Tag : นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์

5 ผลลัพธ์
SC เปิดตัวพันธมิตรยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ‘Nishitetsu’ ผู้นำในภูมิภาคคิวชู ตั้งบริษัทร่วมทุนในไทยชื่อ เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน (SC NNR1 Co.,Ltd.) เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในปี 62 นำร่องเปิดคอนโดใหม่แบรนด์ The Crest โดดเด่นสุดบนทำเลห้าแยกลาดพร้าว

SC เปิดตัวพันธมิตรยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ‘Nishitetsu’ ผู้นำในภูมิภาคคิวชู ตั้งบริษัทร่วมทุนในไทยชื่อ เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน (SC NNR1 Co.,Ltd.) เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในปี 62 นำร่องเปิดคอนโดใหม่แบรนด์ The Crest โดดเด่นสุดบนทำเลห้าแยกลาดพร้าว

การผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่าง SC Asset อสังหาฯ ชั้นนำของไทย กับ Nishitetsu Group (NNR) บริษัทยักษ์ใหญ่และผู้นำในภูมิภาคคิวชู ซึ่งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ประเทศญี่ปุ่น และมีผลประกอบการแข็งแกร่งกวาดรายได้เกือบ 380,000 ล้านเยน ในปี 2561 ล่าสุดได้จับมือเปิดบริษัทร่วมทุนชื่อ บริษัท เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน จำกัด (SC NNR1 Co.,Ltd.)   เพื่อพัฒนาอสังหาฯ ของ NNR ครั้งแรกในไทย และมีแผนเปิดคอนโดมิเนียมใหม่ในปี 2562 นำร่องด้วยโครงการ The Crest บนทำเลห้าแยกลาดพร้าว หนึ่งในทำเลสำคัญที่สุดของกรุงเทพฯ ศูนย์รวมเส้นทางคมนาคมแห่งอนาคต นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงยุทธศาสตร์เชิงรุกจากโรดแมป SC-Reinvention 2020 เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนว่า “เราได้ร่วมทุนกับ Nishitetsu Group (NNR) ทั้งนี้ด้วยเหตุผลหลัก 3 ประการ คือ 1.วิสัยทัศน์ด้วยวิธีคิดแบบเดียวกัน ภายใต้การส่งมอบคุณค่าด้านคุณภาพสินค้าและบริการที่เป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับลูกค้า 2.ความแข็งแกร่งทางธุรกิจของทั้งสองบริษัท 3.โอกาสสำหรับอนาคต เพื่อการลงทุนธุรกิจอสังหาฯ รูปแบบอื่น ๆ ตามโรดแมป ที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับ SC ”  สำหรับบริษัท Nishitetsu Group (NNR) ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1948 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Fukuoka ตั้งอยู่ในเขต  prime commercial zone ปัจจุบันมีสำนักงานอยู่ 85 แห่งทั่วโลก และ ดำเนิน  5 ธุรกิจหลักสำคัญได้แก่ คมนาคม, โลจิสติกส์, ค้าปลีก, อสังหาริมทรัพย์ และอื่น ๆ โดย นายฮิโรชิเกะ โฮริเอะ (Mr. Hiroshige Horie) Senior Executive Officer  General Manager of the housing Business Division บริษัท นิชิ นิปปอน เรลโรด จำกัด เป็นผู้แทนบริษัทเดินทางมายังประเทศไทย กล่าวถึงการร่วมทุนกับ SC  อย่างมั่นใจในศักยภาพและความแข็งแกร่งว่า  “ประเทศไทยมีการเติบโตที่โดดเด่นทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม อีกทั้งมีวัฒนธรรมใกล้เคียงกับประเทศญี่ปุ่น ที่ผ่านมาได้ขยายการลงทุนทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกับประเทศในแถบอาเซียน ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย เป็นต้น ดังนั้นความร่วมมือครั้งนี้  จึงเป็นการผสานจุดเด่นของสองบริษัท ทั้งด้านเทคโนโลยีการก่อสร้าง ความรวดเร็วในการส่งมอบสินค้าและบริการคุณภาพ  เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับอนาคต” บริษัท เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน จำกัด (SC NNR1 Co.,Ltd.)  บริษัทร่วมทุนใหม่นี้มีทุนจดทะเบียนรวม 1,200 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนถือหุ้นระหว่าง  SC  55% และ NNR  45% พร้อมกับแต่งตั้งนายมานิจ บรรจงธนกิจ ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ โดยโครงการนำร่องที่จะพัฒนาในปี 2562   เป็นคอนโดฯ ใหม่ ภายใต้แบรนด์เดอะเครสท์ (The Crest)   บนพื้นที่กว่า 1.9 ไร่ ทำเลโดดเด่นสุดในย่านห้าแยกลาดพร้าว ศูนย์รวมคมนาคมแห่งอนาคตที่แวดล้อมด้วยแหล่ง ช้อปปิ้งชั้นนำอย่าง เซ็นทรัล ลาดพร้าว ยูเนียนมอลล์ และอยู่ใกล้กับ Interchange Station ของ MRT และ BTS สายสีน้ำเงินและสายสีเขียว ที่สำคัญ คือ ใกล้สวนจตุจักร และสวนรถไฟ ซึ่งได้วิวสวนสาธารณะบนพื้นที่กว่า 700 ไร่   อีกทั้งโครงการยังตั้งอยู่ใจกลาง North CBD แวดล้อมด้วยอาคารสำนักงานชั้นนำ ศูนย์การค้า  และ Mega Project มากมาย      
SC ทรานส์ฟอร์ม ขับเคลื่อนองค์กรมิติใหม่ ขยับสู่ผู้นำ Living Solutions Provider อย่างเต็มรูปแบบ

SC ทรานส์ฟอร์ม ขับเคลื่อนองค์กรมิติใหม่ ขยับสู่ผู้นำ Living Solutions Provider อย่างเต็มรูปแบบ

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็น Living Solutions Provider โดยการกำหนดทิศทางวัฒนธรรมองค์กรใหม่เพื่อหล่อหลอมพนักงานให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทั้งในด้านการทำงาน ความสุข และคุณภาพชีวิตที่ดี นอกจากตอบสนองความต้องการขององค์กรโดยตรงแล้ว ยังสามารถสื่อสารความตั้งใจนี้ไปยังลูกค้า โดยการยึดถือหัวใจหลัก “สร้างทุกเช้าที่ดีให้กับลูกค้าทุกคน” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “รู้ใจ” เพื่อตอบโจทย์ความพึงพอใจและการอยู่อาศัยของลูกค้าเป็นสำคัญ หากองค์กรมีทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน จะสามารถช่วยให้บรรลุเป้าหมายและภารกิจไปพร้อมกับพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เมื่อเข้าสู่ยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเทคโนโลยีและการแข่งขันในโลกปัจจุบัน เอสซีฯ จึงได้กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่จากผู้นำด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ก้าวสู่การเป็น Living Solutions Provider ผู้พัฒนาและสร้างสรรค์สินค้าบริการ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงจุดในยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมด้วย 4 กลยุทธ์ ได้แก่   1. Re-invention: ด้วยหลัก 3 D Digitize ปรับเปลี่ยนการทำงานเข้าสู่ยุคดิจิทัล เพื่อเก็บ Data หาความต้องการลูกค้า วิเคราะห์และพัฒนา Design ใช้หลัก Human-Centric เข้าใจปัญหาของลูกค้า เพื่อออกแบบสินค้าและบริการ รวมถึงโซลูชันตอบโจทย์ลูกค้า Developer ประสานนวัตกรรมและพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพในทุกระดับราคา 2.Co-Creation: ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายใน Ecosystem เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตให้ดียิ่งขึ้น 3.Quality First: สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องคุณภาพสินค้าและบริการ 4.Top-Line Growth: บริหารรายได้และยอดขาย ขับเคลื่อนให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ     SC Re-Culture วัฒนธรรมองค์กรของ เอสซี แอสเสท เมื่อปี 2550 หรือประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา เราได้มีการกำหนด Core Value คือ “2C2A” เป็นกรอบในการทำงาน ได้แก่ ช่างคิด ช่างสร้างสรรค์ผลงาน (Create), ใส่ใจลูกค้า (Care), ตอบสนองต่อความต้องการอย่างรวดเร็ว มีความกระตือรือร้น (Active) และ มีความเป็นมืออาชีพ (Ability)   แนวทางการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้บรรลุเป้าหมาย   การสร้างวัฒนธรรมองค์กร ด้วยรูปแบบบายดีไซน์ (By Design) คือ สิ่งที่ต้องการให้คนเป็นไปตามที่องค์กรต้องการ  โดยเกิดจากการออกแบบพฤติกรรมย่อย รวมกันเป็นค่านิยมและเมื่อมีค่านิยมถูกขมวดรวมกัน ทำต่อกันมาเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง จึงเกิดเป็นวัฒนธรรม ซึ่งสามารถออกแบบด้วย 4 หลักการ   1. กำหนดวิสัยทัศน์ และเป้าหมายให้ชัดเจน 2. กำหนดยุทธศาสตร์ และกลยุทธ์ที่สอดคล้องกัน 3. การนำแบบแผนไปปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ 4. กำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน นำสู่ความสำเร็จ   “หัวใจสำคัญของการทรานส์ฟอร์มองค์กร คือ การกำหนดทิศทางและร่วมกันออกแบบวัฒนธรรมองค์กรใหม่ โดยในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากบริษัท สลิงชอท กรุ๊ป ที่ปรึกษาและผู้ให้บริการด้านการพัฒนาผู้นำและการจัดการองค์กร ได้เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่การศึกษา สำรวจและการทำงานร่วมกันของหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายที่ปรึกษา, คณะผู้บริหารระดับสูง, ฝ่ายทรัพยากรบุคคล และฝ่ายสื่อสารองค์กร รวมไปถึงพนักงานทุกระดับ ให้สามารถเดินไปในทิศทางเดียวกันได้ โดยไม่หลุดกรอบที่องค์กรตั้งไว้” นายณัฐพงศ์ กล่าวต่อ นายอภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริษัท สลิงชอท กรุ๊ป จํากัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผู้นำ และการจัดการองค์กร เผยว่า “หลักการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร ต้องมีการวางแผนรองรับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ล่วงหน้า และคงไม่สามารถสำเร็จได้ในระยะเวลาอันสั้น ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันของพนักงานทุกคนในองค์กร ทั้งนี้ต้องเริ่มต้นจากการค้นหาและศึกษาทั้งปัจจัยภายในและภายนอกผสมผสานกัน ซึ่งนอกจากผู้บริหารและที่ปรึกษาร่วมกันกำหนดค่านิยมใหม่ ยังลงลึกถึงการสัมภาษณ์ความคิดเห็นจากลูกค้า และลูกบ้าน รวมถึงการจัดทำแบบสำรวจกับพนักงานทั้งองค์กร เพื่อร่วมกันออกแบบวัฒนธรรมตัวใหม่ขององค์กรที่บ่งบอกตัวตน และรวบรวมเพื่อเป็นการกำหนดกรอบพฤติกรรม ค่านิยม ความคิด ให้ซึมซับไปกับการทำงาน ตลอดจนสามารถพัฒนาและหล่อหลอมกลายเป็นวัฒนธรรมภายในองค์กรได้ นายณัฐพงศ์ กล่าวสรุปว่า นอกจากความท้าทายใหม่ในการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร ที่ต้องใช้เวลาค้นหาค่านิยมใหม่ ๆ ร่วมกัน และริเริ่มไปพร้อมกันกับองค์กร สิ่งสำคัญอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือการพัฒนาคุณภาพชีวิตพนักงานทุกคน เอสซีฯ จึงได้จัดทำแอพลิเคชัน “SC In One” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่จะใช้สื่อสารระหว่างพนักงาน และมอบสิทธิประโยชน์ในรูปแบบใหม่สำหรับพนักงานทุกคน โดยมีฟังก์ชันต่างๆ อาทิ   TOOK 9 ช่วยในการนับก้าว มีการจัดอันดับ เพื่อสนับสนุน Wellness Program Flexible Benefit มีสวัสดิการที่ตอบสนอง Life Style ของพนักงาน โดยพนักงานเป็นผู้เลือกเอง Flexible Time พนักงานเลือกเวลาทำงานได้ นอกจากนี้การขับเคลื่อนให้มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้น โดยการคัดเลือกกลุ่มผู้นำการเปลี่ยนแปลง หรือ “SC Team Robin” เพื่อเป็นตัวแทนสร้างการเปลี่ยนแปลงสื่อสารกับเพื่อนพนักงานภายใต้ภารกิจนี้และบรรลุเป้าหมายร่วมกัน”   เพราะเอสซีฯ เชื่อว่า “คน” คือทรัพยากรบุคคลที่สำคัญของการขับเคลื่อนองค์กร ดังนั้นการรับมือกับการปรับวัฒนธรรมองค์กร พนักงานทุกระดับจึงต้องมีส่วนร่วม ทั้ง ระดับผู้บริหาร และพนักงาน​ ร่วมจับมือเดินหน้าไปสู่เป้าหมายเดียวกัน พัฒนาให้เป็นคนเก่งและดี เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด พร้อมทั้งสามารถก้าวทันความเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลได้ ทั้งยังพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการให้อยู่คู่กับองค์กรเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน          
เอสซีฯ ปลื้มทำสถิติยอดขายแนวราบเติบโตสูงสุด กวาดยอดขายรวม 10 เดือน 12,267 ลบ. เติบโต 32% มั่นใจไตรมาส 4 เติบโตทุกด้าน รุกเปิดแนวราบใหม่ 5 โครงการ มูลค่ากว่า 8,200 ลบ.

เอสซีฯ ปลื้มทำสถิติยอดขายแนวราบเติบโตสูงสุด กวาดยอดขายรวม 10 เดือน 12,267 ลบ. เติบโต 32% มั่นใจไตรมาส 4 เติบโตทุกด้าน รุกเปิดแนวราบใหม่ 5 โครงการ มูลค่ากว่า 8,200 ลบ.

เอสซีฯ ปลื้มทำสถิติยอดขายแนวราบเติบโตสูงสุด กวาดยอดขายรวม 10 เดือน   12,267  ลบ.  เติบโต 32%  มั่นใจไตรมาส 4 เติบโตทุกด้าน รุกเปิดแนวราบใหม่ 5 โครงการ มูลค่ากว่า 8,200 ลบ. พร้อมลงทุนกับ strategic partner ชั้นนำของไทย บจ.ไฟร์ วัน วัน  เพื่อร่วมขับเคลื่อนองค์กรก้าวสู่ Digital Economy นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า “ช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา การเติบโตของยอดขายทำสถิติดีเยี่ยม  มียอดขายรวม 12,267 ล้านบาท เติบโต 32%   ซึ่งมาจากโครงการแนวราบ 70% และแนวสูง 30%  โดยสรุปมาจาก ยอดขายแนวราบช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาเติบโต new high 35% รวม 8,500 ล้านบาท รักษา market share อันดับ 1 ของบ้านราคามากกว่า 15 ล้านบาท เติบโต 73% (yoy)  และ อันดับ 2 ในกลุ่มบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไป เติบโต 16% (yoy) ยอดขายบ้านเดี่ยวราคา 3-5 ล้านบาท เติบโตถึง 188% และเริ่มมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ในระดับ top 10 เป็นครั้งแรก สำหรับยอดขายแนวสูง โครงการ 28 Chidlom  สูงถึง 80% ของอาคาร The Tower ซึ่งเป็นอาคารแรกที่เปิดขาย ทั้งนี้รายได้รวม 9 เดือนเท่ากับ 7,843 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการขาย 7,190 ล้านบาท และรายได้จากการเช่าและบริการ 634 ล้านบาท กำไรสุทธิ 703 ล้านบาท พร้อมกับมียอดขายรอโอนหรือ Backlog รวม 9,800 ล้านบาท ซึ่งพร้อมโอนในปีนี้ 30% อีก 70% ที่เหลือจะโอนในปี 2561-2562 ส่วนไตรมาส 3/60 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา  SC มีรายได้รวม 3,228 ล้านบาท เติบโต 13% กำไรสุทธิ 363 ล้านบาท เติบโต 37%  คิดเป็นอัตรากำไร 11.3% ของรายได้ โดยสรุป ณ วันที่ 30 ก.ย. 60 บริษัทและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม และหนี้สินรวมเท่ากับ 38,328 ล้านบาท และ 23,972 ล้านบาทตามลำดับ พร้อมกับมีโครงการพร้อมขายทั้งหมดรวม 37 โครงการ มูลค่า 32,520 ล้านบาท นายณัฐพงศ์ กล่าวอย่างมั่นใจว่า “ปี 2560 นี้ SC จะมียอดขายเติบโตตามเป้าหมาย 16,000 ล้านบาท เติบโต 38% (yoy)   โดยปัจจัยสำคัญ คือ การเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวมกว่า 8,200 ล้านบาท  เป็นโครงการบางกอก บูเลอวาร์ด  4 โครงการ บนทำเลคุณภาพ เริ่มต้น 5.9 ล้านบาท และทาวน์โฮม 2 ชั้น  แบรนด์ใหม่ 1 โครงการ ชื่อ โครงการเวิร์ฟ เพชรเกษม 81  เริ่มต้น 1.99 ล้านบาท  พร้อมกับได้จัดแคมเปญพิเศษรวม 15 โครงการทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม จัดโปรแรงสุดแห่งปีถึง 17 ธ.ค. นี้”  นอกจากนี้เพื่อสร้างนวัตกรรมสำหรับการอยู่อาศัย  SC ได้ผนึกกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์รายล่าสุดต่อจาก Fixzy คือ บริษัท ไฟร์ วัน วัน จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจครอบคลุมทั้งให้คำปรึกษาและปฏิบัติการแก่องค์กรที่ต้องการก้าวสู่ Digital Economy โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ  ทั้งนี้จากมติที่ประชุมได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วน 20% ของบริษัท ไฟร์ วัน วัน จำกัด ภายใต้การนำของ CEO นายชาคริต จันทร์รุ่งสกุล ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปีในเรื่องของ property tech โดยจะพัฒนา Living Solutions Platform ร่วมกัน เพื่อทำให้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยในโครงการของ SC มีความสะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้น Platform นี้จะตอบโจทย์ คลอบคลุมทุกปัจจัยสำคัญในการอยู่อาศัย เช่น home automation, security system, renewable energy และอื่นๆ สำหรับเป้าหมายหลักของ SC ในการลงทุนครั้งนี้คือ การมี strategic partner เรื่องการสร้างนวัตกรรมสำหรับการอยู่อาศัย  Digital Technology ที่จะมีบทบาทสำคัญที่สุดสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กรในยุคนี้ อีกทั้งทิศทางของการพัฒนาที่อยู่อาศัยของ SC  คือการมุ่งประสาน Digital Technology เข้ากับที่อยู่อาศัยคุณภาพสูง รวมกันเป็น Living Solutions ภายใต้วิธีคิดที่เข้าใจการใช้ชีวิตของมนุษย์ผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง
SC ASSET ประกาศความสำเร็จครึ่งปีแรก พร้อมแผนครึ่งปีหลังรุกแนวราบทุกระดับราคา เปิด 9 โครงการใหม่ มูลค่า 11,450 ลบ.

SC ASSET ประกาศความสำเร็จครึ่งปีแรก พร้อมแผนครึ่งปีหลังรุกแนวราบทุกระดับราคา เปิด 9 โครงการใหม่ มูลค่า 11,450 ลบ.

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวสรุปความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งปีแรก โดยมียอดขายเติบโต 44% (yoy)  พร้อมประกาศแผนครึ่งปีหลังจะเปิดแนวราบทุกระดับราคา จำนวน 9 โครงการใหม่ มูลค่า 11,450 ล้านบาท ซึ่งปลายปีจะเปิดแบรนด์ใหม่ชื่อ เวิร์ฟ (Verve) ทาวน์โฮม  2 ชั้น  เริ่ม 2.59 ล้านบาท และเดินหน้ายุทธศาสตร์เรื่อง human-centric innovation ทั้งพัฒนา iOT smarthome platform ชื่อ “ Rue Jai ™ (รู้ใจ™)”  ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ AIS กับพัฒนาบ้านคอนเซปท์ในอนาคต SC 4.0 housing prototypes  โดยการใช้ design thinking งานจัดขึ้น ณ อาคารชินวัตร 3 เมื่อเร็วๆ นี้  
SC เติบโตทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดฯ ครึ่งปีแรกกวาดยอดขายพุ่ง 44% ครึ่งปีหลังรุกแนวราบ ทุกระดับราคา เปิด 9 โครงการใหม่ มูลค่า 11,450 ลบ. มุ่งตอบโจทย์ human-centric เพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับอนาคต มั่นใจรายได้ทะลุเป้า 20,000 ลบ. ในปี 2562

SC เติบโตทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดฯ ครึ่งปีแรกกวาดยอดขายพุ่ง 44% ครึ่งปีหลังรุกแนวราบ ทุกระดับราคา เปิด 9 โครงการใหม่ มูลค่า 11,450 ลบ. มุ่งตอบโจทย์ human-centric เพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับอนาคต มั่นใจรายได้ทะลุเป้า 20,000 ลบ. ในปี 2562

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลสำเร็จของการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งปีแรก โดยสรุป  2 เรื่อง คือ การเติบโตของยอดขาย โดยครึ่งปีแรกมียอดขายรวม 7,493 ล้านบาท เติบโต 44% (yoy) ซึ่งมาจากผลตอบรับที่ดีจากยอดขายแนวราบ 4,491 ล้านบาท เติบโต 14% (yoy)  กับยอดขายคอนโดฯ  3,002  ล้านบาท เติบโต 137% (yoy) สื่อออนไลน์มีประสิทธิภาพสูง โดยแนวราบในครึ่งปีแรกได้รับยอด walk-in จากสื่อนี้ถึง 30% ดังนั้นทำให้ค่าใช้จ่ายการตลาดลูกค้าแวะต่อคนลดลง 5 เท่าจาก Traditional media ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายการตลาดต่อยอดขายลดลง นายณัฐพงศ์ เปิดเผยถึงมุมมองเศรษฐกิจว่า  “จากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการปรับคาดการณ์ว่า  GDP ปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 3.2% เป็น 3.5% โดยปัจจัยหลักเป็นเรื่องการลงทุนภาครัฐ รวมถึงภาคการส่งออกและท่องเที่ยวที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนภาคลงทุนเอกชนและการบริโภคนั้นยังคงไม่เติบโตเท่าที่ควร  และสถานการณ์หนี้ยังมีความน่ากังวล ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้  ณ ปลายไตรมาส 1/2560 สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ลดลงเหลือ 78.6% แต่สินเชื่อกลุ่มที่อยู่อาศัยขยายตัวแบบชะลอตัว สวนทางกับสัดส่วน housing NPLs ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 3.23%  ส่งผลต่อความเข้มงวดของธนาคารในการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ไม่สามารถวางแผนการใช้เงินอนาคต อย่างไรก็ตาม SC มียอดปฏิเสธสินเชื่อธนาคารเฉพาะแนวราบในช่วงครึ่งปีแรกเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สัดส่วนใกล้เคียงเดิมที่ประมาณ 10%  โดยสัดส่วนการชำระเงินสดโดยเฉพาะในกลุ่ม luxury segment สูงถึง 50% สูงกว่าปีที่ผ่านมา สรุปได้ว่า demand ในตลาดยังมีการเติบโต แต่สถานการณ์ของหนี้ทำให้ความสามารถในการใช้เงินอนาคตน้อยลง จึงมีแนวโน้มที่จะใช้เงินปัจจุบันมากขึ้น" นายณัฐพงศ์  กล่าวเพิ่มเติมว่า “SC มีความมั่นใจในเป้าหมายปีนี้ตามที่วางไว้ ด้วยยอดขาย 16,000 ล้านบาท และรายได้ 14,800 ล้านบาท โดยแผนครึ่งปีหลังจะเปิดแนวราบทุกระดับราคา จำนวน 9 โครงการใหม่ มูลค่า 11,450 ล้านบาท ซึ่งปลายปีจะเปิดแบรนด์ใหม่ชื่อ เวิร์ฟ (Verve) ทาวน์โฮม 2 ชั้น เริ่ม 2.59 ล้านบาท โครงการใหม่ทั้งหมดแบ่งเป็น  5 แบรนด์ ดังนี้ The Gentry  โครงการเดอะ เจนทริ พระราม 9 เริ่ม 30 ล้านบาท Bangkok Boulevard ได้แก่ โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด รังสิต, สาทร-ราชพฤกษ์, ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์, แจ้งวัฒนะ  และ  สาทร-ปิ่นเกล้า เริ่ม 6-20 ล้านบาท Pave โครงการเพฟ รามอินทรา-วงแหวน เริ่ม 4 ล้านต้น Work Place โครงการเวิร์คเพลส แจ้งวัฒนะ เริ่ม 9 ล้านบาท Verve โครงการเวิร์ฟ เพชรเกษม 81 เริ่ม 59 ล้านบาท สรุปปีนี้ SC มีโครงการเพื่อขายทั้งหมด  44 โครงการ มูลค่า 44,135 ล้านบาท  แบ่งเป็น โครงการระหว่างการพัฒนา จำนวน 35 โครงการ พร้อมกับอีก 9 โครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ได้ปรับเพิ่มงบซื้อที่ดินเพิ่มเป็น 9,100 ล้านบาท” จากที่ SC ได้ประกาศยุทธศาสตร์เรื่อง human-centric innovation  เมื่อตอนต้นปี  หลังจากนั้นมีการขยายธุรกิจใหม่และลงทุนใน platform เรื่องบริการหลังการขายกับ tech startup “Fixzy” แผนครึ่งปีหลังจึงดำเนินตามยุทธศาสตร์  ดังนี้ ร่วมพัฒนา iOT smarthome platform ชื่อ “ Rue Jai ™ (รู้ใจ™)”  สำหรับลูกค้า SC ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ AIS ผู้ให้บริการ Digital Life Service Provider อันดับ 1 ของประเทศไทย ให้เป็น smarthome platform ที่พัฒนาโดยคนไทย และเพื่อคนไทย พร้อมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ SC 4.0 housing prototypes  ได้มีการใช้ design thinking ในการออกแบบ prototype สำหรับบ้านคอนเซปท์ในอนาคต โดยจะเริ่มเปิดตัวในโครงการต่างๆ ในช่วงไตรมาส 4/2560 นายณัฐพงศ์ สรุปอย่างมั่นใจว่า   “ด้วยแผนยุทธศาสตร์เชิงรุกทั้งหมดนี้ จะสนับสนุนและส่งเสริมแผนการเติบโตต่อเนื่อง 3 ปี ทำให้ SC มีรายได้ทะลุเป้าหมาย 20,000 ล้านบาท ในปี 2562”