Tag : การดูแลรักษาหญ้า

1 ผลลัพธ์
การดูแลรักษาหญ้าหน้าบ้าน

การดูแลรักษาหญ้าหน้าบ้าน

จะว่าไปแล้วการดูแลสวนก็เป็นสิ่งที่เราทำกันประจำอยู่แล้ว ซึ่งบางครั้งอาจจะดูแลถูกต้องบ้างหรือละเลยบางอย่างไปบ้างเล็กๆ น้อยๆ ทำให้ต้นไม้หรือสิ่งต่างๆ ในสวนของเราดูไม่สวยเอาเสียเลย  ดังนั้นเรามาเริ่มกันใหม่เช่นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เราอาจจะมองข้ามอย่างพื้นสนามหญ้า ที่หลายคนมองว่าแค่รดน้ำก็เพียงพอแล้ว แต่รายละเอียดภายใต้ใบเล็กๆ สีเขียวสบายตานั้นยังมีอีกเยอะ  ซึ่งครั้งนี้เราได้รับคำปรึกษาจากนักจัดสวนและเจ้าของไร่หญ้าอย่างคุณศักดิ์ เรืองพร้อม มาให้คำแนะนำการดูแลให้สนามเราสวยทนอีกด้วย เลือกชนิดให้ถูกปลูกแล้วสวย หญ้านวลน้อย หญ้านวลน้อยเป็นหญ้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากขึ้นง่ายทุกสภาพดิน แถมยังดูแลง่าย เป็นหญ้าที่ชอบแดดจัด นิยมปลูกกลางแจ้ง และหญ้านวลน้อยนิยมสวนหย่อมในบริเวณบ้าน โรงแรม ในสนามกอล์ฟ นอกจากนี้ยังใช้ในการจัดสวน เพราะเป็นหญ้าที่ทนการเหยียบย่ำ รวมทั้งเป็นหญ้าที่ดูแลรักษาง่ายกว่าหญ้าชนิดอื่น ๆ ถึงแม้จะปล่อยปละละเลยไปบ้าง เมื่อกลับมาดูแลรักษาใหม่ ก็ยังจะได้สนามหญ้าที่มีคุณภาพดีเหมือนกัน หญ้ามาเลเซีย สามารถเป็นหญ้าที่ทนร่มและแสงแดดแรงได้ดี ชอบแดดรำไรถึงแดดจ้า เหมาะที่จะปลูกใต้ไม้ใหญ่ หรือที่แดดรำไรมี ความต้องการน้ำมากเพราะขนาดของใบที่ใหญ่ดังนั้นควรรดน้ำสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรให้ท่วมขัง ไม่ควรเดินเหยียบบ่อยๆ เพราะจะทำให้ช้ำตายได้ หญ้าญี่ปุ่น เป็นหญ้าที่มีเส้นใบที่เล็กละเอียด มีการเจริญเติบโตช้าแต่พอโตแล้วจะหนาแน่น ทนทานต่อการเหยียบย่ำได้ดีที่สุด เป็นหญ้าคล้ายหญ้ามาเลเซีย ที่ชอบแดดและต้องการน้ำมาก และทนต่ออากาศหนาวได้ดี การดูแลรักษา 1. ช่วงเวลาที่รดน้ำ ควรเป็นช่วงที่แดดไม่จัด เวลาเช้าตรู่ถือเป็นเวลาที่เหมาะที่สุด เพราะช่วงเช้าถึงเที่ยงเป็นเวลาที่หญ้าปรุงอาหารได้ดีที่สุด การรดน้ำช่วงเย็นสามารถทำได้แต่ควรทำในช่วงประมาณบ่าย 3 โมง เพื่อว่าเมื่อให้น้ำแล้ว สนามจะได้แห้งก่อนมืด ดินจะได้ไม่เก็บความชื้นไว้ อันเป็นสาเหตุของโรคพืชได้ หลังรดน้ำสนามหญ้า ไม่ควรไปเดินเหยียบย่ำพื้นหญ้าขณะเปียก 2.วิธีรดน้ำ ควรรดน้ำแต่ละครั้งให้มากพอและไม่ควรรดน้ำบ่อยเกินไป เพราะนอกจากจะเปลืองน้ำแล้วยังชะล้างธาตุอาหารในดิน ทำให้ดินแน่นเร็วและเกิดโรคได้ง่าย และอย่ารดน้ำน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง เพราะน้ำจะซึมอยู่บนผิวดินตื้นๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้รากหญ้าเจริญเติบโตในระดับผิวดินตื้นๆ หญ้าจะอ่อนแอและหาอาหารได้น้อย ขาดน้ำได้ง่าย 3. หากปูหญ้าเสร็จใหม่ ให้รดน้ำวันละ 2 – 3 ครั้ง โดยสังเกตจากใบหญ้า หากเริ่มเหี่ยวหรือแห้งให้รดน้ำทันทีทำต่อเนื่องอย่างนี้ประมาณ 10 วัน หญ้าจะเริ่มหยั่งรากและเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ จากนั้นให้รดน้ำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง 4. การใส่และเร่งการเจริญเติบโต ด้วยการใส่ปุ๋ยสูตร 20 – 20 - 0 หรือ 46 - 0 - 0 แล้วรดน้ำให้ชุ่มทันทีเพื่อป้องกันการไหม้ของใบหญ้า 5. หากใบหญ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 20 – 20 - 0 หรือ 46 - 0 - 0 แล้วรดน้ำให้ชุ่มทันที เพื่อบำรุงต้นหญ้าให้กลับมาเขียวชอุ่มเช่นเดิม 6. หากมีวัชพืชขึ้นแซมบนพื้นหญ้า ให้กำจัดโดยใช้มือดึงหรือใช้อุปกรณ์ที่มีความแหลมคมแซะออก เพื่อรักษาพื้นหญ้าให้คงความสวยงามตลอดไป 7.หน้าฝนควรฉีดยากันเชื้อรา และควรตัดแต่งให้บ่อยขึ้นเพราะหากปล่อยให้รกรุงรังอาจมีสัตว์ที่เป็นอันตรายมาอาศัยอยู่ได้ การตัดหญ้า 1. ความสูงของหญ้าในการตัด ควรตัดให้เหลือความสูงประมาณ 1 นิ้ว 2. ถ้าเป็นไปได้ควรตัดทุกๆ สัปดาห์ หรือไม่ควรเกิน 10 วันต่อครั้ง และควรกำหนดเวลาตัดหญ้าให้ตรงเวลา จะทำให้หญ้าไม่อ่อนแอหลังการตัด ถ้าปล่อยให้หญ้ายาวมากเกินไป เมื่อตัดแล้วจะเหลือแต่โคนหญ้าที่แห้งเหลืองและแข็ง ไม่เขียวสวยงาม 3. ทิศ ทางการตัดหญ้า การตัดหญ้าในทิศทางเดียวกันติดต่อกันนานๆ จะทำให้หญ้าลู่ไปทางเดียว นอกจากจะดูไม่สวยแล้วยังทำให้หญ้าเติบโตไม่ดีด้วย ควรมีการสลับทิศทางการตัดหญ้าสนามบ้าง โดยสลับทุกๆ 1-2 เดือน 4. หลักการตัดหญ้า ต้องตัดขณะที่สนามแห้ง ไม่เปียกแฉะ เพราะจะทำให้ต้นหญ้าช้ำ 5. เวลาที่เหมาะสำหรับการตัดหญ้าอย่างยิ่งคือเวลาบ่าย สักประมาณบ่ายสามโมง เนื่องเพราะเป็นเวลาที่ใบหญ้าถูกแดดจนน้ำค้างแห้งดีแล้ว ใบหญ้าที่ยังชื้นจะตัดยากกว่าใบหญ้าที่แห้ง พอตัดเสร็จแล้วอีกสักพักในเช้าวันรุ่งขึ้นน้ำค้างก็จะเริ่มลง ช่วยให้หญ้าที่ช้ำเพราะเพิ่งถูกตัดฟื้นตัวได้เร็ว ขอขอบคุณข้อมูลจาก home.sanook.com