Tag : บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ

3 ผลลัพธ์
เปิดแนวคิด “บดินทร์ธร” อีก 4 ปีจะพาอสังหาฯ ตระกูล “จึงรุ่งเรืองกิจ” สู่บริษัทมหาชน

เปิดแนวคิด “บดินทร์ธร” อีก 4 ปีจะพาอสังหาฯ ตระกูล “จึงรุ่งเรืองกิจ” สู่บริษัทมหาชน

แม้ว่า “บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ลูกชายคนสุดท้องของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของอาณาจักรไทยซัมมิท เพิ่งจะเข้ามารับช่วงต่อบริหารบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จากพี่ชาย คือ นายสกุลกร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ต้องไปดูแลกิจการของกลุ่มไทยซัมมิท แทนพี่ชายคนโต คือ นายธนากร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่หันไปเล่นการเมืองได้เพียงระยะเวลาปีกว่าๆ เท่านั้น แต่นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารในวัย 26 ปี ก็มีความมุ่งมั่นและพร้อมจะนำพาธุรกิจอสังหาริมทรัยพ์ของตระกูล ให้เติบโตและก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จักกับคนในวงการ   “เราอยากเป็นองค์กรคนรุ่นใหม่ ให้คนจดจำว่าเราเป็นเรียลเอสเตทที่ออกสินค้าไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เหมือนกับอนันดา ดีเวลลอปเมนท์”   สร้างจุดขายด้วย เทคโนโลยี+ไลฟ์สไตล์ ด้วยการเป็นคนรุ่นใหม่ ทำให้นายบดินทร์ธร วางเป้าหมายที่จะขับเคลื่อนบริษัท ให้มีภาพลักษณ์เป็นคนรุ่นใหม่ พัฒนาสินค้าออกมาตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่เป็นหลัก โดยหยิบเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการสร้างความแตกต่างให้กับโครงการ อาทิ ใช้ระบบ AI, Face Recognition, Big Data และ Drone เป็นต้น นอกจากนี้ยังหยิบเอาไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่สนใจในเรื่องสุขภาพมาผสมผสานกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาด้วย อาทิ เลนส์สำหรับวิ่ง และจักรยานภายในโครงการ การจัดพื้นที่ออกกำลังกายที่มีระบบและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ เป็นต้น ซึ่งไม่เพียงแต่จะเอาแนวคิดดังกล่าวเข้ามาใช้ในการพัฒนาโครงการเท่านั้น แต่ยังวางแผนต่อยอดสร้างเป็นธุรกิจด้วย   แตกธุรกิจออฟฟิศให้เช่า-โรงแรม ด้วยแนวคิดคนรุ่นใหม่ที่มองเห็นโอกาสและการเติบโตในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ทำให้บริษัทวางแผนขยายธุรกิจเพิ่มในส่นของโลจิสติกส์ เพื่อรองรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ด้วยการใช้ที่ดินของตระกูลที่มีอยู่ในอำเภอศรีราชาและจังหวัดชลบุรีมาพัฒนา ซึ่งรูปแบบการพัฒนายังไม่ได้กำหนดและปิดกั้นหากจะมีพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนด้วย   นอกจากนี้ ยังมองเห็นโอกาสในตลาดสำนักงานให้เช่า โดยอาจจะนำเอาตึกไทยซัมมิททาวเวอร์เข้ามาบริหาร ภายหลังจากมีการปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มไทยซัมมิทเรียบร้อยแล้ว และยังจะนำเอาอาคารสำนักงานที่อยู่ในกรุงลอนดอน มูลค่า 60 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 24,000 ล้านบาท ของตระกูลเข้ามาร่วมบริหารด้วยเช่นกัน หรือแม้แต่ธุรกิจโรงแรมหากมีโอกาสก็พร้อมจะนำเอาเข้ามาเสริมพอร์ตให้กับบริษัทด้วย ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการศึกษาและมองหาโอกาสความเป็นไปได้   ลุยแนวราบ ลดความเสี่ยง การติดเบรกของแบงก์ชาติ ด้วยการออกมาตรการ LTV ซึ่งเป็นการลดระดับความร้อนแรงของตลาดคอนโดมิเนียม ทำให้ภาพรวมของตลาดในปีนี้ ผู้ประกอบการแทบจะทุกรายหันไปเพิ่มพอร์ตธุรกิจในแนวราบกันมากขึ้น ไม่เว้นแต่เรียลเอสแสท ซึ่งปีนี้เตรียมพัฒนา 2 โครงการแนวราบรวมมูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท   โครงการแรก ได้แก่ โครงการเดอะเซนส์ บางนา-สุวรรณภูมิ ทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยว บนที่ดินกว่า 23 ไร่ จำนวน 150 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท ราคาขาย 2-3 ล้านบาท ส่วนโครงการที่ 2 ได้แก่ โครงการวิรัณยา บางนา-สุวรรณภูมิ โครงการบ้านเดี่ยว พัฒนาบนพื้นที่กว่า 40 ไร่ จำนวน 180 ยูนิต มูลค่า 1,900 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ย 7 ล้านบาท ซึ่งช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการพัฒนาโครงการไปแล้วรวม 12 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 14,000 ล้านบาท  ส่วนปีนี้บริษัทคาดว่าจะมียอดโอนประมาณ​ 2,700 ล้านบาท และยอดขายประมาณ​ 2,700 ล้านบาทเช่นกัน   “หลายดีเวลอปเปอร์โฟกัสแนวราบ เพราะสภาพคล่องเร็วกว่า เราเองก็ไม่ได้ลงทุนอะไรมากมายแบ่งเป็นเฟส เฟสแรกไม่ใหญ่ และการผ่อนให้ลูกค้าผ่อนนานขึ้น เป็นผลจากมาตรการควบคุมของแบงก์ชาติ จากปกติ 6 เดือนอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 8-9 เดือน ถ้าบ้านเสร็จแล้ว แต่ยังโอนไม่ได้ก็จะผ่อนต่อไปอีก 2-3 เดือน”   แผน 4 ปีนำบริษัทสู่ “มหาชน” ปัจจุบันบริษัทถือว่ามีสินทรัพย์ประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท ในอนาคตภายในปี 2565 คาดว่าจะสามารถสร้างสินทรัพย์ได้ถึง 15,000 ล้านบาท ด้วยแนวทางการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติม โดยกลยุทธ์สำคัญที่จะนำมาใช้คือ การมองหาทำเลพัฒนาโครงการที่มีศักยภาพ การศึกษาพฤติกรรมของลูกค้า และคู่แข่ง การเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการด้วยการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี และผนวกกับการพัฒนาโครงการให้เข้าไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายด้วย ซึ่งแต่ละปีจะพัฒนาโครงการแนวสูงประมาณ 1 โครงการ และแนวราบประมาณ 2-3 โครงการเพื่อสร้างยอดขายปีละ 5,000-6,000 ล้านบาท และภายในปี 2565 คาดว่าจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จด้วย    
เรียลแอสเสท เปิดตัวโครงการใหม่ล่าสุด “เซนส์ สายไหม 56” พร้อมโชว์แบบบ้านแนวคิดใหม่ ชูคอนเซ็ปต์ “ความสุขที่พอเพียง”

เรียลแอสเสท เปิดตัวโครงการใหม่ล่าสุด “เซนส์ สายไหม 56” พร้อมโชว์แบบบ้านแนวคิดใหม่ ชูคอนเซ็ปต์ “ความสุขที่พอเพียง”

  เปิดตัวโครงการ “เซนส์ สายไหม 56” โครงการใหม่ล่าสุดจาก “เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์” โครงการบ้านแนวคิดใหม่ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่พอเพียง” โดดเด่นด้วยการวางฟังก์ชั่นบ้าน 2 ชั้น ที่ออกแบบอย่างประณีต มีดีไซน์ ทุกฟังก์ชั่นแบบพอดี และเพียงพอต่อการสร้าง “ครอบครัวอันอบอุ่น” ตอบโจทย์ให้คุณได้มีความสุขในทุกมุมของบ้าน ราคาพิเศษสุดเริ่ม 3.59 ล้านบาท ขนาดพื้นที่โครงการ 22 ไร่ จำนวน 126 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 643 ล้านบาท ล่าสุดพร้อมเปิดให้เยี่ยมชมบ้านตัวอย่างที่ออกแบบจากแรงบันดาลใจของศิลปินเสียงดีและนักแต่งเพลงชื่อดัง สิงโต นำโชค ที่มาสวมหมวกใบใหม่ครั้งแรกกับเรียลแอสเสทในบทบาท “Design Artist” ภายใต้แนวคิด “ความสุขแรก” เตรียมเปิด Open House ครั้งแรก 18-19 ส.ค.นี้ พร้อมรับชมมินิคอนเสิร์ต “สิงโต นำโชค” ได้ภายในงาน นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึงสาเหตุของการเลือกเปิดโครงการเซนส์สายไหม 56 ว่า ด้วยจุดยืนของเรียลแอสเสท ที่ตั้งใจพัฒนาสินค้าและโครงการ ที่ใส่ใจในรายละเอียดและความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า เมื่อเราค้นพบว่าผู้บริโภคในย่านนี้ ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จากแนวโน้มการขยายตัวของที่อยู่อาศัยของกรุงเทพฯ ฝั่งตอนเหนือ (บางเขน-วัชรพล-สายไหม-สุขาภิบาล 5) ที่มีแหล่งงาน โครงการเมกะโปรเจค และการขยายตัวด้านการเดินทางที่สะดวกสบาย จึงส่งผลให้เกิดแรงดึงดูดในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยโดยรอบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทานสำหรับบริเวณพื้นที่ดังกล่าว สำหรับทำเลที่ตั้งโครงการถือได้ว่ามีศักยภาพเนื่องจากการเดินทางมายังโครงการสามารถเดินทางเข้าได้หลากหลายเส้นทางไม่ว่าจะเป็นถนนสายไหม ถนนเพิ่มสิน-ออเงิน ที่สร้างความเชื่อมต่อของพื้นที่ขยายไปยังสุขาภิบาล 5-วัชรพล-สะพานใหม่-ลำลูกกาได้ และซอยสายไหม 56 เองยังถือว่าเป็นซอยที่มีการเชื่อมโยงพื้นที่ในย่านสายไหม ด้วยเหตุนี้เราจึงนำชื่อซอยมาเป็นส่วนหนึ่งของชื่อโครงการ นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยศักยภาพทำเลที่ตั้งโครงการ ซึ่งอยู่ในซอย สายไหม 56 ห่างจากถนนสายไหมประมาณ 800 เมตร ซึ่งถนนหลักเส้นนี้พาเชื่อมต่อออกไปถนนพหลโยธินและต่อไปสนามบินดอนเมืองได้ หรือจะไปทางฝั่งถนนวงแหวนรอบนอก (ฝั่งตะวันออก) ก็สะดวกง่ายดาย และโครงการยังห่างจากทางลงทางด่วนสุขาภิบาล 5 เพียงประมาณ 5 กิโลเมตรเท่านั้น ประกอบกับใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิต-คูคต สถานีคูคต โดยโครงการห่างจากสถานีเพียง 4 กิโลเมตรเท่านั้น โดยกำหนดการเปิดอยู่ในช่วงประมาณไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างไปแล้วประมาณ 69% อีกทั้งโดยรอบโครงการยังมีร้านค้า ศูนย์การค้า โรงเรียนและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆรอบโครงการ เราจึงตัดสินใจเลือกซื้อที่ดินแปลงนี้มาพัฒนาโครงการ ทั้งนี้ ระหว่างการพัฒนานั้นบริษัท ฯ ได้พบว่า ยังมีช่องว่างทางการตลาดที่เป็นความต้องการแท้จริงของลูกค้า ที่อยากมีบ้านหลังแรก ที่พอดีกับการใช้ชีวิต ไม่ได้ต้องยิ่งใหญ่อลังการเกินความจำเป็น แต่เป็นบ้านที่สร้างความสุขที่พอเพียง เรียกว่า Make Sense คือเป็น “ความพอดีที่เพียงพอ” เราจึงนำแนวคิดตรงนี้ เป็นปรัชญาและหลักการในการออกแบบสินค้าและพัฒนาโครงการ รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นการต่อยอดในการสร้างแบรนด์และพัฒนาสินค้าด้วย จนกลายเป็นชื่อแบรนด์โครงการว่า “Sense” (เซนส์) “โครงการ เซนส์ สายไหม 56 เป็นอีกหนึ่งโครงการใหม่ล่าสุดของเรียลแอสเสท หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ เอสทีค ทองหล่อ คอนโดมิเนียมระดับ Ultimate Luxury ไป โดยโครงการเซนส์ สายไหม 56 ถือเป็นแบรนด์ใหม่และสินค้าใหม่ของบริษัทฯ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ได้รับแรงบันดาลใจในการวางคอนเซ็ปต์ของแบรนด์และการออกแบบตัวบ้าน มาจากวิถีชีวิตของนกกระจาบ ซึ่งถือว่าเป็นสถาปนิกตัวน้อยในเขตร้อนของโลก นกกระจาบยังถูกเรียกอีกอย่างว่า นกช่างสาน เพราะสร้างรังได้อย่างประณีต สวยงาม ปลอดภัย ซึ่งเป็นที่มาของการออกแบบบ้านภายใต้แนวคิด “ความสุขที่พอเพียง” ที่เน้นความประณีตและมีดีไซน์ ทุกฟังก์ชั่นออกแบบให้ตอบโจทย์กับความเพียงพอต่อการสร้างครอบครัวที่อบอุ่น” นายวีระชัย หาญจริยากูล ผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์ธุรกิจบ้านจัดสรรและอาคารพาณิชย์ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเผยถึงรายละเอียดโครงการว่า โครงการเซนส์ สายไหม 56 เป็นบ้านแนวคิดใหม่ ซึ่งเป็นบ้านซีรีส์ใหม่ล่าสุดของเรียลแอสเสท มูลค่าโครงการรวม 643 ล้านบาท มีขนาดพื้นที่ 36.4 - 50.4 ตารางวา มีแบบบ้านให้ลูกค้าได้เลือก 2 แบบได้แก่ แบบบ้าน Shama (ฌา-มา) มีพื้นที่ใช้สอย 131 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ห้องครัว และแบบบ้าน Serin (เซ-ริน) มีพื้นที่ใช้สอย 151 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ห้องครัว ทั้งนี้เตรียมจัดงาน Open House ครั้งแรก 18-19 ส.ค. ณ สำนักงานขายโครงการ ในราคาพิเศษสุด 3.59 ล้านบาท และรับโปรโมชั่นพิเศษอื่นๆอีกมากมาย พร้อมรับชมมินิคอนเสิร์ตสุด Exclusive กับ “สิงโต นำโชค” ได้ภายในงาน “เราไม่เพียงแต่ใส่ใจในการออกแบบบ้านเท่านั้น แต่เรายังใส่ใจในการลงรายละเอียดของพื้นที่ส่วนกลางโครงการ ซึ่งออกแบบมาให้ดูกลมกลืนกับความเป็นธรรมชาติรอบบ้าน โดยถนนหลักของโครงการกว้าง 12 เมตร บรรยากาศสองข้างทางไปยังพื้นที่ส่วนพักอาศัยจะมีต้นไม้ใหญ่ตลอดทางดูร่มรื่นน่าอยู่ โดดเด่นด้วยสโมสร 2 ชั้นพร้อมสระว่ายน้ำแบ่งสระเด็กแยกจากสระผู้ใหญ่อย่างเป็นสัดส่วนและชั้นบนเป็นห้องฟิตเนส ส่วนพื้นที่สวนสาธารณะออกแบบให้มีพื้นที่ออกกำลังกาย Outdoor, Jogging Track, และสนามเด็กเล่น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของสมาชิกในครอบครัว อีกทั้งยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย ติดตั้งกล้อง CCTV ให้ตั้งแต่ทางเข้าไปจนถึงภายในตัวโครงการ ซุ้มทางเข้าจะมี รปภ. ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง” ด้านสิงโต นำโชค หรือ นายนำโชค ทะนัดรัมย์ ศิลปินเสียงดีและนักแต่งเพลงชื่อดัง ที่มาพร้อมกับบทบาทใหม่ “Design Artist” ให้กับทาง เรียลแอสเสท กล่าวถึง การออกแบบบ้านตัวอย่างภายใต้แนวคิด “ความสุขแรก” ว่า ความสุขแรกของผมก็คือ บ้านหลังแรก ที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเราเอง เราก็อยากจะออกแบบเอง ดูแลมันในทุกๆ ขั้นตอน ยกตัวอย่างเช่น เรื่องทาสีบ้านเราก็อยากจะทากันเอง สองคนกับภรรยาช่วยกันผมว่ามันเป็นมากกว่าการออกแบบ แต่มันเหมือนเราได้ใช้ช่วงเวลาด้วยกัน แต่งเติมความสุขแรกของเราไปพร้อมๆ กัน บรรยากาศโดยรวมภายในบ้าน ก็จะออกเป็นแนว ดีไอวาย ทำเอง สร้างเอง กับมือ “จุดเริ่มต้นของผมที่ได้มาร่วมงานกับเรียลแอสเสท จนเกิดเป็นโปรเจคส์ “Real Asset X Singto Numchok” นั้นเกิดจากการที่ผมได้มาร่วมร้องเพลงในงานของโครงการเดอะสเตจ เตาปูน – อินเตอร์เชนจ์ และได้พูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงท่านหนึ่งของเรียลแอสเสทอย่างถูกคอ คุยมาเรื่อยๆ จนได้ปรึกษากันเรื่องการออกแบบตกแต่งบ้าน ทำให้ทางเรียลแอสเสทรู้สึกว่า ผมมีความสนใจในเรื่องนี้ เลยชวนผมมาลองทำอะไรใหม่ๆร่วมกัน แทนที่ปกติจะให้ผมไปร้องเพลงให้ฟัง เปลี่ยนมาเป็นการใช้จินตนาการของตัวเองออกแบบภายในบ้านที่เป็นสไตล์ของสิงโต นำโชคว่าเป็นอย่างไร เป็นการทำอะไรใหม่ๆ ที่เราไม่เคยทำมาก่อน ถือว่า เรียลแอสเสทได้ให้โอกาสผมจริงๆ ครับ”
“เรียลแอสเสทฯ”เปิดตัวโครงการ AESTIQ  Thonglor  คอนโดมิเนียมแบบ Ultimate  Luxury มูลค่ารวม 4,200 ล้านบาท

“เรียลแอสเสทฯ”เปิดตัวโครงการ AESTIQ Thonglor คอนโดมิเนียมแบบ Ultimate Luxury มูลค่ารวม 4,200 ล้านบาท

  “เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์” ต่อยอดความสำเร็จของ LAVIQ Sukhumvit 57 เดินหน้าปั้นแบรนด์ Luxury ใหม่ “AESTIQ Thonglor” คอนโดมิเนียมแบบ Ultimate Luxury เพื่อเป็น Iconic Landmark ใหม่บนทำเลทองหล่อ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “A Reflection of you” สุนทรียะที่สะท้อนความเป็นตัวคุณ มูลค่ารวม 4,200 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนทั้งชาวไทยและต่างชาติ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้ประกอบการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไพร์มโลเคชั่นทั่วกรุงเทพฯ กว่า 7 ปีที่ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จนประสบความสำเร็จสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ในทุกกลุ่มโปรดักส์มากกว่า 10 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 12,800 ล้านบาท ล่าสุดเตรียมเปิดตัวโครงการ AESTIQ Thonglor คอนโดมิเนียมระดับ Ultimate Luxury มูลค่าโครงการรวม 4,200 ล้านบาท ในทำเลศักยภาพบนถนนทองหล่อ สุดยอดทำเลพักอาศัยในฝันของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็น Young Successor ทำเลพักอาศัยที่สะท้อนความเป็นตัวตนที่สมบูรณ์แบบและความสุนทรียะของผู้พักอาศัย ทั้งกลุ่มชาวไทยและต่างชาติ ฉีกแนวการใช้ชีวิตแบบเดิมด้วยพื้นที่ส่วนกลางที่ล้ำหน้าและทันสมัย ดึงจุดแข็ง Luxury Car Sharing Service เพื่อรองรับโลกในอนาคตอย่างยั่งยืน เพียงไม่กี่นาทีก็ถึงแหล่ง ช้อปปิ้ง ชั้นดี อย่าง The Em District เมืองหลวงของนักช้อป ที่รวบรวม Flagship store ของ Super Brand ชั้นนำระดับโลกไว้ที่นี่ ซึ่งกำหนดเปิดขายโครงการในช่วงเดือน กันยายน นี้ ณ สำนักงานขายโครงการ นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะเน้นให้ความสำคัญในทุกๆด้าน ทั้งเรื่องทำเลที่ตั้งโครงการและการออกแบบโครงการที่แตกต่างไปจากคู่แข่ง ด้านคุณภาพที่เหนือกว่า การออกแบบที่ใส่ใจทุกรายละเอียด มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น การเลือกวัสดุคุณภาพเกรดพรีเมี่ยม รวมถึงการมีพันธมิตรทีมออกแบบโดยทีมสถาปนิกและบริษัทออกแบบชั้นนำของประเทศ ทำให้ทุกโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนานั้นประสบความสำเร็จ โดยในส่วนการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมของเรียลแอสเสทนั้น หลังจากประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการ ลาวีค สุขุมวิท 57 คอนโดมิเนียมระดับ Luxury โครงการแรกที่มีมูลค่ารวมกว่า 4,120 ล้านบาท บริษัทฯ จึงต่อยอดความสำเร็จด้วยการลงทุนพัฒนาตัวโครงการ AESTIQ Thonglor คอนโดมิเนียมแบบ Ultimate Luxury มูลค่าโครงการ 4,200 ล้านบาท เพื่อสร้าง Iconic Landmark แห่งใหม่บนทำเลทองหล่อ AESTIQ เกิดมาจากการผสานคำระหว่าง “Aesthetic” (สุนทรียภาพ) กับ “Unique” (ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว) จนกลายมาเป็นแนวคิดของโครงการคือ “A Reflection of you” เพื่อเน้นย้ำสุนทรียภาพในการใช้ชีวิตสำหรับคนรุ่นใหม่ในเมืองผ่านแกนหลักทั้งหมด 5 แกน ดังนี้   Nature – ธรรมชาติเป็นหนึ่งในแกนที่นำมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบโครงการ เพื่อต้องการผสมผสานความเป็นธรรมชาติให้แทรกซึมไปตามการใช้ชีวิตประจำวัน ผ่านการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง หรือ โครงสร้างตึกแบบ Organic Form และทางโครงการได้นำทรัพยากรธรรมชาติอย่าง “ลม” มาใช้ประโยชน์ในการออกแบบโครงการ เพื่อช่วยในการหมุนเวียนอากาศให้เข้ามายังพื้นที่ส่วนกลางและบริเวณที่พักอาศัย   Iconic - โครงการนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเรือธงใหม่ของบริษัทเพื่อต้องการปักธงในการออกแบบตัวอาคารเพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในย่านทองหล่อ ที่ใครๆจะต้องจ้องติดตามและกล่าวถึง   Future - ด้วยภาพลักษณ์การออกแบบสถาปัตยกรรมโครงการ รวมถึงพื้นที่ส่วนกลาง เป็นการสะท้อนถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ภายในโครงการเพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Private Lift และระบบที่จอดรถยนต์แบบ Auto Parking   Sustainable - ความยั่งยืน ด้วยภาพลักษณ์ของโครงการที่ให้ความสำคัญกับธรรมชาติ สภาพแวดล้อมและเทคโนโลยี ดังนั้น โครงการ AESTIQ Thonglor จึงได้นำรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% เข้ามาใช้เป็น car sharing service ภายในโครงการ เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้ชีวิตในเมืองได้อย่างยั่งยืนและลดการปล่อยมลพิษ   Fun - ความสนุกสนานในการใช้ชีวิตในย่านทองหล่อ คงหนีไม่พ้นกับการได้ลองอะไรใหม่ๆในย่านที่มีแต่เรื่องตี่นเต้นตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน การพบปะผู้คน การได้ลองร้านอาหารสุดชิคและแชร์ลงบน Social Media หรือการ Hang Out สบายๆในร้านกาแฟ ที่มีการออกแบบและตกแต่งภายในอย่างมีศิลปะ หรือการไปสัมผัส แสง สี เสียง ในยามค่ำคืน กลายเป็นแกนหลักในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางของโครงการให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้ผู้อยู่อาศัยสามารถสนุกสนานได้ หากต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองและอยากมีพื้นที่ส่วนตัวในการสังสรรค์ “ผมเชื่อมั่นว่า โครงการ AESTIQ Thonglor ถือได้ว่าเป็นโครงการที่ยกระดับทุกๆด้านในการใช้ชีวิตในเมือง ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งของโครงการ การออกแบบสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว และมีความล้ำสมัยบนทำเลทองหล่อ โดยมาจากการนำแกนหลักทั้ง 5 แกนที่กล่าวมาข้างต้นนำมาใช้ในการเชื่อมโยงเข้าหากันและออกแบบได้อย่างลงตัว เพื่อตอบโจทย์สำหรับคนรุ่นใหม่ที่กล้าที่จะตัดสินใจในการเลือกรูปแบบการใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเราเองกำหนด เพราะสุดท้ายการตัดสินใจเหล่านี้ก็จะสะท้อนกลับเพื่อหล่อหลอมตัวตนของคุณที่แท้จริงออกมาในแบบ A Reflection of you” นายณัฏฐพร กลั่นเรืองแสง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานกลยุทธ์ธุรกิจ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวถึงรายละเอียดของโครงการ AESTIQ Thonglor ว่า โครงการนี้ถือเป็นคอนโดมิเนียมแบบ Ultimate Luxury บนทำเลศักยภาพย่านทองหล่อ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “A Reflection of you” สุนทรียะที่สะท้อนความเป็นตัวคุณ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1 – 3 – 88.9 ไร่ พัฒนาเป็นอาคารสูง 40 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 203 ยูนิต จอดรถได้ 220 คัน โดยเสนอยูนิตพิเศษในราคาเริ่มต้นเพียง 8.99 ล้านบาท หรือเริ่มต้นที่ประมาณตารางเมตรละ 269,000 บาท โครงการพัฒนายูนิตขึ้นมาให้เลือก 4 แบบ ได้แก่ แบบ 1 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอย 33-52 ตารางเมตร จำนวน 127 ยูนิต หรือคิดเป็นสัดส่วน 64 % , แบบ 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอย 76 – 119 ตารางเมตร จำนวน 56 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 25 % ,แบบ 3 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอย 131-158 ตารางเมตร จำนวน 18 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 10 % และห้องเพนท์เฮ้าส์ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 289-297 ตารางเมตร จำนวน 2 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 1 % โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างประมาณเดือน พฤษภาคม 2562 และจะแล้วเสร็จประมาณเดือนธันวาคม 2564   ทั้งนี้ จุดเด่นของโครงการอยู่ที่ การออกแบบอาคารให้มีรูปทรง Façade ดูโค้งและปิดกั้นด้วยกระจก Curtain Wall ในด้านฝั่งถนนทองหล่อ ที่สะท้อนรูปทรงอาคารเพื่อสร้าง Iconic Landmark แห่งใหม่ที่สะท้อนความเป็น Futuristic ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโลกแห่งอนาคต แห่งแรกในประเทศไทย และ ในทุกห้องพักของโครงการมี Private Lift ในทุกยูนิต เพื่อตอบโจทย์ชีวิตที่หรูหราของสังคมเมือง โดยลูกค้าสามารถขึ้นมาถึงห้องพักของตนเองได้โดยไม่ต้องเดินผ่านพื้นที่ Corridor ส่วนกลางในแต่ละชั้นแต่อย่างใด   นอกจากนี้ ภายในโครงการได้จัดให้มีระบบจอดรถถึง 2 ระบบ ทั้งแบบ Auto Parking และ Conventional Parking ในสัดส่วนมากกว่า 100%ของห้องพัก รวมทั้งในส่วนของห้องพัก floorplan ได้ถูกออกแบบให้เป็น Cluster ซึ่งการออกแบบลักษณะนี้จะเกิดห้องมุมในสัดส่วนที่มากกว่าปกติ ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ในเรื่องของมุมมองจากภายในห้องพักที่กว้างและเป็นการเปิดรับการระบายอากาศธรรมชาติให้การอยู่อาศัยนั้นมีความแตกต่างจากการพักอาศัยภายในคอนโดมิเนียมทั่วไป อีกทั้งเพื่อเพิ่มมุมมองจากภายในอาคารการออกแบบจึงให้ความสำคัญกับขนาดและตำแหน่งของช่องกระจกมากเป็นพิเศษ โดยออกแบบให้ฝ้าเพดานภายในสูงสุด 3 เมตร และเน้นพื้นที่กระจกบริเวณหน้ากว้างของห้องพัก เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถชื่นชมทัศนียภาพที่งดงามของทิวทิศน์เมืองได้เต็มที่ที่สุด   โดดเด่นด้วย Reflection Pool : “สระว่ายน้ำ” ของโครงการอยู่บนชั้นที่ 30 ของอาคาร ซึ่งถือว่าเป็นชั้นที่สูงมาก เพียงพอที่จะชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของ Bangkok Skyline โดยที่สระถูกออกแบบให้เป็น Infinity - Edge Pool เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถชื่นชมความงามของธรรมชาตินั้นได้เต็มที่ และมีความยาวสระต่อเนื่องถึง 25 เมตรเหมาะสำหรับผู้ที่รักในการว่ายน้ำออกกำลังกายอีกด้วย โดยออกแบบให้ธรรมชาติแทรกซึมไปในทุกส่วนของพื้นที่แบบ Organic Form และเลือกใช้วัสดุที่สะท้อนความเป็น Reflective เพื่อสร้างความโดดเด่นอีกด้วย   Step Garden :“ บันได” เป็น Main Vertical Circulation ที่สำคัญของโครงการ ซึ่งโครงการ AESTIQ Thonglor นี้ได้นำแนวคิดที่จะนำ Terrace มา Integrate ใช้กับบันได เพื่อให้เกิดการใช้พื้นที่ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป กลายเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถเข้ามาใช้งานได้มากขึ้น อีกทั้ง Step Garden นี้ ยังตั้งอยู่ด้านหน้าของโครงการ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถมานั่งพักผ่อนในบรรยากาศ Cityscape ของถนนทองหล่อได้อีกด้วย   Sky Private Garden for Penthouse บริเวณชั้นบนสุดของโครงการ ถูกออกแบบเป็นพิเศษและเพิ่มความเป็นส่วนตัวสำหรับห้องเพนท์เฮ้าส์โดยเฉพาะ ที่สามารถเชื่อมต่อได้ด้วยบันไดภายในห้องพักและมีส่วนของ Double Space ที่เชื่อมต่อชั้นบนและชั้นล่าง รวมทั้งมี “Sky Private Garden” พื้นที่ส่วนตัวสุดพิเศษสำหรับห้องเพนท์เฮ้าส์เท่านั้นด้วย   ยิ่งไปกว่านั้น ภายในโครงการยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ที่จอดรถ Super Car & Super Bike and Bicycle , Luxury Car Sharing Service , Shuttle Service , EV Charging Station , Golf & Bike Simulator , Private Theater , Private Onzen , Panoramic Gym , Sky Social Club ฯลฯ รวมทั้งยังมีบริการเสริมอื่น ๆที่ดูแลโดย Concierge Service คอยให้บริการเพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย   “เราเชื่อมั่นในทำเลที่ตั้งและคอนเซ็ปต์ในการพัฒนาโครงการที่แตกต่างจากคู่แข่งจะสนับสนุนให้โครงการ AESTIQ Thonglor ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเช่นเดิม เพราะเราใส่ใจลงรายละเอียดในการออกแบบอาคารทั้งภายในและภายนอกเพื่อสะท้อนถึงความเป็นตัวตนที่งดงามแตกต่าง สะท้อนความทันสมัยและรสนิยม นอกจากนี้ยังเติมเต็มความต้องการในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการเสริมพิเศษต่างๆ อีกมากมาย ปัจจัยต่างๆเหล่านี้จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับบนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่ซื้ออยู่เองและเพื่อการลงทุนได้อย่างแน่นอน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.aestiq.com หรือ โทร 1232”