Tag : นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน

3 ผลลัพธ์
เอพี ไทยแลนด์ ยิ้มรับความสำเร็จ รายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 27,110 ล้านบาท

เอพี ไทยแลนด์ ยิ้มรับความสำเร็จ รายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 27,110 ล้านบาท

เอพีประกาศความสำเร็จรายได้รวม ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2561 พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 27,110 ล้านบาท ผลจากการที่สินค้าแนวราบและคอนโดโตต่อเนื่องชูไฮไลต์เด็ดประจำไตรมาส VITTORIO อัลตร้า-ลักซ์คอนโดมิเนียม คีย์ไดรฟ์สำคัญหนุนรายได้พุ่งหลังปิดการขายทั้งโครงการ ด้านกำไรสุทธิรวม โตขึ้น 62% หรือกว่า 2,900 ล้านบาท ยอดขายรวม 10 เดือนคิดเป็น 38,540 ล้านบาท โค้งสุดท้ายของปีเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง มั่นใจสิ้นปีเตรียมยิ้มรับยอดขายที่คาดว่าจะทะลุเป้าอีกครั้ง นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาถือว่าเกินความคาดหมายเป็นที่น่าพึงพอใจอย่างมาก ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในภาพรวมของเอพี ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี มีอัตราการเติบโตที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ โดยสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100%JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 27,113 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.9% หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวมเท่ากับ 18,090 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากที่สินค้าแนวราบและคอนโดเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน   ไตรมาส 3 นี้ ส่วนหนึ่งของยอดรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น มาจากการทยอยโอนกรรมสิทธิ์โครงการ VITTORIO คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ระดับอัลตร้า-ลักซ์ ซึ่งปัจจุบันประสบความสำเร็จอย่างสูงสามารถปิดการขายทั้งโครงการได้เป็นที่เรียบร้อย  ด้านกำไรสุทธิรวม ณ สิ้นไตรมาส 3 (Net Profit) สูงถึง 2,903 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% หากเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 1,792 ล้านบาท   “หนึ่งใน Key Success ของการพัฒนาโครงการเอพีคือ การมีสินค้าที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของคนเมือง ทั้งในเรื่องของโมเดลสินค้าที่พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานการเข้าใจถึงความต้องการแฝงอย่างแท้จริง การกำหนดแพคเกจราคาขาย ตลอดจนจำนวนโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลรอบกรุงเทพ ซึ่งโครงการ VITTORIO ถือเป็นหนึ่งใน Key Drive ที่สำคัญต่อการเติบโตของรายได้รวม ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปีนี้ นอกเหนือจากโครงการอื่นๆ ของเอพีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียมที่ภาพรวมการโอนกรรมสิทธิ์ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้ถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้าเครือ  เอพีเสมอมา ซึ่งมั่นใจว่าบริษัทฯ จะสามารถสร้างรายได้รวมได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน” นายอนุพงษ์ กล่าวเสริม สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 10 เดือนแรก ณ วันที่ 31 ตุลาคมนี้ บริษัทฯ สร้างยอดขายรวมได้แล้วถึง 38,545 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียมมูลค่า 20,930 ล้านบาท แนวราบมูลค่า 17,615 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้แล้วราว 96.8% ของเป้ายอดขายปี 2561 ที่ปรับขึ้นใหม่ (เป้ายอดขาย 39,800 ล้านบาท)   ทั้งนี้ในไตรมาส 4 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่า 16,840 ล้านบาท  เปิดไปแล้วจำนวน 9 โครงการ 13,200 ล้านบาท คงเหลือเปิดตัวในช่วงโค้งสุดท้ายของปีอีกจำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3,640 ล้านบาท โดยหนึ่งในไฮไลท์คือการเปิดพรีเซลคฤหาสต์หรู The Palazzo ศรีนครินทร์อย่างเป็นทางการในวันที่ 17-18 พฤศจิกายนนี้ รวมถึงยังคงมีโครงการอยู่ในพอร์ตพร้อมขาย ในทำเลศักยภาพรอบกรุงเทพอีกกว่า 100 โครงการ มูลค่าคงเหลือขายประมาณ 53,000 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่า ณ สิ้นปีจะสามารถทำยอดขายทะลุเป้าได้อย่างแน่นอน “บริษัทฯ ยังคงมุ่งสู่เป้าหมายใหญ่ในการนำพาเอพีก้าวขึ้นสู่การเป็น 1 ใน 3 ของผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ภายใต้พันธกิจสำคัญ คือการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัย ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการคิดค้นนวัตกรรมดีไซน์ใหม่ๆ ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย และวางแผนจัดตั้งหน่วยงานพิเศษ เพื่อทำหน้าที่ค้นหา คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมที่ส่งเสริมและยกระดับรูปแบบการดำเนินชีวิตสู่ประสบการณ์อยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์สู่วิถีใหม่ๆ อย่างครบถ้วนด้วยคุณภาพ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เข้าถึงความหมายของคำว่าคุณภาพชีวิตที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น”  นายอนุพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย ทั้งนี้ สรุปตัวเลขทางการเงินเฉพาะไตรมาส 3 ปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวมจากสินค้าแนวราบกลุ่มคอนโดมิเนียม (100%JV) และธุรกิจอื่นๆ เท่ากับ 9,203 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 54.3% หากเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2560 ที่มีรายได้รวมเท่ากับ 5,965 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิเท่ากับ 915 ล้านบาท เติบโต 43.9% หากเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2560 ที่ได้ 636 ล้านบาท ณ  31 ตุลาคม 2561 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ามากถึง 54,147 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 7,542 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมมูลค่า 46,605 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ภายในปีประมาณ 4,025 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566   “เอพี ไทยแลนด์ กล้าที่จะแตกต่าง ผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยสำหรับคนเมือง”          
‘เอพี ไทยแลนด์’ สร้างยอดขายสูงสุดไตรมาส 3 – คว้าตำแหน่งเบอร์ 1 ในธุรกิจ มุ่งสู่เป้าหมายผู้นำ 3 อันดับแรกบริษัทอสังหาฯ ชั้นนำในเมืองไทยอย่างมั่นคง

‘เอพี ไทยแลนด์’ สร้างยอดขายสูงสุดไตรมาส 3 – คว้าตำแหน่งเบอร์ 1 ในธุรกิจ มุ่งสู่เป้าหมายผู้นำ 3 อันดับแรกบริษัทอสังหาฯ ชั้นนำในเมืองไทยอย่างมั่นคง

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมือง ฉลองชัยยอดขายไตรมาส 3 สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจ นับรวมผลงาน 9 เดือนเกินเป้าที่ตั้งไว้คิดเป็น 108.8% ที่ 28,300 ล้านบาท ตอกย้ำเป้าหมายก้าวสู่การเป็น 1 ใน 3 บริษัทผู้นำตลาดในธุรกิจอสังหาไทย โค้งสุดท้ายมั่นใจบรรยากาศซื้อขายกลับมาคึกคัก เตรียมรุกตลาดต่อด้วย 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 16,700 ล้านบาท เล็งดันยอดขายรวมสิ้นปีแตะหลัก 35,000 ล้านบาท นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ มากถึง 13,300 ล้านบาท ขึ้นแท่นอันดับ 1  ในธุรกิจที่มียอดขายมากสุดจากในไตรมาส 3 และเมื่อนับรวมยอดขายรวม 9 เดือน บริษัทสร้างยอดขายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้คิดเป็น 108.8% หรือ 28,300 ล้านบาท (จากเป้าหมาย 26,000 ล้านบาท) เราเชื่อว่าในช่วง   โค้งสุดท้ายของปีที่บริษัทมีสินค้าพร้อมเปิดตัวใหม่อีก 6 โครงการมูลค่า 16,700  ล้านบาท และโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ (Ongoing Projects) กว่า 80 โครงการ ซัพพลายตอบตลาดระดับกลางและบนไปได้สวย เราน่าจะสามารถสร้างยอดขายแตะหลัก 35,000 ล้านบาทได้ ซึ่งความสำเร็จด้านยอดขายของเรามีผลสำคัญมาจากการที่เอพีมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างแตกต่าง ด้วยนวัตกรรมบ้าน คอนโด และทาวน์โฮมคุณภาพ ในดีไซน์ที่โดดเด่นสำหรับคนเมือง ครอบคลุมทุกมิติทั้งด้านคุณภาพ-บริการ-ความสะดวกสบาย และ   ด้านความปลอดภัย เพื่อสร้าง ‘คุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้กับผู้อยู่อาศัย’ส่งผล ให้เราสามารถก้าวขึ้นสู่เป้าหมายในการเป็น 1 ใน 3 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในไทยได้สำเร็จ” “ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี 2560 เราเชื่อว่าบรรยากาศการซื้อขายจะกลับคืนปกติ สินค้าที่ตอบโจทย์ตลาดระดับกลางและบนขึ้นไปยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ด้านซัพพลายส่วนใหญ่เราจะเห็นภาพการเปิดโครงการใหม่ที่เกิดจากผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจเน้น  รุกตลาด พรีเมียมระดับบน สะท้อนได้จากสินค้าเอพีที่ได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี ทั้งสินค้าแนวราบและคอนโด โดยยอดขาย 9 เดือนที่เกิดขึ้น 28,300 ล้านบาทนั้น หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  (9 เดือนปี 2559) ถือว่าโตมากถึง 48% และถ้าเทียบเฉพาะไตรมาส 3 ของปี 2559 กับปี 2560  กลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียมโตมากถึง 101% ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิด ‘โครงการ LIFE ONE WIRELESS’ (ไลฟ์ วัน ไวร์เลส) บนถนนวิทยุ ที่ตอบความต้องการของตลาดระดับบน” นายอนุพงษ์ กล่าวเสริม
‘เอพี ไทยแลนด์’ แจงผลประกอบการครึ่งปีแรก เติบโตอย่างมั่นคง สร้างรายได้รวมสูงกว่า 10,500 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิกว่า 1,100 ล้านบาท เตรียมเปิดตัว 18 โครงการใหม่มูลค่า 28,750 ล้านบาท

‘เอพี ไทยแลนด์’ แจงผลประกอบการครึ่งปีแรก เติบโตอย่างมั่นคง สร้างรายได้รวมสูงกว่า 10,500 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิกว่า 1,100 ล้านบาท เตรียมเปิดตัว 18 โครงการใหม่มูลค่า 28,750 ล้านบาท

 เอพีประกาศผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2560 เติบโตอย่างมั่นคง ยิ้มรับผลความสำเร็จใน 4 โครงการร่วมทุนที่เริ่มทะยอยโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้ ส่งผลให้ครึ่งปีแรกมีรายได้รวมมากถึง 10,593 ล้านบาท  โตขึ้นกว่า 23% หากเทียบกับครึ่งปีแรกของปีก่อนหน้า ด้านกำไรสุทธิโตขึ้น 18% หรือเท่ากับ 1,157 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าลุยเปิดพรีเซล 18 โครงการใหม่ ครั้งแรกกับการเปิดตัวโครงการแนวราบพร้อมกันมากสุด ด้วย 10 ทาวน์โฮมแบรนด์ บ้านกลางเมือง - พลีโน่ เริ่ม 1.69 – 8.99 ล้านบาท และ 7 บ้านเดี่ยวดีไซน์ใหม่แบรนด์ เดอะ ซิตี้ - เซนโทร เริ่ม 9.8 - 35 ล้านบาท และ 1 คอนโดใหม่ ไลฟ์ อโศก-พระราม 9 เริ่ม 110,000 บาทต่อตารางเมตร นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า จากกลยุทธ์ "คิดและสร้างความแตกต่าง” (AP THINK DIFFERENT) ที่เน้นย้ำจุดแข็งของเอพีในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่อยู่อาศัยคุณภาพ โดดเด่นด้วยดีไซน์และการจัดสรรพื้นที่ใช้สอย ตลอดจนการประสบความสำเร็จในคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับทางกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท ซึ่งในปีนี้ถือเป็นปีแรกที่คอนโดมิเนียมร่วมทุนก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้มากถึง 4 โครงการ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมสูงถึง 10,593 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่รวมผลการดำเนินงานจากคอนโดมิเนียมร่วมทุนในสัดส่วน 51% กับทางกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท โดยแบ่งเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 1 เท่ากับ 5,129 ล้านบาท และไตรมาส 2 เท่ากับ 5,464 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 2559 ถึง 23% ด้านกำไรสุทธิครึ่งปีแรกเท่ากับ 1,157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% หากเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2559 ที่มีกำไรเท่ากับ 981 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิในครึ่งปีแรกนี้แบ่งเป็นเกิดในช่วงไตรมาส 2 เท่ากับ 608 ล้านบาท และไตรมาส 1 เท่ากับ 549 ล้านบาท ทั้งนี้ความคืบหน้าทางด้านยอดขายครึ่งปีแรกบริษัทฯ สามารถสร้าง ยอดขายรวมได้มากเป็นอันดับที่ 2 ของธุรกิจหรือเท่ากับ 15,000 ล้านบาท แต่หากรวมยอดขายจากโครงการใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดพรีเซลไปเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้กับโครงการ LIFE ONE WIRELESS (ไลฟ์ วัน ไวร์เลส) ตลอดจนโครงการอื่นๆ ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายรวม 7 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ค.) มากถึง  23,300 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 76.9% คิดเป็น 89.5% ของเป้าหมายยอดขายรวม 26,000 ล้านบาทที่ตั้งไว้ในปีนี้ สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง (5 เดือน ส.ค.-ธ.ค.) บริษัทฯ พร้อมเปิดตัวโครงการใหม่อีกจำนวน 18 โครงการ มูลค่ารวม 28,750 ล้านบาท โดยเป็นโครงการแนวราบมากถึง 17 โครงการ มูลค่า 19,750 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 7 โครงการ และทาวน์โฮม 10 โครงการ และคอนโดมิเนียมร่วมทุน  1 โครงการ LIFE อโศก-พระราม 9 มูลค่า 9,000 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะพร้อมเปิดพรีเซลระหว่างช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าในช่วงเวลาที่เหลือพร้อมกับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง (5 เดือน ส.ค.-ธ.ค.) จะสามารถสร้างยอดขายได้เกินเป้าที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน ภาพรวมการร่วมทุนกับทางกลุ่มมิติซูบิชิ เอสเตล หนึ่งในผู้นำการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรในประเทศญี่ปุ่น ตลอดที่ผ่านมา (เริ่มร่วมทุนปี 2014) ได้ดำเนินพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกันทั้งสิ้น 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 41,000 ล้านบาท สร้างยอดขายรวมได้มากถึง 80% และ 4 ใน 10 โครงการร่วมทุนได้แก่ RHYTHM สุขุมวิท 36-38, Aspire รัชดา-วงศ์สว่าง RHYTHM อโศก 2 และ Aspire สาทร-ท่าพระ ก่อสร้างแล้วเสร็จเริ่มส่งมอบแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ในช่วงครึ่งปีหลัง 5 เดือนที่เหลือ (ส.ค.-ธ.ค.) นี้บริษัทฯ เตรียมจัดงานเปิดตัว 17 โครงการแนวราบ ณ สำนักงานขายของทุกโครงการ โดยทั้ง 17 โครงการล้วนมีความพิเศษในเรื่องของนวัตกรรมดีไซน์ที่ได้รับพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อให้สอดรับกับความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าในแต่ละทำเล โดยวันที่ 19-20 สิงหาคมนี้กับงาน THE PHENOMENAL 10 กับครั้งแรกในการเปิดตัว 10 ทาวน์โฮมใหม่ใจกลางเมืองแบรนด์ “บ้านกลางเมือง และพลีโน่” พร้อมกัน พบราคาพรีเซลพร้อมข้อเสนอทางการเงินจ่ายน้อย คืน 100% และรับส่วนลดเพิ่ม 100,000 บาทเมื่อลงทะเบียนล่วงหน้า ได้แก่ (1) บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์ (2) บ้านกลางเมือง ลาดพร้าว-เสรีไทย (3) บ้านกลางเมือง ราชพฤกษ์-พระราม 5  (4) บ้านกลางเมือง รามอินทรา-วัชรพล (5) พลีโน่ ราชพฤกษ์ (6) พลีโน่ ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ (7) พลีโน่ พหลโยธิน-รังสิต (8) พลีโน่ สุขุมวิท-บางนา (9) พลีโน่ รามอินทรา-วงแหวน และ (10) พลีโน่ พหลโยธิน-วัชรพล เริ่ม 1.69-8.99 ล้านบาท พร้อมงานพรีเซลเปิดตัว 7 บ้านเดี่ยวโมเดลใหม่ ในวันที่ 29-1 ตุลาคมนี้ ประกอบด้วยแบรนด์ THE CITY บ้านเดี่ยวเพื่อครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับ 4 พิกัดใหม่ (1) THE CITY พัฒนาการ (2) THE CITY บางนา-กม.7 (3) THE CITY สาทร-สุขสวัสดิ์ (4) THE CITY ปิ่นเกล้า - บรมฯ ราคาเริ่ม 9.8-35 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวแบรนด์ CENTRO สำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่กับ 3 พิกัดใหม่ (5) CENTRO บางนา-กม.7 (6) CENTRO พหล-วิภาวดี (7) CENTRO รามอินทรา-จตุโชติ เริ่ม 4.99-15 ล้านบาท พิเศษลงทะเบียนและจองในงานพรีเซลรับ Iphone 8 และสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับคอนโดมิเนียม LIFE อโศก-พระราม 9 บริษัทฯ พร้อมเปิดพรีเซลในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้เช่นกัน ทั้งนี้ ณ ปัจจุบัน (31 กรกฎาคม) บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ามากถึง 34,500 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่า 3,820 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมมูลค่า 30,680 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2564