Tag : คอนโดติดรถไฟฟ้าใต้ดิน

2 ผลลัพธ์
คอนโดใกล้รถไฟฟ้า 0 เมตร จากรถไฟฟ้า ตัวไหนเด็ด

คอนโดใกล้รถไฟฟ้า 0 เมตร จากรถไฟฟ้า ตัวไหนเด็ด

คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า รถไฟฟ้ากลายเป็นปัจจัยหลักในการดำเนินชีวิตของคนในกรุงเทพฯ อย่างขาดไปเสียไม่ได้ แม้จะมีข้อเสียในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนที่มีความแอดอัดของผู้คน ต้องรอต่อคิวยาว หรือปัญหารถไฟฟ้าเสียก็พบเจอกันอยู่เป็นประจำ แต่รถไฟฟ้าก็ยังถือว่าเป็นการเดินทางที่สะดวก รวดเร็วมากที่สุดในเวลานี้ และเมื่อใดที่โครงข่ายรถไฟฟ้าทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เราก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะเกิดกับเมือง ซึ่งทุกวันนี้ก็เริ่มมีให้เห็นแล้ว   คำว่าทำเลดีในปัจจุบันมักจะหมายถึงที่ดินติดรถไฟฟ้า ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก เราเองก็ย่อมต้องมองหาที่อยู่อาศัย เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตมากที่สุด นั่นหมายความว่ายิ่งติดสถานีรถไฟฟ้ามากเท่าไหร่ก็ยิ่งเพิ่มสะดวกสบายได้มากขึ้นเท่านั้น หลายคนจึงเริ่มซื้อโครงการที่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าทั้งในปัจจุบันที่เปิดให้ใช้บริการอยู่ และโครงการติดกับสถานีรถไฟฟ้าในอนาคตเก็บเอาไว้ก่อนราคาจะเพิ่มสูงมากขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเปิดใช้บริการแล้ว โดยผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เองก็มีการแข่งขันกันอยู่ดุเดือดตั้งแต่เรื่องการหาที่ดินแปลงสวยทำเลดีติดรถไฟฟ้า และสิ่งอำนวยความสะดวก พัฒนาขึ้นมาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่ต่างก็โฆษณากันว่าห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเพียงไม่กี่เมตร หรือแม้แต่ห่างจากรถไฟฟ้าเพียง 0 เมตร ชนิดที่ว่าเดินทางบันไดสถานีรถไฟฟ้าก็ถึงหน้าโครงการกันเลยทีเดียว เราลองไปดูกันว่าคอนโดมิเนียมที่ห่างจากรถไฟฟ้าเพียง 0 เมตร หรือห่างประมาณ 100 เมตร จะมีโครงการเด็ดๆ ที่ไหนบ้าง ซึ่งจะแบ่งออกตามสายรถไฟฟ้าเฉพาะสายที่ให้บริการในปัจจุบัน และใกล้จะเปิดให้บริการแล้ว ดังนี้ คอนโดใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (สายสีลม) The Line สาทร ติดสถานีสุรศักดิ์ มุมถนนสาทร กับถนนประมวล ตัวอาคารถูกออกแบบให้เป็น Single Corridor เพื่อให้ทุกห้องไม่ถูกบล็อกวิวจากอีกฝั่ง และมีเพียง 3 ยูนิต/ชั้น เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานมานี้เอง แต่ SOLD OUT แล้วเรียบร้อยตั้งแต่วันแรกที่เปิดขาย ราคาเริ่มต้นประมาณ 7.9 ล้านบาท The Bangkok สาทร สถานีสุรศักดิ์ ริมถนนสาทรฝั่งขาออก ใกล้จุดขึ้น-ลงทางพิเศษศรีรัช คอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยม ขนาดยูนิตเริ่มต้น 59 ตร.ม. Private Lift ทุกยูนิต ที่จอดรถ 120% ถือว่าหายากมากๆ สำหรับคอนโดมิเนียมในเมือง ราคาเริ่มต้นประมาณ 10 ล้านบาท   สีลม-สาทร แหล่งเศรษฐกิจซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าราคาที่ดินพุ่งสูงขึ้นมากราคาคอนโดก็สูงขึ้นตาม แต่ยังคงได้รับความนิยมอยู่เสมอเมื่อเกิดโครงการใหม่ๆ ขึ้นมา ด้วยทำเลที่ไม่ไกลจากออฟฟิศของใครหลายคน สิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมี่ยม ตอบโจทย์กลุ่มตลาดระดับบนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี แต่หากจะอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าช่วงฝั่งธนก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะมีราคาที่ถูกกว่าย่านสีลม-สาทร มากเป็นเท่าตัว ในอนาคตยังมีจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆ อีกหลายเส้นทาง  คอนโดใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน (สายสุขุมวิท) Ideo Q Victory ติดสถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ริมถนนพญาไท ดีไซน์อาคารสวยโดดเด่น ประกอบกับที่ดินย่านนี้หายากมาก อนุสาวรีย์ก็ถือเป็น HUB ของการเดินทางในกรุงเทพฯ อยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่โครงการนี้ในรอบเปิดจองออนไลน์จะ SOLD OUT ในระยะเวลาไม่กี่นาที ราคาเริ่มต้น 5.59 ล้านบาท THE ESSE สุขุมวิท 36 ติดสถานีทองหล่อ ปากซอยสุขุมวิท 36 คอนโดมิเนียมระดับหรูย่านทองหล่อ ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ของทำเล และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีที่จอดรถแบบปกติ กับที่เป็น Automatic Parking ทั้งหมด 89% ถือว่าเยอะมากสำหรับคอนโดมิเนียมในเมือง คาดว่าแล้วเสร็จปี 2563 ราคาเริ่มต้น 12 ล้านบาท รถไฟฟ้าสายนี้ในปัจจุบันเปิดให้บริการตั้งแต่สถานีหมอชิต-สำโรง เป็นทำเลที่ได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย ไม่ว่าจะเป็นช่วงใจกลางเมืองอย่าง ทองหล่อ พร้อมพงษ์ อโศก หรือจะห่างออกไปในทุกๆ สถานี เราจะได้เห็นทั้งโครงการคอนโดมิเนียมในปัจจุบัน และโครงการในอนาคตขึ้นมาให้เห็นกันอยู่ตลอด คอนโดใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (หมอชิต-คูคต) Knightsbridge Kaset Society สถานีรถไฟฟ้าเสนานิคม ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลตัดผ่านแยกเกษตรด้วย โครงการอยู่ริมถนนพหลโยธินฝั่งขาเข้า ใกล้กับแยกเกษตร โครงการนี้ได้รับความสนใจอย่างมากด้วยทำเล และการออกแบบของ  Facilities ให้เชื่อมต่อกันทั้ง 3 อาคาร ทำให้ดูโดดเด่นมาก คาดว่าแล้วเสร็จ 2563 ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท Life ลาดพร้าว สถานีรถไฟฟ้าห้าแยกลาดพร้าว อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเซ็นทรัลลาดพร้าวพอดี และยังห่างจากรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีพหลโยธินอีกประมาณ 500 เมตร สิ่งอำนวยความสะดวกรายล้อมอยู่มากมาย ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการสุดฮอตจากเอพี ราคาเริ่มต้นช่วงเปิดตัวอยู่ที่ 2.9 ล้านบาท modiz interchange คอนโด Low Rise แต่ทำเลสวย เพราะอยู่ใกล้กับจุด interchange ของสายสีเขียว และสายสีชมพูสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ตรงวงเวียนหลักสี่ ใกล้เซ็นทรัลรามอินทรา ราคาเริ่มต้น 2.09 ล้านบาท ถือเป็นทำเลสุดฮอตอีกแห่งที่ร้อนแรงมากในปีนี้ที่มีหลายโครงการจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งค่ายเล็ก ค่ายใหญ่ ต่างจับจองพื้นที่ช่วงชิงดีมานด์ในย่านนี้ที่ยังมีอยู่มากทั้งวัยทำงาน และวัยเรียน แม้ว่าปัจจุบันจะเป็นที่ทราบกันดีว่าการจราจรติดขัดอย่างหนักหนาสาหัส แต่หากส่วนต่อขยายช่วงนี้เปิดให้บริการทุกอย่างก็จะยิ่งถูกพัฒนาขึ้นไปกว่านี้อีกมาก คอนโดใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (แบริ่ง-สมุทรปราการ) The Trust Condo @บีทีเอส เอราวัณ คอนโดพร้อมอยู่ เหมาะสำหรับคนทำงานในย่านนั้น แต่จำนวนยูนิตอาจจะมากไปหน่อย ประมาณ 1,570 ยูนิต แต่ราคาเริ่มต้นน่าสนใจทีเดียว ประมาณ 1.89 ล้านบาท Metropolis Samrong interchange ติดสถานีสำโรง คอนโดมิเนียมที่ไม่ได้เป็นกระแสมากนัก แต่น่าสนใจมาก เพราะในอนาคตจะเป็นจุด interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง วัสดุที่ใช้ค่อนข้างดี คาดว่าแล้วเสร็จปี 2561 ราคาเริ่มต้น 3.4 ล้านบาท คอนโดมิเนียมย่านนี้ แม้จะดูไกลออกไปหน่อย สิ่งอำนวยความสะดวกยังไม่มากเท่าส่วนต่อขยายฝั่งถนนพหลโยธิน แต่ได้ความเงียบสงบกว่ามาก ราคาถือว่ายังไม่แรง ประกอบกับที่ตั้งของโครงการติดรถไฟฟ้าเลยก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะยิ่งหากส่วนต่อขยายนี้เปิดใช้ภายในปี 2561 เมื่อไร เชื่อว่าราคาจะพุ่งสูงขึ้นอีกแน่นอน คอนโดใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูน-คลองบางไผ่) Ideo Mobi วงศ์สว่าง อินเตอร์เชนจ์  สถานีรถไฟฟ้าบางซ่อน และยังเป็นอินเตอร์เชนจ์กับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง สถานีบางซ่อน คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ มี Facility หลัก เอาไว้ชั้น 29-30 บนสุดของโครงการ เช่น สระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ตัวอาคารออกแบบสวยตามสไตล์อนันดา จึงถือเป็นอีกโครงการที่โดดเด่นของย่านนี้ ราคาเริ่มต้น 2.4 ล้านบาท Grow รัตนาธิเบศร์ สถานีไทรม้า คอนโดมิเนียม 34 ชั้น 364 ยูนิต ถือเป็นโครงการที่จำนวนยูนิตค่อนข้างน้อย ที่จอดรถให้มา 100% ขนาดเริ่มต้น 35 ตร.ม. เมื่อเทียบกับคอนโดในเมืองถือว่าได้พื้นกับราคาที่ดี คาดว่าแล้วเสร็จ 2561 ราคาเริ่มต้น 2.3 ล้านบาท Casa Condo บางใหญ่ สถานีสามแยกบางใหญ่ ติดถนนรัตนาธิเบศร์ ใกล้เส้นกาญจนาภิเษก จุดนี้ยังถือเป็นแหล่งรวมสิ่งอำนวยความสะดวกในย่านนี้ ทั้งบิ๊กซี โฮมโปร เซ็นทรัลเวสต์เกต อิเกียบางใหญ่ (เปิดให้ใช้บริการปี 2561) โรงพยาบาลการุณเวช รัตนาธิเบศน์ ที่จอดรถน้อยไปหน่อยเพียง 30% แต่เมื่อ เมื่อเทียบราคากับคอนโดมิเนียมโครงการอื่นที่อยู่ติดรถไฟฟ้าในระยะไม่เกิน 100 เมตรแบบนี้ ถือว่าน่าสนใจทีเดียว โดยราคาเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท   คอนโดใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีม่วงมีให้เลือกไม่มากเท่าสายอื่นๆ เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่มีการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน สถานีบางซื่อ จึงทำให้การเดินทางยังไม่คล่องตัวเท่าที่ควร แต่ปัจจุบันเมื่อเชื่อมต่อกันแล้วก็ทำให้ได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อย เป็นข้อพิสูจน์อีกอย่างหนึ่งว่า เมื่อการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะสะดวกสบายขึ้นก็ไม่จำเป็นต้องหาที่อยู่อาศัยแค่ในเมืองอีกต่อไป คอนโดใกล้รถไฟฟ้าสีน้ำเงิน (บางซื่อ-หัวลำโพง) Ideo Mobi พระราม 4 เพิ่งเปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ สำหรับค่ายอนันดา ติด MRT สถานีคลองเตย และยังใกล้กับจุดขึ้น-ลงทางด่วนแค่ 50 เมตร โครงการเน้นพื้นที่สีเขียว รวมถึงเป็นโครงการแรกที่นำเทคโนโลยี Solar Fresh air system มาใช้ เพื่อระบายความร้อนจากตัวห้อง คาดว่าแล้วเสร็จปี 2562 โครงการนี้ถือว่าทำเลดีมากอีกโครงการ ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท The esse singha complex สถานีเพชรบุรี ตั้งอยู่บนที่ดินเดิมของสถานทูตญี่ปุ่น ทำเลซึ่งเชื่อมต่อระหว่างใจกลางเมืองกับ New CBD เป็นโครงการ Mix-Use โดยจะมีทั้งคอนโดมิเนียม ส่วนออฟฟิศเกรดเอ พื้นที่ค้าปลีก  ที่กำลังจะสร้างประตูทางเข้า-ออกใหม่จากรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีเพชรบุรีให้ถึงหน้าโครงการเลย และยังเป็นจุดเชื่อมต่อกับ Airport Rail Link สถานีมักกะสัน ราคาเริ่มต้น 8.6 ล้านบาท   รถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกในประเทศไทยที่มีผู้ใช้บริการอย่างเนื่องแน่นในชั่วโมงเร่งด่วน วิ่งผ่านสถานที่สำคัญ และเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่นๆ รวมถึงการนำไปสู่การเดินทางอื่นได้อีก เช่น รถไฟ เรือ เป็นต้น ราคาค่าโดยสารก็ไม่แพงมากนัก แม้จะมีคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าใต้ดินยังไม่มากนักเมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าบีทีเอส แต่ก็ยังเป็นทำเลที่ผู้คนนิยมใช้เดินทางกันอยู่เสมอ คอนโดใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินฝั่งเหนือ (บางซื่อ–ท่าพระ) Ideo Mobi จรัญอินเตอร์เชนจ์ คอนโดพร้อมอยู่ที่อยู่ใกล้กับสถานีบางขุนนนท์ และในอนาคตก็เป็นจุดอินเตอร์เชนจ์กับสายสีส้ม ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม และสายสีแดง ตลิ่งชัน-ศาลายา ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท Brix จรัญสนิทวงศ์ 64 สถานีสิรินธร อาคารสูงแห่งแรกของแยกบางพลัด ที่สามารถตรงไปข้ามสะพานซังฮี้ แล้วเข้าสู่อนุสาวรีย์ได้อย่างง่ายดาย ใกล้สถาบันการศึกษาหลายแห่ง ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา คาดว่าแล้วเสร็จปี 2561 ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท The TREE RIO ติดสถานีบางอ้อ ถนนจรัญสนิทวงศ์ เยื้องโรงพยาบาลยันฮี ใกล้จุดขึ้น-ลง ทางพิเศษศรีรัช ในอนาคตมีโครงการสร้างสะพานเกียกกาย ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา จะยิ่งทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นในอนาคต คาดว่าแล้วเสร็จ 2561 ราคาเริ่มต้นประมาณ 2 ล้านบาท IDEO ท่าพระ อินเตอร์เชนจ์ สถานีท่าพระ เป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินทั้งสองฝั่งเข้าไว้ด้วยกัน อยู่ริมถนนเพชรเกษมใกล้แยกท่าพระ คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ที่ส่วนกลางสระว่ายน้ำชั้นดาดฟ้าสวยมากอีกโครงการหนึ่ง ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท   โซนนี้แต่เดิมไม่ค่อยมีอาคารสูงมากนัก เพราะเป็นย่านเมืองเก่าเสียมากกว่า ทำให้บรรยากาศไม่วุ่นวายจนเกินไป ค่าครองชีพก็ยังไม่สูง แต่หากรถไฟฟ้าเสร็จสมบูรณ์เมื่อไหร่ ก็จะทำให้ย่านนี้มีความคึกคักมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็เริ่มบุกทำเลนี้กันมากขึ้นด้วย   ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการยกตัวอย่างส่วนหนึ่งของโครงการคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าที่เปิดให้ใช้บริการในปัจจุบัน และสายที่กำลังจะเปิดใช้บริการอีกไม่นานเกินรอ ซึ่งไม่ใช่แค่ทำให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วขึ้น แต่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ใกล้เคียงด้วย ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่ติดกับรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆ อีก ทั้งที่เปิดตัวไปแล้ว และกำลังจะมีเปิดโปรเจคใหม่ตามมาอีกอย่างต่อเนื่อง จากนี้ไปเราคงจะได้เห็นกรุงเทพฯ และปริมณฑล เติบโตขยายขึ้นอีกเรื่อยๆ โครงการคอนโดใกล้รถไฟฟ้าอื่นๆ Whizdom Inspire Sukhumvit Supalai City Resort Charan 91 THE EXTRO Phayathai-Rangnam
Whizdom Avenue Ratchada – Ladprao ชีวิตใหม่..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

Whizdom Avenue Ratchada – Ladprao ชีวิตใหม่..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาทุกคนขึ้นรถไฟฟ้า MRT ไปลงที่สถานีลาดพร้าว เพื่อชมโครงการ “Whizdom Avenue Ratchada – Ladprao (วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว)” คอนโดมิเนียมที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจาก บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กันค่ะ ซึ่งโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดของย่านนี้ก็ว่าได้ค่ะ ทั้งยังอยู่ในช่วงต้นๆ ของลาดพร้าวด้วย และที่สำคัญคืออยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น แต่จะมีรายละเอียดอะไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ   โครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพอย่างแท้จริงเลยค่ะ เพราะใกล้ซอยลาดพร้าว 26 และสี่แยกรัชดา-ลาดพร้าวเลยนะคะ ตัวโครงการจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ ติดกับถนนหลักฝั่งขาออกที่มุ่งหน้าไปทางห้าแยกลาดพร้าว และอยู่ติดสถานี MRT ลาดพร้าวทางออกที่ 1 เลยค่ะ ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าถนนลาดพร้าวเป็นเส้นที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก เพราะถนนทั้งสองฝั่งจะเต็มไปด้วย ร้านค้า, ร้านอาหาร, ร้านขายยา, อาคารพาณิชย์, ธนาคาร, คอนโดมิเนียม ตลอดจนบ้านพักอาศัย เรียกว่าเรื่องอาหารการกินและแหล่งจับจ่ายใช้สอยนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบายมากค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ไม่ไกลจากแหล่งช็อปปิ้งเลย สถานที่ใกล้ที่สุดคือ สวนลุมไนท์บาซ่า รัชดาภิเษก และ Gourmet Market ที่เพิ่งมาเปิดในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินลาดพร้าว หากใครยังช็อปไม่จุใจ ขยับไปอีกนิดก็จะมี Big C Extra + Homepro, Union Mall, CentralPlaza Ladprao หรือแม้แต่เมเจอร์รัชโยธิน, The Street รัชดา ก็สามารถไปถึงอย่างง่ายดาย   ในเรื่องของการเดินทางด้วยรถยนต์ก็ถือว่าสะดวกมากค่ะ เพราะถนนลาดพร้าวสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนใหญ่ได้หลายสาย ทั้งถนนรัชดาภิเษกที่ตัดกับถนนลาดพร้าว ตรงแยกลาดพร้าว-รัชดา สามารถวิ่งไปพระราม 9 ได้ หรือจะกลับรถไปถนนพหลโยธินก็สามารถวิ่งออกไปทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิต่อไปถึงสยามสแควร์ โดยถนนเส้นรัชดาภิเษกเองก็จะมีซอยลัดเล็กๆ อย่างโชคชัยร่วมมิตรที่สามารถวิ่งไปออกถนนวิภาวดี-รังสิตได้ ซึ่งการจราจรก็จะคล่องตัวกว่าค่ะ นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางยกระดับอุตราภิมุข (ทางด่วนโทลล์เวย์) เชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครและศรีรัช ซึ่งสามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวก หรือจะใช้ทางลัดไปออกถนนเกษตร-นวมินทร์ (ประเสริฐมนูกิจ) ก็สามารถไปได้ง่ายๆ จากซอยลาดพร้าว 41 และถนนโชคชัย 4 ที่ตัดเข้าถนนลาดพร้าววังหินและถนนนาคนิวาส เชื่อมกับถนนสุคนธสวัสดิ์ก็เป็นเรื่องที่สะดวกรวดเร็วค่ะ   สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะก็สะดวกสบายไม่ต่างจากใช้รถส่วนตัวเลยนะคะ เพราะโครงการอยู่ติดถนนลาดพร้าว ทำให้บริเวณหน้าโครงการมีรถโดยสารอย่าง แท็กซี่ รถเมล์ และวินมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด ในขณะที่รถไฟฟ้า BTS ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการเข้าสู่ใจกลางเมืองก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเพียงนั่งรถสาธารณะไปไม่กี่ป้ายก็ถึงสถานีหมอชิตแล้วค่ะ ที่สำคัญจุดเด่นของโครงการคืออยู่ติดรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าว (ทางออกที่ 1) ด้วย ซึ่งสถานีลาดพร้าวในอนาคตจะเป็นสถานี Interchange เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-พัฒนาการ) ที่จะไปเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเทา (ช่วงวัชรพล-ทองหล่อ) บนเส้นเลียบทางด่วนรามอินทราที่สถานีฉลองรัชอีกที ส่วน MRT พหลโยธิน จะอยู่ห่างจากสถานีลาดพร้าวเพียงหนึ่งสถานี ซึ่งในอนาคตก็จะทำการเชื่อมกับสถานีห้าแยกลาดพร้าว ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงหมอชิต-คูคต) อีกด้วย เรียกได้ว่าถ้าในอนาคตรถไฟฟ้าทุกสายเรียบร้อยเมื่อไหร่ ตัวเลือกในการเดินทางของลูกบ้านของโครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว ก็ยิ่งสะดวกสบายมากขึ้นเท่านั้นค่ะ   ภาพรวมโครงการ โครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว เป็นคอนโดมิเนียม High rise ระดับลักชัวรี่ สูง 27 ชั้น จำนวน 1 อาคาร บนเนื้อที่ 3-0-44 ไร่ ค่ะ ตัวอาคารเป็นสีน้ำตาลเข้มตกแต่งตัดกับเส้นตรงสีสว่างที่วิ่งรอบตัวตึกหันหน้าออกถนนลาดพร้าว รอบตัวอาคารโอบล้อมไปด้วยสวนหย่อมและต้นไม้สีเขียวขจีให้ความรู้สึกสวยงามน่าพักผ่อน ทั้งนี้ตัวโครงการถูกออกแบบและก่อสร้างด้วยระบบ BIM ทำให้มีความถูกต้อง มั่นคง และรวดเร็วมากขึ้นตามมาตรฐานของวิสซ์ดอม และการออกแบบแต่ละส่วนของโครงการนั้นได้นำเกณฑ์จากสถาบันอาคารเขียวไทยที่ได้รับความเชื่อถือมาประเมินคุณภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพให้แก่ลูกบ้าน ซึ่งคุณภาพโครงการอยู่ในระดับ Gold ของเกณฑ์การประเมิน นอกจากนี้ทางโครงการยังออกแบบพื้นที่ให้ทุกคนใช้งานได้เท่าเทียมกัน เป็น Universal Design เอื้อต่อการใช้งานด้วยตัวเองในพื้นที่หลัก 3 ส่วน คือ ทางเข้า, ส่วนต้อนรับ และส่วนนันทนาการ โดยออกแบบทางลาด, บันได, พื้นกันลื่น, ปุ่มลิฟท์มีอักษรเบลล์ อีกทั้งยังออกแบบให้แต่ละยูนิตมี Space เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของการอยู่อาศัยที่แท้จริง   พื้นที่ภายในตั้งแต่ชั้น 1-4 จะเป็นที่จอดรถนะคะ ซึ่งสามารถจอดรถทั้งหมด 244 คัน รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 60% โดยแบ่งพื้นที่บริเวณชั้น 1 ให้เป็นโถง Lobby ขนาดใหญ่ รวมถึงที่ทำงานของนิติบุคคล มาพร้อมลิฟท์โดยสาร 4 ตัว และลิฟท์ Service 1 ตัว ในส่วนของห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 5 ไปจนถึงชั้น 25 เลยนะคะ แต่บริเวณชั้น 5 จะมีพื้นที่ส่วนกลางอย่างสวนสวยและห้องสมุดรวมอยู่ด้วย ในส่วนของชั้น 26-27 จะเป็นพื้นที่ของห้อง Penthouse และ Duplex ส่วนดาดฟ้าชั้น 28 นั้นจะเป็น Facilities ส่วนกลางที่ทางโครงการใส่มาเอาใจลูกบ้านอย่างเต็มพิกัด อาทิ Sky Infinity Edged Swimming Pool, Fitness, Sky Lounge และ Sky Garden รอบสระว่ายน้ำ และแน่นอนว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็ครบครันไม่แพ้กันค่ะ ซึ่งโครงการจะมีรปภ. คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกล้อง CCTV และใช้ Key Card ในการเข้าออกค่ะ แปลนของตัวอาคารเป็นรูปตัว L นะคะ สามารถเข้าออกได้ทางเดียวคือจากถนนลาดพร้าว แบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วนชัดเจน โดยชั้น Ground Floor จะเป็นส่วนของที่จอดรถ, Grand Lobby, ออฟฟิศนิติบุคคล, ลิฟท์โดยสารและ Mail box นะคะ เมื่อเข้าไปภายในตัวอาคารจะเจอโถง Grand Lobby ก่อนเลยค่ะ โถงต้อนรับถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์นที่มีแนวคิดมาจากแสงไฟแห่งมหานคร ในรูปแบบ Vertical Sculpture ที่แทรกด้วยดวงไฟและกระจกเงาที่คอยสะท้อนแสงระยิบระยับอย่างสวยงาม ด้วยขนาดของพื้นที่บริเวณ Grand Lobby มีขนาดกว้างมากพอจะจัดมุมรับแขกได้หลายจุด หากลูกบ้านมีแขกมาเยี่ยมเยียนก็สามารถนั่งรอที่บริเวณล็อบบี้ได้สบาย มาในส่วนของโถงลิฟท์โดยสารกันบ้างค่ะ ซึ่งมีให้บริการลูกบ้านถึง 4 ตัว ทั้งยังดูโดดเด่นไม่เหมือนคอนโดทั่วไปด้วยการฝังเส้นไฟ LED ลงที่พื้นและผนัง ตัดกับผนังสีดำรอบๆ บริเวณโถงลิฟท์จะมีส่วนของ Mail Box ด้วยนะคะ แปลนของพื้นที่ชั้น 5 นะคะ ซึ่งจะเริ่มเป็นที่อยู่อาศัยตั้งแต่ชั้นนี้เป็นต้นไป แต่ความพิเศษของชั้น 5 นั้นจะมีพื้นที่ส่วนกลางอย่างสวนกลางแจ้ง และห้องสมุดรวมอยู่ด้วย ดูแปลนกันไปแล้ว เราขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 5 กันดีกว่าค่ะ โถงลิฟท์เป็นสีดำเรียบๆ มีประตูกั้นก่อนเข้าไปยังห้องพักอาศัยอีกชั้นหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว บรรยากาศภายในห้องสมุดค่ะ ภายในห้องดูสูงโปร่ง โอบล้อมด้วยกระจกใส บริเวณข้างห้องสมุดเป็นสวนนะคะ ข้อดีของการมีสวนอยู่ใกล้ๆ ทำให้เวลาอ่านหนังสือสามารถพักสายตามองต้นไม้สีเขียวขจีได้ ภายในห้องสมุดจัดที่นั่งไว้สำหรับรองรับลูกบ้านหลายมุมเลยค่ะ พื้นที่สวนหย่อมบริเวณชั้น 5 ซึ่งลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นชิลล์ๆ ได้อย่างสบายใจเลยค่ะ แปลนพื้นที่บริเวณ Rooftop ชั้น 28 นะคะ เมื่อเดินออกมาจากลิฟท์จะแบ่งพื้นที่ของเป็นสองฝั่งนะคะ โดยฝั่งซ้ายมือจะเป็นสวนล้อมรอบสระว่ายน้ำ และด้านขวาจะเป็นฟิตเนสพร้อม Sky Lounge มาที่ฝั่งซ้ายมือที่เป็นสระว่ายน้ำกันก่อนดีกว่าค่ะ ซึ่งเป็นพื้นที่ของ Sky Infinity Edged Pool ขนาด 7 x 31 เมตร โดยสระเป็นระบบเกลือนะคะ มีความลึกที่ 1.20 – 1.50 เมตรไล่ระดับลงไป บริเวณข้างสระจะเป็นสระว่ายน้ำสำหรับเด็กค่ะ เวลาลูกบ้านใช้สระว่ายน้ำก็จะได้ชมวิวเมืองจากฝั่งลาดพร้าวแบบนี้เลยนะคะ พื้นที่มีปลายสระจะมี Sky Terrace สร้างสูงขึ้นไปหนึ่งชั้น ลูกบ้านสามารถขึ้นไปนั่งเล่นชมวิวได้อย่างเพลิดเพลิน อีกทั้งพื้นที่ด้านล่างยังเป็น Jacuzzi อีกด้วยค่ะ บริเวณสระจะมี Sculpture ของศาลาที่ทำให้สระนี้มีส่วนที่เป็นทั้ง Indoor & Outdoor นะคะ ซึ่งเวลากลางวันลูกบ้านกลัวแดดร้อนก็สามารถ ก็เลี่ยงหลบแสงแดดได้ บรรยากาศของสะว่ายน้ำยามค่ำคืนค่ะ ซึ่งจะมีไฟล้อมรอบสระเสมือนว่ายน้ำอยู่ใกล้ดวงดาว เดินกลับมาที่ฝั่งด้านขวาจะเป็น Fitness นะคะ ภายในห้องโอบล้อมด้วยกระจกใส ให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไปด้วยชมวิวไปด้วยได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในห้องฟิตเนสเต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายอย่างครบครันเลยนะคะ Sky Lounge ออกแบบให้ดูสูงโปร่งด้วยเพดานแบบ Double Volume ให้ลูกบ้านได้พักผ่อนอิ่มเอมไปกับบรรยากาศที่เหนือกว่าคอนโดใดๆ ด้วยวิวแบบพาโนรามา ซึ่งผนังโดยรอบเป็นกระจกสูงขึ้นไปเสมอฝ้าเลยค่ะ ภายในจึงสว่างและโปร่งมาก แต่ผนังทึบด้านหลังห้องและเพดานจะเป็นแบบ Fiber Optic ที่เล่นแสงสร้างบรรยากาศในช่วงกลางคืนให้ลูกบ้านรู้สึกเสมือนอยู่ใกล้ดวงดาวนั่นเองค่ะ พื้นที่รอบๆ ห้องจะเป็นสวนไม้ประดับล้อมรอบห้องเลยนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถมองวิวรอบด้านได้ถึง 270 องศา   เปิดแบบห้อง Whizdom Avenue Ratchada – Ladprao สำหรับห้องพักอาศัยของโครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว มีทั้งหมด 497 ยูนิตนะคะ ซึ่งมีให้เลือกด้วยกันถึง 5 แบบ ตั้งแต่ Studio  ขนาด 27 ตารางเมตร, 1 Bedroom ขนาด 27-37 ตารางเมตร, 2 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 47-56 ตารางเมตร, Duplex ขนาดตั้งแต่ 76-77 ตารางเมตร และ Penthouse ขนาดตั้งแต่ 105-129 ตารางเมตร ซึ่งปัจจุบันตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วนะคะ เริ่มมีลูกบ้านบางส่วนทยอยโอนห้องกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังพอมียูนิตเหลืออีกนิดหน่อย ซึ่งเราจะพาไปชมห้องตัวอย่างกันในครั้งนี้ นั่นคือห้อง 1 Bedroom Type B1 ขนาด 30.90 ตารางเมตร และ 2 Bedroom Type C3 ขนาด 55.61 ตารางเมตร ค่ะ   ภายในห้องแต่ละยูนิตมีจุดเด่นคือฟังก์ชั่นที่เป็นสัดส่วน ถูกออกแบบมาเพื่อความโปร่งโล่งสบาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านอย่างแท้จริงเลยนะคะ โดยโครงการออกแบบระยะต่างๆ เพื่อการใช้งานที่สะดวกและถูกสุขลักษณะ เหมาะสมกับระยะร่างกายของทุกคน เช่น ระยะห่างรอบเตียงนอนอย่างน้อย 0.55 เมตร, ระยะรอบเตียงก้านที่มีตู้เสื้อผ้า หรือโต๊ะทำงานต้องห่างอย่างน้อย 0.70 เมตร ไม่เพียงเท่านี้ยังใส่ใจในการเลือกวัสดุทุกอย่างให้ลูกบ้านปลอดภัยต่อสุขภาพด้วยค่ะ ไม่ว่าเป็นการติดตำแหน่งไฟที่ต้องไม่อยู่ตรงกับเตียงและที่นั่ง เพื่อลดความร้อนที่ส่องศีรษะ ลดการเกิดเงาเวลาอ่านหนังสือ รวมไปจนถึงติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้อยู่ในตำแหน่งลมเย็นเป่าด้านข้างของเตียงนอนเพื่อลดโอกาสเกิดความเจ็บป่วยนั่นเอง แต่ Layout ของแต่ละห้องจะเป็นยังไง มาดูไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom Type B1 ขนาด 30.90 ตารางเมตร เปิดประตู Digital Door lock เข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ พื้นที่ถัดเข้าไปด้านในทางซ้ายจะเป็นห้องครัว และทางขวาเป็นห้องนอนค่ะ ซึ่งภายในห้องนี้ทางโครงการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ของ Calvin Klein ไว้เป็นตัวอย่างทั้งหมด พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกำลังดีเลยนะคะ จากภาพจะเห็นได้ว่าสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง และยังเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะข้างได้อีกด้วย พื้นที่ตรงข้ามโซฟาจะเป็นคอนโซลทีวีนะคะ ซึ่งมีระยะห่างกันประมาณ 2 เมตรกว่าๆ ทำให้เหลือพื้นที่สามารถวางโต๊ะกลางได้ด้วย ในห้องจะได้แอร์ 2 ตัวนะคะ คือบริเวณห้องนั่งเล่นและห้องนอน ซึ่งตำแหน่งการติดตั้งแอร์ก็ได้คำนึงถึงประสิทธิภาพของลูกบ้านแล้วด้วย โดยตำแหน่งแอร์จะต้องไม่สัมผัสหน้าผู้อยู่อาศัยโดยตรง เพื่อกันปัญหาความเจ็บป่วย มุมมองจากบริเวณโซฟา ติดกับพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นครัวนะคะ ถัดจากครัวนั้นเป็นห้องนอนและห้องน้ำค่ะ ส่วนครัวนั้นจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอนนะคะ เพื่อป้องกันกลิ่นรบกวนเวลาประกอบอาหาร การที่กั้นห้องครัวด้วยกระจกก็เพื่อทำให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นด้วย ครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นมาให้แล้วด้วย ชุดครัวนั้นก็จะได้ตามภาพเลยนะคะ ซึ่งประกอบไปด้วยเคาน์เตอร์พร้อมตู้เก็บของแบบมีหน้าบานเปิด-ปิด และไม่มีหน้าบาน โดยมาพร้อมอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน พื้นที่ด้านในสุดติดกับห้องครัวจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งข้อดีของระเบียงติดครัวคือช่วยระบายอากาศเวลาประกอบอาหารนั่นเอง ตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวยังเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ 2 ที่นั่งได้ดั่งในภาพเลยนะคะ ระเบียงปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิกชนิดกันลื่นนะคะ ขนาดของระเบียงก็กว้างกำลังดีเลยนะคะ สามารถวางเครื่องซักผ้าและราวตากผ้าได้สบาย ส่วนราวระเบียงเป็นระแนงเหล็กสีดำดูแข็งแรงทนทาน มุมมองจากระเบียงออกไป จะเป็นวิวเมืองที่ไม่มีอะไรมาบดบังสายตานะคะ คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนนะคะ โดยทางโครงการได้ซ่อนไว้ให้แล้ว อีกทั้งยังกรุไม้ระแนงปิดฝ้าเพดานไว้ให้เรียบร้อย กลับเข้ามาด้านในส่วนของห้องนอนกันบ้างดีกว่าค่ะ ภายในห้องดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ห้องนอนจะถูกโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่นะคะ ซึ่งเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง 2 บานด้านข้าง และที่เหลือเป็นบาน Fix กรอบอลูมิเนียม ติดกระจกเขียวตัดแสงทั้งหมด พื้นที่ข้างเตียงติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ภายในมีที่ให้เก็บของได้เยอะทีเดียว ตัวบานพับจะใช้แบบ Soft closed ค่ะ เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียง ซึ่งสามารถเดินผ่านได้สบายๆ เลยค่ะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วย ออกมาจากห้องนอน ติดกันนั้นเป็นห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน พร้อมปูกระเบื้องทั้งพื้นและผนังเป็นสีเทาเข้มและอ่อน จัดวางสุขภัณฑ์จากส่วนแห้งเรียงเข้าไปยังส่วนเปียก โดยใช้สุขภัณฑ์จาก Cotto ทั้งหมด ยกเว้นเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าจะเป็นของ I-SPA ค่ะ บริเวณโซนเปียก ทางโครงการจะติดฉากกั้นอาบน้ำด้วยประตูกระจกนิรภัยมาให้เรียบร้อยแล้วนะคะ ทั้งยังเจาะช่องด้านในไว้ให้ลูกบ้านได้วางของใช้ส่วนตัวด้วย อ่างล้างหน้าบนเคาน์เตอร์จะเป็นแบบฝังนะคะ ซึ่งบริเวณผนังทางโครงการได้ทำปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบกันน้ำมาให้เรียบร้อยแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการคือการออกแบบทางเข้าห้องพักให้ลึกเข้าไป เหมือนเป็น Foyer ส่วนตัวของแต่ละห้อง ซึ่งเวลาที่เปิดประตูหรือมีแขกมาเยี่ยมเยียน ลูกบ้านห้องอื่นก็จะมองไม่เห็นนั่นเองค่ะ   ห้องตัวอย่างต่อมาที่เราเก็บภาพมาฝากเพื่อประกอบการพิจารณาเป็นห้อง 2 Bedroom Type C3 ขนาด 55.61 ตร.ม. จะต่างจากห้อง 1 Bedroom แบบแรกทั้งเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอย และ Layout เลยนะคะ ห้องนี้เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะมีโถงกลางขนาดใหญ่ที่เป็นพื้นที่ครัวแบบเปิดที่เชื่อมต่อกับมุมรับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นพร้อมระเบียงด้านในสุดสำหรับซักล้างหรือตากผ้า ส่วนห้องนอนจะถูกแบ่งออกไปทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวา โดยห้องนอนเล็กจะใช้ห้องน้ำร่วมกับห้องโถงกลาง ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำให้ในตัวค่ะ แปลนห้อง 2 Bedroom Type C3 ขนาด 55.61 ตร.ม. เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอส่วนรับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ติดริมระเบียงก่อนเลยนะคะ ภายในห้องบริเวณโถงกลางจัดฟังก์ชั่นแบบ Open Plan หลอมรวมระหว่างครัว พื้นที่รับประทานอาหาร และมุมนั่งเล่นเข้าไว้ด้วยกัน ครัวถูกจัดให้อยู่ชิดริมผนังฝั่งทางเดิน เป็นแบบ One Wall-Kitchen เหมือนดั่งห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ ขนาดของเคาน์เตอร์และชั้นเก็บของด้านบนจะมีขนาดยาวขึ้นเล็กน้อยตามขนาดของห้อง แต่ตัววัสดุที่ใช้รวมถึงเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นยังคงเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกค่ะ พื้นที่ข้างเคาน์เตอร์ครัวสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้สบายๆ เลยนะคะ พื้นที่ติดกับครัวด้านในจะเป็นห้องน้ำและห้องนอนเล็กค่ะ เรามาดูที่ห้องน้ำกันก่อนเลยค่ะ ภายในห้องแบ่งพื้นที่เปียกและแห้ง พร้อมกั้นประตูกระจกอาบน้ำไว้ให้เหมือนดั่งห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ ออกจากห้องน้ำมาต่อกันที่ห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องมีขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับวางเตียงนอนขนาด 3 ฟุตครึ่ง นอกจากโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ บริเวณรอบๆ เตียงยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถติดทีวีเพิ่มโดยไม่รู้สึกคับแคบด้วยค่ะ ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ เดินกลับมาที่โถงกลาง มุมรับประทานอาหารจะเชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่นเลยนะคะ พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกว้างกำลังดี ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบาย พร้อมเหลือพื้นที่ด้านไว้สำหรับวางโต๊ะข้างด้วย หรือหากลูกบ้านอยากวางโซฟาตัวยาว 3 ที่นั่งก็ยังพอไหวค่ะ เพียงแต่จะไม่สามารถวางโต๊ะข้างได้ ซึ่งมุมนั่งเล่นจะอยู่ชิดติดระเบียงนะคะเลยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ ระยะห่างของโซฟากับทีวีของห้องนี้จะห่างเกือบ 2 เมตรนะคะ ซึ่งก็เหมาะสำหรับวางทีวีขนาด 42 นิ้วขึ้นไป ทั้งนี้ประตูด้านขวาข้างคอนโซลทีวีคือห้องนอนใหญ่ค่ะ ระเบียงมีขนาดกว้างสามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ เลยค่ะ ในส่วนของคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนเหมือนห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ โดยทางโครงการได้ซ่อนไว้ให้แล้ว พร้อมยังกรุไม้ระแนงปิดฝ้าเพดานให้เรียบร้อยอีกด้วย ระเบียงอีกฝั่งหนึ่งสามารถวางเครื่องซักผ้าได้นะคะ โดยทางโครงการได้เดินสายไฟพร้อมท่อน้ำไว้ให้เรียบร้อยแล้ว กลับเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ภายในห้องนอนแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งนะคะ คือโซนพักผ่อน และโซน Walk-in Closet ที่อยู่ติดกับห้องน้ำ ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งลูกบ้านสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้ โดยเหลือพื้นที่เดินโดยรอบด้วยค่ะ พื้นที่ปลายเตียงมีที่เหลือมากพอสำหรับวางตู้หรือติดทีวีที่ผนังได้ด้วยค่ะ ฝั่งตรงข้ามกับเตียงนอน ซ้ายมือจะเป็น Walk-in Closet ที่อยู่ติดห้องน้ำแบบ Sexy bath ค่ะ ตู้เสื้อผ้าจะบิลต์อินเหมือนกับห้องนอนเล็กเลยนะคะ ซึ่งพื้นที่ตรงกลางสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งได้อย่างพอดิบพอดี ประตูห้องน้ำของห้องนอนใหญ่จะเป็นแบบเลื่อนนะคะ ภายในห้องน้ำใช้วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนๆ กับห้องน้ำด้านนอก จะต่างกันแค่ทางเข้าห้องน้ำจะตรงกับอ่างล้างหน้า และแบ่งด้านซ้ายเป็นโซนอาบน้ำ ส่วนด้านขวาจัดวางโถสุขภัณฑ์ พื้นที่อาบน้ำจะเป็นแบบ Sexy Bath ที่กรุผนังด้วยกระจกใส หากลูกบ้านอยากเพิ่มความเป็นส่วนตัวก็สามารถติดม่านมู่ลี่เพิ่มเติมได้เหมือนห้องตัวอย่างเลยค่ะ   ห้องทุกยูนิตของโครง วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว จะเปิดขายแบบ Fully Fitted มาพร้อมเครื่องปรับอากาศ, ตู้เสื้อผ้า, เคาน์เตอร์ครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำนะคะ โดยโครงสร้างอาคาร, ประตู-หน้าต่าง จะมีการรับประกันอยู่ที่ 30 ปี และในทุกๆ ปีก็จะมีหน่วยงาน Premium Care มาคอยตรวจเช็คสุขภาพของห้องให้ด้วยค่ะ   สำหรับคนที่สนใจไม่ว่าจะเป็นการซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือปล่อยเช่า ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมากนะคะ เพราะปัจจุบันค่าเช่าคอนโดในย่านนี้ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง แถมโครงการนี้ก็สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วด้วย ไม่ต้องอดทนรออีกนานกว่าจะได้อยู่จริง ใครที่กำลังมองหาคอนโดดีๆ ติดรถไฟฟ้าใต้ดินแบบนี้สักห้อง แนะนำให้แวะเข้าไปเยี่ยมชมที่โครงการดูบรรยากาศจริงกันก่อนเลยค่ะ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1265 หรือ https://mqdc.com/whizdom-ratchada-ladprao/