Tag : คอนโด อโศก

9 ผลลัพธ์
“THE ESSE ASOKE” ชวนสัมผัสประสบการณ์ Live  Highest, Live Finest  พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษในงาน Open House 9-10  มีนาคมนี้

“THE ESSE ASOKE” ชวนสัมผัสประสบการณ์ Live Highest, Live Finest พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษในงาน Open House 9-10 มีนาคมนี้

THE ESSE ASOKE (ดิ เอส อโศก) คอนโดมิเนียมสุดลักชัวรี โดยสิงห์ เอสเตท เตรียมจัดงาน THE ESSE ASOKE OPEN HOUSE วันที่ 9-10 มีนาคม 2562 เพื่อเชิญเยี่ยมชมบรรยากาศและสัมผัสประการณ์การอยู่อาศัยในแบบลักชัวรี โดยภายในงานได้เตรียมกิจกรรมไว้ต้อนรับลูกค้ามากมาย อาทิ เพลงบรรเลงจาก SWU BAND วงจากนิสิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ผ่อนคลายไปกับการนวดแบบ Stones Massage และร่วมเวิร์คชอปการจัดดอกไม้สไตล์ญี่ปุ่น (IKEBANA) อีกทั้งยังเตรียมโปรโมชั่นสุดพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจจองในงาน ได้แก่ แพคเกจเฟอร์นิเจอร์มูลค่ารวมกว่า 500,000 บาท และบัตรกำนัลใช้แทนเงินสด มูลค่า 100,000 บาท สำหรับซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในศูนย์การค้าชั้นนำ โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้จาก Call center 1221   THE ESSE ASOKE (ดิ เอส อโศก) คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีแห่งแรกของ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองภายใต้คอนเซป ‘Live Highest, Live Finest’ ‘ที่สุด...ทุกการใช้ชีวิต’ โดดเด่นเหนือใครด้วยความสูง 55 ชั้น สูงที่สุดในย่านอโศก พร้อมรายละเอียดการออกแบบที่งดงามเหนือกาลเวลาเน้นความเป็นส่วนตัว ด้วยการออกแบบจัดวางผังอาคารแบบไม่มีห้องตรงข้าม (Single Corridor) ทำให้มีจำนวนห้องพักต่อชั้นสูงสุดเพียง 12 ห้องเท่านั้น พร้อมเติมเต็มความสุขในการใช้ชีวิตด้วยพื้นที่สีเขียวส่วนกลางรวมกว่า 1 ไร่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ห้อง Golf Simulation ห้องประชุม ห้องสมุด และ Residence Lounge อีกทั้งยังสะดวกสบายทุกการเดินทาง ทั้ง MRT, BTS, Airport Link และทางด่วน รายรอบด้วยห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลชั้นนำมากมาย ราคาเริ่มต้น 9.59 ล้านบาท    
อิโตชู ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ MQDC พัฒนาวิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท

อิโตชู ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ MQDC พัฒนาวิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท

นับเป็นการลงทุนครั้งแรกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยในรอบกว่า 20 ปี ของอิโตชู (ITOCHU) บริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นที่ตัดสินใจร่วมลงทุนในโครงการวิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท คอนโดมิเนียมระดับคุณภาพจาก MQDC ถือเป็นเครื่องยืนยันว่าอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพได้รับความสนใจจากตลาดโลก   MQDC ลงนามร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับอิโตชู (ITOCHU) จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาโครงการวิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท คอนโดมิเนียมสูง 39 ชั้น วิวสวนป่าเบญจกิติ มูลค่าโครงการกว่า 9.5 พันล้านบาท โดยอิโตชู (ITOCHU) ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทรดดิ้งตัดสินใจร่วมลงทุนถือหุ้นในสัดส่วน 38% นับเป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยครั้งแรกในรอบ 20 ปี   การร่วมมือในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าทั้งโครงการที่พักอาศัยและจังหวัดกรุงเทพมหานครกำลังได้รับความสนใจจากตลาดโลก กล่าวโดย คุณอัษฎา แก้วเขียว ประธานผู้อำนวยการแบรนด์วิสซ์ดอม บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับสากล “ความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าโครงการวิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท คือสินทรัพย์ที่มีค่าทั้งต่อผู้พักอาศัยและนักลงทุนทั่วโลก อีกทั้งยังทำให้อิโตชู (ITOCHU) หวนกลับมาลงสนามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยในรอบ 20 ปี ด้วยสุดยอดทำเลที่ตั้ง การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และคุณภาพระดับพรีเมี่ยม” คุณอัษฎากล่าว   “ข้อตกลงนี้ยังแสดงให้เห็นว่าท่ามกลางแนวโน้มของตลาดที่ยังคงลอยตัวต่อโครงการที่พักอาศัยที่ต้องการนำเสนอความเป็นเอกลักษณ์อย่างแท้จริง เช่นวิวทิวทัศน์ที่น่าทึ่งของสวนป่าขนาด 450 ไร่ แต่กรุงเทพมหานครคือสถานที่สำหรับการใช้ชีวิตและเหมาะสมในการลงทุน และเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับอิโตชู (ITOCHU) ซึ่งเป็นบริษัทที่ติดลำดับต้น ๆ ของการจัดอันดับ 500 บริษัทจาก Fortune”   พิธีลงนามความร่วมมือทางธุรกิจนี้ได้จัดขึ้น ณ โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่ที่โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด หรือ MRB โดยมีคุณทิพพาภรณ์ อริยวรารมย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทดีทีจีโอคอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ MQDC พร้อมด้วย คุณรัช ตันตนันตา ประธานผู้อำนวยการ บริษัทดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด คุณวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC และคุณอัษฎา แก้วเขียว ประธานผู้อำนวยการ แบรนด์วิสซ์ดอม จาก MQDC เป็นตัวแทนเข้าร่วมงาน   มร. มาซาโตชิ มากิ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ฝ่ายก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์และโลจิสติกส์ บริษัทอิโตชู (ITOCHU) เป็นตัวแทนลงนามร่วมด้วยมร. โทโมฟุมิ โยชิดะ ประธานกรรมการบริหาร ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อการอยู่อาศัย และ อสังหาริมทรัพย์ บริษัทอิโตชู (ITOCHU) และ มร. ยูจิ ฟุคุดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอิโตชู สิงคโปร์ (ITOCHU Singapore Pte Ltd)   MQDC และ อิโตชู มีพันธกิจร่วมกันนั้นคือเรื่องคุณภาพและความยั่งยืน คุณวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ กล่าว “พันธกิจหลักของ MQDC คือ For all well-being ซึ่งแปลว่าเรามุ่งมั่นที่จะสร้างความเป็นอยู่ที่ดีไม่เพียงแค่ผู้อยู่อาศัยในโครงการเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงชุมชน สภาพแวดล้อม และทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้ โดยผ่านการดำเนินงานตามแนวคิดนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน” “พันธกิจนี้สอดคล้องกับทางอิโตชู (ITOCHU) ที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่ง MQDC เรามุ่งมั่นที่จะร่วมงานกับหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่และได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก ความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ไม่เพียงแค่เกิดผลดีต่อ MQDC เท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นว่าทั่วโลกให้ความสนใจธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่องอีกด้วย”   อิโตชู (ITOCHU) กำลังมองหาพันธมิตรทางธุรกิจที่ “แข็งแกร่งและยั่งยืน” ซึ่งขยายความไปถึง “ธุรกิจทางนวัตกรรม” ด้วย มร. มากิ กล่าว “นี่เป็นทำเลที่ดีที่สุดด้วยวิวที่หันหน้าสู่สวนเบญจกิติ และเรากำลังมองหาโอกาสในการลงทุนในย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ” มร.มากิกล่าว “อิโตชู (ITOCHU) ร่วมพัฒนาโครงการวิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท ซึ่งถือได้ว่าเป็นพันธมิตรที่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนได้ และ MQDC คือพันธมิตรที่มีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมในการขยายธุรกิจทางด้านนวัตกรรม”      
RICHY ประกาศพร้อมนำ “เดอะริช@เพลินจิต-นานา” สู่ตลาดบน ปักหมุดเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์–ต่างชาติ

RICHY ประกาศพร้อมนำ “เดอะริช@เพลินจิต-นานา” สู่ตลาดบน ปักหมุดเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์–ต่างชาติ

RICHY ประกาศศักดา นำคอนโดมิเนียมทำเลทองย่านซีบีดี "เดอะริช@เพลินจิต-นานา" มูลค่าโครงการ 3.7 พันล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ทั้งไทยและต่างประเทศ ด้วยสไตล์ MIXED USE พร้อมจัดโปรโมชั่นสุดเพอร์เฟคให้กลุ่มผู้สนใจซื้อลงทุนด้วยผลตอบแทน 16% การันตีทุกยูนิต มั่นใจสามารถดันยอดขายเพิ่ม หนุนผลประกอบการปี 62 เติบโตโดดเด่น   ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จํากัด (มหาชน) หรือ RICHY เปิดเผยว่า บริษัทฯ จัดแคมเปญและโปรโมชั่นสำหรับโครงการคอนโดมิเนียม "เดอะริช@เพลินจิต-นานา" มูลค่าโครงการ 3.7 พันล้านบาท ภายใต้แนวคิดโครงการ Wellness Living เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยชั้นนำย่าน CBD พร้อมได้แต่งตั้ง บริษัทไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่าย (เอเจนซี่) โครงการดังกล่าว   ทั้งนี้เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าระดับบนทั้งคนไทย และต่างชาติ โดยนำร่องเน้นที่กลุ่ม Medical Tourist , คนจีน และตะวันออกกลาง ลูกค้าชาวไทยที่มีรายได้ตั้งแต่ 180,000 บาทขึ้นไป รวมถึงเจ้าของธุรกิจ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและมีความต้องการซื้อ เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย หรือเพื่อการลงทุน โดยใช้กลยุทธ์โปรโมชั่นพิเศษ สำหรับกลุ่มที่ต้องการซื้อลงทุนด้วยการมอบ Yield guaranteeสูงถึง 16%   สำหรับโครงการเดอะริช@เพลินจิต-นานา เป็นคอนโดมิเนียม High rise ระดับไฮเอนด์ สูง 32 ชั้น 427ยูนิต หนึ่งเดียวบนถนนสุขุมวิทซอย 3 (นานา) ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ ติดธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่ ใกล้โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เพียง 290 เมตร ชูจุดขาย 1 ห้องนอน สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานได้จริงตามผู้อยู่อาศัย สามารถเปลี่ยนห้อง Plus เป็นห้องทำงาน , Walk in closet หรือห้องนอนเล็กได้ตามต้องการ และแบบ 2 ห้องนอน ที่สามารถเปลี่ยนห้องนอนเล็กเป็นห้องทำงาน ห้องฟังเพลง ได้ตามต้องการ   นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งอยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Wellness Living” เน้นการสร้างความเป็นอยู่ที่พิถีพิถัน สุขสบายเพื่อสุขภาพที่ดี กลมกลืน กับธรรมชาติ ท่ามกลางความ ดีเลิศในด้านสังคมการอยู่อาศัยที่มีความเป็นส่วนตัวสูง หรูหรา ด้วยส่วนกลางที่มาพร้อมสระว่ายน้ำแบบ CHROMOTHERAPY HEALING SWIMMING POOL , Kids room ,Yoga room และสวนแบบ Pocket Garden ตอบสนองความต้องการพักผ่อนอย่างแท้จริง   ในส่วนของ Mixed -Use แบ่งสัดส่วนเป็น 3 ชั้น ประกอบไปด้วยร้านค้า Retail ระดับ Luxury กว่า 50 shops ที่จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ Mix Life ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะกิน ,ช้อป และดูแลสุขภาพ โดยสามารถเดินทางได้ง่ายด้วยรถไฟฟ้าสถานีเพลินจิตและนานา ถือได้ว่าเป็นที่ดินที่ตั้งอยู่บนทำเลที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งในย่านธุรกิจการค้า บนถนนสุขุมวิท-นานา ที่แนวโน้มราคามีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น จึงเหมาะทั้งสำหรับเพื่ออยู่อาศัย และซื้อเพื่อการลงทุน      
เปิดตัวคอนโด ดิ เอส อโศก ‘Live Highest, Live Finest’ สิงห์ เอสเตท

เปิดตัวคอนโด ดิ เอส อโศก ‘Live Highest, Live Finest’ สิงห์ เอสเตท

บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำการเป็น Premier Lifestyle Developer เปิดตัว‘ดิ เอส อโศก’ ภายใต้คอนเซปต์ ‘Live Highest, Live Finest’ คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีโครงการแรกที่สร้างเสร็จและพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้า ใส่ใจและพิถีพิถันทุกรายละเอียดในการดูแลลูกบ้านด้วยบริษัท เอส คลาส แมเนจเม้นท์ จำกัด บริษัทที่รับผิดชอบดูแลด้านพร็อพเพอร์ตี้แมเนจเม้นท์ของ สิงห์ เอสเตท เผยปัจจุบันมียอดโอนแล้วกว่า 1,550 ล้านบาท นอกจากนี้เตรียมจัดงาน Grand Opening เพื่อปิดยอดขายยูนิตล็อตสุดท้าย ในวันที่ 9-10 มีนาคม 2562 ด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษ แพคเกจเฟอร์นิเจอร์พร้อมสิทธิพิเศษอื่นๆ มากมายภายในงาน คาดปิดการขายทั้งหมดได้ภายในกลางปีนี้   นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บมจ. สิงห์ เอสเตท เผยว่า โครงการดิ เอส อโศก (THE ESSE ASOKE) นับเป็นคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีที่มีการสร้างเสร็จพร้อมส่งมอบและ ทำการเปิดตัวโครงการแรกของทาง สิงห์ เอสเตท ซึ่งจะเป็นโครงการที่สะท้อนให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของการเป็น พรีเมียร์ ไลฟ์สไตล์ ดีเวลลอปเปอร์ (Premier Lifestyle Developer) โดยเรามุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตในระดับพรีเมียมและได้สัมผัสถึงความเป็นครอบครัวสิงห์ เอสเตท ซึ่งตอกย้ำความตั้งใจในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับลูกค้า “ดิ เอส อโศก ได้รับการออกแบบให้เป็นคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ความต้องการของ คนเมือง ด้วยคอนเซปต์ ‘Live Highest, Live Finest’ หรือ ‘ที่สุด...ทุกการใช้ชีวิต’ โดยการออกแบบเน้นความเรียบหรู ผสานกับความเป็น Modern Contemporary ตัวอาคารมีทั้งหมด 55 ชั้น และเป็นอาคารที่อยู่อาศัยสูงที่สุดในย่านอโศก กับจำนวนห้องพัก 419 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 แบบ ประกอบด้วย 1Bedroom, 2Bedroom และห้อง Penthouse เน้นความเป็นส่วนตัว ด้วยการออกแบบจัดวางผังอาคารแบบไม่มีห้องตรงข้าม (Single Corridor) ทำให้มีจำนวนห้องพักต่อชั้นสูงสุดเพียง 12 ห้องเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีพื้นที่สีเขียวส่วนกลางรวมกว่า 1 ไร่ โดยเฉพาะ “ดิ เอส คอร์ท” สวนด้านหน้าโครงการมีพื้นที่ถึง 1,000 ตารางเมตร ทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่เพียงแต่ได้รับความเป็นส่วนตัวแต่ยังได้ความสดชื่นร่มรื่นและสบายตาในทุกจังหวะการใช้ชีวิตที่ “ดิ เอส อโศก” พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทางโครงการเตรียมไว้อย่างครบครัน อาทิ สระว่ายน้ำลอยฟ้าบนชั้น 33 ให้ทุกท่านชมวิวความสวยงามของกรุงเทพมหานคร และออกกำลังกายในฟิตเนสระดับพรีเมียม, สำหรับท่านที่ชื่นชอบกีฬากอล์ฟสามารถฝึกซ้อมวงสวิงที่ห้อง Golf Simulator, พร้อมพักผ่อนยามเย็นที่สวนชั้น 10 และสกาย เลาจ์ ที่ชั้น 43 ที่ประกอบไปด้วยมุมสังสรรค์ ห้องประชุม และห้องสมุด”   นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า สำหรับโครงการนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมากตั้งแต่วันที่เริ่ม pre sales ในช่วงปลายปี 2558 ทำให้เรามียอดขายไปแล้วกว่า 90% โดยโครงการได้เริ่มทำการโอนให้กับลูกค้าตั้งแต่ปลายปี 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ทำการโอนไปแล้วกว่า 1,550 ล้านบาท หรือ 38% โดยคาดว่าจะโอนแล้วเสร็จทั้งหมดภายในไตรมาส 2 ปีนี้และทางโครงการได้เตรียมโปรโมชั่นสุดพิเศษไว้สำหรับห้องส่วนที่ยังไม่ได้ขายอีกประมาณ 10% ด้วยแพคเกจเฟอร์นิเจอร์มูลค่า 500,000 บาท และยังมี voucher มูลค่า 100,000 บาท ในงาน Grand Opening ในวันที่ 9-10 มีนาคม 2562 นี้อีกด้วย   สิงห์ เอสเตท มุ่งมั่นในการเป็น Premier Lifestyle Developer โดยพัฒนาโครงการที่พักอาศัยภายใต้แบรนด์ ดิ เอส (THE ESSE) ให้เป็น Leading Premium Brand ซึ่งสะท้อนถึงการใช้ชีวิตที่ครบครันอย่างพิถีพิถันและมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับลูกบ้านครอบครัว สิงห์ เอสเตท อีกด้วย อีกทั้งได้จัดทำ แอพลิเคชั่น S Life ขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ โดยบริการ S Life เปรียบเหมือนศูนย์รวมกิจกรรมข้อมูลข่าวสาร โปรโมชั่น และ สิทธิพิเศษต่างๆ สำหรับลูกบ้านโดยเฉพาะ   นอกจากนี้อีกหนึ่งส่วนสำคัญ คือ สิงห์ เอสเตท ได้จัดตั้งบริษัท เอส คลาส แมเนจเม้นท์ จำกัด (S KLAS Management Company Limited) ขึ้นอย่างเป็นทางการ เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการ โครงการอสังหาริมทรัพย์ของ สิงห์ เอสเตท ที่พร้อมให้บริการลูกบ้านอย่างครบวงจร ทั้งเรื่อง การจัดการนิติบุคคล, การแจ้งซ่อม, การจองสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และแนะนำข้อมูลสถานที่ใกล้เคียงที่สำคัญ รวมถึงบริการคอนเซียร์จเซอร์วิส (Concierge Service) ที่มีทีมงานบริการลูกบ้าน ซึ่งมีประสบการณ์ระดับสากล ด้วยมาตรฐานการบริการเหนือระดับ ทำให้ S KLAS Management สามารถดูแลโครงการทั้งหมด ให้อยู่ในระดับ Best in Class อีกทั้งยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการในอนาคต   “วันนี้สิงห์ เอสเตท พร้อมแล้วที่จะส่งมอบประสบการณ์แบบ Best in class ที่พิถีพิถัน ใส่ใจในรายละเอียด ให้กับทุกท่าน ตอกย้ำภาพการเป็น Premier Lifestyle Developer ซึ่งมุ่งมั่นในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และดีที่สุดสำหรับลูกบ้านครอบครัว สิงห์ เอสเตท” นายณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย      
Whizdom Asoke-Sukhumvit ใกล้ชิดสวนป่ากลางกรุง

Whizdom Asoke-Sukhumvit ใกล้ชิดสวนป่ากลางกรุง

หนึ่งในทำเลคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองที่มีทิวทัศน์ดีที่สุด คงจะหนีไม่พ้นการที่ได้วิวทะเลสาบกลางสวนสาธารณะขนาดใหญ่ซึ่งหาได้ยากมากๆ ในบ้านเราค่ะ ทั้งในแง่ของสวนสาธารณะที่มีอยู่ไม่กี่แห่ง ประกอบกับที่ดินใกล้เคียงก็หาไม่ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะที่ดินใกล้กับสวนป่าเบญจกิติที่มีทะเลสาบขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยพื้นที่สีเขียว 130 ไร่ รวมพื้นที่กว่า 450 ไร่ ใจกลางเมืองใกล้กับศูนย์สิริกิติ์ฯ เปรียบได้กับโอเอซิสของย่านอโศกก็คงไม่ผิดนัก          เมื่อเอ่ยถึงย่านอโศกแล้ว สิ่งแรกที่ใครหลายคนจะนึกถึงนั่นคืออาคารสำนักงานเรียงรายกันอยู่ตลอดช่วงถนน ซึ่งก็ไม่แปลกนะคะ เพราะอโศกนั้นเป็นแหล่งที่มีพื้นที่ออฟฟิศมากที่สุดในกรุงเทพฯ กว่า 1 ล้านตารางเมตร ถูกเช่าเกือบ 100% จาก  บริษัทที่มีชื่อเสียงหลายองค์กรทั้งสัญชาติไทยและต่างชาติ อีกทั้งยังมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ เนื่องจากนักลงทุนต่างก็มองเห็นศักยภาพของย่านนี้อย่างไร้ข้อกังขามาโดยตลอด โดยหากมองจากทำเลที่ตั้งแล้วนั้นก็จะพบว่าอโศกถือเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง CBD เดิมอย่างสาทร-สีลม กับ New CBD ที่พระราม 9 เราเลยจะไม้ได้เห็นเพียง Office Building เท่านั้น แต่ทั้งโรงแรมหรู คอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้า รวมถึงสถานที่สำคัญมากมาย จึงไม่แปลกเลยค่ะที่จะกลายเป็นศูนย์รวมเศรษฐกิจในบ้านเราอีกแห่งหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดทั้งในปัจจุบันและอนาคต   ด้วยความที่เป็นแหล่งรวมคนทำงานมนุษย์ออฟฟิศ รวมถึงนักศึกษา บุคคลากรของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เมื่อมีผู้คนมากมายก็ย่อมต้องตามมาด้วยอาหารการกินเช่นกันใช่ไหมคะ ไม่ว่าจะเป็นแนวสตรีทฟู้ด ร้านอาหารทั้งไทย เอเชีย ตะวันตก ร้านคาเฟ่ดีไซน์สวย ไปจนถึงร้านแฮงค์เอ้าท์ ให้เลือกลิ้มลองกันตั้งแต่เช้าจรดค่ำหลากหลาย ส่วนเรื่องราคาค่าครองชีพนั้น กลับไม่แพงอย่างที่ใครคิด แม้จะอยู่ใจกลางเมืองก็ตามโดยเฉพาะช่วงกลางวันที่มีตลาดชื่อดังขวัญใจชาวออฟฟิศอโศกอย่าง ตลาดรวมทรัพย์ บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ ร้านค้า ร้านอาหารกว่า 300 ร้าน เรียกได้ว่าคนทำงานละแวกนี้ไม่มีใครไม่เคยมาเดินแน่นอน ตลาดนัดมศว. เปิดเฉพาะวันอังคาร และพฤหัสบดี ช่วงเช้า-14.00 น. แหล่งสินค้า และของอร่อยที่คนทำงานมักจะหิ้วขึ้นไปกินบนออฟฟิศอยู่เป็นประจำ ตลาดสุขตา อีกหนึ่งตลาดที่คนหนาแน่นมากในช่วงกลางวัน รวมถึง Food Court บนห้างสรรพสินค้า Terminal 21 ที่ขึ้นชื่อลือชาว่าราคาถูกที่สุดในบ้านเรา แบบที่สามารถถือเงิน 25-30 บาท ก็ได้ก๋วยเตี๋ยว หรือข้าวมา 1 จานแบบอิ่มพอดีได้เลยค่ะ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแรงผลักดันต่อเศรษฐกิจของอโศกที่ไม่เคยจางไป     นอกจากจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับไลฟ์สไตล์ได้ทั่วถึงแล้วนั้นก็ยังมีสวนสาธารณะคือ “สวนป่าเบญจกิติ” โอเอซิสของย่านอโศกที่ได้ต้นไม้โอบล้อมทะเลสาบอยู่รอบด้าน เปิดให้บริการทุกวัน 05.00-21.00 น. ซึ่งเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกที่มีลักษณะเป็นสวนป่า เพราะมีโซนที่เป็นไม้ยืนต้นใหญ่ให้ความร่มรื่น แต่ยังคงมีความโปร่งแสง ส่องแสงแดดให้ลอดลงมาถึงพื้นที่ได้อยู่ ยามเย็นเมื่อแดดร่มลมตกจะมีผู้คนทั้งเด็ก วัยทำงานไปจนถึงผู้สูงอายุมาวิ่งออกกำลังกายกัน เพราะมีถนนล้อมรอบทะเลสาบเป็นระยะทางประมาณ 1.8 กิโลเมตร ซึ่งมีประตูทางเข้าด้านที่เชื่อมต่อเข้าไปยังศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สถานที่สำคัญในการจัดงานอีเว้นท์สำคัญเอาไว้หลายงาน ซึ่งมีแผนจะปิดปรับปรุงถึง 3 ปี โดยจะเริ่มปิดทำการช่วงปลายปี 2561 เพื่อขยายพื้นที่เชิงการพาณิชย์และศูนย์การประชุมนานาชาติ รวมถึงสามารถจอดรถไปมากขึ้นรวมแล้วไม่น้อยกว่า 1.8 แสนตารางเมตร เมื่อปรับปรุงเสร็จสมบูรณ์แล้วก็จะยิ่งทำให้พื้นที่บริเวณนี้ยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นไปอีก       การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะเกือบจะเป็นหนทางหลักที่หลายคนเลือกใช้เพื่อหลีกหนีรถติดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน แน่นอนว่ารถไฟฟ้าคือคำตอบที่สะดวกรวดเร็วที่สุดของการเดินทางในกรุงเทพฯ ซึ่งสายหลักก็คือสายสุขุมวิท สายสีลม และรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน โดยจะวิ่งผ่านสถานที่สำคัญหลายแห่ง ล้วนแต่เป็นแหล่งเศรษฐกิจสำคัญทั้งสิ้นรวมถึงอโศกด้วยเช่นกัน ซึ่งบริเวณสี่แยกอโศกก็เป็นจุด Interchange ระหว่าง BTS สถานีอโศก กับ MRT สถานีสุขุมวิท ส่วนถนนหลักอย่างสุขุมวิทจะตัดกันกับถนนรัชดาภิเษก และถนนอโศกมนตรีที่สี่แยกอโศกเป็นแยกที่มีเอกลักษณ์ความเป็นเมืองใหญ่สูง เพราะเป็นทั้งจุด Interchange มี Sky Walk ข้ามสี่แยก และเชื่อมต่อเข้าสู่ห้างสรรพสินค้า Terminal 21 กับโรงแรมระดับ 5 ดาวอย่าง Grande Centre Point Terminal 21 ช่วงถนนกว้าง มีจอ LED ขนาดใหญ่บนอาคารสูง เรียกได้ว่าใครที่เห็นภาพปุ๊บก็จะทราบได้ทันทีว่านี่คือ สี่แยกอโศก             Whizdom Asoke-Sukhumvit   โครงการวิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท เป็นคอนโดมิเนียมระดับ Hi-end ลักษณะ High Rise 39 ชั้น เมื่อได้วิวไฮไลท์ประจำโครงการจากสวนป่าเบญจกิติก็จะยิ่งทำให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในบ้านพักตากอากาศใกล้ชิดธรรมชาติ เป็นส่วนตัวจากความวุ่นวายภายนอก แต่ยังอยู่ท่ามกลางความสะดวกสบายแบบวิถีชีวิตคนเมืองหลวง เทียบเคียงกันกับมหานครใหญ่ๆ ของโลก   Whizdom Asoke-Sukhumvit(วิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท) ตั้งอยู่ริมถนนรัชดาภิเษก ฝั่งตรงข้ามกับ “สวนป่าเบญจกิติ” และยังสามารถเข้าจากซอยสุขุมวิท 16 อีกเส้นทางได้ด้วย นี่ถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของคอนโดมิเนียมกลางเมืองเช่นนี้ เพราะเมื่อได้อยู่อาศัยจริงแล้ว การเข้า-ออกได้ 2 ทางจะช่วยให้เกิดความสะดวกสบายได้อีกเยอะ เช่น หากการจราจรบน ถ.รัชดาฯ ติดขัด ก็สามารถเข้าซ.สุขุมวิท 16 ได้ ซึ่งภายในซ.สุขุมวิท 16 นี้ ก็ยังแวดล้อมไปด้วยร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ คาเฟ่ ร้านแฮงเอาท์ ไปจนถึง ซุปเปอร์มาร์เกตตลอด 24 ชม. อยู่ใกล้กับโครงการ ที่สำคัญ คือ เป็นซอยที่สามารถทะลุไปได้หลายเส้นทาง เช่น ซ.ไผ่สิงโต, ซ.สุขุมวิท 22,  ซ.สุขุมวิท 24 และถ.พระราม 4 ซึ่งก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกเรียงรายอยู่ตลอดสองข้างทาง     จุด Interchange สำคัญในปัจจุบัน ยังมีเพียงไม่กี่สถานีเท่านั้นที่กลายเป็นแหล่งทำเลทองของที่อยู่อาศัย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Interchange ระหว่าง BTS สถานีอโศก กับ MRT สถานีสุขุมวิท โดยห่างจากโครงการเพียง 450 เมตร ถือเป็น Interchange แห่งเดียวบนถนนสุขุมวิทในปัจจุบันที่มีผู้โดยสารกว่า 85,000 คน/วัน ไม่ไกลจากนี้เพียง 1 สถานีจาก MRT สุขุมวิท ไปยัง Airport Rail Link สถานีมักกะสัน เพื่อเชื่อมต่อไปยังสุวรรณภูมิ  อีกทั้งยังพรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย นอกจากนี้ยังมีจุดขึ้น-ลงทางด่วนอยู่ไม่ไกลโครงการอีกหลายแห่งทีเดียวค่ะ ไม่ว่าจะเป็นทางพิเศษเฉลิมมหานคร ด่านพระราม 4, ด่านท่าเรือ หรือทางพิเศษศรีรัชที่ด่านอโศก ทั้งหมดก็จะห่างจากโครงการประมาณ 2 กิโลเมตร      จาก BTS อโศก-Whizdom Asoke-Sukhumvit    เราลองเดินชมทำเลของย่านนี้ไปจนถึงคอนโด Whizdom Asoke-Sukhumvit(วิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท) กันค่ะ โดยเริ่มต้นจาก BTS สถานีอโศก เดินออกทางประตูที่ 6   ทางออกทางฝั่งนี้นอกจากจะเชื่อมต่อกับห้างสรรพสินค้า Terminal 21 และโรงแรม Grande Centre Point Terminal 21 แล้ว ก็ยังเป็น Interchange กับ MRT สถานีสุขุมวิท    เดินตามประตูทางออกที่ 6 ของ BTS นั้นจะเป็นการเดินบน Sky Walk ข้ามสี่แยกอโศก    มองย้อนกลับไปที่ BTS สถานีอโศกที่ผ่านมาเมื่อสักครู่นี้ค่ะ สำหรับสี่แยกที่มีขนาดใหญ่อย่างสี่แยกอโศกแล้วนั้น Sky Walk ถือว่ามีความสำคัญมากๆ  ที่ทำให้คนเดินข้ามถนนได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น     ลงบันไดที่อยู่ใกล้โครงการที่สุดค่ะ ซึ่งอยู่ริมถนนสุขุมวิทข้างอาคาร Exchange Tower ตรงหัวมุมสี่แยกอโศกเลย   จากหน้าอาคาร  Exchange Tower  เดินมาตามถนนรัชดาภิเษกประมาณ 180 เมตรก็จะพบกับซอยสุขุมวิท 16 ซึ่งเป็นซอยที่สามารถเดินจาก BTS อโศก ใช้เป็นทางเข้า-ออกโครงการได้อีก 1 ช่องทางค่ะ   บรรยากาศภายในซอยสุขุมวิท 16 นั้นคึกคักไม่แพ้บนถนนหลักทีเดียวค่ะ ตั้งแต่ปากซอยก็จะมีทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ไปจนถึงร้านแฮงค์เอ้าท์เรียงรายอยู่มากมาย   บริเวณหลังอาคาร CTI Tower มี Foodland 24 ชม. อยู่ด้วยนะคะ ซึ่งตัวอาคาร  CTI Tower นี้เองก็จะอยู่ติดกับโครงการ Whizdom Asoke-Sukhumvit(วิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท)    บริเวณด้านหลังโครงการ อีกหนึ่งทางเข้า-ออก Whizdom Asoke-Sukhumvit(วิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท) ค่ะ ที่ดินของโครงการทางฝั่งในซอยสุขุมวิท 16 นี้หน้ากว้างใช้ได้เลยค่ะ     จากด้านหลังอาคาร CTI Tower เราสามารถเดินทะลุมาที่ริมถนนรัชดาได้เลยค่ะ ซึ่งถัดไปก็จะเป็นที่ตั้งของโครงการแล้วค่ะ   หน้าโครงการจะมีที่ดินหน้ากว้างกว่าด้านหลังเล็กน้อยค่ะ ตอนนี้กำลังล้อมรั้วสร้าง Sale Gallery ที่ใครหลายคนใจจดใจจ่อรอคอยที่จะได้เห็นยลโฉมกันอยู่ ซึ่งอีกไม่นานเกินรอค่ะ   จากหน้าโครงการเราเดินข้ามสะพานลอยมาที่สวนป่าเบญจกิติ ซึ่งจะเปิดให้บริการทุกวัน 05.00-21.00 น. ภายในสวนแห่งนี้ตรงกลางจะเป็นทะเลสาบ นอกนั้นจะเป็นพื้นที่ของสวนป่าที่มีต้นไม้ยืนต้นนานาพันธุ์ ให้ความร่มรื่นอยู่ทั่วบริเวณ    รอบทะเลสาบจะมีถนนอยู่รอบเป็นรูปคล้ายวงรี หลายคนนิยมมาวิ่งออกกำลังกายกันที่นี่ในช่วงเย็นๆ ค่ะ เปลี่ยนบรรยากาศจากการวิ่งในห้องฟิตเนสมาวิ่งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ขณะเดียวกันถ้าได้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมแถวนี้ด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งทำให้เหมือนได้มีโอกาสพักผ่อนอยู่ตลอดเวลา   บรรยากาศด้านนอกเป็นอาคารสูงระฟ้า แต่พอเข้ามาในสวนป่าเบญจกิติแล้ว กลับพบกับอีกบรรยากาศที่เหมือนอยู่กันคนละโลกกับภายนอก ทั้งที่อยู่กลางเมืองย่านเศรษฐกิจ ซึ่งโครงการ Whizdom Asoke-Sukhumvit(วิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท) จะอยู่ระหว่างอาคาร Lake Ratchada (อาคารสีฟ้า)ทางขวามือของภาพ กับอาคาร CTI Tower (อาคารสีเขียว)ทางซ้ายมือของภาพ      การได้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมที่สามารถเดินทางได้หลากหลายเส้นทาง จะทำให้สะดวกสบายมากสำหรับการวางแผนเดินทางแต่ละวัน อย่างวันไหนรถติดก็เดินไปขึ้นรถไฟฟ้า วันไหนฝนตกก็เปลี่ยนมาขับรถยนต์แทน ใกล้กับจุดขึ้น-ลงทางด่วนหลายจุด ฝั่งตรงข้ามกันยังมีสวนป่าเบญจกิติให้ได้พักสายตาจากทิวทัศน์ที่หาได้ยากมากในกรุงเทพฯ หรือเปลี่ยนบรรยากาศการพักผ่อนออกกำลังกายได้ง่ายๆ ขณะเดียวกันก็ยังแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกตลอด 24 ชม. ทุกสิ่งจะส่งให้ชีวิตคนเมืองกรุงลงตัวกว่าที่เคยใน Whizdom Asoke-Sukhumvit(วิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท)        สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Tel : 1265 Website : ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ  http://bit.ly/2oOYTpU
อโศก-พระราม 9 ทำเลแห่ง New CBD

อโศก-พระราม 9 ทำเลแห่ง New CBD

ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ว่ากันว่าย่านอโศก-พระราม 9-รัชดา เป็นแหล่ง New CBD(Central Business District) ต่อจากย่านเศรษฐกิจอย่างสาทร-สีลม ที่เริ่มหาที่ดินมาพัฒนาได้ยากมากขึ้น ด้วยปัจจัยของสิ่งรอบด้านในย่านนั้นส่งผลให้มีความเจริญเติบโตของเมืองเพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด ประกอบกับวิถีชีวิตของประชากรที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯเปลี่ยนแปลงไป ทำให้บริเวณอโศก-พระราม 9-รัชดา จึงกลายเป็นทำเลที่หลายคนต้องจับตามองกันแบบไม่กระพริบตา   ถนนรัชดาภิเษกตั้งแต่สี่แยกรัชดา-ลาดพร้าว เชื่อมต่อไปยังถนนอโศกมนตรี เป็นช่วงที่มีความคึกคักอยู่ตลอดเวลาไม่เว้นแม้แต่วันเสาร์-อาทิตย์ เพราะตลอดสองฝั่งถนนมีทั้งโรงแรมระดับ 3-5 ดาว, ร้านอาหาร, โรงพยาบาล, สถาบันการศึกษา, ห้างสรรพสินค้า, ซุปเปอร์มาร์เก็ต และอาคารสำนักงานมากมาย ที่สำคัญมีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ที่วิ่งผ่านตลอดเส้นทาง และมีแอร์พอร์ตลิงค์ สถานีมักกะสัน เป็นจุด Interchange เชื่อมต่อกับ MRT สถานีเพชรบุรี แล้วในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มเกิดขึ้น โดยมีสถานีที่เป็น Interchange กับ MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรม อีกทั้งยังมีจุดขึ้น-ลง ทางพิเศษศรีรัชในบริเวณเดียวกัน   หลายสถานที่สำคัญก็เปรียบเสมือนแม่เหล็กดึงดูดให้ย่านนี้เกิดการเติบโตอันรวดเร็ว เช่น   The Rama IX Super Tower โดยบริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ G Land เป็นอาคารที่กำลังจะก้าวขึ้นแท่นอาคารสูงที่สุดติดท็อป 10 ของโลกถึง 615 เมตร จำนวณ 125 ชั้น บนพื้นที่ โดย Super Tower ได้แบ่งอาคารออกเป็น 4 ส่วนหลักด้วยกัน คือ ห้างสรรพสินค้า โรงแรมระดับ 6 ดาว ศูนย์ประชุม และสำนักงานเกรดเอ ตัวอาคารตั้งอยู่หลังเซ็นทรัลพระราม 9 ปัจจุบันกำลังเริ่มการก่อสร้าง หากแล้วเสร็จเมื่อไรคาดการณ์กันว่าจะทำให้เกิดการลงทุนด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาล   อาคารสำนักงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษกติดกับสถานทูตจีน อาคารนี้ถือเป็นศูนย์กลางธุรกิจตลาดทุนครบวงจรของประเทศ ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการวางแผนทางการเงินและการลงทุน สำหรับนักเรียน นักศึกษา และประชาชน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ นอกจากนี้ก็ยังมีอาคารสำนักงานชื่อดังอื่นๆ เช่น Cyberworld Tower (CW Tower), AIA Capital Center, True Tower, G Tower, Unilever House เป็นต้น   ห้างสรรพสินค้า ไม่ว่าจะเป็นเซ็นทรัลพระราม 9, ฟอร์จูน, เอสพลานาด, เดอะ สตรีท รัชดา, โชว์ ดีซี ฯลฯ แต่ละแห่งก็สามารถตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละคนได้แตกต่างกันไป เช่น ฟอร์จูน สำหรับความต้องการสินค้าด้านไอทีโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ กล้องถ่ายภาพ โทรศัพท์มือถือ รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ, โชว์ ดีซี ศูนย์การค้าน้องใหม่สไตล์เกาหลี ที่เป็นทั้งแหล่งช้อปปิ้งและความบันเทิงเข้าไว้ด้วยกัน รวมถึงยังเป็นเอาท์เล็ทสำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย   สถาบันการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมายาวนาน เช่น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา ฯลฯ หรือโรงเรียนนานาชาติที่เพิ่งเปิดตัวใหม่อย่าง SHREWSBURY INTERNATIONAL SCHOOL CITY CAMPUS ซึ่งเป็นโรงเรียนในระดับอนุบาลจนถึงประถมศึกษา มีต้นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ดีบนพื้นที่ 15 ไร่ โดยมีกำหนดการเริ่มเปิดสอนในเดือนสิงหาคม ปี 2561     จุดที่หลายคนจับตามองมากที่สุด คือ ช่วงสี่แยกพระราม 9 ที่หลาย Developer ระดับบิ๊ก ต่างช่วงชิงจับจองพื้นที่สร้างโครงการเข้าแข่งขันในตลาดระดับกลาง-สูง กันอย่างร้อนระอุ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ที่ต้องการห้องพักอาศัยไม่ไกลจากออฟฟิศ เดินทางสะดวก มีสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้ที่พัก และในระยะหลังก็เริ่มมีกลุ่มชาวต่างชาติอย่าง ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ยุโรป เข้ามาพักอาศัยอยู่ในทำเลนี้เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย โดยแต่ละโครงการที่เปิดตัวออกมานั่นทำเอาทั้งผู้ที่มองหาที่อยู่อาศัย และนักลงทุนตัดสินใจเลือกกันแทบไม่ถูก ตัวอย่างเช่น   Condolette Midst พระราม 9 จากพฤกษา เรียลเอสเตท คอนโด High Rise สูง 30 ชั้น บนถนนพระราม 9 ใกล้สี่แยกพระราม 9 ฝั่งขาเข้า เป็นคอนโดที่เปิดให้เข้าอยู่มาตั้งแต่ปลายปี 2558 แต่ยังคงมีชาวต่างชาติเข้าพักอาศัยในระยะยาวอยู่ตลอด ราคาเฉลี่ยตอนเปิดตัวอยู่ที่ 150,000 บาท/ตร.ม. Chewathai Residence Asoke จาก ชีวาทัย คอนโด High Rise สูง 29 ชั้น อยู่ริมถนนอโศก-ดินแดง ฝั่งมุ่งหน้าสี่แยกพระราม 9 เป็นโครงการที่ออกแบบห้องพักอาศัยกับส่วนกลางมาได้สวยมาก โดยสไตล์ห้องเป็นแบบ Loft Duplex เพดานสูงถึง 3.6 เมตร  ปัจจุบันนี้พร้อมเข้าอยู่แล้ว ราคาเริ่มต้น 4.99 ล้านบาท เฉลี่ยราคา 180,000 บาท/ตร.ม. Life อโศก-พระราม 9 จาก เอพี คอนโด High Rise 2 อาคาร สูง 42 และ 46 ชั้น เพิ่งเปิดพรีเซลไปได้ไม่นานมานี้ อีกหนึ่งโครงการซึ่งเป็นที่หมายตาของนักลงทุน และผู้ซื้ออยู่อาศัยเอง ด้วยตัวโครงการมี Sky Walk ทางเชื่อมกับแอร์พอตลิงค์ สถานีมักกะสัน ราคาเริ่มต้น 2.45 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยประมาณ 98,000-120,000 บาท/ตร.ม. RHYTHM อโศก 1 จาก เอพี คอนโด High Rise สูง 37 ชั้น โครงการพร้อมเข้าอยู่ ที่ตั้งใกล้กับจากของโครงการชีวาทัยในฝั่งเดียวกัน ราคาเริ่มต้นตอนเปิดตัว 3.15 ล้านบาท เฉลี่ยราคาประมาณ 147,000 บาท/ตร.ม. RHYTHM อโศก 2 จาก เอพี คอนโด High Rise สูง 30 ชั้น โครงการพร้อมเข้าอยู่แล้ว ซึ่งโครงการนี้ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันกับ RHYTHM อโศก 1 คงจะเป็นการการันตีความร้อนแรงของทำเลนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะโครงการคอนโดมิเนียมจากเอพีในย่านนี้มีหลายตัวเป็นพิเศษ โดย RHYTHM อโศก 2 ตอนนี้ราคาเริ่มต้นประมาณ 4.3 ล้านบาท เฉลี่ยราคาประมาณ 150,000 บาท/ตร.ม. Ashton อโศก-พระราม 9 จาก อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ คอนโด High Rise 2 อาคาร สูง 46 ชั้น ทำเลดีมากตามสไตล์อนันดา เพราะอยู่หัวมุมสี่แยกพระราม 9 ตรงข้ามกับฟอร์จูน ดีไซน์อาคารโดดเด่น ราคาเริ่มต้นตอนเปิดตัวอยู่ที่ 6.49 ล้านบาท หรือประมาณกว่า 200,000 บาท/ตร.ม.   แม้จะมีบางโครงการย่านนี้ที่มีอายุเกิน 5 ปี แต่ยังคงมีอัตราการเติบโตของราคาเพิ่มขึ้นอยู่ไม่น้อย ด้วยทำเลที่ดีทั้งการเดินทางสะดวก และสิ่งอำนวยความสะดวกรายล้อม ทุกสิ่งที่กล่าวถึงมาทั้งหมดนี้ทำให้อโศก-พระราม9 กลายเป็น New CBD อย่างสมบูรณ์แบบ
THE ESSE at SINGHA COMPLEX นิยามใหม่แห่งความหรูหราบนทำเลทอง : รีวิวคอนโด

THE ESSE at SINGHA COMPLEX นิยามใหม่แห่งความหรูหราบนทำเลทอง : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับ “THE ESSE at SINGHA COMPLEX” คอนโดมิเนียมสุดหรูบนที่ดินผืนใหญ่ตรงหัวมุมถนนอโศก-เพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งเคยเป็นสถานฑูตญี่ปุ่นมาก่อน ปัจจุบัน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กำลังพัฒนาโครงการ “สิงห์ คอมเพล็กซ์” (SINGHA COMPLEX) โครงการ Mixed-use สุดอลังการ ที่กำลังจะเป็น Landmark สำคัญอีกแห่งของกรุงเทพมหานคร Landmark ใหม่บนทำเลทองติดถนนอโศก จุดเด่นสำคัญที่ทำให้ THE ESSE at SINGHA COMPLEX เป็นที่น่าจับตามาก นอกเหนือจากภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ยักษ์ใหญ่ ที่มีชื่อ “สิงห์” เป็นเครื่องการันตีได้ดีอยู่แล้วก็คือ “ทำเลที่ตั้ง” - ต้องบอกว่า เป็นความเพียบพร้อมของทำเลแห่งอนาคตจริงๆ เพราะเป็นแหล่งรวมทั้ง อาคารสำนักงาน, สถาบันการศึกษาชั้นนำ, ร้านอาหารชื่อดัง, แหล่งช็อปปิ้ง และอยู่ในทำเลที่เป็น Hub ของการเดินทางอย่างแท้จริง รถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) จัดว่าเป็นการเดินทางหลักที่เชื่อมเข้าถึงภายในโครงการ SINGHA COMPLEX กันเลยทีเดียว ดังนั้นลูกบ้านของ THE ESSE at SINGHA COMPLEX จะได้รับความสะดวกสบายด้วยทางเชื่อมเข้าสู่สถานีเพชรบุรีที่อยู่บริเวณหน้าโครงการเลย ในขณะที่รถไฟฟ้า BTS ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการเข้าสู่ใจกลางเมืองก็อยู่ห่างออกไปเพียงสถานีเดียว เช่นเดียวกับการเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ ลูกบ้านสามารถเลือกขึ้นรถไฟฟ้า Airport Rail Link ได้ที่สถานีมักกะสัน ที่อยู่ใกล้แค่ข้ามไปอีกฟากของถนนเท่านั้น ด้วยระบบขนส่งมวลชนที่เพียบพร้อมขนาดนี้ การเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของกรุงเทพจึงเป็นเรื่องง่ายดายที่สุด ขณะเดียวกันลูกบ้านที่ต้องใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก ก็สะดวกด้วยเส้นทางหลักอย่างถนนอโศก และถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งจะเชื่อมต่อไปยังถนนสายอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งถนนพระราม 9, ถนนสุขุมวิท, ถนนรัชดาภิเษก ฯลฯ และถัดจากโครงการไปทางด้านพระราม 9 ก็มีทางด่วนศรีรัชเป็นอีกตัวช่วยที่จะทำให้การเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ สะดวกมากยิ่งขึ้น ชีวิตเหนือระดับกับ THE ESSE at SINGHA COMPLEX มาถึงในส่วนของตัวโครงการกันบ้างครับ THE ESSE at SINGHA COMPLEX แบ่งส่วนที่ดินของ SINGHA COMPLEX ออกมาประมาณ 2 ไร่ เพื่อทำคอนโดมิเนียม High Rise สูง 39 ชั้น โดดเด่นด้วยวิวทิวทัศน์ใจกลางเมือง และการออกแบบหรูหราสุดอลังการ ซึ่งเชื่อว่าโครงการ SINGHA COMPLEX จะกลายเป็น Icon เด่นบนถนนอโศก-เพชรบุรีเลยทีเดียว ด้วยความตั้งใจในการออกแบบที่อยู่อาศัยระดับ World Class ทางโครงการจึงเน้นการคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ของผู้อยู่อาศัย ด้วยการตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพในทุกยูนิต โดยทั้ง 319 ยูนิต จะแบ่งเป็นห้อง 1 Bedroom, 2 Bedroom และ Penthouse ขนาด 34.75 – 215.50 ตร.ม. จัดเต็มด้วย Facility ระดับ Premium เหนือความคาดหมาย เช่น On the Cloud Fitness, Fully-equipped gym room with rock climbing wall and Muay Thai boxing ring Sky Edge Swimming Pool Onsen, Steam Room Private Spa and Salon Private Exercise Room Private Theatre The Sky Social Lounge The Residence Lounge Library and co-working area Sky Terrace Mailbox & Private storage space for sports equipments or luggages ฯลฯ นอกจาก Facility ที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นแล้ว พื้นที่ส่วนกลางที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Green Amphitheatre & Hidden Pavilion และ Sancturary Terrain Garden ซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ภายในโครงการที่ตั้งใจออกแบบให้เป็นพื้นที่พักผ่อน หลบหนีจากความวุ่นวายภายนอก ในขณะที่ยังคงความเป็นส่วนตัวแบบไม่ขาดตกบกพร่อง เชื่อได้เลยว่าแทบจะไม่มีโครงการไหนที่จัดหนักจัดเต็มขนาดนี้แน่นอน แถมนอกจาก Facility ภายในโครงการแล้วก็ยังมีพื้นที่ Retail ร้านค้าในโซน SINGHA COMPLEX ที่จะมาช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านให้ครบถ้วนมากยิ่งขึ้นไปอีก Luxury Residence เพื่อสะท้อนคุณภาพชีวิตของคนเมือง แบบห้องของ THE ESSE at SINGHA COMPLEX ที่เราจะพาไปชมมีด้วยกัน 3 แบบ ทุกยูนิตขายมากแบบ Fully Furnished ตกแต่งมาพร้อมด้วยวัสดุ สุขภัณฑ์คุณภาพซึ่งถูกคัดสรรมาอย่างดี ทั้ง ชุดครัวพร้อมเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน, ไมโครเวฟ, ตู้เย็นแบบ Built-in, ตู้เสื้อผ้า Built-in, โต๊ะ, ตู้, เตียง, โซฟา ฯลฯ รวมถึงผนังตกแต่งด้วยหินแท้ในบริเวณห้องนั่งเล่น!!! ด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดที่ต้องการให้ลูกบ้านทุกยูนิตได้รับความสะดวกสบายอย่างเต็มที่ ทางโครงการจึงเพิ่ม Application ให้ลูกบ้านทุกยูนิตสามารถควบคุมไฟ เครื่องปรับอากาศ รวมถึงผ้าม่านผ่าน Smart Phone หรือ Tablet ได้ทุกที่ทุกเวลา เช่นเดียวกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างไฟอัตโนมัติบริเวณประตูทางเข้า หรือสวิตช์ไฟระบบสัมผัสในตำแหน่งที่จำเป็น เพื่อคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่คุณเลือกและควบคุมได้ เริ่มต้นกันด้วยห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.75 ตร.ม. อีกห้องเป็นห้องแบบ 1 Bedroom เช่นกัน แต่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยกว้างขึ้น โดยมีขนาด 47.75 ตร.ม. ส่วนห้องแบบสุดท้ายที่เปิดให้เยี่ยมชมกันคือ ห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 77 ตร.ม. ภายในห้องมาพร้อมกับเครื่องใช้ครบครัน Up Size ทั้งตู้เย็น เตาไฟฟ้า และไมโครเวฟ+เตาอบ ถ้าจะบอกว่า THE ESSE at SINGHA COMPLEX เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจมากที่สุดในทำเลย่านอโศก ก็คงจะไม่เกินความเป็นจริงเลย เพราะหาได้ยากที่โครงการในระดับ Luxury บนทำเลทองที่ถือว่าเป็น Hub ของการเดินทางจะเปิดตัวกันมาด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 8.6 ล้านบาท แถมยังขายให้แบบ Fully Furnished พร้อม Facility อลังการขนาดนี้ THE ESSE at SINGHA COMPLEX พร้อมเปิดให้เข้าชมห้องตัวอย่างได้เเล้วตั้งเเต่วันนี้ เปิดพรีเซลล์ในวันที่ 4-5 มีนาคม 2560 นี้ สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษอีกมากมาย ได้ที่ http://www.singhaestate.co.th/singhacomplex/condo หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1221
Noble BE19 : รีวิวคอนโด

Noble BE19 : รีวิวคอนโด

หลังจากที่พาไปดูบรรยากาศบริเวณรอบๆ โครงการ Noble BE19 กันไปในรีวิวทำเลฉบับก่อนหน้าแล้ว รีวิววันนี้เราจะมาเปิดห้องตัวอย่าง โชว์รายละเอียดของโครงการ Noble BE19 กันครับ เพราะเพิ่งจะเปิดตัวโครงการอย่างเต็มรูปแบบกันไปเมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมานี่เอง เราเลยเก็บภาพห้องตัวอย่างมาให้ได้ชมกันอย่างจุใจ   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น     6,200,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise 2 อาคาร สูง 27 ชั้นและ 48 ชั้น จำนวนห้อง    586 ยูนิต ที่จอดรถ    ประมาณ 67% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) พื้นที่โครงการ    3 - 2 - 95 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ซอยสุขุมวิท 19 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ   ทำเลและการเดินทาง ทางทีมงานได้ทำรีวิวทำเลของโครงการไว้ก่อนหน้านี้แล้ว สามารถดูการเดินทางอย่างละเอียดได้จากลิ้งค์นี้นะครับ สำรวจทำเล Noble BE19 ขอเกริ่นเรื่องทำเลที่ตั้งกันแบบคร่าวๆ ก่อนนะครับ ตัวโครงการ Noble BE19 ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 19 บนที่ดินเดียวกันกับโครงการ Noble Recole นั่นแหละ แต่ Noble BE19 จะพิเศษกว่าตรงที่มีทางเข้าออกได้ทั้งจากฝั่งสุขุมวิท 19 และสุขุมวิท 15 ซึ่งนับระยะห่างจากปากซอยมาถึงทางเข้าโครงการก็มีระยะพอๆ กันที่ 500 เมตรเท่านั้น จุดเด่นสำคัญของถนนในซอยสุขุมวิทย่านนี้คือ มีเส้นทางลัดเลาะไปมาได้หลายเส้น จะทะลุออกถนนสายหลักๆ ได้หลายทาง ทั้งถนนเพชรบุรี อโศก นานา ทองหล่อ เอกมัย สามารถศึกษาเส้นทางเพิ่มเติมกันได้นะครับ แต่ถ้าไม่อยากใช้รถส่วนตัว บริเวณปากซอยสุขุมวิท 19 ก็ถือเป็นอีกหนึ่ง Interchange ที่สำคัญของระบบรถไฟฟ้าทั้ง BTS และ MRT หรือถ้าขยับขึ้นไปอีกนิด ก็ยังมี Airport Rail Link สถานีมักกะสันอีกด้วย การเดินทางในแถบนี้จึงแทบจะไม่จำเป็นต้องใช้รถส่วนตัวให้ต้องเสียเวลากับรถติดเลย ทางเข้าสำนักงานขายโครงการ นอกจากเรื่องการเดินทางแล้ว บรรยากาศของย่านนี้ก็เป็นอีกหนึ่งใน CBD ที่สำคัญ บนถนนสุขุมวิทเรียงรายไปด้วยอาคารสำนักงาน โรงแรมระดับ 5 ดาว และแน่นไปด้วยห้างสรรพสินค้าอย่าง Terminal 21, Robinson, Emporium, Em Quartier, Emsphere แถมด้วยห้างในเครือ Central ก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลด้วย ทั้ง Central Embassy, Central ชิดลม ในขณะที่สถานศึกษาใหญ่ๆ ก็รายล้อมอยู่รอบๆ โครงการ Noble BE19 อีกเพียบ เช่น โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร, โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, โรงเรียนนานาชาติ NIST หรือแม้แต่โรงเรียนสายน้ำผึ้งเองก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเช่นกัน และที่ลืมพูดถึงไม่ได้ก็คือ เรื่องของพื้นที่สีเขียว ซึ่งมีสวนสาธารณะอยู่ใกล้โครงการ Noble BE19 มากถึง 3 แห่งด้วยกันคือ สวนเบญจสิริ, สวนเบญจกิตติ และสวนชูวิทย์ เช่นเดียวกันกับโรงพยาบาลเอกชนระดับมาตรฐานก็มาเต็มทั้ง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์, โรงพยาบาลสมิตเวช, โรงพยาบาลคามิลเลี่ยน และโรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นต้น สรุปสั้นๆ ได้ว่า ศักยภาพของทำเลในย่านนี้มีความพร้อมสำหรับการอยู่อาศัยเป็นอย่างมากเลยทีเดียวครับ โดยเฉพาะระยะหลังมานี้ โครงการคอนโดใหม่ๆ ในโซนสุขุมวิทตอนต้นก็เริ่มมีให้เห็นกันมากขึ้น ในขณะที่ที่ดินทำเลดีๆ ก็เหลือน้อยเต็มที พอมีโครงการเด่นๆ หน่อยจึงไม่น่าแปลกใจที่จะถูกจับจองกันหมดอย่างรวดเร็ว ภาพรวมของโครงการ ทีนี้เรามาดูรายละเอียดของโครงการ Noble BE19 กันบ้างดีกว่าครับ ตัวโครงการเป็นคอนโด High Rise 2 อาคาร แบ่งเป็น Tower A สูง 48 ชั้น และ Tower B สูง 27 ชั้น ตำแหน่งห้องส่วนใหญ่จะหันไปทางแนวทิศเหนือ-ใต้เป็นหลัก ซึ่งวิวทั้งสองด้านก็จะแตกต่างกันออกไปครับ ทางด้านทิศเหนือจะเด่นด้วยวิวพื้นที่สีเขียวสบายตากว่า ด้วยพื้นที่ของโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ส่วนด้านทิศใต้ก็จะเป็นวิวแบบ City View มีแสงสีสวยกว่าในช่วงค่ำๆ อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนนะครับ ภาพมุมสูงของโครงการจากชั้นที่ 27 ด้านทิศเหนือจะหันไปทางโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ซึ่งจะเทควิวได้กว้างกว่าด้านอื่นๆ เนื่องจากไม่มีตึกสูงขึ้นมาบังวิว ขยับมาทางด้านทิศตะวันออกจะหันไปทางซอยสุขุมวิท 19 ได้วิวทางฝั่งถนนอโศกมนตรี ด้านทิศใต้จะได้วิวฝั่งถนนสุขุมวิท จะสังเกตเห็น Terminal 21 จะไม่ไกล ส่วนทิศตะวันตกจะหันไปทางซอยสุขุมวิท 15 ได้วิวฝั่งนานาไปจนถึงเพลินจิต เรื่อง Facility ทางโครงการ Noble BE19 จัดมาแบบเต็มที่เลยทีเดียว ตัวโครงการมี 2 อาคาร ดังนั้นตัว Facility จึงมีอยู่ทั้ง 2 อาคาร ทั้งนี้ลูกบ้านสามารถใช้งานร่วมกันได้ English Contemporary Lobby Semi Outdoor Lobby Lobby Lounge Swimming Pool (Lap Pool) Sky Jacuzzi and Reclining Pool Recreation Area Sauna Steam Fitness + Sky Fitness Sky Lounge Sky Game Room Laundry Room BBQ Are Playground Meeting Room กล้องวงจรปิด CCTV 24 ชั่วโมง ระบบ Access Control ด้วย Key Card เข้า-ออกอาคาร และพื้นที่จอดรถ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง โมเดลจำลองของโครงการ ภาพ Perspective ของ Lobby โมเดลจำลองให้เห็นภาพสระว่ายน้ำ และลานบาร์บีคิว ที่อาคาร A กันแบบชัดๆ ภาพ Perspective สระว่ายน้ำที่อาคาร A Sky Fitness บนชั้น 44 พาชมห้องตัวอย่าง ถึงเวลาเปิดห้องตัวอย่างกันแล้วครับ โดยเราขอเปิดกันด้วยห้อง Highlight ของโครงการ Noble BE19 กันเลย นั่นก็คือห้องแบบ 1 Bedroom ที่ขนาด 50.21 ตารางเมตร ซึ่งห้องมีขนาดกว้างขว้างกว่าห้องแบบ 1 Bedroom ทั่วไปในท้องตลาด และยังโปร่งสบายตาด้วยฝ้าเพดานสูงถึง 3 เมตร ทางโครงการขายมาให้แบบ Fully Fitted มีชุดครัว Built-in พร้อม Microwave Oven, เตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน และชุดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำมาเรียบร้อยครับ พอเปิดประตูเข้ามาก็จะเห็นบรรยากาศห้องที่โล่งโปร่งสบายตามากๆ โดดเด่นด้วยพื้นที่ใช้สอยภาพในห้องที่กว้างมากๆ แถมยังมีประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ สูงจรดเพดาน ที่สูงถึง 3.20 เมตร ทำให้ห้องนี้เปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ด้วย แปลนห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 50.21 ตารางเมตร ประตูห้องจะใช้ Digital Door Lock ของ Hafele เข้ามาในห้องแล้ว มองตรงผ่านโต๊ะทานอาหารไปจะเป็นส่วน Living Area พอหันมาด้านซ้าย จะเป็นส่วนครัวแบบเปิด ที่โครงการจัดชุดครัวมาให้แบบนี้เลยนะครับ เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นรูป L ออกมาด้านนอก มีซิงค์ล้างจาน 1 หลุม พร้อมกันพื้นที่จัดเตรียมอาหารข้างๆ ด้านล่างจะเป็นจุดวางเครื่องซักผ้า และตู้เก็บของ ขยับมาอีกด้านจะเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัวของ Mex ด้านบนเป็นฮูดดูดควันของ best ส่วนด้านล่างเตาไฟฟ้าโครงการจะ Built-in Microwave Oven ของ Smeg มาให้ด้วย ด้านหลังเคาน์เตอร์ครัว โครงการจะเว้นเป็นช่องวางตู้เย็นไว้ให้นะครับ พร้อมกันตู้เก็บของรอบๆ ตู้เย็นด้วย จากครัวเข้าไปด้านใน จะมีโต๊ะทานอาหารวางคั่นอยู่ก่อนถึง Living Area ตรงนี้โครงการไม่ได้ให้มาด้วยนะครับ วางให้ดูเป็นไอเดียเฉยๆ บริเวณ Living Area ค่อนข้างกว้างเลยนะครับ นอกจากจะวางโซฟาและชั้นวางทีวีแล้ว ด้านหลังยังมีที่เหลือพอให้วางโต๊ะทำงานได้อีกด้วย ระเบียงบริเวณ Living Area จะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน อีก 1 บานจะเป็นบาน Fix สูง 3.20 เมตร สูงกว่าเพดานห้องนิดหน่อย เพราะเพดานห้องจะดรอปลงมาประมาณ 20 ซม. เพื่อซ่อนรางม่าน พื้นที่ระเบียงจะกว้างประมาณ 55 ซม. คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ที่ระเบียงนี่แหละครับ หันออกนอกอาคาร มี Gill เหล็กกั้นอย่างเป็นสัดส่วน เรากลับเข้ามาที่ด้านใน เดี๋ยวเข้าไปดูในห้องนอนกันต่อครับ ภายในห้องนอนโครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ดู ถือว่ากำลังพอดีเลยนะครับ แต่ถ้าใครชอบเตียงใหญ่จะจัดเตียง King Size เลยก็ยังได้นะครับ เพราะขนาดห้องค่อนข้างกว้างพอสมควร ปลายเตียงมีที่เหลือพอให้วางชั้นวางทีวีได้ ส่วนระเบียงในห้องนอนขนาดจะเท่่าๆ กับระเบียงที่ Living Area เลยนะครับ อีกด้านโครงการ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าไว้หน้าทางเข้าห้องน้ำ ภายในห้องน้ำจะปูกระเบื้องลายหินอ่อน ทั้งพื้นและผนังห้อง โถสุขภัณฑ์ของ Kasch วางอยู่ทางซ้ายมือ อ่างล้างหน้าจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมของ พร้อมกระจกเงาบานใหญ่สูงถึงเพดาน และมีเคาน์เตอร์วางของข้างๆ อ่างล้างหน้าด้วย ส่วน Shower Box จะอยู่ทางขวามือ แยกส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน ชุดฝักบัวของ Grohe ที่มีฟังก์ชั่นปรับระดับสายน้ำได้หลายระดับ ในห้องน้ำจะมีระเบียงให้ด้วยนะครับ พื้นที่กะทัดรัดเหมาะกับการจัดสวนเล็กๆ ไว้ชมเวลาอาบน้ำ หลังจากดูส่วนต่างๆ ของห้องมาเรียบร้อยแล้ว ครวามนี้เรามาดูภาพกว้างๆ แบบ 360 องศา กันบ้างดีกว่าครับ จะได้เห็นภาพห้องที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น   ส่วนห้องถัดมาจะเป็นของแบบ 2 Bedroom ขนาด 73.15 ตารางเมตร เหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย โดยภายในห้องยังคงมีชุดครัว และสุขภัณฑ์ Built-in มาให้เช่นกัน จุดเด่นของห้อง Type นี้ก็คือจะเป็นห้องในตำแหน่งมุมของอาคาร ห้องทุกห้องจะมีระเบียงเล็กๆ สามารถเปิดประตู หน้าต่างรับลมได้ ช่วยให้อากาศภายในห้องหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น การจัดวาง Layout แบ่งพื้นที่ห้องออกเป็น 2 โซนชัดเจนคือ Living Area จะอยู่คนละด้านกับห้องนอน จึงทำให้ห้องมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางและเป็นสัดส่วน เพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วยครับ แปลนห้อง 2 ห้องนอน ขนาด 73.15 ตารางเมตร เปิดประตูเข้ามาแล้วจะเป็น Corridor ทางเดินยาวก่อนถึงทางแยกไปที่ Living Area และห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ทาง 2 ด้านของทางเดินโครงการ Built-in เป็นชั้นตู้เก็บของ และชั้นวางรองเท้า โครงการตกแต่งให้ดูเป็นไอเดียสวยๆ เมื่อเข้ามาถึงด้านในเราจะมาดูที่ส่วน Dining Area ที่อยู่ฝั่งซ้ายมือกันก่อน บริเวณ Dining Area จะมีโต๊ะทานอาหารขนาดใหญ่วางอยู่ตรงกลาง ด้านติดผนังจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวแนวยาว ด้านล่างเป็นจุดวาง Microwave Oven ที่โครงการ Built-in มาให้ พร้อมกับตู้เก็บของ และช่องวางเครื่องซักผ้า ขึ้นมาดูข้างบนจะเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัวของ Mex พร้อมฮูดดูดควันของ best ส่วนซิงค์ล้างจานจะได้แบบ 2 หลุม ด้านบนจะเป็นตู้ลอยติดผนัง บริเวณ Dining Area ที่เชื่อมต่อไปถึง Living Area จะมีระเบียงให้ 2 จุดนะครับ อย่างที่เห็นเมื่อเปิดผ้าม่านออกทั้ง 2 ด้าน จะช่วยให้บริเวณนี้สว่างมากๆ ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดไฟได้อีกทางนึงครับ จาก Dining Area เข้ามาด้านในสุด จะเป็น Living Area ขนาดใหญ่ สามารถวางโซฟา L Shape ได้สบายๆ จากฝั่งซ้ายที่เป็น Dining Area และ Living Area เราข้ามมาดูที่ฝั่งขวาซึ่งจะเป็นห้องนอนทั้ง 2 ห้อง เริ่มต้นจากห้องน้ำห้องแรกกันก่อน การตกแต่งจะคล้ายๆ กับห้องน้ำของห้อง 1 ห้องนอน ที่เราดูมาก่อนหน้านี้นะครับ สุขภัณฑ์ที่ใช้ และการจัดวาง Layout ก็จะเหมือนๆ กัน เลยจากห้องน้ำเข้ามาด้านใน จะเป็นห้องนอนเล็ก โครงการวางเตียง 5 ฟุต มาให้ดูเหมือนเดิม ด้านปลายเตียงมีที่เหลือพอให้เดินได้ แต่ไม่พอที่จะวางชั้นวางทีวีนะครับ ถ้าอยากมีทีวีไว้ในห้องนอน คงจะต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแทน ระเบียงในห้องนอนจะเป็นประตูบานเลื่อนคู่ ความกว้างของระเบียงประมาณ 55 ซม. จากห้องนอนเล็ก เราไปดูกันต่อที่ห้อง Master Bedroom เปิดเข้ามาแล้วจะเจอห้องน้ำก่อนนะครับ โครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ที่หน้าห้องน้ำให้ดูเป็นไอเดีย ภายในห้องน้ำก็จะตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน เหมือนห้องน้ำห้องอื่นๆ ชุดฝักบัวของ Grohe พร้อมฟังก์ชั่นปรับระดับสายน้ำ จุดวางโต๊ะเครื่องแป้งจะอยู่หน้าห้องน้ำ ก่อนเข้าไปที่เตียงนอน ขนาดห้อง Master Bedroom จะพอๆ กับห้องนอนเล็กเลยนะครับ อาจจะเพราะมีห้องน้ำในตัว จึงทำให้ถูกลดขนาดลงมา เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตลงไป จะมีพื้นที่รอบๆ เตียงเหลือนิดหน่อย ปลายเตียงมีที่เหลือพอให้เดินได้ ต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแทน ด้านหัวเตียงทั้ง 2 ข้าง มีที่เหลือนิดหน่อย พอให้วางโคมไฟหรือโต๊ะข้างเตียงได้ ระเบียงที่ห้องนี้ก็จะมีขนาดพอๆ กับห้องนอนเล็กเลยครับ นอกเหนือจากห้องตัวอย่างสวยๆ ที่เราเก็บภาพมาฝากทั้ง 2 ห้องนี้แล้ว ทางโครงการ Noble BE19 ยังมีห้องขนาด 35 ตารางเมตรให้เลือกด้วยเช่นกัน ซึ่งเราก็มีภาพมาให้ดูกันคร่าวๆ ด้วยนะครับ แปลนห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 34.96 ตารางเมตร ใครที่กำลังมองหาคอนโดในย่านใจกลางเมืองอย่าง สุขุมวิท-อโศก เชื่อว่าโครงการ Noble BE19 น่าจะตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้ดีทีเดียวเลยนะครับ เพราะมีครบครันทั้ง Facility ภายในโครงการ และแวดล้อมไปด้วยแหล่งช็อปปิ้ง ใกล้แหล่งออฟฟิศที่ทำงาน เป็นแหล่งธุรกิจสำคัญ และมีการเดินทางที่สะดวกสบายหลากหลายเส้นทาง ซึ่งเป็นที่น่าสนใจทั้งในแง่ของการซื้อไว้อยู่อาศัยเองก็ดี หรือจะซื้อหาเพื่อการลงทุนก็ดีนะครับ ถ้าสนใจก็อย่างช้านะครับ ผมได้ข่าวว่าทางโครงการมียอดจองไปเยอะแล้วเหมือนกัน แต่ถ้าต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติมก็คลิกไปดูในเว็บของทางโครงการก่อนได้นะครับ.....​ส่วนใครที่จับจองกันไปแล้ว หรือมีความคิดเห็นอื่นๆ ก็คอมเม้นท์มาพูดคุยกันบ้างนะครับ
สำรวจทำเล Noble BE19 : รีวิวคอนโด

สำรวจทำเล Noble BE19 : รีวิวคอนโด

“ถนนสุขุมวิท” ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นทำเลสุดฮ๊อตที่ทุกคนอยากจะจับจองเป็นเจ้าของคอนโดกับเค้าซักห้อง และยิ่งถ้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS ด้วยก็ยิ่งหายากขึ้นเรื่อยๆ แต่วันนี้เราจะพาไปดูทำเลที่น่าสนใจในโซนสุขุมวิทตอนต้น บริเวณแยกอโศก ย่านเศรษฐกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ย่านอโศกมีจุดเด่นที่เป็น interchange ที่สำคัญมาก มีทั้งรถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT แถมด้วยรถไฟฟ้า Airport Link ที่อยู่ห่างออกไปอีกแค่สถานีเดียวเท่านั้น การเดินทางไปไหนมาไหนจึงสะดวกเหมาะกับวิถีคนเมืองที่สุด ในแถบนี้มีอาคารสำนักงานใหญ่ๆ เรียงรายอยู่มากมาย เช่นเดียวกับห้างสรรพสินค้า แหล่งช็อปปิ้ง สถาบันการศึกษา คอนโดที่พักอาศัยอีกหลายโครงการ จนแทบจะหาที่ดินว่างไม่ได้ หรือถ้ามีก็คงหาได้ยากเต็มที ล่าสุดโนเบิลเปิดโครงการใหม่ในซอยสุขุมวิท 19 ในชื่อ “Noble BE19” อีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจ และกำลังเป็นที่หมายตาของคนที่พลาดโอกาสจากโครงการ Noble Recole ในทำเลติดกันซึ่งขายหมดไปนานแล้วตั้งแต่เปิดตัว เราไปดูกันดีกว่าว่าทำเลบริเวณซอยสุขุมวิท 19 นี้มีดีอย่างไร และมีอะไรน่าสนใจบ้าง ตำแหน่งของซอยสุขุมวิท 19 อยู่ใกล้แยกอโศกและเป็นซอยที่มีบทบาทสำคัญในการเดินทางในย่านนี้เลยทีเดียว ซอยสุขุมวิท 19 มีเส้นทางเชื่อมโยงสามารถใช้เป็นเส้นทางลัดเลาะไปออกได้ทั้งซอยสุขุมวิท 15, 13, 11, 3 (ซอยนานา) และถนนอโศกมนตรี (สุขุมวิท 21) จึงสามารถหลีกเลี่ยงรถการจราจรบริเวณแยกอโศกไปได้พอสมควรเลยทีเดียว บริเวณปากซอยสุขุมวิท 19 มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ อยู่ 2 รายด้วยกัน เด่นๆ เลยก็คงจะเป็นห้าง The Terminal 21 ที่ทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว ห้างนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมาก มีร้านค้า ร้านอาหารให้เลือกมากมาย นอกจากนี้ใกล้ๆ กันก็ยังมีห้างโรบินสัน โรงแรมหรู ฟิตเนส รวมถึงร้านอาหารดังๆ ให้เลือกอีกมาก นอกจากการเดินทางด้วยเส้นทางหลักอย่างถนนสุขุมวิทแล้ว ยังมีอีกหลายเส้นทางให้เลือกหลีกเลี่ยงรถติดอีกด้วยนะครับ สำหรับขาออกจากโครงการ สำหรับคนที่ใช่บริการรถไฟฟ้าก็มีให้เลือกทั้ง BTS สถานีอโศก และ MRT สถานีสุขุมวิท ที่ห่างจากโครงการประมาณ 500 เมตร หรือจะใช้บริการ Airport Link สถานีมักกะสัน ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ส่วนคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวก็มีทางด่วนให้เลือกขึ้นหลายช่วง ตามแผนที่ด้านล่างนี่เลยนะครับ บรรยากาศในย่านนี้จัดว่าคึกคักมากเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางวันหรือกลางคืน ในช่วงกลางวันก็จะคราคร่ำไปด้วยพนักงานออฟฟิศที่ทำงานอยู่ในย่านนี้ มีนักเรียน นักศึกษาจากโรงเรียนเอกชน โรงเรียนนานาชาติ และมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังเป็นจำนวนมาก ปะปนไปกับบรรดานักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติ ทั้งที่มาท่องเที่ยวและเลือกพักอยู่ในโรงแรมใกล้ๆ รวมถึงชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยและเลือกอาศัยอยู่ในย่านสุขุมวิทเสียเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ช่วงค่ำ บรรยากาศก็จะคึกคักไปอีกแบบ เพราะมีร้านนั่งดื่ม สถานที่ Hang Out แวดล้อมอยู่ใกล้ๆ ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ในซอยสุขุมวิท 19 เองจะมีคอนโด เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์อยู่หลายโครงการเหมือนกัน แต่โครงการ Noble BE19 ก็ยังคงได้เปรียบในเรื่องความเงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัย พื้นที่ข้างๆ ที่ตั้งโครงการเป็นโบสถ์วัฒนา และโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย  โรงเรียนเก่าแก่ชื่อดังประจำย่านนี้ และยังมีโรงเรียนนานาชาติ NIST อีก วิวด้านนี้จึงตัดกังวลเรื่องจะมีโครงการหรือตึกอื่นๆ ขึ้นมาบังไปได้อีกนานเลย อีกเรื่องที่ทำให้ Noble BE19 ไม่ด้อยไปกว่า Noble Recole ที่อยู่บนที่ดินด้านหน้าที่ติดกันก็คือ ทางเข้าออกโครงการ 2 ด้าน ซึ่งลูกบ้านของ Noble BE19 สามารถเลือกเข้าออกได้ทั้งจากทางฝั่งซอยสุขุมวิท 19 และสุขุมวิท 15 ความได้เปรียบนี้จะเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านได้อีกมากเลยทีเดียวครับ เพราะมีทางเลี่ยงรถติดๆ ของถนนสุขุมวิทได้มากขึ้นนั่นเอง ด้วยเหตุผลที่พื้นที่บริเวณสุขุมวิทตอนต้นที่เป็น CBD ที่สำคัญย่านหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ทำให้โครงการ Noble BE19 มีศักยภาพในด้านการอยู่อาศัย และการลงทุนเป็นที่น่าจับตามากๆ ถึงจะดูเหมือนว่าบริเวณแถบนี้ค่อนข้างแออัดไปด้วยอาคารสำนักงานเป็นจำนวนมาก และให้ความรู้สึกของย่านธุรกิจมากกว่าโซนที่พักอาศัย แต่พอได้ขยับเข้ามาในซอยอีกหน่อย ให้ห่างจากถนนหลักซักนิด ก็จะเห็นว่าบรรยากาศต่างกันออกไปเลยทีเดียว ในซอยยังคงความร่มรื่น และไม่ค่อยจอแจมากนัก ในขณะที่ความพร้อมในด้านต่างๆ ก็เข้าถึงได้อย่างเต็มที่ จัดว่ามีความอุดมสมบูรณ์พร้อมรองรับความต้องการได้ครบถ้วน เชื่อว่าหลังจากวันนี้ไปที่ Noble BE19 ได้เปิดตัวไปอย่างเต็มรูปแบบแล้ว คงมีคนแห่เข้าไปเยี่ยมชม และจับจองกันไม่น้อยเลย.... ถ้าสนใจก็ลองคลิ๊กไปดูรายละเอียดโครงการกันก่อนได้ครับ (ใส่ลิงค์โครงการค่ะ) ส่วนตัวรีวิวพร้อมรายละเอียดของห้องตัวอย่าง ทางทีมงานจะรีบจัดตามมาให้ชมกันอย่างทันควันเลยครับ