Tag : คอนโดใกล้ทางด่วน

2 ผลลัพธ์
Life Sukhumvit 62 พรีเมี่ยมกว่าที่เคยมีมา : รีวิวคอนโด

Life Sukhumvit 62 พรีเมี่ยมกว่าที่เคยมีมา : รีวิวคอนโด

Life Sukhumvit 62 พรี่เมี่ยมกว่าที่เคยมีมา ด้วย Facilities แบบเต็มอิ่มท่ามกลางความเงียงสงบที่แทรกตัวอยู่บนทำเลสุขุมวิท ในราคาที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เตรียมตัวให้พร้อม จอง ibooking 27 มี.ค นี้     ภาพรวมโครงการ   Life Sukhumvit 62 เป็นคอนโดมิเนียมที่ร่วมทุนกับ Mitsubishi Estate Group(MEC) โครงการแรกของปี มีลักษณะเป็น High Rise 24 ชั้น 1 อาคาร 438 ยูนิต + 1 Shop บนพื้นที่ 2-2-67.2 ไร่ ที่จอดรถ 40% ขนาดห้องพัก 25-68 ตรม. ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว + ลิฟท์ขนของ 1 ตัว สถาปัตยกรรมออกแบบโดยใช้เส้นสายเพื่อให้ดูนิ่ง เรียบง่ายเหนือกาลเวลา ให้ความรู้สึกแบบพรีเมี่ยมผสานเข้ากับส่วนกลางที่เหมาะแก่การพักผ่อนหรือพบปะกลุ่มเพื่อนท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบ แตกต่างจาก Life ตัวอื่นๆ ด้วยคอนเซป Discover ให้ทุกก้าวที่เดินเข้ามาภายในโครงการได้สัมผัสทุกรายละเอียดที่ถูกคิดขึ้นมาตั้งแต่รั้วโครงการ ค่อยๆ เผยความงดงามตามธรรมชาติที่เหมือนยกป่าขนาดย่อมมาไว้ที่นี่      ความใส่ใจในการออกแบบที่จะส่งต่อถึงลูกบ้านมีมาตั้งแต่รั้วโครงการเป็นที่ตั้งใจให้เป็นพุ่มไม้สูงสำหรับบังสายตา และเพื่อความเป็นส่วนตัวจากคนภายนอก ทางเข้าโครงการแบ่งออกเป็นส่วนรถยนต์กับทางคนเดิน เพื่อความปลอดภัยของลูกบ้านสู่พื้นที่สีเขียวหลังรั้วก่อนถึงตัวโครงการ ซึ่งมีทั้งต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่น พุ่มไม้เป็นแนวยาวตามทางเดิน มีพื้นที่ให้นั่งพักผ่อนที่ถูกออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัวกลางบ่อน้ำเหมือนธรรมชาติจริงในคอนเซปโมเดิร์นรีสอร์ท   พื้นที่ล็อบบี้เพดานสูงถูกแบ่งเป็นโซนเพื่อการใช้งานจริงได้มากกว่าเดิม ทุกห้องตกแต่งด้วยหินอ่อนโทนสีขาว พร้อมด้วยวัสดุมันวาวสีเทา-ดำตัดกันเพิ่มความหรูหราแต่ยังได้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ เหมือนนั่งอยู่ในถ้ำอันโอ่โถง พร้อมด้วยฟังก์ชั่นหลากหลายตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้ดี อย่าง CO-WORKING SPACE ที่อยู่บนชั้นลอยแบ่งออกหลายมุมตามการใช้งานจริง เช่น ห้องประชุมขนาดใหญ่พร้อม Glass Whiteboard, ห้องประชุมขนาดเล็ก, โต๊ะทำงานที่ออกแบบมาใหม่เพื่อนั่งทำงานคนเดียวได้อย่างเป็นส่วนตัว โดยโซนมีปลั๊กไฟพร้อม Wireless Charger มาให้ได้เลือกหาที่นั่งเหมาะๆ สำหรับทำงาน หรือเปลี่ยนบรรยากาศการพักผ่อน     ชั้น 5 เป็นอีกหนึ่งส่วนกลางที่สามารถเปลี่ยนมุมมองในช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่สามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้มากยิ่งขึ้นด้วยทางคดโค้งพร้อมที่นั่งขนาดใหญ่ ซึ่งถูกออกแบบมาให้หลบสามารถสายตาต่อกัน   ชั้น 23-24 รวมถึง Rooftop ส่วนกลางชั้นบนที่ทำให้เปิดมุมมองได้สวยยิ่งขึ้น เริ่มจากสระว่ายน้ำ Infinity Edge เพิ่มโซนให้ได้นั่งแช่เท้าชมวิวสวย รับลมเย็นไปพร้อมกัน ห้องซาวน่า ห้องฟิตเนสบนชั้น 24 ที่มีกระจก High Ceiling 180 องศา ภายในห้องมีการแบ่งโซนสำหรับการออกกำลังกายทั้งกับอุปกรณ์อันหลากหลายและสำหรับ Body Weight ถัดมาส่วน Sky Lounge ไม่ว่าจะมาคนเดียว มาเป็นคู่ หรือมาเป็นกลุ่มใหญ่ ก็มีพื้นที่สำหรับทุกคนได้อย่าลงตัว สุดท้ายกับ Rooftop ที่เป็นพื้นที่สีเขียวยังคงคอนเซปแบบเดียวกันกับชั้น Ground ที่มีทั้งต้นไม้ใหญ่ หญ้าสีเขียว พุ่มไม้ประดับเพิ่มความสดชื่น        Unite Type STUDIO ขนาด 25 ตร.ม. จำนวน 91 ยูนิต 1BR / 1 BT ขนาด 30 ตร.ม. จำนวน 169 ยูนิต 1BR / 1 BT ขนาด 35 ตร.ม. จำนวน 62 ยูนิต 1BR+ / 1 BT ขนาด 38 ตร.ม. จำนวน 34 ยูนิต 1BR+terrace / 1 BT ขนาด 39 ตร.ม. จำนวน 10 ยูนิต 2BR / 1 BT ขนาด 45 ตร.ม. จำนวน 17 ยูนิต 2BR / 2 BT  ขนาด 50 ตร.ม. จำนวน 38 ยูนิต 2BR / 2 BT  ขนาด 68 ตร.ม. จำนวน 17 ยูนิต   โซนพักอาศัยจะอยู่ตั้งแต่ชั้น 5-23 ซึ่งโครงการนี้มียูนิตที่เป็นไฮไลท์อยู่ที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 39 ตร.ม. เพราะเป็นแปลนใหม่ล่าสุดจาก AP โดยออกแบบมาจากไลฟ์สไตล์จริงของลูกบ้าน โดดเด่นตรงมีระเบียงห้องที่กว้างขวางจนสามารถใช้เป็นห้องอเนกประสงค์ได้เลย ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับระเบียงแบบ Double Skin วางอยู่ตำแหน่งด้านหน้าโครงการเพียง 10 ยูนิตเท่านั้น รวมยูนิตทั้งหมด 438 ยูนิต ถือว่าไม่มากเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ดี       ทำเลและการเดินทาง ย่านบางจากถือเป็นสุขุมวิทช่วงกลางที่มีความพอดีในตัวเอง คือไม่อยู่ใจกลางเมืองมากเกินไปและไม่ไกลจนเดินทางลำบากเกินไป ซึ่งโซนนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลายตั้งแต่ Street Food บิ๊กซี โลตัส เซนจูรี่ ร้านอาหารระดับภัตตาคาร ร้านคาเฟ่ คอมมูนิตี้มอลล์ เซ็นทรัลบางนา โรงพยาบาล ไปจนถึงศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา แม้ว่าจะมีไลฟ็ไสตล์แบบไหนทุกสิ่งก็สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้รอบด้าน ซอยสุขุมวิท 62 เดิมทีเป็นย่านที่อยู่อาศัยอันเงียบสงบ ด้วยความที่ส่วนมากเป็นบ้านเดี่ยวมีพื้นที่ ดังนั้นจึงเป็นที่อยู่อาศัยเดิมของผู้ที่ค่อนข้างมีฐานะในระดับหนึ่ง ภายในซอยแห่งนี้จึงไม่มีอาคารสูงอยู่เลย ณ ปัจจุบัน การมาของ Life Sukhumvit 62 จึงเป็นอาคารที่พักอาศัยสูงที่สุดในย่านนั้นไม่ต้องห่วงการถูกบล็อควิวและยังได้ความส่วนตัวสูง เพราะเป็นซอยที่คนไม่พลุกพล่าน โดยซอยนี้มีความยาวไม่มากประมาณ 700 เมตรเท่านั้น แต่สิ่งที่เป็นความโดดเด่นที่สุดของที่นี่ก็คือช่วงท้ายซอยห่างจากโครงการเพียง 500 เมตร ก็จะพบจุดขึ้น-ลงทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทำให้การเชื่อมต่อเข้าเมืองยาวไปออกฝั่งธนหรือต่อไปยังเส้นทางรามอินทรา-อาจณรงค์ก็ใช้เวลาไม่กี่นาที ที่สำคัญการจราจรในซอยนี้ก็ไม่ติดขัดมากนัก วันไหนจะเปลี่ยนแผนการเดินทางหันไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะก็เดินจากโครงการไปได้ประมาณ 200 เมตร ก็จะถึง BTS สถานีบางจาก เดินทางอีก 4 สถานีถึงสถานีทองหล่อใช้เวลาเพียง 7 นาที หรืออีก 6 สถานีก็จะถึงสถานีอโศกใช้เวลาประมาณ 11 นาที      ในบรรดาทำเลของคอนโดมิเนียมมีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่จะใกล้ทั้งทางด่วนกับรถไฟฟ้าไปพร้อมๆ กันในระยะเพียงแค่ 500 เมตร และด้วยศักยภาพที่มีทั้งหมดที่กล่าวมาคือความ Prime ของทำเลแห่งนี้ ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตจะกลายเป็นอีกย่านหนึ่งที่จะได้รับความนิยมตามมาในไม่ช้า สำคัญที่สุดในเรื่องของราคาที่แม้องค์ประกอบทุกอย่างจะสมบูรณ์พอดี แต่ราคายังสามารถเอื้อมถึงได้ไม่สูงเกินจริง         เปิดห้องตัวอย่าง     เรามาเริ่มกันจาก BTS สถานีบางจาก บรรยากาศแถวนี้ดูเรียบง่ายค่ะ ผู้คนไม่พลุกพล่าน แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยวอะไร ไม่กี่ก้าวเราก็เจอกับซอยสุขุมวิท 62 ซึ่งเป็นซอยขนาด 4 เลนสวนกันโดยไม่มีเกาะกลางถนนไปตลอดเส้นทาง เดินเข้าซอยมาเรื่อยๆ โดยไม่ต้องข้ามถนนประมาณ 200 เมตรก็จะพบกับโครงการ Life 62 หากเลยไปทางท้ายซอยก็จะเป็นทางเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครได้เลย Sale Gallery มองจากภายนอกแล้วจะดูลึกลับชวนให้เข้าไปค้นหา พอเดินผ่านเข้ามาจะรู้สึกเหมือนกับผ่านปากประตูถ้ำมาพบกับบรรยากาศอันร่มรื่นภายในเหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่ง บรรยากาศภายใน Sale Gallery ดูโอ่งโถ่งแต่ยังคงคอนเซปความใกล้ชิดธรรมชาติเอาไว้ เก้าอี้ตัวนี้ถูกดีไซน์ขึ้นมาใหม่เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ให้ได้มากที่สุดทั้งโต๊ะเล็กที่ยื่นออกมาสำหรับวาง Laptop และรูปลั๊กด้านข้างเก้าอี้ ให้ได้นั่งทำงานพร้อมพิงหลังได้สบายๆ ซึ่งเก้าอี้แบบนี้จะถูกวางไว้ในโซนล็อบบี้ โดยมีแค่ที่ Life 62 เท่านั้น เราเข้าไปดูห้องตัวอย่างแรกกันค่ะ เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ซึ่งเป็น Type ที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดของโครงการถึง 38% เปิดห้องเข้ามาจะพบกับห้องนั่งเล่น ภายในห้องใช้ไฟ Downlight ความสูง floor to ceiling 2.6 เมตร พื้นลามิเนต ฝั่งซ้ายเป็นเคาน์เตอร์วางโทรทัศน์ ฝั่งขวาเป็นพื้นที่สำหรับวางโซฟาได้ขนาด 2-3 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง หลังเคาน์เตอร์วางโทรทัศน์เป็นส่วนของห้องน้ำค่ะ ภายในห้องน้ำใช้สุขภัณฑ์จากแบรนด์ Kohler ส่วนก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้า และฝักบัวที่สามารถปรับอุณภูมิน้ำได้เลยในตัวจากแบรนด์ Grohe ห้องน้ำทุกยูนิตในโครงการใช้นวัตกรรมห้องน้ำสำเร็จรูป (Bathroom Pods Innovation) ซึ่งมีข้อดีตรงที่เมื่อเกิดปัญหาเรื่องระบบน้ำก็จะสามารถหาจุดแก้ไขได้เลยทันที ไม่ส่งผลกระทบต่อยูนิตอื่นๆ ออกมาจากห้องน้ำแล้วไปดูกันที่ส่วนถัดไปกันค่ะ พื้นที่ข้างโซฟาถูกจัดให้เป็นห้องครัวปิดกั้นด้วยประตูกระจกบานสไลด์ขอบลูมิเนียมสีดำความสูงชิดเพดาน ทำให้ห้องดูโปร่งไม่ทึบจนเกินไป ภายในห้องครัวปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค Top ครัวใช้หินสังเคาระห์ วางเคาน์เตอร์แบบ One Wall Kitchen พร้อมเว้นช่องสำหรับวางตู้เย็นเอาไว้ตรงมุมห้องใกล้กับระเบียง บนเคาน์เตอร์ครัวแบ่งเป็นอ่างล้างจานแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ และเตาไฟฟ้า 2 หัว พร้อมเครื่องดูดควัน และบานตู้-ลิ้นชัก ใช้ระบบ Soft Close ค่ะ ห้องครัวจะเชื่อมต่อกับระเบียงห้อง ซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานสไลด์ขอบลูมิเนียมสีดำ มีธรณีประตูสูงขึ้นมา สามารถกันน้ำและฝุ่นจากภายนอกได้ค่ะ โดยด้านนอกระเบียงมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าบริเวณใต้ Condensing Unit ที่หันหน้าออกนอกตัวอาคาร ส่วนรั้วกั้นด้วยเหล็กโปร่งสีดำ สุดท้ายของห้องนี้ มาดูกันที่ห้องนอน ซึ่งอยู่ระหว่างห้องน้ำกับห้องครัวค่ะ ภายในห้องสามารถวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต เอาไว้ตรงกลางห้องแล้วยังมีทางเดินรอบเตียงเหลือทั้ง 2 ข้าง หน้าต่างห้องนอนได้กระจกบานใหญ่ให้ได้มองเห็นวิวด้านนอกได้อย่างเต็มที่ สามารถเปิดหน้าต่างแบบบานกระทุ้งได้ 1 บาน ข้างเตียงอีกฝั่งจะเป็นตู้เสื้อผ้าขนาด 2 บานประตู มีพื้นที่เหลือสำหรับวางโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้ง และปลายเท้าสามารถเคาน์เตอร์วางทีวีขนาดเล็กได้ ต่อมาที่ห้องตัวอย่างสุดท้ายค่ะ เป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 50 ตร.ม. ส่วนแรกของห้องเป็นห้องครัวเปิดค่ะ โดยฝั่งขวามือจะเป็น One Wall Kitchen ฝั่งซ้ายเป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานอาคารขนาด 4 ที่นั่ง ชุดครัวจากแบรนด์ Franke ทั้งเตา 2 หัว เครื่องดูดควัน อ่างล้างจานแบบฝั่งใต้เคาน์เตอร์ และมีช่องว่างสำหรับวางตู้เย็นเอาไว้ตรงกำแพงมุมห้อง มีระยะห่างระหว่างเคาน์เตอร์ครัวกับโต๊ะทานอาหารค่อนข้างกว้างทีเดียวค่ะ ลึกเข้าไปด้านในจะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นค่ะ ขวามือเป็นเคาน์เตอร์วางโทรทัศน์ ฝั่งซ้ายสามารถวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งได้ พร้อมโต๊ะกลาง ระเบียงห้องเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น กั้นด้วยประตูกระจกบานสไลด์ขอบอลูมิเนียมสีดำ ภายนอกระเบียงกั้นด้วยเหล็กโปร่งสีดำ และ Condensing Unit หันออกนอกตัวอาคาร เข้าไปดูฝั่ง Private Zone กันบ้างค่ะ แบ่งเป็นฝั่งขวามือ มี 2 ห้อง และฝั่งซ้ายมืออีก 1 ห้องค่ะ เราเดินเข้ามาดูที่ห้องทางฝั่งซ็ายมือกันก่อนค่ะ บริเวณกลางห้องสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ และยังเหลือที่สำหรับทางเดินทั้ง 2 ข้าง ส่วนปลายเตียงก็สามารถวางเป็นเคาน์เตอร์โทรทัศน์หรือจะวางโต๊ะทำงานก็ได้นะคะ ความพิเศษของห้องนี้ก็คือบริเวณหัวเตียงมีหน้าต่างบานใหญ่แบบกระจกเข้ามุม เปิดมุมมองให้กว้างขึ้นจากเตียงนอนของเราเองเลยค่ะ อีกด้านของเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบบานสไลด์ค่ะ ปลายเตียงด้านข้างโต๊ะวางโทรทัศน์จะมีห้องน้ำในตัวค่ะ ภายในห้องน้ำแบบสำเร็จรูปนี้จะถูกปูผนังด้วยกระเบื้องเซรามิคสีขาว ใช้อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนัง กั้นส่วนเปียก-แห้ง ด้วยบานประตูกระจก สุดท้ายที่ห้องนอนฝั่งตรงข้ามกันค่ะ เป็นอีกหนึ่งความพิเศษของห้องนี้คือประตูแบบ Double Access ที่เชื่อมต่อระหว่างห้องนอนที่ 2 กับโซน Common Area ของห้อง ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวของเจ้าของห้องเวลามีแขกมาเยี่ยมค่ะ ภายในห้องนอนที่ 2 ค่ะ ถ้าเปิดประตูหลักของห้องนอนนี้ ห้องน้ำที่ก็เป็นห้องน้ำในตัวก็จะอยู่ทางขวามือ กลางห้องสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ และยังมีพื้นที่เหลือรอบเตียงเช่นกันค่ะ ข้างเตียงได้กระจกบานใหญ่ สามารถเปิดบานกระทุ้งออกได้ 1 บาน อีกข้างของเตียงเป็นตู้เสื้อผ้าแบบประตูบานสไลด์ ส่วนปลายเตียงถูกจัดให้เป็นเคาน์เตอร์วางโทรทัศน์ขนาดเล็ก หรือเราจะดัดแปลงเป็นโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกับโต๊ะทำงานไปด้วยก็ได้นะคะ ภายในห้องน้ำมีขนาดเท่าๆ กันกับห้องน้ำในตัวของอีกห้องค่ะ ทั้ง 2 ห้องนอน เรียกได้ว่าไม่มีห้องไหนที่เป็นห้องนอนขนาดเล็ก แต่กลับเป็น Master Bedroom ทั้งสองห้องเลยค่ะ   หากใครที่ติดตามแบรนด์ Life มาตั้งแต่ปีที่แล้วไม่ว่าจะเป็น Life ladprao, Life wireless, Life asoke และ Life Pinklao เชื่อว่าทุกคนคงเห็นการพัฒนาขึ้นทุกครั้งที่เปิดตัวออกมาทั้งทำเลที่ดี วัสดุได้คุณภาพ ความใส่ใจในการออกแบบทั้งภายนอกและภายใน ทุกสิ่งล้วนสร้างขึ้นมาเพื่อสนองกับความต้องการในไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบัน สะท้อนออกมาเป็นคอนโดมิเนียมที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา สองคล้องกับชีวิตที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ก็เหมือนกับ Life ที่ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ   เตรียมตัว Online Booking พร้อมรับส่วนลดมากกว่า 300,000 บาท เพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้นในวันที่ 27 มีนาคม 2561 เวลา 19.00-21.00 น. ราคาเริ่มต้นเฉลี่ย 120,000 บาท/ตร.ม.  
Lumpini Place Rama 3- Riverine โอบล้อมด้วยธรรมชาติกับสายน้ำ : รีวิวคอนโด

Lumpini Place Rama 3- Riverine โอบล้อมด้วยธรรมชาติกับสายน้ำ : รีวิวคอนโด

ท่ามกลางความศิวิไลซ์ของกรุงเทพมหานครอันแฝงไปด้วยความแออัดวุ่นวายของผู้คน และอาคารสูงใหญ่มากมายตามแบบฉบับเมืองหลวงของประเทศ มีแม่น้ำเจ้าพระยาอันทรงเสน่ห์ไหลมาจากแหล่งต้นน้ำทางภาคเหนือผ่านใจกลางเมือง ลงสู่อ่าวไทย เจ้าพระยาจึงเป็นหัวใจสำคัญของกรุงเทพฯ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เปรียบเสมือนช่องว่างให้เราได้มีพื้นที่พักหายใจ ซึ่งใครหลายคนก็ย่อมที่จะอยากมีพื้นที่ส่วนตัวบรรยากาศดี สามารถเปิดระเบียงห้องของตัวเองออกมายืนรับลม พร้อมชมวิวโค้งแม่น้ำสวยๆ ในช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน   Lumpini Place Rama 3- Riverine คอนโดมิเนียมที่สามารถมอบความสงบส่วนตัวบนวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมใกล้พื้นที่ปอดของคนกรุงเทพฯ อย่างบางกระเจ้า ในขณะเดียวกันก็ยังอยู่ในช่วงถนนที่มีความสำคัญในการเชื่อมต่อการเดินทางได้อย่างสะดวกทั้งเข้าไปในใจกลางเมือง และออกแถบชานเมือง   ภาพรวมโครงการ   คอนโดมิเนียม High Rise 35 ชั้น 1 อาคาร ตัวล่าสุดจาก LPN ภายใต้แนวคิด "Embrace of the River" โอบล้อมด้วยอ้อมกอดแห่งสายน้ำ บนพื้นที่ 3 ไร่เศษ เน้นความเงียบสงบเป็นส่วนตัวด้วยพื้นที่สีเขียวหลายจุดตั้งแต่พื้นที่โดยรอบของชั้นกราว พื้นที่ฝั่งทิศตะวันออกชั้น 6 สระว่ายน้ำที่สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำรอบด้านบนชั้น 27 ฟิตเนสชั้น 29 และพื้นที่ Roof Top Graden พร้อมด้วยวิวจากธรรมชาติภายนอกทั้งแม่น้ำเจ้าพระยา และบางกระเจ้า ห้องพักอาศัยทั้งหมด 719 ยูนิต ตั้งแต่ชั้น 6-35 ขนาด 24-51.50 ตร.ม. ถือว่าจำนวนยูนิตยังไม่มากจนเกินไป ยูนิตที่หันหน้าออกทางทิศตะวันออกจะได้วิวของแม่น้ำเจ้าพระยารวมถึงบางกระเจ้า ส่วนยูนิตที่หันหน้าออกทางทิศตะวันตกจะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาเช่นกัน แต่จะได้วิวเมืองกับวิวสะพานภูมิพลด้วย ซึ่งรอบโครงการจะไม่โดนวิวบล็อก และด้วยความที่โครงการตั้งอยู่ติดกับสะพานภูมิพลทำให้ระยะมีความสูงที่พ้นจากระดับเดียวกันกับสะพานจะอยู่ตั้งแต่ชั้น 9 เพราะฉะนั้นใครที่จะเลือกอยู่ห้องทางฝั่งทิศตะวันตกแนะนำให้เลือกตั้งแต่ชั้น 10 ขึ้นไปค่ะ วิวที่ได้ก็จะมีมุมที่เปิดโล่งกว่า ภายในอาคารมีจำนวนลิฟท์โดยสาร 4 ตัว บันไดหนีไฟ 3 จุด ช่วงปลายทั้งสองด้านของอาคาร กับตรงกลางอาคาร ทำเล Lumpini Place Rama 3- Riverine ตั้งอยู่ริมถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ฝั่งขาออก ข้างสะพานภูมิพล 1 ตัวอาคารมีระยะร่นจากถนนประมาณ 55 เมตร ตรงนี้ทำให้ลดเสียงรบกวนของรถบนท้องถนนลงได้ แต่ด้วยทำเลที่ตั้งของถนนวงแหวนอุตสาหกรรมที่ไม่มีรถโดยสารประจำทางวิ่งผ่าน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัวมากกว่า แต่หากจะเดินทางด้วยรถประจำทาง แนะนำให้ใช้บริการ BRT สถานีวัดปริวาส ทางออกที่ 2 แล้วนั่งรถต่อเข้ามาที่โครงการ โดยต้องกลับรถใต้สะพานภูมิพล หรือ BRT สถานีวัดด่าน ทางออกที่ 2 แล้วเดินย้อนไปตามถนนพระราม 3 ประมาณ 600 เมตร และเข้าสู่ถนนวงแหวนอุตสาหกรรมอีก 600 เมตรก็จะพบโครงการ ข้อดีคือความเงียบสงบเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง เมื่อการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวสะดวกที่สุด สิ่งสำคัญที่ตามมานั่นคือทางด่วน ซึ่งโครงการนี้อยู่ใกล้กับจุดขึ้น-ลง ทางด่วนอยู่หลายจุด หลายเส้นทางด้วยกัน ได้แก่ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ด่านสาธุประดิษฐ์ ทางพิเศษศรีรัช ด่านพระราม 3 และใกล้ที่สุด คือ สะพานภูมิพลที่สามารถไปได้ทั้งถนนปู่เจ้าสมิงพราย สามารถเชื่อมต่อเข้าถนนกาญจนาภิเษก สู่กรุงเทพฯ โซนตะวันออก และไปถนนสุขสวัสดิ์ สู่กรุงเทพฯ โซนตะวันตก ถือว่าเป็นทำเลที่สามารถเดินทางออกนอกเมืองได้ง่ายมาก และเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองอย่างสีลม-สาทร ก็ไม่ไกล สิ่งอำนวยความสะดวกที่ใกล้ที่สุด และสามารถเดินทางไปได้สะดวก หลักๆ ก็จะอยู่บนถนนพระราม 3 ถนนพระราม 4 และเข้าไปในเมืองย่านสาทร เช่น Int Intersect, โฮมโปร, เซ็นทรัลพระราม 3, โลตัส, The Up, Tree on 3,  โรงเรียนเจ้าพระยาวิทยาคม,  โรงเรียนพระแม่มารีสาธุประดิษฐ์, โรงเรียนสารสาสน์พัฒนา, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ, โรงเรียนนานาชาติสาทรใหม่, โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์, โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดจะอยู่ในระยะไม่เกิน 6-7 กิโลเมตร ชมห้องตัวอย่าง ภายใน Sale Gallery จะมีห้องตัวอย่างทั้งหมด 3 ห้องด้วยกันค่ะ เป็นห้อง Studio 24 ตร.ม. ห้อง 1 Bed 28 ตร.ม. และห้อง 2 Bed 35 ตร.ม. การเดินทางมาที่โครงการ หากใช้รถยนต์ส่วนบุคคลจะง่ายมากค่ะ โดยเรามาจากสี่แยกพระราม 4 แล้วเข้าสู่ถนนพระราม 3 จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ขับชิดซ้ายมาเรื่อยๆ จนเลยทางขึ้นสะพานภูมิพลก็จะพบกับ Sale Gallery อยู่ทางซ้ายมือ อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับตัวโครงการที่จะสร้างเลยค่ะ ดูจากโมเดลแล้วเป็นโครงการ LPN อีกตัวหนึ่งที่ออกแบบมาได้ดูโมเดิร์น สวยงามดีค่ะ ทางเข้าโครงการอยู่ติดริมถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ใช้ระบบ Keycard Access ชั้น 1-5 เป็นพื้นที่จอดรถ พื้นที่ชั้น 6 เป็นยูนิตพักอาศัยชั้นแรก และยังมีพื้นที่ Green Togetherness Area อยู่ทางทิศตะวันออกเห็นวิวบางกระเจ้า ชั้น 28 เป็นสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge ให้ได้ว่ายน้ำพร้อมมองเห็นวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาสวยๆ ส่วนชั้น Roof Top บนสุดของอาคารก็จัดให้เป็นพื้นที่สีเขียวอีกเช่นกัน เรามาเริ่มชมห้องตัวอย่างไล่จากห้อง Studio ขนาด 24 ตร.ม. เปิดเข้ามาจะพบกับเลย์เอาท์ที่จัดวางเอาไว้ดีทีเดียวค่ะ ทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง ไม่คับแคบเลย ความสูงของห้อง 2.6 เมตร พื้นปูด้วยลามิเนต ใช้ไฟแบบดาวน์ไลท์ ซึ่งทางโครงการจะให้เคาน์เตอร์ครัว กับสุขภัณฑ์ในห้องน้ำมาเท่านั้นนะคะ ขวามือของห้องจะพบกับเคาน์เตอร์ครัวที่ทางโครงการให้มาด้วย พร้อมบุกระเบื้องเซรามิคตรงผนังครัว ลึกเข้ามาในห้องจะเป็นโซนสำหรับวางเตียงเชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นทางด้านซ้าย ซึ่งสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต โดยยังมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าได้ ห้องน้ำจะอยู่ทางขวามือหลังเคาน์เตอร์ครัว มีพื้นที่ทางเดินข้างเตียงทั้งสองด้าน หน้าต่างใช้แบบบานกระทุ้งขอบอลูมิเนียม เราเข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อค่ะ ภายในห้องน้ำปูพื้น และผนังด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทา แยกส่วนเปียก-แห้ง กั้นด้วยฉากกั้นกระจกแบบบานเลื่อนที่ทางโครงการให้มาแบบนี้ทั้งหมดค่ะ สุขภัณฑ์ใช้แบรนด์ American Standard สายชำระทางขวามือของผู้ใช้ ราวแขวนผ้าด้านบนชักโครก อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนังจากแบรนด์ Charmer พร้อมกระจกสี่เหลี่ยมทรงสูง โซนเปียกกั้นด้วยกระจกบานเลื่อน โซนห้องนั่งเล่นด้านปลายเตียงสามารถวางโซฟาขนาด 3 คนนั่งได้ แล้วยังมีพื้นที่ให้เดินเข้าไปโซนเตียงด้านหลังได้ ระเบียงห้องด้านข้างโซฟากั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขอบอลูมิเนียม ด้านนอกมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า ราวกันตกใช้แบบเหล็กโปร่งทาสีเทา Condensing Unit แขวนอยู่ด้านบนเพดาน หันหน้าออกด้านนอก ต่อไปห้องตัวอย่างแบบ 1 Bed ขนาด 28 ตร.ม. เป็นแบบห้องที่มีมากที่สุดในโครงการประมาณ 60% เลย์เอาท์เหมือนกับห้องแบบ Studio แต่มีการกั้นห้องนอนเพิ่มมาให้เพื่อความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น ด้านขวาของห้องเป็นส่วนครัวเปิด เคาน์เตอร์ครัวพร้อมบุกระเบื้องเซรามิคตรงผนังส่วนครัวแบบเดียวกันกับห้อง Studio ใช้โทนสีขาวดูสะอาดตาดีค่ะ ส่วนด้านซ้ายตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวจะมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น เชื่อมต่อไปยังห้องนั่งเล่นด้านใน พื้นที่ห้องนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 2-3 คนได้ พร้อมเคาน์เตอร์วางทีวีขนาดเล็ก ด้านข้างโซฟาเป็นระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ระเบียงสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ ราวกันตกแบบเหล็กโปร่ง และ Condensing Unit แขวนอยู่บนเพดานหันหน้าออกนอกอาคาร เข้าไปดูในห้องนอนโซนขวามือของห้องกันบ้างค่ะ ขวามือหลังประตูเป็นห้องน้ำ ส่วนด้านซ้ายเป็นพื้นที่ห้องนอน กลางห้องสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต มีพื้นที่เหลือด้านขวามือสำหรับวางตู้เสื้อผ้าได้ ซึ่งแบบที่ทางโครงการ Built in มาให้เห็นนี้ เราสามารถจัดให้คล้ายกับ Walk in closet เล็กๆ ได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บได้อีก ข้างเตียงเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งขนาดใหญ่ แต่สามารถเปิดออกได้ช่องเดียว เข้าไปดูภายในห้องน้ำกันค่ะ พื้นห้องน้ำ และผนังปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทา ด้านซ้ายมือเป็นโซนเปียก ส่วนแห้งเป็นอ่างล้างหน้าแบบแขวนแบรนด์ Charmer พร้อมกระจกติดผนัง สุขภัณฑ์ American Standard สายชำระทางขวามือของผู้ใช้ ราวแขวนผ้าด้านบน ส่วนเปียกกั้นด้วยกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ห้องตัวอย่างสุดท้ายแล้วค่ะ แบบ 2 Bed 35 ตร.ม. เรามาดูกันที่โซนแรกของห้องทางขวามือกันก่อนค่ะ พื้นที่ตรงนี้สำหรับจัดเป็นโต๊ะทานข้าวขนาด 4 ที่นั่ง หรือเราจะ Built in ทำเป็นตู้เก็บรองเท้า ตู้เก็บของก็ได้นะคะ ตรงนี้จะได้พื้นที่สำหรับเก็บของเพิ่มขึ้นเยอะเลย เข้าไปที่ห้องแรกค่ะ ห้องนี้เราสามารถทำเป็นห้องนอนเล็กแล้ววางเตียงขนาด 3.5 ฟุต ได้ พร้อมพื้นที่วางตู้เสื้อผ้า หรือจะทำเป็นห้องทำงานแบบนี้ก็ได้นะคะ ออกมาดูพื้นที่กลางของห้องค่ะ ซ้ายมือด้านที่ติดกับผนังหน้าห้อง เป็นส่วนครัวเปิดมาพร้อมเคาน์เตอร์ครัว บุกระเบื้องเซรามิคตรงเคาน์เตอร์เช่นเดิมค่ะ ถัดจากครัวเปิดเป็นห้องน้ำ ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคทั้งห้อง แยกส่วนเปียก-แห้ง ออกมาดูที่ส่วนห้องนั่งเล่นกันค่ะ ตรงนี้สามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ได้พอดีกับผนัง ข้างโซฟาเป็นระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน สุดท้ายที่ห้อง Master Bedroom ค่ะ ห้องนี้สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ โดยมีทางเดินเหลือทั้งสองข้าง ข้างเตียงมีหน้าต่างบานกระทุ้ง สามารถเปิดออกได้ 1 บาน อีกฝั่งของเตียงสามารถ Built in ตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กพร้อมโต๊ะเครื่องแป้งได้   โดยรวมแล้วโครงการ Lumpini Place Rama 3- Riverine ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวค่ะ เพราะเสน่ห์ของถนนพระราม 3 คือ การเป็นถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นเหมือนจุดกึ่งกลางระหว่างใจกลางเมืองไปสู่ชานเมือง ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนสายสำคัญ ส่วนถนนวงแหวนอุตสาหกรรมซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำเรื่องของการเป็นถนนแห่งการเชื่อมต่อจากทั้งใจกลางเมือง โซนตะวันออก และโซนตะวันตกเข้าไว้ด้วยกันให้เดินทางได้อย่างง่ายดาย   ข้อดีของโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ช่วงโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา คือ จะเปิดมุมมองจากห้องพักอาศัยให้ได้เห็นวิวได้กว้าง เห็นวิวได้หลายทิศทางมากขึ้น และแน่นอนว่ายิ่งโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี วิวสวย ก็จะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้มีราคาสูงขึ้นไปอีก แต่สำหรับ Lumpini Place Rama 3- Riverine กลับมีราคาในระดับที่มนุษย์เงินเดือนสามารถเอื้อมถึง ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการนี้อยู่แล้ว ด้วยศักยภาพของทำเลพร้อมวิวสวยๆ แบบนี้ ถือว่าราคาเริ่มต้นมาได้อย่างน่าสนใจมาก และเชื่อว่า Lumpini Place Rama 3- Riverine จะมอบพื้นที่ส่วนตัวอันแสนลงตัวให้ชีวิตได้มีมุมสงบ สวยงาม เติมพลังให้ตัวเองได้ในทุกๆ วัน