Fynn Sukhumvit 31

เปิดแนวคิด “บดินทร์ธร” อีก 4 ปีจะพาอสังหาฯ ตระกูล “จึงรุ่งเรืองกิจ” สู่บริษัทมหาชน

แม้ว่า “บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ลูกชายคนสุดท้องของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของอาณาจักรไทยซัมมิท เพิ่งจะเข้ามารับช่วงต่อบริหารบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จากพี่ชาย คือ นายสกุลกร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ต้องไปดูแลกิจการของกลุ่มไทยซัมมิท แทนพี่ชายคนโต คือ นายธนากร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่หันไปเล่นการเมืองได้เพียงระยะเวลาปีกว่าๆ เท่านั้น แต่นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารในวัย 26 ปี ก็มีความมุ่งมั่นและพร้อมจะนำพาธุรกิจอสังหาริมทรัยพ์ของตระกูล ให้เติบโตและก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จักกับคนในวงการ

 

“เราอยากเป็นองค์กรคนรุ่นใหม่ ให้คนจดจำว่าเราเป็นเรียลเอสเตทที่ออกสินค้าไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เหมือนกับอนันดา ดีเวลลอปเมนท์”

 

Fynn Sukhumvit 31

สร้างจุดขายด้วย เทคโนโลยี+ไลฟ์สไตล์
ด้วยการเป็นคนรุ่นใหม่ ทำให้นายบดินทร์ธร วางเป้าหมายที่จะขับเคลื่อนบริษัท ให้มีภาพลักษณ์เป็นคนรุ่นใหม่ พัฒนาสินค้าออกมาตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่เป็นหลัก โดยหยิบเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการสร้างความแตกต่างให้กับโครงการ อาทิ ใช้ระบบ AI, Face Recognition, Big Data และ Drone เป็นต้น นอกจากนี้ยังหยิบเอาไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่สนใจในเรื่องสุขภาพมาผสมผสานกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาด้วย อาทิ เลนส์สำหรับวิ่ง และจักรยานภายในโครงการ การจัดพื้นที่ออกกำลังกายที่มีระบบและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ เป็นต้น ซึ่งไม่เพียงแต่จะเอาแนวคิดดังกล่าวเข้ามาใช้ในการพัฒนาโครงการเท่านั้น แต่ยังวางแผนต่อยอดสร้างเป็นธุรกิจด้วย

 

แตกธุรกิจออฟฟิศให้เช่า-โรงแรม
ด้วยแนวคิดคนรุ่นใหม่ที่มองเห็นโอกาสและการเติบโตในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ทำให้บริษัทวางแผนขยายธุรกิจเพิ่มในส่นของโลจิสติกส์ เพื่อรองรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ด้วยการใช้ที่ดินของตระกูลที่มีอยู่ในอำเภอศรีราชาและจังหวัดชลบุรีมาพัฒนา ซึ่งรูปแบบการพัฒนายังไม่ได้กำหนดและปิดกั้นหากจะมีพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนด้วย

 

นอกจากนี้ ยังมองเห็นโอกาสในตลาดสำนักงานให้เช่า โดยอาจจะนำเอาตึกไทยซัมมิททาวเวอร์เข้ามาบริหาร ภายหลังจากมีการปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มไทยซัมมิทเรียบร้อยแล้ว และยังจะนำเอาอาคารสำนักงานที่อยู่ในกรุงลอนดอน มูลค่า 60 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 24,000 ล้านบาท ของตระกูลเข้ามาร่วมบริหารด้วยเช่นกัน หรือแม้แต่ธุรกิจโรงแรมหากมีโอกาสก็พร้อมจะนำเอาเข้ามาเสริมพอร์ตให้กับบริษัทด้วย ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการศึกษาและมองหาโอกาสความเป็นไปได้

 

Fynn Sukhumvit 31

ลุยแนวราบ ลดความเสี่ยง
การติดเบรกของแบงก์ชาติ ด้วยการออกมาตรการ LTV ซึ่งเป็นการลดระดับความร้อนแรงของตลาดคอนโดมิเนียม ทำให้ภาพรวมของตลาดในปีนี้ ผู้ประกอบการแทบจะทุกรายหันไปเพิ่มพอร์ตธุรกิจในแนวราบกันมากขึ้น ไม่เว้นแต่เรียลเอสแสท ซึ่งปีนี้เตรียมพัฒนา 2 โครงการแนวราบรวมมูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท

 

โครงการแรก ได้แก่ โครงการเดอะเซนส์ บางนา-สุวรรณภูมิ ทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยว บนที่ดินกว่า 23 ไร่ จำนวน 150 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท ราคาขาย 2-3 ล้านบาท ส่วนโครงการที่ 2 ได้แก่ โครงการวิรัณยา บางนา-สุวรรณภูมิ โครงการบ้านเดี่ยว พัฒนาบนพื้นที่กว่า 40 ไร่ จำนวน 180 ยูนิต มูลค่า 1,900 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ย 7 ล้านบาท ซึ่งช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการพัฒนาโครงการไปแล้วรวม 12 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 14,000 ล้านบาท  ส่วนปีนี้บริษัทคาดว่าจะมียอดโอนประมาณ​ 2,700 ล้านบาท และยอดขายประมาณ​ 2,700 ล้านบาทเช่นกัน

 

“หลายดีเวลอปเปอร์โฟกัสแนวราบ เพราะสภาพคล่องเร็วกว่า เราเองก็ไม่ได้ลงทุนอะไรมากมายแบ่งเป็นเฟส เฟสแรกไม่ใหญ่ และการผ่อนให้ลูกค้าผ่อนนานขึ้น เป็นผลจากมาตรการควบคุมของแบงก์ชาติ จากปกติ 6 เดือนอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 8-9 เดือน ถ้าบ้านเสร็จแล้ว แต่ยังโอนไม่ได้ก็จะผ่อนต่อไปอีก 2-3 เดือน”

 

Fynn Sukhumvit 31
แผน 4 ปีนำบริษัทสู่ “มหาชน”
ปัจจุบันบริษัทถือว่ามีสินทรัพย์ประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท ในอนาคตภายในปี 2565 คาดว่าจะสามารถสร้างสินทรัพย์ได้ถึง 15,000 ล้านบาท ด้วยแนวทางการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติม โดยกลยุทธ์สำคัญที่จะนำมาใช้คือ การมองหาทำเลพัฒนาโครงการที่มีศักยภาพ การศึกษาพฤติกรรมของลูกค้า และคู่แข่ง การเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการด้วยการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี และผนวกกับการพัฒนาโครงการให้เข้าไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายด้วย ซึ่งแต่ละปีจะพัฒนาโครงการแนวสูงประมาณ 1 โครงการ และแนวราบประมาณ 2-3 โครงการเพื่อสร้างยอดขายปีละ 5,000-6,000 ล้านบาท และภายในปี 2565 คาดว่าจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จด้วย

 

 

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด