Tag : นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ

4 ผลลัพธ์
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ วิเคราะห์อสังหาฯ ปี 61 คาดทาวน์เฮาส์มาแรง ส่วนคอนโดระดับกลาง-บนไปได้สวย

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ วิเคราะห์อสังหาฯ ปี 61 คาดทาวน์เฮาส์มาแรง ส่วนคอนโดระดับกลาง-บนไปได้สวย

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เผยทิศทางอสังหาริมทรัพย์ปี 2561 พบตลาดทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียมยังขยายตัวดี กำลังซื้อระดับกลาง-ระดับบนยังไปได้ต่อโดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมแนวสูง และทาวน์เฮาส์บนทำเลรอบนอกกรุงเทพฯ พร้อมมองเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนหันพักอาศัยในคอนโดมิเนียมมากขึ้น จากเดิมได้รับความนิยมในกลุ่มวัยทำงาน เริ่มขยายสู่กลุ่มครอบครัวและวัยผู้ใหญ่ เนื่องจากจากโจทย์ด้านทำเลและการเดินทางที่สะดวก นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้คาดการณ์ทิศทางอสังหาริมทรัพย์ปี 2561 ทิศทางโดยรวมจะทรงตัวต่อเนื่องจากปี 2560 โดยยอดขายทั้งปี 2560 คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยว อยู่ที่ประมาณ 95,723 ยูนิต ซึ่งชะลอตัวจากปี 2559 ประมาณ 4% แม้ว่าครึ่งปีแรก’60 จะมีการขยายตัวได้ดีแต่ตลาดบ้านเดี่ยวยังคงชะลอตัว เหตุผลหลักมาจากหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และแม้ว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ในปัจจุบันจะมีการเติบโตที่ดีขึ้นตามลำดับมาอยู่ที่ 33.9 ในเดือน ธ.ค. 2560 นั้นแต่ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดัชนีที่ตำกว่ามาตรฐานที่  50.0 จึงอาจเป็นเหตุให้เกิดภาวะกำลังซื้อต่ำเพราะยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ปัจจุบันภายในประเทศ  โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับล่าง ซึ่งเป็นอุปทานหลักในตลาด นอกจากความกดดันต่อภาระหนี้สินแล้วยังถูกกดดันจากผู้ให้บริการสินเชื่อที่ควบคุมการให้สินเชื่อที่รัดกุมมากขึ้นทำให้ผ่านการอนุมัติยากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามคาดว่าภาพรวมตลาดปี 2561 แม้จะยังคงเติบโตใกล้เคียงกับปี 2560 ซึ่งยังคงมีกำลังซื้อในกลุ่มตลาดคอนโดมิเนียม รองลงมาคือทาวน์เฮาส์ และตามด้วยบ้านเดี่ยว โดยคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮาส์กลุ่มตลาดระดับกลางถึงกลุ่มระดับบนจะเป็นที่ต้องการในตลาดสูงขึ้น และตลาดบ้านเดี่ยวกลุ่มระดับกลางยังเป็นอุปทานหลักและมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี เนื่องจากตลาดระดับกลาง-บน ยังมีแรงขับโดยเฉพาะจากกลุ่มตลาดแนวสูงอย่างคอนโดมิเนียมเป็นหลักเช่นเดิม และจะเริ่มขยายพื้นที่เติบโตตั้งแต่พื้นที่ชั้นในไปยังแถบชั้นกลางของกรุงเทพฯ คอนโดระดับล่างที่เคยขยายตัวได้ดีเมื่อ 4-5 ปีก่อนจะเริ่มลดลงสาเหตุจากราคาที่ดินที่ดันตัวสูงขึ้นและการปรับผังเมืองในบางพื้นที่ที่จะทำให้ตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลง ส่วนตลาดแนวราบคาดว่าทาวน์เฮาส์จะเป็นตลาดที่ผู้บริโภคให้ความสนใจมากขึ้น พื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯจนถึงปริมณฑลจะเกิดการขยายตัว ทั้งนี้หากมองด้านอัตราการเติบโตในปี 2561 พบว่า หากเทียบทั้ง 3 ตลาดจนถึงสิ้นปีนี้คาดว่า ทาวน์เฮาส์จะเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด รองลงมาคือคอนโดมิเนียม และบ้านเดี่ยว ซึ่งอัตราการขยายตัวน่าจะใกล้เคียงกับปี 2560 ที่อุปทานทาวน์เฮาส์ขยายตัวขึ้นจากปี 2559 ที่ 4% รองลงมาคือคอนโดมิเนียมที่ 1% และบ้านเดี่ยวอุปทานจะชะลอลงจากปีก่อน อย่างไรก็ตามในปี 2561 ที่จะถึงนี้สถานการณ์ภาพรวมตลาดที่เติบโตยังคงเป็นตลาดกลางและระดับบน “อีกสาเหตุหนึ่งที่ตลาดบ้านเดี่ยวชะลอมาจากไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยปัจจุบันผู้คนหันมาซื้อที่อยู่อาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียมมากขึ้น แม้กลุ่มเป้าหมายหลักในปัจจุบันยังเป็นกลุ่มคนวัยทำงานแต่ปัจจุบันกลุ่มคนที่อยู่แบบครอบครัวขนาดเล็ก 2-4 คน ก็เริ่มหันมาพักอาศัยในคอนโดด้วยเพราะสะดวกในการเดินทาง และไลฟ์สไตล์ของคนเริ่มเปลี่ยนไป  นอกจากนี้ผู้บริโภคกลุ่มหลักของคอนโดมิเนียมในปัจจุบันมีแนวโน้มช่วงอายุที่ขยายกลุ่มกว้างขึ้นไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ที่มากขึ้นด้วย เนื่องจากคอนโดมิเนียมในปัจจุบันตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนหลากหลายกลุ่ม Generation จึงทำให้เห็นวัยผู้ใหญ่ใกล้เกษียณเริ่มเข้ามาลงทุนในอสังหาฯประเภทนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามยังเกิดตลาดใหม่สำหรับกลุ่มนักลงทุนมีนักลงทุนหน้าใหม่วัยทำงานเริ่มต้น 3 – 5 ปีที่หันมาลงทุนอสังหาฯ เพิ่มมากขึ้น โดยเน้นลงทุนระดับล่าง – กลาง โดยมีแนวโน้มในการซื้อเพื่อผ่อนดาวน์เป็นการเก็บเงิน และขายต่อเพื่อได้ Capital Gain หรือซื้อเพื่อปล่อยเช่า โดยใช้ค่าเช่ามาผ่อนชำระเพื่อเป็นรายได้เสริมและเป็นสินทรัพย์ของตนเอง” นายอนุกูล กล่าว
พลัส พร็อพเพอร์ตี้เผยคอนโดฯ สีลม-สาทร เป้าหมายใหม่นักลงทุน ผลตอบแทนปล่อยเช่าเฉลี่ย 5% ต่อปี

พลัส พร็อพเพอร์ตี้เผยคอนโดฯ สีลม-สาทร เป้าหมายใหม่นักลงทุน ผลตอบแทนปล่อยเช่าเฉลี่ย 5% ต่อปี

บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เผยผลสำรวจอสังหาริมทรัพย์ย่าน สีลม – สาทร ราคาติดลมบนทั้งราคาที่ดินและคอนโดมิเนียม ล่าสุดพบซื้อขายที่ดินอยู่ที่ 1.45 ล้านบาทต่อตารางวา ขณะที่ราคาคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 200,000 – 300,000 บาท ต่อตารางเมตร เหตุเป็นทำเลธุรกิจแวดล้อมด้วยสำนักงานบริษัทชั้นนำ โรงเรียนชื่อดัง โรงพยาบาลและสถานที่ราชการ ดึงดูดทั้งผู้ซื้อเพื่ออยู่เองทั้งชาวไทยและต่างชาติและซื้อลงทุน พบตลาดปล่อยเช่าโดดเด่นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 5% ต่อปี ส่วนราคาขายต่อไปได้สวยย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยขยับเพิ่ม 7% ต่อปี นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า จากการสำรวจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ สีลม – สาทร พบว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง แม้จะเป็นโซนที่มีที่ดินสำหรับพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างจำกัดแต่อัตราการเติบโตของคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ถือว่ามีความน่าสนใจอย่างมาก โดยตัวเลขล่าสุดเมื่อครึ่งแรกของปี 2560 มีอุปทานอยู่ที่ 6,786 ยูนิต  ปัจจุบันพบว่าราคาขายโครงการคอนโดมิเนียมในทำเล สีลม – สาทร มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ในระดับสูง เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านที่ดินที่มีน้อยและมีราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนการพัฒนาโครงการสูงขึ้นไปด้วย โดยโครงการใหม่ที่อยู่ใกล้ถนนหลัก หรือใกล้แนวรถไฟฟ้า มีราคาอยู่ในช่วง 200,000  - 300,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งก็ยังได้รับการตอบรับอย่างดี โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีโครงการเปิดขายในพื้นที่นี้เพียง 5 โครงการ พบว่ามียอดขายเฉลี่ยสูงถึง 85% ในช่วงเปิดตัวไม่เกิน 6 เดือน โดยกลุ่มผู้ที่ตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมทำเลนี้มีทั้งคนไทยและต่างชาติ ประกอบด้วย กลุ่มคนทำงาน กลุ่มผู้ปกครองนักเรียนในพื้นที่ กลุ่มคนในพื้นที่ รวมถึงกลุ่มนักลงทุนที่ซื้อเพื่อลงทุน เนื่องจากทำเล สีลม-สาทร เป็นทำเลที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางธุรกิจอันดับต้นๆของกรุงเทพฯ หนาแน่นไปด้วยอาคารสำนักงานที่ทันสมัยเป็นที่ตั้งของบริษัทขนาดใหญ่ รวมทั้งสถานที่ราชการสำคัญอาทิสถานทูตหลายแห่ง อีกทั้งยังมีโรงเรียนชั้นนำ และโรงพยาบาลขนาดใหญ่ มีการคมนาคมที่สะดวกสบาย จึงทำให้คอนโดมิเนียมในย่านนี้ได้รับความสนใจและมีอัตราการตอบรับสูง ในด้านการซื้อเพื่อลงทุน พบว่าตลาดปล่อยเช่าได้รับความสนใจอย่างมากเนื่องจากคอนโดมิเนียมพื้นที่สีลม – สาทร สามารถสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าได้ในอัตราสูง โดยคอนโดมิเนียมราคาประมาณ 6.5 ล้านบาท สามารถปล่อยเช่าได้ในราคา 30,000 บาทต่อเดือน หากคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่  5% ต่อปี โดยปัจจุบันอัตราค่าเช่าเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมในพื้นที่สีลม – สาทรในทำเลใกล้รถไฟฟ้า อยู่ที่ 700 -1,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนการซื้อเพื่อขายต่อนั้น พบว่าราคานำกลับมาขายใหม่ (รีเซล) ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่ารูปแบบ 1 ห้องนอน ราคารีเซลอยู่ที่ 210,000 บาทต่อตารางเมตร รูปแบบ 2 ห้องนอนอยู่ที่ 200,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นจากราคาช่วงเปิดตัวประมาณ 7% ต่อปี ซึ่งได้รับอานิสงค์จากราคาที่ดินมีการเติบโตอย่างอย่างต่อเนื่อง ซึ่งราคาที่ดินปัจจุบันมีการซื้อขายกันอยู่ที่ 1.45 ล้านบาทต่อตารางวา  โดยที่ดินบน ถ.สาทร โดยเฉพาะในทำเลที่ติดถนนหรือใกล้รถไฟฟ้า มีอัตราการเติบโตของราคาที่ดินประเมินนับตั้งแต่ปี 2551 และคาดการณ์จนถึงปี 2562 เติบโตเฉลี่ยสูงถึง 78% ส่วนที่ดินย่านถนนสีลม ขยับขึ้น 53% ฃ“ถึงแม้ย่าน สีลม – สาทรจะเป็นย่านที่มีการคมนาคมสะดวก สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS และ MRT แต่จากความหนาแน่นของจำนวนผู้ใช้รถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยข้อมูลจาก บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ พบว่า มีผู้ใช้บริการ BTS เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 3-10% ดังนั้นคนที่ทำงานในพื้นที่นี้จึงมองหาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยเพื่อหลีกหนีความแออัดจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า อีกทั้งพื้นที่นี้ยังมีสภาพการจราจรที่แออัดมีรถติดจำนวนมากในชั่วโมงเร่งด่วน ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในย่านนี้เพื่อพักอาศัยมีแนวโน้มสูงขึ้นเพราะไม่เพียงแต่ช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการเดินทางเท่านั้น แต่ยังช่วยลดค่าใช่จ่ายด้านการเดินทางได้อีกด้วย และยังมีแหล่งไลฟสไตล์ต่างๆ ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารชั้นนำในบริเวณใกล้เคียงที่สามารถเดินทางเข้าถึงง่าย” นายอนุกูล กล่าว
พลัส พร็อพเพอร์ตี้เผยคอนโดโซนทองหล่อ-เอกมัยแรงไม่หยุดคอนโดใหม่ราคาเพิ่มกว่า 150% ส่วนราคาขายต่อขยับแรง 80%

พลัส พร็อพเพอร์ตี้เผยคอนโดโซนทองหล่อ-เอกมัยแรงไม่หยุดคอนโดใหม่ราคาเพิ่มกว่า 150% ส่วนราคาขายต่อขยับแรง 80%

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เผยทิศทางอสังหาริมทรัพย์โซนทองหล่อ-เอกมัยร้อนแรงต่อเนื่อง เหตุเป็นทำเลทองครบครันทั้งความสะดวกด้านคมนาคมและตอบโจทย์การอยู่อาศัยรอบด้าน ส่งผลราคาที่ดินแตะ 1.5 ล้านบาทต่อตารางวา หนุนราคาคอนโดมิเนียมเติบโตโดดเด่น พบคอนโดมิเนียมแนวไฮไรซ์ทำเลสุขุมวิท 55 พุ่งสูงสุดกว่า 150%  ขณะที่ราคาขายต่อ (รีเซล) ไปได้สวยพบย้อนหลัง 5 ปี โตเฉลี่ย 80%  นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวถึงผลสำรวจภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ทำเลทองหล่อ – เอกมัย พบว่าแม้จะมีราคาขยับขึ้นไปค่อนข้างสูง แต่ยังคงได้รับความสนใจจากผู้อยู่อาศัยทั้งชาวไทยและต่างชาติ เนื่องจากเป็นทำเลที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน จึงยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่ดึงดูดผู้คนอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นย่านอยู่อาศัยหนาแน่นในอนาคต สำหรับบริเวณสถานี BTS ทองหล่อ – เอกมัย  แบ่งพื้นที่ย่อยเป็น 3 โซนด้วยกันคือซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55), สุขุมวิท 36 – 38 และซอยเอกมัย (สุขุมวิท 63) ซึ่งในแต่ละโซนมีระดับราคาและความนิยมต่างกันไป ทั้งนี้ จากผลการวิจัยของพลัสฯ พบว่าคอนโดมิเนียมเป็นที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมในย่านทองหล่อ – เอกมัย มีราคาปรับสูงขึ้นทั้งแบบไฮไรซ์และโลว์ไรซ์ ซึ่งประเภทไฮไรซ์ราคาปรับขึ้นไปมากที่สุด พบในซอยทองหล่อ  (สุขุมวิท 55) มีโครงการที่เปิดตัวในปี 2556 จำนวน 550 ยูนิตสามารถปิดการขายได้ทั้งหมด ซึ่งเทรนด์ของอุปทานใหม่ที่เข้าสู่ตลาดส่วนใหญ่เป็นโครงการ High End โดยในช่วงครึ่งปีแรก อุปสงค์ให้การตอบรับดีมียอดขาย 74% ราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมแบบไฮไรซ์บริเวณสุขุมวิท 55 จากปี 2556 ถึงช่วงครึ่งปีแรก 2560  มีราคาเปิดตัวโครงการใหม่ก้าวกระโดดถึง 159% เนื่องจากที่ดินในการพัฒนาจำกัด จึงทำให้มีการพัฒนาเป็นโครงการระดับ High End ที่เปิดขายในปี 2559 อาทิ KHUN by yoo และ The Bangkok  ทองหล่อ ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยโครงการใหม่สูงขึ้นถึง 325,000 บาทต่อตารางเมตร เมื่อเทียบกับราคาโครงการที่เปิดในปี 2556 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยเพียง 125,000 บาทต่อตารางเมตร สำหรับ ซอยสุขุมวิท 36-38  ปัจจุบันราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมแบบไฮไรซ์เปิดตัวอยู่ที่ 200,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งราคาขายเพิ่มขึ้น 50% ในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งใกล้เคียงกับโครงการโลว์ไรซ์ที่ราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 65% จากโครงการใหม่ที่เข้าสู่ตลาด อุปสงค์ให้การตอบรับดีมียอดขาย 80-90% ภาพรวมราคาขายเฉลี่ยทั้งโครงการไฮไรซ์และโลว์ไรซ์มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอีกในอนาคต ขณะที่ ทำเลเอกมัย พบว่า ราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมแบบไฮไรซ์ มีแนวโน้มเติบโตในช่วง 5 ปี จากราคาเฉลี่ย 100,000 บาทต่อตารางเมตร มาอยู่ที่ 175,000บาทต่อตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้นถึง 75%  ทั้งนี้ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบอุปทานคอนโดมิเนียมแบบไฮไรซ์มากขึ้นเพราะได้รับอานิสงค์จากทองหล่อที่พื้นที่เริ่มหนาแน่น ราคาขยับสูงขึ้นทำให้มีการพัฒนาโครงการในเอกมัยมากขึ้น โดยอุปสงค์ให้การตอบรับกว่า 80% หรือคิดเป็นอัตราดูดซับ 21 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ ทั้งนี้ช่วงครึ่งปีแรก 2017 มีอุปทานในตลาดเพิ่มมากขึ้น รวมจำนวน 701 ยูนิต และอุปสงค์ให้การตอบรับดี โดยมียอดขาย 89% ส่วนครึ่งปีหลังมีการตอบรับดีเช่นกัน เห็นได้จากโครงการ taka HAUS ที่เพิ่งเปิดขายไปเมื่อวันที่ 16 – 17 กันยายน โดยสามารถทำยอดขายถึง 85% หากพิจารณาในส่วนของราคาขายต่อ (รีเซล) ของคอนโดมิเนียมย่านทองหล่อและเอกมัยยังเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ (ข้อมูลตามตารางด้านล่าง) “ที่ดินทำเลทองหล่อมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 40% ในช่วง 5 ปี จากราคา 1 ล้านบาทต่อตารางวามาอยู่ที่ 1.5 ล้านบาทต่อตารางวา เช่นเดียวกับราคาที่ดินในทำเลเอกมัยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 33.3% จากราคา 750,000 บาทต่อตารางวา มาอยู่ที่ 1 ล้านบาทต่อตารางวา ส่งผลให้ปัจจุบันทำเลศักยภาพย่านทองหล่อและเอกมัยเหลือพื้นที่เปล่าให้พัฒนาไม่มากนักส่วนใหญ่ถูกพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน คอมมูนิตี้มอลล์และร้านค้าต่างๆ และหากพิจาณาในส่วนของที่อยู่อาศัย พบว่าช่วง 3 ปีข้างหน้า (2561-2563) ทำเลทองหล่อ-เอกมัย จะมีโครงการสร้างเสร็จไม่ต่ำกว่า 10 โครงการ (3,500 ยูนิต) ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่นิยมและมีผู้อยู่อาศัยค่อนข้างหนาแน่นและเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะ ชาวญี่ปุ่น สิงค์โปร์ และฮ่องกง  โดยโครงการใหม่พบว่ามีมีการพัฒนารูปแบบ 2 ห้องนอนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2559 ถึงครึ่งปีแรกของ 2560  สัดส่วนห้องขนาดใหญ่ตั้งแต่ 2 ห้องนอนขึ้นไปมีสัดส่วนประมาณ 50% ของห้องทุกรูปแบบ จากเดิมที่รูปแบบ 1 ห้องนอนเป็นกลุ่มหลักของตลาด สะท้อนให้ว่าในพื้นที่นี้มีดีมานด์ที่เป็นชาวต่างชาติเข้ามารองรับอุปทานห้องขนาดใหญ่ได้ดี โดยทำเลทองหล่อมีผู้เช่าชาวต่างชาติถึง 87% และเอกมัย 66%” นายอนุกูล กล่าวสรุป
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เผยทำเลพระโขนง-อ่อนนุชดีมานด์ต่างชาติพุ่ง ค่าเช่าขยับ 10% ราคารีเซล 5 ปี เพิ่ม 40%

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เผยทำเลพระโขนง-อ่อนนุชดีมานด์ต่างชาติพุ่ง ค่าเช่าขยับ 10% ราคารีเซล 5 ปี เพิ่ม 40%

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เผยผลสำรวจตลาดเช่าที่อยู่อาศัยของต่างชาติ ในปี 2560 พบความต้องการในย่าน พระโขนง – อ่อนนุชเติบโตสูง ชี้ครึ่งปีแรกค่าเช่าขยับแล้วถึง 10% อัตราผลตอบแทนสูง 5-7% แซงหน้าย่านทองหล่อ –เอกมัย อีกทั้งตลาดรีเซลยังทำกำไรสูงกว่า โดยรูปแบบ 1 ห้องนอน ในระยะเวลา 5 ปี มีราคาขายต่อยูนิตเพิ่มขึ้นจากราคาในช่วงเปิดตัวถึง 24% นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้ทำการสำรวจ ความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าสนใจ โดยพบว่าทำเลพระโขนง-อ่อนนุช เป็นทำเลใหม่ที่ตลาดเช่าโดยเฉพาะกลุ่มชาวต่างประเทศที่มาทำงานในเมืองไทย (Expat) มีความต้องการเพิ่มขึ้นสูงมาก โดยล่าสุดครึ่งปี 2560 มีชาวต่างชาติเช่าห้องชุดเพื่ออยู่อาศัยในย่านนี้สูงถึงประมาณ 70% เพิ่มขึ้นจากเมื่อปี 2555 ที่มีชาวต่างชาติเช่าเพียง 56% จากความต้องการที่สูงขึ้นนี้จึงทำให้คอนโดมิเนียมในย่านนี้สามารถปรับค่าเช่าขึ้นได้แบบก้าวกระโดด โดยค่าเช่ามีการขยับตัวสูงขึ้น 10% ใน 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการปรับขึ้นมาดังกล่าวถือว่าเป็นการปรับที่สูงกว่าโซนทองหล่อ-เอกมัย ซึ่งเป็นโซนที่ชาวต่างชาตินิยมเช่าคอนโดมิเนียมมากที่สุด ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 90% มีผู้เช่าคนไทยเพียงแค่ 10% โดย โซนทองหล่อ–เอกมัย มีอัตราค่าเช่าขึ้น 4% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาวต่างชาติเริ่มหันไปเช่าคอนโดมิเนียมโซนพระโขนง–อ่อนนุช เพราะการเดินทางสะดวกมีรถไฟฟ้าผ่านแถมยังมีระยะทางไม่ไกลจากจุดศูนย์กลางของกรุงเทพฯ ที่สำคัญราคาอสังหาริมทรัพย์ยังไม่สูงมากเหมือนโซนใจกลางเมืองอื่นๆ โดยเฉพาะย่านทองหล่อ–เอกมัย ซึ่งเดิมเป็นทำเลที่มีความต้องการเช่าของต่างชาติ (ญี่ปุ่น เกาหลี อังกฤษ อเมริกา จีน) นั้น มีจำนวนที่ดินในการพัฒนาอย่างจำกัด ส่งผลให้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ค่อนข้างน้อย ทำให้ราคาเปิดตัวมีราคาแพงและส่งผลให้อัตราผลตอบแทนการปล่อยเช่าลดลง โดยมีค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที 800 – 1,000 บาทต่อตารางเมตร หรือคิดเป็นผลตอบแทน (Rental Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 4-5 % ต่อปี หากขนาด 1 ห้องนอน (40-50 ตารางเมตร) ราคาค่าเช่าอยู่ที่ 35,000-55,000 บาท และรูปแบบ 2 ห้องนอน (60-80 ตารางเมตร) ราคาค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 60,000-80,000บาทต่อเดือน ในขณะที่โซนพื้นที่พระโขนง-อ่อนนุช มีค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 500 – 600 บาทต่อตารางเมตร หรือคิดเป็นผลตอบแทน (Rental Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 5-7 %  รูปแบบห้องที่นิยมคือ ขนาด 1 ห้องนอน (30-35 ตารางเมตร) ราคาค่าเช่าอยู่ที่ 14,000-18,000 บาท และรูปแบบ 2 ห้องนอน (50-60 ตารางเมตร) ราคาค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 25,000-36,000บาทต่อเดือน นอกจากนี้ในส่วนของห้องที่นำกลับมาขายใหม่ (รีเซล) ในย่านพระโขนง–อ่อนนุช ก็ถือว่ามีความน่าสนใจ โดยตั้งแต่ปี 2555  เป็นต้นมา พบว่ารูปแบบ 1-2 ห้องนอนถูกนำกลับมาขายใหม่มากที่สุด โดยรูปแบบ 1 ห้องนอน มีราคาขายต่อยูนิตเพิ่มขึ้นจากราคาในช่วงเปิดตัวถึง 40% โดยปัจจุบันราคาเฉลี่ยรีเซลอยู่ที่ 122,000 บาทต่อตารางเมตร ในขณะที่ราคาเฉลี่ยของห้องรีเซลย่านทองหล่อ – เอกมัย อยู่ที่ 230,000 บาทต่อตารางเมตร เมื่อเปรียบเทียบกันจะพบว่าราคารีเซลในพื้นที่พระโขนง-อ่อนนุช ถูกกว่าพื้นที่ทองหล่อ – เอกมัย ถึง 47% และยังสามารถทำกำไรได้ดีกว่าถึง 9% “ปัจจัยที่สนับสนุนให้ทำเลพระโขนง – อ่อนนุช ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติ เพราะมีการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยอย่างรวดเร็วและยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง และไม่เพียงแต่ราคาที่ถูกกว่าย่านทองหล่อ–เอกมัยเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยสนับสนุนที่โดดเด่นในด้านการคมนาคมที่สะดวก ทั้งถนนสายหลักเส้นสุขุมวิท ใกล้ทางขึ้นทางด่วนที่สะดวก รวมถึง แนวเส้นทางของโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (BTS) ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท จึงทำให้ราคาที่ดินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบใหม่ๆ อย่างครบครัน  ทั้งโรงเรียนนานาชาติ ร้านอาหารที่เหมาะกับ ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย แหล่งแฮงค์เอ้ทท์  และคอมมูนิตี้มอลล์ที่หลากหลาย แต่ก็ยังมีสถานที่ที่ตอบสอนองความต้องการของคนพื้นที่ เช่น ตลาดแบบดั้งเดิมในย่านพระโขนง หรือร้านอาหารเก่าแก่เจ้าดัง ทำให้ทำเลนี้มีสีสัน และสามารถเอื้อผลประโยชน์ต่อการลงทุนขายต่อหรือปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมอีกด้วย และในอนาคตเมื่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทาพร้อมเปิดให้บริการ บริเวณนี้จะกลายเป็นจุดอินเตอร์เชนจ์ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีเทา ปัจจัยเหล่านี้จึงสนับสนุนให้อสังหาริมทรัพย์ในทำเลพระโขนง – อ่อนนุช ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ” นายอนุกูล กล่าว