Tag : คอนโดใหม่ 2018

7 ผลลัพธ์
MAESTRO 14 SIAM-RATCHATHEWI นิยามใหม่ของการใช้ชีวิต..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

MAESTRO 14 SIAM-RATCHATHEWI นิยามใหม่ของการใช้ชีวิต..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

ต้องยอมรับจริงๆ ค่ะว่าการเดินทางเป็นปัจจัยสำคัญข้อหนึ่งสำหรับการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัย ซึ่งย่านฮอตฮิตใจกลางเมืองอย่าง “สยาม-ราชเทวี” ก็เป็นอีกพิกัดหนึ่งที่หลายคนมาดหมายอยากอยู่อาศัย เพราะแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์เลือกปักหมุดสร้างคอนโดมีเนียมขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่คอนโดฯ เป็นตึกสูงหน้าตาซ้ำกันไปหมด แถมรูปแบบห้องก็เป็นพิมพ์เดียวกันดูอึดอัดไม่น่าอยู่เอาซะเลย     ถ้าใครกำลังตามหาคอนโดดีไซน์สวยงามไม่เหมือนใครอยู่ล่ะก็ โครงการ "MAESTRO 14 SIAM-RATCHATHEWI (มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี)" ในตระกูล มาเอสโตร เรสซิเด้นซ์  (Maestro Residences) จาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ถือว่าเป็นคำตอบที่ดีของชีวิตคุณเลยค่ะ เพราะที่นี่ไม่เหมือนคอนโดอื่นๆ ตั้งแต่คอนเซ็ปต์ออกแบบที่ผสมผสานความลงตัวของสถาปัตยกรรมแบบคอนเทมโพรารีเข้าไว้ด้วยกัน อีกทั้งยังสะดวกสบายด้วยที่ตั้งอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวี เพียง 300 เมตร และใช้เวลาเพียง 5 นาทีถึงสยาม แหล่งช็อปปิ้งใจกลางเมืองของวัยรุ่น นอกจากนี้พื้นที่โครงการยังมีความเป็นส่วนตัวเนื่องจากตั้งอยู่ในซอย ทำให้ภายในมีพื้นที่โล่งกว้างท่ามกลางความเป็นธรรมชาติแม้อยู่ใจกลางเมือง จนทำให้รู้สึกว่านี่แหละมันคือคอนโดที่เป็นเหมือน “บ้าน” จริงๆ   สำหรับโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ ตัวโครงการตั้งอยู่ใจกลางเมือง เงียบสงบเนื่องจากอยู่ในซอยเพชรบุรี 12 ตัดกับซอยพญานาค โดยเป็นซอยที่อยู่ติดกับ BTS สถานีราชเทวี จุดเด่นของโครงการคือตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้ CBD, แหล่งงาน, ห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมาย สามารถเชื่อมต่อออกไปยังที่ต่างๆ ได้สะดวก ตอบโจทย์ลูกบ้านทั้งคนมีรถและไม่มี โดยมีให้เลือกหลากหลายเส้นทางไม่ว่าจะเข้าหรือออกเมือง พร้อมทั้งอยู่ใกล้ทางด่วนยมราช และมีซอยย่อยที่ลัดเลาะไปได้โดยไม่ต้องใช้เส้นหลัก ที่สำคัญตัวโครงการสามารถเข้าออกได้ถึง 3 ทาง ทั้งจากถนนเพชรบุรี เข้าตรงซอยเพชรบุรี 12, ถนนพญาไท เข้าตรงซอยพญานาค และสามารถทะลุออกถนนบรรทัดทองได้ ซึ่งก็ช่วยหลีกเลี่ยงการจราจรในชั่วโมงคับคั่งได้เป็นอย่างดี     ใครที่เดินทางด้วยรถสาธารณะ ต้องบอกว่าสะดวกสุดๆ ไปเลยค่ะ เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยเพชรบุรี 12 ตัดกับซอยพญานาคที่อยู่ติดรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวี บริเวณหน้าซอยพญานาคก็มีวินมอเตอร์ไซค์ให้ใช้บริการ และมีรถเมล์, รถแท็กซี่ผ่านไปมาตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีเรือโดยสารคลองแสนแสบที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการ ท่าเรือที่ใกล้ที่สุดคือท่าเรือสะพานหัวช้าง ที่สำคัญตัวโครงการอยู่ห่างจาก BTS ราชเทวีเพียง 300 เมตร ก็ถึงบันไดเลื่อนขึ้นตัวสถานีแล้วค่ะ โดยเป็นระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ แถมข้างทางก็เป็นแหล่งชุมชนทำให้ไม่รู้สึกเปล่าเปลี่ยว ในเรื่องของอาหารการกินก็ไม่น้อยหน้าการเดินทางเลย ด้วยความที่เป็นย่านที่พักอาศัยจึงค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เพราะในซอยจะมีร้านอาหาร Street food รวมไปจนถึงร้านค้าต่างๆ ให้เลือกจับจ่ายใช้สอยตลอดเช้ายันค่ำ หรือขยับข้ามฝั่งตรงข้ามไปก็มี Coco Walk แหล่งไลฟ์สไตล์ ที่มีร้านแฮงก์เอ้าท์ และคาเฟ่ต่างๆ ใครอยากไปช็อปปิ้งก็สามารถใช้ BTS จากสถานีราชเทวีนั่งรถไปสถานีเดียวก็จะถึงสถานีสยาม จุดเปลี่ยนเส้นทางระหว่างสายสุขุมวิทและสายสีลมที่มีห้างสรรพสินค้าชื่อดังมากมาย อาทิ สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามแสควร์วัน, สยามดิสคัฟเวอรี่, มาบุญครอง และจามจุรีสแควร์ หรือถัดไปอีกหน่อยถนนราชประสงค์ก็จะเป็นเซ็นทรัลเวิลด์แล้วค่ะ แถมยังรายล้อมไปด้วยสถานที่ศึกษาชั้นนำ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เรียกได้ว่าโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม - ราชเทวี เหมาะสำหรับชีวิตคนเมืองที่แท้จริง   1. วันนี้เราเริ่มต้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS นะคะ โดยนั่งมาลงที่สถานีราชเทวี 2. สำหรับทางออกรถไฟฟ้าไปโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี จะอยู่ที่ทางออก 1 ค่ะ 3. เดินลงบันได BTS มาให้สังเกตที่ซอยพญานาคก็เดินเข้าไปเลยค่ะ 4. ปากซอยพญานาคจะเป็นที่ตั้งของโรงแรมเอเชียนะคะ ทำให้มีรถและผู้คนผ่านไปมาตลอด ไม่เปลี่ยวแน่นอน 5. เดินตรงเข้ามาในซอยจะพบกับร้านค้า ร้านอาหารมากมาย รวมถึงร้านชื่อดังอย่าง Sushi Masa ด้วย 6. นอกจากร้านอาหารก็มีร้านคาเฟ่น่ารักๆ อย่าง Lazy Mary ด้วยนะ 7. เดินตรงเข้าไปอีกหน่อยจะพบกับเซเว่นค่ะ จากจุดนี้ก็สังเกตให้ดีจะเห็นว่ามีป้ายสีส้มด้านขวาชี้พิกัดโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี อยู่ด้วย 8. เดินเลี้ยวเข้ามาในซอยข้างเซเว่นไม่ทันเหนื่อยก็ถึงโครงการแล้วค่ะ   เจาะลึกโครงการ   โครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี เป็นคอนโด Low Rise 1 อาคาร สูง 8 ชั้น พร้อมที่จอดรถชั้นใต้ดิน จำนวน 179 ยูนิต บนที่ดิน 1-1-59 ไร่ ด้วยขนาดห้องชุดตั้งแต่ 26.72 – 64.81 ตารางเมตร โดยทางโครงการเน้นการออกแบบที่ผสานกับธรรมชาติ เริ่มตั้งแต่บริเวณคอนโดจะมีพื้นที่สีเขียวล้อมรอบช่วยเพิ่มบรรยากาศของธรรมชาติ ถึงแม้จะอยู่กลางเมืองก็ตาม ด้านการออกแบบของสถาปัตยกรรมก็ออกแบบให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะโดดเด่นที่สุดในย่านนี้ จากการผสมผสานรูปแบบคอนเทมโพรารี เข้ากับความมินิมอล ออกมาเป็นรูปแบบศิลปะแนวคอนเทม – มินิมอลลิซึม (Contem – Minimalism) ที่ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ด้วยความพิถีพิถันและใส่ใจทุกรายละเอียด ความอบอุ่น สุขุม ทันสมัยได้ถูกนำมารวมกันและนำมาตกแต่งภายในคอนโดมิเนียมและห้องพักด้วยความมีชีวิตชีวาและความงามสไตล์สแกดิเนเวียน เรโทร ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่คัดสรรเป็นอย่างดี โทนสีพาสเทล และวัสดุโลหะที่เข้ากันอย่างลงตัว ถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อความหรูหราสไตล์ยุโรปได้มาผสมผสานกับความทันสมัยอย่างลงตัว มาเอสโตร 14 จึงถือเป็นคอนโดฯ ที่น่าสนใจในย่านสยาม – ราชเทวี อีกโครงการหนึ่ง   ในส่วนของ Facilities เรียกว่าครบครันทีเดียว เพราะถึงแม้ตัวโครงการจะตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่ก็ยังใส่ใจในเรื่องการใช้ชีวิตของลูกบ้านที่ต้อง Balance ระหว่างการทำงานและการพักผ่อน รวมถึงการใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติและสัตว์เลี้ยง ซึ่งเอกลักษณ์สำคัญของคอนโดจาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) คือนโยบาย Pet-friendly ที่อนุญาตให้ลูกบ้านสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ โดยจัดสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงตัวโปรดให้ลูกบ้านทุกยูนิต และมีกฎระเบียบข้อบังคับการเลี้ยงสัตว์ในอาคารชุดให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข อาทิ  - การนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดมาเลี้ยง จะต้องขออนุญาตฝ่ายบริหารอาคารฯ และลงทะเบียนประวัติสัตว์เลี้ยงไว้เป็นข้อมูล โดยชำระค่าธรรมเนียมในการลงทะเบียน จำนวน 3,600 บาท/ต่อตัว/ต่อปี (ค่าใช้จ่ายนี้จะนำมาเป็นกองทุนในการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางและลงน้ำยาฆ่าเชื้อทุกสัปดาห์) - ชำระเงินประกันความเสียหายจำนวน 5,000 บาท/ต่อตัว (เรียกเก็บครั้งแรกครั้งเดียว) และจะคืนให้เมื่อเจ้าของห้องชุดเลิกเลี้ยงสัตว์/สัตว์เลี้ยงเสียชีวิต และไม่พบการกระทำผิดระเบียบข้อบังคับการเลี้ยงสัตว์ในอาคารชุดและ/หรือพบความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นกับเจ้าของห้องชุด/เจ้าของร่วม/อาคารชุดรวมถึงพื้นที่ส่วนกลาง) - สัตว์เลี้ยงที่เจ้าของห้องชุดจะเลี้ยง จะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม เมื่อโตเต็มที่ เจ้าของห้องชุดสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ไม่เกินจำนวนดังต่อไปนี้ 1 ตัว / พื้นที่น้อยกว่า 50 ตร.ม. และไม่เกิน 50 ตร.ม. 2 ตัว / พื้นที่ 100 ตารางเมตร 3 ตัว / พื้นที่ 150 ตารางเมตร เป็นต้นไป (จำนวนสูงสุดของสัตว์เลี้ยงจะมีได้ไม่เกิน 3 ตัวต่อ 1 ห้องชุดเท่านั้น) - สัตว์เลี้ยงจะต้องมีสายผูก/จูงและมีผู้ดูแลตลอดเวลาที่อยู่บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง กฎระเบียบ ข้อห้าม ในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงภายในโครงการ รวมถึงบทลงโทษ กรณีไม่ปฏิบัติตามกฎ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่ประจำโครงการ   ไม่เพียงเท่านี้ทางโครงการยังออกแบบให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับความสุขของลูกบ้านอย่างครบครัน เริ่มตั้งแต่พื้นที่ชั้น 1 ที่มีจุดจอดรับส่ง และแร็คจอดจักรยาน เมื่อเดินเข้ามาจะพบกับล็อบบี้, ห้องจดหมาย, ห้องซักรีด รวมถึงสระว่ายน้ำใจกลางโครงการที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ นอกจากนี้ยังมีห้องสตีมและซาวน่า มีโซนอ่านหนังสือ และสวนเพื่อให้มาอ่านหนังสือเล่มโปรด ขยับมาที่ชั้น 2 ก็มีสวนเพื่อการเรียนรู้ หากใครอยากออกกำลังกายในร่มก็เพียงแค่กดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้น 9 ก็จะพบกับห้องฟิตเนสที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์มากมาย หรือถ้ารักการสังสรรค์ทางโครงการก็มี Party Patio, ห้องคาราโอเกะ, ลานบาร์บีคิวที่ชั้นดาดฟ้าพร้อม Sky Lounge, Sky Cabana เพื่อให้เป็นสถานที่แห่งความสุขของลูกบ้านทุกช่วงเวลา แถมยังมีความปลอดภัยสูงเพราะทางโครงการออกแบบให้ลูกบ้านทุกยูนิตใช้คีย์การ์ดแบบล็อคชั้นซึ่งขึ้นไปได้เฉพาะชั้นตัวเองและส่วนกลางเท่านั้น อีกทั้งยังให้ความรู้สึกอุ่นใจไปกับกล้องวงจรปิด และรปภ. ที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง จาก Master Plan จะมีทางเข้าโครงการจุดเดียวนะคะ และมีจุด Drop-off ก่อนจะเข้าสู่ Lobby ซึ่งแบ่งออกเป็นพื้นที่ส่วนกลาง และห้องพักอาศัยประมาณ 5 ห้อง สำหรับที่จอดรถจะอยู่บริเวณชั้นใต้ดินค่ะ สระว่ายน้ำถูกออกแบบไว้ตรงกลางโครงการเลยนะคะ จากภาพจะเห็นว่ามีบันไดเชื่อมต่อไปยังสวนเพื่อการเรียนรู้บริเวณชั้น 2 ด้วย บริเวณริมสระจัดวางเตียงนอนอาบแดดสีขาวสบายตาไว้รองรับความสุขของลูกบ้าน จากภาพจะเห็นว่าบริเวณรอบๆ สระว่ายน้ำจะถูกโอบล้อมไปด้วยความเขียวขจีไม้ประดับนานาพรรณ ขยับเข้ามาที่พื้นที่ส่วนกลางด้านใน บริเวณชั้น 1 นอกจากมีสระว่ายแล้วยังมีห้อง Library อีกด้วย ภายในห้องดูกว้างขวางและเงียบสงบ โดยทางโครงการจัดวางชุดโต๊ะ เก้าอี้ โซฟาแบบเข้าชุดไว้หลากหลายมุม หากลูกบ้านคนไหนต้องการทำงานหรือทำการบ้านเงียบๆ ก็สามารถเลือกใช้มุมเคาน์เตอร์ ที่ออกแบบมาพร้อมรองรับอุปกรณ์สายชาร์ตต่างๆ หรือใครอยากติวการบ้านกับเพื่อน, มีครูมาสอนพิเศษจะเลือกนั่งเป็นมุมนี้ก็ดูลงตัว ก่อนจะพาไปดูส่วนกลางชั้นอื่นๆ เมื่อเดินไปยังโถงลิฟท์จะพบกับส่วนของห้องจดหมายก่อนนะคะ สำหรับแปลนชั้น 2-8 จะเป็นยูนิตพักอาศัยทั้งหมดค่ะ โดยความพิเศษของชั้น 2 ทางโครงการได้ออกแบบสวนเพื่อการเรียนรู้มาไว้รองรับลูกบ้านด้วย สำหรับสวนเพื่อการเรียนรู้จะมีบันไดเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำบริเวณชั้น 1 ด้วยนะคะ บรรยากาศบริเวณสวนเพื่อการเรียนรู้ชั้น 2 ค่อนข้างร่มรื่นและผ่อนคลายทีเดียว เหมาะแก่การมานั่งอ่านหนังสือสบายๆ ทางโครงการจัดวางที่นั่งไว้ให้เลือกสรรหลากหลายมุมทีเดียวค่ะ แปลนของพื้นที่ชั้น 9 นะคะ ซึ่งจะรวม Facilities ส่วนกลางหลักๆ โดยจัดไว้ชั้นบนของอาคาร ต่อจากพื้นที่ส่วนกลางที่กระจายอยู่ในพื้นที่ชั้น 1 และชั้น 2 บริเวณชั้นดาดฟ้าถูกจัดสรรให้เป็นพื้นที่รองรับความสุขลูกบ้านหลากหลายมุมทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ลานโยคะ, สนามเด็กเล่น, ลานบาร์บีคิว, สกายเลาจน์, ห้องคาราโอเกะ และ pet zone จากภาพจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าแม้ทางโครงการจะออกแบบให้มีพื้นที่นั่งเล่นหลากหลายมุมแค่ไหน แต่ก็ยังมีรั้วระแนงเล็กๆ สีดำกั้นแยกระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยงไม่ให้รบกวนกัน และอยู่ร่วมกันอย่างสุขใจ ลานบาร์บีคิวที่ออกแบบมาพร้อมรองรับปาร์ตี้เล็กๆ ของลูกบ้าน นอกจากมีที่นั่งรองรับลูกบ้านมากมายแล้ว ในส่วนของลานบาร์บีคิว ยังมาพร้อมเตาและอ่างล่างมือด้วย บรรยากาศบริเวณดาดฟ้าชั้น 9 ในมุมกว้าง จะเห็นได้ว่าทางโครงการใส่ใจตั้งแต่พื้นที่พักผ่อนและมุมส่วนตัวมากมาย รวมถึงนำความเขียวขจีของต้นไม้มาประดับประดาให้ลูกบ้านรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอยู่เสมอ แม้ว่าจะอยู่ใจกลางเมืองก็ตาม นอกจากมีมุมพักผ่อนให้เลือกสรรมากมายแล้ว ยังมีฟิตเนสอยู่ที่บริเวณชั้น 9 อีกด้วย ภายในห้องฟิตเนสโอบล้อมไปด้วยหน้าต่างกระจกใสให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายพร้อมกับชมวิวเมืองอย่างเพลิดเพลิน พื้นที่ติดกับห้องฟิตเนสนั้นจะเป็นส่วนของห้อง Karaoke ค่ะ ภายในห้องคาราโอเกะมาพร้อมกับโซฟาตัวยาว และชุดโฮมเธียร์เตอร์เพื่อรองรับกิจกรรมสังสรรค์ของลูกบ้านอย่างเต็มเปี่ยม   เปิดประตูห้องตัวอย่างที่พร้อมเข้าอยู่แล้ววันนี้   สำหรับโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี มีแบบห้องหลักๆ อยู่ 3 แบบ คือ 1 Bedroom Suite ขนาด 26.72 - 30.91 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 32-35.66 ตร.ม., 2 Bedroom ขนาด 60.55 - 64.81 ตร.ม. ที่มาในรูปแบบ Fully Furnished พร้อมชุดครัวแบรนด์ Electrolux สุขภัณฑ์ต่างๆ เครื่องปรับอากาศ และเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ซึ่งถ้าลูกบ้านตัดสินใจซื้อจะขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าและพร็อพตกแต่งเท่านั้น แถมทุกยูนิตยังสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ด้วยนะคะ เรียกว่าถ้าถูกใจก็พร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลยทีเดียว   ในครั้งนี้เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างถึง 3 ห้องด้วยกัน เริ่มกันด้วยห้อง 1 Bedroom Suite AA1-1 ขนาด 29.65  ตร.ม. ลักษณะห้องเป็นแบบหน้าแคบลึก พื้นที่ใช้สอยจัดมาได้ลงตัวทีเดียวค่ะ โดยเปิดเข้ามาจะเจอส่วนครัวและห้องน้ำก่อน เพื่อให้พื้นที่ด้านในเป็นส่วนพักผ่อนอย่างเตียงนอนและโซฟานั่งเล่น ภายในห้องดูโปร่งโล่งสบาย ซึ่งในห้องตัวอย่างทางโครงการตกแต่งแบบจัดเต็มเพื่อให้เราได้เห็นฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องได้อย่างชัดเจนมากขึ้น แต่ห้องที่ขายจริงจะเป็นห้องโล่งๆ ที่ได้เพียงผนังฉาบเรียบสีขาว กับ Fully Furnished ตามมาตรฐานที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้นค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom Suite AA1-1 ขนาด 29.65  ตร.ม. เมื่อเดินเข้ามาจะเจอกับส่วนของ Pantry ครัวก่อนเลยค่ะ ถัดไปจะเป็นส่วนของ Living Area ที่ตอบโจทย์ต่อการพักผ่อนได้ดี ครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นมาให้แล้วด้วย ชุดเคาน์เตอร์ครัว ลูกบ้านจะได้ทุกอย่างตามนี้เลยนะคะ ซึ่งมาพร้อมเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน จะเว้นก็เพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็น, ไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้าเท่านั้น นอกจากเว้นช่องไว้ให้ใส่ไมโครเวฟอย่างพอดิบพอดีแล้ว บริเวณลิ้นชักยังมีช่องสำหรับใส่อุปกรณ์ช้อนส้อม และมีดให้ด้วย พื้นที่ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัว ติดกับประตูทางเข้าจะเป็นตู้เก็บของและตู้รองเท้าแบบบิลต์อินนะคะ ติดกับตู้เก็บของจะเป็นห้องน้ำค่ะ ซึ่งมีพื้นที่เล็กๆ หน้าห้องเหลือพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ได้ด้วย เรามาดูที่ห้องน้ำกันบ้าง เดินเข้ามาจะพบกับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าอยู่ตรงกลาง ขวามือจะเป็นโถสุขภัณฑ์ของแบรนด์ Kohler พื้นที่ในสุดจะเป็นโซนเปียกที่ทางโครงการกั้นประตูกระจกอาบน้ำไว้ให้แล้ว แถมยังยกธรณีสูงหนึ่งเสต็ป เพื่อกันไม่ให้น้ำจาก Shower Area ไหลออกไปสู่พื้นที่อื่นๆ ภายในห้องน้ำ ภายใน Shower Area ผนังข้างฝักบัวถูกเจาะช่องให้สามารถวางอุปกรณ์อาบน้ำได้ กลับออกมาด้านนอก ก่อนจะเข้าไปส่วนพักผ่อนจะเห็นว่าทางโครงการได้เพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอนมาให้ค่ะ เมื่อเปิดประตูด้านในส่วนพักผ่อนเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ พื้นที่ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นมุมทำงานและระเบียงค่ะ ระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีมีระยะกำลังดีเลยนะคะ ไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป พื้นที่ลึกเข้ามาด้านใน ทางโครงจัดวางโต๊ะทำงานเล็กๆ ไว้ให้ดูเป็นไอเดียนะคะ ลูกบ้านสามารถใช้เป็นมุมนี้เป็นมุมทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้เช่นกันค่ะ ซึ่งมุมนี้จะอยู่ติดกับระเบียงนะคะ โดยทางโครงการกรุผนังกระจกใสไว้เพื่อความโปร่งโล่ง ระเบียงมีขนาดกำลังดี สามารถวางราวตากผ้าได้ โดยคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนนะคะ โดยทางโครงการได้ทำระแนงเหล็กกั้นเพื่อความเรียบร้อยไว้ให้แล้ว กลับเข้ามาด้านในส่วนของห้องนอนกันบ้างดีกว่าค่ะ ภายในห้องดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถวางที่นอน 5 ฟุต ได้สบายๆ พื้นที่ข้างเตียงติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ภายในมีที่ให้เก็บของได้เยอะทีเดียว ตัวบานพับจะใช้แบบ Soft closed ค่ะ   ห้องตัวอย่างอีกห้องที่เราได้ชมกันคือ 1 Bedroom A4-3 ขนาด 35.10 ตร.ม. ลักษณะห้องจะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส จัดวาง Layout ไว้ค่อนข้างเป็นสัดส่วนชัดเจน เชื่อมต่อพื้นที่การใช้งานอย่าง Pantry มุมรับประทานอาหาร และมุมนั่งเล่นไว้ด้วยกัน ทางโครงการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์บิลต์อินเพื่อทำให้ผู้อาศัยสามารถจัดวางข้าวของเครื่องใช้ได้อย่างเป็นระเบียบและใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ทั้งนี้ภายในห้องชุดยังมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ชุดครัว Pantry Set เครื่องปรับอากาศ ตามมาตรฐานเหมือนกับห้องแรกค่ะ   แปลนห้อง 1 Bedroom A4-3 ขนาด 35.10 ตร.ม. นะคะ สำหรับไทป์นี้เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนครัวเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ เพียงแต่มีขนาดที่กว้างและใหญ่กว่า เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นรูปแบบตัวไอ (i) จะได้วัสดุเหมือนอย่างในห้องตัวอย่างก่อนหน้าเช่นกัน พื้นที่ตรงข้ามครัวทางโครงการบิลต์อินตู้รองเท้าและตู้เก็บของ พร้อมเว้นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้แล้วค่ะ เดินต่อเนื่องเข้ามาที่โถงกลาง Living Area ที่เชื่อมมุมรับประทานอาหารและมุมนั่งเล่นเข้าไว้ด้วยกัน จากภาพจะเห็นว่าแม้จะจัดวางโซฟาตัวยาวแล้ว แต่ยังเหลือพื้นที่กว้างพอสำหรับวางโต๊ะและเก้าอี้รับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่ง ได้สบายๆ ทางโครงการได้จัดวางโซฟาตัวยาวขนาด 2-3 ที่นั่งไว้เป็นตัวอย่างในส่วน Living Area นะคะ จะเห็นได้ว่าบริเวณตรงกลางมีพื้นที่เหลือมากพอสำหรับวางโต๊ะกลางด้วย ติดกับมุมนั่งเล่นจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งมีประตูบานเลื่อนกั้นให้ออกมารับลมได้ โดยระเบียงมีขนาดกว้างสามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ เลยค่ะ คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนนะคะ โดยทางโครงการได้ทำระแนงเหล็กกั้นไว้ให้แล้วเพื่อความเรียบร้อย กลับมาที่ภายในห้อง บริเวณคอนโซลทีวีมีขนาดกว้างพอรองรับจอขนาดใหญ่ได้เลยนะคะ พื้นที่ติดกันนั้นจะเป็นส่วนของห้องนอนที่เป็นประตูแบบทึบค่ะ เข้ามาในส่วนของห้องนอนกันก่อนดีกว่าค่ะ ภายในห้องนอนดูโปร่งโล่งสบาย โอบล้อมด้วยกระจกใส เอื้อต่อการพักผ่อน พื้นที่ติดกับหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ ทางโครงการจัดวาง Daybed ไว้เป็นตัวอย่าง ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดสรรส่วนนี้ให้เป็นมุมพักผ่อนของสัตว์เลี้ยงก็ยังได้ เมื่อวาง Daybed แล้วจะเห็นว่าบริเวณรอบๆ มีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วย มุมมองกลับมาที่ภายในห้องนะคะ พื้นที่ติดกับเตียงนั้นจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง ลึกเข้าไปนั้นจะเป็นตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำค่ะ ตู้เสื้อผ้าจะบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยคะซึ่งลูกบ้านจะได้มาพร้อมกับห้องเลยค่ะ มาในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง ตรงกลางจะเป็นเคาน์เตอร์อ่างล้างมือที่อยู่ติดกับชุดสุขภัณฑ์ มีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ พื้นที่ในสุดจะเป็นส่วนเปียก ส่วนเปียกจะเป็นกระจกกั้นนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ยกธรณีสูงขึ้นประมาณนึงเพื่อกันน้ำเปียกมายังโซนแห้ง ทางโครงการเจาะช่องให้สำหรับวางของใช้ส่วนตัวให้เหมือนดั่งห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ   และห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราจะพาไปดู เป็นห้อง 2 Bedroom B1-1 ขนาด 64.81 ตร.ม. ที่นับว่าเป็นขนาดใหญ่สุดของโครงการ ลักษณะเป็นห้องหน้าแคบลึก แต่พอเดินเข้ามาจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส บรรยากาศโดยรวมในห้องนี้จึงให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายตา การจัดแบ่งพื้นที่ไว้ก็เป็นสัดส่วนชัดเจน เปิดห้องเข้ามาเจอส่วนครัวที่มาพร้อมอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน ต่อเนื่องมายังมุมรับประทานอาหาร และมุมนั่งเล่นที่กว้างพอให้วางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังแอบเหลือพื้นที่สำหรับโต๊ะกลางได้ด้วย ติดกันนั้นมีประตูบานเลื่อนอีกชั้นให้ออกไปสัมผัสอากาศด้านนอกที่ระเบียงได้ ส่วนพื้นที่ลึกเข้ามาด้านในตรงกลางจะเป็นห้องน้ำ ก่อนต่อเนื่องไปยังห้องนอนใหญ่ และห้องนอนเล็ก ภายในห้องบิลต์อิน ตู้ เตียงไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ แปลนห้อง 2 Bedroom B1-1 ขนาด 64.81 ตร.ม. เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอครัวที่ลึกยาวเข้าไปก่อนเลยนะคะ โดยครัวถูกจัดให้อยู่ชิดริมผนังฝั่งทางเดิน เป็นแบบ One Wall-Kitchen เหมือนดั่งห้องตัวอย่างสองห้องก่อนหน้าเลยนะคะ ขนาดของเคาน์เตอร์และชั้นเก็บของด้านบนจะมีขนาดยาวขึ้นเล็กน้อยตามขนาดของห้อง แต่ตัววัสดุที่ใช้รวมถึงเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นยังคงเหมือนกับห้องตัวอย่างก่อนหน้าทั้งสองห้องเลยค่ะ พื้นที่ตรงข้ามครัวทางโครงการบิลต์อินตู้เก็บรองเท้าและตู้เก็บของขนาดใหญ่มาให้แล้ว ซึ่งสามารถเก็บของได้เยอะมาก แถมยังไม่รบกวนสายตาเนื่องจากมีหน้าบานเปิดปิดด้วยค่ะ เดินเข้ามาที่โถงกลาง มุมรับประทานอาหารจะเชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่นเลยนะคะ ซึ่งมีขนาดกว้างขวางมากเพราะสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้สบายๆ พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกว้างขวางกำลังดี ระยะห่างของโซฟากับทีวีของห้องนี้จะห่างเกือบ 2 เมตรนะคะ ซึ่งก็เหมาะสำหรับวางทีวีขนาด 42 นิ้วขึ้นไป แถมลูกบ้านยังสามารถจัดวางโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่งได้สบาย พร้อมเหลือพื้นที่ตรงกลางไว้สำหรับวางโต๊ะได้ด้วย ซึ่งมุมนั่งเล่นจะอยู่ชิดติดระเบียงนะคะเลยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ ระเบียงมีขนาดกว้างสามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ เลยค่ะ อีกทั้งยังกั้นระแนงเพื่อบังคอมเพรสเซอร์แอร์ให้เรียบร้อยแล้ว มุมมองกลับมาที่ภายในห้องนะคะ จะเห็นว่าการจัดวาง Layout จะคล้ายๆ กับห้องตัวอย่างที่สอง เพียงแต่ห้องนี้มีขนาดใหญ่กว่า พื้นที่ลึกเข้าไปด้านในตรงกลางจะเป็นห้องน้ำนะคะ ก่อนต่อเนื่องไปยังห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่ สำหรับห้องน้ำด้านนอก ตรงกลางจะเป็นชุดเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ มีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ ด้านขวามือเป็นโถสุขภัณฑ์ ฝั่งด้านซ้ายมือเป็นพื้นที่อาบน้ำ กั้นกลางด้วยกระจกใส พื้นภายในห้องน้ำกรุด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนนะคะ   และก็เหมือนกับห้องน้ำในห้องตัวอย่างก่อนหน้า ผนังฝั่งเปียกจะเจาะช่องไว้ให้วางอุปกรณ์อาบน้ำได้ ซึ่งก็เพิ่มความสะดวกสบายได้ดีทีเดียว ออกจากห้องน้ำมาต่อกันที่ห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องมีขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับวางเตียงนอนขนาด 3.5 ไปจนถึง 5 ฟุตได้ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถติดทีวีเพิ่มโดยไม่รู้สึกคับแคบด้วยค่ะ นอกจากโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ บริเวณรอบๆ เตียงยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้ ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ เข้ามาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ภายในห้องนอนขนาดกว้างพอจัดให้เป็นโซนพักผ่อน และโซน Walk-in Closet ที่อยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำ ภายในห้องน้ำแบ่งแยกพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจนเหมือนดั่งห้องตัวอย่างก่อนหน้านี้ สำหรับห้องน้ำในห้องนอนใหญ่จะจัดวางสุขภัณฑ์ไว้ตรงกลาง จัดชุดเคาน์เตอร์ล้างหน้าไว้ชิดริมประตู โดยมีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ ส่วนเปียกจะเป็นกระจกกั้นนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ยกธรณีสูงขึ้นประมาณนึงเพื่อกันน้ำเปียกมายังโซนแห้ง ภายในพื้นที่ส่วนเปียกนอกจากจะเจาะช่องที่ผนังฝั่งฝักบัวไว้ให้สามารถวางของได้แล้ว ยังมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้เปิดระบายอากาศได้อีกด้วย ออกมาจากห้องน้ำ พื้นที่ฝั่งตรงข้ามจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิวต์อินขนาดใหญ่ยาวขนานไปกับผนัง ก่อนจะต่อเนื่องมายังโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานที่ทางโครงการจัดวางไว้ให้เป็นไอเดียแก่ลูกบ้าน ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสผสมกับหนังทึบเพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้นนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางที่นอนขนาด 5 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง โดยเหลือพื้นที่ให้เดินรอบๆ และวางโต๊ะข้างเตียงได้ด้วยค่ะ ทางโครงการจัดวางเก้าอี้นวมไว้เป็นตัวอย่าง ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดสรรพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นมุมของเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวโปรดก็ยังได้ค่ะ   นับว่าโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เหมาะสำหรับคนเมืองอย่างแท้จริงเลยนะคะ ใครที่อยากมีคอนโดดีๆ เลี้ยงสัตว์ได้ พร้อมยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่ให้ความรู้สึกของความเป็นที่สุดอย่างเต็มอิ่ม แถมยังอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวีเพียงแค่ 300 เมตร สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายไม่ว่าจะมีรถส่วนตัวหรือไม่มี ที่สำคัญคือสามารถเข้า-ออกได้ถึง 3 เส้นทาง ถนนพญาไท, ถนนบรรทัดทอง และถนนเพชรบุรี นอกจากนี้ยังแวดล้อมด้วยสาธารณูปโภคครบครัน ในราคาเอื้อมถึงได้ เริ่มต้น 4.5 ล้านบาท* เมื่อพิจารณาจากทำเล ห้องที่แต่งครบ มีเฟอร์นิเจอร์ครบ พร้อมเข้าอยู่แบบนี้ ถือว่าคุ้มค่าและหาได้ไม่ง่ายเลยนะคะ ไม่ว่าจะจับจองไว้อยู่อาศัยเองหรือเก็บไว้เป็นทางเลือกในการลงทุนปล่อยเช่า อาทิ นักเรียน, นักศึกษา, คนทำงาน และชาวต่างชาติ ก็น่าจะได้ผลตอบแทน Capital gain ที่ดีไม่ใช่น้อย
SHAA ASOKE คอนโดลักซ์ชัวรี่ที่..เหนือกว่าใครในทุกด้าน : รีวิวคอนโด

SHAA ASOKE คอนโดลักซ์ชัวรี่ที่..เหนือกว่าใครในทุกด้าน : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาทุกคนนั่งรถไฟฟ้า BTS ไปชมห้องตัวอย่างโครงการลักชัวรี่คอนโดมิเนียมที่เพิ่งเปิดตัวใหม่เมื่อไม่นานมานี้ SHAA ASOKE (ฌาา อโศก) ของ KPN LAND หนึ่งในบริษัทอสังหาฯ ที่ให้ความสำคัญเรื่องการเลือก Location ที่จะต้องเป็น Prime of Prime เน้นให้ลูกบ้านเดินทางง่ายอยู่ใกล้ห้าง, โรงเรียน, โรงพยาบาล, สวนสาธารณะ ที่สำคัญคือความคุ้มค่าของที่ดินแปลงนั้นต้องสามารถมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นได้ในอนาคต โดยครั้งนี้ทางโครงการเลือกปักหมุดในย่าน "อโศก" สุดยอดโลเคชั่นในความเป็นศูนย์รวมหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็น Interchange ของการเดินทางรถไฟฟ้า 2 สายสำคัญที่สุดของกรุงเทพคือสายสีเขียว BTS สถานีอโศก และสีน้ำเงิน MRT สถานีสุขุมวิท เต็มไปด้วยสำนักงาน โรงแรม และแหล่งบันเทิงไลฟ์สไตล์ที่ใครๆ ต่างหมายปองอยากอาศัยอยู่ในย่านนี้   ทำเลศักยภาพ ใจกลางเมืองอโศก   เราต่างก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าที่ดินใน "ย่านอโศก" ที่สามารถพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมได้นั้นเหลือน้อยเต็มที และมีราคาสูง แต่ทาง KPN LAND ก็สามารถคว้ามาครอบครองไว้ได้ โดยตัวโครงการ ฌาา อโศก ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพใจกลางเมือง ในซอยสุขุมวิท 19 ใกล้ BTS อโศก, MRT สุขุมวิท, โรบินสัน และ Terminal 21 จุดเด่นอยู่ที่การเลือกโลเคชั่นที่ไม่พลุกพล่านมาก เพราะอยู่ในซอยย่อย ไม่วุ่นวายเหมือนทำเลติดถนนอโศก เหมาะเป็นย่านที่อยู่อาศัยเพราะในซอยแวดล้อมไปด้วยร้านอาหารบรรยากาศดี, เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์, โรงแรมต่างๆ, สปา, ร้านทำผม, เซเว่น-อีเลเว่น และปิดท้ายซอยด้วยโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ใครที่ใช้รถส่วนตัวก็นับว่าสะดวกสบาย เนื่องจากซอยสุขุมวิท 19 เชื่อมต่อกับซอยสุขุมวิท 15 ถนนสุขุมวิท และถนนอโศกมนตรี ทำให้ช่วยหลีกเลี่ยงการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนที่ถนนเส้นหลักได้ดี นอกจากนี้ยังมีเส้นทางลัดเลาะไปยังย่านอื่นๆ ได้ทั้ง นานา, พร้อมพงษ์ และทองหล่อ โดยสามารถเชื่อมต่อทั้งซอยสุขุมวิท 19, ซอยสุขุมวิท 15 และซอยสุขุมวิท 23 หรือถ้าใครอยากใช้ทางด่วน ตัวโครงการก็อยู่ห่างจากจุดขึ้นลงทางด่วนศรีรัช และทางด่วนเฉลิมมหานครในรัศมีไม่ถึง 3 กิโลเมตร ทำให้การเดินทางโดยรถยนต์เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากทีเดียว     ในส่วนของการเดินทางด้วยรถสาธารณะ ต้องบอกว่าสะดวกมากที่สุดแล้วค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่าตัวโครงการตั้งอยู่ศูนย์กลางธุรกิจและการค้าในย่านอโศก ใกล้ทั้งแหล่งงาน, โรงแรม, สถานศึกษา, สถานพยาบาล, สวนสาธารณะ รวมทั้งแหล่งช็อปปิ้งสำคัญของกรุงเทพฯ อย่าง Terminal 21 ห้างสรรพสินค้าระดับโลกที่เปรียบเสมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติให้แวะเวียนหลั่งไหลไม่ขาดสาย ที่สำคัญคืออยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า 2 สายสำคัญที่สุดของกรุงเทพที่ Interchange กันระหว่าง BTS สายสีเขียว (สถานีอโศก) และ MRT สายสีน้ำเงิน (สถานีสุขุมวิท) ในระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ ไม่เกิน 5 นาที ซึ่งถ้าใครเป็นสายช็อปปิ้งก็คงถูกใจเพราะพิกัดจากโครงการสามารถเดินไปขึ้น Sky Walk เพื่อไป Terminal 21, Robinson หรือ Korean  Town ที่ตั้งอยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 10 และ 12 หรือจะนั่งรถไฟฟ้า BTS ถัดไปอีก 1 ป้ายก็จะถึงสถานีพร้อมพงษ์ สวรรค์ของนักช้อปเพราะมีศูนย์การค้าระดับโลก The EM District ใจกลางสุขุมวิทอย่าง Emporium, Emquartier รวมทั้งห้าง Emsphere ที่กำลังจะเริ่มก่อสร้างอีกไม่นานต่อจากนี้ ใครที่รักการสังสรรค์ก็คงจะแฮปปี้เพราะนั่งรถไฟฟ้า BTS จากสถานีอโศกไปทองหล่อแค่เพียง 2 สถานี ก็จะถึงแหล่งแฮงก์เอ้าท์ยอดนิยมของคนรุ่นใหม่แล้วค่ะ แถมถ้าใครที่เป็นสายเดินทางก็ยิ่งถูกใจเพราะสามารถเชื่อมต่อไป Airport Link ได้จากรถไฟฟ้า MRT สถานีสุขุมวิทไปสถานีเพชรบุรีแค่เพียงสถานีเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ไม่ไกลจากโครงการมีบริการเรือด่วนคลองแสนแสบวิ่งระหว่างสะพานผ่านฟ้าถึงวัดศรีบุญเรือง โดยท่าเรือที่ใกล้โครงการคือท่าเรืออโศก ใครที่เบื่อการจราจรบนถนน จะไปใช้บริการทางเรือก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่ใช่น้อย   แต่ก่อนจะไปชมห้องตัวอย่างแบบเต็มๆ เราขอชวนไปชมสำนักงานขายดีไซน์โดดเด่นของโครงการ ฌาา อโศก กันก่อน โดยสำนักงานขายจะตั้งอยู่คนละที่กับตัวโครงการนะคะ ซึ่งอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 (BTS สถานีพร้อมพงษ์) ตรงข้ามร้านอาหารฝรั่งเศสชื่อดัง Philippe Restaurant เลยค่ะ โดยจากถนนใหญ่สุขุมวิท เราตรงเข้ามาในซอยสุขุมวิท 39 ประมาณ 300 เมตรก็จะเจอที่ตั้งโครงการอยู่ทางฝั่งซ้ายมือแล้วค่ะ ซึ่งทุกคนสามารถเข้าไปเยี่ยมชมสำนักงานขายโครงการได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น.   การเดินทางไปสำนักงานงานขาย SHAA   1. เริ่มต้นการเดินทางด้วยการนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีพร้อมพงษ์ค่ะ ซึ่งทางไปสำนักงานขาย จะอยู่ที่ทางออก 3 นะคะ 2. เมื่อเดินบันไดลงมาก็หมุนตัวกลับเพื่อเดินย้อนไปปากซอยสุขุมวิท 39 ค่ะ 3. เดินตรงเข้าซอยสุขุมวิท 39 มาเรื่อยๆ จะผ่านโครงการ The Diplomat 39 ของ KPN LAND ด้วยค่ะ 4. จากถนนใหญ่สุขุมวิทตรงเข้ามาในซอยสุขุมวิท 39 ประมาณ 300 เมตรก็จะเจอที่ตั้งโครงการอยู่ทางฝั่งซ้ายมือแล้วค่ะ โดยสำนักงานขายดีไซน์หรูหราแต่ยังมีความทันสมัยในสไตล์โมเดิร์นตามคอนเซ็ปต์ของโครงการคือ Modern Craftsmanship ภายในจะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย พร้อมที่นั่งรับรองลูกค้าหลากหลายมุม นอกจากนี้ยังมีส่วน Presentation โครงการ และห้องตัวอย่างให้เข้าชม 1 ห้องค่ะ   ยกระดับการอยู่อาศัยของคนเมือง ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เพียบพร้อม   โครงการ ฌาา อโศก เป็นโครงการลักซ์ชัวรี่คอนโดมิเนียม High Rise 1 อาคาร ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ตัวอาคารสูง 24 ชั้น บนพื้นที่ 1-0-8 ไร่ ทั้งหมด 143 ยูนิต ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ในสไตล์ Modern Craftsmanship โดยออกแบบให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยดีไซน์ Facade เป็นปริซึมกระจกที่เวลาแสงตกกระทบจะเกิดแสงสะท้อนวิบวับ ดูน่าค้นหา โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร สะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังคัดสรรแต่วัสดุคุณภาพระดับพรีเมี่ยมมาใช้ในโครงการ โดยเลือกใช้อุปกรณ์ห้องน้ำ AXOR แบรนด์ดังจากประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นผลงานการแบบของ Antonio Citterio ดีไซน์เนอร์ชื่อดังชาวอิตาลีที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “Gentlemen Of Design” ด้วยการนำทองเหลืองมาใช้เป็นวัสดุหลักให้มีความคงทนสามารถใช้งานได้นาน ออกแบบเป็นเอกลักษณ์เน้นเรื่องรูปทรง มุมขอบ ความโค้งมน หลอมรวมเข้าด้วยกัน เพื่อให้ชิ้นงานมีความสวยงามโดดเด่น และยังคงความสวยงาม เหนือกาลเวลา โดยความพิเศษคือ สเป็คของ AXOR ที่ใช้ในห้องน้ำทุกยูนิตนั้นจะเป็นสีพิเศษ Red Gold ซึ่งเป็นสีที่คุณสมบัติทำให้กลมกลืนกับแสง สี ของสภาพแวดล้อม โดยยังคงความเป็นจุดเด่นของตัวผลิตภัณฑ์เอง ทำให้ได้บรรยากาศในห้องน้ำที่หรูหราไม่เหมือนใครไม่ว่าจะเป็นก๊อกน้ำ, ราวแขวนผ้าเช็ดตัว, ชุดฝักบัว และที่แขวนทิชชู่ ผ่านงานฝีมือแบบชิ้นต่อชิ้น  ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางทางโครงการก็จัดเต็มแบบสุดๆ เรียกว่าครบครันมากทีเดียวค่ะ ซึ่งคอนเซ็ปต์ของพื้นที่ส่วนกลางถูกออกแบบโดยหลอมรวมความต้องการของการใช้ชีวิตในเมืองเข้ากับความเป็นส่วนตัว สู่รูปแบบของ Facility ที่มีให้เลือกสรรมากมาย อาทิ สระว่ายน้ำแบบในร่ม ในขณะที่ห้องฟิตเนสก็มาพร้อมเครื่องออกกำลังกายแบบจัดเต็ม อีกทั้งยังมีล็อบบี้ดีไซน์หรูหรา สไตล์ Modern Craftsmanship, Mailbox, ห้องอเนกประสงค์ต่างๆ รวมไปจนถึงสวนพักผ่อนที่ทุกส่วนสามารถใช้งานได้จริง นอกจากนี้ยังมาพร้อม Bicycle Garage และที่จอดรถถึง 100 คัน, EV Charger กล้องวงจรปิดแบบ CCTV, ระบบเข้าออกอัตโนมัติแบบ Access Control และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ภาพบรรยากาศจำลองด้านหน้าโครงการ SHAA ASOKE (ฌาา อโศก) ที่ถูกออกแบบโดยใช้กระจกเป็นวัสดุหลัก เวลาแสงตกกระทบจะเกิดแสงสะท้อนวิบวับ ดูน่าค้นหา โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครในย่านนี้ ภาพบรรยากาศจำลองสระว่ายน้ำในร่มบนชั้น 2 ของอาคาร ผนังวิวรอบด้านเป็นกระจกปริซึม มองออกไปด้านนอกชมวิวเมืองด้วยทัศนียภาพที่ต่างออกไป ภาพบรรยากาศจำลองห้องฟิตเนสที่เต็มไปด้วยเครื่องออกกำลังกายแบบครบครัน ภาพบรรยากาศจำลองอาคารด้านนอกของโครงการ SHAA ASOKE (ฌาา อโศก) จากภาพจะเห็นว่าแต่ละยูนิตที่พักอาศัยของโครงการจะมีระเบียงพร้อมราวกันตก ซึ่งใช้วัสดุเป็นกระจกเทมเปอร์ทำให้กลมกลืนกับดีไซน์ของอาคารและสามารถมองวิวได้อย่างกว้างไกล   พื้นที่ใช้ชีวิต..คุ้มค่าทุกตารางเมตร   นอกจากภายนอกอาคารที่โดดเด่นและแฝงงานดีไซน์เอาไว้ในทุกส่วนแล้ว ภายในห้องชุดประเภทต่างๆ ของโครงการ ฌาา อโศก มีห้องพักอาศัยให้เลือกตั้งแต่ 1 Bedroom, 2 Bedrooms และแบบ Duplex ขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 34.25 ไปจนถึง 113.25 ตารางเมตร โดยทางโครงการคัดเลือกแต่วัสดุคุณภาพมาใช้ในทุกๆ ยูนิต รวมไปถึงการคำนึงถึงรูปแบบ และฟังก์ชั่นการใช้งานที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ตัวโครงการยังเปิดขายแบบ Fully Fitted ประกอบด้วยชุดสุขภัณฑ์ไฮเอนด์จากประเทศเยอรมนี AXOR ภายใต้แบรนด์ HANSGROHE ที่ผ่านความใส่ใจในรายละเอียดสุดปราณีตเป็นงานฝีมือแบบชิ้นต่อชิ้น โดยแบบ 1 ห้องนอนจะมีมูลค่ากว่า 4 แสนบาท และ 2 ห้องนอนมูลค่ากว่า 7 แสนบาท เนื่องจาก AXOR เลือกนำทองเหลืองมาใช้เป็นวัสดุหลักมีความคงทนสามารถใช้งานได้นาน ไม่เพียงเท่านี้ยังติดตั้ง Digital Door lock มาให้เรียบร้อยแล้ว โดยใช้แบรนด์ระดับไฮเอนด์อย่าง Baldwin ที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกุญแจทั่วไป แต่มีความพิเศษกว่าใครคือผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ให้สามารถเปิดประตูบ้านได้ด้วยมือสัมผัสผ่านการเปิดบลูทูธบนมือถือ และยังสามารถส่งเป็น e-key ไปยังญาติหรือเพื่อนอีกได้ด้วยโดยที่เจ้าของบ้านอยู่ที่ไหนผู้มาเยือนก็สามารถเข้าห้องได้ แต่ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินโทรศัพท์หายหรือแบตหมดก็ยังสามารถใช้กุญแจปกติแบบทั่วไปไขได้   ไม่รอช้า..เรามาเปิดประตูห้องตัวอย่างกันดีกว่า สำหรับห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมคือแบบ 2 Bedroom ขนาด 69.50 ตารางเมตร ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าห้องมา ต้องบอกว่าภายในห้องจัดวาง Layout ให้ทุกพื้นที่สามารถใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ครบทุกฟังก์ชั่นจริงๆ ค่ะ พื้นจะเป็น Wood Polymer Composite ที่ทนทานต่อความชื้นและไม่บวมน้ำ ส่วนห้องครัวก็มาในลุคดูหรูหรา โดยทางโครงการทำ Built in ชุดครัวมาให้สูงจรดเพดาน ชุดครัวจะเป็นแบรนด์นำเข้าแบรนด์ Kuppersbusch มาพร้อมเตาไฟฟ้า 4 หัว (ถ้าเป็นแบบ 1 ห้องนอนจะได้ 2 หัวค่ะ), เครื่องดูดควัน, เตาอบ และตู้เย็น แถมยังออกแบบช่องเก็บของมาให้แบบจุใจพร้อมหน้าบานทุกตัวติด Soft closed มาให้เรียบร้อยแล้ว ทำให้แขกไปใครมาก็เห็นว่าครัวเป็นนระเบียบอยู่นั่นเองค่ะ ในส่วนของห้องน้ำ, ห้อง Master Bedroom และห้องนอนที่ 2 ห้องนั่งเล่นก็ยังจัดแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน พร้อมแบ่งมุมรับประทานอาหารไว้อีกด้วย และด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดที่ต้องการให้ลูกบ้านทุกยูนิตได้รับความสะดวกสบายอย่างเต็มที่ ทางโครงการจึงเพิ่ม Home Application ให้ลูกบ้านทุกยูนิตสามารถควบคุมไฟ เครื่องปรับอากาศ ในอนาคตสามารถเพิ่มฟั่งชั่นอื่นๆได้ ไม่ว่าจะเป็น CCTV การควบคุมผ่าน Smart Phone ได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่คุณเลือกและควบคุมได้ตามไลฟ์สไตล์ของคุณ   หน้าประตูติดตั้ง Digital Door Lock มาให้แล้วนะคะ โดยใช้แบรนด์ระดับไฮเอนด์อย่าง Baldwin ที่ผสานกับเทคโนโลยีมือถือ ใช้เปิดเข้าห้องแทนคีย์การ์ดหรือส่งคำอนุญาตให้เพื่อนเข้าห้องได้ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายที่สุด เรามาเริ่มจากห้องนอน Master Bedroom กันก่อนนะคะ ภายในห้องโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใส ทำให้มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามามากพอ ไม่ต้องพึ่งแสงประดิษฐ์ในเวลากลางวัน และเมื่อเปิดประตูบานเลื่อนไปยังระเบียงทางโครงการก็ติดไฟเพดานพร้อมทำท่อระบายน้ำมาให้เรียบร้อย ขนาดระเบียงกว้างกำลังดีเลยค่ะ จากภาพจะเห็นว่าเมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียง ซึ่งสามารถเดินผ่านได้สบายๆ เลยค่ะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วย พื้นที่ข้างเตียงติดกับห้องน้ำจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ภายในมีที่ให้เก็บของได้เยอะทีเดียว ห้องน้ำในห้อง Master Bedroom ใช้วัสดุและอุปกรณ์ห้องน้ำจาก AXOR ภายใต้แบรนด์ HANSGROHE แบรนด์สุขภัณฑ์ไฮเอนด์จากประเทศเยอรมนี จุดเด่นคือสีของอุปกรณ์ AXOR จะเป็นสี Red Gold ที่มีคุณสมบัติพิเศษทำให้กลมกลืนกับแสง สี ของสภาพแวดล้อม โดยยังคงความเป็นจุดเด่นของตัวผลิตภัณฑ์เองทำให้ได้บรรยากาศในห้องน้ำจะต่างออกไป ไม่ว่าจะก๊อกน้ำ, ฝักบัว หรือที่แขวนทิชชู่ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ลูกบ้าน ต้องใช้งานทุกวัน ทางโครงการเลยให้ความสำคัญและตั้งใจออกแบบอย่างพิถีพิถันเป็นพิเศษมีอ่างอาบน้ำ และห้องอาบน้ำในตัว ส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นห้องเข้ามุมมาให้เป็นกระจกเทมเปอร์แบบบานเปิด ยกธรณีสูงขึ้นมาหนึ่งสเต็ปเพื่อกั้นระหว่างพื้นส่วนเปียกส่วนแห้ง มือจับประตูเป็นอลูมิเนียมรูปตัว U ใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้ จากภาพจะเห็นว่าบานพับและมือจับประตูใช้สี Red Gold เข้าชุดกับสุขภัณฑ์เลยนะคะ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ามีขนาดกำลังดี ผนังเหนือเคาน์เตอร์ติดเต้าเสียบปลั๊กไฟพร้อมฝาครอบกันน้ำมาให้สำหรับเสียบไดร์เป่าผมเรียบร้อยแล้ว ท็อปเคาน์เตอร์ปูหินอ่อนสีดำขีดขาวให้ความรู้สึกหรูหรา มาพร้อมก็อกน้ำจาก AXOR สีพิเศษคือสี Red Gold ที่เพิ่มความพรีเมี่ยมและชวนสัมผัสได้เป็นอย่างดี ภายในพื้นที่ส่วนเปียก ทางโครงการสั่งหล่ออ่างอาบน้ำรูปทรงโค้งมนสีขาวสบายตาขึ้นมาใหม่ จากภาพจะเห็นได้ชัดเลยว่าอ่างอาบน้ำมีขนาดบางกว่าอ่างปกติทั่วไป นอกจากนี้ส่วนผนังเหนืออ่างจะแต่งด้วยหินอ่อนสีดำขีดขาวเพื่อเสริมความหรูหรา อีกทั้งยังมีฝักบัวแบรนด์ AXOR สี Red Gold พร้อมก๊อกน้ำติดตั้งมาให้เรียบร้อย สำหรับโถสุขภัณฑ์จะเป็นแบบ Wall Hung ที่วางระบบฝังผนังดูสวยงามและเรียบร้อย แถมยังทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย  ซึ่งทางโครงการก็ให้ที่แขวนทิชชู่ของ AXOR สี Red Gold เพื่อให้เข้าชุดกับอุปกรณ์ชิ้นอื่นภายในห้อง ซึ่งบอกได้เลยค่ะว่านอกจากจะดูแพง หรูหราสมราคาแล้ว ยังดูลงตัวในทุกๆ ส่วนเป็นอย่างดี เรามาดูต่อกันที่ห้องนอนที่ 2 กันก่อนเลย ภายในห้องนอนมีระเบียงในตัวแถมยังเชื่อมต่อกับระเบียงมุมนั่งเล่น พื้นที่มีขนาดกว้างพอจัดวางเตียงเดี่ยวขนาด 4 ฟุตพร้อมโต๊ะและตู้เสื้อผ้าได้แบบพอดี แต่ทางโครงการตกแต่งห้องตัวอย่างออกมาให้เป็นห้องพักผ่อนพร้อมโซฟาแบบ Daybed มาให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งก็ดูเหมือนห้องอเนกประสงค์ค่ะ บางคนอาจใช้เป็นห้องเก็บเสื้อผ้าแบบ Walk in closet หรือจะทำเป็นห้องทำงานก็ยังได้ จากห้องนอนที่ 2 ไปดูในส่วนของ Living Room กันค่ะ พื้นที่ลึกเข้าไปด้านในจะเป็นส่วนของ Living area นะคะ พื้นที่ส่วนนั่งเล่นมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารได้ด้วยนะคะ โดยสามารถวางโต๊ะขนาด 2 ที่นั่งได้อย่างพอดิบพอดี มุมมองจากโต๊ะรับประทานอาหารไปยังส่วนนั่งเล่น ทางโครงการจัดวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งเอาไว้เป็นตัวอย่าง ระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีมีระยะกำลังดีเลยนะคะ ไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป สำหรับมุมนี้จะถูกโอบล้อมด้วยประตูกระจกใสนะคะ ซึ่งเป็นประตูบานเลื่อนทั้ง 2 ข้าง สามารถเปิดไปรับลมที่ระเบียงได้ นอกจากสามารถวางโซฟาตัวยาวได้แล้ว ยังมีพื้นที่เหลือสำหรับโต๊ะข้างได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด Home Application ที่ทางโครงการติดตั้งให้ลูกบ้านทุกยูนิตสามารถควบคุมไฟ เครื่องปรับอากาศ รวมถึงผ้าม่านในอนาคต ผ่าน Smart Phone ได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่คุณเลือกและควบคุมได้ มาถึงส่วนครัว ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นตัวไอ (I) มาพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, เตาอบ, อ่างล้างจาน 1 หลุม และตู้เย็นแบบบิลต์อิน นอกจากนี้ยังออกแบบหน้าบานเปิดปิดมาให้เรียบร้อย อีกทั้งยังเว้นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าด้วยค่ะ ชุดครัวจะเป็นแบรนด์ Kuppersbusch นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมดเลยนะคะ สำหรับก็อกน้ำของอ่างล้างมือจะเป็นแบบ Shower คือเป็นสายฉีดที่สามารถยกออกมาได้ แถมยังเพิ่มความพรีเมียมโดยการพิมพ์ชื่อโครงการ SHAA ไว้ด้วย สำหรับตู้เย็นจะเป็นแบรนด์ของ Teka นะคะ ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นห้องน้ำนะคะ ภายในห้องแยกส่วนแห้งและส่วนเปียกมาให้ ระยะใช้งานกำลังสบายๆ สำหรับส่วนอาบน้ำจะมีฉากกั้นห้องมาให้เป็นกระจกเทมเปอร์แบบบานเปิด วางบนธรณีที่ยกสูงหนึ่งสเต็ปเพื่อกั้นระหว่างพื้นส่วนเปียกส่วนแห้ง อุปกรณ์ภายในห้องน้ำจะเป็นของ AXOR  เหมือนในห้องน้ำห้อง Master Bedroom ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากๆ ค่ะ   ด้วยทำเล Prime Location ของกรุงเทพฯ ใกล้จุด Interchange ของการเดินทางรถไฟฟ้า 2 สายสำคัญที่สุดของกรุงเทพคือสายสีเขียว BTS สถานีอโศก และสีน้ำเงิน MRT สถานีสุขุมวิท แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันแบบนี้ ฌาา อโศก จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ถูกจับตามองมากที่สุดโครงการหนึ่ง อย่างที่แจ้งไปแล้วว่าทางโครงการจะขายห้องมาให้แบบ Fully Fitted ดังนั้นในห้องมาตรฐานจะเป็นผนังฉาบเรียบสีขาว และมีเคาน์เตอร์ครัวบิลต์อินพร้อมชุดครัวแบรนด์ Kuppersbusch มาพร้อมเตาไฟฟ้า,เครื่องดูดควัน, เตาอบ, ตู้เย็น, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ AXOR แบรนด์ไฮเอนด์จากประเทศเยอรมนี ที่มาในโทนสี Red Gold ดูหรูหรา สง่างาม และพรีเมี่ยมมากจริงๆ ค่ะ   นอกจากนี้ทางโครงการ ฌาา อโศก ยังมอบ Digital Door Lock แบรนด์ระดับไฮเอนด์อย่าง Baldwin ที่ผสานกับเทคโนโลยีมือถือ ใช้เปิดเข้าห้องแทนคีย์การ์ดหรือส่ง E-Key ให้เพื่อนเข้าห้องได้ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายที่สุดมาให้กับลูกบ้านทุกยูนิตด้วย ซึ่งทาง KPN LAND ประกาศราคาเริ่มต้นมาที่ 10 ล้านบาท* ถ้าเทียบกับคอนโดมิเนียม Luxury ในระดับเดียวกันแล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าแก่การลงทุนมากเลยนะคะ เพราะ Installment Term เริ่มต้นเพียง 30,000 บาท/เดือน นอกจากนี้แนวโน้มในการเติบโตของทำเลค่อนข้างดีมากในอนาคต ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือเก็งกำไรยังไงก็คุ้มค่า
Niche MONO Tiwanon ครั้งแรกของคอนโดพร้อม CO-CREATION SPACE ครบวงจร : รีวิวคอนโด

Niche MONO Tiwanon ครั้งแรกของคอนโดพร้อม CO-CREATION SPACE ครบวงจร : รีวิวคอนโด

คอนโดมิเนียมเป็นที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับคนเมือง เพราะตอบโจทย์ชีวิตได้อย่างลงตัว และเมื่อตัดสินใจจะซื้อคอนโดฯ แล้ว เรื่องของการเลือกทำเล, แบรนด์, พื้นที่ส่วนกลาง ตลาดจนไปถึงการออกแบบตกแต่งถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งของเจ้าของก็ว่าได้ นั่นเพราะการได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เรารัก ดูสวยงามในสไตล์ที่เราชอบและอยากให้เป็นในแบบที่ต้องการมันคือความสุขทางใจอย่างหนึ่ง ซึ่งคอนโดที่เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างในวันนี้คือ โครงการ “Niche MONO Tiwanon (นิช โมโน ติวานนท์)” จาก เสนา ดีเวลลอปเมนท์ คอนโดมิเนียมแบรนด์หรูใหม่ล่าสุดในย่านติวานนท์ที่มี Co-Creation Space แบบครบวงจร อีกทั้งยังอยู่ใกล้ MRT สายสีม่วง สถานีกระทรวงสาธารณสุข เพียง 50 เมตร เรียกได้ว่าเดินทางสะดวกสบายเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวกสบาย โครงการ “นิช โมโน ติวานนท์” ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ตัวโครงการอยู่ติดถนนถนนติวานนท์ ฝั่งเลขคู่ ซอยติวานนท์ 8 อยู่ใกล้กับกระทรวงสาธารณสุข และ MRT สถานีกระทรวงสาธารณสุขเลยค่ะ ซึ่งก็สะดวกทั้งคนมีรถส่วนตัวและไม่มี สำหรับการเดินทางโดยรถยนต์นั้นถือมีตัวเลือกมากมายทีเดียวค่ะ เพราะมีถนนสายสำคัญให้เลือกใช้อยู่หลายสายทั้งถนนรัตนาธิเบศร์ และถนนงามวงศ์วาน หากอยากหลบหนีช่วงเวลาที่จราจรติดขัดบริเวณแยกแครายก็สามารถใช้ทางด่วนพิเศษศรีรัช ขั้นที่ 2 (ถนนงามวงศ์วาน) โดยวิ่งผ่านเข้าไปในกระทรวงสาธารณสุขได้เลย หรือถ้าใครอยากจะเข้าเมืองไปแถวๆ ย่านรัชดาก็สามารถใช้ถนนกรุงเทพนนท์ได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เส้นทางสะพานพระราม 5 วิ่งไปราชพฤกษ์ได้อีกด้วย แถมถ้าอยากออกนอกเมืองก็สามารถวิ่งไปปทุมธานีโดยใช้ถนนติวานนท์วิ่งผ่านปากเกร็ดก่อน ซึ่งเส้นนี้ก็ไปแจ้งวัฒนะได้ด้วยนะคะ แต่ถ้าจะไปบางใหญ่ หรือบางบัวทองก็ต้องใช้เส้นรัตนาธิเบศร์เป็นหลักค่ะ มาต่อกันที่การเดินทางด้วยรถสาธารณะนับว่าเป็นเรื่องสะดวกมากๆ เนื่องจากตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ บรรยากาศจึงค่อนข้างคึกคัก มีรถโดยสารวิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็น รถเมล์, แท็กซี่ และมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ทั้งนี้ตัวโครงการยังอยู่แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งห่างจากบันไดทางขึ้น MRT กระทรวงสาธารณสุข เพียง 50 เมตรเท่านั้น เรียกว่าเดินเท้าได้สบายๆ หรือถ้าใครอยากโดยสารทางน้ำก็สามารถเลือกใช้เรือที่ท่าน้ำนนท์ ต้นทางของเรือด่วนเจ้าพระยา โดยท่าเรือที่อยู่ใกล้ตัวโครงการที่สุดคือท่าเรือพิบูลย์สงครามแค่ 2.9 กิโลเมตร ซึ่งก็ตอบโจทย์คนไม่มีรถส่วนตัวได้ดีทีเดียว ในส่วนของอาหารการกินก็จัดว่าสะดวกสบายไม่แพ้กัน ด้วยความที่เป็นแหล่งงานและชุมชนจึงมีร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปจนถึงตลาดสดให้เลือกจับจ่ายใช้สอยมากมายทั้งตลาดกระทรวงสาธารณสุข และตลาดพระราม 5 แถมพิกัดของห้างสรรพสินค้าชั้นนำยังอยู่ไม่ไกลเลยทั้ง Big C ติวานนท์, Lotus รัตนาธิเบศร์, พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า งามวงศ์วาน, เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, เซ็นทรัลพลาซ่า รัตนาธิเบศร์ และ Esplanade งามวงศ์วาน  แถมบริเวณโดยรอบยังแวดล้อมไปด้วยสถานศึกษา, สถานพยาบาลชั้นนำ รวมไปจนถึงสวนสาธารณะมากมาย อาทิ อุทยานมกุฏรมยสราญ, สวนสาธารณะในกระทรวงสาธารณสุขที่มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ เป็นต้น 1. เริ่มต้นการเดินทางวันนี้เรานั่งรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง มาลงที่สถานีกระทรวงสาธารณะสุข สำหรับทางออกไปโครงการจะอยู่ที่ทางออก 1 นะคะ 2. เมื่อเดินลงมาด้านล่างแล้วจะเจอกับถนนใหญ่ค่ะ ซึ่งทางไปโครงการนั้นต้องเดินไปทางฝั่งขวามือคือซอยติวานนท์ 6 ค่ะ 3. ระหว่างทางเดินไปโครงการก็จะมีร้านซ่อมรถและติดตั้งอุปกรณ์เกี่ยวกับรถยนต์ต่างๆ 4. เดินถัดมาอีกนิดก็พบกับร้านค้าอยู่หลายร้านเหมือนกันค่ะ 5. นอกจากร้านค้าแล้วยังมีร้านอาหารให้ฝากท้องอยู่หลายร้านเลย 6. เดินตรงไปเรื่อยๆ ข้ามคลองเล็กๆ มานิดเดียว สังเกตป้ายซอยติวานนท์ 8 ก็ถึงโครงการแล้วค่ะ 7. ตอนนี้ตัวโครงการยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างนะคะ จะเป็นส่วนของ Sales Gallery ก่อน 8. บริเวณหน้าโครงการมีป้ายรถเมล์พอดิบพอดี ซึ่งสะดวกมากสำหรับลูกบ้านที่ไม่ใช้รถส่วนตัว แถมยังมีจุดกลับรถในระยะใกล้ๆ อีกด้วย   ภาพรวมโครงการ โครงการ “นิช โมโน ติวานนท์” เป็นคอนโด High Rise สูง 36 ชั้น จำนวน  1 อาคาร บนพื้นที่ 2 ไร่กว่า แบ่งออกเป็นที่พักอาศัย 526 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต รองรับที่จอดรถได้ประมาณ 39% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) เรียกว่าเป็นที่อยู่อาศัยแห่งอนาคตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนไทยยุคใหม่ได้ดีที่สุดและสมบูรณ์ในทุกด้าน เพราะสิ่งที่ทำให้โครงการแห่งนี้น่าจับตามองนอกจากเรื่องทำเลที่ดีแสนสะดวกสบาย สามารถเดินจากประตูโครงการเพียงแค่ 50 เมตร ก็ถึงรถไฟฟ้า MRT สถานีกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ทางโครงการยังนำประสบการณ์ในด้านพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยเข้าใจความต้องการของลูกบ้านอย่างแท้จริง มาผสานเข้ากับความช่ำชองในการพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้อยู่อาศัย โดยติดตั้งโซลาร์ และ EV Charger ไว้ในโครงการ ในขณะที่ห้องชุดและรูปแบบของตัวตึกถูกออกแบบด้วยรสนิยมที่โดดเด่นไม่เหมือนใครในย่านติวานนท์ จากการคำนึงถึงความนำสมัยที่มีแบบฉบับเฉพาะตัว ด้วยการใช้โทนสี Monochrome ไล่เฉดสีขาว ดำ เทาเป็นหลัก ในขณะที่ห้องพักอาศัยก็ชูจุดเด่นด้วยการดีไซน์สไตล์ MOFF ขยายความสูงของห้องด้วยเพดานสูง 4.5 เมตร เพื่อให้ลูกบ้านได้พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น แถมยังสามารถดีไซน์ได้ในแบบของตัวเอง ซึ่งก็ให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่ห้อง Penthouse ในราคาที่เอื้อมถึงได้ ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางบอกได้คำเดียวว่าจัดเต็มแบบสุดๆ ไปเลยค่ะ เรียกว่าครบครันมากทีเดียว ซึ่งคอนเซ็ปต์ของพื้นที่ส่วนกลางถูกออกแบบโดยหลอมรวมความต้องการของลูกบ้านผสานเข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มักใช้ชีวิตแบบสังคมเข้ากับความเป็นส่วนตัว สู่รูปแบบของ Facility ครั้งแรกของคอนโดที่มี Co-Creation Space แบบครบวงจร ถึง 5 ชั้น ที่มีทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานร่วมกัน และแยกเป็นส่วนตัว เริ่มตั้งแต่ชั้นบริเวณชั้นล่างทำเป็น Private Lobby สุดหรูโดยแบ่งออกเป็น Lobby ส่วนของ Residence และ Lobby ส่วนของทำงาน มาพร้อมร้านค้า, ห้อง Mail Box, ห้องนิติ, ห้อง First Aid, Locker, Laundry, Vending Machine ต่อเนื่องมายังพื้นที่ชั้น 2 จะเป็นส่วนของ Co-Creation Space, Workshop Space, Co-Meeting Space, Mind Space และ Media Hub Space สำหรับที่จอดรถจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 3 ไปจนถึงชั้น 9 ในขณะที่ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 9 โดยบริเวณชั้น 10 จะมีสวนสีเขียวขจี พร้อมโต๊ะทำงาน Outdoor ได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ด้านนอกไว้ด้วย ส่วน Facility หลักๆ จะถูกยกไปอยู่บริเวณชั้น 35-36 ประกอบด้วย Sky Fitness ห้องออกกำลังกายลอยฟ้าพร้อม Boxing Room และ Yoga อีกทั้งยังมี BBQ Terrace, Game Room, Party Room ส่วนสระว่ายน้ำจะอยู่ที่ชั้น 36 โดยมาพร้อมสระเด็กและจากกุชชี่ นอกจากนี้ยังมี Hydro Pool ที่ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายแบบ Extremes ได้ อีกทั้งยังมี Sky Lounge และ Sunken Lounge เรียกว่าจัดเต็มเพื่อรองรับความสุขของลูกบ้านอย่างเต็มเปี่ยมก็ว่าได้ แถมยังมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และยังมีบริการ After Sales Services ซ่อม-เช่า-ขายต่อ ด้วยนะคะ Master Plan ของโครงการ แปลนพื้นที่ชั้นล่างสุด แบ่งออกเป็นสวนสวย, จุด Drop-off ก่อนจะเข้าสู่ Lobby ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Lobby ตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นที่มีกลิ่นอายคอนเทมโพรารี   แปลนของพื้นที่ชั้น 2 ที่มีส่วนกลางกระจายอยู่ภายในมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Co-Creation Space, Workshop Space, Co-Meeting Space, Media-Hub Space และ Mind Space เป็นต้น ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Co-Creation Space ชั้น 2 ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Co-Creation Space ชั้น 2 ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้น 1 โดยมีบันไดวนเป็นจุดเชื่อมกลาง ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Meeting Space ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Media-Hub Space ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Mind Space ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง WORKSHOP & ENTERTAINMENT SPACE แปลนอาคารชั้น 3-9 จะเป็นที่จอดรถทั้งหมดเลยนะคะ แปลนของพื้นที่ชั้น 10 จะเริ่มเป็นยูนิตพักอาศัยแล้วนะคะ ซึ่งที่ชั้นนี้จะมีสวนส่วนกลางมาให้ด้วย แปลนของพื้นที่ชั้น 35 นะคะ ซึ่งความพิเศษนอกจาก Facility ที่จัดเต็มแล้ว ยังมีสวนสวยพร้อมมุม BBQ Terrace อีกด้วย ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้อง CO-KITCHEN & BBQ TERRACE ภายบรรยากาศจำลองภายในห้อง SKY FITNESS แปลนของพื้นที่ชั้น 36 นะคะ ซึ่งจะรวม Facilities ส่วนกลางหลักๆ โดยจัดไว้ชั้นบนของอาคาร ต่อจากพื้นที่ส่วนกลางที่กระจายอยู่ในหลายๆ ชั้น ภาพบรรยากาศจำลอง SKY INFINITY EDGE POOL สระว่ายน้ำลอยฟ้าแบบในร่ม ภาพบรรยากาศจำลองจะเห็นได้ชัดเลยว่าตัวอาคารเห็นวิวเมืองชัดเจน ไม่มีตึกไหนมาบดบังวิว ทำให้ลูกบ้านสามารถใช้พื้นที่ส่วนกลางพร้อมชมวิวได้อย่างเต็มตา   เปิดประตูห้องตัวอย่าง โครงการ “นิช โมโน ติวานนท์” มีแบบห้องหลักๆ อยู่ 3 แบบ คือ 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 26.00 - 35.00 ตร.ม., 2 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 55.00 ตร.ม. และแบบ Moff ดีไซน์ใหม่มาพร้อมห้องเพดานสูงถึง 4.5 เมตร ให้ลูกบ้านสามารถใช้ฟังก์ชั่นอย่างคุ้มค่าในทุกตารางเมตร มีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 26.00 - 35.00 ตร.ม. โดยทุกยูนิตขายแบบ Fully Furnished มาพร้อมวัสดุและสุขภัณฑ์คุณภาพที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นชุดครัวพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, สุขภัณฑ์ และเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ซึ่งถ้าหากลูกบ้านตัดสินใจซื้อ ก็เห็นจะขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าและพร็อพตกแต่งเท่านั้นเองค่ะ ทั้งนี้ทุกยูนิตจะได้เครื่องปรับอากาศเหมือนกันหมดเลยนะคะ โดยห้อง 1 Bedroom จะได้เครื่องปรับอากาศ 2 ตัว และห้อง 2 Bedroom จะได้เครื่องปรับอากาศ 3 ตัว   สำหรับห้องตัวอย่างที่เราได้ชมคือ ห้อง 1 Bedroom Type B2 ขนาด 28 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องพักอาศัยแบบ Standard ค่ะ ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าห้องมา ต้องบอกว่าภายในห้องไม่ได้รู้สึกเล็กอย่างที่คิดเลยค่ะ ด้วยการจัดวาง Layout ให้ทุกพื้นที่สามารถใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ครบทุกฟังก์ชั่น ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น ที่จัดแบ่งพื้นที่แยกไว้อย่างเป็นสัดส่วน พร้อมแบ่งมุมรับประทานอาหารไว้อีกด้วย ในขณะที่ห้องครัวจะเป็นแบบปิด ซึ่งป้องกันเรื่องกลิ่นรบกวนได้มากขึ้นเพราะครัวอยู่ติดระเบียง สามารถเปิดประตูระเบียงช่วยระบายกลิ่นได้ดี แปลนห้อง 1 Bedroom Type B2 ขนาด 28 ตร.ม. นะคะ สำหรับประตูของห้องพักอาศัยจะเป็นแบบ Digital Door Lock ทุกยูนิตเลยค่ะ เมื่อเข้าห้องมาจะเจอห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่อยู่ติดกับมุมรับประทานอาหารเลยนะคะ ถัดเข้าไปเป็นห้อครัวแบบปิดกั้นด้วยประตูบานเลื่อนสามารถประกอบอาหารได้สบาย แถมยังมีระบายอากาศได้ดีเนื่องจากจากมีระเบียงอยู่ติดกับครัวนั่นเอง ส่วนห้องนอนจะเป็นประตูทึบและมีห้องน้ำอยู่ด้านในค่ะ บริเวณคอนโซลทีวี ทางโครงการจะบิลต์อินตู้เก็บของสูงจรดเพดานมาให้แล้วนะคะ จากภาพจะเห็นชัดเจนเลยว่าทางโครงการแบ่งฟังก์ชั่นใช้งานไว้อย่างลงตัว เพราะสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังเหลือพื้นที่พอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ด้วย สำหรับเคาน์เตอร์ครัวโครงการจะให้มาแบบนี้เลยนะคะ ผนังเหนือเคาน์เตอร์จะเป็นกระจกเคลือบสีเทาดำ ข้อดีคือสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดง่ายเวลาประกอบอาหาร เคาน์เตอร์ครัวมีลิ้นชักที่มีตัวแบ่งช่องสำหรับเก็บช้อนส้อม ส่วนชั้นล่างลิ้นชั้นนั้นจะเป็นช่องสำหรับวางไมโครเวฟค่ะ ด้านบนออกแบบให้เป็นตู้ลอยแบบบานเปิดไว้สำหรับเก็บของค่ะ ซึ่งมีความพิเศษตรงที่สามารถเลื่อนออกมาเก็บจานชามได้ ด้านในสุดของครัวจะติดระเบียงนะคะ มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้น ข้อดีที่ระเบียงอยู่ติดครัวก็สามารถลดกลิ่นและระบายอากาศเวลาประกอบอาหารได้ดี พื้นที่ระเบียงด้านนอกค่อนข้างกว้างขวางทีเดียวค่ะ สามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ โดยทางโครงการจะติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ที่ด้านบนนะคะ ข้อดีคือไม่เปลืองเนื้อที่นั่นเองค่ะ ออกมาจากครัวมาต่อที่ห้องนอนกันบ้าง ภายในห้องนอนถูกจัดสรรให้เป็นพื้นที่พักผ่อนอย่างเต็มที่เลยนะคะ จะเห็นได้ว่าพื้นที่โดยรอบเตียงนั้นสามารถเดินได้อย่างสบายๆ แถมยังเหลือพื้นที่ด้านข้างไว้เป็นมุมทำงานอีกด้วย มุมมองกลับเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดนะคะ จะเห็นว่าทางโครงการกรุหน้าต่างกระจกใสเชื่อมกับห้องนอนเพื่อเพิ่มความโปร่งโล่งให้แก่ห้องมากขึ้น แถมยังบิลต์อินตู้เสื้อผ้ามาให้เรียบร้อยแล้ว ติดกับตู้เสื้อผ้านั้นเป็นห้องน้ำค่ะ สำหรับตู้เสื้อผ้าจะเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นนะคะ คือนอกจากจัดเก็บเสื้อผ้าได้แล้วยังสามารถเก็บเครื่องประดับได้ด้วย ภายในห้องน้ำแบ่งแยกพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจน ส่วนเปียกจะเป็นกระจกกั้นนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ยกธรณีสูงขึ้นประมาณนึงเพื่อกันน้ำเปียกมายังโซนแห้ง บริเวณโซนเปียก ทางโครงการเจาะช่องด้านในไว้ให้ลูกบ้านได้วางของใช้ส่วนตัว และกรุที่นั่งอาบน้ำตามสไตล์คนญี่ปุ่นมาให้เรียบร้อยแล้ว   ห้องตัวอย่างถัดมาที่เราได้ชมคือ ห้อง 1 Bedroom Type B2 ขนาด 28 ตร.ม. ห้องพักอาศัยแบบ MOFF ดีไซน์ใหม่มาพร้อมเพดานสูงถึง 4.5 เมตร ภายในแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างชัดเจน สำหรับห้องนี้เปิดประตูมาจะเจอส่วนครัวก่อน ตรงข้ามครัวจะเป็นตู้เก็บของและห้องน้ำ ก่อนจะมีประตูบานเลื่อนต่อเนื่องไปยังโถงกลางที่กว้างพอสำหรับวางวางโซฟาตัวยาวในส่วนของ Living Area ได้สบายๆ อีกทั้งยังสามารถแบ่งพื้นที่สำหรับมุมทำงานหรือมุมรับประทานอาหาร และระเบียงได้ด้วย ในขณะที่ห้องนอนจะมีบันไดทำหน้าที่เชื่อมต่อไปถึงด้านบน ซึ่งจัดพื้นที่มาให้แบบกำลังดี สามารถวางเตียงนอนขนาด 5-6 ฟุตได้ แต่ทางโครงการจะให้เตียงขนาด 5 ฟุตมาแล้วค่ะ ขาดแต่ฟูกเท่านั้น ซึ่งยังมีพื้นที่ด้านข้างเหลือสบายๆ แถมยังวางโต๊ะข้าง, ตู้เสื้อผ้า และมีห้องเก็บของเล็กๆ ให้ด้วยค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom Type B2 ขนาด 28 ตร.ม. แบบ MOFF นะคะ เปิดประตู Digital Door Lock เข้ามาจะเจอส่วนครัวก่อนเลยค่ะ ซึ่งชุดเคาน์เตอร์ครัวลูกบ้านจะได้ทุกอย่างตามนี้เลยนะคะ จะเว้นก็เพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น สำหรับเคาน์เตอร์ครัวโครงการจะให้มาแบบนี้เลยนะคะ ผนังเหนือเคาน์เตอร์จะเป็นกระจกเคลือบสีเทา ข้อดีคือสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดง่ายเวลาประกอบอาหาร ทางโครงการบิลต์อินตู้ลอย พร้อมออกแบบที่เก็บจานมาให้เรียบร้อยแล้วนะคะ นอกจากเว้นที่ไว้สำหรับวางตู้เย็น และช่องไมโครเวฟแล้ว ลิ้นชักยังมีช่องเก็บช้อนส้อมรวมถึงอุปกรณ์ครัวด้วยนะคะ พื้นที่ตรงข้ามกับ Pantry ครัว ทางโครงการจะบิลต์อินตู้เก็บของสูงจรดเพดานไว้บริเวณหน้าห้องน้ำนะคะ มาในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง เดินเข้ามาจะพบกับอ่างล่างมือก่อนเลยค่ะ ตรงกลางจะเป็นสุขภัณฑ์ มีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ ฝั่งด้านขวามือเป็นพื้นที่อาบน้ำ กั้นกลางด้วยกระจกใส ผนังภายในห้องน้ำกรุด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนนะคะ บริเวณโซนเปียก ทางโครงการก็ได้เจาะช่องด้านในไว้ให้ลูกบ้านได้วางของใช้ส่วนตัว และกรุที่นั่งอาบน้ำตามสไตล์คนญี่ปุ่นมาให้เช่นเดียวกับห้องตัวอย่างแรก ออกมาจากห้องน้ำ เปิดประตูบานเลื่อน 3 ตอนเข้ามาในบริเวณนั่งเล่นกันบ้างดีกว่าค่ะ ซึ่งเป็นแบบ Double Volume มีความสูง 4.5 เมตร จากภาพจะเห็นว่าระยะห่างจากโซฟาถึงทีวีนั้นกำลังดีเลยนะคะ แถมยังเหลือพื้นที่ตรงกลางอีกเยอะเลย ในส่วนของคอนโซลทีวี ทางโครงการได้บิลต์อินให้อยู่ติดกับบันไดทางขึ้นไปห้องนอนค่ะ พื้นที่ติดกันนั้นเป็นห้องเก็บของใต้บันไดค่ะ มุมนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังมีความโปร่งโล่งชวนพักผ่อนเนื่องจากโอบล้อมด้วยประตูและหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งเป็นประตูบานเลื่อนสามารถเปิดไปรับลมที่ระเบียงได้ ระเบียงมีขนาดกว้างกำลังดี สามารถวางราวตากผ้าได้ โดยทางโครงการจะติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ที่ด้านบนไม่ให้เปลืองเนื้อที่นะคะ กลับเข้ามาด้านใน พื้นที่ใกล้กับบันไดสามารถจัดเป็นมุมรับประทานอาหารได้สบายๆ มุมมองจากโต๊ะรับประทานอาหารกลับเข้าไปด้านในห้องนะคะ จะเห็นว่าภายในห้องดูสูงโปร่ง แบ่งฟังก์ชั่นใช้งานเป็นสัดส่วนชัดเจน เหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างแท้จริง เดินไต่บันไดขึ้นมาจะพบกับตู้เสื้อผ้าก่อนเลยค่ะ ซึ่งทางโครงการบิลต์อินมาให้เรียบร้อยแล้ว แถมยังออกแบบให้สามารถจัดเก็บได้ตั้งแต่เสื้อผ้า, รองเท้า และเครื่องประดับ บริเวณเตียงนอนได้รับการออกแบบให้ดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ผนังด้านหลังเตียงเป็นเพียงการตกแต่งนะคะ ห้องจริงจะได้เป็นผนังฉาบเรียบเท่านั้น นอกจากนี้พื้นที่รอบเตียงสามารถเดินได้โดยรอบเลยนะคะ แถมยังมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงอีกด้วย พื้นที่ลึกเข้าไปด้านในทางโครงการออกแบบให้เป็นห้องเก็บของนะคะ ซึ่งก็เหมาะสำหรับหนุ่มสาวที่มีของใช้เยอะ เพราะสามารถจัดเก็บได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เรียกว่าใช้พื้นที่คุ้มค่าจริงๆ ค่ะ มุมมองกลับลงมาจากส่วนพักผ่อนนะคะ   สำหรับห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราจะพาไปดู เป็นห้อง 1 Bedroom Type D1 ขนาด 35.00 ตร.ม. ลักษณะแปลนเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส เมื่อเดินเข้าไปด้านในให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายตา การจัดแบ่งพื้นที่ก็เป็นสัดส่วนชัดเจน เปิดห้องเข้ามาเจอส่วนครัวก่อนเลย และมีประตูบานเลื่อนที่กั้นไว้ก่อนเข้าห้องด้านใน พื้นที่ภายในเป็นส่วนพักผ่อนอย่างห้องนอนและมุมนั่งเล่น พื้นที่ในสุดเป็นระเบียง ประตูห้องนอนจะได้แบบบานเลื่อน 3 ตอน สามารถเปิดปิดแยกส่วนจากห้องนั่งเล่นได้ ในห้องนอนมีพื้นที่วางโต๊ะ, ตู้, เตียง ได้ครบ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอนนะคะ ซึ่งในห้องตัวอย่างทางโครงการก็ตกแต่งแบบจัดเต็มเพื่อให้เราได้เห็นฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องได้อย่างชัดเจนมากขึ้น แต่ห้องที่ขายจริงจะเป็นห้องโล่งๆ ที่ได้เพียงผนังฉาบเรียบสีขาว กับ Fully Furnished ตามมาตรฐานที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้นค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom Type D1 ขนาด 35.00 ตร.ม. สำหรับไทป์นี้เปิดประตู Digital Door Lock เข้ามาจะเจอครัวก่อนเหมือนห้องตัวอย่างที่สองเลยค่ะ โดยครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นและไมโครเวฟมาให้แล้วด้วย ด้านบนออกแบบให้เป็นตู้ลอยแบบบานเปิดไว้สำหรับเก็บของค่ะ ซึ่งก็มีที่เก็บจานและอุปกรณ์ได้มากมาย รวมถึงการออกแบบที่สามารถยืดอุปกรณ์ออกมาใช้งานได้ด้วย พื้นที่ฝั่งตรงข้ามบริเวณข้างประตูเข้าออกจะเป็นตู้เก็บของบิลต์อินจรดเพดานเลยนะคะ ซึ่งก็มีพื้นที่ด้านข้างเหลือพอสำหรับติดราวแขวน เปิดประตูบานเลื่อนเข้ามาด้านในส่วนพักผ่อนจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ ติดกับประตูบานเลื่อนจะเป็นมุมรับประทานอาหารเล็กๆ ก่อนจะถัดเข้าไปด้านในจะเป็นส่วนนั่งเล่นที่มาพร้อมคอนโซลทีวี แถมมีระยะห่างกำลังดี สามารถวางโต๊ะกลางได้ พื้นที่ในสุดทางขวาจะเป็นมุมทำงานค่ะ พื้นที่ติดกับมุมนั่งเล่นจะเป็นห้องนอนนะคะ โดยมีประตูบานเลื่อนกั้นกลางเมื่อเลื่อนมาปิดก็จะให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวขึ้นมาทันที โซฟาจะเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นนะคะ คือนอกจากใช้นั่งพักผ่อนแล้ว ยังถูกออกแบบมาให้เก็บของได้อีกด้วย พื้นที่ต่อเนื่องจากมุมนั่งเล่นเข้าไปข้างในจะเป็นห้องนอนและห้องน้ำนะคะ ซึ่งภายในห้องโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใส ทำให้มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามามากพอ ไม่ต้องพึ่งแสงประดิษฐ์ในเวลากลางวัน บริเวณหน้าห้องน้ำจะเป็นมุมแต่งตัวนะคะ ตู้เสื้อผ้าจะบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยคะซึ่งลูกบ้านจะได้มาพร้อมกับห้องเลยค่ะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจนนะคะ ตกแต่งห้องน้ำโทนสีสว่างให้ความรู้สึกอบอุ่น จากรูปจะเห็นได้ว่าพื้นที่ส่วนเปียกนั้นยกธรณีสูงขึ้นมาหนึ่งเสต็ปนะคะเพื่อกันน้ำกระเด็นนั่นเอง พื้นที่ส่วนเปียกถูกออกแบบไว้รองรับการใช้งานได้อย่างเต็มที่ เพราะทางโครงการเจาะช่องวางของไว้ให้ที่ผนังถึงสองด้าน แถมยังกรุที่นั่งอาบน้ำแบบชาวญี่ปุ่นไว้ให้แล้วเรียบร้อย พื้นที่ห้องนอนมีขนาดกว้างกำลังดีเลยนะคะ สามารถจัดวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบาย โดยเหลือพื้นที่เดินได้โดยรอบด้วยค่ะ ซึ่งพื้นที่ติดกับเตียงนั้นจะเป็นระเบียงให้ออกไปสัมผัสธรรมชาติยามเช้าได้ พื้นที่ระเบียงด้านนอกค่อนข้างกว้างขวางทีเดียวค่ะ สามารถวางเครื่องซักผ้าและราวตากผ้าได้สบายๆ เพราะทางโครงการติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ที่ด้านบนเรียบร้อยแล้ว ทำให้ไม่เปลืองเนื้อที่และใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่านั่นเองค่ะ   ด้วยทำเลใกล้ MRT สายสีม่วง สถานีกระทรวงสาธารณสุข เพียง 50 เมตร ติดถนนติวานนท์ ย่านชุมชนและแหล่งงานสำคัญของเมืองไทย อีกทั้งยังรายล้อมด้วยสาธารณูปโภคครบครันทั้ง สถานศึกษาชั้นนำ, สถานพยาบาลชั้นนำ, ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และสวนสาธารณะสีเขียวขจีที่นับวันยิ่งหายากในเมืองหลวงแบบนี้ โครงการ “นิช โมโน ติวานนท์” จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการคุณภาพที่ถูกจับตามองมากที่สุดโครงการหนึ่ง อย่างที่แจ้งไปแล้วว่าทางโครงการจะขายห้องมาให้แบบ Fully Furnished ดังนั้นห้องพักอาศัยทุกยูนิตก็จะมี ชุดครัวที่มาพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, อ่างล้างจาน รวมถึงสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ, เฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน และเครื่องปรับอากาศถึง 2 ตัว แถมยังจัดเต็มพื้นที่ส่วนกลางโดยมี Co-Creation Space แบบครบวงจรแห่งแรกในย่านติวานนท์ ซึ่งทางโครงการประกาศราคาเริ่มต้นมาที่ 2.4 ล้านบาท ถ้าเทียบกับคอนโดมิเนียมในย่านเดียวกันแล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าแก่การลงทุนมากเลยนะคะ เพราะแนวโน้มในการเติบโตของทำเลค่อนข้างดีในอนาคต ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือเก็งกำไรยังไงก็คุ้มค่า
Knightsbridge Tiwanon เพิ่มพื้นที่แห่งความสุข เพื่อชีวิตที่เพียบพร้อมกว่าใคร : รีวิวคอนโด

Knightsbridge Tiwanon เพิ่มพื้นที่แห่งความสุข เพื่อชีวิตที่เพียบพร้อมกว่าใคร : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาทุกคนนั่งรถไฟฟ้าสายสีม่วงไปดูห้องตัวอย่างของคอนโดมิเนียมใหม่ ที่อยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้ MRT สถานีกระทรวงสาธารณสุขเพียง 70 เมตร ซึ่งกำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในย่าน “ติวานนท์” จาก ออริจิ้น พร๊อพเพอร์ตี้ ซึ่งเลือกปักหมุดบนทำเลศักยภาพติดแนวรถไฟฟ้า ภายใต้ Top Brand อย่าง Knightsbridge กับโครงการ “Knightsbridge Tiwanon (ไนท์บริดจ์ ติวานนท์)” ด้วยแนวคิดใหม่เพิ่มพื้นที่การอยู่อาศัยให้มากกว่าใคร มาพร้อมห้องเพดานสูงถึง 4.2 เมตร ให้ลูกบ้านสามารถใช้ฟังก์ชั่นอย่างคุ้มค่าในทุกตารางเมตรแห่งความสุขได้ที่นี่..     ศักยภาพทำเลดี ติดถนนใหญ่ สำหรับโครงการ “ไนท์บริดจ์ ติวานนท์” ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจมากเลยนะคะ ตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ (ถนนติวานนท์) ระหว่างซอยติวานนท์ 8 และซอยติวานนท์ 10 ซึ่งอยู่ใกล้กับกระทรวงสาธารณสุข และ MRT สถานีกระทรวงสาธารณสุขเลยค่ะ การเดินทางของคนมีรถยนต์ก็จัดว่าสะดวกสบายทีเดียว เพราะมีถนนสายสำคัญให้เลือกใช้อยู่หลายสายเหมือนกัน ทั้งถนนรัตนาธิเบศร์ และถนนงามวงศ์วาน หากใครอยากหนีรถติดบริเวณแยกแครายก็สามารถใช้ทางด่วนศรีรัช ขั้นที่ 2 (ถนนงามวงศ์วาน) โดยวิ่งผ่านเข้าไปในกระทรวงสาธารณสุขได้เลย หรือถ้าใครมีธุระจะเข้าเมืองไปย่านรัชดาก็สามารถใช้ถนนกรุงเทพนนท์ได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เส้นทางสะพานพระราม 5 วิ่งไปราชพฤกษ์ได้อีกด้วยค่ะ ส่วนใครที่อยากออกนอกเมืองก็สามารถวิ่งไปปทุมธานีโดยใช้ถนนติวานนท์วิ่งผ่านปากเกร็ดก่อน ซึ่งเส้นนี้ก็ไปแจ้งวัฒนะได้ด้วยนะคะ แต่ถ้าจะไปบางใหญ่ หรือบางบัวทองก็ต้องใช้เส้นรัตนาธิเบศร์เป็นหลักค่ะ ทั้งนี้การเดินทางด้วยรถสาธารณะก็เป็นเรื่องที่สะดวกสุดๆ ค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ บรรยากาศจึงค่อนข้างคึกคัก มีรถโดยสารวิ่งผ่านไปมาตลอดทั้งรถเมล์ รถตู้ แท็กซี่ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง เรียกว่าตอบโจทย์คนไม่มีรถส่วนตัวได้ดี เพราะมีตัวเลือกในการเดินทางมากทีเดียว แถมจุดเด่นของโครงการยังอยู่แนวรถไฟฟ้า ห่างจาก MRT กระทรวงสาธารณสุข เพียง 70 เมตรเท่านั้น เรียกว่าเดินเท้าได้สบายๆ เลยค่ะ ในเรื่องของอาหารการกินก็ไม่น้อยหน้า ด้วยความที่เป็นแหล่งงานและชุมชนจึงมีร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปจนถึงตลาดสดให้เลือกจับจ่ายใช้สอยมากมายทั้งตลาดกระทรวงสาธารณสุข และตลาดพระราม 5 แถมพิกัดของห้างสรรพสินค้าชั้นนำยังอยู่ไม่ไกล อาทิ เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์, เอสพลานาด รัตนาธิเบศร์, บิ๊กซี ติวานนท์ และเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่หลากหลายทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ภายในกระทรวงสาธารณสุขยังมีพื้นที่สีเขียว และแหล่งอำนวยความสะดวกของคนย่านติวานนท์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะ, สนามกีฬา หรือตลาดนัดขนาดใหญ่ ก็ล้วนแต่เหมาะกับการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง 1. เริ่มต้นการเดินทางวันนี้เรานั่งรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง มาลงที่สถานีกระทรวงสาธารณะสุขนะคะ 2. สำหรับทางออกไปโครงการ ไนท์บริดจ์ ติวานนท์ จะอยู่ที่ทางออก 1 นะคะ 3. เมื่อแตะบัตรเดินตามป้ายมา จากบนสถานีก็มองเห็นตัวโครงการแล้วค่ะ ซึ่งอยู่ใกล้มากๆ 4. เมื่อเดินลงมาด้านล่างแล้วจะเจอกับถนนใหญ่นะคะ ซึ่งทางไปโครงการนั้นต้องเลี้ยวไปทางฝั่งขวามือค่ะ 5. ระหว่างทางเดินไปโครงการ ก็จะมีร้านอาหารให้ฝากท้องอยู่หลายร้านเหมือนกันค่ะ 6. บริเวณหน้าโครงการมีป้ายรถเมล์พอดิบพอดี ซึ่งสะดวกมากสำหรับลูกบ้านที่ไม่ใช้รถส่วนตัว 7. นอกจากจะมีป้ายรถเมล์อยู่หน้าโครงการแล้ว ยังมีจุดกลับรถในระยะใกล้ๆ อีกด้วย 8. บรรยากาศในโครงการค่อนข้างร่มรื่นทีเดียวค่ะ พื้นที่รอบตัวอาคารนั้นถูกออกแบบให้เป็นที่วนรถรอบตึก สามารถจอดรถจะในอาคารได้ตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 6 ถัดเข้ามาด้านในก็จะเป็นส่วนของ Lobby แล้วค่ะ   ภาพรวมโครงการ โครงการ “ไนท์บริดจ์ ติวานนท์” เป็นคอนโด High Rise สูง 25 ชั้น จำนวน  1 อาคาร บนพื้นที่ 1-2-83 ไร่ แบ่งออกเป็นที่พักอาศัย 373 ยูนิต ในความเป็นส่วนตัวเพียง 21 ยูนิตต่อชั้น และรองรับที่จอดรถได้ประมาณ 47% (รวมจอดซ้อนคัน) ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Affordable Premium Condo ชูจุดขายด้วยการขยายความสูงของห้องด้วยเพดานสูง 4.2 เมตร เพื่อให้ลูกบ้านได้พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น แถมยังสามารถดีไซน์ได้ในแบบของตัวเอง ซึ่งก็ให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่ห้อง Penthouse เลยทีเดียว ในขณะที่ตัวอาคารก็ยังได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเป็นอย่างดี ทั้งการดีไซน์ที่ทันสมัยด้วยการใช้โทนสี Monochrome ไล่เฉดสีขาว ดำ เทาเป็นหลัก ซึ่งก็ถือว่าสวยงามอย่างมีสไตล์ สะท้อนความเป็น Top Brand ของ ออริจิ้น ที่มักสร้างคอนโดมิเนียมหรู ดีไซน์ล้ำกว่าใคร ในราคาคุ้มค่าที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก ในส่วนของ Facility เรียกได้ว่าจัดเต็มจริงๆ ค่ะ เริ่มตั้งแต่บริเวณชั้นล่างที่ทำเป็น Lobby สุดหรู ออกแบบให้เป็น Super high ceiling lobby ที่มีเพดานสูงถึง 6 เมตร พื้นที่ชั้น 2-6 จะเป็นที่จอดรถทั้งหมด โดยสามารถจอดรถประมาณ 144 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ส่วนพื้นที่ตั้งแต่ชั้น 7 เป็นต้นไปจะเริ่มเป็นยูนิตของห้องพักอาศัยค่ะ สำหรับ Facility หลักๆ นั้นจะถูกยกไปไว้ที่ชั้น 25 ทั้งหมด ซึ่งมาพร้อม Sky swimming pool สระว่ายน้ำเทควิวขอบฟ้า ที่เชื่อมต่อพื้นที่ส่วนกลางลอยฟ้าถึง 3 ชั้น บน Roof Top Garden สวนชมวิวบนดาดฟ้าอันแสนร่มรื่นที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของโครงการเลยก็ว่าได้ค่ะ นอกจากนี้ยังมี Fitness และ Sky lounge มุมพักผ่อนและพบประสังสรรค์ของลูกบ้าน ที่ล้วนแต่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี เปิดประตูเข้าด้านในอาคาร จะพบกับบริเวณ Lobby ซึ่งมาในคอนเซ็ปต์ Super High Ceiling Lobby ดูโอ่อ่าและสูงโปร่ง ด้วยขนาดของพื้นที่บริเวณ Lobby มีขนาดกว้างมากพอจะจัดมุมรับแขกได้หลายจุด หากลูกบ้านมีแขกมาเยี่ยมเยียนก็สามารถนั่งรอที่บริเวณล็อบบี้ได้สบายๆ แปลนพื้นที่บริเวณชั้น 7 นะคะ ซึ่งจะเริ่มเป็นที่พักอาศัยไปจนถึงชั้น 24 แต่จุดเด่นของชั้นนี้จะส่วนของพื้นที่สีเขียวอย่างสวนพักผ่อนรวมอยู่ในชั้นเดียวกันด้วย บรรยากาศของพื้นที่สวนสีเขียวบริเวณชั้น 7 ซึ่งลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นชิลล์ๆ ได้อย่างสบายใจเลยค่ะ วิวเมืองบริเวณสวนชั้น 7 ก็จะประมาณนี้ค่ะ ซึ่งลูกบ้านสามารถมองวิวรอบด้านได้ถึง 270 องศาเลยล่ะ แปลนพื้นที่บริเวณชั้น 25 นะคะ ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของตัวอาคาร ประกอบไปด้วยพื้นที่ส่วนกลางหลักๆ อย่าง Sky swimming pool, Fitness, Sky family lounge และ สวนพักผ่อนชมวิว แถมห้อง Fitness จะอยู่สูงถัดขึ้นไปอีกชั้น ทำให้มุมมองจากพื้นที่ในส่วนนี้สามารถมองเห็นวิวของสระว่ายน้ำและวิวมุมสูงบริเวณรอบๆ โครงการได้อย่างจุใจ เดินเข้ามาในส่วนของ Sky family lounge ที่ดูโอ่อ่าและกว้างขวาง แถมยังไร่เรียงพื้นที่แบบ 3 ระดับ โดยมีบันไดต่อเนื่องไปยังส่วนของ Privacy Fitness ภายใน Sky family lounge จัดที่นั่งไว้สำหรับรองรับลูกบ้านหลายมุมเลยค่ะ มุมมองจากโถงกลางเข้าไปจะเห็นว่าพื้นที่ของ Sky family lounge ได้รับการออกแบบให้ดูสูงโปร่งด้วยเพดานแบบ Double Volume เพื่อให้ลูกบ้านได้พักผ่อนอิ่มเอมไปกับบรรยากาศที่เหนือกว่าคอนโดใดๆ ด้วยวิวแบบพาโนรามา ซึ่งผนังโดยรอบเป็นกระจกสูงขึ้นไปเสมอฝ้าเลยค่ะ ภายในจึงสว่างและโปร่ง เหมาะแก่การพักผ่อนมาก พื้นที่บาร์ขนาดกะทัดรัดที่ออกแบบไว้สำหรับรองรับปาร์ตี้เล็กๆ ของลูกบ้าน เดินไต่บันไดขึ้นมาในส่วนของ Privacy Fitness ภายในห้องโอบล้อมด้วยกระจกใส ให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไปด้วยชมวิวไปด้วยได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในห้องฟิตเนสเต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายอย่างครบครันเลยนะคะ ออกมาจาก Sky family lounge จะมีประตูกระจกใสกั้น Sky swimming pool ไว้นะคะ ผลักออกไปจะเจอสระว่ายน้ำระบบเกลือ ที่มีความกว้าง 14 x 6 เมตร เวลาลูกบ้านใช้สระว่ายน้ำก็จะได้ชมวิวเมืองแบบนี้เลยนะคะ มุมมองจากนอกอาคารจะเห็นว่าพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ ไนท์บริดจ์ ติวานนท์ สามารถมองเห็นวิวเมืองอย่างกว้างไกล และไม่มีอะไรมาบดบังเลยนะคะ   เปิดประตูห้องตัวอย่าง มาดูในส่วนของห้องพักอาศัยกันบ้างดีกว่าค่ะ สำหรับโครงการ “ไนท์บริดจ์ ติวานนท์” อย่างที่บอกไปข้างต้นว่ามียูนิตรวมทั้งหมด 373 ยูนิต แบ่งออกเป็นห้องพักอาศัยแบบธรรมดา Mono Type 1 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 25.9 – 33.9 ตร.ม., 1 Bedroom Plus ขนาดตั้งแต่ 43.40 ตร.ม., 2 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 51.4 – 58.4 ตร.ม. และห้องพักอาศัยดีไซน์พิเศษด้วยเพดานสูงถึง 4.2 เมตร โดยแบ่งออกเป็น 1 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 25.9 – 33.8 ตร.ม., 1 Bedroom Plus ขนาดตั้งแต่ 42.8 ตร.ม., 2 Bedroom  ขนาดตั้งแต่ 51.4 – 58.0 ตร.ม. ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของโครงการเลยก็ว่าได้   ภายในห้องแต่ละยูนิตมีจุดเด่นคือฟังก์ชั่นที่เป็นสัดส่วน ถูกออกแบบมาเพื่อความโปร่งโล่ง สบาย โดยแยกพื้นที่นั่งเล่น ครัวและห้องนอนออกจากกัน ซึ่งจะต่างจากคอนโดทั่วไปในย่านนี้อย่างเห็นได้ชัดเลยนะคะ เพราะราคาระดับนี้แทบจะไม่มีโครงการไหนทำห้องครัวแบบปิดแยกออกมาเลยค่ะ ส่วนใหญ่ก็มีแค่ Pantry เล็กๆ เท่านั้น นอกจากนี้ห้องทุกยูนิตของโครงการ ยังเปิดขายมาแบบ Fully Furnished ด้วยค่ะ เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องก็ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้สอยของลูกบ้านได้เป็นอย่างดี และทุกยูนิตจะได้แอร์ 2 ตัว โดยติดตั้งไว้ในห้องนั่งเล่นและห้องนอนเหมือนกันเลยนะคะ   สำหรับห้องตัวอย่างห้องแรกที่เราได้ชมก็คือ 1 Bedroom ขนาด 33.20 ตร.ม ซึ่งเป็นห้องพักอาศัยแบบธรรมดาค่ะ ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าห้องมา ต้องบอกว่าภายในห้องกว้างขวางทีเดียวค่ะ ด้วยการจัดวาง Layout ให้ทุกพื้นที่สามารถใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ครบทุกฟังก์ชั่น ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องครัวที่จัดแบ่งพื้นที่แยกไว้อย่างสัดส่วน ห้องครัวจะเป็นแบบปิด ป้องกันเรื่องกลิ่นรบกวนได้มากขึ้นเพราะครัวอยู่ติดระเบียง สามารถเปิดประตูระเบียงช่วยระบายกลิ่นได้ดี แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม เปิดประตู Digital Door lock เข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ พื้นที่ถัดเข้าไปด้านในทางขวาจะเป็นห้องครัว และทางซ้ายเป็นห้องนอนค่ะ พื้นที่ด้านข้างโซฟาสามารถจัดเป็นมุมรับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งได้สบายๆ เลยนะคะ ซึ่งทางโครงการให้เฟอร์นิเจอร์มาพร้อมแล้วด้วย ลูกบ้านไม่จำเป็นต้องซื้อโต๊ะเพิ่มเลย มาในส่วนของห้องครัวกันบ้าง โดยครัวนั้นมีประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 2 ตอนนะคะ เพื่อป้องกันกลิ่นรบกวนเวลาประกอบอาหาร การที่กั้นห้องครัวด้วยกระจกก็เพื่อทำให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นด้วย ส่วนเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น, เครื่องซักผ้า และไมโครเวฟมาให้เรียบร้อยแล้ว ด้านในสุดของครัวจะเป็นระเบียงค่ะ ซึ่งก็มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้น ข้อดีที่ระเบียงอยู่ติดครัวก็สามารถลดกลิ่นและระบายอากาศเวลาประกอบอาหารได้ดีค่ะ ออกจากครัวมายังบริเวณหน้าห้องตรงกันข้ามจะเป็นห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งแยกพื้นที่เปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจน สุขภัณฑ์ที่ลูกบ้านจะได้รับก็ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางโถสุขภัณฑ์ไว้ตรงกลางห้อง บริเวณโซนเปียก ทางโครงการจะติดฉากกั้นอาบน้ำด้วยประตูกระจกมาให้เรียบร้อยแล้วนะคะ โดยจะเว้นช่องด้านบนสำหรับระบายอากาศ พื้นที่ตรงข้ามระหว่งห้องน้ำกับห้องนอนจะเป็นมุมทำงานนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็ยังได้ ทางโครงการบิลต์อินเฟอร์นิเจอร์มาให้แล้วเรียบร้อย กลับเข้ามาในส่วนของห้องนอน ภายในห้องได้รับการออกแบบให้ดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียง ซึ่งสามารถเดินผ่านได้สบายๆ เลยค่ะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วย พื้นที่ข้างเตียงติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ภายในมีที่ให้เก็บของได้เยอะทีเดียว   ห้องตัวอย่างถัดมาที่เราได้ชมคือ ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 43 ตร.ม. ภายในห้องแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างชัดเจน สำหรับห้องนี้เปิดประตูมาจะเจอส่วนรับประทานอาหารก่อน ซึ่งสามารถจัดวางพื้นที่ดินเนอร์สำหรับ 4 คนได้สบายๆ ถัดไปนั้นเป็นมุมนั่งเล่นที่กว้างพอให้วางโซฟาตัวยาวขนาดใหญ่ได้ แถมมีระเบียงด้านข้างให้เปิดออกไปรับลมด้านนอก พื้นที่ลึกเข้าไปด้านในบริเวณตรงกลางจะเป็นครัวแบบปิด ตรงข้ามครัวเป็นห้องน้ำ พื้นที่ติดครัวและห้องน้ำจะเป็นห้องนอน และห้องเอนกประสงค์ที่ลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นห้อนนอนเล็กได้นั่นเอง แปลนห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 43 ตร.ม. หน้าประตูติดตั้ง Digital Door Lock มาให้แล้วนะคะ เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอส่วนรับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ติดริมระเบียงก่อนเลยนะคะ ภายในห้องบริเวณโถงกลางจัดฟังก์ชั่นแบบ Open Plan หลอมรวมระหว่างครัว พื้นที่รับประทานอาหาร และมุมนั่งเล่นเข้าไว้ด้วยกัน พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกว้างกำลังดี ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบาย พร้อมเหลือพื้นที่ด้านไว้สำหรับวางโต๊ะข้างด้วย หรือหากลูกบ้านอยากวางโซฟาตัวยาว 3 ที่นั่งก็ยังพอไหวค่ะ เพียงแต่จะไม่สามารถวางโต๊ะข้างได้ ซึ่งมุมนั่งเล่นจะอยู่ชิดติดระเบียงนะคะเลยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ มุมมองจากบริเวณห้องนั่งเล่นไปยังห้องนอนที่ติดกับห้องเอนกประสงค์นะคะ ซึ่งบริเวณตรงกลางจะเป็นพื้นที่ของห้องน้ำและห้องครัวแบบปิด สำหรับเคาน์เตอร์ครัวโครงการจะให้มาแบบนี้เลยนะคะ ผนังเหนือเคาน์เตอร์จะเป็นกระจกเคลือบสีดำ ข้อดีคือสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดง่ายเวลาประกอบอาหาร ขนาดของเคาน์เตอร์และชั้นเก็บของด้านบนจะมีขนาดยาวขึ้นเล็กน้อยตามขนาดของห้อง แต่ตัววัสดุที่ใช้รวมถึงเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น, ไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้ายังคงเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกค่ะ พื้นที่ตรงข้ามกับห้องครัวจะเป็นส่วนของห้องน้ำนั่นเองค่ะ ภายในห้องแบ่งพื้นที่เปียกและแห้ง พร้อมกั้นประตูกระจกอาบน้ำไว้ให้เหมือนดั่งห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ ออกจากห้องน้ำมายังห้องเอนกประสงค์กันบ้าง ฟังก์ชั่นพิเศษสำหรับห้องนี้คือพื้นที่ให้ลูกบ้านสามารถเลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนเล็กเหมือนในภาพ หรือใช้เป็นมุมทำงานก็ได้ทั้งนั้นค่ะ ภายในห้องมีขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับวางเตียงนอนขนาด 3 ฟุตครึ่ง แถมยังเหลือพื้นที่เดินได้โดยรอบ กลับเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง โดยเหลือพื้นที่เดินโดยรอบด้วยค่ะ ผนังฝั่งที่ติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ บริเวณหัวเตียงยังสามารถบิลต์อินชั้นวางเพื่อจัดเก็บของได้เหมือนห้องตัวอย่างเลยนะคะ   ห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราเก็บภาพมาฝากเพื่อประกอบการพิจารณาเป็นห้อง Duo Space 1 Bedroom ดีไซน์พิเศษด้วยเพดานสูงถึง 4.2 เมตรขนาดห้อง 28.50 ตร.ม.  ซึ่งห้องนี้จะต่างจากห้องแบบแรกๆ ทั้งเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอย และ Layout ของห้องค่ะ ห้องนี้เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนครัว ก่อนจะมีประตูบานเลื่อนต่อเนื่องไปยังโถงกลางที่กว้างพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหาร และวางโซฟาตัวยาวในส่วนของ Living Area ได้สบายๆ อีกทั้งยังสามารถแบ่งพื้นที่สำหรับมุมทำงาน ระเบียง และห้องน้ำได้ด้วย ในขณะที่ห้องนอนจะมีบันไดทำหน้าที่เชื่อมต่อไปถึงด้านบน ซึ่งจัดพื้นที่มาให้แบบกำลังดี สามารถวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ได้ มีพื้นที่ด้านข้างเหลือสบายๆ แถมยังวางโต๊ะข้างและตู้เสื้อผ้าได้อีกด้วยค่ะ แปลนห้อง Duo Space 1 Bedroom ขนาด 28.50 ตร.ม. สำหรับห้องนี้เปิดประตู Digital Door Lock เข้ามาจะเจอส่วนครัวก่อนเลยค่ะ ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นตัวไอคู่นะคะ ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์จะเป็นที่วางตู้เย็นติดกันนั้นเป็นตู้เก็บของบิลต์อินสูงจรดเพดาน ซึ่งชุดเคาน์เตอร์ครัวลูกบ้านจะได้ทุกอย่างตามนี้เลยนะคะ จะเว้นก็เพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น ทางโครงการบิลต์อินตู้ลอย พร้อมเว้นช่องสำหรับวางไมโครเวฟและเครื่องซักผ้ามาให้แล้วนะคะ ในส่วนของห้องครัวก่อนจะเข้าไปพื้นที่พักผ่อนด้านในจะมีประตูบานเลื่อนกั้นด้วยนะคะ เพื่อป้องกันกลิ่นรบกวนเวลาประกอบอาหาร เปิดประตูด้านในส่วนพักผ่อนเข้ามา จะเป็นโถงนั่งเล่นที่มีขนาดกว้างขว้าง และเป็นแบบ Double Volume ซึ่งจะมีความสูง 4.2 เมตร พื้นที่ติดกับครัวจะเป็นมุมรับประทานอาหารนะคะ พื้นที่ตรงข้ามกับมุมรับประทานอาหารจะเป็นห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน พื้นที่ส่วนเปียกจะถูกกั้นด้วยธรณีสูงขึ้นมานิดหนึ่ง เพื่อกันไม่ให้น้ำจาก Shower Area ไหลออกไปสู่พื้นที่อื่นๆ นอกจากนี้ลูกบ้านยังจะได้อุปกรณ์ตามภาพเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ติดตั้งกระจกเงายาวไปตามแนวผนังเลยค่ะ ข้อดีคือช่วยสะท้อนหลอกตาให้ห้องดูกว้างขึ้นมาง่ายๆ ในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นมีการจัดวางชุดโซฟาตัวยาวขนาด 3 ที่นั่งเอาไว้ แถมระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีมีระยะกำลังดีเลยนะคะ ไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป สามารถวางโต๊ะกลางได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด โดยห้องดูสูงโปร่ง เพราะโอบล้อมด้วยกระจกใสที่สูงจรดเพดานด้านบน ซึ่งมีความสูงถึง 4.2 เมตรเลยนะคะ บริเวณข้างโซฟายังมีพื้นที่เหลือพอสำหรับจัดให้เป็นมุมทำงานอีกด้วยนะคะ ในส่วนของคอนโซลทีวี ทางโครงการได้บิลต์อินให้อยู่ติดกับบันไดทางขึ้นไปห้องนอนค่ะ บันไดทางขึ้นไปส่วนพักผ่อนจะเป็นโครงเหล็ก ปูลูกนอนด้วยไม้เนื้อแข็งสีอ่อน ราวจับเป็นเหล็กขึ้นโครงทาสีดำนะคะ เดินไต่บันไดขึ้นมาก็จะพบกับส่วนพักผ่อน ที่ทางโครงการทำระเบียงกั้นพื้นที่ปลายเตียงไว้ให้เรียบร้อยแล้ว สำหรับพื้นที่พักผ่อนนั้น ทางโครงการจัดวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตไว้ให้ จะเห็นได้ว่าพื้นที่โดยรอบเตียงนั้นสามารถเดินได้อย่างสบายๆ จะเสียอย่างเดียวก็คือไม่มีผนังสำหรับติดตั้งทีวีเท่านั้นเองค่ะ บริเวณข้างเตียงยังเหลือพื้นที่พอสำหรับวางโต๊ะข้างเหมือนดั่งห้องตัวอย่างเลยนะคะ แถมโครงการยังบิลต์อินตู้เสื้อผ้ามาพร้อมเสร็จสรรพ เมื่อมองกลับลงมาจะเห็นว่าการจัดวาง Layout ของห้องนั้น ค่อนข้างกว้างขวางและลงตัวมากๆ ซึ่งลูกบ้านสามารถใช้งานพื้นที่ทุกส่วนได้อย่างคุ้มค่าทุกตารางเมตรจริงๆ ค่ะ   ใครที่ยังไม่เคยไปชมโครงการหรือกำลังตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดฯ ในแถบนี้อยู่แนะนำให้ไปชมบรรยากาศจริงดูค่ะ จะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น แต่ต้องขอบอกเลยค่ะไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือลงทุนก็คุ้มค่าแน่นอน ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า MRT กระทรวงสาธารณสุขเพียง 70 เมตร แถมรอบๆ โครงการยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายตั้งแต่ตลาดสดไปจนถึงห้างสรรพสินค้า และพื้นที่สีเขียวกว่า 1,000 ไร่ในกระทรวงสาธารณสุขที่รอให้ทุกคนไปสัมผัสกับธรรมชาติ ต้องบอกว่าเป็นจุดแข็งที่ควรค่าแก่การลงทุนจริงๆ ค่ะ   พิเศษ!!! 15-16 ธ.ค นี้ " Origin แจกหนัก โปรแรงสุดแห่งปี" คอนโดพร้อมอยู่ 70 ม. จาก MRT !!! BIG YEAR BIG BONUS !!! *** แจก Bonus 10 เดือน !!! *** ** ฟรี ค่าส่วนกลาง 10 ปี ** แถมฟรี!! ค่าใช้จ่ายวันโอน *ค่าโอนกรรมสิทธิ์ *กองทุนอาคารชุด *มิเตอร์น้ำ *มิเตอร์ไฟ คอนโดพร้อมอยู่ 25 ชั้น ติดถนนใหญ่ ติวานนท์-แคราย "ไนท์บริดจ์ ติวานนท์ ” ● คอนโดแต่งครบพร้อมอยู่ เพียง 70 ม. จาก MRT สถานี กระทรวงสาธารณะสุข ● ให้ความรูัสึกถึงความเป็นส่วนตัว และเงียบสงบ ด้วยจำนวนยูนิตที่น้อย เพียง 373 ยูนิต กับเพดานสูง 4.2 เมตร ● เชื่อมต่อการคมนาคมที่สะดวกสบาย ด้วยทำเลติดถนนใหญ่ พร้อมเส้นทางไปขึ้นทางด่วนอย่างรวดเร็ว ● ใกล้สถานที่ราชการหลายแห่ง กระทรวงสาธารณะสุข , ศูนย์ราชการนนทบุรี ● ใกล้ห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี้ ติวานนท์ ,โลตัส แคราย , เอสพลานาด งามวงศ์วาน ● พิเศษ!!! สุดๆ 1 นอน จาก 2.59 เหลือ 2.29 ลบ.* DUPLEX จาก 3.66 เหลือ 3.39 ลบ. เท่านั้น * ● นัดหมาย สัมผัสห้องจริง สถานที่จริงได้แล้ววันนี้ คลิก https://bit.ly/2QbGz9x สอบถามโทร 061 401 9000          
The selected flagship brand ตัวท็อป ทำเลใจกลางเมือง จาก LPN : รีวิวคอนโด

The selected flagship brand ตัวท็อป ทำเลใจกลางเมือง จาก LPN : รีวิวคอนโด

เพราะชีวิตที่สมบูรณ์แบบสร้างขึ้นได้ในทุกๆ วัน โดยมี “ที่อยู่อาศัย” เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยเติมเต็มความสุขในชีวิตได้ การซื้อคอนโดมิเนียมก็เปรียบเสมือนการลงทุนและการฝากชีวิตไว้อีกนานหลายปี คงไม่แปลกถ้าการเลือกซื้อคอนโดฯ นั้นจำเป็นต้องใช้ความพิถีพิถันในการเลือกสรรเป็นพิเศษ นอกจากการออกแบบที่ได้มาตรฐาน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในแต่ละวันแล้ว ทำเลที่ตั้งยังต้องเอื้อต่อการเดินทางได้สะดวกรวดเร็วทั้งคนใช้รถส่วนตัวและรถสาธารณะ โดยปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดนั้น ล้วนแต่มีอยู่ในโครงการใหม่ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากในเวลานี้กับ โครงการ “Lumpini Selected Sutthisan -Saphankwai (ลุมพินี ซีเล็คเต็ด สุทธิสาร - สะพานควาย)” Flagship Top Brand ที่พัฒนาโดย บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN โดยจุดเด่นอยู่ที่การปักหมุดทำเลศักยภาพใจกลางเมือง ใกล้สถานีรถไฟฟ้าในราคาคุ้มค่าให้ทุกคนสามารถจับจองได้ ซึ่งได้กระแสตอบรับดีมากๆ จากการเปิดตัวโครงการแรกคือ เดอะ ซีเล็คเต็ด เกษตร-งามวงศ์วาน ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา   *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โดยภาพนี้เป็นบรรยากาศจำลองโครงการ ลุมพินี ซีเล็คเต็ด สุทธิสาร - สะพานควาย ในมุมมองจากด้านหน้าเข้าไป   สะดวกสบายทุกการเดินทาง สำหรับทำเลที่ตั้งของโครงการ “ลุมพินี ซีเล็คเต็ด สุทธิสาร - สะพานควาย” นั้นตั้งอยู่บนถนนสุทธิสารวินิจฉัย (ตรงข้ามอินทามระ ซอย 7) ระหว่างแยกสะพานควายและแยกสุทธิสาร ซึ่งย่านสุทธิสารถือว่าเป็นย่านที่มีสีสัน มีชีวิตชีวาตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะเต็มไปด้วยร้านค้า, ร้านอาหาร, แหล่งแฮงค์เอาท์เก๋ๆ, ห้างสรรพสินค้า ไปจนถึงตลาดนัด อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลสวนสาธารณะ และโรงพยาบาล อีกด้วย เรียกได้ว่าตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบครบครัน แถมยังเป็นเส้นทางที่เชื่อมผ่านถนนหลักสายใหญ่ถึง 4 สาย ตั้งแต่ ถนนพหลโยธิน, ถนนวิภาวดีรังสิต, ถนนรัชดาภิเษก ไปจนถึงถนนลาดพร้าว ซึ่งมีจุดขึ้น-ลงทางด่วนโทลเวย์อยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต ทำให้ไม่ว่าจะออกนอกเมืองไปทางสนามบินดอนเมือง หรือเข้าเมืองเชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัชก็ใช้เวลาเดินทางไม่นาน หรือจะเลือกเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะห่างออกไปประมาณ 1.1 กิโลเมตร ก็จะถึง BTS สถานีสะพานควาย และห่างจาก BTS สถานีอารีย์ประมาณ 1.6 กิโลเมตร เท่านั้น จึงสามารถเดินทางออกไปทั่วกรุงเทพฯ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะใช้รถยนต์หรือรถสาธารณะก็เป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากๆ ค่ะ     เพิ่มความอบอุ่นเสมือนอยู่บ้าน เพียบพร้อมไปด้วยพื้นที่พักผ่อนหลากหลาย   โครงการ “ลุมพินี ซีเล็คเต็ด สุทธิสาร - สะพานควาย” คือคอนโดมิเนียมแบบ High-Rise สูง 28 ชั้น 1 อาคาร บนพื้นที่โครงการขนาด 1-3-55 ไร่ ที่ออกแบบมาให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านหลังใหญ่ แต่ทว่ามีความสงบเพราะมีจำนวนยูนิตที่พักอาศัยทั้งหมดเพียง 389 ยูนิต (ตั้งแต่ชั้น 7-21 และ 23-28) และสามารถจอดรถได้ 157 คัน (ตั้งแต่ชั้น 2-6) ตัวอาคารถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์นอย่างมีเอกลักษณ์ ด้วยการไล่เฉดสีเทาเข้มไปจนถึงสีอ่อน เพื่อเน้นให้กลมกลืนกับแสงและเงา สร้างความรู้สึกอบอุ่น และสบายตาทุกครั้งที่มองมาที่ตัวอาคาร นับว่าเป็นบ้านหลังใหญ่ที่ถูกโอบกอดด้วยธรรมชาติ เพราะมีสวนสีเขียวขจีอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางหลายชั้น เริ่มตั้งแต่ชั้น 1 ที่มีสวนรวมใจ (Green Togetherness Area) อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ห้องอเนกประสงค์ (Co-Working Zone), สำนักงานนิติบุคคล, พื้นที่รวมตู้หยอดเหรียญ, ห้องบริการจัดการพัสดุ, ห้องเฮ้าส์เวิร์ค (Housework Zone), ห้องเครื่อง, ห้องไฟฟ้า, ที่จอดรถจักรยานยนต์, ที่จอดรถยนต์ และที่จอดรถสำหรับผู้พิการ ทั้งหมดนี้จะอยู่ที่บริเวณชั้น 1 ค่ะ *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ซึ่ง Master Plan โครงการจะเริ่มจากทางเข้าที่อยู่ติดกับถนนสุทธิสารวินิจฉัย เมื่อเข้ามาจะเจอจุด Drop Off ล้อมรอบสวนสีเขียวขจี หรือที่ทางโครงการเรียกว่าสวนรวมใจ ภายในตัวอาคารที่ชั้น 1 เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ห้องอเนกประสงค์ (Co-Working Zone), สำนักงานนิติบุคคล, พื้นที่รวมตู้หยอดเหรียญ, ห้องบริการจัดการพัสดุ, ห้องเฮ้าส์เวิร์ค (Housework Zone), ห้องเครื่อง, ห้องไฟฟ้า เป็นต้น *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โดยภาพนี้เป็นบรรยากาศจำลองสวนรวมใจ (Green Togetherness Area) บริเวณหน้าอาคารชั้น 1 *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โดยภาพนี้เป็นบรรยากาศจำลองห้องอเนกประสงค์ (Co-Working Zone) รองรับการนั่งทำงานสบายๆ ไม่ต้องออกไปข้างนอก   นอกจากมีสวนรวมใจบริเวณชั้น 1 แล้ว พื้นที่ชั้น 7 ซึ่งเป็นชั้นเริ่มต้นของห้องชุดพักอาศัย ยังมีลานฟิตแอนด์เฟิร์ม (Fit & Firm Area), สวนอินฟินิตี้ (Infinity Garden) อยู่ในชั้นเดียวกันด้วย ซึ่งก็ช่วยให้ลูกบ้านเข้าถึงธรรมชาติได้ง่ายขึ้นท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่ที่แทรกตัวอยู่ในทุกที่ เรียกได้ว่าเหมาะกับคนเมืองยุคใหม่ที่สามารถใช้ชีวิตแบบ Smart อย่างเต็มเปี่ยม เพราะมีพื้นที่รองรับความสุขทุกไลฟ์สไตล์อีกมากมาย โดยทางโครงการ “ลุมพินี ซีเล็คเต็ด สุทธิสาร - สะพานควาย” ได้ยก Facility หลักไปไว้ที่ชั้น 22 ซึ่งมาพร้อมกับ สระว่ายน้ำไร้ขอบ (Infinity Edge Pool), ลานกิจกรรม (Co-Living Area), ฟิตเนสโซน (Fitness Zone) และห้องโยคะ (Yoga Zone) ที่พร้อมรองรับวันพักผ่อนสบายๆ ของคุณ ไม่ว่าจะเดินเล่น ออกกำลังกาย หรือนั่งอ่านหนังสือเล่มโปรด ก็ล้วนแต่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในการเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับชีวิต *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ซึ่งแปลนของพื้นที่ชั้น 7 จะเริ่มเป็นยูนิตพักอาศัยแล้วนะคะ ซึ่งที่ชั้นนี้จะมีสวนส่วนกลางมาให้ด้วย *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โดยภาพนี้เป็นบรรยากาศจำลองลานฟิตแอนด์เฟิร์ม (Fit & Firm Area) และสวนอินฟินิตี้ (Infinity Garden) บริเวณชั้น 7 *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ซึ่งภาพนี้จะเป็นแปลนพื้นที่บริเวณชั้น 22 นะคะ จะเป็น Facility ทั้งหมด *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โดยภาพนี้เป็นภาพบรรยากาศจำลองสระว่ายน้ำไร้ขอบ ซึ่งมุมมองเส้นขอบฟ้าตัดเส้นของน้ำให้ความงดงาม และอิ่มเอมกับวิวเมืองแบบเต็มเปี่ยม   คัดสรรเฉพาะสิ่งที่ดีที่สุดมารวมไว้ เพื่อพื้นที่ความสุขสำหรับลูกบ้าน ไม่เพียงแค่การออกแบบที่โดดเด่น สง่างาม และจัดเต็มพื้นที่ส่วนกลางอย่างเต็มพิกัด ซึ่งเน้นให้ลูกบ้านได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ โดยให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่แค่ก้าวขาออกไป ก็จะเจอสวนร่มรื่นหน้าบ้านแล้ว ทางโครงการ “ลุมพินี ซีเล็คเต็ด สุทธิสาร - สะพานควาย” ยังคำนึงถึงการใช้สอยต่างๆ โดยจัดแบ่งพื้นที่ได้อย่างลงตัวและอยู่ได้จริง อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ของผู้อาศัย มาพร้อมมาตรฐานอันสูงสุด และใส่ใจทุกรายละเอียดจนทำให้ห้องพักอาศัยทุกยูนิตมีความคุ้มค่าทุกตารางเมตร ซึ่งมีห้องพักอาศัยให้เลือกทั้งหมด 4 แบบ คือ Studio ขนาดเริ่มต้น 25.00 ตารางเมตร, 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 27.00 ตารางเมตร, 1 Bedroom New Design ขนาดเริ่มต้น 31.00 ตารางเมตร โดยโครงการออกแบบห้องให้เป็นยูนิตพิเศษสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ด้วยการทำตู้เสื้อผ้าและตู้รองเท้าขนาดใหญ่แบบ Walk-in Closet เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของผู้หญิง และแบบสุดท้าย 2 Bedrooms ซึ่งมีขนาดเดียวคือ 46.50 ตารางเมตร ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นห้องไซส์เล็กหรือไซส์ใหญ่ก็สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี ซึ่งภายในห้องก็จะได้วัสดุคุณภาพที่ทางโครงการตั้งใจคัดสรรเฉพาะสิ่งที่ดีที่สุดมารวมไว้ เพื่อพื้นที่ความสุขสำหรับลูกบ้าน   นับว่าโครงการ “ลุมพินี ซีเล็คเต็ด สุทธิสาร - สะพานควาย” เป็นอีกหนึ่งโครงการใหม่จาก LPN ที่จะทำให้ลูกบ้านทุกคนมีโอกาสได้อยู่อาศัยท่ามกลางความสมบูรณ์แบบ มีชีวิตชีวา ณ ใจกลางเมือง อย่างแท้จริงเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการก็จัดสรรพื้นที่อยู่อาศัย และพื้นที่ส่วนกลางได้อย่างลงตัว แถมยังรายล้อมไปด้วยสวนสีเขียวขจีที่ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติผสมผสานความงดงามและร่มรื่นไว้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ Facility ชั้น 22 ก็สามารถมองเห็นวิวเมืองได้อย่างกว้างไกลหรือถ้าอยากจะแอคทีฟ ก็มีสระว่ายน้ำไร้ขอบ ห้องออกกำลังกาย หรือจะโยคะก็ยังได้ ที่สำคัญยังมั่นใจด้วยระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งทางโครงการยังมอบความพิเศษให้แก่ลูกบ้านด้วย Fully Furnished ที่พร้อมให้เราเข้าอยู่ได้ทันที ในราคาเริ่มต้น 2.59 ลบ. ฟรี! เฟอร์นิเจอร์*, เครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำน้ำอุ่น พร้อมระบบ "สมาร์ทรูม" (สตูดิโอ) จัดหนัก จัดเต็มขนาดนี้ “ไม่ควรพลาด” เลยนะคะ   พิเศษ! เฉพาะ วันที่ 28 เม.ย. นี้ เท่านั้น ทุกชั้นราคาเดียว เริ่ม 2.59 ล้าน* ฟรี! เฟอร์* + แอร์ + เครื่องทำน้ำอุ่น พร้อมระบบสมาร์ทรูม   สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดอื่นๆ โทร 02-689 6888  หรือสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ตามลิงค์นี้เลยค่ะ goo.gl/BLyJ3k 
เลือกคอนโดห้องสวยๆ นอกจากทำเลดี facility ก็ต้องโดน (Advertorial)

เลือกคอนโดห้องสวยๆ นอกจากทำเลดี facility ก็ต้องโดน (Advertorial)

ใครที่เคยเลือกซื้อคอนโดมิเนียมสักยูนิตจะทราบดีว่ากว่าจะได้โครงการที่ดี ยูนิตโดนใจต้องดูรายละเอียดกันหลายรอบจนตาลายไปหมด ซึ่งการเลือกสรรของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไปตามโจทย์ของตัวเอง แต่สิ่งที่ทุกคนต้องจะต้องคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ นั่นคือทำเลและภายในห้องพักอาศัย   หลายครั้งหลายคราวที่เราพูดถึงเรื่องของทำเล ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกของที่อยู่อาศัยทุกประเภทโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่มีให้เลือกมากมายหลายแห่งจนเลือกไม่ถูก เพราะบางทำเลในย่านเดียวกันมีคอนโดมิเนียมเกิดใหม่ขึ้นมาเกือบ 10 โครงการกันเลยทีเดียว แน่นอนว่าทำเลดีสำหรับคอนโดมิเนียมนั้นหมายความว่าต้องเดินทางสะดวกติดรถไฟฟ้า ซึ่งรถไฟฟ้าในปัจจุบันแม้จะเปิดให้ใช้บริการเพียงไม่กี่เส้นทาง แต่ก็ได้รับความนิยมในการเดินทางมากในทุกๆ วัน จนกลายเป็นหัวใจหลักของการเดินทางในกรุงเทพฯ และยังมีหลายสายที่กำลังดำเนินการก่อสร้างกันอยู่ทั่วเมืองไปจนถึงปริมณฑล โดยสายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็หนีไม่พ้นสายสีเขียวที่ตอนนี้กำลังก่อสร้างส่วนต่อขยายเพิ่มเติมช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ด้วยสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทางไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ สถาบันการศึกษาหลายแห่ง โรงพยาบาล รวมถึงสถานที่ทำงานทั้งราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน ย่านนี้จึงเหมาะแก่การอยู่อาศัยบนวิถีชีวิตของคนเมือง อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญและจะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือยูนิตพักอาศัย ตั้งแต่ตำแหน่งห้องว่าจะอยู่ทิศใด ได้วิวแบบไหน โดนบล็อควิวหรือไม่ การวางตำแหน่งในชั้นจะส่งผลถึงการอยู่อาศัยจริงอย่างไร ภายในห้องพักใช้วัสดุอะไร วางแปลนห้องไว้อย่างไร สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเราได้มาก-น้อยแค่ไหน สุดท้ายแล้วห้องนั้นจะใช่สิ่งที่เราตามหาหรือไม่ ทุกรายละเอียดส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่รวมไปถึงเรื่องของราคาในอนาคตด้วย แต่ทั้งหมดจะมีวิธีการเลือกอย่างไรให้ดีที่สุด ในครั้งนี้เราจึงพามาดูตัวอย่างการเลือกห้องสวยๆ จากโครงการ CENTRIC RATCHAYOTHIN กันค่ะ ซึ่งหลังจากทาง SC ASSET ห่างหายจากการทำคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมแบรนด์หลัก CENTRIC มาได้พักใหญ่ ล่าสุดก็กลับมาพัฒนาแบรนด์นี้กันอีกครั้ง เรียกได้ว่าเป็นที่จับตามองกันมาตั้งแต่ยังล้อมรั้วที่ดินแห่งนี้ว่าจะมีหน้าตาออกมาเป็นอย่างไร โดยตอนนี้ได้ฤกษ์เปิดตัวออกมาแล้ว ทั้งทำเล ส่วนกลาง และห้องพักอาศัยสวยงามลงตัวสมกับการรอคอย CENTRIC RATCHAYOTHIN คอนโดมิเนียม High Rise 21 ชั้น 261 ยูนิต บนพื้นที่ 2-0-77.3 ไร่ ขนาด 24-55 ตร.ม. ริมถนนพหลโยธินฝั่งขาเข้า ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต สถานีรัชโยธิน เพียง 150 เมตร เชื่อมต่อเข้าเมืองอย่างสยาม-ทองหล่อได้แบบไม่ต้องเปลี่ยนสาย รวมถึงใกล้จุด Interchange ของรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินกับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองในอนาคต หรือหากใช้รถยนต์ส่วนตัวจะเลือกใช้ทางยกระดับอุตราภิมุข หรือทางพิเศษศรีรัชบริเวณใกล้กับสถานีกลางบางซื่อ HUB แห่งการเดินทางในอนาคตของประเทศไทยรวมถึงในอาเซียน โครงการอยู่เยื้องกับเมเจอร์รัชโยธิน, อเวนิว รัชโยธิน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของสิ่งอำนวยความสะดวกในละแวกนั้น ไม่ว่าจะดูหนัง ทานข้าว ช้อปปิ้ง หรือแฮงค์เอ้าท์ก็แค่เดินจากคอนโด สมกับคอนเซปที่วางเอาไว้ว่า “A place for your Hybrid Lifestyle” นิยามใหม่ให้ชีวิตใจกลางเมือง เชื่อมต่อทุกความต้องการกับรูปแบบไลฟ์สไตล์ให้เป็นหนึ่งเดียว ส่วนกลางออกเป็น 3 ส่วน (Triple Facilities)โดยแบ่งคาแรคเตอร์เอาไว้อย่างชัดเจน คือ Active, Relax, Working ผสานกันอย่างลงตัวจนกลายเป็นคอนโดที่ตอบสนองคนรุ่นใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งชั้นแรกคือชั้น Ground จากหน้าโครงการจัดเป็น Lifestyle Park ส่วนล็อบบี้ที่สูงโปร่งถึง 5.5 เมตร ในบรรยากาศอบอุ่นแฝงด้วยความหรูหราสง่างาม และยังมี Business lounge & Private Meeting Room ให้คนรุ่นใหม่ได้ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า เชื่อมต่อไปกับ Semi-Outdoor Lobby สร้างความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้นด้วย Greenery wall และ Water Feature และโซน Residence Lobby Lounge เป็นพื้นที่ waiting area ที่มี seating รับรองให้ลูกบ้าน   ชั้น 4-5 มีทั้งโซน  Triple Volume Co-Working Space ในลักษณะ Indoor 3 ชั้น ถูกออกแบบให้เป็นเหมือน Cubic ลอยอยู่กลางอากาศ สำหรับเป็น Co-Working Space และ Reading Bar, Co-Living Space เชื่อมต่อกับโซน Outdoor ขนาดใหญ่สามารถทำกิจกรรมได้หลากหลายเพื่อให้เกิด lively neighborhood พื้นที่สีเขียวไล่ระดับเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติจริง มี Water feature เสมือนเป็นลำธารมีเสียงน้ำไหลจากที่สูงพร้อมกลิ่นหอมจากพรรณไม้ตามฤดูกาล มีเสียงดนตรีคลอเบาๆ สร้างบรรยากาศพิเศษให้เกิดขึ้นได้ทุกวัน และชั้น Rooftop สำหรับการออกกำลังกายในฟิตเนสที่ได้วิวจากทั้งด้านหลังโครงการที่เป็นวิวเมือง และวิวสระว่ายน้ำที่อยู่ชั้นเดียวกันกับทางฝั่งด้านหน้าโครงการ ซึ่งเป็นสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Swimming Pool ยาว 25 เมตร มาพร้อม Jacuzzi ให้ได้ผ่อนคลายท่ามกลางบรรยากาศสวยๆ CENTRIC RATCHAYOTHIN ห้องไหนสวย ถ้าจะเลือกห้องสวยสักห้อง ก่อนอื่นเราต้องกาง Floor Plan ออกมาก่อนค่ะ เริ่มจาก Ground Floor เราจะได้เห็นหน้าตาของชั้นแรกของโครงการ ซึ่งในแปลนเหล่านี้จะบอกทิศทางการวางรูปแบบอาคารเอาไว้ ซึ่งเมื่อมองไปที่ Floor Plan เราก็พอจะมองภาพออกแล้วว่ายูนิตไหนมีระเบียงหันหน้าออกไปยังทิศอะไร ยิ่งหากเรามีความคุ้นเคยกับทำเลแถวนั้นก็จะทำให้นึกภาพตามได้ว่ายูนิตที่หันไปทิศไหนจะได้วิวอะไร ความโดดเด่นของ Floor Plan ทำเอาไว้ได้น่าสนใจมาก เพราะสามารถเก็บรายละเอียดอันเป็นการคำนึงถึงลูกบ้านที่อยู่อาศัยจริงได้ดีทีเดียว รวมทั้งยังถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยอีกด้วย เช่น เพิ่มระยะห่างระหว่างยูนิตพักอาศัยกับโถ่งลิฟท์ในแต่ละชั้นมากขึ้น เพื่อลดเสียงรบกวน, ออกแบบให้ห้องขยะทุกชั้นแยกห่างยูนิตพักอาศัย เพื่อลดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์, ทุกยูนิตประตูห้องจะไม่อยู่ตรงข้ามกัน จำนวนยูนิตต่อชั้นไม่มากจนเกินไปเพิ่มความเป็นส่วนตัว, และไม่มียูนิตไหนที่มีประตูอยู่ตรงทางสามแพร่งเลย   เรามาเริ่มดูจากทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทิศที่อยู่หน้าโครงการได้วิววิวเมืองกับรถไฟฟ้า รวมถึงตึกช้างตรงแยกรัชโยธิน ซึ่งเป็นมุมมองเดียวกันกับสระว่ายน้ำชั้น 21 และหากมองลงมาที่ชั้น 4-5 จะได้วิวสวนสีเขียวที่เป็นส่วนกลางหนึ่งของโครงการ เรียกได้ว่าแม้จะเป็นห้องทิศตะวันตกที่หลายคนมองข้าม แต่ SC asset กลับทำให้เป็นยูนิตไฮไลท์ของโครงการนี้ได้ด้วยการออกแบบที่ดีโดยเฉพาะห้องตำแหน่ง 01 , 02 ซึ่งเอสซีฯ ใส่ใจออกแบบอาคารให้มีครีบยื่นออกมาช่วยเรื่องการหักเหและลดทอนแสงแดดได้ประมาณหนึ่งเลยทีเดียว ทิศเหนือ เชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในยูนิตที่ได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อย โดยปกติแล้วเป็นห้องทิศที่ได้รับความนิยมอยู่แล้ว เพราะเป็นทิศที่โดนแดดน้อยที่สุด ซึ่งสำหรับโครงการนี้ก็จะได้วิวเป็นวิวหันไปทางแยก ม.เกษตรฯ เป็นวิวโล่ง แต่ยูนิตที่ได้ทิศนี้จะค่อนข้างน้อย มีสูงสุดเพียง 3 ยูนิต/ชั้น เท่านั้น ฉะนั้นหากใครที่ต้องการยูนิตทิศนี้ก็ต้องจองให้ไว ทิศตะวันออก อีกหนึ่งทิศยอดฮิตสำหรับคนที่ชอบเปิดระเบียงรับลม ซึ่งจะถูกวางให้อยู่ทางด้านหลังโครงการได้ความสงบ เห็นวิวฝั่งถนนเสนานิคม – วังหิน เป็นวิวโล่งด้วยความที่ด้านหลังเป็นบ้านเรือนที่อยู่ในซอย คอนโดส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดสูงไม่เกิน 8 ชั้น จึงยากที่จะมีตึกสูงขึ้นบัง สำหรับทิศนี้วิวจึงปลอดภัยจากการโดนบังวิวแน่นอน   พูดถึงเรื่องทิศทางของแต่ละยูนิตกันไปแล้วจะไม่พูดถึงภายในห้องก็คงยังไม่ครบถ้วน เพราะอย่างที่กล่าวเอาไว้ข้างต้นว่ามีการออกแบบมาได้น่าสนใจ แต่ละห้องมีความโดดเด่นต่างกันออกไปตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน โดยทุกห้องถูกคิดภายใต้คอนเซปส์อาทิ ความสูงภายในห้องสูงสุดถึง 3 เมตร* ซึ่งเราจะมาดูกันทีละ Type เลยค่ะ มีที่เก็บของครบครัน ช่วยจัดการการจับเก็บของและทำให้ห้องเป็นระเบียบ ห้องแต่ละห้องมีเอกลักษณ์แตกต่างกัน ตามแต่ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน พื้นที่อยู่อาศัยได้จริง Practical Design   STUDIO-1 24 ตร.ม.  แม้จะเป็นห้องขนาดเล็กที่สุดในโครงการ แต่ก็ยังมีการกั้นประตูกระจกระหว่างห้องครัวกับห้องนอน เพื่อป้องกันกลิ่นอาหาร ได้มุมโต๊ะทำงานหันหน้าออกทางเดียวกับระเบียง ถึงแม้จะเป็นสตูดิโอแต่ก็ยังได้กระจกเข้ามุม เรียกได้ว่าจะนั่งทำงาน อ่านหนังสือหรือทานข้าว ก็เห็นวิวสวยๆ ไปด้วยแน่นอน ห้องนี้จึงเหมาะสำหรับคนที่อยู่ 1-2 คน ชอบความคุ้มเพราะมีครบทุกฟังก์ชั่น ห้องที่สำคัญ Type นี้อยู่ในตำแหน่งทิศตะวันออกอีกด้วย ทั้งตึกมีเพียง 32 ยูนิตเท่านั้น ชั้นหนึ่งมีเพียง 2 ห้องเท่านั้น STUDIO-2 26 ตร.ม. ห้องนี้เหมาะสำหรับคนชอบทำครัว เพราะเป็นครัวปิดที่มีหน้าต่างระบายอากาศสู่ด้านนอกอาคาร ตำแหน่งห้องอยู่ทางทิศตะวันตก ได้ความเป็นส่วนตัวขึ้นด้วยกำแพงที่อยู่ชิดกับห้องข้างๆ เพียงด้านเดียว ปลายเตียงมีช่องแสงเพิ่มอีก 1 ช่อง ทำให้ได้รับแสงธรรมชาติ โปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น ทั้งตึกมีเพียง 16 ยูนิตเพียงเท่านั้น มีเพียงชั้นละ 1 ห้อง เรียกได้ว่า Rare มากๆ 1 BEDROOM 30 ตร.ม.  ตำแหน่งห้องอยู่ทางทิศตะวันตก สามารถเปิดรับลมได้วิวทั้งส่วนของห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ฟังก์ชั่นโต๊ะทานอาหารเชื่อมต่อกับเคาน์เตอร์ครัวสามารถพับเก็บได้ เพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้ตามใจ เหมาะสำหรับคนอยู่ 1-2 คน ที่ต้องการ 1ห้องนอนที่ฟังก์ชั่นครบ มี Walk-Through Closet ชั้นนึงมีเพียง 3 ห้องเท่านั้นและห้องนี้ทุกห้องสามารถมองเห็นสวนที่อยู่ชั้น 4 ได้อีกด้วย 1 BEDROOM PLUS-P2 34.50 ตร.ม.  1 BEDROOM PLUS ทั้ง 3 แบบนี้ถือเป็นยูนิตไฮไลท์ของ CENTRIC RATCHAYOTHIN ซึ่ง Type แรกนี้ตำแหน่งห้องถูกวางในตำแหน่งที่ดีทั้งทิศเหนือและทิศตะวันออกกับทิศใต้ โดยห้องนี้เน้นความคุ้มค่าจากการออกแบบที่จัดสเปคห้องมาให้แบบเต็มๆ ทั้งกระจกบานใหญ่เข้ามุม Bay window ที่ห้องอเนกประสงค์ ซึ่งมีขนาดพอเหมาะที่สามารถวางเตียงได้ ทำให้ห้องนี้สามารถใช้เป็นอีก 1 ห้องนอนก็ย่อมได้ หรือถ้าคนไหนไม่ใช้เป็นห้องนอนก็สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องทำงาน ห้องเก็บของ ห้องนั่งเล่น 2 ฯลฯ แล้วแต่ไลฟสไตล์ของเจ้าของได้เลย ทำให้ห้องนี้เรียกได้ว่าเป็น Truly 1 Bedroom Plus ซึ่งแตกต่างจากในบางโครงการที่มีห้อง Plus แต่ไม่ Practical ห้องนี้จึงเป็นห้องหนึ่งที่สามารถสะท้อนคอนเซปส์ของโครงการได้ดีทีเดียว, ระเบียงสามารถเข้าได้จากทั้งห้องอเนกประสงค์กับห้องนอน, Walk-Through Closet ภายในห้องนอนก่อนเชื่อมเข้าสู่ห้องน้ำ, Double-Access ห้องน้ำที่เข้าได้ 2 ทางจากในห้องนอนกับห้องครัว ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวเมื่อมีแขกมาไม่ต้องเดินผ่านห้องนอน แทบไม่น่าเชื่อว่าทั้งหมดนี้อยู่ในพื้นที่ 35 ตรม. เรียกว่าคุ้มมากๆ ห้องนี้เรียกได้ว่าเหมาะกับหลายๆคนมาก โดยเฉพาะคนที่มองหา 1 ห้องนอนสุดคุ้มค่าด้วยพื้นที่เอนกประสงค์ที่สามารถปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้เป็นตัวคุณเองได้อย่างเต็มที่ 1 BEDROOM PLUS-PP1 39 ตร.ม.  ตำแหน่งห้องนี้ถูกวางไว้มุมสุดทางเดินด้านทิศตะวันตกที่จะได้วิวโครงการฝั่งแยกรัชโยธินเพิ่มด้วย เปิดมุมมองจากในห้องนอนด้วยกระจกเข้ามุม Bay window และได้พื้นที่ห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นจนสามารถเป็นอีก 1 ห้องนอนได้ รวมถึงพื้นที่ห้องนั่งเล่นพร้อมมุมวางโต๊ะทานอาหารขนาดใหญ่ เรียกได้ว่าห้องนี้เหมาะสำหรับคนอาศัย 1-2 คนหรือคนที่เริ่มต้นชีวิตครอบครัวมีลูกเล็ก ไม่เน้นทำอาหาร ชอบความคุ้มค่าแต่มีพื้นกว้างพอที่อยู่อย่างสบายๆ ห้องนี้มีเพียงชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น ทำให้ทั้งตึกมีเพียง 16 ห้องเพียงเท่านั้น อ้อลืมบอกว่าจากห้องนี้มองลงไปข้างล่างก็เห็นสวนชั้น 4 ได้เช่นกัน 1 BEDROOM PLUS-PP2 38 ตร.ม. อีกหนึ่งตำแหน่งห้องมุมที่ดีที่สุดอีก Type ที่ได้ทั้งวิวสวนสีเขียวของโครงการฝั่งทิศใต้จากระเบียงห้อง และวิวเมืองทางทิศตะวันตก เป็นห้อง 1 ห้องนอนพร้อมห้องเอนกประสงค์ที่ฟังก์ชั่นครบ เอ็กคลูซีฟ และอยู่สบาย เริ่มจากห้องครัวแบบปิด มีมุมวางโต๊ะทานอาหาร มีห้อง Living ขนาดใหญ่ที่ใหญ่ พอที่สามารถวางโซฟา L Shape ได้ และยังมีพื้นที่เหลือด้านหลังสามารถ Built-in ชั้นหนังสือหรือ Working Corner ได้เพิ่มเติม ห้องนอนที่ไม่มีส่วนกำแพงที่ติดกับห้องไหนเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความเงียบเป็นส่วนตัว ภายในมีช่องแสงถึง 2 ช่องจากกระจกบานใหญ่และอีกด้านข้างอีก 1 ช่องที่มองลงมาแล้วเป็นสวนชั้น 4 มีห้องที่เป็น Walk-in Closet แบบจริงๆ ห้องนี้เหมาะมากโดยเฉพาะสุภาพสตรีที่มองหาห้องที่มี Walk-in Closet โดยเฉพาะห้องนี้มีเพียงชั้นละ 1 ห้องเท่านั้นและ ทั้งโครงการมีเพียง 12 ห้องเท่านั้น! 2 BEDROOM-1 54.79 ตร.ม. ห้องมุมฝั่งทิศใต้จากทั้ง 2 ห้องนอนและได้วิวฝั่งทิศตะวันออกจากระเบียง แบ่งโซน Private กับ Public อย่างชัดเจนอย่างห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่และโต๊ะทานข้าวที่วางได้ขนาด 4 ที่นั่ง ส่วน Master Bedroom ขนาดใหญ่ที่ได้โต๊ะทำงานเข้ามุม Bay window เป็นส่วนตัวพร้อมห้องน้ำในตัว ขณะห้องนอนที่ 2 ก็ยังได้กระจกบานใหญ่เช่นกัน จึงเหมาะสำหรับการอยู่อาศัย 2 คนขึ้นไปทั้งแบบครอบครัวลูกเล็ก-โต หรืออยู่แบบพี่น้องก็ได้ ไม่เน้นการทำอาหารมากนัก ห้องนี้มีเพียงชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น ทั้งโครงการมีเพียง 16 ห้องเท่านั้น 2 BEDROOM-2 55.13 ตร.ม. ห้องมุมส่วนตัว ตำแหน่งทิศเหนือและได้วิวทิศตะวันตกไปด้วย ห้อง Type สุดท้ายที่ถือว่าทุกอย่างลงตัวที่สุด โดยการวางห้องนอนทั้ง 2 ห้องแยกออกจากกันเพื่อความเป็นส่วนตัวสุดๆ โดยเชื่อมต่อด้วย Space ของห้อง Living + Dinning ไว้ตรงกลาง   นอกจากนั้นยังเป็นห้องครัวปิดช่วยเรื่องการป้องกันกลื่นจากการทำอาหาร มีห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ สามารถวางโต๊ะทานอาหารได้ขนาด 4 ที่นั่ง ทั้ง 2 ห้องนอนได้ขนาดใหญ่วางเตียงได้ 5 ฟุต ได้ห้องน้ำในตัวทั้ง 2 ห้อง มีห้องน้ำที่เป็น Double Access เข้าจากห้องครัวเพื่อความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบายเมื่อมีแขกมาหรือสามารถ เดินเข้าห้องน้ำได้เลยไม่ต้องผ่านห้องนอน ห้องนี้มีเพียงชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น ทั้งตึกมีเพียง 12 ห้องเท่านั้น   ความโดดเด่นของ CENTRIC RATCHAYOTHIN นอกจากทำเลแล้ว ยังเป็นเรื่องของความใส่ใจรายละเอียดในการออกแบบห้องพักอาศัยโดยพยายามทำความเข้าใจและนึกถึงความต้องการของผู้พักอาศัยที่แท้จริง ตามความตั้งใจที่ เอสซีฯ ที่อยากส่งมอบ Living Solution ให้แก่ลูกค้าสามารถตอบโจทย์ได้หลายไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เป็นความเพียบพร้อมของคอนโดมิเนียมสักโครงการที่เรียกว่ามีดีรอบด้าน ส่งผลเกิดเป็นความสมบูรณ์แบบในการใช้ชีวิตท่ามกลางเมืองหลวงตามไปด้วยเช่นกัน ซึ่งที่นี่คือคำตอบ   นอกจากนี้แล้วโครงการยังขายห้องแบบ Fully Furnished อีกด้วย! โครงการ เปิดพรีเซลส์โครงการ ในวันที่ 10-11 มีนาคม 2561 ที่เซ็นทริค รัชโยธิน Sales Gallery สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษสูงสุด 250,000 บาท* คลิก https://goo.gl/bQ5kMc ขายห้องแบบ Fully Furnished อีกด้วย! ในราคาเริ่ม 3.7 ล้านบาท* สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 1749 หรือ Line@ :@Sccondo      
คอนโดใหม่ ต้นปี 2018

คอนโดใหม่ ต้นปี 2018

จากการคาดการณ์ด้านเศรษฐกิจของปีนี้ที่หลายฝ่ายมองว่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เหล่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้เริ่มมีการเปิดตัวโครงการกันตั้งแต่ต้นปี ไม่ว่าจะเป็นค่ายใหญ่ที่เตรียมเปิดกันหลายสิบโครงการ ไปจนถึงค่ายที่เป็นผู้เล่นจากต่างจังหวัดก็ยังเข้ามาลงสนามอันร้อนแรงในกรุงเทพฯ เชื่อว่าปีนี้จะเป็นอีกหนึ่งปีที่มีการเปิดตัวโครงการมากที่สุดต่อเนื่องจากเมื่อปีที่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครที่กำลังมองหาคอนโดใหม่เพื่ออยู่อาศัย หรือเหล่านักลงทุน ปีนี้อย่ากระพริบตา รับรองว่าเหล่า Developer มีอะไรมาให้ติดตามกันมากมายตลอดปี เริ่มต้นจากคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ที่เปิดตัวกันไปแล้วในช่วงต้นปีนี้ มีตัวไหนเด็ดๆ บ้าง เรารวบรวมมาให้ดูกันค่ะ Muniq Langsuan จาก Major Development คอนโดมิเนียม High Rise 28 ชั้น 1 อาคาร 166 ยูนิต สถานที่ตั้งโครงการ : ถนนต้นสน จุดเด่น : เป็นโครงการแบบ Freehold ที่หายากในทำเลนี้, Automatic Parking 111% Unite Type :1 Bedroom : 50.00-57.00 ตร.ม. 1 Bedroom Plus : 64.00-78.00 ตร.ม. 2 Bedrooms : 83.00-113.00 ตร.ม. 2 Bedrooms Plus : 96.00-101.00 ตร.ม. 3 Bedrooms : 121.00-133.00 ตร.ม. 3 Bedrooms Plus : 176.00-179.00 ตร.ม. Penthouse (The Collection) : 71.00-254.00 ตร.ม. ราคา : เริ่มต้น 12.9 ล้านบาท เฉลี่ย 310,000 บาท/ตร.ม.   Cooper Siam จาก Koon Estate คอนโดมิเนียม High Rise 24 ชั้น 1 อาคาร 188 ยูนิต สถานที่ตั้งโครงการ : ถนนรองเมือง ซอยรองเมือง 5 Concept : Combo Loft จุดเด่น : ห้องเพดานสูง 4.6 เมตร ลิฟท์แยกโซน Unite Type : Single และ Double  41-71 ตร.ม. Sky Residence 1-2 ห้องนอน 30 – 67 ตร.ม. Penthouses และ Duplex 3 ห้องนอน 188 – 220 ตร.ม. ราคา : เริ่มต้น 4 ล้านบาท เฉลี่ย 138,000 บาท/ตร.ม. The Reserve Sukhumvit 61 จาก Pruksa คอนโดมิเนียม Low Rise 7 ชั้น 2 อาคาร 186 ยูนิต สถานที่ตั้งโครงการ : ซอยสุขุมวิท 61 Concept : Reserve Your Exclusivity จุดเด่น : อยู่ย่านใจกลางเมือง แต่ภายในซอยเงียบสงบ Unite Type : 30.75-138.80 ตร.ม. 1 Bedroom 2 Bedroom 3 Bedroom Duplex ราคา : เริ่มต้น 10 ล้านบาท เฉลี่ย 325,000 บาท/ตร.ม. One 9 Five Asoke-Rama9 จาก TC Development คอนโดมิเนียม High Rise 61 ชั้น 2 อาคาร 954-957 ยูนิต สถานที่ตั้งโครงการ : ริมถนนพระราม 9 จุดเด่น : เน้นการออกแบบที่ดีทั้งภายในและภายนอกอาคารที่หรูหราแต่ราคาจับต้องได้, พื้นที่ส่วนกลาง 8-9 ไร่ Unite Type : 1 Bedroom Junior Suite 25.5-27.5 ตร.ม. 1 Bedroom Deluxe 35-41 , 48-69.5 ตร.ม. 2 Bedroom Deluxe 55-67.5 ตร.ม. 3 Bedroom Exclusive 94-109.5 ตร.ม. Penthouse 194-271 ตร.ม. ราคา :  เริ่มต้น 2.89 ล้านบาท เฉลี่ย 114,000 บาท/ตร.ม. The Line Wongsawang จาก Sansiri คอนโดมิเนียม High Rise 36 ชั้น 1 อาคาร 1,287 ยูนิต สถานที่ตั้งโครงการ : ติดถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี ขาออก Concept : ก้อนเมฆ จุดเด่น : ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีวงศ์สว่าง 200 เมตร Unite Type : 1 Bedroom  28.00-40.75 ตร.ม. 2 Bedrooms  47.75-55.75 ตร.ม. ราคา : เริ่มต้น 1.99 ล้านบาท เฉลี่ย 95,000 บาท/ตร.ม. KnightsBridge Space Rama IX จาก Origin คอนโดมิเนียม High Rise 28 ชั้น 1 อาคาร 325 ยูนิต สถานที่ตั้งโครงการ : ริมถนนดินแดง ใกล้สี่แยกพระราม 9 จุดเด่น : เพดานห้องสูง 4.2 เมตร   IKON Sukhumvit77 จาก V Property คอนโดมิเนียม Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร 442 ยูนิต สถานที่ตั้งโครงการ : สุขุมวิท 77 (ซอยอ่อนนุช 10) Concept : Living Extraordinary จุดเด่น : เข้า-ออกได้หลายเส้นทาง เช่น สุขุมวิท 77-สุขุมวิท 81 Unite Type : Studio  23.23-26.01 ตร.ม. 1 Bedroom  27.45-31.56 ตร.ม. 1 Bedroom Plus  34.15-34.85 ตร.ม. 2 Bedrooms  43.27-47.05 ตร.ม. ราคา : เริ่มต้น 1.99 ล้านบาท เฉลี่ย 85,665 บาท/ตร.ม. Ciela sripatum จาก Grand Unity คอนโดมิเนียม High Rise 28 ชั้น 1 อาคาร 903 ยูนิต สถานที่ตั้งโครงการ : ริมถนนพหลโยธิน ตรงข้ามมหาวิทยาลัยศรีปทุม Concept : Simply Makes Sense จุดเด่น : เป็นคอนโดมิเนียมโครงการแรกที่ติดรถไฟฟ้าจากแกรนด์ ยูนิตี้, ราคาเปิดตัวไม่สูง Unite Type : 22.5-60 ตร.ม.