Tag : ชยพล หรรรุ่งโรจน์

2 ผลลัพธ์
ซอนเดอร์ ลิฟวิ่ง มองกลุ่มอสังหาฯ ไฮเอ็น หันจับมือเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ระดับโลกตอบโจทย์ลูกค้า

ซอนเดอร์ ลิฟวิ่ง มองกลุ่มอสังหาฯ ไฮเอ็น หันจับมือเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ระดับโลกตอบโจทย์ลูกค้า

  ซอนเดอร์ ลิฟวิ่ง เดินหน้าตลาดอสังหาฯ ซุปเปอร์ลักซัวรี่  โครงการอัลติจูด มาสเตอรี่ พหลโยธิน 24 บ้านเดี่ยว 8 ยูนิต มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ออกแบบสไตล์ Modern Luxury ที่มีกลิ่นอาย New England Glamorous คัดสรรเฟอร์นิเจอร์ฝีมือดีไซน์เนอร์ระดับโลก ตอบโจทย์รสนิยมเฉพาะของคนช่างเลือก     นางสาวกมนนัทธ์ เต็มไตรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซอนเดอร์ ลิฟวิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด แบรนด์ แกลเลอรี่ ที่รวบรวมเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านจาก 7 ดีไซน์เนอร์ชื่อดังในวงการเฟอร์นิเจอร์ระดับโลกภายใต้ 7 แบรนด์ ที่มีสไตล์การออกแบบเป็นเอกลักษณ์ เปิดเผยว่าล่าสุดซอนเดอร์ ลิฟวิ่งได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบตกแต่งภายในให้กับโครงการอัลติจูด มาสเตอรี่ พหลโยธิน 24 โดยซอนเดอร์ ลิฟวิ่ง โดยเข้าไปดูแลงานตกแต่งภายในส่วนเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวร่วมกับผู้ออกแบบตกแต่งภายในโครงการดังกล่าว บนคอนเซปต์โมเดลลักซัวรี่ ที่มีความเรียบแต่หรูหราแบบมีเอกลักษณ์ ใส่ความดีไซน์ลงไปในทุกตารางนิ้วของตัวบ้าน เน้นโถงรับแขกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการเน้นการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีเอกลักษณ์ของจากดีไซน์ระดับโลก อาทิ  ของ Maison 55  ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งเข้ากับหินอ่อน Book Match ขนาด Double Volume  และห้องนอนใหญ่ที่เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ของ Kelly Hoppen  เข้ามาร่วมด้วย รวมถึงการเข้าไปตกแต่งห้องตัวอย่างด้วยดีไซน์ที่มุ่งตอบโจทย์รสนิยมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่อยู่ในระดับกลางบน ถึงระดับบน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีกำลังซื้อยุคใหม่     “การตกแต่งห้องตัวอย่างให้กับอัลติจูด มาสเตอรี่ ซอนเดอร์ ลิฟวิ่ง ได้คัดสรรเฟอร์นิเจอร์สุดพิเศษ จากใน 7 แบรนด์ ของ Furniture หรู เช่น Maison 55, Tracey Boyd, Nellcote Studio และ Kelly Hoppen เช่น ชุดรับประทานอาหาร REFORM DINING SET 6 ที่นั่ง ที่ซึ่งสามารถเพิ่มความยาวรองรับได้ถึง 10 ที่นั่ง จากทางดีไซนเนอร์ชั้นนำของประเทศอังกฤษอย่าง Tracey Boydซึ่ง คัดสรรแบบ Special Customize Selection  พิเศษเฉพาะสำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของโครงการอัลติจูด มาสเตอรี่ ซึ่งเป็นกลุ่มเจ้าของธุรกิจเสริมความงาม แพทย์เสริมความงาม ดารา และเซเลบ ที่ชื่นชอบดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ไม่ซ้ำแบบใคร” นางสาวกมนนัทธ์กล่าว   ทั้งนี้ ซอนเดอร์ ลิฟวิ่ง ยังได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าโครงการดังต่อไปนี้ โดยการเลือก SPECIAL UNIT SET ซึ่งถูกเลือกโดย ดีไซนเนอร์ชั้นนำในวงการตกแต่งภายใน ซึ่งเป็นโปรโมชั่น และส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าโครงการ อัลติจูด มาสเตอรรี่ เท่านั้น     นายชยพล  หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งพัฒนาโครงการทั้งแนวราบและแนวสูงระดับลักซัวรี่ใจกลางเมือง เปิดเผยว่า อัลติจูด มาสเตอรี่ พหลโยธิน 24 ป็นบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซัวรี่ จำนวน 8 ยูนิต ราคาหลังละ 30.7 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการกว่า 200 ล้านบาท เป็นบ้านที่มุ่งใช้ วัสดุ สุขภัณฑ์ และเฟอร์นอเจอร์ในระดับบนทั้งหมด เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอ็นที่มีกำลังซื้อสูง เป็นคนช่างเลือก และให้ความสำคัญกับดีไซน์ของบ้านเป็นหลัก ดังนั้น จงต้องพิถีพิถันในการเลือกวัสดุ และของตกแต่งบ้านจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เด่นชัด ที่สำคัญแบรนด์ต้องเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีอยู่แล้ว     “ที่เราเลือกซอนเดอร์ ลิฟวิ่งมาเป็นพันธมิตร เนื่องจากแบรนด์เป็นที่รู้จักในแวดวงของคนที่ชอบแต่งบ้านและหลงใหลชื่นชอบงานดีไซน์ ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับลูกค้าของอัลติจูด มาสเตอรี่ที่มองหาบ้านและเฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์โดดเด่นเฉพาะตัวไม่ซ้ำแบบ ทั้งยังมีความละเอียดในการออกแบบและในขั้นตอนการผลิตมีที่มาที่ไปของชิ้นงานแต่ละชิ้น เพราะเป็นงานดีไซน์จากดีไซเนอร์ระดับโลก ส่งผลให้ผู้เป็นเจ้าของรู้สึกภาคภูมิใจกับสินค้าซึ่งบ่งบอกถึงรสนิยมอันดีของผู้เป็นเจ้าของ ประกอบกับดีไซน์ของเฟอร์นิเจอร์ทุกตัวมีความร่วมสมัยอยู่ตลอดเวลา“ นายชยพล กล่าว   พบกับเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านไฮเอนด์ 7 แบรนด์ จาก 7 ดีไซเนอร์อย่าง Thomas Bina, Tracey Boyd, Andrew Martin, Maison 55, Nellcote Studio, Coup&Co., และ Kelly Hoppen ได้ที่ SONDER living Thailand Flagship Gallery บนถนนพระรามเก้า ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10:00 – 19:00 น. และวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 10:00-18:00 น. รายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าเยี่ยมชมที่ Official Website: www.sonderliving.com/th หรือที่ Facebook: sonderlivingthailand    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการอัลติจูด มาสเตอรี่ พหลโยธิน 24 http://www.altitudemastery.com
อัลติจูด วางเป้า 3 ปีเปิดโครงการรวม 7,000 ลบ. หวังขึ้นแท่น Top3 ในเซ็กเม้นท์

อัลติจูด วางเป้า 3 ปีเปิดโครงการรวม 7,000 ลบ. หวังขึ้นแท่น Top3 ในเซ็กเม้นท์

อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดแผนรุก วางแผนโต 3 ปี ตั้งเป้าเปิดตัวโครงการ 7,000 ล้านบาท เจาะตลาด Young Success มั่นใจปีนี้กวาดรายได้ 1,200ล้านบาท หวังชิง Top 3 ในเซ็กเม้นท์บ้านลักซัวรี่ราคา 20 ล้านบาท และโฮมออฟฟิตราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งพัฒนาโครงการทั้งแนวราบและแนวสูงระดับลักซัวรี่ใจกลางเมือง เปิดเผยว่า ทีมผู้บริหารได้วางกลยุทธ์ในดำเนินธุรกิจของบริษัท คือ พัฒนาที่อยู่อาศัยกลางเมืองทั้งแนวราบ และแนวสูง บนขนาดที่ดินไม่ใหญ่มาก เพราะที่ดินในเมืองหายากขึ้นทุกวัน แต่ในทางกลับกัน ที่ดินประเภทนี้เป็นที่ต้องการของ ผู้บริโภคจำนวนมาก ซึ่งอัลติจูดจะเข้ามาจับตลาดกลุ่มนี้ซึ่งเป็นตลาดที่มี Demand มาก แต่กลับมี Supply น้อย และเราใช้ช่องว่างทางการตลาดนี้ มาเป็นกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจของเรา โดยมุ่งพัฒนาให้เป็นโครงการที่เป็น Niche Luxury มุ่งเจาะกลุ่มผู้ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย หรือ  Young Success ที่ต้องการอยู่อาศัยในเมือง เพราะเดินทางสะดวก มีไลฟ์สไตล์ในแบบที่ต้องการ และยังสะท้อนภาพลักษณ์ของผู้ครอบครองได้เป็นอย่างดีด้วยกลยุทธ์นี้เรามั่นใจว่าจะผลักดันให้ อัลติจูด ขึ้นแท่นเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับ Top 3 ในเซ็กเม้นท์ สำหรับบ้านลักซัวรี่ราคา 20 ล้านบาท และ โฮมออฟฟิตราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ภายใน 3 ปี ที่ผ่านมาเราเปิดขายโครงการแล้ว ทั้งสิ้น 5 โครงการ คือ  บ้านเดี่ยว 1 โครงการ ได้แก่ อัลติจูด มาสเตอรี่,  โฮมออฟฟิต 1 โครงการ คือ  โครงการอัลติจูด พรูฟ เกษตร-นวมินทร์ ส่วนคอนโดมิเนียมมีอีก 3 โครงการ คือ  อัลติจูด ดีไฟน์, อัลติจูด สามย่าน-สีลม และโครงการ โอกาส ซึ่งทุกโครงการ ล้วนได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดีมาก  สำหรับในปี 2561 นี้ เราเปิดขายอีก 4 โครงการ มูลค่า 2,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นแนวราบ 2 โครงการ ได้แก่ บ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ อัลติจูด มาสเตอรี่ 1 โครงการ, โฮมออฟฟิต 1 โครงการ ได้แก่ โครงการอัลติจูด พรูฟ พระราม 9 และ คอนโดมิเนียม อีก 2 โครงการ โดยอยู่ย่านเจริญกรุง 1 โครงการ และอีก 1 โครงการ เป็นแบรนด์ใหม่ ชื่อ อาสะ (ASA) อยู่ที่โรจนะ จังหวัดอยุธยา ติดกับโลตัส โรจนะ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายที่ 2,000 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท ซึ่งมาจากการโอนโครงการที่เปิดขายเมื่อปีที่แล้ว คือ โครงการอัลติจูด มาสเตอรี่, อัลติจูด พรูฟ เกษตร-นวมินทร์  และคอนโดอีก 2 โครงการ การวางแผนขึ้นสู่การเป็น Top 3 ในเซ็กเม้นท์สำหรับบ้านลักซัวรี่ราคา 20 ล้านบาท และ และโฮมออฟฟิตราคา 10 ล้านบาขึ้นไป ทำให้บริษัทต้องวางแผนการดำเนินงานอย่างรอบคอบ เพราะเราต้องการรับรู้รายได้และต้องการยอดโอนในทุกไตรมาส ทำให้เราต้องเข้มข้นในการวางแผนการพัฒนาโครงการ ซึ่งจะพัฒนาแนวราบกับแนวสูงควบคู่กันไป โดยในช่วงระยะเวลา 3 ปีต่อจากนี้ไป เราวางเป้าเปิดตัวโครงการถึง 7,000 ล้านบาท ด้านนายขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย กรรมการบริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เผยถึงการสร้างแบรนด์ และการทำงานด้านการตลาดว่า โจทย์ที่ได้รับมา คือ ต้องทำการตลาดเพื่อส่งให้แบรนด์สินค้า และแบรนด์บริษัทเกิดการจดจำให้ได้ ด้านการทำแบรนด์สำหรับสินค้านั้น  เราได้วาง Brand Segmentation ผ่านชื่อโครงการ ได้แก่ 1) แบรนด์อัลติจูด มาสเตอรี่ (Mastery) ซึ่งเป็นแบรนด์สำหรับบ้านเดี่ยวระดับลักซัวรี่ ราคาประมาณ 20-45 ล้านบาท  2) แบรนด์อัลติจูด พรูฟ (Prove) เป็นแบรนด์สำหรับโฮมออฟฟิต ราคาประมาณ 10 ล้านบาทขึ้นไป  และ 3) คอนโดมิเนียมแบรนด์อัลติจูด ซึ่งจะเป็นแบรนด์สำหรับคอนโดลักซัวรี่กลางเมือง  และ 4) คอนโดมิเนียมแบรนด์ อาสะ (ASA) ซึ่งจะเป็นสินค้า เดียวที่อัลติจูดพัฒนาขึ้นมาโดยเป็น Effortable Condo โดยโครงการแรกที่กำลังจะเปิดตัว คือ โครงการอาสะ อยุธยา-โรจนะ การวางแบรนด์สินค้าที่ชัดเจน จะสร้างการจดจำที่ง่ายขึ้น ทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าของบริษัทได้ง่ายขึ้นด้วย  สำหรับในปี 2561 เราเน้นการสร้างแบรนด์ผ่านโลกดิจิตอล และบุกทุกสื่อ เพื่อสร้างการรับรู้ ให้รู้จักแบรนด์อัลติจูด ให้มากที่สุด ทั้ง Below the line และ Above the line เพื่อทำการตลาดทั้งการสร้างแบรนด์บริษัท และแบรนด์สินค้า ควบคู่กันไป "สำหรับมุมมองด้านภาพรวมของตลาดอสังหาฯเชื่อว่าในทุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีช่องว่างที่มี demand มากกว่า supply เสมอ หากเราวิเคราะห์ตลาดได้ชัดเจน และสร้างความแตกต่างได้ เราก็สามารถเติบโตได้ เช่น ตลาดแนวราบชานเมืองปัจจุบันยังมีที่จัดสรร รอสร้าง รอโอน เหลือเป็นจำนวนมากพอสมควร หลายโครงการ มีต้นทุนต่ำ เพราะเป็นที่ดินที่ซื้อสะสมไว้ก่อนหน้า แต่หากผู้พัฒนาโครงการรายใหม่ที่ไม่มีที่ดินสะสมมาก่อน หรือเข้าสู่ ตลาดภายหลัง อาจมีจะความเสียเปรียบ และต้องเฉลี่ยกับหลายๆ โครงการที่มีอยู่ก่อน เรามองถึงโอกาส ในการเติบโต มองช่องทางใหม่ๆ เช่น คอนเซ็ปต์ บ้านหรูใจกลางเมือง หรือ โฮมออฟฟิตใจกลางเมือง มีโครงการใหม่เกิดขึ้นน้อย และแทบไม่มีโครงการสะสมรอขายเลย แต่ demand ยังคงมีสม่ำเสมอ อีกทั้งราคาต่อหน่วย ที่ถีบตัวสูงขึ้นทำให้ โครงการที่มีเพียงไม่กี่ยูนิต แต่มีมูลค่าของโครงการสูงกว่าโครงการแนวราบขนาดใหญ่ชานเมือง สามารถเติบโตได้ดี ซึ่งโครงการขนาดไม่ใหญ่มากแบบนี้ สามารถสร้างยอดขายและยอดรับรู้ได้รวดเร็ว เพียงแต่ผู้ประกอบการจำเป็นต้อง มีศักยภาพในด้านการตลาด การขาย การออกแบบ และการควบคุมคุณภาพ งานก่อสร้างให้ดีด้วย”นายขวัญชัยกล่าว