Chateau in Town รัชดา 20 : รีวิวคอนโด

การเดินทาง
อ่านรีวิวอื่นที่เกี่ยวกับ
ติดต่อโครงการ


Chateau in Town รัชดา 20 (รีวิวคอนโด)
Chateau in Town รัชดา 20 : รีวิวคอนโด

ทำเลในย่านรัชดาภิเษก ซึ่งมีรถไฟฟ้าใต้ดินวิ่งผ่านยังคงเป็นทำเลที่ได้รับความสนใจอยู่มาก ครั้งนี้เราเลยแวะไปดูโครงการ Chateau in Town รัชดา 20/2 ซึ่งเป็นคอนโด Low Rise โครงการที่ 2 ของ CMC ที่เลือกทำเลในซอยรัชดา 20 และกำลังจะสร้างเสร็จในเร็วๆ นี้แล้ว แถมยังอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า MRT สุทธิสาร ในระยะแค่ 350 เมตรเท่านั้น

 

การเดินทาง

 

สถานีรถไฟฟ้าสุทธิสารตั้งอยู่ใกล้ๆ ปากซอยรัชดา 20 พอดี เลือกออกทางออกที่ 2 แล้วเดินต่ออีกหน่อย บริเวณปากซอยรัชดา 20 มีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้เรียกใช้บริการได้ หรือจะอาศัยสองเท้าเดินก็ทำได้ไม่ยาก เพราะระยะทางไม่ได้ไกลมากนัก แต่ถนนในซอยไม่มีทางเท้าเป็นเรื่องเป็นราว เวลาเดินๆ ก็ต้องคอยระวังรถกันบ้างนะครับ ถึงแม้ซอยนี้จะเป็นซอยเล็กและมีรถวิ่งผ่านไม่มากก็ตาม แต่ช่วงต้นๆ ซอยซึ่งเป็นแหล่งรวมอาคารสำนักงาน รถราเข้าออกขวักไขว่กันเลยทีเดียว

สำหรับการเดินทางด้วยรถส่วนตัวนั้น ถ้ามาจากทางแยกลาดพร้าวก็ตรงมาทางสุทธิสารได้เลย แต่ไม่ต้องลงอุโมงค์ตรงแยกสุทธิสารนะครับ ให้ชิดซ้ายเตรียมเลี้ยวเข้าซอยรัชดา 20 พอเข้าซอยมาเล็กน้อยให้เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง และเลี้ยวขวาตรงไปสุดซอยก็จะเจอโครงการ Chateau in town รัชดา 20/2 อยู่เยื้องจากโครงการแรกเข้าไปเล็กน้อย เดิมทีซอยนี้เป็นซอยตันนะครับ สุดซอยอยู่ที่กำแพงโครงการ Chateau in town รัชดา 20 พอดี ส่วนที่ตั้งของโครงการ Chateau in town รัชดา 20/2 จะอยู่สุดซอยสบายใจแยก 8 โชคดีที่ที่ดิน 2 ผืนนี้อยู่ติดกัน เจ้าของโครงการเลยทุบกำแพงใช้เป็นทางเข้าออกโครงการแบบส่วนตั๊วส่วนตัว ลูกบ้านโครงการนี้เลยไม่ต้องไปอ้อมมาจากทางซอยลาดพร้าว หรือซอยสุทธิสารวินิจฉัยให้ไกลอีกต่อไป ส่วนถ้าเดินทางมาจากทางแยกอโศก พอผ่านแยกสุทธิสารมาแล้วก็ต้องเลยไปกลับรถบริเวณแยกลาดพร้าวเพื่อกลับมาที่ซอยรัชดา 20 อีกครั้ง ระยะทางอาจจะไม่ได้ไกลนัก แต่ในช่วงเช้าและเย็นที่รถติดมากๆ ก็ต้องใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะผ่านฝ่าการจราจรไปได้แต่ละที นอกจากเส้นทางเข้าออกหลักๆ ทางซอยรัชดา 20 แล้ว เส้นทางในซอยนี้ยังสามารถเลี่ยงเข้าออกได้อีกหลายทางเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่หนาแน่นมากๆ บริเวณแยกสุทธิสาร เช่น เส้นทางในซอยสบายใจ ที่สามารถไปลัดเลาะไปทางซอยลาดพร้าว 48 หรือออกไปที่ถนนสุทธิสารวินิจฉัย อย่างที่บอกไปข้างต้น อีกทั้งยังมีเส้นทางเข้าออกจากทางซอยรุ่งเรือง (ผ่านเข้าทางบุญถาวร) อีกทางที่ทำให้เลี่ยงออกมาที่ถนนรัชดาภิเษกได้ไกลพอที่จะลงอุโมงค์แยกสุทธิสารได้ทัน จึงช่วยประหยัดเวลาได้อีกหน่อย

นอกเหนือจากนี้การเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ก็สะดวกไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นบริการขนส่งมวลชนอย่างรถเมล์ ที่มีรถวิ่งผ่านหลายสาย เพราะถนนรัชดาภิเษกเป็นถนนใหญ่ และป้ายรถเมล์ก็อยู่ตรงปากซอยรัชดา 20 พอดี เช่นเดียวกันกับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และรถแท็กซี่ก็เรียกหาได้ง่ายเช่นเดียวกัน

 

วิเคราะห์ตัวโครงการ

 

ทำเลที่ตั้งของโครงการ Chateau in town รัชดา 20/2 ที่จัดว่าอยู่ใกล้กับศูนย์กลางธุรกิจใหม่ใจกลางเมือง หรือบริเวณที่เป็นไข่แดงของรัชดา (บริเวณแยกรัชดา-พระราม9) เรื่องความเจริญแบบชีวิตคนเมืองจึงหายห่วง เพราะมีทั้งห้างสรรพสินค้า แหล่งช็อปปิ้ง รวมถึงอาคารสำนักงาน สถานศึกษา ก็อยู่ในรัศมีแวดล้อมที่สามารถเดินทางได้อย่างง่ายดาย เช่น ห้าง Central พระราม 9, Big C, Esplanade, Tesco Lotus หรือ Fortune Tower และตลาดนัดเมืองไทยภัทร ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่บนถนนรัชดาภิเษกบริเวณแยกรัชดา-พระราม 9 ส่วนทางฝั่งลาดพร้าวก็มี Central ลาดพร้าว, Union Mall, Major รัชโยธิน, สวนจตุจักร และตลาดอตก. ที่ว่ามานี้คือแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว และอยู่ในแนวรถไฟฟ้าใต้ดินอีกต่างหาก นอกจากนี้บริเวณที่ตั้งโครงการก็ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อให้พึ่งพาได้ไม่น้อยเลย เพราะซอยรัชดา 20 เป็นแหล่งรวมสำนักงาน หน่วยงานราชการและเอกชนดังๆ หลายราย บริเวณนี้จึงคึกคักไปด้วยพนักงานออฟฟิศเกือบตลอดวัน หรือถ้าเลยไปที่ซอยสุทธิสาร ร้านค้า แผงลอยก็มีให้เลือกมากมายตั้งแต่เช้าจรดค่ำ อาหารการกินบริเวณนี้จึงอุดมสมบูรณ์มากครับ

 

มาถึงตัวโครงการกันบ้าง Chateau in town รัชดา 20/2 เป็นคอนโด Low Rise อาคารเดี่ยวสูง 8 ชั้น ซึ่งกำลังจะสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในอีกไม่นานนี้ เริ่มจากบริเวณชั้นล่างสุดเป็นพื้นที่จอดรถ สามารถรองรับรถได้ 35 คัน (นับรวมจอดซ้อนคันแล้ว) ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่เกินความคาดหวังเลยสำหรับคอนโด Low Rise ที่เกาะแนวรถไฟฟ้าแบบนี้ ถัดขึ้นไปที่บริเวณชั้น 2 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางซึ่งรวมสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และพื้นที่พักผ่อนไว้ด้วยกัน รวมถึงส่วนที่พักอาศัยก็เริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไป นับรวมแล้วทั้งโครงการจะมียูนิตรวมทั้งหมด 73 ยูนิต โดยอัตราความหนาแน่นในการใช้งานส่วนกลางก็ยังอยู่ในสัดส่วนที่รับได้ครับ ลูกบ้านแต่ละห้องมีโอกาสได้ใช้งานค่อนข้างเต็มที่ เช่นเดียวกันกับลิฟท์โดยสารที่ทางโครงการจัดมาให้เพียง 1 ตัว แต่ดูจะไม่น่าเป็นปัญหาเท่าไหร่เรื่องการใช้งาน นอกจากนี้เรื่องระบบรักษาความปลอดภัยอื่นๆ ก็เป็นไปตามมาตรฐาน ทั้งกล้อง CCTV และการใช้ Key Card เข้าออกอาคาร ตัวอาคารภายนอกไม่ได้มีการออกแบบตกแต่งที่พิเศษแตกต่างไปจากแบรนด์ Chateau in town ที่อื่นๆ มากนัก การจัดว่าตำแหน่งห้องในแต่ละชั้นเน้นความเป็นส่วนตัวเป็นมีจำนวนแค่ ชั้นละ 12 ห้องเท่านั้น และโถงทางเดินยังออกแบบให้เป็นแบบ Single Corridor รูปตัว U ไม่มีเพื่อนฝั่งตรงข้ามห้องแน่นอน สำหรับภายนอกอาคารโดยรอบส่วนใหญ่ยังเป็นบ้านพักอาศัยในแนวราบ สูงไม่เกิน 2-3 ชั้น จะมีก็แต่อาคารฝั่งตรงข้ามโครงการที่กำลังก่อสร้างอาคารสำนักงานสูง 7-8 ชั้นเช่นเดียวกัน ห้องทางด้านทิศใต้ที่อยู่ทางด้านหน้าโครงการจึงถูกบังวิวกันไปแบบเต็มๆ ส่วนอีกด้านที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ก็จะถูกอาคารของ Chateau in town 20 ที่สร้างมาก่อนบังวิวเช่นกัน รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางทั้งสระว่ายน้ำและฟิตเนสก็ตั้งอยู่ในตำแหน่งนี้ด้วย เท่าที่เล็งๆ แล้วก็คงขาดความเป็นส่วนตัวไปบ้าง เพราะคนที่อยู่ตึกตรงกันข้ามสามารถมองส่องเข้ามาได้แน่นอน ส่วนทิศอื่นๆ ที่เหลือก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องวิวเท่าไหร่ครับ ถ้าเลือกห้องที่อยู่ชั้น 3 ขึ้นไปก็พ้นหลังคาบ้านข้างๆ แล้ว ถ้าใครที่ชอบบรรยากาศห้องที่ค่อนข้างเงียบสงบ และไม่ต้องเสี่ยงเปิดหน้าต่างมาจ๊ะเอ๋กับตึกตรงข้าม แนะนำว่าเลือกห้องทางด้านทิศเหนือ และตะวันออกน่าจะดีที่สุดครับ

 

พาชมห้องตัวอย่าง

 

สำหรับห้องตัวอย่างของ Chateau in town รัชดา 20/2 ไม่ได้มีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจมากนัก ถ้าใครที่เคยแวะไปดูโครงการอื่นๆ ภายใต้แบรนด์นี้ก็คงพอจะนึกภาพตามได้ไม่ยาก เพราะการจัด Lay out ห้องมีความคล้ายคลึงกันมาก เปิดประตูห้องมาจะเจอส่วนของห้องครัวก่อน ซึ่งทางโครงการจะติดตั้งเคาน์เตอร์ครัว และชั้นเก็บของมาให้เรียบร้อย รวมถึงพื้นในห้องครัวก็เลือกปูกระเบื้องเซรามิคมาให้ เพื่อง่ายต่อการทำความสะอาด เคาน์เตอร์ครัวที่ทางโครงการให้มาสีสันค่อนข้างจะฉูดฉาดเลยทีเดียว ถ้าใครที่คิดจะแต่ห้องในสไตล์เรียบๆ อาจจะไม่ถูกใจเท่าไหร่ นอกเหนือจากนี้ก็จะเป็นห้องเปล่าๆ ที่มีแค่สุขภัณฑ์ในห้องน้ำตามมาตรฐานราคาห้อง เครื่องปรับอากาศ และพื้นลามิเนต

สำหรับห้องแบบ 1 ห้องนอน จะมีขนาดเริ่มต้นที่ 25-42 ตร.ม. ขึ้นอยู่กับตำแหน่งห้อง ห้องขนาดเล็กจะกั้นพื้นที่ห้องนอนออกจากครัวด้วยประตูกระจกบานเลื่อน เพื่อช่วยในการประหยัดพื้นที่ และไม่ทำให้ห้องดูแคบจนเกินไป ส่วนพื้นที่นั่งเล่นในห้องขนาด 25 ตร.ม. อาจไม่มีพื้นที่เหลือให้มากนัก เพราะต้องแบ่งกันใช้กับบริเวณห้องนอน จะว่าไปแล้วลักษณะห้องก็คล้ายกับห้องแบบ Studio เสียมากกว่า แต่ถ้าใครที่อยากจะได้ห้องที่กว้างขึ้น และมีพื้นที่ห้องนั่งเล่นแยกออกมาเป็นสัดส่วน ก็ต้องขยับขึ้นมาที่ห้องขนาด 35 ตร.ม. เพราะห้องแบบนี้จะกั้นห้องนอนด้วยผนังทึบ จึงมีพื้นที่ห้องนั่งเล่นแยกจากกันชัดเจน แต่ก็ต้องบอกว่ามีพื้นที่แค่พอใช้สอยนะครับ ไม่ได้กว้างขวางอะไรมากมาย อ้อ อีกส่วนที่ต่างจากห้องขนาดเล็กก็อีกอย่างก็คือ พื้นที่แต่งตัวซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างห้องนอนและห้องน้ำ ห้องแบบนี้จึงได้บรรยากาศแบบ walk in closet น่าจะถูกใจคุณสาวๆ ไม่น้อยเลย นอกจากนี้ห้องแบบ 1 ห้องนอน ยังมีห้องขนาดใหญ่แบบ 42 ตร.ม. ให้เลือกด้วย รวมถึงห้องแบบ 2 ห้องนอน ซึ่งมีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 47-50 ตร.ม. เหมาะกับการอยู่อาศัยแบบครอบครัวมากขึ้น

 

ความคุ้มค่าน่าลงทุน

 

ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการ Chateau in town รัชดา 20/2 ที่อยู่เกาะแนวรถไฟฟ้าใต้ดิน จึงเรียกความน่าสนใจได้ไม่ยาก เพราะเดินเข้ามาในซอยอีกแค่ 300 เมตร บรรยากาศโดยรอบก็เงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัย ต่างจากความพลุกพล่านบริเวณถนนรัชดาภิเษกเพราะเป็นย่านธุรกิจและมีอาคารสำนักงานเป็นจำนวนมาก การออกแบบภายในตัวอาคารอาจจะยังดูขาดๆ เกินไปบ้าง สำหรับแบรนด์ Chateau in town ห้องส่วนใหญ่มักจะมีเหลี่ยมมุมหรือมีเสาเกินมาให้เห็นแล้วขัดใจบ้าง ทำให้การหาเฟอร์นิเจอร์มาจัดวางให้ลงตัวได้ยาก บางทีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ Built in แทนก็อาจจะช่วยตัดปัญหาในจุดขัดตาไปได้บ้าง นอกจากนี้เรื่องสีสันของเคาน์เตอร์ครัวก็ไม่ค่อยคลาสสิคเท่าไหร่ ใครที่ไม่ชอบสีสันฉูดฉาดตัดกันชัดเจน แบบสีเหลือง แดง ตัดกันกับสีไม้เข้มๆ อาจถึงขึ้นต้องรื้อทำใหม่ยกแผงกันไปเลย ส่วนเรื่องพื้นที่ส่วนกลางทางโครงการก็พยายามจัดสรรมาให้ค่อนข้างเต็มที่เท่าที่โครงการขนาดเล็กจะทำได้ ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และส่วนพื้นที่พักผ่อน ติดนิดหน่อยที่อาจจะขาดความเป็นส่วนตัวไปบ้างในการใช้งานครับ รวมถึงเรื่องอาคารใกล้เคียงที่บังวิวในบางมุม ทำให้การเลือกตำแหน่งห้องถูกจำกัดมากขึ้นรวมถึงถ้าอยากให้ได้วิวที่พ้นหลังคาบ้านข้างๆ ขึ้นมา ก็ต้องเลือกห้องในชั้นที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้ราคาห้องสูงขึ้นตามไปด้วย

 

ถ้าใครที่กำลังมองหาคอนโดไว้อยู่อาศัยเอง และก็ทำงานแถบนี้อยู่แล้ว อาจจะถูกใจได้ไม่ยาก เพราะความสะดวกสบายสไตล์คนเมืองอยู่แวดล้อมรอบด้าน ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงเรียน หน่วยงานราชการ และอาคารสำนักงาน อีกทั้งการเดินทางก็จัดได้ว่าสะดวกดีทีเดียว แต่ถ้าหากคิดจะจับจองไว้สำหรับการลงทุนปล่อยห้องเช่า อาจจะมี upside gain หรือได้ผลตอบแทนไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไหร่นัก เพราะด้วย Branding ของตัวโครงการเองก็ไม่ได้มีภาพลักษณ์หรูหรามากขนาดที่จะทำราคาค่าเช่าได้สูงๆ เลยต้องพิจารณากันให้ละเอียดรอบคอบหน่อย

บทความ รีวิวคอนโด ล่าสุด