Tag : ชาญอิสสระ

4 ผลลัพธ์
CI กางแผนปี 62 รุกพัฒนาอสังหาฯ ไฮเอนด์ ทุ่ม 6 พันล้าน ผุด 6 โปรเจค เสริมทัพขยายธุรกิจ

CI กางแผนปี 62 รุกพัฒนาอสังหาฯ ไฮเอนด์ ทุ่ม 6 พันล้าน ผุด 6 โปรเจค เสริมทัพขยายธุรกิจ

ชาญอิสสระ เผยแผนขับเคลื่อนธุรกิจปี 62 ผุด 6 โปรเจค มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท ทั้งส่วนต่อขยายโรงแรม บาบา บีช คลับ, วาเคชั่น คลับ สร้างทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่รักการท่องเที่ยวกับที่พักระดับไฮเอนด์ เดินหน้าผุดโครงการใหม่คอนโดหรูย่านสาทร เตรียมนำ  บาบา บีช คลับ หัวหิน เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมศรีพันวา (“กองรีท”) มูลค่าไม่เกิน 550 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าลุยโครงการร่วมพัฒนาและบริหารโรงแรม เสริมทัพการเติบโต   นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปีนี้ว่าการแข่งขันด้านการตลาดอาจจะมีความคึกคักลดลงเมื่อเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยกระทบจากภาคการท่องเที่ยวที่ตัวเลขตกลงในช่วง 2- 3 เดือนมาแล้ว ส่งผลให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวของประเทศลดลงตามไป ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการท่องเที่ยวจากภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ รวมถึงกรุงเทพฯ ที่มีอัตราจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะชาวจีน ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลทำให้สภาพหมุนเวียนทางการเงินลดลง ประกอบกับนโยบายสงครามการเงินระหว่างจีนกับสหรัฐฯซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการค้าที่จะมีการวางกฎเกณฑ์เรื่องของการนำเงินออกนอกประเทศมากขึ้น   “ปกติ 2-3 ปีที่แล้วมีการซื้อขายกับชาวจีนเยอะ ชาวจีนมาซื้อคอนโดเมืองไทยค่อนข้างมาก ตอนนี้ลดน้อยลง ซึ่งก็เป็นปัจจัยที่เห็นได้ชัดว่า ในช่วงปลายปีนี้ตลาดอสังหาฯ อาจจะไม่ได้คึกคักมาก สำหรับกำลังการซื้ออสังหาฯ ที่ผ่านมา มีทั้งชาวไทย และต่างชาติ โดยในส่วนของชาวจีนก็ถือเป็นสัดส่วนที่ช่วยดึงกำลังซื้อได้พอสมควรในการเข้ามาจับจ่ายใช้สอย โครงการหลายๆ โครงการอาจจะมีผลเยอะ จากเหตุการณ์สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ที่ต้องมีการคุมเข้มเรื่องการเอาเงินออกจากประเทศจีน มันก็มีผลส่วนหนึ่งต่อสภาพการหมุนเวียนทางการเงิน ขณะเดียวกันในส่วนของบ้านเราเองมาตรการคุมเข้มของแบงก์ชาติในการปล่อยสินเชื่อ ก็จะมีผลกระทบต่อโครงการที่อยู่ในระดับล่าง-ระดับกลางที่อาจจะได้รับการอนุมัติการกู้จากแบงก์ที่ยากขึ้น โดยในส่วนของการดำเนินธุรกิจของชาญอิสสระ ในช่วงที่ผ่านมา เรามีการทำการตลาดเพื่อระบายสต็อกสินค้าในกลุ่มระดับกลาง-ล่าง มาตลอดทั้งปี อีกทั้งโครงการต่างๆ ของบริษัทเน้นสินค้าระดับไฮเอนด์ จึงส่งผลให้มาตรการดังกล่าวของแบงก์ชาติที่ออกมาไม่ได้มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจมากนัก” นายสงกรานต์ กล่าว   สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 62 บริษัทเตรียมทุ่มงบประมาณกว่า 6 พันล้านบาท ในการพัฒนาโครงการใหม่ และโครงการส่วนต่อขยาย ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียมหรูย่านถนนจันทร์ - สาทร มูลค่าโครงการ 2 พันล้านบาท, ส่วนต่อขยายโรงแรมบาบา บีช คลับ หัวหิน เมนโฮเทล อาคารสูง 12 ชั้น จำนวน 50 ห้อง มูลค่าโครงการ 1.5 พันล้านบาท, โครงการบ้านพักตากอากาศ พูลวิลล่า 7 หลัง   ภายในโครงการทิวทะเลเอสเตท มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท, วาเคชั่น คลับ อาคารสูง 10 ชั้น 80 ยูนิต ภายในโครงการทิวทะเลเอสเตท มูลค่าโครงการ 1.5. พันล้านบาท รวมไปถึงส่วนต่อขยายของโรงแรม ศรีพันวา ภูเก็ต คอนเวนชั่นฮอลล์ขนาดจุ 400 คน พร้อมห้องพักแบบพูลสวีท จำนวน 20 ห้อง มูลค่าโครงการ 1 พันล้านบาท และโครงการบ้านพักตากอากาศ พูลวิลล่าอีกจำนวน 4 หลัง มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท   “ทั้ง 6 โปรเจค ถือเป็นโครงการที่จะมาช่วยเติมเต็ม และรองรับการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคต โดยเฉพาะในส่วนของการพัฒนาส่วนต่อขยายของโรงแรมไม่ว่าจะเป็นโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต โรงแรมบาบาบีช คลับ หัวหิน โรงแรมบาบา บีช คลับ ภูเก็ต รวมถึงโครงการวาเคชั่นคลับ ซึ่งถือเป็นแนวคิดใหม่ในการพัฒนาที่พักตากอากาศสำหรับกลุ่มคนที่สนใจเป็นเจ้าของห้องพักในงบประมาณที่ไม่ถึงหนึ่งล้านบาท แต่ได้พักในอาคารที่มีการออกแบบและบริการระดับโรงแรม 5 ดาว” นายสงกรานต์ กล่าว   นอกจากนี้ในส่วนของความคืบหน้างานที่ปรึกษา และบริหารงานโรงแรมที่ไฮหนาน มณฑล ยูนนานประเทศจีน กับกลุ่มจุนฟาเรียลเอสเตท มีมูลค่าโครงการกว่า 18,000 ล้านบาท ปัจจุบันก่อสร้างไปแล้วกว่า 40 % ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนตุลาคม ปี 2562  ซึ่งที่ผ่านมาเราได้รับรายได้จากค่าที่ปรึกษาและจะได้บริหารงานโรงแรม ซึ่งจะเป็นรายได้ระยะยาวให้กับบริษัทต่อไปด้วย และเมื่อไม่นานมานี้กลุ่มจุนฟาก็ได้เชิญทีมพัฒนาโครงการของชาญอิสสระเข้าไปดูพื้นที่และศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโรงแรมต่อที่ สิบสองปันนา ประเทศจีน เพื่อลงทุนพัฒนาในปีหน้าอีกด้วย ด้านนายดิฐวัฒน์ อิสสระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจในส่วนของโครงการทิวทะเลเอสเตท โครงการ Mixed Use เต็มรูปแบบแห่งแรกในหัวหิน ด้วยคอนเซปต์โครงการบ้านพักตากอากาศแบบครบวงจร ที่มีทั้ง คอนโดมิเนียม โรงแรม พูลวิลล่า ร้านอาหาร รวมถึงพื้นที่รองรับการจัดกิจกรรม อีเว้นท์ และงานสันทนาการต่างๆ ปัจจุบันมีโครงการแล้วเสร็จรวม 4 โครงการ ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม ได้แก่ โครงการบ้านทิวทะเล อความารีน (Aquamarine), โครงการบ้านทิวทะเล บลูแซฟไฟร์ (Blue Sapphire), โครงการบลู (Blu) นอกจากนี้ยังมีโครงการ Baba Beach Club Hotel & Residences Hua Hin และ “บ้านโชค” ซึ่งเป็นบ้านพักตากอากาศเก่าแก่ของตระกูลโชควัฒนา ในสไตล์หัวหินโคโลเนียล ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี ประกอบกับเราได้มีการทำกิจกรรมทางการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขายมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีอีกด้วย   “จากกระแสตอบรับของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาพัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย, จีน,  อเมริกา, ไต้หวัน, สหราชอาณาจักร, เกาหลี, ฮ่องกง, แคนาดา, รัสเซีย, สวิตเซอร์แลนด์ ทำให้ในปีหน้าเราเตรียมที่จะทุ่มงบประมาณในการสร้างส่วนต่อขยายของโรงแรมเพื่อเป็นการรองรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมตึกสูง (Main Hotel) ซึ่งเป็นอาคารสูง 12 ชั้น จำนวน 50 ห้อง ที่มาพร้อมห้องบอลรูม ขนาดใหญ่, บ้านพักตากอากาศ พูลวิลล่า จำนวน 7 หลัง 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ รวมถึงวาเคชั่นคลับ  อาคารสูง 10 ชั้น จำนวน  80 ยูนิต ” นายดิฐวัฒน์ กล่าว   สำหรับโครงการส่วนต่อขยายในส่วนของพูลวิลล่า (บาบา บีช คลับ เรสซิเดนซ์ เฟส 2) สุดหรู จำนวน 7 ยูนิต ออกแบบดีไซน์ในสไตล์นีโอโคโลเนียลโดย บริษัท ฮาบิต้า จำกัด ประกอบด้วยวิลล่า 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 167.50 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้น 31.9 ล้าน มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท โดยมีทีมงานบริหารจากโรงแรมศรีพันวา เข้ามาช่วยบริหารจัดการด้านการลงทุนปล่อยเช่าให้กับลูกค้าอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินงานก่อสร้าง นอกจากนี้ในส่วนของการพัฒนาโปรเจคที่เรียกว่าวาเคชั่นคลับ เป็นอาคารสูง 10 ชั้น 80 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1.5 พันล้านบาท ถือเป็นโปรเจคใหม่ที่น่าสนใจสำหรับการสร้างประสบการณ์การวางโปรแกรมการพักผ่อนสำหรับนักเดินทางยุคใหม่ อีกทั้งยังเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ ของการพัฒนาที่พักตากอากาศ สำหรับกลุ่มคนที่สนใจเป็นเจ้าของในงบประมาณที่ไม่ถึง 1 ล้านบาท แต่ได้พักในอาคารที่บริการระดับโรงแรม 5 ดาว โดยในระยะเริ่มต้นจะนำโรงแรมในเครือไม่ว่าจะเป็นโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต, โรงแรม บาบา บีช คลับ ภูเก็ต และ โรงแรม บาบา บีช คลับหัวหิน  เข้าร่วมนำร่องก่อน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2562 นอกจากนี้ในปีหน้าเราได้เจรจากับพันธมิตรในการพัฒนาปั้มน้ำมัน และแหล่งช้อปปิ้ง บริเวณด้านหน้าโครงการ ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 20 ไร่ โดยจะแบ่งพื้นที่ดังกล่าวออกมาจำนวน 6 ไร่ ในการพัฒนาเติมเต็มรูปแบบความเป็นโครงการ Mixed Use ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ขณะที่นายวรสิทธิ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีพันวา แมเนจเมนท์ จำกัด  เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจโรงแรมที่ผ่านมายังได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีปัจจัยด้านการท่องเที่ยว และการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวจากเหตุการณ์ต่างๆ เข้ามากระทบ แต่ภาพรวมของอุตสาหกรรมโรงแรมก็ยังเติบโตได้ดี โดยในส่วนของอัตราการเข้าพักอาจจะมีการปรับตัวลดลงไปบ้าง แต่ในด้านของการเข้าใช้บริการของร้านอาหาร การใช้สถานที่จัดงาน ยังได้รับการตอบรับที่ดีโดยตลอดทั้งปีที่ผ่านมา มีกิจกรรมอีเว้นทั้งหมด 87 งาน   ทั้งนี้จากภาพรวมการเติบโตของการจัดกิจกรรมอีเว้นท์ ในปีหน้าเราเตรียมพัฒนาส่วนต่อขยายในโครงการโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต ในรูปแบบคอนเวนชั่นฮอลล์ เพื่อให้เป็นแหล่งรองรับการจัดกิจกรรม อีเว้นท์ ได้มากถึง 400 คน พร้อมพัฒนาห้องพักในรูปแบบของพูลสวีทเพิ่มอีกจำนวน 20 ห้อง เพื่อรองรับกลุ่มผู้เข้ามาร่วมกิจกรรมอีเว้นท์ได้มีที่พักผ่อน มูลค่าโครงการรวม 1 พันล้านบาท   อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังได้พัฒนาพูลวิลล่าโซนใหม่ ดีไซน์ในสไตล์ทรอปิคอลคอนเทมโพรารี่ ออกแบบโดยบริษัท แฮบบิต้า จำกัด  ผู้ออกแบบโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต ประกอบด้วยพูลวิลล่า 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ จำนวน 4 หลัง พื้นที่ใช้สอย 150 ตารางเมตร และพื้นที่ส่วนกลางอีกกว่า 1,000 ตารางเมตร มีสระว่ายน้ำและพูลบาร์ มูลค่าโครงการรวม 200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปลายปี 2562   นอกจากนี้ในปีปลาย 2561 เราเตรียมนำโรงแรม บาบา บีช คลับ หัวหิน เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา หรือกองทรัสต์ SRIPANWA มูลค่าไม่เกิน 550 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอมติจากผู้ถือหน่วยลงทุน ที่จะมีการประชุมในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ โดยหากผู้ถือหน่วยมีมติเห็นชอบการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในครั้งนี้จะส่งผลให้ขนาดมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์โตขึ้นจากเดิมที่ประมาณ 3,700 ล้านบาท เป็นมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท        
ชาญอิสสระลุยเปิดโครงการใหม่ มูลค่ารวม 6,000 กว่าล้านบาท

ชาญอิสสระลุยเปิดโครงการใหม่ มูลค่ารวม 6,000 กว่าล้านบาท

ชาญอิสสระ มั่นใจพร้อมลุยโครงการใหม่ จับตลาดไฮเอนด์ ทั้งคอนโดย่านสาทร วาเคชั่น คลับที่ทิวทะเลเอสเตทชะอำ – หัวหิน และส่วนต่อขยายโรงแรม พลูวิลล่าเฟสใหม่ ที่ศรีพันวา และ บาบาบีชคลับ หัวหิน   นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากความสำเร็จในการพัฒนาโครงการระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ทั้งที่โครงการบาบา บีช คลับ เรสซิเดนซ์ ชะอำ – หัวหิน โครงการบ้านอิสสระ บางนา และโครงการอิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9 ยังสร้างความแข็งแกร่งด้านตลาดลักชัวรี่ให้กับ ชาญอิสสระ ตอกย้ำความสำเร็จในการพัฒนาโปรดักส์ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ทั้งด้านทำเลที่ตั้งโครงการ การออกแบบอาคาร การจัดเลย์เอาท์พื้นที่ใช้สอยของบ้านได้อย่างลงตัว ทำให้แต่ละโครงการมียอดขายตามเป้าที่วางไว้ อาทิ โครงการ บาบา บีช คลับ เรสซิเดนซ์ ชะอำ – หัวหิน ที่มียอดขายแล้ว 90% และอิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9 ที่ขณะนี้บ้านตัวอย่างจะแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายนนี้เพื่อพร้อมเปิดให้เข้าชม ปัจจุบันมียอดขายแล้วถึง 40% ด้วยราคา เริ่มต้น 100 ล้านบาท   นายสงกรานต์ อิสสระ กล่าวถึง แผนการพัฒนาโครงการในปี 2562 ว่า จะมีทั้งโครงการอาคารชุดพักอาศัย ส่วนต่อขยายของโรงแรมที่ภูเก็ตและหัวหิน รวมทั้งวาเคชั่น คลับในโครงการ ทิวทะเลเอสเตท ซึ่งจะเป็นคอนเซ็ปใหม่ของการพัฒนาที่พักตากอากาศสำหรับกลุ่มคนที่สนใจเป็นเจ้าของในงบประมาณที่ไม่ถึงหนึ่งล้านบาท แต่ได้พักในอาคารที่มีบริการระดับโรงแรม 5 ดาว เป็นอาคารสูง 10 ชั้น มีห้องพัก 80 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท โดยจะเปิดให้จองที่พักแนวคิดใหม่เร็วๆ นี้   ด้านโครงการส่วนต่อขยาย ของโรงแรมทั้งที่ภูเก็ตและหัวหิน ในส่วนของโรงแรมศรีพันวาภูเก็ต จะมีการก่อสร้างคอนเวนชั่นฮอลล์ขนาดจุ 400 คน พร้อมห้องพักแบบพลูสวีท เพิ่มอีก 20 ห้อง เพื่อรองรับการขยายตัวของการจัดงานอีเว้นท์ ประชุม สัมมนา ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 2562 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563   โรงแรมบาบา บีช คลับ หัวหิน ได้มีการเริ่มก่อสร้างในส่วนของเมนโฮเทล เป็นอาคารสูง 12 ชั้น 50 ห้องพัก พร้อมห้องประชุม จัดเลี้ยง ร้านอาหาร สปา มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท   โครงการบ้านพักตากอากาศ จะมีการก่อสร้างเพิ่มอีก 2 โครงการ คือ พลูวิลล่า ที่โครงการทิวทะเลเอสเตท จำนวน 7 หลัง ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ มีมูลค่ารวม 200 ล้านบาท และที่ศรีพันวา ภูเก็ต ก็จะมีการก่อสร้างพลูวิลล่าเพิ่มอีก 4 หลัง มูลค่า 200 ล้านบาท   นอกจากนี้ชาญอิสสระ จะมีโครงการไฮไรส์คอนโดมิเนียม บนที่ดินย่านถนนจันทร์ – สาทร เป็นโครงการลักชัวรี่คอนโด มูลค่า 2,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 2562 ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นโครงการใหม่ของกลุ่มชาญอิสสระ ที่มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 6,400 ล้านบาท   “มั่นใจว่าทุกโครงการที่ชาญอิสสระเราได้พัฒนาขึ้นมานั้น สามารถตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงใจ ด้วยคุณภาพ และความพิถีพิถันในการออกแบบโครงการ การขยายธุรกิจครั้งนี้ จะทำให้ชาญอิสสระเติบโตด้วยความแข็งแกร่งแน่นอน” นายสงกรานต์กล่าว”   สำหรับผู้ที่สนใจโครงการของบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.charnissara.com หรือโทร. 02 308 2020
ชาญอิสสระ พร้อมอวดโฉมบ้านอิสสระ บางนา  สร้างความต่างการอยู่อาศัย มุ่งตอบโจทย์ทุกเจนเนอเรชั่น

ชาญอิสสระ พร้อมอวดโฉมบ้านอิสสระ บางนา สร้างความต่างการอยู่อาศัย มุ่งตอบโจทย์ทุกเจนเนอเรชั่น

ชาญอิสสระ เปิดตัวบ้านหรูระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ “บ้านอิสสระ บางนา” โชว์ความต่างด้านดีไซน์ ฟังก์ชัน โดดเด่นเหนือระดับ ภายใต้คอนเซปต์ “ความภูมิใจที่ส่งต่อได้ The New Legacy Of Freedom” มั่นใจตลาดบ้านหรูโตต่อเนื่อง มองศักยภาพ ทำเลย่านบางนาฮอต โครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคม สาธารณูปโภคต่างๆ หนุนตลาดไฮเอนด์รุ่ง   นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมการพัฒนาตลาดบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ว่ายังมีการแข่งขันสูง ขณะที่การหาทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมถือเป็นโจทย์ที่ยากสำหรับผู้พัฒนาโครงการที่จะหาทำเลที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในย่านซีบีดี (Central Business District) หรือทำเลในย่านที่รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันต่างๆ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคม รวมไปถึงสาธารณูปโภค โดยในส่วนของย่านบางนา ถือเป็นอีกย่านหนึ่งที่น่าสนใจ และท้าทาย สำหรับการพัฒนาตลาดบ้านเดี่ยว ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ล่าสุดบริษัท เตรียมเปิดตัวบ้านตัวอย่าง โครงการบ้านอิสสระ บางนา ซึ่งถือเป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ หลังจากแถลงข่าวเปิดตัวไปเมื่อช่วงกลางปี 2559 ที่ผ่านมา สำหรับโครงการบ้านอิสสระ บางนา เป็นอีกหนึ่งโครงการคุณภาพ ที่พัฒนาออกมาด้วยการสร้างความแตกต่างด้านที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า สอดแทรกการออกแบบบ้านที่ต้องอยู่สบาย ฟังก์ชั่นการใช้งานภายในบ้านครบครัน มีการนำนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาใช้ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้รับความสะดวกสบาย คุ้มค่า และปลอดภัยต่อการพักอาศัยให้มากที่สุด โดยมีบริษัทชั้นนำอย่าง บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49) เป็นผู้รังสรรค์งานออกแบบบ้าน   “สิ่งสำคัญในการพัฒนาบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ นอกจากการมีโลเคชั่นที่ดีแล้ว เราต้องสร้างความแตกต่าง ทั้งการดีไซน์แบบบ้านให้มีความทันสมัย อยู่สบาย ฟังก์ชั่นการใช้งานภายในบ้านสะดวกสบาย รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมสมัยใหม่เข้ามาแทรกเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ง่ายขึ้น สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยให้กับทุกช่วงวัย อีกทั้งโครงการบ้านอิสสระ บางนา ยังนับว่าเป็นโครงการที่อยู่บนทำเลตัวเมืองชั้นนอกที่เป็นย่านที่อยู่อาศัยที่เป็นที่นิยมอันดับต้นๆ ได้แก่ กรุงเทพฝั่งตะวันออก อันเนื่องมาจากทำเลดังกล่าวได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางคมนาคม และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อาทิ ศูนย์การค้าระดับ Regional Shopping Center อย่างเมกาบางนา หรือโครงการขนาดใหญ่แห่งใหม่ อย่างแบงค็อก มอลล์ รวมไปถึงการขยายตัวของอาคารสำนักงานอีกด้วย จึงเป็นโครงการที่เราพัฒนาออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง และเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของชาญอิสสระ ที่จะส่งต่อให้กับลูกค้า” นายสงกรานต์ กล่าว ด้านนายเมธินทร์ จันทรอุไร กรรมการบริหาร บริษัทสถาปนิก 49 จำกัด (A49) ผู้ออกแบบโครงการบ้านอิสสระ บางนา กล่าวว่าจุดเด่นของการออกแบบบ้านอิสสระ บางนา คือการต้องการเน้นพื้นที่ใช้สอยที่มากเพียงพอ พร้อมทั้งให้ฟังก์ชั่นการใช้สอยที่ครบครัน ภายใต้คอนเซปต์ สวนล้อมบ้าน ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความเขียวขจีของต้นไม้ แสงธรรมชาติ ด้วยการดีไซน์โครงการที่เน้นโล่ง โปร่ง สบาย ได้วิวธรรมชาติทุกมุมมอง อีกทั้งยังนำแนวคิด “พลังงาน (Energy)” และ “หลักการของธรรมชาติ (Principles of Nature)” มาใช้เพื่อให้เกิดสภาวะน่าสบาย (Comfort Zone) จึงได้นำแนวคิดหลักการของธรรมชาติที่มีผลต่อในเขตร้อนชื้นอย่างในประเทศไทย ได้แก่ การป้องกันแดด การระบายอากาศ การป้องกันและการระบายน้ำฝน รวมทั้งการอาศัยพลังงานต่างๆ จากสิ่งแวดล้อมภายนอกมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับที่อยู่อาศัย ทั้งในส่วนของภาพลักษณ์อาคาร และพื้นที่ใช้สอยภายในอาคาร โดยมีการออกแบบพื้นหน้ากว้างด้านหน้าโครงการ ให้สามารถรองรับการจอดรถเรียงกันได้ 5 คัน รวมถึงการออกแบบพื้นที่หลังบ้าน ให้เป็นพื้นที่ใช้สอยที่สวยงามเสมือนเป็นหน้าบ้านอีกด้านหนึ่งของโครงการ   นอกจากนี้มีการใช้กระจกสูงจากระดับพื้นถึงฝ้า เพื่อให้ภายในบ้านสามารถรับแสงจากธรรมชาติ    มากขึ้น และยังเป็นการช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้ ภายในบ้านยังออกแบบด้วยการยกเพดานให้สูง เพราะนอกจากจะทำให้รู้สึกโปร่งโล่งแล้ว ยังสามารถช่วยระบายความร้อนที่เกิดขึ้นในอาคารได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเรายังมีการออกแบบชายคาที่ยื่นยาว 1.20 เมตร และองค์ประกอบตกแต่งที่มีลักษณะเหมือน “ท่อนไม้ซุง” สามารถช่วยลดพลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นในอาคารได้ถึง 25% เมื่อเทียบกับบ้านโครงการอื่นที่มีปริมาณกระจกเท่ากัน ซึ่งทำให้พื้นที่ภายในบ้านได้รับแสงธรรมชาติ แต่ไม่รู้สึกร้อน พร้อมกันนี้ยังออกแบบให้การเชื่อมต่อพื้นที่ใช้สอยภายในและภายนอกบ้าน (บริเวณห้องนั่งเล่น สวน และสระว่ายน้ำ) ทำให้เกิดเป็นพื้นที่  ใช้สอยร่วมของบ้านที่เกิดเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างกิจกรรมของคนในครอบครัว ทั้งยังเป็นการระบายอากาศให้กับตัวบ้านและช่วยประหยัดพลังงานจากการใช้เครื่องปรับอากาศได้ นอกจากนี้ทุกห้องยังถูกออกแบบให้คำนึงถึงการถ่ายเทอากาศที่ดี โดยมีช่องหน้าต่าง 2 ด้าน เพื่อให้ลมพัดผ่านได้ทั่วห้อง   “นอกจากการออกแบบที่คำนึงถึงหลักการธรรมชาติ และการประหยัดพลังงานแล้วเพื่อให้เกิดความคุ้มค่า ความปลอดภัยในการอยู่ การออกแบบยังให้ความสำคัญกับ Universal Designเพื่อตอบโจทย์ผู้สูงอายุหรือผู้ใช้วีลแชร์ โดยมีการทำทางลาดเอียงสำหรับเข้าบ้าน รวมถึงขนาดของลิฟท์ที่เหมาะด้วย พร้อมมีการออกแบบคลับเฮาส์ที่โอ่โถง สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ฟิตเนสที่ทันสมัย รวมถึงโซน Amphitheater ที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ของแต่ละครอบครัว และลู่วิ่งรอบหมู่บ้าน สวนที่ร่มรื่นช่วยให้เวลาแห่งการพักผ่อนสมบูรณ์แบบสำหรับครอบครัว”นายเมธินทร์ กล่าว ขณะที่นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า หากจะกล่าวถึงทำเลที่เป็นย่านที่พักอาศัยที่นิยมในอันดับต้นๆ คงหนีไม่พ้นกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก สืบเนื่องมาจากทำเลดังกล่าวได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางคมนาคมที่สามารถวิ่งเข้ากรุงเทพฯ ชั้นในได้อย่างรวดเร็ว หรือในทางกลับกันยังเป็นเกทเวย์วิ่งออกสู่สนามบินสุวรรณภูมิ หรือย่านอุตสาหกรรมได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อาทิ เมกาซิตี้ บางนา หรือโครงการในอนาคตอย่างแบงค็อก มอลล์ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาพื้นที่พาณิชยกรรมขนาดใหญ่ รวมไปถึงการขยายตัวของออฟฟิศเกรดเอ อาทิ ภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค และ      วิสซ์ดอม วัน โอ วัน อีกด้วย   “จากการที่ซีบีอาร์อี เข้ามาทำการตลาด และการขายบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ในช่วงที่ผ่านมา เราจะพบได้ว่าสินค้าในตลาดยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านระดับนี้ได้จริง ไม่ว่าจะเป็นแนวความคิด การออกแบบบ้าน รูปแบบ ฟังก์ชั่นดีไซน์ ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าบ้านทั่วไปจะเน้นเรื่องดีไซน์ภายนอกให้น่าดึงดูด แต่ไม่ได้คำนึงถึงฟังก์ชั่น ประโยชน์ใช้สอยภายในตัวบ้าน หรือวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เท่าที่ควร ซึ่งการออกแบบบ้านที่ดีนั้นควรเริ่มตั้งแต่แนวความคิด สำหรับโครงการบ้านอิสสระ บางนานั้น มีจุดเด่นที่แตกต่างหลายด้าน เริ่มตั้งแต่มาสเตอร์แปลน (Master Plan) โดยบ้านทุกหลังตั้งอยู่บนถนนหลักของโครงการ ไม่มีการแบ่งทำเป็นถนนซอยเล็กๆ อีกทั้งยังคำนึงถึงทิศทางลม จึงทำให้บ้านส่วนใหญ่หันหน้าทิศเหนือ-ใต้” นางสาวอลิวัสสา กล่าว   นอกจากนี้ส่วนของตัวบ้านถูกออกแบบมาเพื่อให้ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด คำนึงถึงแสงธรรมชาติ ทิศทางลม อีกทั้งออกแบบเพื่อการใช้งานของคนทุกคน (Universal Design)เพื่อตอบโจทย์ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีข้อจำกัดทางด้านร่างกาย โดยมีการทำทางลาดเอียง รวมถึงจัดเตรียมลิฟท์โดยสารไว้ สำหรับพื้นที่ใช้สอยด้านในนั้น ด้วยตัวบ้านเป็นบ้านหน้ากว้าง จึงสามารถแยกพื้นที่ใช้สอยแบ่งซ้าย-ขวาได้อย่างลงตัว คุ้มค่า จุดเด่นที่สำคัญอีกประการหนึ่งของโครงการคือ การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์เกรดพรีเมี่ยม อาทิครัวบูลล์ธอป (Bulthaup),สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ แบรนด์ Toto, Kasch, Grohe อีกทั้งยังคำนึงถึงนวัตกรรมสำหรับบ้านยุคใหม่ อาทิ โซลาร์เซลล์ (Solar Cell), ระบบปรับอากาศแบบวีอาร์วี (VRV) ซึ่งช่วยประหยัดพลังงาน เป็นต้น   สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งสำหรับกลุ่มลูกค้าระดับนี้ คืองานบริการหลังการขาย โดยทางโครงการมีบริการ Lifestyle Concierge Service รองรับ ไม่ว่าจะเป็นบริการดูแลบ้าน,บริการประสานงานจัดกิจกรรม, บริการประสานงานด้านสุขภาพ และบริการผู้ช่วยส่วนตัว ซึ่งจากจุดเด่นที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นนี้ จึงถือได้ว่าบ้านอิสสระ บางนาได้เซทสแตนดาร์ดใหม่สำหรับบ้านระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ และตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ได้อย่างแท้จริง   บ้านตัวอย่างของบ้านอิสสระ บางนาจะแล้วเสร็จ พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 มิถุนายน ศกนี้ พร้อมสิทธิพิเศษ และกิจกรรมมากมายสำหรับลูกค้าที่จองภายในงานเท่านั้น นายดิฐวัฒน์ อิสสระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการบ้านอิสสระ บางนา เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ ลักชัวรี่ มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท ออกแบบโดยถ่ายทอดแนวคิดผ่านความเป็น Modern Tropical ทำให้เกิดความรู้สึกอยู่สบายน่าพักอาศัย มีความเรียบง่าย ใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ ประมาณ 24 ไร่ บริเวณถนนบางนา-ตราด กม.8 จำนวนทั้งสิ้นเพียง 44 หลัง บนพื้นที่ดินขนาด 100-238 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 380-697ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 38-94 ล้านบาท พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน รวมถึงการให้บริการ Lifestyle Concierge Service บริการที่จะช่วยสร้างไลฟ์สไตล์ความเป็นส่วนตัว แบบเอ็กซ์คลูซีฟให้แก่ลูกบ้านภายในโครงการ โดยมีงานบริการด้านต่างๆ ไว้คอยดูแลและอำนวยความสะดวก อาทิ บริการด้านโฮมแคร์ ที่จะช่วยดูแลและบำรุงรักษาตั้งแต่เรื่องภายในบ้านและภายนอกบ้านอย่างครบครัน, บริการด้านสุขภาพที่ช่วยให้ลูกบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น, บริการด้านการจัดเลี้ยง จัดกิจกรรมที่ครบวงจร และบริการผู้ช่วยส่วนตัวที่จะคอยดูแลให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นในทุกๆ เรื่องเมื่อเข้ามาอยู่ภายในโครงการ “บ้านอิสสระ บางนา” นอกจากนี้ภายในโครงการยังให้ความสำคัญกับนวัตกรรมการอยู่อาศัยด้วยการนำระบบ Home Automation มาใช้ซึ่งคือนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เอาอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้านมาทำงานร่วมกันแบบอัตโนมัติ โดยอาศัยการควบคุมผ่านอินเตอร์เน็ต (Internet of Things : IoT) โดยจะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสะดวกสบาย ปลอดภัย และยังช่วยประหยัดพลังงานได้ โดยการ Control ผ่าน Mobile Application บน   Smart Phone หรือ Tablet   “นวัตกรรมนี้สามารถช่วยให้เจ้าของบ้านสามารถตรวจสอบความปลอดภัยว่ามีการ เปิด/ปิด ประตู หรือ ไฟ เรียบร้อยแล้วหรือไม่ก่อนออกจากบ้าน, การแจ้งเตือนผ่านมือถือเมื่อมีผู้บุกรุก หรือมีสัญญาณตรวจจับควันไฟ เมื่อตัว Smoke Detector ทำงาน ซึ่งจะช่วยทำให้เจ้าของบ้านทราบเหตุและระงับได้ทันท่วงที นอกจากนี้การควบคุมผ่าน Mobile Application ยังสามารถสั่งให้ไฟแสงสว่าง และแอร์ทำงานตามล่วงหน้า หรือทำตามปรับ Scenario ตามความต้องการ เพื่อตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัยในยุคปัจจุบัน สำหรับบ้านอิสสระ  บางนา ถือเป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยให้กับทุกไลฟ์สไตล์ เริ่มตั้งแต่เรื่องการออกแบบ ดีไซน์ ฟังก์ชั่นการใช้สอยต่างๆ ภายในบ้าน ที่เป็นส่วนช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้อยู่อาศัย โดยมีแบบบ้านให้เลือกทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่ ABELIA, BELLIS, CALLA และ DAVIDIA ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 380-697 ตารางเมตร ขนาดบ้าน 2-3ชั้น เริ่มตั้งแต่ 4-6 ห้องนอน 4-5 ที่จอดรถ ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ครัว Panty ครัวไทย ห้องคนรับใช้ พร้อมลิฟท์ภายในบ้าน” นายดิฐวัฒน์ กล่าว   ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอกย้ำโครงการบ้านอิสสระ บางนา ซึ่งถือเป็นความภูมิที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ล่าสุดเตรียมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดแรก “ความภูมิใจที่ส่งต่อได้” เพื่อเป็นการสื่อถึงความภูมิใจ ในทุกๆ รายละเอียดให้กับคนในครอบครัว ได้สัมผัสถึงการใช้ชีวิตที่มีอิสระ มีความปลอดภัย โดยใช้ใจสัมผัสถึงการรับรู้ โดยจะเริ่มออนแอร์ในวันที่ 11 มิถุนายน นี้ ทางอัมรินทร์ทีวีช่อง 34, ช่อง 3HD 33, Nation TV ช่อง 22,ช่อง Money Channel, PPTV ช่อง 36 และ Thairath TV ช่อง 32 รวมถึงช่องทางออนไลน์ต่างๆของทางCharn Issara อีกด้วย
ชาญอิสสระ สร้างปรากฎการณ์โชว์ไลฟ์สด 12 โครงการ เจาะทุกมุมมอง โครงการเด่น ปิดแคมเปญครบรอบ 65 ปี

ชาญอิสสระ สร้างปรากฎการณ์โชว์ไลฟ์สด 12 โครงการ เจาะทุกมุมมอง โครงการเด่น ปิดแคมเปญครบรอบ 65 ปี

ชาญอิสสระ รุกกิจกรรมการตลาดออนไลน์ส่งท้ายแคมเปญครบรอบ 65 ปีชาญอิสสระ สร้างปรากฎการณ์โชว์ Facebook Live พร้อมกัน 12 โครงการ เจาะลึกทุกรายละเอียด มุมมอง ที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด พร้อมรับชมบรรยากาศจริงทุกโครงการ 28 กันยายน 2560 ตั้งแต่เที่ยงวันเป็นต้นไป มั่นใจดันยอดขายปิดแคมเปญได้ตามเป้า นายดิฐวัฒน์  อิสสระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความสำเร็จของการจัดแคมเปญฉลองครบรอบ 65 ปีชาญอิสสระ “Big Thanks” 65 ปีมีครั้งเดียว กับโครงการระดับพรีเมี่ยม โดยลูกค้าที่ซื้อโครงการต่างๆ ในเครือของ บมจ. ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม -31 ตุลาคม 2560  เมื่อนำยอดการซื้อสะสมมารวมกัน ณ สิ้นวันที่ 31 ตุลาคม 2560 ยอดสูงสุด (Top Spender) 65 ท่านแรก จะได้รับ แพคเกจที่พักสุดหรูโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต  3 วัน 2 คืน มูลค่าร่วม 3 ล้านบาท และโปรโมชั่นของแต่ละโครงการในเครือของ บมจ. ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ อื่นๆ อีกมากมาย ว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ทั้งในส่วนของโครงการที่อยู่กทม. และโครงการที่อยู่ต่างจังหวัด เนื่องจากทุกโครงการมีความโดดเด่นด้านทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพ รวมถึงมีการออกแบบตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์และทันสมัย จึงตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในแง่คุณภาพแห่งการพักอาศัยเป็นอย่างดี “จากแคมเปญที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้รับกระแสการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี นอกจากโปรโมชั่นจากการสะสมยอดซื้อสูงสุดรวมกัน 65 ท่านแรก รับแพคเกจที่พักสุดหรูโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต  3 วัน   2 คืน แล้วแต่ละโครงการยังมอบข้อเสนอพิเศษ  อาทิมอบส่วนลดสูงสุด 1 ล้านบาท, มอบส่วนลดค่าออกแบบตกแต่งภายในสูงสุด 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละโครงการ เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าผู้มีอุปการะคุณอีกด้วย”  นายดิฐวัฒน์ กล่าว ทั้งนี้เพื่อเป็นการปิดแคมเปญ  “Big Thanks” 65 ปีมีครั้งเดียว ที่จะจบแคมเปญในช่วงปลายเดือนตุลาคม บริษัทจึงได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาดออนไลน์กระตุ้นยอดขาย ด้วยการสร้างปรากฎการณ์ Facebook Live พร้อมกัน 12 โครงการ เพื่อเป็นการเจาะลึกทุกรายละเอียด มุมมอง ของแต่ละโครงการ พร้อมตอกย้ำคุณภาพของโครงการทุกโครงการ อาทิ บรรยากาศโดยรอบของโครงการ การออกแบบ ขนาดพื้นที่ใช้สอย และสิ่งอำนวยความสะดวก  ให้กับลูกค้าที่สนใจโครงการต่างๆ ของบริษัท ได้ชมภาพบรรยากาศจริงของโครงการแบบละเอียด ประกอบด้วยโครงการ อิสสระ เรสซิเดนส์ พระราม9, โครงการบ้านอิสสระ บางนา, โครงการดิ อิสสระ ลาดพร้าว, โครงการอิสสระ   คอลเลคชัน สาทร, โครงการอิซซี่ คอนโด สุขสวัสดิ์, โครงการทิวทะเลเอสเตท ชะอำ-หัวหิน, โครงการบาบา บีช คลับ เรสซิเดนซ์ หัวหิน, โครงการอิสสระวิลเลจ,โครงการบ้านสีตวัน ปากช่อง และโครงการดิ อิสสระ เชียงใหม่ โดยจะเริ่มทำการ Live พร้อมกันในวันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายนนี้ ตั้งแต่เวลา 12.00 น.เป็นต้นไป