Tag : คอนโดย่านพระดขนง

1 ผลลัพธ์
Aspire สุขุมวิท 48 : รีวิวคอนโด

Aspire สุขุมวิท 48 : รีวิวคอนโด

ใครที่กำลังมองหาคอนโดในย่านพระโขนง ต้องไม่พลาดข้อมูลของโครงการ Aspire สุขุมวิท 48 คอนโด High Rise ที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว แถมยังอยู่เกาะแนวรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิทด้วย ถึงแม้สถานีพระโขนงจะอยู่ห่างจากตัวโครงการมากถึง 750 เมตร แต่ก็ถือว่าเป็นทำเลที่ยังน่าสนใจเลยทีเดียวสำหรับห้องในราคาเริ่มต้นไม่เกิน 3 ล้านบาท การเดินทาง   การเดินทางมายังคอนโด Aspire สุขุมวิท 48 สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีพระโขนง ซึ่งอยู่ห่างจากปากซอยสุขุมวิท 48 ประมาณ 500-600 เมตร ส่วนตัวโครงการอยู่ถัดเข้ามาในซอยอีกเกือบ 200 เมตร ด้วยระยะขนาดนี้ยังถือว่าเดินได้ไม่ยาก แต่ติดอยู่นิดหน่อยตรงที่จากตัวสถานีรถไฟฟ้าลงมาทางถนนพระราม 4 ต้องข้ามทางม้าลายที่แยกใหญ่อีกทอด ซึ่งต้องเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยจากรถราบนท้องถนนบ้างไม่มากก็น้อย ถ้าจะออกจากโครงการไปยังรถไฟฟ้าแล้วไม่อยากเดิน ก็มีทางเลือกให้ทั้งบริการพี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือจะใช้บริการ Shuttle Bus ของทางโครงการที่มีบริการรับส่งตามเวลาที่กำหนดก็ได้เช่นกัน   ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ สามารถเลือกเข้าได้ทั้งจากทางซอยสุขุมวิท 48 และฝั่งถนนพระราม 4 จากซอยสุขุมวิทพลัส 2 ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับสามแยกพระโขนงนั่นเอง ถ้าเราเดินทางมาจากทางอ่อนนุช จะต้องข้ามสะพานข้ามคลองพระโขนงมาก่อนนะครับ พอขึ้นสะพานมาแล้วให้พยายามชิดซ้ายเข้าไว้ เพราะลงสะพานมาปุ๊ปก็เห็นซอยสุขุมวิท 48 อยู่ตรงหน้าทันที ส่วนถ้าใครมาจากฝั่งเอกมัย ผ่านแยกพระโขนงมาแล้วจะต้องมากลับรถที่ใต้สะพานเพื่อเข้าซอยสุขุมวิท 48 หรือจะเลี้ยวเข้าถนนพระราม 4 แล้วเข้าทางซอยสุขุมวิทพลัส 2 ก็ได้เช่นกัน แต่การเข้าออกทางซอยสุขุมวิทพลัส 2 ต้องเสียค่าผ่านทาง 10 บาทด้วยนะครับ ซึ่งก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน แน่นอนว่าการจราจรบริเวณนี้ก็ได้ชื่อว่าติดหนักเอาการ เพราะถนนสุขุมวิทมักจะมีปริมาณรถที่หนาแน่นเกือบตลอดเวลา เส้นทางหลีกเลี่ยงที่พอจะทำได้ง่ายก็เห็นจะมีถนนพระราม 4 ที่สามารถออกไปขึ้นทางด่วนที่ด่านอาจณรงค์ได้ แต่การจราจรบนถนนพระราม 4 ก็ใช่ว่าจะติดน้อยกว่าถนนสุขุมวิทซักเท่าไหร่ ดังนั้นใครที่ต้องใช้รถส่วนตัวในการเดินทางเป็นหลักอาจจะเลี่ยงปัญหารถติดได้ยาก หรือถ้าใครที่พอจะคุ้นเคยกับเส้นทางบริเวณนี้ดีพอ ก็อาจจะรู้ว่าในซอยสุขุมวิท 48 นี้มีเส้นทางลัดไปออกซอยสุขุวิท 50 เพื่อไปขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ได้ด้วยอีกทาง แต่เส้นทางนี้จะต้องขับผ่านซอยแคบในพื้นที่ส่วนบุคคลด้วย จึงไม่ค่อยมีใครรู้เส้นทางเท่าไหร่ถ้าไม่ใช่คนในพื้นที่   สำหรับการเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ก็จัดว่าสะดวกไม่แพ้กัน เพราะบริเวณปากซอยสุขุมวิท 48 มีทั้งวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และป้ายรถเมล์ ซึ่งถนนสุขุมวิทมีรถราวิ่งผ่านมากมายอยู่แล้ว จะไปไหนมาไหนจึงหาเรียกรถได้สะดวก   แผนที่รอบๆ โครงการครับ สำหรับการเดินทางวันนี้ผมขอเริ่มจากถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้า ย่านบางจากใกล้ๆ โครงการเลยนะครับ ด้านซ้ายมือจะเป็นสำนักงานเขตพระโขนงครับ ตรงมาอีกนิดนึงก็ถึง BTS อ่อนนุชแล้วครับ เลยจาก BTS อ่อนนุชมาก็จะเจอแยกอ่อนนุช ด้านขวามือจะเป็นถนนสุขุมวิท 77 หรือซอยอ่อนนุช ให้ขับตรงไปเลยนะครับ พอตรงมาแล้วก็จะเจอสะพานข้ามคลองพระโขนง ให้ขับตรงขึ้นสะพานไปเลยครับ พอข้ามสะพานมาก็ถึงแล้วครับ ให้ชิดซ้ายเตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าซอยเลยนะครับ หน้าปากซอยสุขุมวิท 48 จะมีป้ายโฆษณาของโครงการติดอยู่ด้วยนะครับ สังเกตได้ไม่ยาก โครงการสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ เมื่อเลี้ยวเข้ามาในซอยก็จะเห็นอาคารของโครงการตั้งตระหง่านอยู่แบบนี้เลยครับ โครงการจะอยู่ในซอยประมาณ 200 เมตรครับ ถึงแล้วครับ ทางเข้าโครงการ อย่างที่บอกว่าโครงการสร้างเสร็จแล้ว เริ่มมีลูกบ้านทยอยเข้ามาอยู่แล้วครับ เมื่อเลี้ยวเข้ามาในโครงการแล้วให้ขับเลยมาจอดรถที่ Tower S ด้านในนะครับ เพราะสำนักงานขายจะย้ายมาอยู่ที่ Lobby Tower S ครับ บรรยากาศด้านล่างตึก น้ำพุด้านหน้า Tower S บรรยากาศภายใน Lobby ครับ Lobby อีกมุม ครับ   วิเคราะห์ตัวโครงการ   โครงการ Aspire สุขุมวิท 48  อยู่ถัดเข้ามาจากปากซอยเป็นระยะทางเกือบ 200 เมตร ลักษณะที่ดินของโครงการจะเป็นแนวยาวเริ่มจากฝั่งซอยสุขุมวิท 48 ไปจรดคลองพระโขนง พื้นที่ภายในแบ่งเป็น 3 อาคาร คือ อาคาร N (North) สูง 25 ชั้น อาคาร S (South) สูง 30 ชั้น และอาคารจอดรถสูง 8 ชั้นซึ่งอยู่ด้านในสุด อาคารทั้งหมดตั้งอยู่ตามแนวทะแยงทิศเหนือ-ใต้  ทำให้ห้องส่วนใหญ่ค่อนไปในตำแหน่งทิศตะวันออกและตะวันตก ห้องทางด้านทิศตะวันออกจะได้ City View เห็นทั้งรถไฟฟ้า BTS ถนนสุขุมวิท และวิวตึกสูงตามแบบฉบับเมืองใหญ่ ส่วนทางด้านทิศตะวันตกที่ใครๆ กลัวว่าแดดจะร้อนแต่กลับได้วิวที่สวยกว่า ด้วยวิวมุมกว้างไร้ตึกสูงให้รกตา แถมยังได้วิวแม่น้ำ ท่าเรือ และในวันที่อากาศดีๆ ก็สามารถมองเห็นได้ไกลถึงบางกระเจ้าเลยทีเดียว ใครที่เลือกห้องในชั้นสูงๆ ก็จะได้เปรียบเรื่องวิวไปเต็มๆ ส่วนปัญหาเรื่องแดดร้อนก็อาจจะร้อนบ้างแต่ยังโชคดีที่บางห้องอยู่ในตำแหน่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ จึงไม่โดนแดดเต็มที่ ใครที่อยากได้ห้องวิวสวยๆ ก็ลองพิจารณากันดูได้ครับ   ส่วนบริเวณรอบๆ โครงการยังมีบรรยากาศเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยกันมาก่อน ในซอยสุขุมวิท 48 มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร และร้านซักรีดบ้าง ซึ่งก็เป็นอาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้น  ถัดมาทางถนนสุขุมวิทก็ยังมีร้านค้าอยู่อีกไม่น้อยเช่นกัน รอบๆ ในรัศมีใกล้เคียงมีสาธารณูปโภคครบถ้วนดีเช่นกัน ทั้งโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ที่ทำการไปรษณีย์ ธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง รวมถึงมหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตกล้วยน้ำไท และห้างสรรพสินค้าอีกหลายแห่ง จัดว่าอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียวครับ   และด้วยความที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ มียูนิตรวมทั้ง 2 อาคารมากถึง 838 ยูนิต  ทำให้มีการจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางที่ต้องใช้ร่วมกันบ้าง และแยกส่วนกันบ้าง เช่นในส่วนของอาคารจอดรถที่ลูกบ้านต้องใช้อาคารจอดรถร่วมกัน โดยอาคารจอดรถสูง 8 ชั้นที่ทางโครงการจัดไว้ สามารถรองรับรถได้กว่า 400 คัน ถ้านับรวมที่จอดรถบริเวณรอบๆ อาคาร และนับรวมการจอดซ้อนคันแล้ว ก็มีสัดส่วนที่จอดรถมากถึง 50% ของจำนวนห้องทั้งหมดเลยทีเดียว แต่ลูกบ้านในอาคาร N จะเสียเปรียบกว่านิดหน่อย เพราะตั้งอยู่ห่างจากอาคารจอดรถมากกว่าอาคาร S แถมทางเดินระหว่างอาคารแต่ละหลังก็ไม่มีหลังคาบังแดดบังฝนด้วย การเดินไปมาในช่วงเวลาฝนตกอาจจะลำบากหน่อย ยิ่งถ้าต้องหิ้วของพะรุงพะรังยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะทุลักทุเลแค่ไหน นอกจากนี้สวนหย่อม และลู่วิ่งบนถนนรอบโครงการก็เป็นอีกส่วนที่ต้องใช้ร่วมกัน ส่วนสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ห้องซาวน่า และพื้นที่พักผ่อนจะอยู่ที่ชั้นบนสุดของทั้ง 2 อาคาร ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางนี้จะแยกกันแต่ละอาคารโดยชัดเจน โดยที่พื้นที่ส่วนกลางบนดาดฟ้าของอาคาร S จะกว้างกว่าอาคาร N อย่างชัดเจน เนื่องจากจำนวนยูนิตรวมในอาคาร S มากกว่านั่นเอง ส่วนเรื่องลิฟท์โดยการก็แบ่งเป็นอาคาร S 3 ตัว และลิฟท์เซอร์วิสอีก 1 ตัว ในขณะที่อาคาร N มีลิฟท์โดยสารให้เพียง 2 ตัวเท่านั้น เรื่องความหนาแน่นของการใช้งานส่วนกลางต่างๆ ก็ต้องบอกว่าหนาแน่นกันพอสมควร อย่างลิฟท์โดยสารก็คำนวนได้ในอัตรา 1:140-180 เลยนะครับ ส่วนสระว่ายน้ำระดับ 5x15-20 เมตร ในแต่ละอาคารไม่ต้องบอกก็น่าจะนึกออกว่าจะต้องแบ่งกันใช้งานมากน้อยแค่ไหน   เนื่องจากตัวโครงการ Aspire สุขุมวิท 48 สร้างเสร็จพร้อมอยู่อาศัยแล้ว เราเลยได้เห็นบรรยากาศภายในโครงการจริงๆ ทั้งล็อบบี้ที่โอ่งโถงทันสมัย วิวสวยๆ จากบนตึก ระบบรักษาความปลอดภัยที่ต้องใช้ Key Card กันตั้งแต่ทางเข้าโครงการ ไปจนถึงลิฟท์โดยสารแบบล็อคชั้น รวมถึงหน้าตาของพื้นที่ส่วนกลางที่บนดาดฟ้าของอาคาร S ทำให้เราไม่ต้องจินตนาการเกินจริงจากแบบแปลนในกระดาษอีกต่อไป ใครที่กำลังสนใจโครงการนี้อยู่ ลองแวะไปดูของจริงกันได้เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจได้ครับ   หน้าตาแบบแปลนของโครงการนะครับ จะมีทั้งหมด 3 อาคาร ซ้ายสุด Tower N สูง 25 ชั้น , Tower S สูง 30 ชั้น และอาคารที่จอดรถสูง 8 ชั้น ชั้น G ของ Tower N กับ S จะเป็น Lobby หน้าตาของ Lobby ครับ ส่วนของห้องพักอาศัยของทั้ง 2 อาคารจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปเลยนะครับ โดย Tower N จะมีห้องพักทั้งหมด 278 ยูนิต ส่วน Tower S จะมีทั้งหมด 560 ยูนิตครับ ที่ชั้น 17 และ 22 ของ Tower N จะมี Sky Garden ด้วยนะครับ ส่วนชั้น 25 จะเป็นชั้นบนสุดของ Tower N จะมีสระว่ายน้ำ,ฟิตเนส และสวนสีเขียวอยู่ที่ชั้นนี้ครับ ส่วน Facility หลักของ Tower S จะอยู่ที่ชั้นบนสุดเหมือนกันคือชั้น 30 ครับ หน้าตาของสระว่ายน้ำที่อยู่บนชั้นดาดฟ้า Fitness ที่อยู่บนชั้นสุงสุดของอาคาร อาคารจอดรถสูง 8 ชั้นครับ   พาชมห้องตัวอย่าง   แบบห้องของ Aspire สุขุมวิท 48 มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบใหญ่ คือ ห้องแบบ 1bedroom ขนาด 27-38 ตร.ม. และห้องแบบ 2 bedroom ขนาด 54-64 ตร.ม. แต่สำหรับตอนนี้ห้องที่เหลืออยู่จะมีเพียงห้องแบบ 1 bedroom เท่านั้นนะครับ ซึ่งทางโครงการขายกันมาให้แบบห้องเปล่าๆ โล่งๆ มีให้มาเพียงชุดครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำเท่านั้น ส่วนถ้าอยากได้เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งตามแบบห้องตัวอย่างก็ต้องลองสอบถามพนักงานขายกันดูว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมยังไงบ้าง สำหรับห้องแบบ 1 bedroom ยังมีแบบแยกย่อยให้เลือกอีก 2 แบบ คือห้องแบบที่มีห้องน้ำในตัวห้องนอน กับห้องแบบที่แยกห้องน้ำไว้นอกห้องนอน ซึ่งห้องทั้ง 2 แบบจะมี Layout ภายในต่างกันทั้งเรื่องขนาดของห้องครัว ตำแหน่งประตูห้องน้ำ และลักษณะการกั้นพื้นที่ห้องน้ำ โดยห้องแบบแรกมีขนาด 38 ตร.ม. เรียกว่า Type D : Bed Sky Kit เปิดประตูเข้ามาแล้วจะเจอพื้นที่ในส่วน living room ก่อน และส่วนที่อยู่ติดในแนวเดียวกันคือห้องครัวขนาดใหญ่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ซึ่งจัดมุมรับประทานอาหารไว้ชิดหน้าต่างเพื่อเปิดรับวิวขณะรับประทานอาหารได้อย่างเต็มที่ ซึ่งห้องแบบนี้จะจัดแบ่งพื้นที่ของห้องนอนและห้องน้ำไว้เป็นสัดส่วน ประตูห้องนอนเป็นบานสวิง ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง แต่ในขณะเดียวกันการจะเข้าออกห้องน้ำต้องเดินผ่านห้องนอนก่อนทุกครั้ง ส่วนห้องอีกแบบมีขนาด 38 ตร.ม. เท่ากัน แต่เป็น Type D : Bed Std Kit ซึ่งเปิดประตูห้องเข้ามาจะเจอ living room ถัดเข้าไปเป็นพื้นที่ของห้องนอนที่ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ทำให้ห้องนี้ดูโล่งโปร่งสบายตากว่า ในขณะที่ห้องครัวจะมีขนาดเล็กกว่าห้องก่อนหน้านี้ เพราะชุดโต๊ะกินข้าวถูกจัดวางไว้ในบริเวณเดียวกันกับ living room นั่นเอง และห้องน้ำก็อยู่ในแนวเดียวกันกับห้องครัว โดยรวมห้องแบบนี้จะได้คะแนนความน่าอยู่มากกว่า เพราะเราจะรู้สึกว่าห้องกว้างกว่าถึงแม้ขนาดของห้องจะเท่ากันก็ตาม   จากที่ได้ชมห้องตัวอย่างแล้วต้องบอกว่าแปลนห้องไม่ได้มีผิดแผกจากคอนโดในระดับเดียวกัน ฟังก์ชั่นการใช้งานในห้องค่อนข้างครบถ้วน พื้นห้องครัวและห้องน้ำใช้เป็นกระเบื้องเซรามิค ในขณะที่พื้นห้องนอนและห้องนั่งเล่นเป็นลามิเนตตามมาตรฐาน เคาน์เตอร์ครัวมีทั้งตัวดูดควัน เตาไฟฟ้า และซิงค์ล้างจานติดตั้งมาให้เรียบร้อยพร้อมใช้งาน รวมถึงในห้องน้ำที่แยกส่วนแห้งส่วนเปียกด้วยกระจกบานเลื่อน ถึงแม้จะบอบบางไปหน่อยแต่ก็พอเหมาะกับการใช้งาน หน้าตาของวัสดุสุขภัณฑ์ที่ให้มาพร้อมห้องเป็นเกรดธรรมดาทั่วๆ ไปนะครับ ไม่ได้หรูหราสวยงามมากนัก ออกจะดูว่าทางโครงการลดเกรดวัสดุบางตัวลงมากเกินไปด้วยซ้ำ ทำให้ดูไม่ค่อยสมราคาเท่าไหร่ ส่วนที่น่าประทับใจก็เห็นจะเป็นเรื่องวิวของห้องทางด้านทิศตะวันตก ที่ถึงแม้จะต้องเจอกับแดดร้อนๆ ในช่วงบ่าย แต่กลับได้วิวมุมสูงที่สบายตากว่ามาก ถ้าไม่ติดปัญหาเรื่องราคาลองเลือกห้องในชั้นที่สูงซักหน่อย ก็จะได้วิวกว้างไร้สิ่งบดบังสายตา ส่วนภายในห้องถ้าตกแต่งดีๆ ก็ทำให้น่าอยู่ได้ไม่ยากครับ มาดูกันที่ห้อง 1 Bedroom แบบ Sky Kitchen ขนาด 38 ตารางเมตร กันก่อนนะครับ ห้อง Type นี้จะเน้นที่ห้องครัว ดูจากผังห้องจะเห็นชัดเลยนะครับ ว่าห้องครัวมีขนาดใหญ่พอสมควร และมีโต๊ะทานอาหารหันหน้าเข้าหาหน้าต่าง เพื่อชมวิวเวลาทานอาหารด้วย เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับส่วนของ Living Area ก่อนเลยนะครับ มุมนี้จะเป็นมุมของโซฟาดูทีวีครับ อีกฝั่งจะเป็นชั้นวางทีวี เมื่อมองตรงเข้าไปข้างในจะเป็นห้องครัว วางอยู่ด้านในสุด ครัวจะเป็นครัวแบบปิดนะครับ มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้น พื้นที่ห้องครัวจะเป็นพื้นกระเบื้องนะครับ ด้านในห้องครัวเราจะได้แบบนี้เลยนะครับ ทั้งเคาน์เตอร์ครัว และโต๊ะทานอาหารติดหน้าต่าง จุดวางตู้เย็นจะอยู่ติดประตูกระจกบานเลื่อนนะครับ ส่วนไฟฟ้าจะอยู่ด้านในติดกับโต๊ะทานอาหาร มีช่องใส่เครื่องซักผ้า และไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง เตาไฟฟ้า Hot Plate แบบ 2 หัว และ Hood ดูดควัน ของ Teka ซิงค์หลุมก็ของ Teke เช่นกันครับ เดี๋ยวเราไปดูที่ห้องนอนกันต่อเลยนะครับ จากการที่ทำห้องครัวใหญ่ จึงทำให้ห้องนอนค่อนข้างจะเล็กเลยนะครับ มาดูที่หัวเตียงกันบ้าง ข้างเตียงทั้ง 2 ข้างมีพื้นที่เหลือนิดหน่อย ให้วางโต๊ะข้างและโคมไฟได้ครับ ถัดไปด้านซ้ายอีกหน่อยจะเป็นตู้เสื้อผ้า ตั้งอยู่หน้าห้องน้ำเลยครับ Type นี้ห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอนเลยนะครับ ว่าแล้วเราก็เข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อเลยครับ ตำแหน่งการวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำครับ ห้องอาบน้ำมีประตูบานเลื่อน 3 ตอนปิด ชุดฝักบัวในห้องอาบน้ำ มาดูอีกห้องนะครับ ขนาด 38 ตารางเมตรเท่ากัน แต่ห้องนี้จะเน้นที่ห้องนอนนะครับ ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีครับ โซฟาขนาด 2 คน นั่งชิดกันกำลังอบอุ่นเลยครับ ทีวีที่ Built in มาให้ดูจะเป็นแบบแขวนนะครับ ทำให้ชั้นวางทีวีดูโล่งมีพื้นที่เหลือให้วางของเพิ่มขึ้นด้วยครับ ห้องนี้โต๊ะทานอาหารจะออกมาอยู่ที่ส่วน Living Area ใกล้ๆ กับชั้นวางทีวีนะครับ ถัดมาด้านในเป็นห้องนอนนะครับ อย่างที่บอกว่า Type นี้จะเน้นที่ห้องนอนเป็นพิเศษ ห้องนอนจะมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นนะครับ ไม่ใช่ผนังเหมือน Type Sky Kitchen ทำให้ห้องดูโล่งขึ้นมาเยอะเลยครับ การวางเตียง จะมีโต๊ะทำงานและที่นั่งริมหน้าต่างไว้นั่งชมวิวด้วยนะครับ ที่ปลายเตียงจะมีชั้นวางทีวีให้อีกนะครับ ตู้เสื้อผ้าก็จะอยู่ปลายเตียง เหมือนกันครับ ตรงนี้เป็นช่องว่างตรงกลางก่อนจะแยกไปเป็นห้องครัวและห้องน้ำนะครับ มีการ Built in ตู้เก็บของไว้ด้วย เราเลี้ยวขวาเข้ามาดูห้องครัวกันก่อนนะครับ ห้องครัว Type นี้จะต่างกับ Type ก่อนหน้านี้ที่เราดูไปนะครับ เพราะถูกห้องนอนบีบจนแคบอย่างที่เห็นนี่แหละครับ ห้องครัวจะมีประตูกระจกบานเลื่อนปิดครับ ภายในครัวนะครับ จะมีช่องใส่ไมโครเวฟและเครื่องซักผ้าอยู่ด้านล่าง ด้านบนจนชั้นลอยเก็บของ เตาไฟฟ้า Hot Plate จะอยู่ด้านในติดกับระเบียง แต่ดูไม่ค่อยดีเลยนะครับที่อยู่ติดกับผ้าม่านแบบนี้ เวลาทำอาหาร ทั้งน้ำมันกระเด็น ทั้งกลิ่นอาหารคงจะติดผ้าม่านเอาได้ ธรณีประตูระเบียงค่อนข้างสูงนะครับ ถ้าก้าวไม่ระวังอาจจะสะดุดเอาได้ ข้ามมาอีกฝั่งจะเป็นห้องน้ำนะครับ การวางสุขภัณฑ์ของห้องน้ำก็จะเหมือนกับห้อง Sky Kitchen เลยครับ ชุดฝักบัว เดี๋ยวเราออกไปดูบรรยากาศด้านนอกกันบ้างดีกว่านะครับ อันนี้เป็นโถงทางเดินของแต่ละชั้นครับ บรรยากาศ Sky Garden บนชั้นที่ 30 ของ Tower S ครับ ขึ้นมาตอนบ่ายๆ แดดอาจจะแรงหน่อยนะครับ แต่หากเป็นตอนค่ำๆ แดดร่มลมตกแล้ว ขึ้นมาเดินเล่นรับลม ชมวิวกรุงเทพยามค่ำคืน คงจงชิวน่าดู วิวอีกมุมครับ สระว่ายน้ำก็เสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ แต่ดูจากสีของน้ำแล้วน่าจะยังไม่พร้อมใช้งาน บรรยากาศอีกมุมของสระว่ายน้ำครับ ห้องน้ำสำหรับเปลี่ยนชุดและอาบน้ำครับ ภายในห้องอาบน้ำ จะมีห้องซาวน่าอยู่ด้านในสุดของห้องน้ำนะครับ มาดูที่ฟิตเนสกันบ้าง อุปกรณ์อาจจะมีน้อยไปหน่อยนะครับ เมื่อเทียบกับลูกบ้านที่มีถึง 560 ยูนิต ด้านนี้จะเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ต้องใช้เวลาเล่นนาน ก็จะเป็นวิวสระว่ายน้ำนะครับ เพราะถ้าเล่นนานเดี๋ยวคนที่ว่ายน้ำอยู่เค้าจะเขินเอาได้ แต่ถ้าใครจะมีแรงเหลืออยากเล่นนานๆ เพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่างก็ไม่ว่ากันนะครับ ฮ่าาา.. ส่วนอีกด้านจะเป็นพวกอุปกรณ์ที่ต้องใช้เวลาเล่นนาน ก็จะเป็นวิวตึกรามบ้านช่องให้นั่งมองกันไป บรรยากาศเหมือนกำลังออกกำลังกายบนเส้นขอบฟ้า... Type A 1 ห้องนอนขนาด 25 ตารางเมตร Type B 1 ห้องนอน ขนาด 27 ตารางเมตร Type C 1 ห้องนอน ขนาด 32 ตารางเมตร Type E 2 ห้องนอน (A) ขนาด 54 ตารางเมตร Type E 2 ห้องนอน (B) ขนาด 54 ตารางเมตร Type F 2 ห้องนอน (A) ขนาด 64 ตารางเมตร Type F 2 ห้องนอน (B) ขนาด 64 ตารางเมตร ความคุ้มค่าน่าลงทุน สำหรับคนที่มองหาคอนโดในระดับ 2-3 ล้าน ที่ยังอยู่ในแนวรถไฟฟ้า BTS โครงการ Aspire สุขุมวิท 48 ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย เพราะทำเลที่ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ถึงแม้ว่าจะค่อนมาทางตอนปลายๆ ของสุขุมวิทแล้วก็ตาม แต่การเดินทางก็ถือว่าสะดวกมากทั้งรถไฟฟ้า BTS ก็ดี หรือจะใช้รถส่วนตัวก็มีทางเข้าออกได้ทั้งฝั่งสุขุมวิท และถนนพระราม 4 ที่สำคัญยังอยู่ไม่ห่างจาก ใจกลางเมืองมากนัก แค่ขับรถหรือนั่งรถไฟฟ้าออกไปหน่อยก็มีทั้งศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า แหล่งบันเทิง และร้านอาหารมากมายครบครัน ในขณะที่ไม่ต้องอยู่ท่ามกลางความพลุกพล่านวุ่นวายแบบพื้นที่แถบทองหล่อหรือเอกมัย บริเวณนี้จึงค่อนข้างสงบกว่า และเหมาะกับการอยู่อาศัยมากกว่า ถึงแม้ว่าสาธารณูปโภคส่วนกลางจะมีน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับภาพรวมโครงการ แต่ก็อาจไม่ใช่ประเด็นใหญ่สำหรับบางคน การหากลุ่มคนเช่า หรือจะลงทุนห้องไว้ขายต่อก็มีศักยภาพในการลงทุนอยู่พอสมควรเช่นกัน ยิ่งถ้าสามารถต่อรองราคาห้อง หรือซื้อได้ช่วงที่มีราคาโปรโมชั่นพิเศษก็จะยิ่งคุ้มค่าน่าลงทุนมากขึ้น