Tag : คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี

2 ผลลัพธ์
อนันดาฯ อวดโฉม “แอชตัน สีลม” แลนด์มาร์คแห่งแรกใจกลางถนนสีลม คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ตอบโจทย์ทั้งอยู่อาศัยและการลงทุน

อนันดาฯ อวดโฉม “แอชตัน สีลม” แลนด์มาร์คแห่งแรกใจกลางถนนสีลม คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ตอบโจทย์ทั้งอยู่อาศัยและการลงทุน

บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า โชว์ความสำเร็จอีกหนึ่งความภาคภูมิใจ ด้วยการเปิดตึก “แอชตัน สีลม” ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้เข้าชมคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ที่โดดเด่นด้วยทำเลศักยภาพเชื่อมต่อใจกลางเมืองบนถนนสีลม ราคาเริ่มต้น 8.9 ล้าน* มูลค่าโครงการกว่า 6,034 ล้านบาท  ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองอย่างแท้จริง การันตีความสำเร็จด้วยเสียงตอบรับจากกลุ่มลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ โดยมียอดขายโครงการถึง 70%   สะท้อนให้เห็นว่าคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่กลางเมืองยังคงฮอตอย่างต่อเนื่อง   นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการ แอชตัน สีลม ถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้เกิดขึ้นในวงการอสังหาฯ ด้วยการคว้าที่ดินแปลงงามบนถนนสีลมสายหลัก ( Silom Main road) บริเวณปากซอยสีลม 12 ใกล้โรงแรม Pullman Silom และเพียง 350 เมตรจากสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี เชื่อมต่อกับ inner CBD ทั้งสาทร และ    สีลม เป็นโครงการคอนโดมิเนียมโครงการแรกที่เกิดขึ้นในรอบทศวรรษบนถนนสีลมเส้นหลัก  และด้วยการสร้างสรรค์ตัวอาคารด้วย “New Sculpture Building”  ครั้งแรกกับการเปิดมุมมองของที่อยู่อาศัยในรูปทรงอาคารสูง ดูโดดเด่น ทันสมัย สะท้อนวิสัยทัศน์ของผู้ครอบครองได้อย่างลงตัว ด้วยนวัตกรรมใหม่ “Vertical Interlocking” นำเสนอยูนิตพิเศษโดยการเล่นระดับระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอน  ทำให้ได้ความสูงของเพดานที่ต่างกันเป็นพิเศษสูงสุดถึง 3.0-3.6 เมตร* โครงการ แอชตัน สีลม จึงได้รับการตอบรับจากลูกค้าไทยและต่างชาติเป็นอย่างดี ทั้งที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและเพื่อการลงทุน เพราะทุกยูนิตและทุกตารางนิ้วของโครงการได้คัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนเมืองอย่างแท้จริง โครงการ แอชตัน สีลม ตั้งอยู่ในทำเลติดถนนใหญ่สีลม ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มผู้มีรายได้สูงที่ต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลที่สะดวกสบายใจกลางเมือง ใกล้สถาบันการศึกษาชั้นนำสำหรับบุตรหลาน และยังตอบโจทย์นักลงทุนที่เน้นเก็งกำไรปล่อยเช่ากลุ่มชาวต่างชาติระดับบนซึ่งส่วนใหญ่มองหาคอนโดมิเนียมในโซน CBD ชั้นในที่ใกล้รถไฟฟ้าและมีความสะดวกสบายสูงใกล้สำนักงานชั้นนำมากมาย ซึ่งทำเลโซนสีลมนี้ถือเป็นทำเลทองยอดนิยมของชาวต่างชาติตลอดมา   จากการสำรวจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ สีลม-สาทร พบว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง แม้จะเป็นโซนที่มีที่ดินสำหรับพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างจำกัด แต่อัตราการเติบโตของคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ถือว่ามีความน่าสนใจอย่างมาก ปัจจุบันพบว่าราคาขายคอนโดมิเนียมในทำเล สีลม-สาทร เฉลี่ยอยู่ในระดับสูง เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านที่ดินที่มีน้อยและมีราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนการพัฒนาโครงการสูงขึ้นไปด้วย โดยโครงการใหม่ที่อยู่ใกล้ถนนหลัก หรือใกล้แนวรถไฟฟ้า มีราคาอยู่ในช่วง 200,000-300,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี   สำหรับนักลงทุนที่สนใจจะลงทุนปล่อยเช่าคอนโดฯในโซนกลางเมืองหรือโซน CBD นั้น ได้แก่ กลุ่มชาวต่างชาติที่ทำงานในเมืองไทย ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและเป็นกลุ่มเป้าหมายของคนที่ซื้อคอนโดในใจกลางเมืองเพื่อปล่อยเช่า  และการเลือกทำเลคอนโดเพื่อลงทุนปล่อยเช่าเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะ ถ้าทำเลไม่ดี ขายยาก ปล่อยเช่ายาก ราคาก็ไม่ขยับ แต่ถ้าคอนโดตั้งอยู่บนทำเลดี ราคามักสูงตามไปด้วย ปล่อยเช่าได้ง่ายมีผู้สนใจเช่าต่อเนื่อง โดยสามารถสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าได้ในอัตราสูง ซึ่งคอนโดมิเนียมราคาประมาณ 6.5 ล้านบาท สามารถปล่อยเช่าได้ในราคา 30,000 บาทต่อเดือน หากคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 5% ต่อปี   **กรมธนารักษ์ได้ดำเนินการจัดทำบัญชีราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินและโรงเรือนสิ่งปลูกสร้างในรอบบัญชีปี 2559-2562 สีลมก็ยังคงรักษาแชมป์เอาไว้ได้ด้วยราคาที่ดินถูกปรับขึ้น 4.1% หรือ 1 ล้านบาทต่อตารางวา แต่ราคาประเมินกับราคาซื้อขายจริงนั้นมีความแตกต่างค่อนข้างมาก โดยราคาตลาดที่ดินทำเลสีลมปี 59 เฉลี่ยแล้วตกอยู่ที่ 1.65 ล้านบาทต่อตารางวา หรือมากกว่าราคาที่กรมธนารักษ์ประเมินถึง 65% โครงการ แอชตัน สีลม ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมหรูระดับลักชัวรี่พัฒนาในรูปแบบ High Rise สูง 48 ชั้น จำนวน 428 ยูนิต ประกอบด้วยห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 31-49.5 ตรม. และ 2 ห้องนอน ขนาด 71.50-86.50 ตรม. มูลค่าโครงการรวม 6,034 ล้านบาท ความพิเศษของห้องพักมีเพียงแค่ 14 ยูนิตต่อชั้น เหนือระดับกับความเป็นส่วนตัวเสมือนได้อยู่บ้านอย่างแท้จริง ด้วยแนวคิดการออกแบบสไตล์ Luxury Neo Industrial รายล้อมด้วย Facilities ที่ครบทุกความต้องการ ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพสูงบนถนนสีลม ติด BTS สถานีช่องนนนทรี เพียง 350 ม. อีกทั้งยังมีรถไฟฟ้า BTS และรถไฟใต้ดิน MRT ถึง 3 สถานี ได้แก่ รถไฟฟ้า BTS สถานีสุรศักดิ์ และ ศาลาแดง ส่วนรถไฟใต้ดิน MRT ก็ยังใกล้กับ สถานีสี-ลม จึงทำให้การเดินทางนั้นสะดวกสบายได้ด้วยรถไฟฟ้า หรือแม้แต่เดินทางด้วยรถยนต์ก็เดินทางสะดวก ภายในโครงการครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และระบบสาธารณูปโภคมากมาย อาทิ Swimming Pool, Kid’s Pool, Onsen, Jacuzzi, Fully Equipped Fitness,Private Gym,Massage Room, Library, Social Club and Botanical Lounge, Theatre และ Business Lounge พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ลงตัวทุกจังหวะของชีวิตจัดเต็มทุกความหรูหราแห่งการใช้ชีวิตมาไว้ในที่เดียว   นอกจากนี้ยังมีสถานที่สำคัญรอบโครงการ อาทิ โรงพยาบาลบีเอ็นเอช อาคารสำนักงาน ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลเวิลด์ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ มาบุญครอง และ สวนลุมพินี สวนสาธารณะที่เรียกได้ว่าเป็นปอดขนาดใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ อีกทั้งยังใกล้โรงเรียนเอกชนชั้นนำ เช่น โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ เป็นต้น รวมถึง เมกะโปรเจ็คใหม่ๆ ที่กำลังเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง          
“สมดุลแห่งความต่าง” สิงห์ เอสเตท เปิดโครงการดิ เอส สุขุมวิท 36 ด้วยแนวคิดการสร้างสมดุลแห่งความต่างในการอยู่อาศัย ผ่านการออกแบบผสานอัตลักษณ์ความเป็นไทยเข้ากับเทรนด์การอยู่อาศัยยุคใหม่

“สมดุลแห่งความต่าง” สิงห์ เอสเตท เปิดโครงการดิ เอส สุขุมวิท 36 ด้วยแนวคิดการสร้างสมดุลแห่งความต่างในการอยู่อาศัย ผ่านการออกแบบผสานอัตลักษณ์ความเป็นไทยเข้ากับเทรนด์การอยู่อาศัยยุคใหม่

“สิงห์ เอสเตท” เปิดตัว ดิ เอส สุขุมวิท 36 (THE ESSE SUKHUMVIT 36) คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีติดรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีทองหล่อ ภายใต้แนวคิด “สมดุลแห่งความต่าง” จากต้นแบบของงานสถาปัตยกรรมแบบบ้านเรือนไทย ประยุกต์เข้ากับการอยู่อาศัยในยุคใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ภายใต้ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก ตั้งเป้าปิดการขาย 50% ในปีนี้ ด้วยยอดขายกว่า 3,000 ล้านบาท นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บมจ.สิงห์ เอสเตท ได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในระดับลักชัวรีมาแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ ดิ เอส อโศก (The ESSE Asoke) และ ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ (THE ESSE at SINGHA COMPLEX) ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้รับการตอบรับที่ดี โดยมียอดขายรวมกว่า 85% และในวันนี้เราได้เปิดตัวโครงการที่ 3 คือ ดิ เอส สุขุมวิท 36 คอนโดมิเนียมความสูง 43 ชั้น จำนวน 338 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,500 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่บนหนึ่งในทำเลที่ดีที่สุดของสุขุมวิท คือ ติดกับรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อ แหล่งรวมไลฟ์สไตล์และที่พักอาศัยในระดับบนของกรุงเทพฯ รวมทั้งยังเป็นทำเลยอดนิยมของชาวต่างชาติ จึงทำให้ทำเลนี้เป็นที่ต้องการและมีศักยภาพในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของลูกค้าในระดับบนทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่ต้องการซื้อเพื่อพักอาศัยเองและซื้อเพื่อลงทุน โดยโครงการนี้ สิงห์ เอสเตท ร่วมทุนกับ ฮ่องกง แลนด์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มากมายในเอเชีย รวมถึงได้ว่าจ้างที่ปรึกษาระดับโลก อย่าง SOM มาช่วยดูแลด้านการออกแบบร่วมกับบริษัทออกแบบชั้นนำของไทย เพื่อให้โครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 มีความโดดเด่นในระดับลักชัวรี โดยตั้งเป้าปิดการขายได้ 50% ในปีนี้ ด้วยยอดขายกว่า 3,000 ล้าน” “โครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด “A Harmony of Contrast”  หรือ สมดุลแห่งความต่าง โดยการหลอมรวมอัตลักษณ์ของความเป็นไทยกับเทรนด์การอยู่อาศัยในยุคปัจจุบันเข้าด้วยกัน สถาปัตยกรรมที่สร้างในเขตร้อนหรือ ทรอปิคัล เฮ้าส์ เช่น บ้านเรือนไทย  ถูกนำมาใช้เป็นโจทย์หลักในการออกแบบตัวอาคาร อาทิ การเปิดช่องให้ลมผ่านหรือการยกพื้นใต้อาคารเพื่อให้มีการไหลเวียนของอากาศภายใน แนวคิดดังกล่าวถูกนำมาประยุกต์ให้เข้ากับการออกแบบสมัยใหม่  ซึ่งนอกจากจะสวยงามแล้วยังเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงความยั่งยืน (Sustainability Design) อีกด้วย ในส่วนของงานภูมิทัศน์ได้แรงบันดาลใจจากภูมิประเทศแถบชนบทของไทย เช่น ทุ่งข้าว และเนินเขา มาเป็นต้นแบบ ขณะที่งานตกแต่งภายในเองก็ได้นำเอารูปแบบงานฝีมือของไทยเข้าไปใส่ในรายละเอียดต่างๆ โดยปรับแต่งให้มีความทันสมัย ทั้งนี้อัตลักษณ์ของความเป็นไทยทั้งหมดได้ถูกผสานกับการออกแบบสมัยใหม่ได้อย่างสมดุลและลงตัว โดยมั่นใจว่าการออกแบบดังกล่าวจะสามารถเข้าถึงทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงทำให้โครงการมีความแตกต่างจากโครงการลักชัวรีอื่นในตลาด” นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า “ในส่วนของห้องพักอาศัยทั้ง 338 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 38.50-43.25 ตารางเมตร แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 73.50-77.00 ตารางเมตร แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 116.75-124.25 ตารางเมตร และเพนท์เฮ้าส์ ขนาด 252 ตารางเมตร ทุกห้องมีการออกแบบพื้นที่ใช้สอยอย่างลงตัว มีการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์คุณภาพสูงจากแบรนด์ชั้นนำ รวมถึงมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในโครงการเพื่อให้การใช้ชีวิตในโครงการสะดวกสบายยิ่งขึ้น  นอกจากนั้นพื้นที่ส่วนกลางยังครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกตอบโจทย์ทุกวัฒนธรรมการอยู่อาศัย อาทิ สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ออนเซ็น สกายเลาจน์ เธียเตอร์รูม กอล์ฟ ซิมูเลเตอร์ ฯลฯ” นายเทอเรนซ์ ลี ผู้จัดการทรัพย์สินอาวุโสของฮ่องกง แลนด์ กล่าวว่า “เราเชื่อว่า ดิ เอส สุขุมวิท 36 จะเป็นโครงการที่นำเสนอจิตวิญญาณของกรุงเทพฯ เมืองหลวงที่มีความน่าตื่นตาตื่นใจของประเทศที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมแห่งนี้ได้อย่างงดงาม โครงการนี้ได้ที่ปรึกษาด้านการออกแบบซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำอันดับต้น ๆ ของโลก มาร่วมออกแบบและวางแผนก่อสร้างด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด รวมถึงการคัดเลือกวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งที่มีคุณภาพดีเยี่ยม พร้อมสรรพด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาตรฐานอาคารที่พักลักชัวรีระดับโลก นอกจากนี้เรายังได้นำประสบการณ์และความรู้ที่ได้จากการร่วมพัฒนาโครงการต่างๆ ทั่วเอเชียมาร่วมกันสรรสร้างสัญลักษณ์ใหม่แห่งกรุงเทพมหานครแห่งนี้ ในฐานะหุ้นส่วนโครงการนี้ ผมขอถือโอกาสนี้แสดงความยินดีกับ สิงห์ เอสเตท และหวังว่าโครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน ที่ทั้งสองฝ่ายร่วมกันมองหาโอกาสใหม่ๆ ในตลาดที่กำลังเติบโตและขยายตัวอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน รวมถึงสร้างมาตรฐานการใช้ชีวิตแบบมีระดับร่วมกันต่อไปอีกในอนาคต ฮ่องกง แลนด์ เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่พักอาศัยของไทยมีอนาคตที่สดใส เราหวังว่าจะได้พัฒนาความสัมพันธ์ในฐานะพาร์ทเนอร์คนสำคัญกับ สิงห์ เอสเตท ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และมีโอกาสที่จะร่วมลงทุนในโครงการอื่นๆ ด้วยกันอีกในอนาคต” นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันทองหล่อเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมสูงสุดของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวญี่ปุ่น เพราะเป็นแหล่งที่รวมไลฟ์สไตล์ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของชาวต่างชาติมากกว่าทำเลอื่นในกรุงเทพฯ ทั้งยังเป็นย่านที่มีตลาดเช่าที่พักอาศัยเพื่อการลงทุนที่โดดเด่นมาก มีตลาดชัดเจน คอนโดระดับราคา 250,000-350,000 บาทต่อตารางเมตร แม้จะดูราคาสูง แต่เป็นระดับราคาที่ลูกค้ายอมรับได้ เมื่อเทียบกับทำเล แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพคเกจราคารวมต่อยูนิตด้วย ทั้งนี้ซีบีอาร์อีมองว่าคอนโดระดับราคา 10-20 ล้านบาท/ ยูนิต ค่อนข้างเหลือน้อยแล้วในทำเลนี้ อีกอย่างที่สำคัญคือรายละเอียดของโครงการว่ามีความสนใจมากน้อยแค่ไหน ยิ่งถ้าเป็นการซื้อเพื่อปล่อยเช่ายิ่งต้องดูว่าโปรดักส์ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของกลุ่มที่เรามองไว้เป็นกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ ในช่วงที่ผ่านมาชาวต่างชาติเองก็หันมาลงทุนซื้ออสังหาฯในเมืองไทยมากขึ้น เพราะราคาอสังหาฯในเมืองไทยยังราคาไม่ค่อยสูงเมื่อเทียบกับในต่างประเทศ และมาตรฐานของโครงการในเมืองไทยก็ถือว่าอยู่ในระดับสูงทั้งในแง่การออกแบบและของที่ให้ โดยชาวต่างชาติมักจะลงทุนในทำเลที่ตนเองมีความคุ้นเคย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำเลติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสซึ่งสะดวกต่อการเดินทางและดีในแง่ของการลงทุน ซึ่งก็ไม่พ้นสุขุมวิท” โครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 ราคาเริ่มต้นต่อยูนิตอยู่ที่ 12 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 1/2561 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค. 2563 ทั้งนี้โครงการจะเปิดขายให้ชมห้องตัวอย่างที่สำนักงานขาย ติดรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อ ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย. 2560 เป็นต้นไป  งาน Pre Sales จะจัดขึ้นในวันที่ 18-19 พ.ย. 2560 สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อในช่วงวันดังกล่าว จะได้รับส่วนลดพิเศษตั้งแต่ 2-8 แสนบาท สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1221 หรือ www.singhaestate.co.th