค เมืองทองธานี   Bangkok Persian Carpet Exhibition 2019 ยลโฉมพรมเปอร์เซียของสะสมล้ำค่า กว่า 30 ผืน มูลค่ารวมกว่า 50 ล้านบาท ในธีม Persian Carpet and Your Lifestyle เนรมิตห้องต่างๆ ภายในบ้านให้กลายเป็นมุมโปรดด้วยการร้อยเรียงเรื่องราวของพรมเปอร์เซีย เข้ากับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวัน กว่า 30 ผืน ภายในงานยังเปิดจำหน่ายพรมเปอร์เซียหายากผืนสวยหลากแบบหลายสีให้กับนักสะสมทั้งรุ่นใหม่และ รุ่นเก๋าได้เลือกจับจองอีกด้วย   วัน เวลา : 17 ตุลาคม – 24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00 – 22.00 น. สถานที่ : ศูนย์การค้าริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก   รักเหมา Fest 2019 งานรวมตัวผู้รับเหมาและชาวก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการได้มาพบปะ รวมถึงบุคคลทั่วไปที่กำลังมองหาผู้รับเหมาหรือสินค้าวัสดุก่อสร้างอย่างครบครัน มีโซนพิเศษ “Business Connection” ที่เต็มไปด้วยเหล่าบรรดา ผู้รับเหมามากคุณภาพมากมาย ที่จะมาให้คำปรึกษา งานนี้เข้าชมฟรี! แต่สำหรับงานสัมมนาพิเศษที่เชิญ Speaker ผู้ที่มีผลงานด้านออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกต่างๆ มากมาย จะต้องเสียค่าบัตร 599 บาท   วัน เวลา : 22-23 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00-18.00 น. สถานที่ : แอร์พอร์ตลิ้ง มักกะสัน ซื้อบัตรที่ zipeventapp   Siam Paragon Luxury Property Showcase 2019 สยามพารากอนชวนผู้ที่กำลังมองหาที่พักอาศัยใจกลางกรุงเทพมหานคร หรือผู้ที่กำลังมองหาบ้านพักตากอากาศทำเลดีบนเกาะภูเก็ต กระบี่ และหัวหิน มาเลือกชมโครงการระดับมาสเตอร์พีซด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 2.69 ล้านบาท และราคาสูงสุด 191 ล้านบาท พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษ   วัน เวลา : 14-24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 11:00 - 21:00 น. สถานที่ : แฟชั่น ฮอลล์ และ แฟชั่น แกลเลอรี่ ชั้น 1 สยามพารากอน   Seize the Day Coffee Salon: จิบกาแฟเล่าเรื่องเมืองเจริญกรุง มาร่วมเรียนรู้ พูดคุยถึงประวัติศาสตร์การเกิดขึ้นของถนนเจริญกรุง ถนนลาดยางแบบตะวันตกสายแรกของประเทศไทย ที่มาพร้อมกับความเจริญรุ่งเรืองจากกลุ่มคนหลากหลายเชื้อชาติ มารู้จักและเข้าใจพื้นที่ต้นกำเนิดความเจริญของกรุงเทพฯ ที่เปรียบเสมือนย่านสร้างสรรค์แห่งแรกของสยามประเทศ กับวิทยากรผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและคุ้นเคยกับถนนเจริญกรุงเป็นอย่างดี งานนี้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย   วัน เวลา : 24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 14:00 - 17:00 น. สถานที่ : TCDC Bangkok   EastVille Little Dog Market รวมพลคนรักน้องหมา มาช้อปสินค้าของใช้ เครื่องประดับ สำหรับน้องสุนัข พร้อมบริการตรวจสุขภาพน้อง   วัน เวลา : 21-24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10:30 - 21:00 น. สถานที่ : ชั้น 1 CentralFestival EastVille    
รวมอีเว้นท์สัปดาห์ที่ 3 เดือนพฤศจิกายน 2562

รวมอีเว้นท์สัปดาห์ที่ 3 เดือนพฤศจิกายน 2562

สัปดาห์มีงานอีเว้นท์หลากหลายที่น่าสนใจมากทีเดียวค่ะ ไม่ว่าจะเป็นงานกาชาดที่ทุกคนรอคอย งานขายสินค้าลดราคา พร้อมโปรโมชั่น งานสำหรับการวางแผนลงทุนเพื่ออนาคต ฯลฯ วางแผนกันให้ดี เพราะแต่ละงานก็ต่างสถานที่ แล้วยังน่าสนใจไปหมดเลยค่ะ     งานกาชาดประจำปี 2562 มหกรรมงานรื่นเริงเพื่อการกุศลที่ทุกคนรอคอย ภายใต้แนวคิด "เย็นศิระเพราะพระบริบาล เกิดสายธารการให้ที่งดงาม" เต็มอิ่ม 10 วัน 10 คืน มีทั้งของกิน ของใช้ กิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย และปีนี้ยังยกร้านอาหารชื่อดังจาก 50 เขต ในกรุงเทพฯ มาให้ได้ชิมแบบไม่ซ้ำเมนูตลอดการจัดงาน โดยยังเชิญชวนพ่อค้าแม่ค้า และผู้ที่มาร่วมงาน งดใช้โฟม พลาสติก ขอความร่วมมือให้พกถุงผ้า และหิ้วกระบอกน้ำมาเองเพื่อลดปริมาณขยะ   วัน เวลา :  15 - 24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.30 -22.00 น. สถานที่ : สวนลุมพินี   งานสภาสถาปนิก’19 (ACT Forum’19) งานประชุมนานาชาติทางสถาปัตยกรรมและแสดงเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง งานเดียวในประเทศไทยที่มีการรวมกลุ่มสถาปนิกครบทุกสาขา มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ก่อสร้างล่าสุดได้นำมาร่วมจัดแสดงให้ได้ชมกันอย่างหลากหลาย รวมถึงนวัตกรรมใหม่ที่ยังไม่เคยเปิดตัวที่ไหนมาก่อน รวมกว่า 500 รายจาก 30 ประเทศทั่วโลก และมีการสัมมนา เสวนา และประชุมเชิงวิชาการทางสถาปัตยกรรม รวมกว่า 30 หัวข้อ   วัน เวลา : 14 - 17 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : IMPACT Challenger เมืองทองธานี   “LHONG 1919 Awakening Bangkok 2019” ออกไปล่าแสงสวย ไหว้เทพเจ้ารับทรัพย์ LHONG 1919 (ล้ง 1919) ร่วมกับ Time Out Bangkok (ไทม์เอาท์แบงค็อก) ชวนคนรักการถ่ายภาพมาลั่นชัตเตอร์รัวๆ เก็บโมเม้นท์สวยๆ กับเทศกาลแสงสีและสื่อผสม ตื่นตากับเทคนิคการจัดแสงไฟ พร้อมเสพศิลป์ความสวยงามของสถาปัตยกรรมจีนไว้ได้อย่างลงตัว ไฮไลท์ของงานนี้อยู่ที่ภาพและเสียง ตลอดทางที่เดินชม ฟิลเหมือนพาเรานั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปอยู่ในช่วงการเดินทางด้วยเรือ เพื่อมาค้าขายของชาวจีนในสมัยก่อน   วัน เวลา :  9 - 24 พฤศจิกายน 2562  เวลา 18.30 – 22.00 น. สถานที่ : ล้ง 1919   Homepro Expo ครั้งที่ 30 โฮมโปร จัดงานครั้งใหญ่ประจำปี ขนสินค้าวัสดุ เฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน มาลดราคาลดสูงสุด 70% WEEKDAY STAR ช้อปวันจันทร์ – ศุกร์ ลดเพิ่ม 15% และฟินรับลมหนาว กับมหกรรมเครื่องทำน้ำอุ่น ลดสูงสุดถึง 30% ติดตั้งฟรี!! ทุกรุ่น ทุกแบรนด์ พร้อมกระหน่ำความพิเศษ!! ช้อปเครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวี ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศในงาน ลด+รับเพิ่มสูงสุด 35% และยังมีสิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกอีกมากมาย   วัน เวลา :  15 - 24 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : IMPACT Challenger เมืองทองธานี K Village Yard Sale #2 งานเปิดท้ายขายของมือสอง ของสะสม บอกเลยว่างานนี้เหล่าเซเลบริตี้ เตรียมโล๊ะตู้ ขนเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า มาปล่อยเพียบบบ! แถมอิ่มอร่อยกับร้านอาหารเก๋ๆ พร้อมนั่งชิลล์ๆ ฟังเพลงเพลินๆ จาก Live Band   วัน เวลา :  16 - 17 พฤศจิกายน 2562  11:00 - 20:00 น. สถานที่ : K VILLAGE สุขุมวิท 26   SET in the City 2019 : มหกรรมการลงทุนแห่งปี งานมหกรรมการลงทุนแห่งปี SET in the City 2019 รวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมตลาดทุนแห่งอนาคต เครื่องมือ สินค้า และบริการต่างๆ ผู้ลงทุนสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆมากมายมาย อาทิ กิจกรรมวางแผนทางการเงิน และ Workshops พร้อมสัมมนาพิเศษเกี่ยวการลงทุน   วัน เวลา : 14 - 17 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : รอยัลพารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน   Bricklive 2019 งานสัปดาห์เลโก้แห่งชาติ มหกรรมเลโก้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เตรียมนำตัวต่อเลโก้กว่าล้านชิ้น รวมถึงเซ็ตเลโก้สะสมหายาก และโซนกิจกรรมหลากหลาย มาสร้างความบันเทิงเชิงสร้างสรรค์ให้กับชาวไทยอีกครั้ง เป็นปีที่ 2 พร้อมธีมใหม่สุดพิเศษสำหรับแฟนๆ สตาร์ วอร์ส ด้วยโซนเลโก้สตาร์ วอร์ส (LEGO Star Wars) ที่ให้แฟนๆ สนุกแบบจัดเต็มสร้างสรรค์ยานอวกาศในแบบของคุณเอง รวมไปถึงจัดแสดงเซ็ตตัวต่อหายากจากคอลเลคชั่นภาพยนตร์ ฉากตื่นตาที่จะให้แฟนๆ ได้ถ่ายรูปไปในแอ็คชั่นแบบนักรบอวกาศ พร้อมสร้างสีสันด้วยกิจกรรมขบวนพาเหรดเหล่าตัวละครสุดแฟนตาซี และกิจกรรมอีกมากมาย   วัน เวลา :  14 - 17 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : ทรู ไอคอน ฮอลล์ ชั้น 7 ICOANSIAM ซื้อบัตรเข้างานได้ที่ www.thaiticketmajor.com ราคา 500 บาท      
คอนโด สิงคโปร์ ราคาเท่าไร ซื้อ-ขายกันอย่างไร

คอนโด สิงคโปร์ ราคาเท่าไร ซื้อ-ขายกันอย่างไร

หลายครั้งที่ Reviewyourliving มักจะเล่าถึงคอนโดมิเนียมหลายๆ โครงการในบ้านเรามาให้ชมกัน แต่สำหรับบทความนี้ เราจะมาเล่าถึงคอนโดมิเนียมของประเทศสิงคโปร์ จากมุมมองของชาวสิงคโปร์เองดูกันบ้างค่ะ จะมีอะไรน่าสนใจ แตกต่างจากบ้านเราอย่างไร ต้องมาดูกันค่ะ   ประเทศสิงคโปร์มีขนาดพื้นที่ประมาณ 721.5 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าเกาะภูเก็ตในบ้านเราเล็กน้อย ซึ่งขยายจากเดิมด้วยการถมทะเลออกไปทางใต้ ตะวันออก และตะวันตก ขณะที่จำนวนประชากรมีกว่า 5.5 ล้านคน จึงถือว่ามีความหนาแน่นสูงที่สุดในโลกเป็นอันดับ 2 เลยทีเดียว แต่อย่าลืมว่าที่นี่ไม่มีคนเร่ร่อนอยู่เลยนะคะ แล้วแบบนี้รัฐบาลมีวิธีจัดการที่อยู่อาศัยให้รองรับประชาชนทุกคนได้อย่างไร ซึ่งเราก็ได้คำตอบจากการพูดคุยกับคนสิงคโปร์มาฝากกันค่ะ    80% ของคนสิงคโปร์ จะอาศัยอยู่ในการเคหะของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นที่อยู่อาศัยเริ่มต้นที่มีราคาถูกที่สุด แต่จะอยู่ในทำเลชานเมืองเสียส่วนใหญ่ ซึ่งมีสิทธิ์ครอบครอง 99 ปี 999 ปี และตลอดชีวิต แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่รัฐบาลต้องการพื้นที่ก็ต้องขายคืน แต่ก็จะซื้อคืนด้วยราคาตลาด โดยราคาในปัจจุบันถ้า 2 ห้องนอน ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 60,000 เหรียญ    เมื่อเวลาผ่านไปคอนโดของการเคหะเริ่มเก่าแล้ว รัฐบาลก็จะไม่ปล่อยให้ทรุดโทรม โดยใช้วิธีสร้างแห่งใหม่ขึ้นมาแล้วซื้อที่เดิมคืน เพื่อให้คนย้ายเข้าไปอยู่อาศัยในแห่งใหม่ ถือเป็นการดูแลคุณภาพชีวิตประชาชนได้ดีทีเดียว   จากการอยู่อาศัยในการเคหะ หากต้องการขยับขยายก็ต้องเก็บเงินไปซื้อคอนโดของเอกชนต่อไป เพราะการกู้ซื้อที่อยู่อาศัยจะมีลักษณะแบบเดียวกันกับในประเทศไทยค่ะ คือการกู้กับธนาคาร แต่จะไม่มีการปล่อยกู้ 100% ฉะนั้นต้องมีการวางเงินดาวน์ในส่วนที่เหลือ โดยทางธนาคารจะมีเกณฑ์การพิจารณาจากอาชีพ รายได้ อายุ    เมื่อพูดถึงการเลือกซื้อคอนโดสักยูนิต คนสิงคโปร์จะเลือกพิจารณาจากราคาและทำเล โดยคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองในทำเลที่แพงที่สุด คือย่าน Orchard ราคาประมาณ 4 ล้านเหรียญ ขนาด 3 ห้องนอน และได้สิทธิ์แบบ Freehold แต่ถ้าเป็นสิทธิ์ Leasehold 99 ปี ราคาก็จะลดลงมา เหลือประมาณ 1.5 ล้านเหรียญ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละโครงการ ส่วนทำเลที่ร์นิยมอยู่อาศัยกันมากที่สุด เมื่อก่อนจะนิยมอยู่ในย่าน Bishan หรือ Ang Mo kio เพราะถือเป็นพื้นที่ตรงกลางของประเทศ อยู่ใกล้กับใจกลางเมือง แต่ปัจจุบันก็กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ด้วย  เช่น Buangkok, Sengkang      สิ่งที่น่าสนใจมากอย่างหนึ่งคือเรื่องของขนาดยูนิตค่ะ เพราะอย่างที่เล่าไปตอนต้นว่าประเทศสิงคโปร์มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด แต่ขนาดยูนิตในคอนโดก็ไม่ได้เล็กตามเลยนะคะ เพราะห้องสตูดิโอจะมีขนาด 30 ตร.ม. ขึ้นไป ขณะที่ยูนิตไซส์ประมาณ 60 ตร.ม. จะเป็นหนึ่งห้องนอน ขณะที่พื้นที่ประมาณ 70 ตร.ม. จะเป็นสองห้องนอน โดยสมัยก่อนทั้งโครงการ จะมี 200-300 ยูนิต  แต่ปัจจุบันโครงการรุ่นใหม่ทำออกมาประมาณ 500 ยูนิต เพราะขนาดห้องเล็กลง     “ที่สิงคโปร์สมัยก่อนห้องสตูดิโอมีขนาด 40-60 ตร.ม. แต่ทุกวันนี้เหลือแค่ 30 กว่าตร.ม. หรือที่เรียกกันว่า Shoebox Condominium”    ชาวสิงคโปร์เรียกห้องสตูดิโอ ไซส์ประมาณ 30 ตร.ม.ว่า Shoebox Condominium แค่ฟังชื่อก็สะท้อนให้เห็นแล้วใช่ไหมคะ ว่าคนสิงคโปร์แม้ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมบนคอนโด แต่ไซส์ห้องที่เพียงพอต่อความต้องการจริงๆ นั้น ต้องมีความกว้างอยู่พอสมควร หากลองเทียบกับในเมืองไทยที่ปัจจุบันมีขนาดเริ่มต้นให้เราเห็นกันที่ 22 ตร.ม. เท่านั้น  หลักเกณฑ์ของรัฐบาลสิงคโปร์ต่อการดูแลที่อยู่อาศัย อ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็อาจจะเกิดความคิดว่า แบบนี้ก็ซื้อคอนโดของการเคหะไปเลยจะดีกว่าไหม? เพราะทั้งราคาถูกกว่า ขนาดยูนิตกว้างกว่า การเดินทางก็สะดวกสบายอยู่แล้วด้วย แต่ในเรื่องของการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ รัฐบาลก็มีการกำหนดเงื่อนไขอื่นๆ ตามมาอีก โดยดูจากเกณฑ์รายได้ เช่น ถ้ามีเงินเดือนเกิน 13,500 เหรียญ หรือเป็นคนโสดอายุ 35 ปีขึ้นไป ก็ไม่สามารถซื้อคอนโดของการเคหะได้แล้วนะคะ จะต้องไปซื้อคอนโดมิเนียมของเอกชน แต่ถ้ามีครอบครัวแล้วจะดูรายได้ครอบครัวเป็นหลัก ถ้ารวมกันแล้วมากกว่า 7,000 เหรียญ ก็จะซื้อห้องขนาด 3-4 ห้องนอนขึ้นไป เป็นต้น  เห็นถึงการจัดเรื่องที่อยู่อาศัยแบบนี้แล้ว ก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นเลยนะคะ เพราะปัจจุบันสังคมผู้สูงอายุก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาขึ้นได้ในอนาคตคล้ายกับในประเทศญี่ปุ่น เพื่อป้องกันการเกิดปัญหา รัฐบาลก็เตรียมวิธีรับมือกับปัญหานี้อยู่หลายทาง อย่างการสร้างที่อยู่อาศัยของการเคหะในทำเลที่เข้ามาในเมืองมากขึ้น เช่น ย่านไชน่าทาวน์ ด้วยเหตุผลที่คนรุ่นใหม่มักจะนิยมซื้อคอนโดทำเลในเมืองมากขึ้น จนในอนาคตทำเลของการเคหะในเขตเดิมอาจกลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุ ฉะนั้นซื้อคอนโดของการเคหะรุ่นใหม่ๆ จึงมีจุดประสงค์ในการทำให้คนรุ่นใหม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับครอบครัวเดิมด้วย ไม่จำเป็นต้องเข้าเมืองเพียงอย่างเดียว     อีกเรื่องที่สำคัญมากไม่แพ้กัน คือ รายได้ของผู้สูงอายุไม่เพียงพอหลังจากเกษียณ จึงได้มีมาตรการที่สามารถขายสิทธิ์ที่อยู่อาศัย Leasehold ของตัวเองได้สำหรับปีสัญญาที่เหลือ เช่น หลังจากเกษียณแล้วเหลือสัญญาอีก 30 ปี แล้วขายให้รัฐบาลไป 10 ปี ก็จะได้เงินจำนวนนี้มาใช้หลังเกษียณ และหากมีชีวิตอยู่ต่อ ไม่ถึง 20 ปี สิทธิ์ที่เหลือ รัฐบาลก็จะจ่ายเงินให้กับลูกหลาน แต่ลูกหลานจะไม่ได้สิทธิ์อยู่ต่อตามสัญญาที่เหลือ      เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับวิถีของคนคอนโดในประเทศสิงคโปร์ ทั้งในแง่ของขนาดยูนิตและการบริหารจัดการจากทางรัฐบาลน่าสนใจมากทีเดียวใช่ไหมคะ น่าเอามาปรับใช้ในบ้านเราอยู่หลายอย่างเลย สุดท้ายโอกาสหน้าเราจะนำข้อมูลดีๆ มาเล่าให้กันฟังอีกนะคะ 
สำรวจคอนโดตระกูล Life ย่านพระราม 9 

สำรวจคอนโดตระกูล Life ย่านพระราม 9 

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ถ้าพูดถึงทำเลที่สุดแสนจะร้อนแรง จน Developer ค่ายใหญ่ต่างพร้อมใจกันกระโดดลงไปเล่นช่วงชิงตลาดกันให้คึกโครมจนเกิดนิยามใหม่ขึ้นมาสำหรับย่านนี้โดยเฉพาะนั่นคือ NEW CBD แน่นอนว่าเรากำลังเอ่ยถึงย่านพระราม 9 โดยเฉพาะช่วงสี่แยกพระราม 9    ศักยภาพของทำเลที่ได้ขึ้นชื่อกันว่าเป็น New CBD แน่นอนว่าต้องมีความสมบูรณ์ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการเป็นแหล่งงานของหลายบริษัทชั้นนำบนอาคารออฟฟิศเกรดเอ ศูนย์การค้า ไฮเปอร์มาร์เกต สถานที่สำคัญอื่นๆ เช่น สถานฑูต เป็นต้น และเรื่องของการเดินทางไม่ว่าจะด้วยรถยนต์ส่วนตัว หรือระบบขนส่งสาธารณะจะต้องสามารถเข้าถึงได้ง่าย ภาพรวมก็คือย่านที่เป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจ    ทุกวันนี้ถ้าผ่านไปแถวสี่แยกพระราม 9 ไม่ว่าจะบนถนนหรือทางด่วนก็จะเห็นคอนโดหลายๆ โครงการก่อสร้างขึ้นเป็นรูปเป็นร่างให้เราได้เห็นกันจนแทบแยกไม่ออกว่า อาคารไหนคือโครงการอะไร เพราะความที่ใกล้กันมากเหลือเกินค่ะ ซึ่งคอนโดแบรนด์ที่เราจะพามาอัพเดทกันมีความน่าสนใจมากค่ะ เพราะในโซนใกล้เคียงกัน AP (Thailand) ยกมาถึง 3 โครงการด้วยกัน นั่นคือ Life แบรนด์ที่ถูกปลุกขึ้นมาใหม่ให้ดียิ่งกว่าที่เคย หากใครที่ลองติดตามแบรนด์ Life ก็จะเห็นการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ นี่ยังไม่นับแบรนด์ RHYTHM อีก 2 โครงการในละแวกเดียวกันนะคะ แสดงว่าทาง AP (Thailand) รวมถึงค่ายอื่น ก็ต้องมั่นใจในศักยภาพของทำเลนี้มาก ถึงได้กลายเป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีการแข่งขันกันดุเดือดตั้งแต่ช่วงเริ่มเปิดโครงการ และเชื่อว่าตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปที่จะเริ่มมีการโอนกรรมสิทธิ์ในโครงการใหม่ๆ ก็จะยิ่งมีโปรโมชั่นออกมาอย่างน่าสนใจ        Life Asoke-Rama 9  ถ้าเราใช้รถไฟฟ้าใต้ดินมาขึ้นที่สถานีพระราม 9 แล้วเดินข้ามสี่แยกพระราม 9 มาจากฝั่งฟอร์จูนทาวน์ ประมาณ 300 เมตร ก็จะพบกับ Life Asoke-Rama 9 ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปี 2560 เป็น High-Rise 2 อาคาร สูง 42 กับ 45 ชั้น รวม 2,248 ยูนิต Studio-2 Bedroom ขนาด 25 – 58 ตร.ม. พื้นที่โครงการ 8-3-11 ไร่ ขายแบบ Fully Fitted โดยการวางผังยูนิตของ Life Asoke-Rama 9 จะใช้เทคนิค New Interlocked Layout ทำให้ได้ห้องหน้ากว้างมากขึ้นถึง 5-7 เมตร เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานที่เป็นสัดส่วนมากขึ้น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ และได้ห้องครัวปิด        โครงการนี้โดดเด่นตรงที่พื้นที่ส่วนกลางบน Rooftop รวมกว่า 1.5 ไร่ เป็นสะพาน Sky Bridge เชื่อมต่อระหว่างสองอาคาร ยังไม่รวมส่วนกลางชั้นอื่นๆ ซึ่งถ้ารวมกันทั้งโครงการแล้วก็จะมีพื้นที่ส่วนกลางถึง 7.5 ไร่เลยทีเดียว ส่วน Facilities อื่นๆ ที่น่าสนใจก็จะมี 24-HOUR CONNECTED WORLD สามารถเชื่อมต่อ Wi-fi ในพื้นที่ส่วนกลางทุกจุด รองรับกับพื้นที่ Co-working Space ที่ถูกแบ่งตามการใช้งานจริงไม่ว่าจะทำงานคนเดียวหรือมีการนัดประชุม   ราคาเริ่มต้นช่วงเปิดตัวโปรโหมดกันอยู่ที่ 2.75 ล้านบาท ซึ่งมีข่าวออกมาว่าสามารถปิดยอดขายได้ประมาณ 90% ไปได้พร้อมๆ กับตัว Life One Wireless กับ Life Ladprao ที่เปิดตัวในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้ส่งผลไม่น้อยกับให้ยอดขายรวมในปี 2560 ของ AP (Thailand) ทำสถิติเติบโต 85% ทะลุเป้าถล่มทลาย โดยปัจจุบันซื้อ-ขายกันที่ราคาเริ่มต้นประมาณ 2.8 ล้านบาทขึ้นไป และจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์กันในปีหน้า ซึ่งใกล้จะ Sold Out เต็มที      Life Asoke Hype  ตัวนี้เปิดตัวพร้อมๆ กันกับ Life Ladprao Valley ซึ่งออกตัวมาว่าถ้าซื้อเพื่อลงทุนจะคุ้มค่าแค่นอน ด้วยผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าประมาณ 5 – 6% ประกอบกับทำเลย่านนี้ก็มีชาวเอเชียมาอาศัยอยู่ไม่น้อย เช่น จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น โดย Life Asoke Hype เรียกได้ว่าเป็นรุ่นน้องของ Life Asoke-Rama 9 เพราะที่ดินใกล้เคียงกันมาก ใช้ทางเข้า-ออกเดียวกันตรงฝั่งถ.อโศก-ดินแดง แต่ตัวนี้จะสามารถเข้า-ออกทางฝั่งถ.จตุรทิศ เป็นหลักได้ด้วย      Life Asoke Hype เป็น High Rise สูง 40 ชั้น 1,253 ยูนิต+4 Shop Studio-2 Bedroom ขนาด 25.5-64 ตร.ม. บนพื้นที่ 5-0-10 ไร่ และมี Layout แบบใหม่จาก AP มาลงโครงการนี้ที่แรก โดยโครงการนี้จะโดดเด่นด้านงานดีไซน์ ที่ออกแบบด้วยการใช้สีแดงเข้มมาแต่งแต้มเพิ่มมิติให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แบบที่ถ้าอาคารสร้างเสร็จ มองมาปุ๊บก็รู้ทันที่ว่านี่คือ Life Asoke Hype ประกอบกับวัสดุตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ที่สั่งทำ Custom Made พิเศษขึ้นมาทำให้ มีความ Unique โดดเด่นไม่เหมือนใคร ตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเป็นตัวของตัวเอง ขณะที่ Facilities เองก็ยังคงตอบรับกับกลุ่มคนยุคใหม่เช่นเดียวกัน อย่างการมีปลั๊กไฟอยู่ให้ทุกจุดที่นั่ง พร้อมฟรี Wifi ส่วนสระว่ายน้ำก็มีมาให้ถึง 2 สระ ที่ชั้น 7 ยาว 30 เมตร ชั้น 40 L-Shape Sky Pool และฟิตเนสถึง 2 ชั้น  บนชั้น Roof Top เชื่อมด้วยสะพานพื้นกระจกใส เรียกได้ว่าพัฒนาให้ดูทันสมัย ตอบโจทย์การใช้งานจริงมากขึ้น      ราคาเปิดตัว 2.89 ล้านบาท ปัจจุบันราคาเริ่มต้น 1 Bedroom ราคา 3.99 ล้าน กำหนดสร้างเสร็จประมาณปี 2564       Life Asoke โครงการนี้จะอยู่ห่างจากสี่แยกพระราม 9 ออกมาสักหน่อยค่ะ แต่จะอยู่ติดกับแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีมักกะสัน โดยมีสะพานเชื่อมเดินเข้าสถานีได้เลย และยังเป็นจุด Interchang กับ MRT เพชรบุรี รวมถึงใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัช ด่านอโศก Life Asoke จึงถือว่ามีความโดดเด่นในด้านของทำเลการเดินทางอย่างมาก            Life Asoke คอนโดมิเนียม High Rise 35 ชั้น 1,642 ยูนิต Studio-2 Bedroom ขนาด 24–54 ตร.ม. บนพื้นที่ 6-2-85 ไร่ แม้ปัจจุบันจะ Sold Out เรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยทำเลทำให้กลายเป็นคอนโดที่ปล่อยเช่าต่างชาติได้ค่อนข้างดีทีเดียว ราคารีเซลที่ตามหากันได้ตอนนี้จะเริ่มต้นประมาณ 4.6 ล้านาท            
30 สวนสาธารณะ ลอยกระทง 62

30 สวนสาธารณะ ลอยกระทง 62

กรุงเทพมหานคร โดยสำนักสิ่งแวดล้อม กำหนดเปิดสวนสาธารณะ 30 แห่ง เพื่อให้ประชาชนพาครอบครัวเข้าไปลอยกระทง ได้แก่ 1. สวนลุมพินี เขตปทุมวัน 2. สวนจตุจักร เขตจตุจักร 3. สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เขตจตุจักร 4. สวนพระนคร เขตลาดกระบัง 5. สวน 60 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง 6. สวนสราญรมย์ เขตพระนคร 7. สวนรมณีนาถ เขตพระนคร 8. สวนสันติชัยปราการ เขตพระนคร 9. สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ 10. สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม 11. สวนนวมินทร์ภิรมย์ เขตบึงกุ่ม 12. สวนหนองจอก เขตหนองจอก 13. อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย 14. สวนน้ำบึงกระเทียม เขตมีนบุรี 15. สวนพระยาภิรมย์ เขตมีนบุรี 16. สวนวารีภิรมย์ เขตคลองสามวา 17. สวนราษฎร์ภิรมย์ เขตหนองจอก 18. สวนเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา (ฝั่งพระนคร) เขตบางคอแหลม 19. สวนสันติภาพ เขตราชเทวี 20. สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน 21. สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง 22. สวน 50 พรรษา มหาจักรีสิรินธร เขตประเวศ 23. สวนวนธรรม เขตประเวศ 24. สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา 25. สวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด 26. สวนสาธารณะบึงน้ำลาดพร้าว 71 เขตลาดพร้าว 27. สวนสิรินธราพฤกษาพรรณ เขตบางกอกน้อย 28. สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขตบางกอกน้อย 29. สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขตสาทร 30. สวนบางแคภิรมย์ เขตบางแค *ส่วนสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และสวนหลวง ร.9 ไม่เปิดให้ประชาชนไปลอยกระทง   เพื่อความปลอดภัย ห้ามจุด ปล่อย และจำน่ายโคมลอย บั้งไฟ โคมไฟ โคมควัน ประทัด พลุ รวมถึงกระทง สินค้า อาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ ภายในสวนสาธารณะอย่างเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
รวมอีเว้นท์สัปดาห์ที่ 2 เดือนพฤศจิกายน 2562

รวมอีเว้นท์สัปดาห์ที่ 2 เดือนพฤศจิกายน 2562

สัปดาห์นี้หลายคนต่างก็รอคอยอีกหนึ่งเทศกาลที่เป็นหนึ่งในประเพณีประจำปี นั่นคือ ลอยกระทง ซึ่งปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562 แต่สำหรับหลายๆ สถานที่จัดงานก็จะเริ่มจัดกันตั้งแต่วันเสาร์ ที่ 9 พฤศจิกายน และไม่ได้มีเพียงแต่งานลอยกระทงเท่านั้นนะคะ ถ้าช่วงกลางวันยังว่างอยู่ ก็ลองหาอีเว้นท์อื่นๆ ไปเดินเล่นก่อนจะไปงานลอยกระทงก็ดูไม่เลวนะคะ   River Festival Thailand 2019 River Festival Thailand 2019 เทศกาลสายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย ครั้งที่ 5 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เสียงสุขแห่งสายน้ำ” งานนี้มีปีละหนที่ชวนคุณร่วมแต่งกายย้อนวันวาน แล้วมาทำบุญไหว้พระ ลอยประทีปบูชาสร้างสิริมงคลในยามค่ำคืนพร้อมกิจกรรมบันเทิง ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรม เพลิดเพลินกับดนตรี ดื่มด่ำกับบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน อิ่มอร่อยไปกับตลาดอาหารและขนมไทย   วัน เวลา :  9-11 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ท่ามหาราช ยอดพิมาน ริเวอร์วอล์ค ล้ง 1919 เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ สุขสยาม ณ ไอคอนสยาม วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร   เทศกาลสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง ปี 2562 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง และอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยในงาน "เทศกาลสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง" มีกิจกรรมมากมาย อาทิ ม่านน้ำนิรมิต น้ำพุมัลติมีเดีย บนแม่น้ำเจ้าพระยา, ขบวนแห่ทางวัฒนธรรม “นบบูชาศรัทธา คงคามหานที”, การแสดงดอกไม้ไฟโบราณที่หาชมยาก, การแสดงจากศิลปินชั้นนำ อาทิ ไข่มุก รุ่งรัตน์ ไอซ์ ศรัญญู เก่ง ธชย และ กัน ณภัทร ฯลฯ   วัน เวลา :  9–11 พฤศจิกายน 2562 16.00 - 24.00 น. สถานที่ : สวนสันติชัยปราการ กรุงเทพฯ     เทศกาลลอยกระทงสี วัดไทรฯ 62 ร่วมลอยกระทงสี ทำมาจากกระดาษสี ตัด พับ จับมุม กลับด้าน ยกกลีบ กลายเป็นกระทงสีสันสวยงาม เรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังย่อยสลายง่าย โดยภูมิปัญญาชาวมอญลุ่มแม่น้ำแม่กลอง ที่สืบสานตามดำริของหลวงพ่ออุตตมะ แห่งวัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมในงาน อาทิ จุดประทีปรอบโบสถ์ ตามประทีปรอบวิหาร ปิดทองรอยพระบาท บูชาพระสารีริกธาตุจำลอง ร่วมพิธีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ นมัสการพระอุปคุต   วัน เวลา :  9-11 พฤศจิกายน 2562  17.30 - 22.00 น. สถานที่ : วัดไทรอารีรักษ์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี     งานสีฐานเฟสติวัล บุญสมมาบูชานาค จังหวัดขอนแก่น  งานบุญประเพณีลอยกระทง และงานเฟสติวัลที่รวบรวมความสนุกไว้มากมาย ทั้ง Creative Walking Street, การแสดงกระทงไฟและเรือไฟลอยน้ำ, การประกวดวงดนตรีลูกทุ่ง, การประกวดวงโปงลางอีสาน ฟ้อนลำแคนคอนเทสต์, การประกวดนางนพมาศ, การเสวนาวิชาการ, การประกวดขบวนแห่ และกิจกรรมของนักศึกษา    วัน เวลา :  9-11 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : บึงสีฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น     งานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ประจำปี 2562 งานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย มีชื่อเสียงโด่งดังมายาวนาน และดังไกลไปทั่วโลก ปีนี้ นอกจากจะได้รับชม ความสวยงามตระการตราของฉากการแสดงที่ยิ่งใหญ่ และนักแสดงมืออาชีพกว่า 300 ชีวิต ยังมีการนำเทคโนโลยี Projection Mapping กับโบราณสถานประกอบการแสดง ซึ่งจะทำให้การแสดงแสงเสียงในปีนี้มีความพิเศษ และสวยงามตระการตา มากยิ่งขึ้น และภายในยังมีการคัดสรรอาหารดังขึ้นชื่อของจังหวัด การแสดงของท้องถิ่นสุโขทัย การบรรเลงดนตรีไทย ฯลฯ   วัน เวลา :  2-11 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : ลานหน้าวัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย ซื้อบัตรที่ ThaiticketMajor ทุกสาขา     เทศกาลโคมยี่เป็ง เชียงใหม่ ครั้งที่ 25  เทศกาลโคมยี่เป็ง เชียงใหม่ ครั้งที่ 25 ยิ่งใหญ่ที่สุด ใจกลางย่านไนท์บาซ่าร์ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกิจกรรมมากมาย อาทิ กิจกรรมการประกวดเทพบุตร เทพธิดา โคมยี่เป็ง ณ โครงการตลาดอนุสาร, การประกวดขบวนแห่ โคมยี่เป็งและการแสดงนาฎศิลป์ล้านนา สุดอลังการภายใต้แนวคิด “ตามประทีปโคมไฟ ในงานบุญตั้งธรรมหลวง”, การเทศน์มหาชาติ และจำลองเขาวงกต พร้อมการแสดงนิทรรศการโคมยี่เป็ง ณ วัดศรีดอนไชย   วัน เวลา : 9-12 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : ไนท์บาซ่าร์ จังหวัดเชียงใหม่     งานประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม  งานประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม "ลอยกระทงกาบกล้วย เมืองแม่กลอง ตามครรลองวิถีพอเพียง ปลอดภัยไร้ซึ่งแอลกอฮอล์ ประจำปี ๒๕๖๒" มีกิจกรรมมากมาย อาทิ ประกวดกระทงกาบกล้วยพอเพียง,ลอยกระทงกาบกล้วย 200,000 ใบ, ชมเรือไฟประดับและร่วมลอยกระทงกาบกล้วย, ประกวดนางนพมาศแม่ลูกชิงถ้วยรางวัล เป็นต้น   วัน เวลา สถานที่ :  10 - 11 พฤศจิกายน 2562 ณ อุทยาน ร.๒ 11 พฤศจิกายน 2562 ณ วัดภุมรินทร์กุฎีทอง     งานประเพณีลอยกระทงพัทยาประจำปี 2562  เมืองพัทยาได้ดำเนินการจัดสถานที่จัดงานไว้ 3 แห่ง 3 กิจกรรมด้วยกัน คือ สวนสาธารณะลานโพธิ์นาเกลือ จัดให้มีกิจกรรมการประกวดประดิษฐ์กระทงจากวัสดุธรรมชาติ ชิงเงินรางวัลกว่าแสนบาท, ลานเอนกประสงค์ พัทยากลาง มีกิจกรรมการประกวดหนูน้อยนพมาศและการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย, ลานกีฬาชายหาด จอมเทียน จัดให้มีกิจกรรมการประดิษฐ์กระทงจากวัสดุธรรมชาติด้วยตนเอง ซึ่งแต่ละเวทียังมีคอนเสิร์ตจากศิลปินดังมาร่วมสร้างสีสันให้กับงานอีกด้วย และนักท่องเที่ยว หรือผู้สนใจ ร่วมประดิษฐ์กระทงจากวัสดุธรรมชาติด้วยตนเอง โดยเมืองพัทยาจะเป็นผู้จัดเตรียมอุปกรณ์ให้   วัน เวลา : 11 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : ลานกิจกรรม ชายหาดพัทยากลาง, ลานกิจกรรม ชายหาดจอมเทียน, สวนสาธารณะลานโพธิ์นาเกลือ     One Shot Knockout River Festival 2019  ขอเชิญผู้ที่สนใจและรักในการถ่ายภาพ สมัครเข้าร่วมกิจกรรมแข่งขันประกวดถ่ายภาพ "ONE SHOT KNOCKOUT RIVER FESTIVAL 2019" ชิงรางวัลมูลค่า 46,000 บาท ซึ่งเป็นหนึ่งของงาน "River Festival 2019 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย" ครั้งที่ 5 ที่จัดขึ้นโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทั้งนี้การแข่งขันจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2562 ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล 20,000 บาท   วัน เวลา : 10 พฤศจิกายน 2562 06:30-16:00 น. สถานที่ : โรงเรียนโฆสิตสโมสร วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เปิดลงทะเบียน : วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562 เวลา 20:00 น. ทางเว็บไซต์สมาคมฯ : www.rpst.or.th     มหกรรมนิยายนานาชาติ ครั้งที่ 1  งานบุ๊คแฟร์ที่รวบรวมหนังสือนิยายเอาไว้มากที่สุด เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศรูปแบบใหม่ที่จะพาคุณหลุดเข้าไปในโลกซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายเรื่องโปรด พร้อมโปรโมชั่น พรีเมี่ยมสุดเอ็กคลูซีฟ และกิจกรรมมากมายภายในงาน   วัน เวลา : 9-17 พฤศจิกายน 2562  10.00 - 22.00 น. สถานที่ : มิตรทาวน์ ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์     งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 53 งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 53 : โดนใจคนชอบ Cool พบโปรโมชั่นพิเศษให้ผู้รักการท่องเที่ยวได้เลือกซื้อและชมจุใจ ทั้งแพ็คเกจทัวร์ โรงแรม รีสอร์ สายการบิน สปา รถเช่า เรือท่องเที่ยว อุปกรณ์เดินทาง และท่องเที่ยวครบครันมากมาย   วัน เวลา :  7-10 พฤศจิกายน 2562 10.00 - 21.00 น. สถานที่ : ฮอลล์ 7-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี   กินดี อยู่ดี by ชีวจิต งานเดียว จัดเต็มกว่า 200 บูธ สินค้าสุขภาพ สินค้าออร์แกนิค สินค้าโฮมเมด ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เครื่องนอน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องออกกำลังกาย ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุ ผลิตภัณฑ์ความงาม อาหารเสริม อิ่มอร่อยกับอาหารหลากหลาย   วัน เวลา : 7-10 พฤศจิกายน 2562 10.00 – 20.00 น. สถานที่ : ฮอลล์ 5 อิมแพ็ค เมืองทองธานี      
รวมอีเว้นท์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2562

รวมอีเว้นท์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2562

เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ แม้จะสัมผัสอากาศดีๆ ได้บ้างเฉพาะช่วงเวลากลางคืน แต่ก็เป็นเวลาที่เหมาะมากกับการหาอีเว้นท์ดีๆ สักงานไปเดินเล่นทอดอารมณ์ไปกับบรรยากาศตามสไตล์ของตัวเอง หรือจะช้อปปิ้งราคาโดนก็มีให้เลือกเพียบเลยค่ะ      Shopee presents ZAAP HARD SALE End'19 ยกร้านดังจากใน App Shopee มารวมกันอยู่ในงาน Shopee presents ZAAP HARD SALE End'19 พร้อมลดราคาสินค้าลดสูงสุดถึง 90พิเศษแจกโค้ดช้อปในงาน 500.- แค่เปิด App Shopee จำกัด 100 โค้ดต่อวัน   วัน เวลา : 2-3 พ.ย. 62 เวลา 12.00-22.00 น. สถานที่ : BCC Hall ชั้น 5, เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว   Socialicious ถ้าชีวิตขาดความหวานก็ลองไปเติมน้ำตาลกันได้ที่สิงห์ คอมเพล็กซ์ ในงาน Socialicious ที่ยกขนมหวานจากร้านชื่อดังหลากหลายชนิดมารวมไว้ในงานให้ได้เลือกชิมกันอย่างหลากหลาย อาทิ เฉาก๊วยอีกาดำ by เอ๊ะ จิรากร, มานี มีนม, ขนมเบื้องสรินทร์ทิพย์,Pick a choux, ไทยเดนมาร์ค,Seen Bangkok, coco cha, ขนมไทยคุณยายผ่องศรี, Soya Yim,ขนมเปี๊ยะบ้านคุณฉุย, Around the crepe ฯลฯ   วัน เวลา : 30 ตุลาคม-8 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : ชั้น G  สิงห์ คอมเพล็กซ์   Rilakkuma World Happiness Town เปิดโลกของรีลัคคุมะและเพื่อน ๆ ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในงานแบ่งออกเป็น 5 โซน เริ่มตั้งแต่ History, Exhibition, Meet & Greet, Souvenir Shop เลือกช้อปของที่ระลึกและสินค้าคอลเล็คชั่นพิเศษลิขสิทธิ์แท้จากญี่ปุ่น และไปอร่อยกับเมนูสุดโปรดและเครื่องดื่มเมนูพิเศษของรีลัคคุมะ  เช่น พุดดิ้ง, ชีสทาร์ต, ฟัดจ์ บราวนี่, ซอฟต์เสิร์ฟ ฯลฯ   วัน เวลา : 24 ตุลาคม-10 พฤศจิกายน 2562 เวลา 11.00-21.30 น. สถานที่ : สยามพารากอน     Banana Big Bonus Halloween Horror มาช้อปกันให้หลอน กับสินค้าไอทีหลากหลายเเบรนด์ชั้นนำ ที่ยกขบวนมาลดกระหน่ำจนสั่นประสาท ทั้งสมาร์ทโฟน เเท็บเล็ต อุปกรณ์เกมมิ่ง รวมไปถึงสินค้า clearance ขนมาลดสูงสุดถึง 80% ร่วมสนุกกับกิจกรรมสุดพิเศษในแต่ละวัน พร้อมรับของแจกมากมาย   วัน เวลา : 23 ตุลาคม-3 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : ชั้น 1 ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์   สหกรุ๊ปแฟร์ ศรีราชา ครั้งที่ 35 สหกรุ๊ปแฟร์จัดงานลดราคาสินค้าในเครือ มีบูธทั้งหมดกว่า 600 เต้นท์ พบกับแบรนด์สินค้าดังในเครือมากมาย อาทิ Guy Laroche, Lacoste, Wacoal, BSC, Arrow, DAKS, HOW, ITOKIN absorba, ENFANT, Elle, Mizuno, Rainflower, GUNZE, Cherilon, naturalizer, POLO, B'Me, ARTY, Tellme, MTI, KMA, Zymn, GATEAWAY, PAN, St.Andrews, WIENNA, GSP, COVERMARK, Cosmetology, มาม่า, บะหมี่ซื่อสัตย์, ฟาร์มเฮ้าส์, Lotte, คิวพี, คอร์นซอย, Bissin, Nissin, Mont Fleur, KODOM, Essence, Hi Class, Shokubutsu, Kirei Kirei, SYSTEMA, Molten งานนี้รณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติกนะคะ   วัน เวลา : 31 ตุลาคม-3 พฤศจิกายน 2562 วันพฤหัสบดีที่ 31 ต.ค. 62 (pre-sale) เวลา 13.00-21.00 น. วันศุกร์ 1 พ.ย. 62 เวลา 8.00 - 21.00 น. วันเสาร์ที่ 2 พ.ย. 62 เวลา 8.00 - 21.00 น. วันอาทิตย์ 3 พ.ย. 62 เวลา 8.00- 17.00 น. สถานที่ : ลานสนามบินเครือสหพัฒน์ศรีราชา   Thailand Beer Festival 2019 คอเบียร์ต้องไม่พลาด! กับการรวมตัวคราฟท์เบียร์ทั่วโลกมาไว้ในงานเดียว แค่ปีละครั้งเท่านั้น และยังมีอาหารมากกว่า 30 ร้านค้า พร้อมมินิคอนเสิร์ตของศิลปินทุกวัน   วัน เวลา : 1-3 พฤศจิกายน 2562 เวลา 17.00 - 23.30 น. สถานที่ : Show DC ซื้อบัตรได้ที่ ticketmelon หรือซื้อบัตรได้ที่หน้างานเลย *อายุ 20 ปีขึ้นไปเท่านั้น   Taiwan Documentary Film Festival in Thailand 2019 ภาพยนตร์สารคดีไต้หวันที่ไม่ได้หาชมกันง่ายๆ ทั้ง 9 เรื่อง ถูกคัดสรรมาให้ชมกันในหลากหลายมุมมอง นอกจากนี้จะมี Q&A กับผู้กำกับสารคดีหลังชมจบ มีกิจกรรมเสวนากับตัวแทนจาก Taiwan Docs ในหัวข้อ “การสนับสนุนภาพยนตร์ของรัฐและองค์กรต่างๆ ในไต้หวัน” และยังมีกิจกรรมเวิร์กชอปร่วมกับผู้กำกับที่ Doc Club Theater ใน Warehouse30 อีกด้วย    วัน เวลา : 30 ตุลาคม-3 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : SF World Cinema @ CentralwOrld      Spirit of Nature 2019 งานนิทรรศการศิลปะภาพถ่ายขาวดำ ครั้งที่ 3 ของครูและนักเรียนจาก CameraEyes School ซึ่งใช้เวลาถ่ายทำกันนานกว่า 2 ปี คัดจากภาพถ่ายกว่าหลายพันภาพ จนได้ภาพที่ดีที่สุดประมาณ 40 ภาพ งานนี้เข้าชมฟรี   วัน เวลา : 29 ตุลาคม-10 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00-21.00 น. สถานที่ : โถงชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร   Book Sale: Neilson Hays Library งานลดราคาหนังสือต่างประเทศทั้งนิยายและสารคดีที่หายากกันสุดๆ เพราะหนังสือเหล่านี้ทางหอสมุดเลือกหยิบออกมาจากชั้นวางหนังสือเอง รวมกับหนังสือี่ได้รับบริจาคมาช่วยหอสมุดด้วย โดยไม่ใช่แค่หนังสือหายาก แต่ราคาเริ่มต้นแค่ 20 บาท ที่สำคัญรายได้ทั้งหมดของงานจะถูกนำมาสนับสนุนโปรแกรมการศึกษาศิลปวัฒนธรรมและช่วยทำนุบำรุงอาคารหอสมุดแห่งนี้ ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 งานนี้แนะนำให้พกถุงผ้าไปนะคะ เพราะงดแจกถุงพลาสติก แต่ภาพในงานก็มีถุงกระดาษขายใบละ 10 บาทด้วย   วัน เวลา : 2-3 พฤศจิกายน 2562  เวลา 9:30-16:00 น. สถานที่ : Neilson Hays Library ถ.สุรวงศ์     The Halloween Extravaganza 2019 ชวนเพื่อนมาปาร์ตี้ฮาโลวีนกันให้สุดเหวี่ยงท่ามกลางบรรยากาศสยองขวัญ พร้อมศิลปินและดีเจที่จะมาเพิ่มความมันส์กันตั้งแต่เริ่มงาน เช่น Jimmy Revolt, The Passion of Anna, Deadstock, Agamas, DJ Unpronounceable ฯลฯ เข้างานฟรี!    วัน เวลา : 31 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน 2562 เวลา 20.00-00.00 น. สถานที่ : The Overstay *อายุ 20 ปีขึ้นไปเท่านั้น     Halloween Cruise : Dead Pirate Special ฉลองปาร์ตี้ฮาโลวีนแบบไม่ซ้ำใครบนเวทีดาดฟ้าเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ในธีม Dead Pirate Special แล้วมามันส์กับเหล่าดีเจระดับอินเตอร์กับดนตรีสมัยใหม่แหวกแนว   วัน เวลา : 1 พฤศจิกายน 62 สถานที่ : ขึ้นเรือที่ เอเซียทีคเวลา 21.00 น. และเรือกลับเข้าฝั่งเวลา 01.00 น. ณ ท่าเรือสาทร ซื้อบัตรได้ที่ https://bangkokisland.com/event/halloween-cruise-dead-pirate-special/ https://www.ticketmelon.com/bangkokisland/halloween      
เปิดพฤติกรรมคนไทย กับเรื่อง

เปิดพฤติกรรมคนไทย กับเรื่อง "กิน" ทั้งบ่อย ชอบรสหวาน-เค็ม

เรื่องอาหารการกิน คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก เพราะประเทศไทยมีอาการให้กินสารพัดชนิด และกินกันได้แบบตลอด 24 ชั่วโมง หลากหลายรูปแบบ ประเภท และระดับราคา เรื่องอาหารจึงกลายเป็นหนึ่ง แม่เหล็กดึงดูดให้คนทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยว เพื่อหาประสบการณ์ด้านการกิน และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศเป็นที่รู้จักของโลก   แล้วคนไทยในยุคปัจจุบันมีการกินอะไรกันบ้าง จากปัจจุบันที่ตลาดอาหารมีหลากหลายประเภท และสารพัดรูปแบบ โดยทาง Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการบริโภคอาหารของประชากรอายุ 6 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจอนามัยและสวัสดิการของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2556 และปี 2560 ซึ่งมีกลุ่มตัวอย่างประมาณ 28,000 ครัวเรือน ข้อมูลดังกล่าวได้แสดงถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในเชิงพฤติกรรมการกินของคนไทยที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้   คนไทยเลือกซื้ออาหารจากความชอบเป็นหลัก  ในปี 2560 ปัจจัยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเมื่อเลือกซื้ออาหารเป็นอันดับหนึ่ง คือ ความชอบ มีผู้ตอบ 22.1% ของกลุ่มตัวอย่างจากการสำรวจ  ตามมาด้วย รสชาติ สัดส่วน 18.5%  ความอยากทาน สัดส่วน 18.2%  ความสะอาด สัดส่วน  17.8% คุ ณค่า  สัดส่วน 12.9%  ความสะดวก สัดส่วน 6.5% โดยราคาเป็นปัจจัยที่มีผู้ตอบน้อยที่สุดที่ สัดส่วน 4.0%   จากผลการสำรวจดังกล่าวอาจมองได้ว่าคนไทยให้ความสำคัญกับความสุขจากการกิน สะท้อนจากการเลือกปัจจัย ความชอบ-ความอยากทาน-รสชาติ มากกว่าคุณภาพของอาหาร ซึ่งสะท้อนจากการเลือกปัจจัย ความสะอาด-คุณค่า    โดยปัจจัยในกลุ่มที่สะท้อนเรื่องความสุขจากการกินมีผู้ตอบรวมกันอยู่ที่ 57.1% ในปี 2556 และเพิ่มมาเป็น 58.8% ในปี 2560 ขณะที่คุณภาพของอาหารกลับมีสัดส่วนลดลงจาก 32.2% ในปี 2556 เหลือเพียง 30.7% ในปี 2560 นอกจากนี้ ปัจจัย ความชอบ เพิ่มความสำคัญขึ้นมาอย่างมากจากสัดส่วนเพียง 17.7% หรือเป็นปัจจัยอันดับ 3 ในปี 2556 ขึ้นมาเป็นปัจจัยอันดับหนึ่งในการเลือกซื้ออาหารของคนไทยในปัจจุบัน แซงปัจจัย รสชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยอันดับหนึ่งในปี 2556   สะท้อนว่าสำหรับผู้บริโภคในปัจจุบัน อาหารอร่อยอย่างเดียวอาจไม่พอ ควรมีสิ่งอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น รูปแบบการนำเสนอ ประสบการณ์ หรือการบริการ เป็นต้น ทั้งนี้ ราคา ยังคงเป็นปัจจัยรั้งท้ายจาก 7 ปัจจัยดังกล่าวสำหรับคนไทยมาตั้งแต่ปี 2556   คนไทยกินบ่อยขึ้น กินรสหวาน-เค็มมากขึ้น และกินผักผลไม้ลดลง -คนไทยกินบ่อยขึ้น   ในปี 2560 คนไทยส่วนใหญ่กว่า 89.4% กินอาหาร 3 มื้อต่อวัน สัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 88.0% ในปี 2556 นอกจากนี้ สัดส่วนของคนที่กินอาหารมากกว่า 3 มื้อก็เพิ่มขึ้นจาก 3.8% ในปี 2556 มาเป็น 4.1% ในปี 2560 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นทั้งในเพศหญิงและชาย และเพิ่มในหลายช่วงอายุ ได้แก่ เด็ก อายุ 6-14 ปี วัยรุ่น  อายุ 15-24 ปี  และคนวัยทำงาน อายุ 25-59 ปี  ยกเว้นผู้สูงอายุ อายุ 60 ปีขึ้นไป  ที่กลับมีสัดส่วนการกินมากกว่า 3 มื้อที่ลดลง     -คนไทยกินรสหวาน เค็ม มากขึ้น    โดยสัดส่วนของคนที่กินรสหวานเป็นอาหารมื้อหลักเพิ่มจาก 11.2% ในปี 2556 มาเป็น 14.2% ในปี 2560 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในกลุ่มอายุน้อยกว่า 25 ปีเป็นสำคัญ และยังพบการเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค ขณะที่รสเค็มเพิ่มจาก 13.0% มาเป็น 13.8% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของการบริโภคในกลุ่มอายุ 15 ปีขึ้นไปเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม รสชาติอาหารมื้อหลักของคนไทยส่วนใหญ่จากข้อมูลการสำรวจในปี 2560 คือ รสจืด 38.3% รองลงมาเป็น รสเผ็ด สัดส่วน 26.2% หวาน สัดส่วน 14.2%  เค็ม สัดส่วน 13.8% และเปรี้ยว สัดส่วน 4.8%  ตามลำดับ   ทั้งนี้รสชาติอาหารมื้อหลักของคนไทยมีลักษณะของการกินตามช่วงอายุ เช่น การกินรสหวานจะมีสัดส่วนสูงที่สุดในวัยเด็กที่ 32.5% โดยมีสัดส่วนลดหลั่นลงไปตามช่วงอายุ และน้อยที่สุดในกลุ่มผู้สูงอายุที่กินรสหวานเป็นหลักเพียง 6.6% เท่านั้น ขณะที่รสชาติอื่น ๆ ได้แก่ เผ็ด เค็ม และเปรี้ยว จะมีสัดส่วนน้อยที่สุดในวัยเด็ก โดยจะเพิ่มขึ้นในวัยรุ่นและวัยทำงาน ตามลำดับ แล้วจะลดน้อยลงอีกครั้งในกลุ่มผู้สูงอายุ   -คนไทยบริโภคผักและผลไม้สดลดลง  ถึงแม้ว่าคนไทยส่วนใหญ่กว่า 98.8% จะมีการบริโภคผักและผลไม้อย่างน้อย 1 วันในแต่ละสัปดาห์โดยสัดส่วนดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2556 แต่สัดส่วนของคนที่กินผักและผลไม้ทุกวันกลับลดลง จาก 54.5% เป็น 41.1% โดยเป็นการลดลงในทุกกลุ่มอายุ เพศ และภูมิภาค   คนไทยอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักกันมากขึ้น และเพิ่มการกินอาหารเสริม  สะท้อนถึงความพยายามในการดูแลตัวเองที่มากขึ้น แม้พฤติกรรมการกินในหลายด้านของคนไทยไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่ให้ความสำคัญต่อสุขภาพมากนักตามที่ข้อมูลข้างต้นบ่งชี้   -กลุ่มคนอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักมีมากขึ้น  กลุ่มคนที่งดอาหารมื้อหลักเพื่อลดน้ำหนักมีสัดส่วนมากขึ้น จาก 9.4% ของคนที่กินอาหารน้อยกว่า 3 มื้อเป็นประจำ  ในปี 2556 มาเป็น 12.4% ในปี 2560 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในทั้งเพศหญิงและชาย แต่จะเพิ่มขึ้นชัดเจนกว่าในกลุ่มผู้หญิงซึ่งเพิ่มจาก 14.1% เป็น 19.2% และเมื่อพิจารณารายกลุ่มอายุ พบว่า สัดส่วนคนงดอาหารมื้อหลักเพื่อลดน้ำหนักมีเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มอายุ แต่กลุ่มวัยทำงานและกลุ่มผู้สูงอายุมีการเพิ่มขึ้นชัดเจนกว่ากลุ่มเด็กและวัยรุ่น อย่างไรก็ดี แม้จะมีทิศทางเพิ่มขึ้น แต่คนที่อดอาหารเพื่อลดน้ำหนักก็ยังถือว่าเป็นคนส่วนน้อย โดยในปี 2560 มีสัดส่วนต่อประชากรอายุ 6 ปีขึ้นไปทั้งสิ้นเพียง 0.8% เท่านั้น ประมาณ 500,000 คน   -คนไทยบริโภคอาหารกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและกลุ่มแร่ธาตุ วิตามินมากขึ้น โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 19.1% ในปี 2556 เป็น 21.6% ในปี 2560 เป็นการบริโภคเพิ่มขึ้นของคนต่างจังหวัด ขณะที่คนกรุงเทพฯ บริโภคน้อยลง แต่ยังคงเป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนผู้บริโภคอาหารเสริมมากที่สุด  1 ใน 3 ของคนกรุงเทพฯ บริโภคอาหารเสริม/วิตามิน  
รวมอีเว้นท์ประจำเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2562

รวมอีเว้นท์ประจำเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2562

อีเว้นท์ช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ มีหลากหลายทีเดียวค่ะ โดยเฉพาะงานที่รวบรวมของอร่อยเอาไว้หลายงานเลยค่ะ   Sorayama Space Park by AMKK at Central Embassy ฉลองครบ 5 ปี ของศูนย์การค้า เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ภายใต้ความร่วมมือกับ Nanzuka และ EchoOne Nanzuka ที่จะเชิญชวนให้ทุกคนท่องไปในห้วงอวกาศเหนือจินตนาการ กับประติมากรรมไดโนเสาร์ทีเร็กซ์อะลูมิเนียมขนาดยักษ์ และศิลปะการจัดดอกไม้และแลนด์สเคปที่ไม่เหมือนใคร กับการพบกันครั้งแรกของสองศิลปินระดับโลก Hajime Sorayama และ AMKK ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์พิเศษแห่งโลกศิลปะที่ไม่ควรพลาด   วัน เวลา : 16 ตุลาคม 2562-17 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00–22.00 น. สถานที่ : OPEN HOUSE ชั้น 6 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี สำรองที่นั่งได้ที่ www.centralembassy.com/sorayamatalk   Thailand Food Show 2019 งานแสดงสินค้าและความรู้เพื่อธุรกิจอาหารและคาเฟ่ เพื่อผู้ประกอบการร้านอาหารโดยเฉพาะ ภายในงานรวบรวมบูธสินค้ากว่า 200 บูธ, ซัพพลายเออร์วัตถุดิบอาหารคาว อาหารหวาน และเครื่องดื่ม, อุปกรณ์สำหรับร้านอาหารและร้านกาแฟ, เครื่องครัว, บรรจุภัณฑ์, รวมสัมมนาฟรี พร้อมพบปะผู้ประกอบการธุรกิจตัวจริง   วัน เวลา : 18-27 ตุลาคม 2562 สถานที่ : ชาเลนเจอร์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี   if it rained on that day ทิ้งทวนฤดูฝนปีนี้ไปกับแบรนด์ไลฟ์สไตล์ Ease Around ที่มีสินค้าลายเส้นน่ารักๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ เกิดนึกสนุกว่า "ถ้าวันนั้นฝนตก จะเป็นยังไงนะ" กลายมาเป็น  mini-exhibition ภาพวาดที่สามารถ apply ไอเดียนี้กับเรื่องราวอื่นๆ ที่ทุกคนชอบให้ได้สนุกกัน   วัน เวลา : วันนี้-27 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00 น.-18.00 น. และเสาร์-อาทิตย์ เปิดถึง 20.00 น. *ปิดทุกวันจันทร์* สถานที่ : ร้านโฮมเมดคาเฟ่ Ponder & Paste ทองหล่อ ซอย 5   TGIF KPlus TGIF Ep.6 TGIF TGIF กับธนาคารกสิกรไทย รวบรวมแบรนด์แฟชั่นจากร้านออนไลน์กว่า 150 แบรนด์ ภายใต้คอนเซปงาน Soul Pastal โทนสีหวานๆ กันทั้งงาน มารวมไว้ที่ใจกลางสยามสแควร์ พร้อมโปรโมชั่นมากมายเมื่อจ่ายผ่าน K Plus Shop, K Plus Market และบัตรเครดิตของกสิกร   วัน เวลา : 25-27 ตุลาคม 2562  เวลา 12.00 น.-21.00 น. สถานที่ : ลานฮาร์ดร็อค คาเฟ่ สยามสแควร์   กรุงเทพธารา ตอน ไทยเท่ เสน่ห์นคร  หนึ่งปีมีหนเดียวกับเทศกาลอาหารสุดยิ่งใหญ่ รวบรวมร้านอาหารชื่อดังในตำนานและสตรีทฟู้ดจากทั่วพระนครกว่า 220 ร้านค้า และร้านที่มีชื่อเสียง ดีเด็ดประจำจังหวัดของประเทศไทย กว่า 40 จังหวัด อาทิ ซ้งเป็ดพะโล้, หมี่กรอบ ร.5 จีนหลี เต็กเฮง, หมูปลาร้า สายซิ่ง, Monster ยำ, Project bus café art ฯลฯ พร้อมชมการแสดงศิลปะวัฒนธรรมของไทย ทั้งภาคเหนือ อีสาน และภาคใต้กันแบบจุใจ จัดเต็มทั้ง 10 วัน   วัน เวลา : 25 ตุลาคม–3 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : ลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์   เทศกาลกินหอย ณ หัวหิน ครั้งที่ 4 สำหรับคนชอบเมนูหอย ต้องชอบงานนี้แน่ๆ พบการออกบูธจำหน่ายอาหารจากโรงแรมชื่อดัง และร้านอาหารยอดฮิต ปรุงโดยเชฟมืออาชีพ สดใหม่ทุกวันพร้อมเสิร์ฟในราคาสบายกระเป๋า และยังมีการแข่งขันกินหอยแมลงภู่ การแข่งขันตำ ยำ หอยลีลา ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 3 หมื่นบาท   วัน เวลา : 23-27 ตุลาคม 2562 เวลา 10.30-21.30 น. สถานที่ : HuaHin Market Village    เที่ยว กิน ถิ่นตำนานบางกอก ย้อนเสน่ห์วันวาน กับบรรยากาศบางกอกยุค พ.ศ.250 กับมุมถ่ายรูปที่จุดนิทรรศการของสะสมหาดูยาก กล้องโบราณ เครื่องเล่นแผ่นคลั่ง แผ่นเสียง เทปคาสเซ็ท ฯลฯ อิ่ม อร่อยไปกับอาหารโบราณ อาหารพื้นเมือง ของฝากพื้นบ้านชื่อดังจากทั่วประเทศ อาทิ ข้าวแช่ป้าเฉลียวต้นตำรับจากจ.เพชรบุรี, อาหารผัดเผ็ดเชฟเปี๊ยกแกงป่า จ.สิงห์บุรี, ขนมเบื้องโบราณ, ขนมไหมทอง, ขนมหวานเมืองเพชร ฯลฯ   วัน เวลา : 19–27 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00-19.00 น. สถานที่ : ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้า เจเจ มอลล์   มหกรรมเล่นกับผี ตอน "คนเล่นของ" ฮาโลวีนปีนี้... ท้าพิสูจน์ความกล้ากับอาถรรพ์มนต์ดำที่หลอนกว่าเคย ร่วมพิสูจน์ความลี้ลับของไสยศาสตร์มนต์ดำตามความเชื่อของไทย กิจกรรมความบันเทิงแนววาไรตี้ ที่ให้เหล่าผู้กล้ามาท้าความหลอนกับตำนานอาถรรพ์ โดยจำลอง “ทมิฬเทวาลัย” ตำหนักคุณไสยที่มีเรื่องราวเล่าขานถึงความน่ากลัว และความสยดสยองในทุกมิติ พร้อมด้วยภารกิจหาทางหลุดพ้นจากอาถรรพ์อันน่าสะพรึงของคนเล่นของ ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1 แสนบาท   วัน เวลา : 18-31 ตุลาคม 2562 เวลา 12:00-23:59 น. สถานที่ : เมกาบางนา ซื้อบัตรและจองรอบล่วงหน้าที่ www.zipeventapp.com ตั้งแต่วันนี้–31 ตุลาคมนี้ (สงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่อายุ 13 ปีขึ้นไป)   Halloween Costume Party 2019 ตื่นเตาเร้าใจไปกับบ้านผีสิงรวมผีนานาชาติ และเพลิดเพลินกับการเพ้นท์หน้าสุดแฟนซี, เพ้นท์ลายแทททูหรรษา, มุมถ่ายรูปสุดหลอน, เรื่องผีชวนขนลุก, เกมสุดสยอง อาทิเช่น เกมบันไดพิศวง, ฟักทองทะลุมิติ, บ่อแมงมุมหรรษา, การประกวด “Fancy Costume Contest” พร้อมลุ้นรับรางวัลมากมาย รวมทั้งพบกับร้านค้าที่มาในธีมฮาโลวีน เริ่มลงทะเบียนตั้งแต่ 4 โมงเย็นเป็นต้นไป งานนี้เข้าฟรี!    วัน เวลา : 31 ตุลาคม 2562 เวลา 16.00–22.00 น. สถานที่ : ลาน K Square ศูนย์การค้าฯ K Village สุขุมวิท 26    Thailand Game Show 2019 เพราะวงการเกมส์ไม่เคยหยุดนิ่ง ปีนี้จึงมาในธีม "TOMORROW" ภายในงานก็มีทั้ง กิจกรรม TGS Cosplay Contest ประจำปี 2019 , Meet and Greet และ กิจกรรมสุดมันส์จากบูธต่างๆ ที่ได้เตรียมพร้อมเอาไว้ให้กับทุกๆ คนภายในงาน Thailand Game Show 2019 แบบจัดเต็ม แถมด้วยเซอร์ไพรส์อีกเพียบ   วัน เวลา : 25-27 ตุลาคม 2562 เวลา 11:00-21:00 น. สถานที่ : รอยัล พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน   งานหนังสือเล็กๆ งานหนังสือเล็กๆ แต่มีคุณภาพ จาก 4 สำนักพิมพ์ ได้แก่ happening, Fullstop, เป็ดเต่าควาย และสำนักพิมพ์ 113 นำนักเขียนในสังกัด อาทิ วินทร์ เลียววาริณ, องอาจ ชัยชาญชีพ, ตุล ไวฑูรเกียรติ, Tedjiro (ผู้เขียน Tokyo In Brown), ศศิ วีระเศรษฐกุล, วิภว์ บูรพาเดชะ ฯลฯ มาพบปะและแจกลายเซ็นกับนักอ่าน พร้อมโปรโมชั่นหลากหลาย   วัน เวลา : 29 ตุลาคม 2562-3 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร     มุสลิมไทย แฟร์ ครั้งที่ 5 อร่อย อิ่ม ฟินกระจาย ภายในงานมีอาหารกว่า 100 เมนู เลือกช้อปสินค้า เสื้อผ้า และเล่นเกมส์ชิงรางวัล ตลอด 3 วัน   วัน เวลา :  25-27 ตุลาคม 2562 เวลา 15.30-22.30 น. สถานที่ : ลานพลาซ่า อินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก (กกท.)    
ทำความรู้จัก Hybrid Living นวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต

ทำความรู้จัก Hybrid Living นวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต

  แน่นอนว่า “บ้าน” คือ 1 ในปัจจัย 4 ที่จำเป็นในการใช้ชีวิต หน้าที่หลักของบ้าน คือ สถานที่พักอาศัย เป็นสถานที่ “กิน-อยู่-หลับนอน” แต่บ้านที่ดีไม่ได้มีคุณค่าแค่ทำให้การพักอาศัยมีความสะดวกสบาย และความปลอดภัยเท่านั้น แต่บ้านที่ดีต้องสามารถสร้างคุณค่าของความเป็นอยู่โดยรวม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสุข ความอบอุ่น ความสบายใจ และเป็นสถานที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิต ไปจนถึงการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของการอยู่อาศัยด้วย   แนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน จึงไม่ได้มุ่งตอบโจทย์แค่เรื่อง “ฟังก์ชั่น” การใช้งาน เพื่อการอยู่อาศัยเท่านั้น แต่มุ่งตอบสนองความต้องการใช้ชีวิต ที่มีคุณภาพของผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ภายในบ้าน หรือภายในชุมชนรอบข้าง ด้วยการยึดเอาไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเป็นหัวใจสำคัญ โดยเฉพาะคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีไลฟ์สไตล์หลากหลาย ไม่ได้มีบทบาทและหน้าที่เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่มีบทบาทและหน้าที่หลากหลายในคนๆ เดียว บ้านที่ดีจึงต้องตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัย     การพัฒนาที่อยู่อาศัย ผู้ประกอบการจึงต้องตอบสนองความต้องการเหล่านั้นให้ครบ และยังต้องมีคุณภาพที่ดีด้วย โดยเฉพาะกับการอยู่อาศัยในโครงการบ้านเดี่ยว เพราะเป็นการอยู่อาศัยกับคนหลายเจเนอเรชั่น คนแต่ละช่วงอายุ มีความต้องการหลากหลาย และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง แต่ทุกคนต้องอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดี   AP หรือ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ได้เห็นถึงความต้องการของคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งมุ่งหวังการใช้ชีวิตภายในบ้าน ที่สามารถเติมเต็มคุณภาพชีวิตได้ในทุกไลฟ์สไตล์ของทุกคน จึงได้พัฒนาบ้านเดี่ยวภายใต้แนวคิด Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต จากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลของคนยุคปัจจุบัน ซึ่งพบว่า มีความต้องการที่หลากหลาย ต้องการความสะดวกสบาย โดยเฉพาะความสะดวกสบายจากเทคโนโลยี   Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต คือ การนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ กับโครงการบ้านเดี่ยวของ AP ทั้งภายในตัวบ้านและภายนอกบ้าน ทำให้ทุกฟังก์ชั่นของบ้าน สร้างสรรค์ประโยชน์สูงสุดให้กับผู้อยู่อาศัย มีการผสมผสานฟังก์ชั่นบ้าน ให้เข้ากับเทคโนโลยีพลังงานทดแทน และระบบสมาร์ทโฮม ถือเป็นนวัตกรรมของการใช้ชีวิตในรูปแบบ Hybrid Living อย่างแท้จริง     Hybrid Living ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างไร?   หากมองไปในท้องตลาดตอนนี้ใครๆ ก็พูดถึงระบบสมาร์ทโฮม หรือ โฮมออโตเมชั่น ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาทำให้การอยู่อาศัยสะดวกสบาย กับเทคโนโลยีสารพัด เป็นจุดขายของโครงการอสังหาริมทรัพย์ แต่สำหรับ AP แนวคิด Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต พัฒนาโครงการบนแนวคิดที่เชื่อว่า ตัวตนคุณไม่ได้มีแค่หนึ่งคำจำกัดความ ความต้องการของการอยู่อาศัยจึงไม่ได้มีเพียงด้านเดียว บางคนอยากทำงาน แต่ก็อยากเที่ยว บางคนอยากหลีกหนีความวุ่นวาย แต่ก็อยากเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ บางคนอยากอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แต่ก็ชอบความสะดวกสบายของเมือง และบางคนอยากพักผ่อนที่บ้าน แต่ก็อยากสังสรรค์กับเพื่อนๆ เป็นต้น     เมื่อโจทย์ความต้องการของคนยุคปัจจุบันมีความหลากหลายเช่นนี้ แนวคิดของ Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต จึงถูกพัฒนาบน 4 องค์ประกอบหลักสำคัญ เพื่อให้ทุกความต้องการได้รับการตอบสนอง   1. Cost-saving-ค่าใช้จ่ายส่วนกลางถูกลงด้วยเทคโนโลยี ในยุคที่คนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่าย ทำให้คนยุคปัจจุบันมุ่งเน้นเรื่องของ “ความคุ้มค่า” โดยเฉพาะการใช้จ่าย ผู้บริโภคยุคปัจจุบันมีทางเลือกมากมาย ในการซื้อสินค้าหรือบริการ ทำให้ทุกการใช้จ่ายยืนอยู่บนเหตุผลมากกว่าอารมณ์ ซึ่ง AP เข้าใจในเรื่องความคุ้มค่านี้ดี จึงเลือกพัฒนาสาธารณูปโภคภายในโครงการบ้านเดี่ยว ด้วยนวัตกรรมที่ช่วยให้ลูกบ้านประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากที่สุด อาทิ นวัตกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power system) และระบบกำจัดน้ำเสีย (Greywater Recycle system) ซึ่งนำน้ำมาบำบัดเพื่อใช้รดต้นไม่ในโครงการ เป็นต้น ทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางลดลง เมื่อเทียบกับโครงการที่ไม่ได้ติดตั้งระบบนี้   2. Security-ความปลอดภัยในทุกไลฟ์สไตล์ บ้านแค่อยู่อาศัยแล้วสบายคงไม่เพียงพอ แต่ต้องมีความปลอดภัย ทั้งทรัพย์สินและชีวิตของผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน นอกจากระบบรักษาความของโครงการ ไม่ว่าจะเป็น รปภ. กล้องวงจรปิด ระบบคีย์การ์ด ฯลฯ สิ่งเหล่านี้มีเป็นเรื่องพื้นฐานจำเป็นอยู่แล้ว แต่แนวคิดของ Hybrid Living ของ AP ต้องตอบโจทย์การดูแลความปลอดภัยได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็น   ระบบเซ็นเซอร์ประตู หน้าต่าง และเซ็นเซอร์ตรวจจับ ความเคลื่อนไหว ให้เจ้าของบ้านได้มั่นใจ แม้ว่าจะออกไปทำงานหรือเดินทางท่องเที่ยว เพราะจะมีระบบจะแจ้งเตือนผ่าน Application พร้อมส่งเสียงเตือนเมื่ออยู่ในโหมด “Alarm” ช่วยแจ้งเตือนเมื่อตรวจพบการเปิด-ปิดของประตูหรือหน้าต่าง หรือตรวจเจอการเคลื่อนไหวในบ้าน หรือจะดูความเป็นไปของคนภายในบ้าน สามารถทำได้ด้วยการดูผ่านกล้อง IP Camera จาก Application ได้แบบ Live Stream     แม้แต่ปัญหาประจำที่ทุกคนจะต้องเจอ เช่น การลืมกุญแจบ้าน ก็ไม่ใช่ปัญหาต้องจ้างช่างมาไขประตูเข้าบ้านอีกต่อไป เพราะระบบ Digital Door Lock ช่วยแก้ปัญหาได้ สามารถสั่งงานผ่าน Application ได้ หรือจะสั่งเปิดประตูให้กับแม่บ้านเพื่อเข้ามาทำความสะอาด ระบบก็มี Pin Code ชั่วคราวที่ใช้ได้ครั้งเดียวให้ เจ้าของบ้านอยู่ที่ไหนก็ใช้งานได้สะดวก เหมาะกับการวิถีชีวิตคนยุค 4.0   ที่สำคัญการพักอาศัยอยู่กับคนหลายเจเนอเรชั่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ บางครั้งลูกหลานออกไปทำงาน หรือเดินทางท่องเที่ยว ต้องให้ผู้สูงอายุอยู่โดยลำพัง ก็หมดห่วงกับสิ่งที่ AP คิดมาให้ เพื่อดูแลผู้สูงอายุ กับปุ่มเรียกฉุกเฉินในยามคับขัน พร้อมทั้งมีเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่เตียงนอน เพื่อเปิดไฟทางเดินสู่ห้องน้ำแบบอัตโนมัติในตอนกลางคืน หรือการดูแลที่ดีขึ้นไปอีก กับการส่งสัญญาณเตือนและภาพ Live Stream จาก IP Camera ไปยัง Application ในโทรศัพท์มือถือ หากไม่พบการเคลื่อนไหวของผู้อยู่อาศัยในห้อง เพื่อขอความช่วยเหลือในกรณีที่ผู้สูงอายุเกิดล้ม ถือเป็นแนวทางการพัฒนาที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนได้ทุกเจเนอเรชั่นจริงๆ   3. Comfort-ความสบายแค่ปลายนิ้วสั่งงาน เรื่องความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย แม้จะเป็นเรื่องพื้นฐานที่บ้านต้องตอบโจทย์ แต่เพราะปัจจุบันเป็นยุคที่มีเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้ความสะดวกสบายต้องเป็นเรื่องที่พัฒนามากขึ้น โดยเฉพาะการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานการดูแลบ้าน และให้ผู้อยู่อาศัยสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน ที่ AP นำระบบควบคุมอุปกรณ์ ไฟฟ้าอัจฉริยะในบ้าน Smart Home Gateway and Security Module มาดูแลความสบายของคุณและครอบครัว   การใช้ระบบควบคุมไฟแสงสว่าง Lighting Control ที่สามารถเปิด-ปิด ผ่านสวิตช์ และ Application ทำงานคู่กับระบบ Motion Sensor ช่วยตรวจจับความเคลื่อนไหว และความสว่างในบ้าน และระบบพัดลม Air Flow ระบบควบคุมเครื่องกรองอากาศอัจฉริยะ แม้แต่ชีวิตนอกบ้าน เทคโนโลยีก็ยังเข้ามาทำให้มีความสะดวกสบาย อาทิ ระบบตั้งเวลา Sprinkle รดน้ำต้นไม้ ผ่านสวิตช์ และ Application ระบบ Gate Controller ควบคุมเปิด-ปิด มอเตอร์ประตูรั้วบ้าน ผ่าน Application ระบบ Digital Door Lock เป็นต้น   4. Community-ดูแลชุมชนปลอดภัย 24 ชั่วโมง การอยู่อาศัยภายในบ้าน แม้ว่าจะได้รับความสะดวกสบาย และความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีซึ่งเติมเต็มให้กับการอยู่อาศัย สิ่งที่ละเลยไม่ได้กับการอยู่อาศัยภายในโครงการบ้านเดี่ยว AP คือ การสร้างสรรค์ให้เกิดสังคมแห่งความสงบสุข จากการอยู่ร่วมกันของผู้อยู่อาศัยในโครงการ เพราะ AP เชื่อว่า “เพื่อนบ้านที่ดี” คือ ปัจจัยสำคัญของการอยู่ร่วมกันในชุมชน จึงได้สร้างสรรค์ Katsan Application เพื่อสื่อสารกับพนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าโครงการ เมื่อมีแขกมาเยือน ระบบจะส่งการแจ้งเตือนไปยังมือถือของคุณ   นอกจากนี้ ยังช่วยคัดแยกรถต้องสงสัย และแจ้งเตือนพนักงานรักษาความปลอดภัย เมื่อมีรถสาธารณะอยู่เกินเวลา ในกรณีฉุกเฉินยังสามารถใช้กดเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัย ตำรวจ หรือรถพยาบาลได้แค่ปลายสัมผัส ทำให้การอยู่ร่วมกันของคนในชุมชนได้รับความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง เป็นชุมชนที่น่าอยู่อาศัย และสามารถสร้างคุณภาพชีวิตให้กับทุกคนในโครงการบ้านเดี่ยวของ AP     องค์ประกอบทั้งหมดที่ AP นำมาใช้พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว ภายใต้แนวคิด Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต จึงเป็นคำตอบของการอยู่อาศัยในยุคดิจิทัล 4.0 ที่ไม่ได้ต้องการแค่ความสะดวกสบายเมื่ออยู่ในบ้านเท่านั้น แต่หมายถึงการเติมเต็มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้อยู่อาศัยในทุกเจเนอเรชั่นด้วย   อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.apthai.com/HybridLiving/  
6 วิธีเลี่ยงปัญหาฝุ่น อันตรายที่แฝงตัวอยู่ภายในบ้าน

6 วิธีเลี่ยงปัญหาฝุ่น อันตรายที่แฝงตัวอยู่ภายในบ้าน

ปัญหาฝุ่น PM2.5 กลับมากวนใจและสร้างปัญหาสุขภาพให้คนไทยอีกครั้งแล้ว จากการรายงานของกรมควบคุมมลพิษล่าสุด  เมื่อเวลา 12.00 น. ของวันที่ 23 ตุลาคม 2562 ดังนี้   ปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 ตรวจวัดได้ระหว่าง 27-57 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินเกณฑ์มาตรฐาน 8 สถานี (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) ได้แก่   -บริเวณริมถนนกาญจนาภิเษก -ริมถนนลาดพร้าว -ริมถนนพระราม3-เจริญกรุง -ริมถนนเพชรเกษม -ริมถนนจรัญสนิทวงศ์ -เขตบางซื่อ -เขตหลักสี่ -บริเวณตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ   บริเวณต่างๆ ดังกล่าว มีคุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ  ซึ่งปริมาณฝุ่นละอองในภาพรวมมีแนวโน้มลดลงจากช่วงเวลาก่อนหน้าเกือบทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศวันนี้ใน พื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเมฆบางส่วน ประกอบกับมีฝนฟ้าคะนอง 10% ของพื้นที่ ซึ่งเป็นส่วนช่วยให้ฝุ่นละอองเจือจางลง   คำแนะนำสำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านเป็นเวลานาน ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันฝุ่นละออง   อันตรายของ PM 2.5 นั้น สามารถทำให้เสียชีวิตได้ก่อนวัยอันควร และยังมีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคหลอดเลือดในสมอง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคมะเร็งปอด โรคหัวใจขาดเลือด  และโรคติดเชื้อเฉียบพลันในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง   แต่แม้ว่าเราจะอยู่ภายในบ้าน ปัญหาฝุ่นอาจจะเข้ามาสร้างปัญหากับสุขภาพเราได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควร ต้องเตรียมตัวตั้งรับ ด้วยการดูแลตัวเราเอง  และทำให้สิ่งแวดล้อมภายในบ้านและรอบๆ ตัวดีขึ้นด้วย แต่ถ้าต้องไปปฏิบัติงานหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรสวมหน้ากากที่สามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “หน้ากาก N95” สำหรับการพักอาศัยอยู่ในบ้าน หรือห้องพัก เรามีคำแนะนำและวิธีสำหรับป้องกันอันตรายจากฝุ่น PM2.5 มาเป็นแนวทางการปฏิบัติ กับ 6 วิธี เลี่ยงปัญหาฝุ่นในบ้าน 1.หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นหรือควัน ประเภทจุดธูปจุดเทียน  หรือจุดอโรมาทั้งหลาย ถ้าไม่จำเป็นควรงดไปก่อน 2.หมั่นทำความสะอาดบ้าน เช็คล้างอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ ไม่ให้ฝุ่นจับตัว ควรทำอย่างสม่ำเสมอ 3.ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท ช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองเข้ามาภายในบ้าน  เลือกเปิดแอร์โดยใช้ระบบอากาศหมุนเวียนอากาศจากภายในบ้านแทนการดึงอากาศมาจากภายนอก  และตรวจทำความสะดวกระบบกรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ 4.เปิดเครื่องฟอกอากาศที่ตอนนี้มีออกมารองรับปัญหานี้มากมาย 5.ปลูกต้นไม้ภายในบ้านก็ช่วยได้ เพราะการรดน้ำต้นไม้เป็นการช่วยลดฝุ่นได้อีกทางหนึ่ง 6.การปรับปรุงต่อเติมบ้าน เจ้าของบ้านควรเลือกใช้วัสดุที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ การเลือกผนังและฝ้าเพดานที่มีคุณภาพจะช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองภายในบ้านได้ นอกจากการป้องกันตัวเองจากปัญหา ฝุ่นที่จะเกิดขึ้นแล้ว  ทุกคนคงต้องร่วมมือกัน ไม่สร้างปัญหาหรือทำให้เกิดปัญหาฝุ่นขึ้นเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าปัญหาการเกิดฝุ่นส่วนใหญ่จะเกิดจากภาคอุตสาหกรรม หรือการคมนาคมขนส่งก็ตาม    
เปิด Fresh Taiwan สินค้าไลฟ์สไตล์ สุดล้ำจากไต้หวัน

เปิด Fresh Taiwan สินค้าไลฟ์สไตล์ สุดล้ำจากไต้หวัน

ช่วงปลายปีแบบนี้เชื่อว่าหลายคนจะต้องหาซื้อของขวัญกันเอาไว้บ้างแล้วใช่ไหมคะ แต่ถ้าใครอยากจะหาของขวัญหรือสินค้าที่เป็นนวัตกรรม ดีไซน์สวย ไม่ต้องกลัวว่าจะซื้อไปซ้ำกับใครแล้วล่ะก็ ต้องไม่พลาดที่จะไปเดินงาน Style Bangkok Fair 2019 ซึ่งหนึ่งในไฮไลท์ของงานนั่นคือการนำเอาสินค้าจากต่างประเทศมาไว้ในงานด้วย โดยครั้งนี้เราจะพาไปทำความรู้จักสินค้า Fresh Taiwan จากไต้หวัน ที่เห็นแล้วจะต้องรู้สึกอยากจะได้เป็นเจ้าของสักชิ้นแน่นอนค่ะ   Fresh Taiwan คือโครงการที่กระทรวงวัฒนธรรมไต้หวัน จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการออกแบบผลิตภัณฑ์และการสร้างแบรนด์ของ Designer ชาวไต้หวัน แล้วผลักดันไปไกลระดับโลก ซึ่งการมาร่วมจัดพาวิลเลี่ยนภายในงาน Style Bangkok Fair 2019 ถือเป็นครั้งที่ 6 แล้ว โดยในแต่ละปีก็มีหลากหลายแบรนด์ใหม่ๆ มาโชว์ผลงานที่สามารถซื้อกลับไปเป็นของขวัญแบบไม่ซ้ำใคร หรือจะเจรจาธุรกิจก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ   สำหรับปีนี้ไต้หวันพาวิลเลี่ยนจะมาในธีม “ไฮไลท์” (HIGHTLIGHT) เน้นสินค้าที่เป็นนวัตกรรมคุณภาพ ความสร้างสรรค์ และฟังก์ชันที่ล้ำสมัย สะท้อนไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ทั้งหมด 10 แบรนด์ ซึ่ง 8 ใน 10 แบรนด์จะเป็นครั้งแรกที่มาร่วมงานนี้ ได้แก่ 49101 Electronics, Vinaera, Eye Candle, Singular Concept, Conquer Casa, Hands, Dilio, และ CLARECHEN รวมถึงแบรนด์ที่กลับมาอีกครั้งอย่าง bi.du.haev และ Fyber Forma จะมีสินค้าตัวไหนน่าสนใจบ้าง เรานำมาฝากกันค่ะ   Dilio สินค้าตกแต่งบ้านที่ไม่ใช่แค่วางประดับไว้เท่านั้น แต่ยังเป็นที่รองน้ำมันหอมระเหย ด้วยส่วนผสมเฉพาะจากวัสดุหลักที่เป็นซีเมนต์พิเศษ จะช่วยให้กลิ่นของน้ำมันหอมระเหยฟุ้งกระจายและคงทนอยู่ได้นานขึ้นด้วย   bi.du.haev (Biduhaev cold brew system) ใครที่ชื่นชอบกาแฟสกัดเย็น หรือที่เรียกกันว่า cold brew จะต้องอยากมีเครื่องนี้ไว้ครองครองค่ะ ด้วยวัสดุของทั้งตัวเครื่องทำมาจากแก้ว ทำให้การแฟ cold brew แก้วโปรดได้รสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้น   Vinaera เครื่องเติมอากาศในไวน์ สำหรับคอไวน์โดยเฉพาะจะต้องสะดุดตากับเจ้าเครื่องเติมอากาศในไวน์ครั้งแรกของโลก สินค้าตัวนี้จะมีอยู่ 2 รุ่นด้วยกันค่ะ Vinaera Classic กังหันน้ำไวน์ไฟฟ้า และ Vinaera Pro เครื่องเติมอากาศไฟฟ้าแบบปรับได้   49101 Electronics หูฟังบลูทูธ คนรักเสียงเพลงก็ย่อมจะต้องหาหูฟังดีๆ ไว้สักอันใช่ไหมคะ โดยหูฟังแบรนด์ 49101 มีความโดดเด่นตรงที่เป็นหูฟังบลูทูธสามารถเปลี่ยนเป็นสายชาร์จความเร็วสูงได้ และยังสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ในตัวได้ด้วย   Fyber Forma กระเป๋ากันน้ำ กระเป๋าหลากหลายดีไซน์ มีคุณสมบัติพิเศษด้านนอกกันน้ำ ผิวสัมผัสนุ่มละเอียดคล้ายหนัง น้ำหนักเบา ด้านในกรุด้วยผ้าอ่อนนุ่ม เพิ่มความทนทาน     หากใครอยากจะสัมผัสของจริง แล้วซื้อเก็บไว้เป็นของขวัญในช่วงสิ้นปีก็แนะนำให้รีบมาในงาน Style Bangkok Fair 2019 ในวันที่ 17-21 ตุลาคม 2562 นี้เท่านั้นนะคะ รับรองว่าไม่เหมือนใครแน่นอน    
รวมอีเว้นท์ประจำเดือนตุลาคม (3) 2562

รวมอีเว้นท์ประจำเดือนตุลาคม (3) 2562

เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวที่หลายคนรอคอยกันแล้วนะคะ บรรยากาศเป็นใจ แถมของลดราคาก็เพียบในช่วงปลายปีเช่นนี้ใครจะไม่อยากออกไปเดินเล่นซึมซับช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ล่ะ จริงไหมคะ?   Style Bangkok Fair 2019 ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่กำลังมองหาช่องทางเริ่มทำธุรกิจใหม่ๆ อยากจะหาพันธมิตรทางธุรกิจ หรือมองหาสินค้าดีไซน์ดีๆ บางอย่างก็หาไม่ได้ตามศูนย์การค้าทั่วไป ลองมาเดินงานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ระดับนานาชาติ Style Bangkok Fair 2019 เป็นงานที่รวม 3 เทรดแฟร์เข้าไว้ ด้วยกัน ได้แก่ งานแสดงสินค้าแฟชั่นและงานแสดงสินค้าเครื่องหนัง (BIFF&BIL) งานแสดงสินค้าของขวัญและงานแสดงสินค้าของ ใช้ในบ้าน(BIG+BIH) และงานแสดงสินค้าเฟอร์นิเจอร์ (TIFF) มีบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 800 บริษัท ประกอบด้วยกลุ่มสินค้า 5 กลุ่มหลัก ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแฟชั่น เฟอร์นิเจอร์ ของขวัญ ของตกแต่งบ้าน และของใช้ในบ้าน   วัน เวลา : วันเจราจาธุรกิจ วันที่ 17–19 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00–18.00 น. วันบุคคลทั่วไป วันที่ 20–21 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00–21.00 น. สถานที่ : ไบเทค บางนา   บ้านและสวนแฟร์ 2019 : “Living Transformed” สำหรับคอนเซปงานในครั้งนี้มุ่งนำเสนอการคำนึงถึงคุณค่าของสิ่งเดิม ไม่ว่าจะเป็นวัสดุ ภูมิปัญญา หรือวิถีชีวิต ผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์ที่มาที่ไปของสิ่งเดิมไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ โดยไฮไลท์ของงานก็มีมากมาย เช่น สวนโชว์ สวนที่จัดลงในพื้นที่อาคารเก่ารกร้าง เปลี่ยนสภาพความรุงรังเก่าโบราณเป็นสวนที่มีอาคารเก่านี้เป็นฉากหลัง, นิทรรศการดีไซด์อัพเดท วัสดุทันสมัยในการก่อสร้างและตกแต่ง ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับที่บ้านได้อย่างสะดวก, การประกวดต้นไม้ ยอดนิยม เฟิน, สัปปะรดสี, กล้วยไม้, แคคตัสและไม้อวบน้ำ ฯลฯ   วัน เวลา : 18 - 27 ตุลาคม 2562 เวลา 09.30-21.00 น. สถานที่ : ชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี     Fattival Food Fest เทศกาลอาหารสุดอินเทรนด์ประจำปี 2019 คัดสรรจัดเต็มกว่า 60 ร้านชื่อดัง Recommend โดย 3 เพจสายกิน foodyoucaneat เรากินได้ คุณก็กินได้, เพนกวิ้นรีวิว GuinHungry, วันนี้แดกไรดีวะ พิเศษ! มีเมนูพิเศษเฉพาะงานนี้เท่านั้น   วัน เวลา : 17-20 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00–22.00 น. สถานที่ : Emquartier     Karma Koncrete ปาร์ตี้ในโกดังในกลางกรุงเทพตลอด 10 ชั่วโมงเต็ม ภายในโกดังที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น สไตล์อินดัสเทรียล โดยได้ศิลปินชั้นนำจาก 4 ประเทศประกอบไปด้วย CPI (สเปน) เสริมเติมกลิ่นอายจากบาร์เซโลน่ากับ Marc Pinol และ Capablanca,Vladimir Ivkovic (เซอร์เบีย / เยอรมนี) Yoshinori Hayashi (ญี่ปุ่น) และ Rifain (ฝรั่งเศส / เวียดนาม) ร่วมด้วย  Sunju Hargun และ Jirus นอกจากนี้ยังมีโซนตลาดขายของ มีทั้งฟู้ดทรัค บูทีกค็อกเทล ฯลฯ ซื้อบัตรที่ ticketmelon   วัน เวลา : 26 ตุลาคม 2562 เวลา 14.00–00.00 น. สถานที่ :  ABOUT Studio   Melody Of Life Music Festival เทศกาลดนตรีของคนรักษ์โลก ไม่ใช่แค่คอนเสิร์ตจากศิลปินตลอดสองวัน แต่ยังมีบูธอาหารและกิจกรรมหลากหลาย ให้ทุกคนได้ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น อาทิ Cheeze Market ตลาดขายของทั้งมือหนึ่งและมือสอง, Workshop สิ่งของเหลือใช้มา Reuse ใช้ใหม่, นิทรรศการมัลติมีเดียเชิง Installation & Visual Effect เรื่องสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล และมลพิษทางทะเล, การประมูล CE โดยศิลปิน ดารา ที่มาร่วมออกแบบ CE หุ่นมาสคอตประจำงานครั้งนี้ รายได้จากการประมูลหลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนต่อไป เป็นต้น   วัน เวลา : 19-20 ตุลาคม 2562 เวลา 12.00–22.00 น. สถานที่ :  ศูนย์การค้าเซนทรัลเวิลด์        
เจาะอินไซต์ 8 เทรนด์ท่องเที่ยวปี 2020 นักท่องเที่ยวไทยใส่ใจสิ่งแวดล้อม-เที่ยวเมืองรองมากขึ้น

เจาะอินไซต์ 8 เทรนด์ท่องเที่ยวปี 2020 นักท่องเที่ยวไทยใส่ใจสิ่งแวดล้อม-เที่ยวเมืองรองมากขึ้น

เข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้าย ถือว่าเป็นฤดูกาลของเฉลิมฉลอง การจับจ่ายใช้สอย รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยว หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน มาตลอดเวลาเกือบปี คนส่วนใหญ่จึงให้รางวัลชีวิต กับวิธีการต่างๆ โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งคนยุคนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาเติมพลังให้กับชีวิต   แต่รูปแบบการเดินทางท่องเที่ยวของคนยุคปัจจุบัน เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต เพราะไลฟ์สไตล์และความต้องการหาประสบการณ์ท่องเที่ยวไม่เหมือนเดิม จากรูปแบบการท่องเที่ยวได้พัฒนาไปอย่างไม่หยุด รวมถึงเกิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาตลอดเวลา ซึ่งรูปแบบการท่องเที่ยวในอนาคต จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น  ลองมาดูรายงานจาก Booking.com ที่มองแนวโน้มการท่องเที่ยวในปี 2020 ว่าจะเป็นอย่างไรกันบ้าง   ปี 2020 ทาง Booking.com คาดว่า จะเป็นปีแห่งการท่องเที่ยวเชิงสำรวจ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยแรงขับเคลื่อนของเทคโนโลยี รวมถึงความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนความผูกพันที่ลึกซึ้งขึ้นต่อผู้คน และสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไปเยือน  จากผลสำรวจจากกลุ่มนักเดินทางมากกว่า 22,000 คนจาก 29 ประเทศ อีกทั้งข้อมูลเชิงลึก จากรีวิวของผู้เข้าพักกว่า 180 ล้านรายการที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว ทั้งหมดนี้นำมาสู่บทสรุปเทรนด์ท่องเที่ยวซึ่งเราคาดไว้ว่าจะกลายเป็นจริงในปีหน้าและปีต่อๆ ไป   1.กระแสเที่ยว “เมืองรอง” จะมาแรงขึ้น     การเที่ยวเมืองรอง หมายถึง การไปสำรวจจุดหมายที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่า เพื่อพยายามลดปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมืองและช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อม โดยเทรนด์ท่องเที่ยวนี้ จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีที่จะมาถึง ผู้เดินทางชาวไทยจำนวนมากกว่าครึ่ง หรือสัดส่วน 68% อยากมีส่วนร่วมในการลดปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง   ส่วนผลสำรวจสัดส่วน 65% ต้องการเปลี่ยนแผน ไปเที่ยวจุดหมายอื่นที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่า แต่คล้ายกับของเดิม หากพบว่าจะช่วยลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม และเพื่อกระตุ้นความสนใจนี้ยิ่งขึ้น ผู้เดินทางชาวไทยมากกว่าสามในสี่ หรือสัดส่วน 79% อยากให้มีบริการ ทางด้านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ แนะนำจุดหมายที่หากมีผู้ไปเที่ยวเพิ่มขึ้นแล้วจะช่วยสร้างผลเชิงบวกให้กับชุมชนท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งคาดการณ์ได้เลยว่าบริษัทต่างๆ จะตอบสนองต่อความต้องการนี้ โดยเสนอฟังก์ชั่นที่ทำให้ผู้เดินทางสามารถระบุเมืองรอง  ละแวกจุดหมายได้ง่ายขึ้น   โดยฟังก์ชั่นนี้จะทำความเข้าใจกับสไตล์ของผู้เดินทาง แล้วนำไปจับคู่กับจุดหมายทางเลือก หรือจุดหมายที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่าในประเทศหรือภูมิภาคที่ผู้เดินทางต้องการไป นอกจากนี้ความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นในแวดวงการเดินทาง จะทำให้แคมเปญสร้างความตระหนักให้เกิดขึ้นจำนวนมาก อีกทั้งช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ไปสู่การกระตุ้นให้ผู้เดินทางเลือกใช้เส้นทางที่มีการเดินทางไปน้อยกว่าได้สะดวกยิ่งขึ้น   2.ให้เทคโนโลยีคาดการณ์สิ่งที่ไม่คาดคิด   ในปี 2020 ผู้เดินทางจะใช้เทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น ในกระบวนการตัดสินใจหลักๆ อย่างการเลือกว่าจะไปเยือนมุมใดของโลกที่แสนน่าทึ่งนี้ ซึ่งอาจมีตัวเลือกมากมายจนตัดสินใจไม่ถูก ทว่าในปีที่ใกล้เข้ามานี้จะมีการใช้เทคโนโลยีสุดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและช่วยให้เราก้าวข้ามเรื่องยุ่งยากนี้ได้อย่างง่ายดาย ด้วยคำแนะนำที่ชาญฉลาดและเทคโนโลยีประมวลผลที่เชื่อถือได้ จะเชื่อมโยงเรากับประสบการณ์ใหม่ๆ จำนวนมหาศาล ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะเทคโนโลยีแล้วเราก็อาจไม่ได้มีโอกาสสัมผัส นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดเวลา รวมถึงเวลาที่ใช้นั่งหน้าจอดิจิทัล และช่วยให้เราใช้ทุกนาทีของ “ตอนนี้” ได้อย่างเต็มที่ระหว่างออกเดินทาง   นี่เรียกได้ว่าเป็นข่าวดีสำหรับผู้เดินทางชาวไทยมากกว่า 4 ใน 5 หรือสัดส่วน 82%  ซึ่งกล่าวว่าต้องการให้ผู้ประกอบการเทคโนโลยีเสนอ “ไพ่เด็ด” และตัวเลือกสุดเซอร์ไพรส์ ซึ่งจะพาไปพบกับประสบการณ์แปลกใหม่อย่างแท้จริง สำหรับทริปในปีที่จะมาถึง นอกจากนี้ ผู้เดินทางไทยมากกว่าครึ่ง สัดส่วน 64% เน้นว่าระหว่างเดินทางจะใช้แอปพลิเคชันที่ทำให้เลือกดูและจองกิจกรรมแบบเรียลไทม์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย   ในขณะที่ผู้คนสัดส่วน ​61% มีแผนที่จะใช้แอปพลิเคชั่น  ซึ่งสามารถวางแผนกิจกรรมต่างๆ ล่วงหน้า เพื่อให้มีคำตอบรวมอยู่ในที่เดียว และเพื่อตอบสนองความต้องการนี้ ในปี 2020 จะมีแอปพลิเคชันจำนวนมากยิ่งขึ้นมาพร้อมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่คอยเสนอคำแนะนำ  สำหรับผู้ใช้รายนั้นๆ โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นจุดหมาย ที่พัก และกิจกรรมน่าสนใจ โดยอิงตามความชอบในปัจจุบัน ทริปก่อนหน้า และองค์ประกอบหลักที่อาจส่งผลกระทบได้ เช่น สภาพอากาศและความนิยม   3.เที่ยวแบบสโลว์ๆ จะมาแทน #FOMO     แทนที่จะต้องคอยกลัวตกกระแส (Fear of Missing Out หรือ FOMO) และต้องเร่งรีบทำทุกอย่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การเดินทางในปี 2020 นั้นจะพลิกโฉมไปเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยผู้เดินทางชาวไทยมากกว่าครึ่ง สัดส่วน 61% วางแผนที่จะใช้รูปแแบบการเดินทางที่ช้าลง เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และ 3 ใน 4  สัดส่วน  78% อยากเลือกเส้นทางที่ใช้เวลาเพิ่มขึ้น เพื่อสัมผัสประสบการณ์จากการเดินทางให้มากขึ้น   รูปแบบการเดินทางซึ่งช่วยสนับสนุนความต้องการที่เปลี่ยนไป ก็จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขี่จักรยาน รถราง เลื่อนลาก เรือ รวมถึงเดินด้วยสองเท้าของนักเดินทางเอง ตามจริงแล้วผู้เดินทางชาวไทย 75% ไม่เกี่ยงว่าจะต้องใช้เวลาเดินทางไปจุดหมายนานขึ้น หากได้ใช้วิธีเดินทางแบบแปลกใหม่  นอกจากนี้ ผู้เดินทาง 73% อยากสัมผัสถึงความรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลา ด้วยการนั่งรถไฟสายประวัติศาสตร์ เช่น Flying Scotsman หรือ Orient Express เฝ้ารอปีแห่งการเดินทางสุดพิเศษแบบค่อยเป็นค่อยไปได้เลย   4.ค้นพบการท่องเที่ยวที่สัมผัสความสนุกได้แบบครบครัน   โลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็วทำให้ผู้คนส่วนใหญ่มักไม่มีเวลาว่างพอ เป็นเหตุให้ไม่ได้เริ่มทริปหรือหยุดพักผ่อน ผู้เดินทางต่างต้องการใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพที่สุดระหว่างพักผ่อน ดังนั้น แทนที่จะเที่ยวแค่แบบเดียวตลอดทริป ในปี 2020 จะมีผู้เดินทางที่ต้องการทริปแบบ “ความสนุกครบครัน” เพิ่มขึ้น โดยไปเยือนจุดหมายที่มอบประสบการณ์หลากหลายและมีสิ่งน่าสนใจ โดย 7 ใน 10 ของผู้เดินทางชาวไทย หรือสัดส่วน 71%  กล่าวว่าต้องการออกทริปยาว ๆ สักครั้งเพื่อไปยังสถานที่ที่มีกิจกรรมและสิ่งที่น่าสนใจสุดโปรดทั้งหมดอยู่ใกล้กัน   นักท่องเที่ยวอีก 77% ยอมรับว่าจะเลือกจุดหมายที่มีกิจกรรมและสิ่งที่น่าสนใจสุดโปรดทั้งหมดอยู่ใกล้กันเพื่อจะได้ประหยัดเวลาเดินทาง จากเทรนด์นี้จึงทำให้คาดได้ว่า แวดวงการเดินทางจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้ผู้เดินทางสะดวกยิ่งขึ้น โดยสร้างแผนเดินทางที่อัดแน่นด้วยความสนุกและสิ่งที่น่าสนใจหลากหลาย ข้อเสนอ และเส้นทางที่จะทำให้ผู้เดินทางได้เที่ยวจุดหมายสนุกครบครันเหล่านี้อย่างเต็มที่   เมื่อพูดถึงจุดหมายที่มีครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ธรรมชาติโดดเด่น ซึ่งสามารถดื่มด่ำได้จากระเบียงห้องพักไปจนถึงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ สวนสุดตื่นตา และชายหาดสำหรับเล่นน้ำคลายร้อน เพื่อผ่อนคลายหลังออกสำรวจมากทั้งวัน ปิดท้ายด้วยมื้อเย็นที่ร้านอาหารท้องถิ่นรสดั้งเดิม จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้เดินทางที่ใช้บริการ Booking.com ต่างกล่าวว่าจุดหมายอันดับต้น ๆ ที่สามารถมอบประสบการณ์ความสนุกแบบครบครันให้กับนักท่องเที่ยวได้ คือ มอนเตวิเดโอ (อุรุกวัย) อิลญาเบลา (บราซิล) และนาฮะ (ญี่ปุ่น) เมื่อเทียบกับจุดหมายอื่น ๆ   5.สัตว์เลี้ยงต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง   เจ้าของสัตว์เลี้ยงทั่วโลกเกินครึ่ง สัดส่วน 55%  ให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเหมือนเป็นลูก  รวมถึงเจ้าของสัตว์เลี้ยงชาวไทยในสัดส่วน 53% ด้วยเช่นกันที่ให้ความสำคัญ จึงไม่น่าแปลกใจที่เทรนด์การเดินทางปี 2020 นี้จะถือเป็นจุดเริ่มต้นยุคใหม่ของการพักผ่อน  โดยสถานที่พัก หรือกิจกรรมต่า่งๆ ต้องให้การต้อนรับสัตว์เลี้ยงด้วย   เจ้าของสัตว์เลี้ยงชาวไทย 52% ยอมรับว่าในปีหน้าจะเลือกจุดหมายพักร้อนโดยอิงจาก ความเป็นไปได้ในการพาสัตว์เลี้ยงไปด้วย และเจ้าของสัตว์เลี้ยงจำนวน 52% ก็ยินดีที่จะจ่ายเพิ่ม  เพื่อพักที่พักซึ่งเป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง เทรนด์นี้เห็นได้ชัดจากจำนวนที่พักซึ่งยินดีต้อนรับสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องบน Booking.com   ผู้ประกอบการที่พักทั่วโลกยังคงมองหาวิธีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เช่น ที่นอนสุนัข สปาสัตว์เลี้ยง เมนูรูมเซอร์วิส หรือแม้แต่ห้องอาหารที่ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อสัตว์เลี้ยง เรียกได้ว่าสัตว์เลี้ยงที่เดินทางพักร้อนพร้อมเจ้าของ สามารถตั้งตารอประสบการณ์ระดับ 5 ดาวได้อย่างแน่นอน   6.สร้างความทรงจำดี ๆ ด้วย “ทริปสองวัย”   ปี 2020 เป็นปีแห่ง “ทริปสองวัย” ลืมคำว่าช่องว่างระหว่างวัยไปได้เลย เพราะจะมีปู่ย่าตายายจำนวนมากขึ้น ที่พร้อมไปพักร้อนอย่างยิ่งใหญ่กับหลานๆ โดยไม่ได้พาคนเป็นพ่อแม่ไปด้วย ชาวไทยในรุ่นปู่ย่าตายายเกือบ 3 ใน 4  สัดส่วน 74% ยอมรับว่าการใช้เวลากับหลานๆ ทำให้ตนเองได้รู้สึกย้อนวัย โดยอีก 56% เชื่อว่าเหล่าพ่อแม่ก็อยากมีเวลาเป็นส่วนตัวบ้างโดยไม่มีเด็กๆ มารบกวน   เมื่อจับคู่กับความจริงที่ว่าผู้สูงวัยทุกวันนี้แข็งแรงกว่า ชอบผจญภัยมากกว่า และกระตือรือร้นที่จะได้รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็ก อีกทั้งกระฉับกระเฉงกว่าเมื่อก่อน เราก็จะได้เห็นว่า “ทริปสองวัย” ซึ่งมีกิจกรรมสุดแอคทีฟมากมายให้คนสองวัยได้เข้าร่วมนั้น จะได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีกในปีหน้า   7.แข่งกันไปจองร้านอาหาร     เมื่อต้องตัดสินใจเรื่องท่องเที่ยวในปีหน้า จะเห็นว่าผู้เดินทางต่างให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารเป็นอันดับแรกๆ โดยต่างแย่งกันจองร้านอาหารดังๆ สำหรับหลายคนแล้ว การเลือกจุดหมายและช่วงที่จะเดินทางนั้นเริ่มต้นจาก  สามารถจองร้านเพื่ออิ่มอร่อยกับอาหารที่อยากทานมากๆ ได้หรือไม่   นอกจากนี้ ความหิวก็ยังถูกกระตุ้นด้วยเนื้อหาและคำแนะนำมหาศาลบนโซเชียลมีเดีย จึงไม่ได้มีเพียงร้านอาหารชื่อดังเท่านั้น ที่ผู้เดินทางต่างพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อจองโต๊ะ “ร้านลับ” ซึ่งเป็นสถานที่โปรดของคนท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน เสิร์ฟเมนูที่ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่นที่ผู้คนมากมายอยากลิ้มลอง โดยหลายครั้งอยู่ในเส้นทางซึ่งคนไม่ค่อยรู้จักกัน ได้กลายมาเป็นร้านซึ่งมีแนวโน้มชวนให้ผู้เดินทางซึ่งต้องการลิ้มรสอาหารท้องถิ่นน้ำลายสอ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เดินทางชาวไทยส่วนใหญ่ จำนวนถึง 85% กล่าวว่าการได้ทานอาหารที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นนั้นเป็นเรื่องสำคัญเมื่อไปทริปวันหยุด   ดังนั้น เตรียมกาปฏิทินหาวันหยุดได้เลย เพราะในปีหน้าผู้เดินทางจะเปลี่ยนแผนท่องเที่ยวโดยอิงจุดหมายที่เหมาะกับการไปทานอาหารเป็นหลัก โดยอยากไปดื่มด่ำรสชาติก่อนใคร และต้องการไปเยือนร้านเป็นรายแรก ๆ หรือก่อนที่จะกลายเป็นร้านดังออกสื่อต้องจองโต๊ะไปอีกร้าน   8.ทางลัดที่จะได้ออกเดินทางระยะยาว   เนื่องจากการเกษียณมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่จะไม่ได้มีเป้าหมายเพียงเพื่อมีอายุถึงจุดหนึ่ง และไม่ต้องทำงานแล้ว แต่วางแผนอย่างแข็งขันที่จะเกษียณเร็วขึ้น ในปี 2020 เราจึงจะได้เห็นการวางแผนการเกษียณเป็นเหมือนกับ “การวางแผนเดินทางเพื่อออกผจญภัย”   ชาวไทยในช่วงอายุ 18-25 ปี จำนวนมากกว่าหนึ่งในสี่ หรือสัดส่วน 28% กำลังวางแผนที่จะเกษียณก่อนอายุ 55 ปี โดยเรื่องที่วางแผนว่าจะทำก็เปลี่ยนไปเช่นกัน สำหรับปี 2020 ผู้เดินทางจะเปลี่ยนแนวคิดและเริ่มวางแผนครั้งใหญ่หลังเกษียณในอนาคต โดยผู้เดินทางชาวไทย 7 ใน 10 หรือสัดส่วน 72%​ เห็นว่าการออกเดินทาง หรือท่องเที่ยว เป็นวิธีสุดสมบูรณ์แบบที่จะใช้เวลาว่างจากการเกษียณ   ส่วนผู้เดินทางชาวไทยสามในสี่ หรือสัดส่วน 73% วางแผนที่จะทำให้ทริปโลดโผนขึ้นเมื่อเกษียณแล้ว และมากกว่าหนึ่งในสี่ หรือสัดส่วน 28% ของคนที่เกษียณแล้วก็กำลังวางแผน Gap Year คือเอาเวลาไปเที่ยวนานหลายเดือนโดยไม่ให้มีเรื่องอะไรมาขัดจังหวะ ซึ่งเป็นการเดินทางที่ผู้เดินทางชาวไทยเกือบ 3 ใน 4 หรือสัดส่วน 73% เห็นพ้องว่าสามารถทำตอนอายุเท่าไรก็ได้  และเนื่องจากการเกษียณและการเดินทางการเป็นเรื่องที่ควบคู่ไปด้วยกันสำหรับกลุ่มคนในหลายช่วงอายุ จึงคาดว่าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผู้เดินทางสามารถเริ่มกระบวนการวางแผนผ่านเงินเก็บสำหรับ “ทริปหลังเกษียณ” โดยเป็นไปในลักษณะที่เปิดโอกาสให้ผู้เดินทาง ปันเงินไว้สำหรับทริปพักร้อนที่ยาวที่สุดในชีวิต   นี่คือ 8 เทรนด์การท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยว ตอนนี้ ก็เตรียมเงินและวางแผนหาวันหยุด แล้วแพ็คกระเป๋า ออกไปท่องโลกกว้าง เพื่อเติมพลังชีวิตกันได้เลย
7 ฟังก์ชั่น “จระเข้ เทอร์โบ พลัส” ประโยชน์มากกว่า ในราคาสุดคุ้ม

7 ฟังก์ชั่น “จระเข้ เทอร์โบ พลัส” ประโยชน์มากกว่า ในราคาสุดคุ้ม

  การสร้างหรือการซ่อมแซมบ้าน ปัจจัยหนึ่งที่มักทำให้งบประมาณบานปลาย  คือ ขาดการวางแผนและเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ไม่มีคุณภาพ  คำนึงแต่เรื่องราคาถูกเป็นหลัก ทำให้เวลาเอามาใช้งานจริง ไม่ได้ตามมาตรฐานของงาน ผลงานจึงออกมาไม่มีคุณภาพ หรือเมื่อใช้ไปได้สักระยะก็ต้องมาเจอปัญหาเดิม  ต้องมานั่งรื้อนั่งซ่อมกันใหม่  ทำให้ต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา และอารมณ์  หงุดหงิดกับปัญหาซ้ำซากที่ต้องเจอบ่อยๆ   การเลือกใช้วัสดุจึงควรจะเน้นเรื่องคุณภาพมาเป็นอันดับแรก และพิจารณาเรื่องของความคุ้มค่าคุ้มราคา อายุการใช้งานยาวนาน ไม่ต้องมาเสียอารมณ์ เสียเวลาแก้ไขปัญหาที่ตามมาภายหลัง แม้ว่าอาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย  แต่ถ้าคำนวณแล้วคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป  ก็น่าจะดีกว่าเลือกซื้อแต่ของถูกเท่านั้น   อย่างห้องน้ำหรือห้องครัวที่มีการปูกระเบื้อง ปัญหาสำคัญที่มักพบเสมอ เมื่อใช้งานไปได้สักระยะหนึ่ง คือ ยาแนวของกระเบื้องหลุดล่อน เกิดเปราะแตก น้ำรั่วซึม เกิดปัญหาราดำ ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการใช้ยาแนวที่ไม่มีคุณภาพที่ดีมากพอ ไม่เหมาะกับประเภทกระเบื้อง ทำให้มีปัญหาภายหลังมากวนใจ กวนเงินในกระเป๋าเจ้าของบ้าน ให้ต้องตามแก้ตามซ่อมกันเสมอๆ   5 เทคนิคเลือกใช้ยาแนวเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าไม่อยากให้เกิดปัญหาเรื่องยาแนวกระเบื้องในภายหลัง  ลองใช้ 5 เทคนิคนี้เป็นแนวทาง ในการเลือกใช้ยาแนวให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด   1.เลือกใช้ยาแนวให้เหมาะกับประเภทของกระเบื้อง เริ่มต้นของการเลือกยาแนวที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด คือต้องเลือกให้เหมาะสมกับประเภทกระเบื้อง เช่น กระเบื้องแกรนิตโต้นิยมปูชิดเพื่อความสวยเนียน มีขนาดร่องเพียง 0.2-2 มม. ส่วนกระเบื้องเซรามิคทั่วไปมีร่องขนาด 3 มม. การเลือกยาแนวจึงต้องมีคุณสมบัติไหลลึกเหมาะกับร่องของกระเบื้องร่องเล็กปูชิด     2.เลือกใช้ยาแนวให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งานของกระเบื้อง กระเบื้องที่ปูในห้องต่างๆ ไม่ว่าจะห้องน้ำ ห้องครัว หรือห้องทั่วไป ลักษณะการใช้งานก็แตกต่างกันไป เพราะสภาพแวดล้อมแตกต่างกัน ห้องน้ำและห้องครัวอาจจะต้องเจอกับน้ำและความชื้นมากเป็นพิเศษ ทำให้อาจจะเกิดเชื้อรา หรือราดำตามร่องยาแนวได้ การเลือกใช้ยาแนวจึงต้องเลือกที่มีคุณสมบัติป้องกันราดำ และทนต่อกรดหรือสารเคมีในน้ำยาทำความสะอาดได้ดีกว่า เป็นต้น แต่ถ้าเป็นห้องทั่วไปภายในอาคาร ก็ควรเลือกกาวยาแนวที่มีสารระเหยที่เป็นพิษต่ำ (Low VOC) ทำให้เกิดสภาพอากาศที่ดีทั้งระหว่างการก่อสร้างและการอยู่อาศัย   3.เลือกสินค้าจากแบรนด์หรือผู้ผลิตที่มีมาตรฐานการผลิต เป็นที่ยอมรับ สินค้ายาแนวที่จำหน่ายในท้องตลาดมีอยู่มากมาย หลากหลายยี่ห้อ  และผู้ผลิต เหตุผลง่ายๆ ที่เราจะต้องเลือกสินค้าจากแบรนด์และผู้ผลิตที่มีมาตรฐานการผลิต เป็นที่ยอมรับ เพราะสินค้าจะมีคุณภาพและมาตรฐานตามที่เราต้องการใช้งานจริงๆ หากไปใช้สินค้าที่แบรนด์ไม่เป็นที่รู้จัก แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสินค้ามีคุณภาพตรงตามที่ได้โฆษณาไว้     4.เลือกสินค้าที่มีคุณสมบัติพิเศษเพิ่ม เดี๋ยวนี้การผลิตสินค้ามีเทคโนโลยี และการพัฒนาที่ล้ำหน้าไปไกล ผู้ผลิตจึงมักเสริมคุณสมบัติพิเศษของสินค้า  เพื่อให้สินค้ามีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้านำไปใช้งาน ดังนั้นเราจึงควรเลือกสินค้าที่มีคุณสมบัติพิเศษ ที่เหนือกว่าสินค้าที่มีแค่คุณสมบัติพื้นฐาน หากราคาไม่แตกต่างกันมากนัก   5.ไม่เลือกสินค้าโดยพิจารณาแต่ราคาเป็นหลัก เรื่องราคาอาจจะเป็นปัจจัยหลักของหลายคนในการเลือกสินค้า แต่หากคิดให้รอบครอบ การเลือกสินค้าโดยคิดแต่เอาเรื่องราคาถูกเข้าไว้ก่อน นานไปก็ต้องมีปัญหาตามมาให้แก้ไข เพราะสินค้าราคาถูกก็ย่อมจะมากับคุณภาพพอประมาณ ถ้าคิดเฉพาะราคาสินค้าถูกก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่อย่าลืมถ้ามีปัญหาต้องเสียเวลา และหาช่างมาซ่อมแซมเพิ่มเติม นี่คือต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เผลอๆ คิดแล้วอาจจะแพงกว่าการเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดี ที่อาจมีราคาสูงกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ และการเลือกจากขนาดถุงใหญ่กว่าก็อาจไม่ใช่คำตอบ ขนาดบรรจุควรเป็นขนาดที่เหมาะสมต่อการใช้งาน ไม่เหลือเศษทิ้งจนต้องจ่ายเกินจำเป็น     ถ้าพูดถึงเทรนด์การใช้กระเบื้อง สำหรับใช้ปูห้องต่างๆ ต้องยอมรับว่าเดี๋ยวนี้กระเบื้องประเภทแกรนิตโต้ ได้รับความนิยมถูกนำมาใช้ในบ้านและคอนโดมิเนียมมากมาย เพราะมีทั้งความสวยงามและมีรูปแบบให้เลือกหลากหลายประเภทในการใช้งาน แต่การเลือกใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งความสวยงามและอายุการใช้งานยาวนาน คงต้องมีกาวยาแนวที่มีประสิทธิภาพควบคู่กันด้วย   บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในฐานะผู้นำด้านการผลิตภัณฑ์กาวยาแนว  จึงได้ทำตลาดผลิตภัณฑ์ กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัสเพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้า ที่หันมาปูกระเบื้องแกรนิตโต้และกระเบื้องตัดขอบปูชิดกันเพิ่มมากขึ้นด้วย และยังเป็นการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์กาวยาแนวไม่มีคุณภาพ หรือไม่เหมาะกับกระเบื้องแกรนิตโต้  ทำให้ห้องที่ปูกระเบื้องแกรนิตโต้ ประสบปัญหาภายหลังมากมาย อาทิ ปัญหาราดำ  น้ำซึม และเปราะแตก เป็นต้น  ซึ่งสาเหตุสำคัญคือยาแนวไม่ลงลึกไปในร่องของกระเบื้องได้เต็มประสิทธิภาพ  ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้ต้องมาตามแก้ไขปัญหาภายหลัง จึงต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจริงๆ   ลองมาดูกันว่าผลิตภัณฑ์กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส มีอะไรดีบ้าง  เพราะแม้ว่าจะมีขนาดถุงเล็กๆ แต่เต็มด้วยประสิทธิภาพ เรียกได้ว่า แก้ได้หมดจบทุกปัญหา   7 ฟังก์ชั่น “จระเข้ เทอร์โบ พลัส” ที่ให้ประโยชน์มากกว่าในราคาสุดคุ้ม 1. กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส มี Deep Active Molecule ทำให้เนื้อกาวไหลตัวได้ลึก ยึดเกาะเต็มร่องเล็ก สำหรับร่องยาแนว ขนาด 0.2-5 มม. โดยเฉพาะกระเบื้องแกรนิตโตที่นิยมปูชิด แต่เต็มประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่า “เล็กแต่แรง” จริงๆ หมดปัญหาที่จะเกิดขึ้นภายหลัง เพราะสามารถไหลลึกกว่า 8 มม. หรือเต็มความหนาของกระเบื้องแกรนิตโต้ จึงไม่เกิดโพรงช่องว่างหมดปัญหาน้ำซึมผ่านได้ หากเป็นยาแนวธรรมดาทั่วไป จะยึดเกาะร่องเล็กสุดตั้งแต่ 1-5 มิลลิเมตรเท่านั้น จึงมีโอกาสเปราะแตกง่ายกว่าสร้างปัญหาตามมาอีกมากมาย      2. กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส มีเทคโนโลยีไมโครแบน ทำให้มีคุณสมบัติยับยั้งราดำและตะไคร่น้ำ ที่ถือเป็นปัญหาสกปรกกวนใจ แถมยังเป็นแหล่งเชื้อโรคอีกด้วย ซึ่งสาเหตุของการเกิดราดำ เป็นเพราะเราละเลยและเลือกกาวยาแนวไม่ถูกประเภท ซึ่งส่งผลให้ยาแนวเปราะแตก มีน้ำซึม เกิดราดำในที่สุด     และเมื่อยาแนวหลุดล่อน น้ำจะซึมผ่านใต้แผ่นกระเบื้อง หากเป็นห้องน้ำชั้น 2 จะทำให้ฝ้ารั่ว ฝ้าพังเกิดความเสียหาย น้ำหยดลงเฟอร์นิเจอร์ และหยดลงพื้น จากปัญหาเล็กๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่ในที่สุด  ทำให้ทุกอย่างพังหมด ต้องหาช่างมาซ่อมแซม เสียค่าใช้จ่ายบานปลาย เสียทั้งเงิน ทั้งเวลา เพียงเพราะมองข้ามเรื่องเล็กๆ เหล่านี้     3. กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส ยังมีคุณสมบัติในเรื่องการแห้งตัวเร็ว สามารถเปิดใช้พื้นที่ได้ภายใน 6 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งปกติยาแนวทั่วไปนั้นกว่าจะแห้งสนิท หรือเปิดพื้นที่ใช้งานได้ ต้องใช้ระยะเวลา 12-24 ชั่วโมง เหมาะมากกับบ้านหรือคอนโดที่มีห้องน้ำเดียวและต้องใช้ทุกวัน     4. คุณสมบัติด้านการทนกรด และสารเคมีมากกว่ากาวยาแนวทั่วไป ทำให้หมดปัญหาและข้อกังวลใจหากใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ที่มีสารเคมีหรือกรดซึ่งไม่ต้องกังวลใจว่ายาแนวจะซึกกร่อนได้ เพราะหากเป็นยาแนวปกติทั่วไปนั้น มีคุณสมบัติพื้นฐานเพียงแค่ปิดร่องกระเบื้อง แต่ไม่ได้พัฒนาให้กาวยาแนวมีคุณสมบัติทนกรด ทำให้เมื่อใช้ไปได้ไม่นานก็เกิดปัญหาหลุดล่อน เพราะถูกกรดหรือสารเคมีจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทำลายยาแนว   5. นอกจากกาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส จะมีเทคโนโลยีไมโครแบน ลดปัญหาราดำแล้ว ยังมีสารไฮโดรโฟบิก ที่ช่วยลดคราบสกปรกฝังแน่น และลดการซึมน้ำ ซึ่งเป็นต้นเหตุการณ์ทำให้กระเบื้องหลุดล่อนอีกด้วย หากเป็นยาแนวธรรมดา ที่ไม่ได้มีสารไฮโดรโฟบิก สิ่งที่เรามักพบเสมอคือ คราบสกปรกฝังแน่น เป็นคราบดำ เนื่องจากยาแนวนั้นเน้นแต่เพียงการปิดร่องกระเบื้อง เป็นคุณสมบัติพื้นฐานหลักเท่านั้น     6. กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส ยังมี WCAC Technology ซึ่งช่วยในเรื่องของลดการเกิดคราบขาวได้ในหนึ่งเดียว เป็นคุณสมบัติพิเศษ   7. ผลิตภัณฑ์กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส ใช้เทคโนโลยีและมาตรฐานการผลิตสินค้าเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยได้รับการทดสอบควบคุมตามมาตรฐาน ANSI A 118.6 (Unsanded), A 118.7 (Unsanded) มาตรฐานยุโรป EN 13888 CG2 และผ่านเกณฑ์การทดสอบตามมาตรฐานการประเมินอาคารเขียว หรืออาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม LEED v4 ในหัวข้อ Indoor Environmental Quality – IEQ (คุณภาพสภาพแวดล้อมในอาคาร) ด้วยวัสดุที่มีสารระเหยที่เป็นพิษต่ำ   จะเห็นว่าผลิตภัณฑ์กาวยาแนวมีความสำคัญมากต่อการปูกระเบื้อง และไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ยาแนวอุดร่องกระเบื้องเท่านั้น แต่มีความสำคัญมากต่อการป้องกันปัญหาจุดเล็กๆ ที่อาจจะบานปลายเป็นปัญหาใหญ่ ต้องใส่ใจเลือกผลิตภัณฑ์กาวยาแนวจระเข้ เทอร์โบ พลัส ไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะมากวนใจภายหลัง แม้ว่าอาจจะมีราคาสูงกว่าสินค้าในท้องตลาด และมีขนาดบรรจุต่อถุงเพียง 0.5 กิโลกรัม แต่ก็ครอบคลุมพื้นที่ได้มาก ประสิทธิภาพสูง บรรจุขนาดเหมาะกับพื้นที่ใช้งาน  เรียกว่าจ่ายครั้งเดียวคุ้มค่าในระยะยาวถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ “เล็กแต่แรง” เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ และคุ้มค่าคุ้มราคามากเลยทีเดียว   หมายเหตุ : LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) มีต้นกำเนิดจากสหรัฐอเมริกาเป็นที่ยอมรับใช้ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกในการก่อสร้างปรับปรุงอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม   ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม : http://bit.ly/2B0ANyw  
รวมคอนโดฯ สุขุมวิทช่วงปลาย ในราคาแค่ล้านกว่า

รวมคอนโดฯ สุขุมวิทช่วงปลาย ในราคาแค่ล้านกว่า

ราคาคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง แม้จะมีความสะดวกสบายรอบด้านแถมใกล้ที่ทำงานของใครหลายคนอีกต่างหาก แต่ราคาแต่ละโครงการนั้น มนุษย์เงินเดือนธรรมดาอย่างเราๆ ก็ยากจะเอื้อมถึงเข้าไปทุกที ถ้าเราอยากจะมองหาคอนโดฯ ที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าเดินทางไปทำงานได้อย่างสะดวก แต่มีราคาที่ยังสามารถเอื้อมถึงได้ วันนี้เราจะมาแนะนำคอนโดฯ โซนสุขุมวิทช่วงปลาย ในราคาแค่ล้านกว่าๆ เท่านั้น แถมยังไม่ไกลจากรถไฟฟ้าด้วยนะคะ เพราะเดี๋ยวนี้ทางโครงการ ก็มีรถรับ-ส่งถึงสถานีกันอยู่แล้วด้วย จะมีโครงการไหนน่าสนใจบ้าง ลองมาดูกันค่ะ     Supalai City Resort Sukhumvit 107 (ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท สุขุมวิท 107) คอนโดฯ Low Rise 8 ชั้น 6 อาคาร 1,022 ยูนิต 4 ร้านค้า Type ห้อง Studio-2 Bedroom ขนาด 28.5-69.5 ตร.ม. ขายแบบ Fully Furnished มาในสไตล์รีสอร์ทเน้นการพักผ่อนเหมือนอยู่บ้านทั้งสวนสีเขียว สระว่ายน้ำ Infinity Edge ส่วนกลางอื่นๆ จะอยู่ในลักษณะของอาคารสโมสรสูง 2 ชั้น วางแยกกัน 2 อาคาร โดยจะมีทั้ง Fitness, Co-Living Space และ EV Charger   สถานที่ตั้ง : ซ.แบริ่ง 18 ราคาเริ่มต้น : 1.78 ล้านบาท   รีวิวฉบับเต็ม https://www.reviewyourliving.com/review-condo/supalai-city-resort-sukhumvit-107-bearing-082019/   THE ORIGIN SUKHUMVIT 105 (ดิ ออริจิ้น สุขุมวิท 105) คอนโดฯ Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร รวม 672 ยูนิต 1 Shop แบ่งเป็นอาคาร A 243 ยูนิต อาคาร B 224 ยูนิต อาคาร C 205 ยูนิต Type ห้อง 1 Bedroom-2 Bedroom ขนาด 22.50-54.50 ตร.ม. ขายแบบ Fully Fitted เป็นคอนโดที่เน้นเอาใจคน Gen Z ทั้งส่วนกลาง Co-Working Space เปิด 24 ชม. มีเทคโนโลยี Home Automation, Smart Mirror ควบคุมการทำงานผ่าน App ไปจนถึง Hotel Service On demand   สถานที่ตั้ง : ซ.ลาซาล 30 ราคาเริ่มต้น : 1.39 ล้านบาท   รีวิวฉบับเต็ม https://www.reviewyourliving.com/review-condo/the-origin-sukhumvit-105-082019/   Aspire Sukhumvit-Onnut (แอสปาย สุขุมวิท-อ่อนนุช)      คอนโดฯ Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร รวม 553 ยูนิต Type ห้อง Studio-2 Bedroom ขนาด 26.5-52 ตร.ม. ขายแบบ Fully Fitted ตั้งอยู่ริมคลองพระโขนงอันเงียบสงบ ครั้งแรกของแบรนด์ Aspire ที่นำการวาง Floor Plan แบบ Unit Interlock มาใช้เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้คุ้มค่าที่สุด ดีไซน์อาคาร COLONIAL POP สีสันแปลกใหม่ แต่ยังคงแฝงเรียบง่ายของโทนสีธรรมชาติเอาไว้ด้วยกัน ใช้วัสดุส่วนกลางที่มีความพรีเมียมมากขึ้นจาก Aspire ตัวก่อนๆ   สถานที่ตั้ง : ซ.อ่อนนุช 21 ราคาเริ่มต้น : 1.89 ล้านบาท   รีวิวฉบับเต็ม https://www.reviewyourliving.com/review-condo/aspire-sukhumvit-onnut-aspire-asoke-ratchada/   Niche MONO Sukhumvit-Puchao (นิช โมโน สุขุมวิท-ปู่เจ้า) คอนโดฯ  High Rise 12 ชั้น 3 อาคาร 572 ยูนิต ร้านค้า 1 ยูนิต Type ห้อง 1 Bed Plus, Living Plus, 2 Bedroom ขนาด 35-48 ตร.ม. ติด BTS ปู่เจ้า ตรงข้ามกับบิ๊กซี สำหรับ Facilities ถูกวางเอาไว้ทั้ง 3 อาคาร ซึ่งต่างคอนเซ็ปต์กันทั้ง Active Family และ Connecting ให้ได้เลือกใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย   สถานที่ตั้ง : ติด BTS ปู่เจ้า ราคาเริ่มต้น : 1.89 ล้านบาท   รีวิวฉบับเต็ม https://www.reviewyourliving.com/review-condo/niche-mono-sukhumvit-puchao-2/   THE BASE SUKHUMVIT 50 (เดอะ เบส สุขุมวิท 50) คอนโดฯ Low Rise 8 ชั้น  2 อาคาร 415 ยูนิต Type ห้อง 1 Bedroom-2 Bedroom ขนาด 25-56.75 ตร.ม. เป็นคอนโดที่ใกล้ทั้งทางด่วน และไม่ไกลจาก BTS อ่อนนุช ซึ่งซอยสุขุมวิท 50 เองก็มีอาหารการกินมากมาย และยังมีเทสโก้ โลตัส ที่อยู่ติดกับ BTS อ่อนนุช ตัวอาคารทั้ง 2 โอบล้อม Facilities กลางโครงการเอาไว้ ผ่านคอนเซ็ปต์ Camouflage   สถานที่ตั้ง : ซอยเริ่มเจริญ ถนนซอยสุขุมวิท 50 ราคาเริ่มต้น : 2.29 ล้านบาท   ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.reviewyourliving.com/review-condo/the-base-sukhumvit-50/    
THEW TALAY เปิดรีเทลปั้นแลนด์มาร์คใหม่ ชะอำ-หัวหิน

THEW TALAY เปิดรีเทลปั้นแลนด์มาร์คใหม่ ชะอำ-หัวหิน

เชื่อว่าพื้นที่ชายทะเลในโซนชะอำ-หัวหิน  เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทาง ของการเดินทางพักผ่อน สำหรับหลายครอบครัวอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นช่วง Long Weekend หรือแม้แต่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพราะนอกจาก จะได้บรรยากาศของชายหาดอันเงียบสงบแล้ว ยังอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อีกด้วย   เพราะเสน่ห์ของพื้นที่ชะอำ-หัวหิน ส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์ ให้ความสนใจเข้าไปพัฒนาโครงการสารพัด ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย โรงแรม หรือพื้นที่รีเทลหลากหลายรูปแบบ  โครงการ THEW TALAY ESTATE ก็คือ หนึ่งในโปรเจ็กต์ที่ดีเวลลอปเปอร์เข้าไปพัฒนา ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อบริษัท  ร่วมอิสสระ จำกัด   พัฒนาโครงการบนพื้นที่ 110 ไร่  ซึ่งในเฟสแรกใช้พื้นที่พัฒนาไปแล้ว 50 ไร่   สำหรับโครงการต่างๆ ที่พัฒนาออกมาประกอบด้วย   โครงการบ้านทิวทะเล อความารีน (Aquamarine) คอนโดมิเนียมติดทะเล 3 ไร่ ประกอบด้วย อาคาร 15 ชั้น 1 อาคาร และอาคาร 4 ชั้น 2 อาคาร  มีขนาดห้องตั้งแต่ 1-3 ห้องนอน  ขณะนี้ Sold out  เรียบร้อยแล้ว   โครงการบ้านทิวทะเล บลูแซฟไฟร์ (Blue Sapphire) คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่บนพื้นที่ 15 ไร่ ติดริมชายหาดส่วนตัว ขนาดหน้ากว้าง 20 เมตร แบ่งเป็นอาคาร 4 ชั้น 2 อาคาร และอาคาร 15 ชั้น 1 อาคาร มีห้องตั้งแต่ขนาด 1-3 ห้องนอน พื้นที่ 36.6-157.98 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท ซึ่งห้อง 3 ห้องนอน ขายหมดไปแล้ว  ปัจจุบันโครงการมียอดขายแล้วกว่า 80%  ซึ่งโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส   โครงการบลู (Blu) คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ เป็นอาคารสูง 21 ชั้น ห้องขนาด 1-2 ห้องนอน พื้นที่ 30-65 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้าน ปัจจุบันโครงการมียอดขาย 60%  โครงการมีความโดดเด่นที่มีสระว่ายน้ำแบบฟรีฟอร์มสไตล์โอเอซิสสวยๆ พร้อมจากุชชี่  บรรยากาศโครงการใช้โทนสีฟ้า-ขาว สบายตา เหมาะกับการพักผ่อนในเมืองชายทะเลแบบนี้   Baba Beach Club Hotel&Residences Hua Hin โครงการเรสซิเดนซ์สุดหรูในเครือศรีพันวา ติดชายหาด โดยแบ่งเป็นห้องบีชฟรอนท์จำนวน 18 ห้อง และโซนพูลวิลล่าอีก 11 หลัง ซึ่งทั้งหมดได้ปิดการขายเรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทกำลังก่อสร้างพัฒนาพลูวิลล่า 3 ห้องนอน 2 ที่จอดรถ อีก 7 หลัง บนพื้นที่รวม 3 ไร่ ราคาเริ่มต้น 33.9 ล้านบาท โดยตกแต่งแบบ Fully Furnished ทั้งหลัง พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหลัง สระว่ายน้ำส่วนตัว มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มให้เข้าชมบ้านตัวอย่างได้ในช่วงต้นปีหน้า ส่วนพื้นที่ของโรงแรมบาบาบีชคลับหัวหิน จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส  สปา สวนในสไตล์ทรอปิคอล ร้านอาหาร พื้นที่สันทนาการทั้ง Indoor และ outdoor พร้อมชิลล์บาร์บริเวณสระว่ายน้ำริมหาดได้อีกด้วย   ร้านบ้านโชค บ้านหลังเก่าของตระกูลโชควัฒนา ซึ่งปัจจุบันถูกดัดแปลงมาเป็นร้านอาหาร ทั้งไทย-อิตาเลียน และฟิวชั่นหลายเมนูให้ได้เลือกทาน หรือจะมานั่งจิบกาแฟ ดื่มชาแบบ Afternoon Tea ท่ามกลางบรรยากาศบ้านสีขาว มีสนามหญ้าสีเขียวกว้างๆ ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ไปจนถึงริมชายหาดส่วนตัว ดูอบอุ่น โรแมนติกขนาดนี้ แน่นอนว่าร้นาบ้านโชค ยังให้บริการรับจัดงานเลี้ยง งานอีเว้นท์ รวมถึงงานแต่งงานริมทะเลด้วย   โดยร้านบ้านโชคเปิดให้บริการ ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 11.00-18.00 น. และเสาร์-อาทิตย์ 7.00-21.00 น.  สำหรับใครที่อยากจะมานั่งพักผ่อนชิวๆ ริมทะเล พร้อมอาหารอร่อยๆ     สำหรับโปรเจ็กต์ต่อเนื่องล่าสุดของ THEW TALAY ESTATE บนพื้นที่ 6 ไร่ ติดริมถนนเพชรเกษม กำลังพัฒนาให้กลายเป็น Commercial Area เพื่อให้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายของนักท่องเที่ยว ซึ่งพื้นที่แห่งนี้จะถูกเนรมิตขึ้นมาให้สามารถรองรับได้ทั้งครอบครัว เพราะจะมีทั้งสนามเด็กเล่น พร้อมพื้นที่เปิดประสบการณ์การเรียนรู้, My little farm เป็นสถานที่ให้ความรู้ เกี่ยวกับผักสวนครัว, จัดกิจกรรม Food Truck หรือ Flea Market ในช่วงวันหยุดยาว, จุดถ่ายภาพต่างๆ และ Doggy Dog Park สำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกเป็นสัตว์เลี้ยงให้มีพื้นที่พักผ่อน วิ่งเล่นไปด้วยกัน   ไฮไลท์ของส่วน Commercial Area อยู่ที่ปั๊มน้ำมัน Shell ที่ไม่ใช่แค่ที่แวะพัก เติมน้ำมันเข้าห้องน้ำ แต่ทาง THEW TALAY ESTATE แอบแง้มมาว่าเป็นปั๊มที่สวยที่สุดในประเทศไทยแน่นอน เพราะได้บรรจงออกแบบให้แตกต่างจากปั๊มทั่วไป ซึ่งมีความทันสมัยแปลกใหม่ มีหัวจ่ายน้ำมัน 2 แท่น 4 ตู้จ่าย และยังรองรับบริการล้างรถ, EV Charger อีกด้วย นอกจากนี้ยังคัดสรรร้านต่างๆ มาเปิดให้บริการ เช่น Lowson 108 ร้านไอศครีม-เครื่องดื่ม AF-FO-GA-TO จาก Baba Beach Club จับตามองกันไว้ให้ดี เพราะ Commercial Area แห่งนี้มีแววกำลังจะกลายเป็น Landmark of Cha Am-Hua Hin ที่พลาดไม่ได้ โดยเตรียม Grand Opening กันในช่วงต้นเดือนธันวาคม นี้แล้ว     ในอนาคตไม่ใช่ Commercial Area 6 ไร่ นี้เท่านั้น ยังเหลืออีกตั้ง 20 ไร่ ที่ยังจะทำการพัฒนาต่อไป ซึ่งมี Main Hotel สูง 12 ชั้น 47 ห้องพัก และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ Lobby , Lounge , All-Day Dining , Ballroom , Meeting Room , Kids Club , Main Pool , Spa , Gym คาดว่าจะเปิดให้เข้ามาใช้บริการกันได้ประมาณปลายปี 63 ทั้งหมด   เดาไม่ออกเลยว่า ถ้า THEW TALAY ESTATE เสร็จสมบูรณ์ต็มพื้นที่ 100% เมื่อไหร่ อาณาจักรนี้จะยิ่งใหญ่ ครบครัน น่าอยู่ขนาดไหน เชื่อว่าใครที่ได้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองแล้วล่ะก็ อาจจะเกิดอยากมีคอนโดหรือบ้านตากอากาศ ริมทะเลที่เป็นส่วนตัวสุดๆ สักหลังแน่ๆ  
19 ร้านคอนเซ็ปต์

19 ร้านคอนเซ็ปต์ "ใหม่" ในสามย่านมิตรทาวน์

เพราะคอนเซ็ปต์การพัฒนาโครงการ “สามย่านมิตรทาวน์” คือ “Urban Life Library – คลังแห่งอาหารและการเรียนรู้” เป็นวิธีการสร้างความแตกต่าง และการจดจำ โดยไม่ได้มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการให้สวยงามที่สุดเป็นหลัก แต่เน้นสร้างการจดจำ ไม่ได้มุ่งเน้นในเรื่องความหรูหรา แต่เน้นไปสู่ในเรื่องของ Smart & Friendly คีย์เวิร์ดสำคัญที่ถูกนำมาใช้เป็นแนวคิดในการพัฒนา จึงประกอบด้วย 2 คำ คือ “ความรู้” (Knowledge)  และ “อาหาร” (Food) เนื่องจากสร้างโครงการบนพื้นที่ของสำนักทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และที่ดินเดิม คือ ตลาดสามย่าน แหล่งรวมร้านอาหารที่ขึ้นชื่อและอร่อย การพัฒนาจึงมุ่งเน้นการตอบสนองใน 2 เรื่องดังกล่าว โครงการ  “สามย่านมิตรทาวน์” ภายใต้การดำเนินงานของ โกลเด้นแลนด์ หรือ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)  จึงเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารต่างๆ มากมาย ทั้งที่เคยอยู่ในย่านตลาดสามย่าน และร้านค้าทั่วไป  แต่ที่สำคัญมีหลายร้านที่เพิ่งมาเปิดภายในโครงการเป็นสาขาแรก หรือไม่ก็เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ ซึ่งไม่เคยเปิดที่ไหนมาก่อน รวมถึงยังมีร้านที่เปิดให้บริการแบบ 24 ชั่วโมงด้วย     นี่คือ 19 ร้านค้าร้านอาหาร กับคอนเซ็ปต์ใหม่ที่มีมาเปิดบริการ ใน “สามย่านมิตรทาวน์” เป็นที่แรก ได้แก่                         1.เซ็น บ็อกซ์ (Zen box) อาหารญี่ปุ่นสไตล์ Grab & Go ที่มีรูปแบบร้านขนาดกะทัดรัด และเมนูตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ   2.อากะ (AKA) เป็นร้านปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นในรูปแบบบุฟเฟ่ต์แบบพรีเมียม และปรับปรุงเมนูบุฟเฟ่ต์ซาซิมิมาเป็นครั้งแรกที่สาขานี้   3.มูจิ ไลฟ์สไตส์ แอนด์ คาเฟ่ (Muji Lifestyle and Café) สาขาแรกในประเทศไทย ที่เพิ่มความพิเศษด้วยของว่าง ขนมหวาน และเครื่องดื่ม รวมถึงเมนูอาหารที่ทำจากผักหลากหลายชนิด และวัตถุดิบธรรมชาติ พร้อมจำหน่ายเครื่องเขียน เสื้อผ้า อาหาร และอุปกรณ์เครื่องครัวครบครัน   4.เม่ย เว้ย หว่าน นู้ดเดิ้ล (Mei wei wan noodle) ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ สูตรจากไต้หวัน และเนื้อวัวนำเข้าจากออสเตรเลีย   5.ร้านไก่ทอด โต คิว โจ  (To Kio Jo) จากเกาหลี ที่มาเปิดเป็นสาขาแรก   6.ร้านอาหารสไตล์จีน ดินส์ (Din's) ที่มีการสร้างสรรค์ลูกเล่นหรือกิมมิคใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากร้านอาหารในเครือเซ็นกรุ๊ป เป็นแบรนด์ใหม่ที่ถูกขึ้นมาและปักหมุดเป็นสาขาแรก   7.ร้านกาแฟและอาหารบริการด่วน ทิม ฮอร์ตันส์ (Tim Hortons) ซึ่งเป็นร้านชื่อดังจากประเทศแคนาดา     8.ศูนย์อาหารสตรีท ฟู้ด สามย่าน ฟู้ด เลเจ้นด์ส บาย เอ็มบีเค (SAMYAN FOOD Legends by MBK) ที่รวมร้านอาหารระดับตำนานในสามย่าน สะพานเหลือง และเยาวราช  แห่งแรกของเมืองไทยมาเสิร์ฟลูกค้ากว่า 10 ร้าน เช่น เพ้งคั่วไก่ ทูเดย์สเต็ก ไฮเช็งลูกชิ้นปลา   9.เอพรอน วอร์ค (Apron Walk) ชั้น B1 เป็นศูนย์รวมอุปกรณ์เครื่องครัวทันสมัยและครบครันที่สุดในสามย่าน โดยลูกค้าจะมีสินค้าเครื่องครัวให้เลือกหลากหลายแบรนด์ ทั้งยังมีการจำหน่ายวัตถุดิบในการทำอาหารทั้งในส่วนของวัตถุดิบในประเทศและต่างประเทศ รวมไปถึงการมีคุ้กกิ้ง คลาส เพื่อเอาใจคนรักการทำอาหาร     10.ร้านมีเดียม แอนด์ มอร์ (Medium & More) ชั้น 3 ศูนย์รวม อาร์ต แอนด์ คราฟต์ ซัพพลาย (Art and Craft Supply) ความโดดเด่นของร้านนี้ คือ ความครบเครื่องในด้านของอุปกรณ์ศิลปะงานประดิษฐ์ รวมถึงสินค้าแปลกใหม่จากทุกมุมโลก นอกจากนี้ยังมีบริการในส่วนของการสลักชื่อ และปั๊มตัวอักษรหรือลวดลายเงิน ทองลงบนวัสดุหนัง โดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกถึงความเป็น “เจ้าของ” และ “จับจอง” ได้ ซึ่ง “โกลเด้นแลนด์” พัฒนาร้านนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ   11.เซเลบริตี้ฟิตเนส (Celebrity Fitness) สตูดิโอออกกำลังกาย เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายอายุ 21 - 35 ปี แบรนด์ใหม่ของค่ายฟิตเนส เฟิร์สท   12.แองกริซ (Angkriz) โรงเรียนกวดวิชาภาษาอังกฤษ ที่จะเพิ่มคอร์สอินเตอร์เป็นสาขาแรก เจาะกลุ่มนักเรียนที่ต้องการไปเรียนต่อในต่างประเทศ ปี 2563 จะเพิ่มหลักสูตรในส่วนของคอร์ส PRIVATE CHAMBER หรือ PC (พีซี) คือ คอร์สเรียนส่วนตัวของโรงเรียนกวดวิชาอาจารย์ปิง (ดาว้องก์) เป็นต้น   13.รำปุรี (rumPUREE) โรงเรียนสอนเต้นด้วยคลาสระดับโลก ที่รวบรวมคลาสเต้นมากมาย   14.บิ๊กซี ฟู้ด เพลส (Big C Food Place) แพลตฟอร์มใหม่ของซูเปอร์มาร์เก็ตพร้อมนำอินโนเวชั่นมาบริการลูกค้า อาทิ ป้ายราคาดิจิทัล และมุ่งลดการใช้ถุงพลาสติกอย่างจริงจัง   15.ก๋วยเตี๋ยวเรือพระนคร ก๋วยเตี๋ยวเรือชื่อดังย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงสาขาแรก   16.ชาบูชิ บุพเฟ่ต์ (Shabushi buffet) ร้านอาหารญี่ปุ่นประเภทหม้อไฟยอดนิยมที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง สาขาแรก   17.เคเอฟซี (KFC) เปิดประสบการณ์ใหม่ พร้อมเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘1 OF A KIND' สั่งออเดอร์อาหารด้วยระบบ Self-ordering Kiosk ได้เห็นกระบวนการประกอบอาหารผ่าน Open Kitchen รวมไปถึงการจ่ายเงินในรูปแบบ Cashless และสามารถสั่งผ่านมือถือได้ด้วยบริการ Click & Collect ที่สำคัญยังใช้ชื่อร้าน ภายใต้ชื่อต้นตำรับดั้งเดิมของ KFC คือ Kentucky Fried Chicken เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นตลาดย่านเก่าของ “สามย่าน”      18.สเวนเซ่นส์ (Swensens) สาขาแรกที่จะเปิดให้บริการภายในโซน 24 ชั่วโมง   19.ไวท์สตอรี่ เดลี่ (White Story Daily) ร้านเบเกอรี่ และอาหารเครื่องดื่ม ของทานเล่น ในรูปแบบเทคอะเวย์ ที่มีให้เลือกมากมายหลายอย่างและสดใหม่วันต่อวัน เพื่อให้ลูกค้าได้ทานขนม อาหารที่ดีมีคุณภาพในราคาเป็นกันเอง        
เปิด 5 เรื่อง (ไม่) ลับ ของแคตตาล็อกอิเกีย 2020 เพื่อแรงบันดาลใจในการอยู่อาศัย

เปิด 5 เรื่อง (ไม่) ลับ ของแคตตาล็อกอิเกีย 2020 เพื่อแรงบันดาลใจในการอยู่อาศัย

แม้ว่าปัจจุบันจะเป็นยุคดิจิทัล ที่ข้อมูลข่าวสารถูกจัดเก็บไว้บนโลกออนไลน์ สามารถเรียกดูข้อมูลได้บน “สมาร์ทโฟน” หรืออุปกรณ์ไอทีต่างๆ แต่ดูเหมือนว่า “แคตตาล็อก” ในรูปแบบหนังสือเล่ม ซึ่งรวบรวมข้อมูลสินค้า ยังเป็นหัวใจสำคัญและเป็นสิ่งที่ “อิเกีย” ศูนย์จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์สัญชาติ สวีเดน ยังคงให้ความสำคัญ และผลิตออกมาใช้เป็นเครื่องทางการตลาด สร้างแรงบันดาลใจในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านอยู่ทุกปี   แคตตาล็อกอิเกีย สำหรับปี 2020  ได้เปิดตัวออกมาแล้ว เพื่อให้ลูกค้าได้หยิบไปใช้ สำหรับเป็นคู่มือและสร้างแรงบันดาลใจในการเลือกซื้อสินค้าของ “อิเกีย” ซึ่งในปีนี้มาในธีม “Easy Renewal For Better Sleep” กับการมุ่งเน้นนำเสนอสินค้าด้วยการเน้นสินค้าห้องนอน เนื่องจากมองว่ากลุ่มสินค้าห้องนอน เป็นสินค้าที่ลูกค้าให้ความสำคัญและเลือกซื้อเป็นอันดับแรกๆ  ปัจจุบันกลุ่มสินค้าห้องนอนมีสัดส่วน 12-13% ของยอดขายทั้งหมด   นายทอม ซูเทอร์ ผู้จัดการสโตร์ อิเกีย บางใหญ่ เปิดเผยว่า การนอนมีผลต่อทุกอย่างกับชีวิต อิเกีย จึงโฟกัสสินค้ากลุ่มห้องนอน เป็นแนวทางการทำตลาดทั่วโลก แต่รูปแบบและสไตล์การนำเสนอของห้องนอน  จะแตกต่างกันในแต่ละประเทศ  ซึ่งสินค้ากลุ่มห้องนอนได้รับความนิยมซื้อ จากกลุ่มลูกค้าคนไทยเป็นลำดับต้นๆ แตคตาล็อกปีนี้จึงเน้นสินค้ากลุ่มดังกล่าว  แตกต่างจากปีที่ผ่านมาที่เน้นกลุ่มสินค้าห้องนั่งเล่น (Living room)     แคตตาล็อกอิเกียเล่มใหม่ จึงได้รวบรวมเทคนิค การปรับแต่งบ้านเพื่อให้ทุกคนในบ้านพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ โดยทุกไอเดียที่คัดสรรมาล้วนทำตามได้ง่าย เพียงแค่เปลี่ยนปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน เติมผ้าม่าน มู่ลี่ โคมไฟ ต้นไม้ หรือแม้กระทั่งแก้วน้ำสักใบเข้ามา เป็นตัวช่วยเปลี่ยนบรรยากาศภายในห้องให้มีความสงบ ผ่อนคลาย ช่วยให้นอนหลับฝันดีได้ตลอดทั้งคืน   เปิด 5 ความต้องการที่คนเรียกว่า “บ้าน”     ทุกๆ ปี ดีไซน์เนอร์อิเกียจากทั่วโลก จะทำงานร่วมกัน  เพื่อศึกษาข้อมูลเชิงลึกต่างๆ ของผู้บริโภคซึ่งเก็บรวบรวมจากการพูดคุย ทำวิจัย และออกไปเยี่ยมบ้านลูกค้า เพื่อทำความเข้าใจและหาแนวทางพัฒนาแรงบันดาลใจ  รวมถึงพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการ  และการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้คนทั่วโลก พร้อมจัดทำเป็นรายงาน Life at Home ข้อมูลที่ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของการจัดทำเนื้อหา แคตตาล็อกอิเกียในแต่ละปี   ปีนี้เป็นครั้งแรกที่อิเกีย  ได้ศึกษา ข้อมูลเชิงลึกของคนยุคปัจจุบัน ต่อการตัดสินใจเรียกที่ใดที่หนึ่งว่าเป็น “บ้าน”  ซึ่งได้ถอดรหัสความต้องการด้านอารมณ์ 5 ด้าน ได้แก่ การเป็นส่วนหนึ่ง (Belonging) ความเป็นเจ้าของ (Ownership) ความปลอดภัยมั่งคง (Security)  ความสบาย (Comfort) และ ความเป็นส่วนตัว (Privacy) ซึ่งปัจจัยด้านอารมณ์ทั้ง 5 นี้ เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกถึงความเป็น “บ้าน” นิยามคำว่าบ้านจากรายงานฉบับนี้จึงไม่ได้หมายถึงแค่ “ที่พักอาศัย” แต่ยังรวมไปถึงสถานที่อื่นๆ ที่ทำให้เกิดความรู้สึกทั้ง 5 ด้านนี้ได้     ความต้องการด้านอารมณ์ทั้ง 5 ด้านที่ทำให้บ้านเป็น “บ้าน” มีดังนี้   1.การเป็นส่วนหนึ่ง (Belonging) ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มที่ยอมรับตัวตนที่แท้จริงของเรา รวมถึงสถานที่ที่สะท้อนตัวตนของเรา อิเกียนำเสนอเฟอร์นิเจอร์สำหรับบ้านหรือห้องที่ใช้งานร่วมกันที่ทำให้ทุกคนมีพื้นที่แห่งความสุข และเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่   2.ความเป็นเจ้าของ (Ownership) ไม่ใช่แค่เรื่องของสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของเท่านั้น แต่หมายถึงความรู้สึกว่าเรามีอำนาจในการควบคุมพื้นที่หรือสถานที่นั้นๆ เรามีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ ความรู้สึกว่าเราเป็นเจ้าของบ้านนั้น (ถึงแม้ว่าจะเป็นบ้านเช่าก็ตาม) เช่น โซลูชันอุปกรณ์จัดเก็บของอิเกีย ที่ช่วยให้คุณสามารถจัดสรรพื้นที่ในบ้านในอย่างลงตัว   3.ความปลอดภัยมั่นคง (Security) ความปลอดภัยในที่นี้ไม่ได้หมายถึงบ้านที่มี การป้องกันอย่างแน่นหนา แต่เป็นสถานที่ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น มั่นคง วิธีง่ายๆ ในการเติมความอบอุ่นให้กับบ้าน คือการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ เหล็ก และกระจก   4.ความสบาย (COMFORT) หมายถึงความรู้สึกสบายใจและมีความสุขกับบรรยากาศรอบข้าง นั่นคือการถ่ายทอดตัวตน หรือใส่ความเป็นเราลงไปในที่ที่เราอาศัยอยู่   5.ความเป็นส่วนตัว (PRIVACY) ความเป็นส่วนตัวไม่ใช่ว่าเราจะต้องอยู่คนเดียวในห้องเท่านั้น แต่หมายถึงการสร้างความสมดุลในบ้านที่เราอาศัยอยู่ร่วมกับผู้อื่น หรือบ้านที่มีพื้นที่จำกัด แต่ก็ยังมีพื้นที่ที่เราสามารถพักผ่อน นอนหลับ หรือตัดขาดจากความวุ่นวายต่างๆ ได้ ด้วยการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชั่นช่วยแบ่งพื้นที่ในบ้านได้อย่าง ชาญฉลาด   ทำความรู้จัก แคตตาล็อก “อิเกีย” 2020     1.เปลี่ยนฟอนต์ใหม่ทั้งหมด แคตตาล็อกเล่มใหม่นี้จะเป็นเล่มแรกที่เปลี่ยนฟอนต์ใหม่ทั้งหมด จากฟอนต์ Verdana ที่ใช้มาต่อเนื่องถึง 11 ปี เป็นฟอนต์ Noto ที่ได้รับการพัฒนาโดย Google อิเกียเลือกใช้ฟอนต์นี้เพราะสะท้อนตัวตนของแบรนด์ที่มองผ่านสายตาของคนยุคปัจจุบันได้ดี มีความชัดเจน อ่านง่ายและครบสมบูรณ์ เหมาะกับการอ่านบนจอดิจิทัลเล็กๆ ทั้งยังมีตัวอักษรเกือบครบทุกภาษาในโลก โดยแคตตาล็อกเล่มนี้จะแปลเป็นภาษาต่างๆ ถึง 38 ภาษา ซึ่งฉบับภาษาฟินแลนด์จะมีความยาวมากที่สุด   2.หน้าปก 50 ปี นับจากวันที่จอห์น เลนนอน และโยโกะ โอโนะ ภรรยาของเขา พากันนอนประท้วงเพื่อเรียกร้องสันติภาพในช่วงต้นสงครามเวียดนามที่โรงแรมอัมสเตอร์ดัม ฮิลตัน เมื่อเดือนมีนาคม ปี 1969 วันนี้ Bed-In for Peace อันโด่งดังของทั้งคู่จะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง บนภาพปกแคตตาล็อกอิเกียเล่มล่าสุด   3.เรื่องราวภายในแคตตาล็อก ธีมของแคตตาล็อกอิเกียในปีนี้คือ “การพักผ่อนนอนหลับ” เน้นการเปลี่ยนโฉมห้องนอนให้ ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความสวยงามและความสบาย รวมไปถึงแนะวิธีต่างๆ ที่จะช่วยเพิ่มคุณภาพ การพักผ่อนของคุณ เช่น การจัดท่านอนและเลือกหมอนที่เหมาะกับอิริยาบถการนอน การทำสมาธิ กิจวัตรตอนนอน และเคล็ดลับหลับสบายด้วยน้ำมันลาเวนเดอร์ เป็นต้น   ระหว่างจัดทำเนื้อหาในแคตตาล็อก มีการเปลี่ยนเตียงทั้งหมดถึง 7 แบบเพื่อให้ครอบคลุมการจัดเตียงทุกแบบในตลาด และถ่ายภาพไปทั้งหมด 1,651 ภาพ มากกว่าปีที่แล้วถึง 400 ภาพเลยทีเดียว   4.กระบวนการผลิตแคตตาล็อก แคตตาล็อกเล่มนี้ใช้ใช้เวลาสร้างสรรค์นานถึง 12 เดือน ตั้งแต่การระดมความคิด ไปจนถึงการพิมพ์ และจัดส่งไปยังสโตร์อิเกียทั่วโลก นับจากจุดเริ่มต้นจนสิ้นสุดกระบวนการผลิตต้องอาศัย ความร่วมมือของทีมงานจากหลากหลายประเทศ ทั้งอเมริกา อิตาลี ออสเตรเลีย เวลส์ เยอรมัน สวีเดน รัสเซีย สเปน อังกฤษ เปอร์โตริโก แอฟริกาใต้ เดนมาร์ก โปแลนด์ ฟินแลนด์ และ จีน   5.ข้อมูลของแคตตาล็อกเล่มใหม่   มีจำนวนหน้าทั้งหมด 280 หน้า + หน้าปก 4 หน้า โดยมียอดตีพิมพ์รวม 124,000,000 เล่ม ใน 54 ประเทศที่อิเกียเปิดให้บริการ กับภาษาที่ตีพิมพ์ถึง 38 ภาษา รวม 80 เวอร์ชัน ที่มีการจัดพิมพ์ในครั้งนี้        
เปิด 10 ร้าน ไฮไลท์ ที่

เปิด 10 ร้าน ไฮไลท์ ที่ "มิกซ์ จตุจักร" แหล่งช้อปปิ้งที่ไม่มีวันหยุด

โครงการ มิกซ์ จตุจักร (Mixt Chatuchak) ศูนย์การค้าแห่งใหม่ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ติดกับตลาดนัดสวนจตุจักร กับมูลค่าการลงทุน 900 ล้านบาท ภายใต้การบริหารงานโดยบริษัท สยาม พิริยา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ตอนนี้ได้เปิดให้บริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   ต่อไปนี้ขาช้อปทั้งหลายจะสามารถหาซื้อสินค้าได้ โดยไม่ต้องรอวันหยุดเสาร์และอาทิตย์อีกต่อไปแล้ว วันไหนๆ ก็มาช้อปปิ้งได้ เพราะนี่คือตลาดนัดสวนจตุจักร ติดแอร์ ขนาดอาคารสูง 5 ชั้น  มีความยาวถึง 350 เมตร  พื้นที่ขายรวมกว่า 60,000 ตารางเมตร   ภายในโครงการมีร้านค้าที่เข้ามาเปิดบริการกว่า 700 ร้าน มีทั้งที่ย้ายมาจากตลาดสวนจตุจักร  และบางร้านก็ขยายสาขาเพิ่ม โดยมีสัดส่วน 60% เป็นร้านค้าที่ธุรกิจเติบโตมาจากสวนจตุจักร อีก 20% กลุ่มธุรกิจธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่เริ่มต้นสร้างแบรนด์ มีสินค้าสร้างสรรค์ แตกต่าง มีการสะท้อนสไตล์ความเป็นไทย แต่ยังไม่มีเงินทุนเพียงพอที่จะเข้าไปอยู่ในห้าง ก็เข้ามาเปิดในที่แห่งนี้เพื่อแจ้งเกิดแบรนด์ และเติบโตไปด้วยกัน ส่วนที่เหลืออีก 20% คือ ร้านออนไลน์ที่มีแบรนด์ แต่ยังไม่เคยมีหน้าร้านก็เข้ามาเปิดพัฒนาหน้าร้านและสร้างแบรนด์ในช่องทางออนไลน์ไปพร้อมกันด้วย ภายในโครงการ มิกซ์ จตุจักร แบ่งออกเป็น  5 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นก็จะมีร้านค้าหลากหลายให้เลือกช้อปกันได้อย่างเต็มที่ ชั้น 1 เป็นพื้นที่ร้านค้ามิกซ์ จตุจักร กว่า 140 ยูนิต ในโซนแฟชั่น มีทั้งสินค้าแฟชั่นผู้หญิง ผู้ชาย และเด็ก โดยเฉพาะสินค้าสไตล์วินเทจ ยังมีโซนร้านอาหาร และคาเฟ่ชื่อดัง รวมถึงโซนบริการต่าง ๆ อาทิ บริการด้านการจัดส่งสินค้า และบริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ  มีลานกิจกรรมหมุนเวียน บนพื้นที่กว่า 800 ตารางเมตร ที่จะมีกิจกรรมพิเศษในแต่ละเดือน ชั้น 2​ เป็นพื้นที่ต่อเนื่องในมิกซ์ จตุจักร ของโซนแฟชั่น สไตล์ฟิวชั่น บนพื้นที่ร้านค้ากว่า 240 ยูนิต รวมแฟชั่นสุดแนวไปจนถึงสตรีทแวร์ เครื่องสำอาง เครื่องหนังดีไซน์สวยทั้งรองเท้า กระเป๋า และโซนรวมเครื่องประดับ จิวเวลรี่ รวมทั้งสินค้างานคราฟต์ และสินค้าไอที ชั้น 3  เป็นพื้นที่รวมร้านค้าของมิกซ์ จตุจักร กว่า 120 ยูนิต โซนสินค้าตกแต่งบ้าน งานศิลปะ หัตถกรรมกับงานแฮนด์เมด ของที่ระลึกต่าง ๆ โซนสปาและความงาม ศูนย์อาหารสไตล์สตรีทฟู้ด บนพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร มีร้านอาหารให้เลือกกว่า 45 ร้าน ราคาเริ่มต้นเพียง 30 บาทเท่านั้น ชั้นที่ 4 – 5 และชั้นดาดฟ้า เป็นพื้นที่ลานจอดรถของมิกซ์ จตุจักร ที่รองรับได้กว่า 700 คัน โครงการมิกซ์ จตุจักร มีความพิเศษและน่าสนใจ มีสินค้าและบริการตรงใจลูกค้าหรือไม่ คงต้องลองไปสัมผัสของจริงกัน แต่เป็นการเรียกน้ำย่อยและให้เห็นภาพคร่าว ๆ ของโครงการ เรามีตัวอย่าง 10 ร้านไฮไลท์ มานำเสนอ ว่าภายในโครงการมิกซ์ จตุจักร น่าไปเดินช้อปปิ้งกันอย่างไรบ้าง 1.ไก่เขี่ย (KAI KIA) Shop No: 3032 ชั้น 3 โซน Souvenir&Thai Handicraft   ร้านนี้ จำหน่ายเครื่องหนัง Handmade ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ ในแบบฉบับของตัวเอง  จะซื้อสินค้าภายในร้าน หรือจะสั่งทำช่างก็สามารถเนรมิตให้ได้ ไม่ว่ากระเป๋นจะเป็นแบบไหน ส่วนงานที่ทำออกมาขายก็เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานหลากหลาย กระเป๋าหนึ่งใบสามารถปรับเปลี่ยนได้หลายรูปทรงตามการใช้งาน และตามที่ลูกค้าต้องการ มีทั้งกระเป๋าสะพาย กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าถือ และอื่น ๆ ราคาตั้งแต่ 200 - 5,000 บาท 2.Amaree Aroma Shop No: 3041 ชั้น 3 โซน Souvenir&Thai Handicraft   ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมที่ช่วยผ่อนคลาย ลดความตึงเครียด สร้างความสุขให้แก่บ้าน มีทั้งแบบ Diffuser ก้านไม้กระจายหอม ใช้งานง่ายเพียงแค่ใส่ก้านไม้ในขวดที่มีน้ำหอม น้ำหอมใส่รถ สบู่อโรม่าราคาเริ่มต้น 120 - 400 บาท 3.Inter Fish Thailand Shop No: 3060 ชั้น 3 โซน Art   ปลากัดไทยสวยงามระดับพรีเมียม ชื่อเสียงของร้านดังไกลไปทั่วโลก เพราะไม่เพียงแต่เจ้าของร้านเคยชนะปลากัดระดับโลก รุ่นที่ 2 ของ Inter fish Thailand Shopแล้ว ร้านนี้ยังจำหน่ายปลากัดไปทั่วโลก ทั้งอเมริกา ยุโรป และเอเชียหลายประเทศ สำหรับร้านนี้ มีที่มาเริ่มต้นจากห้องเช่าหลังสวนจตุจักร สู่ความมุ่งมั่นสร้างร้านปลากัดติดแอร์ และศูนย์การเรียนรู้การเลี้ยงปลากัดในห้องแอร์แห่งแรกที่ ศูนย์การค้า มิกซ์ จตุจักร ราคาตั้งแต่ 200 – 10,000 บาทขึ้นไป 4.ไทยเท่ คาเฟ่ (ThaiThae Café) Shop No: 3003 ชั้น 3 โซน Food&Beverage กาแฟสไตล์ไทยร้านไทยเท่ (Thaithae) เจ้าของร้านมีความฝันอยากเปิดร้านคาเฟ่สไตล์ไทยประยุกต์เป็นของตัวเอง จึงเกิดเป็นร้านไทยเท่ จำหน่ายทั้งเครื่องดื่มและขนมหลากหลายเมนู อาทิ อัญชัญนมสด อัญชัญมะนาว หรือจับคู่ความอร่อย ชาเย็นกับทาโกยากิ อร่อยลงตัว ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 39 – 69 บาท 5.อานนท์ (ARNON) Shop No: 2114 ชั้น 2 โซน Men’s Fashion ร้านอานนท์ สาขาแรกตั้งอยู่ในสวนจตุจักร จำหน่ายเสื้อยืดผู้ชาย เสื้อแขนยาวสไตล์เกาหลี เนื้อผ้าคอตตอนอย่างดี คัดติ้งได้มาตรฐาน พร้อมด้วยสัญลักษณ์เป็นรูปหมีที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน และที่สำคัญราคาไม่แพง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ กางเกง และกระเป๋า ราคาตั้งแต่ 100 – 400 บาท 6.Papilo Shop No: 2163 ชั้น 2 โซน Shoe & Handbag & Leather   งานสาน Handmade จากธรรมชาติ สไตล์ Eco-product สามารถสั่งทำรูปแบบการตกแต่งสินค้าตามสไตล์ ที่ต้องการในแบบที่ไม่ซ้ำใคร ทั้งกระเป๋าสะพาย กระเป๋าถือ กระเป๋าไซส์ใหญ่ หมวก และรองเท้า รับรองว่าเก๋ไก๋ไม่มีเชยแน่นอน ราคาตั้งแต่ 100 - 1,000 บาท 7.Sea Shop No: 1122 ชั้น 1 โซน Vintage สินค้าตกแต่งบ้านสไตล์บาหลี มีดีไซน์เก๋ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ซ้ำใคร ด้วยวัสดุสีทองและเงินที่ช่วยเพิ่มความคลาสสิกให้บ้านหรือออฟฟิศของคุณดูมีสไตล์มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีแอ็คเซสซอรี่ให้เลือกอีกหลากหลายแบบ เปลี่ยนบรรยากาศในบ้านด้วยรูปภาพติดผนังสไตล์บาหลี (เครื่องประดับยังไม่เข้ามา) ราคาเริ่มต้น 80 - 1,600 บาท 8.Hyena Shop No: 1107-1108 ชั้น 1 โซน Woman Fashion Children & Mom   แฟชั่นผ้ามัดย้อมที่ใส่ได้ทุกฤดูกาล เพิ่มความเก๋ดูมีสไตล์ให้โททัลลุคดูเรียบแต่เก๋ ด้วยสไตล์ผ้ามัดย้อมโทนสีฟ้าขาว จะใส่ไปเที่ยวทะเล หรือให้ไปเดินช้อปปิ้งก็ดูดีไม่เบา มีทั้งเสื้อผ้าและกระเป๋าให้เลือกช้อปในแบบที่ใช่ ราคาตั้งแต่ 80 - 2,500 บาท 9.SEVEN HEAVEN Shop No: 1027 ชั้น 1 โซน Women Fashion, Children & Mom   เสื้อยืดแฟชั่นสีสันสดใส Seven Heaven เสื้อผ้า​แฟชั่น​ดีไซน์สุดจี๊ด ลุคสตรีท มาหมดทั้ง นีออน โฮโลแกรม รีเฟลก คลาสสิคชิคชิค Swag แหวกทุกเทรนด์ ทั้งเสื้อสีสะท้อนแสง​ ลุคสตรีท​ แขนกุด​ แมตช์กับกางเกง ​Hologram ​กางเกงสะท้อนแสง ให้ลุคเปรี้ยวไม่ซ้ำใคร ราคาตั้งแต่ 250 – 890 บาท 10.เด็กโข่ง ปิ่นโตสีหวาน Shop No: 1138 ชั้น 1 โซน Vintage   จากปิ่นโต จาน ชามสังกะสี ดัดแปลกไอเดียเติมเต็มสีหวานสดใสกลายเป็นร้านเด็กโข่ง ปิ่นโตสีหวานถึง 42 เฉดสีด้วยกัน มีสีสดชัดระดับแม่สีไปจนถึงสีพาสเทลโทนต่างๆ จะซื้อมาใช้เองหรือซื้อเป็นของที่ระลึกฝากเพื่อนก็น่ารักไปอีกแบบ ราคาตั้งแต่ 25 - 400 บาท   นี่เป็นเพียงร้านค้าส่วนหนึ่งในจำนวนกว่า 700 ร้านค้า ที่ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อกันได้อย่างจุใจ  แต่จะถูกใจหรือไม่ ต้องลองไปสัมผัสด้วยตัวเอง เพื่อค้นหาคำตอบว่า โครงการ มิกซ์​ จตุจักร จะประสบความสำเร็จ ท่ามกลางศูนย์การค้าที่อยู่รายรอบจตุจักร ซึ่งวันนี้เงียบเหงา และดูเหมือนจะทำผลงานได้ไม่เป็นไปตามเป้า เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ สุดท้ายแล้วใครจะสามารถครองใจลูกค้าได้มากกว่ากัน รายละเอียดอื่นๆ จาก มิกซ์ จตุจักร Mixt Chatuchak ไปดูรีวิวที่อื่นๆ ที่น่าสนใจ SINGHA COMPLEX ครบทุกไลฟ์สไตล์คนเมือง 5 Co-Working Space ทั่วกรุงฯ ทำงานยังไงก็ไม่เบื่อ!! COTTO LIFE โลกของกระเบื้องที่ไม่ใช่แค่เรื่องพื้นๆ
เมเจอร์ฯ ปั้นฐานลูกค้า Pet Lovers โต 30% รับไลฟ์สไตล์ “คนโสด-ไม่มีลูก”

เมเจอร์ฯ ปั้นฐานลูกค้า Pet Lovers โต 30% รับไลฟ์สไตล์ “คนโสด-ไม่มีลูก”

ไลฟ์ไสตล์ของคนยุคปัจจุบัน ที่อยู่เป็นโสดกันมากขึ้น หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร คู่รักส่วนใหญ่ไม่นิยมมีลูก หรือการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่คู่รักมักอยู่กันลำพัง  ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ ส่งผลต่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยของคนในยุคปัจจุบัน  ซึ่งต้องปรับให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของคนเหล่านั้น    ไม่เพียงเท่านั้น  พฤติกรรมการอยู่เป็นโสด หรืออยู่ตามลำพังโดยไม่มีบุตรหลาน ทำให้คนเหล่านั้นต่างมองหาสิ่งที่จะมาช่วยบรรเทาความเหงา หรือสร้างความสุขให้กับการใช้ชีวิต ทางเลือกแรกๆ คือ การเลี้ยงสัตว์  เพื่อเลี้ยงเอาไว้เป็นเพื่อน บางคนรักเสมือนกับลูกคนหนึ่งเลยก็มี   แต่วิถีชีวิตคนเมือง ที่ส่วนใหญ่พักอาศัยอยู่ในโครงการคอนโดมิเนียม ปัญหาการเลี้ยงสัตว์ คือ อุปสรรคสำคัญ เพราะโครงการคอนโดฯ ส่วนใหญ่ไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ไว้ภายในห้องพักได้ หลายคนจึงเลือกวิธีการ “แอบเลี้ยง” ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ กลัวเพื่อนบ้านจะรู้ เพราะไม่ใช่ทุกคนจะชอบสัตว์เลี้ยง แต่ต้องยอมรับว่ากลุ่ม ​Pet Lovers นั้น มีจำนวนมากและเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ   ตัวชี้วัดสำคัญที่บ่งบอกให้เห็นถึงความนิยมในการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นนั้น คงวัดได้จากมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงและสินค้าที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งประเมินว่าปีนี้มีมูลค่ากว่า 35,000 ล้านบาท และจะเติบโตถึง 10% ด้วย​   เมื่อความต้องการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมีจำนวนมาก  และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาการพักอาศัยในคอนโดฯ ไม่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ ทั้งๆ ที่มีคนจำนวนมากต้องการ ทำให้ดีเวลลอปเปอร์บางรายมองเห็นเป็นช่องว่างทางการตลาด ในการพัฒนาโครงการคอนโดฯ และให้ลูกบ้านสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ ถือเป็นจุดขายสำคัญของโครงการ และเป็นการสร้างความต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น   หนึ่งในผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการคอนโดฯ​ และอนุญาตให้ลูกบ้านสามารถเลี้ยงสัตว์ภายในห้องพักได้ คือ บริษัท เมเจอร์ดีเวลลอปเม้นท์​ จำกัด (มหาชน)  นับตั้งแต่การพัฒนาโครงการแฮมป์ตัน ทองหล่อ 10 ​จนถึงปัจจุบัน  แม้ว่าจุดเริ่มต้นของการให้ลูกบ้านสามารถเลี้ยงสัตว์ได้นั้น จะไม่ใช่เพื่อเป็นจุดขายของโครงการ แต่เกิดจากความรักในการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งก็คือ สุนัข ของ นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์  กรรมการบริหาร ผู้บริหารของเมเจอร์ฯ ที่เลี้ยงสัตว์ไว้เป็นเพื่อนรักคู่กาย   นางสาวเพชรลดา เปิดเผยว่า ในช่วงแรกที่พัฒนาโครงการและให้เลี้ยงสัตว์ได้นั้น ไม่ได้มองเป็นเรื่องของจุดขายทางการตลาด แต่เกิดจากความรักสัตว์  และเชื่อว่ามีคนจำนวนมากที่รักสัตว์อยากเลี้ยงสัตว์  จึงพัฒนาโครงการคอนโดฯ ในคอนเซ็ปต์ Pet-Friendly Residences  ถือเป็นดีเวลลอปเปอร์อสังหาฯ รายแรกของประเทศไทยที่พัฒนาคอนโดฯ  อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ทุกยูนิต การพัฒนาโครงการต่อมาของบริษัททุกโครงการ จึงให้ลูกบ้านสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ แต่จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและระเบียบข้อบังคับของนิติบุคคลของโครงการ   “สัตว์เลี้ยงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคน เป็นเพื่อน เป็นอะไรหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข” สำหรับช่วงแรกของการอนุญาตให้ลูกบ้านเลี้ยงสัตว์ได้ ยังไม่ได้กำหนดระเบียบมากนัก แต่ปัจจุบันกำหนดให้เลี้ยสัตว์ได้ในจำนวนจำกัด ตามขนาดพื้นที่ของห้องชุด  ให้เลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่มีน้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม และมีข้อห้ามในการนำสัตว์ไปยังพื้นที่ส่วนกลางบางแห่ง เช่น ห้องสมุด โคเวิร์กกิ้งสเปซ หรือฟิตเนส เป็นต้น     แม้ว่าการอนุญาตให้ลูกบ้านเลี้ยงสัตว์ได้ จะไม่ใช่จุดขายหลักของโครงการ แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็รับรู้และมีภาพจดจำว่าโครงการของบริษัท สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ และปัจจุบันบริษัทได้ตอบสนองความต้องการของลูกบ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ของลูกบ้าน ด้วยการเพิ่มพื้นที่จำเป็นสำหรับสัตว์เลี้ยง เช่น พื้นที่สำหรับเดินออกกำลังกาย สวนสำหรับสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มพื้นที่พิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยงอย่างต่อเนื่องด้วย  อาทิ พื้นที่อาบน้ำสำหรับสุนัข ภายในโครงการ เอ็มจตุจักร   “ความต้องการของคนในยุคปัจจุบันในการเลี้ยงสัตว์มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และถือเป็นหนึ่งในการเลือกอยู่อาศัยในโครงการคอนโดฯ  ปัจจุบันด้วย จากการสำรวจความเห็นของกลุ่มตัวอย่าง ที่บริษัททำการสำรวจความเห็น พบว่ากลุ่มตัวอย่าถึง 40% ต้องการคอนโดฯ ที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้”   จากการที่เมเจอร์ฯ มุ่งมั่นในการพัฒนาคอนโดฯ Pet-Friendly Residences อย่างจริงจังมาโดยตลอด จึงทำให้ปัจจุบันมีลูกบ้านกลุ่ม Pet Lovers เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมเจอร์ฯ ยังคงเดินหน้ามุ่งขยายฐานลูกค้ากลุ่ม Pet Lovers ด้วยการสร้าง Pet Friendly Community ขึ้น และจัด “MEET & MINGLE” งานสำหรับคนรักสัตว์เลี้ยง โดยมีความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ในทุกๆ ด้าน     สำหรับงาน MEET & MINGLE ได้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 แล้ว โดยครั้งแรกจัดที่โครงการ “อกัสตัน สุขุมวิท 22” ครั้งที่ 2 ที่ “เอ็ม จตุจักร” และครั้งล่าสุดที่โครงการมาเอสโตร 03 รัชดา – พระราม 9 มี ลูกบ้านและคนรักสัตว์มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก โดยภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Major PETSCAPE” อาทิ  Pet Health Check-up บริการตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยง ฟรี! จากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ จากกระแสตอบรับที่ดีของลูกบ้าน Pet Lovers งาน MEET & MINGLE คาดว่าในปีนี้เมเจอร์ฯ จะสามารถขยายฐานกลุ่มลูกบ้านคนรักสัตว์เลี้ยงได้เพิ่มขึ้นกว่า 30%    

1 ... 6 7 8 ... 16