Tag : ดิ ไอคอนสยาม

3 ผลลัพธ์
สยามพิวรรธน์ ประกาศจุดยืน  “ผู้นำแห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์” (Creative Economy) นำไทยยิ่งใหญ่บนเวทีโลก

สยามพิวรรธน์ ประกาศจุดยืน “ผู้นำแห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์” (Creative Economy) นำไทยยิ่งใหญ่บนเวทีโลก

บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ‘ไอคอนสยาม’ อภิมหาโครงการเมืองสัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ประกาศจุดยืน  “ผู้นำแห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์” (Creative Economy) ด้วยการนำความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่ล้ำสมัย มุ่งสร้างชื่อเสียงประเทศไทยให้ยิ่งใหญ่บนเวทีโลก เผยกลยุทธ์สำคัญใน 5 ปีข้างหน้า พร้อมฉลองการเข้าสู่ปีที่ 60 ด้วยความสำเร็จของธุรกิจที่เติบโตแบบก้าวกระโดดนับจากปี 2557 ถึงวันนี้ รายได้เติบโตขึ้นถึงเท่าตัว   นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “ตลอด 60 ปี สยามพิวรรธน์มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมในการสร้างต้นแบบและนำมาตรฐานใหม่ๆ มาพัฒนาวงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด  เราสร้างปรากฎการณ์ปฏิวัติวงการให้เกิดขึ้น ครั้งแล้วครั้งเล่า และจากทิศทางที่สยามพิวรรธน์ได้ประกาศไปเมื่อ 5 ปีก่อน การเปลี่ยนสยามเซ็นเตอร์ ให้กลายเป็นเมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ และการปรับโฉมสยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรียม ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางรูปแบบไฮบริดรีเทล ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ศูนย์การค้าไทยได้รับรางวัลชนะเลิศจากทั้งวงการศูนย์การค้าและการค้าปลีกของโลกพร้อมกัน และล่าสุด สำหรับการเปิดอภิมหาโครงการเมืองไอคอนสยามที่เป็นกระแสร้อนแรงที่สุดแห่งปี 2561 โดยได้วางแผนกลยุทธ์ใหม่ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ และกำหนดทิศทางการลงทุนของสยามพิวรรธน์ ซึ่งจะเน้นไปที่การสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกับคนไทยทั้งประเทศ และพันธมิตรชั้นนำในต่างประเทศ พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เหนือชั้นเพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดแบบครบวงจร โดยเราตั้งเป้าว่าในอีก 5 ปีข้างหน้ารายได้กลุ่มธุรกิจของเราจะโตขึ้นอีก 1 – 1.5 เท่า      จุดยืนที่แข็งแกร่งและแตกต่างนี้  สยามพิวรรธน์ ได้เผยกลยุทธ์สำคัญที่จะเป็นแผนธุรกิจ 5 ปี ดังนี้   1.เดินหน้าสร้างมหาปรากฏการณ์ โครงการระดับโลกทั้งในและต่างประเทศ ต่อยอดจากความสำเร็จของ วันสยาม และไอคอนสยาม ด้วยวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเมือง โครงการที่สยามพิวรรธน์สร้างขึ้นจะต้องเป็นโครงการขนาดใหญ่ ต้องปฏิวัติวงการค้าปลีก (Retail revolution) และต้องเป็นโครงการที่สร้างสรรค์โดยเฉพาะ (Tailor made) โดยในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีการสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่มีรูปแบบและคอนเซ็ปต์ที่แปลกใหม่เหนือความคาดหมาย ซึ่งจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบเร็วๆ นี้  นอกจากนี้สยามพิวรรธน์ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อน “วันสยาม” (One Siam)  คือการผนึกกำลังของ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ เป็นสถานที่หนึ่งเดียวในเอเชียและวงการค้าปลีกของโลก ที่ก้าวขึ้นแท่นติดอันดับ 1 ใน 10 ของสถานที่ยอดนิยมระดับโลก อันดับ 1 ใน Instagram  และอันดับ 6 ในFacebook    ไอคอนสยามยังคงเดินหน้าสร้างปรากฎการณ์ความมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดองค์ประกอบสำคัญเพิ่มเติม เช่น ทรู ไอคอน ฮอลล์ (TRUE ICON HALL) ศูนย์ประชุมพร้อมนวัตกรรมล้ำยุคแห่งแรกในกรุงเทพบนพื้นที่กว่า 12,000 ตารางเมตร และ ริเวอร์มิวเซียม แบงค็อก (rivermusuem bangkok) ซึ่งจะเป็นพิพิธภัณฑ์มาตรฐานระดับสากลครั้งแรกในเมืองไทย โดยจะทำงานร่วมกับเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก เพื่อนำผลงานศิลปะล้ำค่าจากต่างประเทศมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในประเทศไทย   2.ผนึกกำลังพันธมิตรแถวหน้าระดับโลก ร่วมพัฒนาธุรกิจค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์ ที่ผ่านมาสยามพิวรรธน์ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำระดับโลกมากมาย และเลือกที่จะเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจและร่วมลงทุนพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ไปกับสยามพิวรรธน์ ในขณะเดียวกัน สยามพิวรรธน์ได้รับการติดต่อจากหลายๆ บริษัทที่มีชื่อเสียงในประเทศต่างๆ  ซึ่งมีความประสงค์จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และด้วยแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เป็นกลางจึงจะทำให้สยามพิวรรธน์สามารถจับมือกับทุกพันธมิตรเพื่อพัฒนาโครงการเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการศึกษา โดยได้มองหาทำเลทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด    ในส่วนธุรกิจค้าปลีก สยามพิวรรธน์ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสินค้าและบริการที่แปลกใหม่เป็นคนแรกอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ สยามพิวรรธน์มีแผนที่จะขยายไลน์ธุรกิจค้าปลีกให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งการขยายธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบแฟรนไชส์ การร่วมทุนกับบริษัทค้าปลีกชั้นนำจากต่างประเทศเพื่อเปิดตัวแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์อีก 2 แบรนด์ และมีกำหนดการที่จะเปิด Luxury Premium Outlets แห่งแรกในประเทศไทยในปลายปีนี้ และขยายเพิ่มไปนอกกรุงเทพฯ อีก 2 แห่ง    นอกจากนี้ จะมุ่งเน้นการให้ความสนับสนุนดีไซน์เนอร์ไทยและผู้ประกอบการ SME ไทยให้พัฒนาบน platform การจัดจำหน่ายสินค้าที่สยามพิวรรธน์บริหารอย่างครบวงจร เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยๆ ที่มีต้นทุนต่ำ ได้ใช้ประโยชน์จากศูนย์กลางข้อมูลของสยามพิวรรธน์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง   3.ลงทุนธุรกิจใหม่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก สยามพิวรรธน์มีความสนใจที่จะลงทุนในการซื้ออสังหาริมทรัพย์  การลงทุนในธุรกิจอื่น และขยายธุรกิจค้าปลีก  ที่จะช่วยสนับสนุนธุรกิจหลักเพื่อเสริมศักยภาพของสยามพิวรรธน์  เช่น การซื้ออาคารสำนักงาน กิจการจัดส่งสินค้า(logistics) รวมไปถึงธุรกิจด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ๆ   นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าในการขยายธุรกิจภายใต้บริษัทลูกอีก 4 - 5 บริษัทใหญ่ อาทิ การจัดตั้งบริษัท สยามอัลไลแอนซ์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ต่อยอดความเชี่ยวชาญจากการบริหาร Royal Paragon Hall เพื่อรับบริหารจัดการศูนย์การประชุมและศูนย์แสดงนิทรรศการใหม่ๆ อาทิ TRUE ICON HALL และลงทุนในการสร้างศูนย์ประชุมสำหรับการจัดงานต่างๆ รวมถึงการการจัดแสดงคอนเสิร์ตในทำเลใหม่ การเดินหน้าให้บริการกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดอย่างครบวงจรของบริษัท ซูพรีโม่ จำกัด ที่สร้างประสบการณ์ระดับโลกเหนือความคาดหมายมาแล้วมากมาย อาทิ การจัดงาน Amazing Thailand Countdown ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อปลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีธุรกิจให้คำปรึกษาและบริการเกี่ยวกับการจัดการอาคารของบริษัท สยามโปรเฟสชั่นแนล แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งได้ให้บริการแก่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาแล้วหลายราย ซึ่งบริษัทในเครือเหล่านี้ จะเดินหน้าให้บริการทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง   4.เปิดตัวระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และการบริหารจัดการข้อมูล ที่ได้ถูกพัฒนามาเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี สร้างความแตกต่างแต่โดนใจ เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดแบบครบวงจรทั้งในและต่างประเทศ ในปีนี้ สยามพิวรรธน์จะเปิดตัวระบบสารสนเทศทางการตลาด (Marketing Intelligence System) ที่ได้พัฒนามานานกว่า 5 ปีด้วยงบประมาณ 500 ล้านบาท สำเร็จพร้อมใช้อย่างเต็มรูปแบบแล้วในปีนี้ โดย อาจารย์สรรค์ชัย เตียวประเสริฐกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของกลุ่มสยามพิวรรธน์ และผศ.ดร.พีรพล เวทีกูล อาจารย์ประจำ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาดให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยระบบจะแบ่งเป็น 2 ส่วน   - ในส่วน Front-end สยามพิวรรธน์ได้มีการทำ Location awareness และ Member awareness ผ่านระบบ Mobile Application รวม ศูนย์ข้อมูลการตลาดโดยทำ Web Centralization และพัฒนาElectronic Digital Marketing (EDM) เพื่อเข้าถึงลูกค้าผ่านทางช่องทางบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น   - ในส่วน Back-end สยามพิวรรธน์ได้พัฒนาระบบ Data Infrastructure เพื่อเก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าในหลายมิติ และใช้ Advanced data analytics ในการวิเคราะห์และทำความเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าแต่ละบุคคล เพื่อนำไปต่อยอดทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดได้ตรงใจลูกค้าและได้ผลตอบแทนมากที่สุด   5.กลยุทธ์การสร้างคุณค่า สมประโยชน์ร่วมกันสู่ความยั่งยืน จับมือผู้ประกอบการไทยทั่วประเทศพร้อมแข่งขันบนเวทีโลก ปั้น Local Heroes ให้เป็น Global Heroes  สยามพิวรรธน์ ยังคงยึดมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainability)  โดยการสร้างแบบอย่างการดำเนินธุรกิจ คือ การร่วมกันรังสรรค์ (Co-creation) และ การสร้างคุณค่าสมประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย (Creating Shared Value) ซึ่งเป็นคอนเซปต์หลักในการพัฒนาทุกโครงการของสยามพิวรรธน์ตลอดมา ด้วยการผนึกกำลังร่วมกับทุกภาคส่วน ตั้งแต่องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ บุคคลผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญจากทั่วโลก ถูกสะท้อนออกมาอย่างเป็นรูปธรรมและเต็มรูปแบบ อาทิ สนับสนุนโครงการดีมาร์ค โชว์ โครงการทาเลนต์ไทย แอนด์ ดีไซน์เนอร์รูม และการเปิดร้าน Objects of Desire Store (ODS) ที่ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อผลักดันผลงานของนักออกแบบไทยรุ่นใหม่ให้ก้าวไกลสู่ตลาดโลก เป็นต้น    นอกจากนี้ สยามพิวรรธน์ ยังประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการท้องถิ่นรายย่อยจากทั่วประเทศไทย ในโครงการสุขสยาม ส่งผลให้ผลิตผลจากหมู่บ้านและท้องถิ่นต่างๆ มียอดขายที่ดีและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง รวมทั้งมองหาโอกาสที่จะทำโครงการดีๆ ร่วมกับองค์กรต่างๆ เพื่อสนับสนุนคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ เชิดชูความสามารถและผลักดันฝีมือคนไทย  ปั้น “Local Heroes” ให้กลายเป็น “Global Heroes”   6.การพัฒนาสยามพิวรรธน์ อคาเดมี (Siam Piwat Academy) และการสร้างสยามพิวรรธน์ Next-Gen Leader สยามพิวรรธน์มีแผนปรับโครงสร้างบริหารและพัฒนาองค์กรดังนี้ การสร้างสยามพิวรรธน์ Next-Gen Leader ปั้นคนรุ่นใหม่เสริมทัพผู้บริหารเพื่อขับเคลื่อนองค์กร โดย 5 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างหน่วยงาน Think Tank ที่ได้ทำงานร่วมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้บริหารระดับสูงที่มากด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขาอย่างใกล้ชิด เป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เหล่านี้ได้ถูกฝึกฝีมืออย่างเข้มข้น และมีเวทีในการแสดงศักยภาพ มีโอกาสเติบโตและภาคภูมิใจไปกับทุกความสำเร็จขององค์กร   นอกจากนี้ โครงการสยามพิวรรธน์ อคาเดมี (Siam Piwat Academy) ซึ่งคือหลักสูตรการบริหารจัดการ ที่นำองค์ความรู้ในการบริหารศูนย์การค้าและการค้าปลีกของสยามพิวรรธน์ที่สั่งสมมากว่า 60  ปีมาถ่ายทอดให้กับสังคม ในปีต่อไปนี้สยามพิวรรธน์จะเฟ้นหาคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ มีความชำนาญที่หลากหลาย (Multi Skills) ที่สามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้า และเข้าใจไลฟ์สไตล์ของคนยุคดิจิตอล     สยามพิวรรธน์มีแผนที่จะปรับโครงการสร้างองค์กรด้วยการสร้าง Center of Excellence หรือ การสร้างหน่วยงานกลางที่รวมเอาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในสาขาต่างๆ ขึ้นเป็นหน่วยงานส่วนกลางเพื่อกำกับดูแล และให้การสนับสนุนบริษัทลูกในเครือทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีแผนการปรับกระบวนการทำงานโดยนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มีผลิตภาพมากขึ้น อาทิ การใช้ Chatbot, Robotic, AI ทำให้องค์กรมีความคล่องตัว (Agile organization)  สามารถปรับตัวได้เร็วตอบสนองความต้องการ และการเปลี่ยนแปลงของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว      
เจ้าพระยามหานคร (CMC) จับมือ เมเจอร์ เปิดตัวโรงภาพยนตร์ CMC 4DX ที่ไอคอน ซีเนคอนิค

เจ้าพระยามหานคร (CMC) จับมือ เมเจอร์ เปิดตัวโรงภาพยนตร์ CMC 4DX ที่ไอคอน ซีเนคอนิค

บมจ. เจ้าพระยามหานคร (CMC) บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ร่วมมือกับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เปิดตัว โรงภาพยนตร์ CMC 4DX ไฮเท็คที่สุดในไทยด้วยระบบเอฟเฟคมากที่สุด ที่ศูนย์การค้าระดับโลกไอคอนสยาม ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ และลูกค้าที่มีความทันสมัย   นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจ้าพระยามหานคร (CMC) กล่าวว่า บริษัทฯประสบความสำเร็จในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กว่า 24 ปี CMC พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำตามแนวเส้นรถไฟฟ้า ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มีความทันสมัย ล่าสุดบริษัทฯ จับมือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป เปิดตัวโรงภาพยนตร์ CMC 4DX ที่ไอคอน ซีเนคอนิคซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์ที่มีเทคโนโลยี ไฮเท็คที่สุดในไทย ด้วย สเปเชียล เอฟเฟค Fox Storm ที่มีที่เดียวในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางในการทำกิจกรรมการตลาดของ CMC ตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า CMC   ทั้งนี้ CMC มีโครงการคอนโดมีเนียม พร้อมอยู่กว่า 10 โครงการ ในทำเลดี ทั่วกรุงเทพตามแนวรถไฟฟ้าและ ศูนย์กลางธุรกิจในโซนสาทร–ธนบุรี ได้แก่ แบงค์คอก ฮอไรซอน สาทร, แบงค์คอก ฮอไรซอน รัชดา-ท่าพระ, แบงค์คอก เฟ'ลิซ @ สถานีบางแค โซนสุขุมวิท ได้แก่ ชาโตว์ อินทาวน์ สุขุมวิท 64/1, ชาโตว์ อินทาวน์ สุขุมวิท 62/1 โซนพระราม 8, จรัญสนิทวงศ์ ได้แก่ ชาโตว์ อินทาวน์ พระราม8, ชาโตว์ อินทาวน์ จรัญสนิทวงศ์ 96/2 โซนรามคำแหงอินเตอร์เชนจ์ ได้แก่ แบงค์คอก ฮอไรซอน รามคำแหง ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า 3 สาย เหมาะกับการลงทุนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากโซนรามคำแหง เป็นโซนที่มีอนาคตการเติบโตอย่างสูงในอนาคตอันใกล้นี้   คุณนรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ รู้สึกยินดีที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ บริษัท เจ้าพระยามหานคร  จำกัด (มหาชน) หรือ CMC ที่สนับสนุนเป็น CMC 4DX ให้กับโรงภาพยนตร์ ไอคอน ซีเนคอนิค ซึ่งนับเป็นความร่วมมือกันครั้งแรกระหว่าง ธุรกิจโรงภาพยนตร์ กับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ผมมองว่า CMC ให้ความสำคัญกับลูกค้า ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์พิเศษ Privilege PLUS เป็นมากกว่าสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการปกติที่ส่งมอบเพิ่มเติมให้กับลูกค้าของ เจ้าพระยามหานคร หรือ CMC เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนที่ล้ำไปอีกขั้น สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่     ทั้งนี้ โรงภาพยนตร์ ไอคอน ซีเนคอนิค เป็นสาขาโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ที่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากที่สุดในประเทศ จึงมั่นใจว่าการร่วมเป็น เนมมิ่ง สปอนเซอร์ โรงภาพยนตร์ 4DXบริษัท เจ้าพระยามหานคร  จำกัด (มหาชน) หรือ CMC จะช่วยขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีและความทันสมัย จากโรงภาพยนตร์ ไอคอน ซีเนคอนิค ที่เป็นนวัตกรรมใหม่  รวมถึงโรงภาพยนตร์จีเอสบีไอแมกซ์,  CMC 4 DX ซึ่งจะตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่ชื่นชอบเทคโนโลยีและความทันสมัย โดยCMC มอบสิทธิพิเศษ ลูกค้าที่รับชมภาพยนตร์ ในโรงภาพยนตร์เครือเมเจอร์ ได้แก่ CMC 4DX,VIP Kid Cinema และ Living Room Theatre และ4DX ทุกสาขา สามารถนำหางบัตรที่ชมภาพยนตร์ ดังกล่าว รับส่วนลด On Top ในการซื้อคอนโดCMCได้สูงสุด 100,000 บาทในโครงการคอนโด ชาโตอินทาวน์ แบงค์คอก ฮอไรซอน แบงค์คอก เฟสลิซ ทาวน์เฮ้าส์ คาซ่ายูเรก้าหรือบ้านเดี่ยวเดอะริช ภายใต้แบรนด์ CMC ทุกโครงการ  หมดเขต 31 มีนาคม 2562  สอบถามโทร.1172 หรือ  www.cmc.co.th   สำหรับการร่วมงานเปิดตัวโรงภาพยนตร์ “CMC 4DX” พบกับโชว์จากเซเลปและดาราชั้นนำ พร้อมการเปิดแสดงหนังฟอร์มยักษ์เรื่อง Captain Marvel ในวันที่ 7 มีนาคม 2562      
ไอคอนสยามจัดงานสุดยิ่งใหญ่อลังการแห่งปี ฉลองเปิดตัว ‘เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ’ โครงการที่พักอาศัยที่หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

ไอคอนสยามจัดงานสุดยิ่งใหญ่อลังการแห่งปี ฉลองเปิดตัว ‘เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ’ โครงการที่พักอาศัยที่หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา บริษัท ดิ ไอคอนสยาม ซูเปอร์ลักซ์ เรสซิเดนซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด จัดงานยิ่งใหญ่อลังการที่สุดงานหนึ่งแห่งปี เฉลิมฉลองการเปิดตัว ‘เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ’ โครงการที่พักอาศัยแบรนด์ ‘แมนดาริน โอเรียนเต็ล’ แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นโครงการที่พักอาศัยที่หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ที่กำลังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยสุดหรูหราในประเทศไทย ทำลายทุกสถิติความหรูหราและราคา  ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่ทั่วโลก ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์และมองหามาตรฐานความหรูหราระดับสูงสุด โดยภายในงานได้รับเกียรติจากแขกผู้มีเกียรติ บุคคลสำคัญระดับซูเปอร์วีไอพี และเซเลบริตี้แถวหน้าของเมืองไทย กว่า 200 ท่าน อาทิ คุณศุภชัย เจียรวนนท์, คุณชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์, คุณชฎาทิพ จูตระกูล, คุณหมาก ปริญ สุภารัตน์ และ คุณญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ เข้าร่วมงาน และชมการแสดงแสงสีเสียงสุดยิ่งใหญ่ตระการตาบนผืนน้ำเจ้าพระยาพร้อมบทเพลงขับกล่อมอันแสนไพเราะจากนักร้องคุณภาพชื่อดัง เจนนิเฟอร์ คิ้ม พร้อมเข้าชมห้องตัวอย่างของโครงการสุดหรูแห่งนี้ที่เปิดให้เข้าชมเป็นครั้งแรก นางทิพพาภรณ์ เจียรวนนท์ อริยวรารมย์ กรรมการ บริษัท ดิ ไอคอนสยาม ซูเปอร์ลักซ์ เรสซิเดนซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “งานเฉลิมฉลองการเปิดตัวโครงการ ‘เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ’ ในวันนี้ เพื่อแสดงความขอบคุณแขกผู้มีเกียรติที่ให้ความสนใจในโครงการ ตลอดจนเพื่อชื่นชมยินดีกับการสร้างมาตรฐานใหม่แห่งความเป็นเลิศในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศไทย โดยเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ ได้รับการออกแบบและก่อสร้างด้วยมาตรฐานความหรูหราระดับสูงสุด เมื่อประกอบกับทำเลที่ตั้งที่สวยงามมีมนต์เสน่ห์ ทำให้โครงการที่พักอาศัยแห่งนี้ จัดอยู่ในกลุ่มที่พักอาศัยที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งโครงการที่พักอาศัยแห่งนี้ จะช่วยยกระดับชื่อเสียงและเกียรติภูมิของกรุงเทพฯ ให้สูงขึ้นไปอีกขั้น ในฐานะเมืองสำหรับที่พักอาศัย ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่เราได้ประกาศเปิดให้ผู้สนใจจองซื้อได้แล้ว พร้อมกันในกรุงเทพฯ ฮ่องกง และลอนดอน ซึ่งถือเมืองหลวงของแหล่งที่พักอาศัยระดับหรูหราแถวหน้าของโลก” โครงการ ‘เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ’ เป็นโครงการที่พักอาศัยสุดหรูหรา แบบฟรีโฮลด์ ติดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 1 อาคารความสูง 52 ชั้นจำนวน 146 ยูนิต เป็นอาคารที่พักอาศัยที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการไอคอนสยาม แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของประเทศไทย ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องกับโรงแรมระดับตำนาน แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ โดยโครงการจะได้รับการบริหารจัดการ พร้อมทั้งให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ผู้พักอาศัย โดยแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์ที่สุดแห่งความหรูหรา “มากกว่าชื่อเสียงระดับตำนานของแบรนด์แมนดาริน โอเรียนเต็ลแล้ว โครงการที่พักอาศัยสุดหรูแห่งนี้ยังให้ความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติ พร้อมกับมนต์เสน่ห์ของกลิ่นไอความเป็นไทย ผสมผสานกับการออกแบบและก่อสร้างที่ได้มาตรฐานระดับโลก ตลอดจนความพิถีพิถันและใส่ใจแม้แต่ในรายละเอียดที่เล็กที่สุด เป็นการผสมผสานที่ยอดเยี่ยมและลงตัวที่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในโครงการเดียว ทำให้โครงการที่พักอาศัยของเรามีความพิเศษที่แตกต่างอย่างเป็นเอกลักษณ์ และสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่สุดหรูหราได้อย่างไม่มีใครเหมือน” นางทิพพาภรณ์ กล่าว มร. ริชาร์ด เบเกอร์ รองประธานกรรมการบริหาร และผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติงานภูมิภาคเอเชีย แมนดาริน โอเรียนเต็ล โฮเต็ล กรุ๊ป กล่าวว่า “วันนี้ ชื่อเสียงระดับตำนานของแมนดาริน    โอเรียนเต็ล จะสามารถเป็นมรดกตกทอดของผู้ซื้อที่พักอาศัยในโครงการที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ ในเมืองที่มีสีสันน่าตื่นเต้นเร้าใจที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย พันธสัญญาของแบรนด์เรา คือ ความมุ่งมั่นตั้งใจที่เหนือกว่าในการบริหารที่พักอาศัยและการให้บริการด้วยมาตรฐานที่เป็นเลิศที่สุด มาตรฐานที่ทำให้  ชื่อแมนดาริน โอเรียนเต็ลเป็นสัญลักษณ์ของมาตรฐานความหรูหราชั้นยอด ทั่วโลก” นางทิพพาภรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “คุณภาพของที่พักอาศัยแต่ละยูนิตเทียบเท่าหรือเหนือกว่าที่พักอาศัยที่ดีที่สุดของโลก ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเราอยู่ในหลากหลายประเทศทั่วโลก เป็นกลุ่มคนผู้ซึ่งมีรสนิยมและไลฟ์สไตล์ระดับหรูหรา มีความพิถีพิถันในการเลือกสรรสิ่งพิเศษที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ซึ่งการตัดสินใจซื้อที่พักอาศัยในโครงการ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ นี้ จะมีทั้งกลุ่มคนที่เล็งเห็นว่าห้องชุดพักอาศัยแห่งนี้เป็นทรัพย์สินที่มีคุณค่าควรคู่กับการมีไว้ในครอบครอง และกลุ่มคนที่ตัดสินใจซื้อเพื่อเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เนื่องด้วยทำเลที่ตั้งที่มีมนต์เสน่ห์น่าประทับใจ และด้วยชื่อเสียงระดับตำนานของแบรนด์แมนดาริน โอเรียนเต็ล โดยได้รับความสนใจจากลูกค้าจอง  ที่พักอาศัยสุดหรูของเราล่วงหน้า เป็นจำนวนกว่า 30 ยูนิตจากทั้งหมด 146  ยูนิต” “ความเป็นส่วนตัว ความรู้สึกโอ่โถง และพื้นที่ส่วนกลางที่กว้างขวางคือสิ่งสำคัญที่สุดที่ให้ความรู้สึกหรูหรา ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่เราจัดให้แต่ละยูนิตมีทางเข้าลิฟต์โดยสารที่เป็นส่วนตัว มีเพดานห้องที่สูง   ถึง 3.20 เมตร และมีพื้นที่ส่วนกลางต่อยูนิตที่ใหญ่กว่าคอนโดมิเนียมเกรดเอส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ ประมาณสามเท่า” นางทิพพาภรณ์ กล่าว ผู้พักอาศัยในโครงการจะได้รับความสะดวกสบายจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย ครอบคลุมพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร จำนวน 4 ชั้น ซึ่งรวมถึงสกายพาวิลเลียนสุดเอ็กซคลูซีฟบนชั้น 36 ประกอบ ด้วยเลาจน์ บิสซิเนสเซ็นเตอร์ และห้องสมุด ส่วนคลับเฮาส์สำหรับผู้พักอาศัยตั้งอยู่บนชั้น 4 และชั้น 5 สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันสวยงามน่าประทับใจของวิวแม่น้ำเจ้าพระยา มีพื้นที่รับประทานอาหารที่เป็นส่วนตัว มีสระว่ายน้ำลอยฟ้าแบบไร้ขอบ (infinity-edge lap pool) อ่างจากุซซี่ ฟิตเนส เซ็นเตอร์สุดล้ำสมัย สนามกอล์ฟจำลอง ห้องเล่นเกม และห้องสื่อต่างๆ โดยเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน   โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ยังเป็นโครงการที่พักอาศัยโครงการแรกที่ริเริ่มนำระบบจอดรถอัตโนมัติในอาคารที่พักอาศัยมาใช้เป็นโครงการแรกในกรุงเทพฯ ซึ่งจะช่วยให้ผู้พักอาศัยสามารถจอดรถทิ้งไว้ที่ล็อบบี้ทางเข้าได้ โดยมีลิฟต์อัจฉริยะอำนวยความสะดวกนำรถไปจอดให้ สิทธิประโยชน์พิเศษเพิ่มเติมสำหรับผู้พักอาศัย นอกเหนือจากการได้ครอบครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดสุดหรูหรา ก็คือการได้เป็นสมาชิก Residences Elite Programme ของแมนดาริน โอเรียนเต็ล โดยอัตโนมัติ ซึ่งมอบสิทธิพิเศษที่ครอบคลุมทั่วโลก และการยอมรับในระดับพิเศษ เมื่อเข้าพักในโรงแรมในเครือแมนดาริน โอเรียนเต็ล นอกจากนั้น ผู้พักอาศัยในโครงการยังได้รับสิทธิพิเศษและการยอมรับระดับวีไอพี เมื่อใช้บริการหรือช้อปกับร้านค้าภายในโครงการไอคอนสยาม ราคาขายห้องชุดพักอาศัยในโครงการ เริ่มต้นที่ประมาณ 350,000 บาทต่อตารางเมตร มีขนาดห้องตั้งแต่ประมาณ 130 – 230 ตารางเมตรต่อยูนิต ห้องเพนท์เฮาส์ และดูเพล็กซ์เพนท์เฮาส์ ขนาดตั้งแต่ 380 – 710 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ประมาณ 550,000 บาทต่อตารางเมตร ตัวอาคารอยู่ห่างจากริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเพียง 45 เมตร แต่ละยูนิตสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำที่สวยงาม และสวนสวยที่ร่มรื่นเขียวขจีขนาด 4,600 ตารางเมตร ได้อย่างไม่มีอะไรมาบดบัง ห้องชุดพักอาศัยทุกยูนิตเป็นแบบ Fully Fitted และเพิ่มเติมกว่านั้นลูกค้าสามารถเลือกซื้อเป็นแบบ Fully Furnished หรือห้องชุดพักอาศัยที่ตกแต่งพร้อมเข้าอยู่ได้ ซึ่งออกแบบและตกแต่งโดยนักออกแบบตกแต่งภายในชื่อดังของโลก จอยซ์ แวง ซึ่งมีผลงานออกแบบตกแต่งภายในโครงการดังๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม แมนดาริน โอเรียนเต็ล แลนด์มาร์ก ในฮ่องกง แมนดาริน โอเรียนเต็ล ลอนดอน ซินเทียนตี้ เพนท์เฮาส์ และสำนักงานใหญ่เคเอชเอช แขกผู้มีเกียรติ บุคคลสำคัญระดับซูเปอร์วีไอพี และเซเลบริตี้แถวหน้าของเมืองไทย ที่เข้าร่วมงาน ต่างแสดงความชื่นชมและประทับใจในความหรูหราสง่างามของโครงการเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ และภาคภูมิใจที่โครงการเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ แห่งนี้ จะเป็นโครงการที่พักอาศัยที่หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ในมาตรฐานที่เทียบเท่าหรือเหนือกว่าโครงการที่พักอาศัยที่ดีที่สุดในนิวยอร์ค ลอนดอน โตเกียว หรือเซี่ยงไฮ้ โครงการเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2561