Tag : บมจ. เอพี (ไทยแลนด์)

6 ผลลัพธ์
เอพี ไทยแลนด์ ยิ้มรับความสำเร็จ รายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 27,110 ล้านบาท

เอพี ไทยแลนด์ ยิ้มรับความสำเร็จ รายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 27,110 ล้านบาท

เอพีประกาศความสำเร็จรายได้รวม ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2561 พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 27,110 ล้านบาท ผลจากการที่สินค้าแนวราบและคอนโดโตต่อเนื่องชูไฮไลต์เด็ดประจำไตรมาส VITTORIO อัลตร้า-ลักซ์คอนโดมิเนียม คีย์ไดรฟ์สำคัญหนุนรายได้พุ่งหลังปิดการขายทั้งโครงการ ด้านกำไรสุทธิรวม โตขึ้น 62% หรือกว่า 2,900 ล้านบาท ยอดขายรวม 10 เดือนคิดเป็น 38,540 ล้านบาท โค้งสุดท้ายของปีเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง มั่นใจสิ้นปีเตรียมยิ้มรับยอดขายที่คาดว่าจะทะลุเป้าอีกครั้ง นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาถือว่าเกินความคาดหมายเป็นที่น่าพึงพอใจอย่างมาก ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในภาพรวมของเอพี ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี มีอัตราการเติบโตที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ โดยสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100%JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 27,113 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.9% หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวมเท่ากับ 18,090 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากที่สินค้าแนวราบและคอนโดเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน   ไตรมาส 3 นี้ ส่วนหนึ่งของยอดรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น มาจากการทยอยโอนกรรมสิทธิ์โครงการ VITTORIO คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ระดับอัลตร้า-ลักซ์ ซึ่งปัจจุบันประสบความสำเร็จอย่างสูงสามารถปิดการขายทั้งโครงการได้เป็นที่เรียบร้อย  ด้านกำไรสุทธิรวม ณ สิ้นไตรมาส 3 (Net Profit) สูงถึง 2,903 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% หากเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 1,792 ล้านบาท   “หนึ่งใน Key Success ของการพัฒนาโครงการเอพีคือ การมีสินค้าที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของคนเมือง ทั้งในเรื่องของโมเดลสินค้าที่พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานการเข้าใจถึงความต้องการแฝงอย่างแท้จริง การกำหนดแพคเกจราคาขาย ตลอดจนจำนวนโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลรอบกรุงเทพ ซึ่งโครงการ VITTORIO ถือเป็นหนึ่งใน Key Drive ที่สำคัญต่อการเติบโตของรายได้รวม ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปีนี้ นอกเหนือจากโครงการอื่นๆ ของเอพีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียมที่ภาพรวมการโอนกรรมสิทธิ์ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้ถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้าเครือ  เอพีเสมอมา ซึ่งมั่นใจว่าบริษัทฯ จะสามารถสร้างรายได้รวมได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน” นายอนุพงษ์ กล่าวเสริม สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 10 เดือนแรก ณ วันที่ 31 ตุลาคมนี้ บริษัทฯ สร้างยอดขายรวมได้แล้วถึง 38,545 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียมมูลค่า 20,930 ล้านบาท แนวราบมูลค่า 17,615 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้แล้วราว 96.8% ของเป้ายอดขายปี 2561 ที่ปรับขึ้นใหม่ (เป้ายอดขาย 39,800 ล้านบาท)   ทั้งนี้ในไตรมาส 4 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่า 16,840 ล้านบาท  เปิดไปแล้วจำนวน 9 โครงการ 13,200 ล้านบาท คงเหลือเปิดตัวในช่วงโค้งสุดท้ายของปีอีกจำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3,640 ล้านบาท โดยหนึ่งในไฮไลท์คือการเปิดพรีเซลคฤหาสต์หรู The Palazzo ศรีนครินทร์อย่างเป็นทางการในวันที่ 17-18 พฤศจิกายนนี้ รวมถึงยังคงมีโครงการอยู่ในพอร์ตพร้อมขาย ในทำเลศักยภาพรอบกรุงเทพอีกกว่า 100 โครงการ มูลค่าคงเหลือขายประมาณ 53,000 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่า ณ สิ้นปีจะสามารถทำยอดขายทะลุเป้าได้อย่างแน่นอน “บริษัทฯ ยังคงมุ่งสู่เป้าหมายใหญ่ในการนำพาเอพีก้าวขึ้นสู่การเป็น 1 ใน 3 ของผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ภายใต้พันธกิจสำคัญ คือการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัย ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการคิดค้นนวัตกรรมดีไซน์ใหม่ๆ ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย และวางแผนจัดตั้งหน่วยงานพิเศษ เพื่อทำหน้าที่ค้นหา คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมที่ส่งเสริมและยกระดับรูปแบบการดำเนินชีวิตสู่ประสบการณ์อยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์สู่วิถีใหม่ๆ อย่างครบถ้วนด้วยคุณภาพ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เข้าถึงความหมายของคำว่าคุณภาพชีวิตที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น”  นายอนุพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย ทั้งนี้ สรุปตัวเลขทางการเงินเฉพาะไตรมาส 3 ปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวมจากสินค้าแนวราบกลุ่มคอนโดมิเนียม (100%JV) และธุรกิจอื่นๆ เท่ากับ 9,203 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 54.3% หากเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2560 ที่มีรายได้รวมเท่ากับ 5,965 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิเท่ากับ 915 ล้านบาท เติบโต 43.9% หากเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2560 ที่ได้ 636 ล้านบาท ณ  31 ตุลาคม 2561 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ามากถึง 54,147 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 7,542 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมมูลค่า 46,605 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ภายในปีประมาณ 4,025 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566   “เอพี ไทยแลนด์ กล้าที่จะแตกต่าง ผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยสำหรับคนเมือง”          
‘เอพี ไทยแลนด์’ รุกตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ เปิดตัวคฤหาสน์หรู THE PALAZZO ศรีนครินทร์ รับตลาดอสังหาฯ โค้งสุดท้ายสดใส

‘เอพี ไทยแลนด์’ รุกตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ เปิดตัวคฤหาสน์หรู THE PALAZZO ศรีนครินทร์ รับตลาดอสังหาฯ โค้งสุดท้ายสดใส

เอพี ไทยแลนด์ ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมืองมั่นใจตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยโค้งสุดท้ายยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เผยแผนธุรกิจไตรมาส 4/2561 เปิดเกมรุกตลาดบ้านเดี่ยวซูเปอร์ลักชัวรี่ อีกหนึ่งกลยุทธ์สู่การเติบโตในระยะยาว ด้วยโครงการ ‘THE PALAZZO ศรีนครินทร์’ คฤหาสน์หรูบนที่ดินล้ำค่าผืนสุดท้ายที่ดีที่สุดบนถนนศรีนครินทร์ แตกต่างด้วยการผสานเสน่ห์งานศิลป์เข้ากับการออกแบบสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่า เพียง 52 ยูนิต เริ่ม 29 ล้านบาท เตรียมเปิดตัว 18 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 31,230 ล้านบาท ด้านผลงาน 9 เดือนที่ผ่านมามียอดขายแล้วกว่า 30,700 ล้านบาท คิดเป็น 77% ของเป้ายอดขายที่ปรับขึ้นใหม่เป็น 39,800 ล้านบาท   THE PALAZZO ศรีนครินทร์ มาพร้อมคอนเซปต์ ‘Masterpiece for Generations’ สุนทรียะแห่ง การอยู่อาศัยเหนือระดับ ใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งอยู่บนพื้นที่รวม 31 ไร่ แวดล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ เป็นความสง่างามบนถนนศรีนครินทร์ ประหนึ่งของขวัญล้ำค่าที่พร้อมส่งมอบให้กับคนรุ่นถัดไป ด้วยความ-พิเศษเพียง 52 ยูนิตเท่านั้น พร้อมเปิดให้เข้าชมโครงการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ราคาเริ่มต้น 29 - 60 ล้านบาท นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กร และการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “ตลาดอสังหาฯ ไตรมาสสุดท้ายมีแนวโน้มการเติบโตดี กำลังซื้อในธุรกิจอสังหาฯ ยังมีอยู่ สถานการณ์โดยรวมของตลาดมีสัญญาณการตอบรับที่ดีโดยเฉพาะเซกเมนต์สินค้าระดับกลางบนที่โฟกัสทำเลใจกลางเมือง ยังคงได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าครอบครัวคนเมือง สะท้อนได้จากยอดขาย 9 เดือนที่ผ่านมาของเอพี มียอดขายแล้วกว่า 30,700 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากทั้งการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ คอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา (Existing Projects) รวมถึงโครงการแนวราบซึ่งมีสัดส่วนการเติบโตทางยอดขายที่ดีขึ้นเช่นกัน” “ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี บริษัทฯ ยังคงสานต่อกลยุทธ์การดำเนินงานสู่ความสำเร็จที่วางไว้ ด้วยการรุกตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ ในกลุ่มสินค้า THE PALAZZO ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าระดับบน ที่มองหาที่อยู่อาศัยพรีเมี่ยมในทำเลศักยภาพ ด้วยการออกแบบภาพลักษณ์โครงการใหม่ที่สอดรับกับพฤติกรรมลูกค้าในปัจจุบัน โดยพร้อมเปิดตัวคฤหาสน์หรูโมเดลใหม่เป็นโครงการแรก ที่ ‘THE PALAZZO ศรีนครินทร์’ โครงการแฟล็กชิพระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ที่ได้รับการออกแบบให้เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย ภายใต้คอนเซปต์ Masterpiece for Generations ที่พร้อมส่งมอบเป็นมรดกล้ำค่าแก่สมาชิกในครอบครัวทุกเจนเนอเรชั่น” นายวิทการกล่าว “ทั้งนี้ จุดต่างของแบรนด์ THE PALAZZO คือการผสานความงดงามของศิลปะสไตล์ American Neo Classic เข้ากับการพัฒนาโครงการ จนเกิดเป็นงานสถาปัตยกรรมที่สวยงามข้ามกาลเวลา ภายใต้แนวคิด ‘แอนทีเบลลัม (Antebellum Architectural)’ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะทาง ด้วยงานสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ทั้งรูปร่างอาคารที่สมมาตร (Symmetrical Shape) สามเหลี่ยมจั่วด้านหน้าอาคาร (Triangular Pediment) เสาที่สูงขึ้นไปจนเต็มความสูงอาคาร (Tall Column) แนวระเบียงรอบตัวอาคาร (Balcony) และจุดเด่นที่สำคัญที่งานสถาปัตยกรรมส่งผลไปสู่การออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในคือ การมีบานหน้าต่างที่อยู่รายล้อมบ้าน ส่งผลให้ทุกห้องภายใน THE PALAZZO เชื่อมต่อกับพื้นที่ภายนอกผ่านบานหน้าต่างหรือช่องแสงได้ทุกพื้นที่บ้าน” นายวิทการกล่าวเสริม   นอกจากนั้นแล้ว โครงการยังได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด Landscape within Landscape ซึ่งหมายถึงนอกจากความตั้งใจในการจัดวางงานภูมิสถาปัตยกรรมภายในให้ร่มรื่น เป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตเพียง 52 ยูนิตแล้ว ที่ตั้งของโครงการยังถือเป็นที่ดินผืนเดียวและผืนสุดท้ายที่แวดล้อมด้วยปอดขนาดใหญ่ กับพื้นที่สีเขียวจากสวนหลวง ร.9 โครงการแก้มลิงตามพระราชดำริฯ บึงหนองบอน สวนวนธรรม และสนามกอล์ฟศรีนครินทร์ THE PALAZZO ศรีนครินทร์ ได้รับการออกแบบให้เป็นมาสเตอร์พีซจากรุ่นสู่รุ่น เพียงแห่งเดียวบนถนนศรีนครินทร์ (Land of Longevity) มอบความสงบและเป็นส่วนตัว ปลีกตัวจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่แก่ 52 ครอบครัวเท่านั้น สะดวกสบายด้วยทำเลที่เข้าถึงได้ทุกการเดินทาง เชื่อมต่อกับตัวเมืองทั้งถนนสุขุมวิท ถนนพัฒนาการ และถนนบางนา-ตราด อีกทั้งยังใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ที่จะสร้างเสร็จในปี 2564 โดยยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ทั้งแหล่งช้อปปิ้ง สถานศึกษา สถานพยาบาล และเดินทางสะดวกสู่สนามบินสุวรรณภูมิ   คฤหาสน์หรู THE PALAZZO ศรีนครินทร์ เอกสิทธิ์พิเศษสำหรับ 52 ครอบครัวเท่านั้น ทุกพื้นที่ใช้สอยภายในโครงการล้วนได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงการพักผ่อนที่เป็นส่วนตัวสูงสุด (Ultimate Retreat) ด้วยแบบบ้าน 3 Type ที่สอดรับกับจำนวนสมาชิกในครอบครัวที่แตกต่างกัน 1) ANTONIO คฤหาสน์ 2 ชั้น 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 391 ตารางเมตร พื้นที่ 102 ตารางวา  2) MONTICELLO คฤหาสน์ 2 ชั้น 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 528 ตารางเมตร พื้นที่ 125 ตารางวา 3) LORENZO คฤหาสน์ 2 ชั้น 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 547 ตารางเมตร พื้นที่ 160 ตารางวา  พร้อม Clubhouse สระว่ายน้ำระบบเกลือ ฟิตเนส และ Social Club ขนาดใหญ่ รองรับกิจกรรมสำหรับครอบครัวตลอด 365 วัน เอกสิทธิ์ของการใช้ชีวิตเหนือระดับ เริ่มต้น 29 – 60 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ 9 เดือนแรก บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายมูลค่า 30,700 ล้านบาท คิดเป็น 77% ของเป้ายอดขายใหม่ ที่ปรับขึ้นใหม่เป็น 39,800 ล้านบาท ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการอีก 18 โครงการ มูลค่า 31,230 ล้านบาท โดยเป็นคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 14,000 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 6 โครงการ มูลค่า 7,840 ล้านบาท และทาวน์โฮม 10 โครงการ มูลค่า 9,390 ล้านบาท พร้อมโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา (Existing Projects) อีกกว่า 90 โครงการ ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้เกินเป้าหมายใหม่ที่ตั้งไว้   “โดยเอพียังคงมุ่งสานต่อเป้าหมายในการรักษาความเป็นผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง เราพร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ เน้นย้ำจุดแข็งทั้ง ‘การเป็นหนึ่งเดียวเรื่องทำเลที่ตั้ง’ ‘การพัฒนานวัตกรรมดีไซน์และแบบบ้านโมเดลใหม่ๆ’ ความโดดเด่นด้านแนวคิดของ ‘การดีไซน์พื้นที่’ ที่สร้างความแตกต่างให้กับการอยู่อาศัย พร้อมการออกแบบ ที่สอดรับกับพฤติกรรมลูกค้าครอบครัวเมือง รวมถึงรูปลักษณ์และฟังก์ชั่นการใช้งานภายใน ซึ่งเอพีเชื่อมั่นว่าทั้งหมดนี้จะได้รับการตอบรับที่ดี และเราจะสามารถบรรลุยอดขายเป้าหมายใหม่ที่ตั้งไว้ โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้เอพียังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการที่จับกลุ่มเป้าหมายระดับกลางถึงระดับบน ด้วยแพคเกจราคาขายที่ครอบคลุมความสามารถในการซื้อของคนเมืองในปัจจุบัน ที่เริ่มตั้งแต่ 2 ล้านบาท จนถึงกลุ่มสินค้าระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ที่เริ่มต้นในราคา 29 ล้านบาทเป็นต้นไป” นายวิทการกล่าวสรุป   สรุปในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ สร้างยอดขายรวมได้แล้วถึง 30,700 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียม มูลค่า 15,080 ล้านบาท แนวราบมูลค่า 15,620 ล้านบาท มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ามากถึง 55,240 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 10,035 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมมูลค่า 45,205 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) โดยจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566
‘เอพี ไทยแลนด์’ เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก รายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 17,910 ล้านบาท

‘เอพี ไทยแลนด์’ เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก รายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 17,910 ล้านบาท

  เอพีสร้างนิวไฮครั้งใหม่ประกาศความสำเร็จครึ่งปีแรก 2561 สร้างรายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 17,910 ล้านบาท ผลจากสินค้าแนวราบและคอนโดร่วมทุนที่โตอย่างต่อเนื่อง ด้านกำไรสุทธิโตขึ้น 72% หรือกว่า 1,980 ล้านบาท ยิ้มรับยอดขาย 7 เดือนแรกกว่า 2,500 ล้านบาท มั่นใจตลาดอสังหาฯ ระดับกลางถึงไฮเอนด์ดีมานด์ให้การตอบรับดี เตรียมเปิดตัวโครงการไฮไลต์ระดับ Super Luxury ในสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว THE ADDRESS สยาม - ราชเทวี และ THE PALAZZO ศรีนครินทร์ มั่นใจจะสามารถสร้างยอดขายและยอดรับรู้รายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน   นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) เผยทัศนะต่อแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า “ตลาดมีแนวโน้มการเติบโตดีขึ้นจากปัจจัยบวกหลายประการ กำลังซื้อในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีอยู่มากโดยเฉพาะตลาดระดับกลางบนถึงไฮเอนด์ ซึ่งยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ทั้งสินค้าแนวราบและคอนโดมิเนียม ถือเป็นตัวชี้วัดให้เห็นถึงกำลังซื้อที่ยังคงมีอยู่ของสินค้าระดับกลางบนได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เอพีมีอัตราการเติบโตที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ โดยสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ และกลุ่มคอนโด (100% JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 17,910 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวมเท่ากับ 12,125 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิ (Net Profit) สูงถึง 1,988 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% หากเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2560 ที่มีกำไรเท่ากับ 1,157 ล้านบาท “ภาพรวมตลาดในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งอายุของคนซื้อที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ รวมถึงต้นทุนในการสรรหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่ถือเป็นตัวกรองสำคัญที่ทำให้ผู้เล่นในตลาดเหลือน้อยลง ซึ่งที่ผ่านมาสินค้าทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียมของเอพีถือว่าประสบความสำเร็จในสัดส่วนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้รวมในครึ่งปีแรกมาจากสินค้าแนวราบมากถึง 8,677 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 53% และจากสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียมจำนวน 8,740 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 43% หากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า”   สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 7 เดือนแรก ณ วันที่ 5 สิงหาคมนี้ บริษัทฯ สร้างยอดขายรวมได้แล้วถึง 25,030 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียมมูลค่า 12,855 ล้านบาท แนวราบมูลค่า 12,175 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้แล้วราว 75% ของเป้ายอดขายปี 2561 ที่ตั้งไว้ (เป้ายอดขาย 33,500 ล้านบาท) หากบริษัทฯยังคงรักษาระดับการขายในปัจจุบันเชื่อว่าจะสามารถ ทำยอดขายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ หนึ่งใน Key Success ของการพัฒนาโครงการเอพีคือ การมีสินค้าที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของคนเมือง ทั้งในเรื่องของโมเดลสินค้าและจำนวนโครงการในทุกทำเลรอบกรุงเทพ โดยในครึ่งปีหลังนี้เอพีเตรียมเปิดตัว 2 โครงการไฮไลต์ระดับ Super Luxury ในสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว ด้วยแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภคนั่นคือ THE ADDRESS ในทำเลใจกลางเมืองอย่างราชเทวี ภายใต้ชื่อโครงการ THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี มูลค่า 8,300 ล้านบาท และคฤหาสน์หรู THE PALAZZO ศรีนครินทร์ มูลค่า 1,750 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะพร้อมเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 “บริษัทฯ ยังคงมุ่งสู่เป้าหมายใหญ่ในการนำพาเอพีก้าวขึ้นสู่การเป็น 1 ใน 3 ของผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ภายใต้พันธกิจสำคัญ คือ การส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัย ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการคิดค้นนวัตกรรมดีไซน์ใหม่ๆ ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย และวางแผนจัดตั้งหน่วยงานพิเศษ เพื่อทำหน้าที่ค้นหา คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมที่ส่งเสริมและยกระดับรูปแบบการดำเนินชีวิตสู่ประสบการณ์อยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์สู่วิถีใหม่ๆ อย่างครบถ้วนด้วยคุณภาพ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เข้าถึงความหมายของคำว่าคุณภาพชีวิตที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น” นายอนุพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย ทั้งนี้ สรุปปี 2561 บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 38 โครงการมูลค่า 59,580 ล้านบาท โดยเปิดตัวในครึ่งปีหลังจำนวน 30 โครงการ มูลค่า 49,210 ล้านบาท แบ่งเป็นเปิดตัวในไตรมาส 3 จำนวน 12 โครงการ มูลค่า 17,980 ล้านบาท และในไตรมาส 4 จำนวน 18 โครงการ มูลค่า 31,230 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ประกอบกับการปรับแผนธุรกิจรุกตลาดแนวราบมากยิ่งขึ้น และคอนโดมิเนียมไฮไลต์ จะสามารถสร้างยอดขายและยอดรับรู้รายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้   ณ 5 สิงหาคม 2561 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ามากถึง 49,580 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 6,595 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมมูลค่า 42,985 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) โดยจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566
‘เอพี ไทยแลนด์’ เปิดตัว 2 คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ภายใต้แบรนด์ LIFEยกระดับอสังหาฯ ศูนย์กลางธุรกิจใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ  ย่านลาดพร้าว และ อโศก – พระราม 9

‘เอพี ไทยแลนด์’ เปิดตัว 2 คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ภายใต้แบรนด์ LIFEยกระดับอสังหาฯ ศูนย์กลางธุรกิจใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ย่านลาดพร้าว และ อโศก – พระราม 9

เอพี (ไทยแลนด์) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยสำหรับคนเมือง เดินหน้าเจาะดีมานด์คนเมืองรุ่นใหม่กลุ่ม ‘Young Achiever’ ที่มองหาคอนโดมิเนียมใหม่ในทำเลชั้นนำใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ “เปิดตัว 2 คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ใหม่ล่าสุดภายใต้แบรนด์ LIFE - ‘Life Ladprao Valley (ไลฟ์ ลาดพร้าว แวลลีย์)’ และ ‘Life Asoke Hype (ไลฟ์ อโศก ไฮป์) ที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่พร้อมสนับสนุนสู่ความสำเร็จของคนรุ่นใหม่” พร้อมต่อยอดโอกาสการลงทุนที่คุ้มค่าในอนาคต ทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือปล่อยเช่าระยะยาว ด้วยผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าประมาณ 5 - 6% พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็มที่รองรับชีวิตดิจิตอลกับนวัตกรรมล้ำสมัย ยกระดับคุณภาพอสังหาริมทรัพย์ บนทำเลแห่งศักยภาพย่านลาดพร้าว และ อโศก - พระราม 9 ประเดิมครึ่งปีหลังด้วย Life Ladprao Valley ซึ่งจะเปิดขายรอบแรกผ่านระบบ AP i-Booking ในวันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคมนี้ เวลา 19.00 - 21.00 น. และมีกำหนดเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการพร้อมกันทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศในวันที่ 4 - 5 สิงหาคม 2561 ราคาเริ่มต้น 3.49 ล้านบาท นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กร และการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “บริษัทดำเนินการภายใต้เป้าหมายหลัก คือมุ่งเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยสำหรับคนเมือง โดยมีพันธกิจสำคัญในการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัย ผ่านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลาย ทั้งคอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยว ทั้งนี้ ในปี 2560 ที่ผ่านมา เราประสบความสำเร็จอย่างมากในการเปิดตัวคอนโดมิเนียมติดแนวรถไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็น Life ลาดพร้าว Life วิทยุ Life อโศก-พระราม 9 และล่าสุดในไตรมาส 1/2018 Life สุขุมวิท 62 โดยที่ทั้ง 4 โครงการได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งลูกค้าไทยและต่างชาติ โดยสามารถปิดการขายได้ถึงประมาณ 90%” “ความสำเร็จนี้มาจากการเลือกเฟ้นทำเลที่ดีเยี่ยม ใจกลางเมืองที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ผนวกกับความใส่ใจในการออกแบบเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากพื้นที่ใช้สอย การบริหารแพ็คเกจราคาขายที่เหมาะสมตรงกับดีมานด์ที่ลูกค้ามองหา ตลอดจนความมั่นใจในคุณภาพการก่อสร้าง การบำรุงรักษา และบริการหลังการขายของเอพี” นายวิทการ กล่าว “เพื่อรองรับตลาดคอนโดสำหรับลูกค้าคนเมืองรุ่นใหม่กลุ่ม Young Achiever ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เอพีจึงพร้อมเดินหน้าเปิดตัว 2 คอนโดมิเนียม โครงการร่วมทุนระหว่าง เอพี และ มิตซูบิชิ จิโช เรสซิเดนซ์ (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป - MECG) มูลค่ารวมประมาณ 12,000 ล้านบาท ในทำเลศักยภาพศูนย์กลางธุรกิจใหม่ของกรุงเทพฯ แวดล้อมด้วยเครือข่ายคมนาคมในวันนี้และอนาคต ได้แก่ 1) Life Ladprao Valley มูลค่าโครงการประมาณ 6,400 ล้านบาท โดดเด่นด้วยศักยภาพของทำเลแห่งอนาคต แวดล้อมด้วยเครือข่ายคมนาคมที่เป็นศูนย์กลางในการเดินทางเชื่อมต่อ ใกล้รถไฟฟ้าสถานีห้าแยกลาดพร้าว ที่คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการปี 2563 และรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีพหลโยธิน คุ้มค่ากับการลงทุนทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัย หรือปล่อยเช่าระยะยาว ด้วยผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าประมาณ 5 - 6% โดยจะเปิดขายรอบแรกผ่านระบบ AP i-Booking ในวันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคมนี้ เวลา 19.00 - 21.00 น. และมีกำหนดเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการพร้อมกันทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศในวันที่ 4 - 5 สิงหาคม 2561 ราคาเริ่มต้น 3.49 ล้านบาท และอีกหนึ่ง โครงการที่มีแผนจะเปิดตัวในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ได้แก่ 2) Life Asoke Hype คอนโดมิเนียมบนทำเลศูนย์กลางธุรกิจใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ สูง 40 ชั้น จำนวน 1,253 ยูนิต เพียง 300 เมตรจากรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีพระราม 9 มูลค่าโครงการประมาณ 5,700 ล้านบาท” นายวิทการ กล่าวเสริม ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าในปัจจุบัน ดีมานด์ต่อตลาดคอนโดระดับกลางถึงไฮเอนด์มีการ-ตอบรับดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในย่านใจกลางทำเลธุรกิจ เช่น ลาดพร้าว และอโศก – พระราม 9 ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นพื้นที่ CBD แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ เนื่องจากศักยภาพทำเลทั้งความพร้อมในวันนี้และปัจจัยจากโครงการพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าในอนาคตอันใกล้ ที่จะเข้ามายกระดับความสามารถในการเชื่อมต่อเข้าสู่พื้นที่ CBD เดิมอย่างย่านสีลม สาทร และ สุขุมวิทได้โดยตรง อีกทั้งแวดล้อมไปด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จึงเป็นที่ต้องการสำหรับผู้ซื้อที่ต้องการความสะดวกสบาย และผู้ซื้อที่ต้องการลงทุนในการปล่อยเช่าและขายต่อเป็นอย่างมาก โครงการที่จะเข้าสู่ตลาดระดับนี้ต้องสร้างความแตกต่างทั้งภายในยูนิตพักอาศัยและพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อที่จะชนะใจคนเมืองที่กำลังมองหาคอนโดในทำเลนี้ ที่นับวันจะมีแต่มูลค่าเพิ่มขึ้น สำหรับภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมเซกเมนท์กลางถึงบน ในสองทำเลศูนย์กลางธุรกิจใหม่ใจกลางเมือง ย่านเชื่อมต่อพหลโยธิน-อารีย์-ลาดพร้าว และย่านเชื่อมต่ออโศก-พระราม 9-รัชดาภิเษกนั้น พบดีมานด์ที่มองหาคอนโดใหม่ติดแนวรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา จากการสำรวจข้อมูลการเปิดตัวโครงการใหม่ย่านเชื่อมต่อพหลโยธิน-อารีย์-ลาดพร้าว มีคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ทั้งสิ้นจำนวน 19 โครงการ ในราคาพรีเซลเฉลี่ย 158,000 บาทต่อตารางเมตร มียอดขายรวมกว่า 85% และย่านเชื่อมต่ออโศก-พระราม 9-รัชดาภิเษก พบคอนโดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 14 โครงการ ราคาพรีเซลเฉลี่ยประมาณ 169,000 บาทต่อตารางเมตร และมียอดขายรวมแล้วกว่า 90% ซึ่งนับเป็นอัตราการตอบรับที่ดี นอกจากนี้ สำหรับผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า ระยะยาว (Rental Yeild) ของคอนโดพร้อมอยู่ทั้ง 2 ย่านที่กล่าวมานั้น พบอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน อยู่ที่ประมาณ 5 - 6% จึงนับว่าราคาคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ ยังเหมาะสมในการซื้อทั้งเพื่ออยู่อาศัยและเพื่อการลงทุน “สำหรับเอพี (ไทยแลนด์) เรามุ่งมั่นที่จะตอบโจทย์การพัฒนาไปสู่ ‘คุณภาพชีวิตที่ดี’ ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านคุณภาพ การบริการ การอำนวยความสะดวกสบาย และความปลอดภัย รวมถึงความคุ้มค่าในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการอยู่อาศัยเอง หรือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ Life Ladprao Valley ใจกลางห้าแยกลาดพร้าว และ Life Asoke Hype ใจกลางทำเลอโศก – พระราม 9 จึงเป็นโครงการลักชัวรี่คอนโดมิเนียมที่ดีที่สุดในใจกลางทำเลแลนด์มาร์คธุรกิจแห่งอนาคต ศูนย์กลางการคมนาคมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ที่ยกระดับการอยู่อาศัยด้วยสิ่งอำนวย-ความสะดวกที่ทันสมัย ช่วยส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดี และความสำเร็จให้กับผู้อยู่อาศัย พร้อมการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจโดยตรงมาจากรูปแบบการใช้ชีวิต เพื่อตอบดีมานด์คนรุ่นใหม่กลุ่ม Young Achiever อย่างแท้จริง” นายวิทการ กล่าวสรุป Life Ladprao Valley ลักชัวรี่คอนโดมิเนียมแห่งใหม่ล่าสุดของเอพี ภายใต้คอนเซ็ปต์การออกแบบ “Live Your Adventurous Spirit” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบมาจากไลฟ์สไตล์ของคนเมืองกลุ่ม Young Achiever ที่พร้อมมอบประสบการณ์ อันเป็นที่สุดในทุกมิติของลักชัวรี่คอนโดมิเนียมใจกลางเมือง สู่การต่อยอดความสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์แบบ ประกอบด้วยอาคารที่พักอาศัยสูง 44 ชั้น จำนวนห้องชุดทั้งสิ้น 1,140 ห้อง ประกอบด้วยห้องชุดแบบ 1) สตูดิโอ ขนาด 28.80 ตารางเมตร 2) ห้องชุด 1 ห้องนอน ขนาด 35 - 37 ตารางเมตร 3) ห้องชุด 2 ห้องนอน ขนาด 48.60 – 66.50 ตารางเมตร พร้อม Triple Facilities ในชั้น 6 ชั้น 44 และชั้น Mezzanine โดยโครงการตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 5.2.33 ไร่ ใจกลางทำเลลาดพร้าว ย่านธุรกิจและศูนย์กลางคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ พรั่งพร้อมด้วยห้างสรรพสินค้าและแหล่งชอปปิ้ง โรงเรียน อาคารสำนักงาน ทั้งยังเป็นศูนย์กลางการคมนาคม สะดวกทั้งการใช้รถยนต์ส่วนตัว และระบบขนส่งสาธารณะ ตั้งอยู่บนทำเลเชื่อมต่อที่สำคัญและดีที่สุดบริเวณห้าแยกลาดพร้าว เพียงหนึ่งก้าวจากรถไฟฟ้าสถานีห้าแยกลาดพร้าว หรือเพียง 5 นาทีถึง MRT สถานีพหลโยธิน และใกล้ BTS สถานีหมอชิต และจุดขึ้น-ลงทางด่วน ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกสบายในการเดินทางและสีสันการใช้ชีวิต Life Ladprao Valley บนพื้นที่ส่วนกลางกว่า 2 ไร่ ได้รับการออกแบบให้ผสมผสานความเป็นธรรมชาติ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบ Triple Facilities ประกอบด้วย 1) The Avalon พื้นที่สวนแบบเล่นระดับพร้อมสระว่ายน้ำในพื้นที่ชั้น 6 ที่มอบความเป็นส่วนตัวสูงสุดแม้อยู่ในพื้นที่ส่วนกลาง 2) Aqua Valley บน Rooftop ชั้น 44 เพิ่มประสบการณ์ของการออกกำลังกาย ด้วยสระว่ายน้ำพร้อมเครื่องออกกำลังกายภายใต้แนวคิดวารีบำบัด และ 3) Grand Valley Bay บนชั้น Mezzanine โดดเด่นด้วย Crystal Alley สระว่ายน้ำพื้นกระจกใสบนชั้นสูงสุด พร้อมด้วย Elevated Lap Pool ยาว 35 เมตร และ Module Lounge ที่ให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสทิวทัศน์สวนจตุจักรแบบพาโนรามา เป็นต้น ทั้งนี้ สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค. – มิ.ย. 2561) บริษัทประสบความสำเร็จอย่างมากสามารถสร้างยอดขายรวมของโครงการทั้งกลุ่มคอนโดมิเนียมและแนวราบได้มากถึง 17,300 ล้านบาท เป็นยอดขายคอนโดมิเนียม 7,370 ล้านบาท และยอดขายสินค้าแนวราบ 9,930 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้แล้วราว 52% ของเป้ายอดขายปี 2561 ที่ตั้งไว้ (เป้ายอดขาย 33,500 ล้านบาท) โดยมั่นใจว่าจากการเปิดตัว Life Ladprao Valley และ Life Asoke Hype จะสร้าง Talk of The Town และโกยยอดขายลักชัวรี่คอนโดมิเนียมล็อตใหญ่ส่งท้ายปี 2561 ได้อย่างแน่นอน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 บริษัทมีสินค้ารับรู้รายได้ (backlog) มูลค่ามากถึง 52,000 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 9,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมมูลค่า 43,000 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) โดยจะทยอยรับรู้ภายในปีนี้มูลค่าประมาณ 10,300 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยการรับรู้ไปจนถึงปี 2565 และทางบริษัทมีคอนโดมิเนียมคงเหลือขายประมาณ 10,800 ล้านบาท “เอพี ไทยแลนด์ กล้าที่จะแตกต่าง ผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยสำหรับคนเมือง”
‘เอพี ไทยแลนด์’ ปรับแผนธุรกิจปี 2561  เปิดตัว 43 โครงการ มูลค่า 64,750 ล้านบาท มากสุดตั้งแต่ก่อตั้ง  แจงผลประกอบการไตรมาสแรก รายได้รวมสูงกว่า 6,500 ล้านบาท

‘เอพี ไทยแลนด์’ ปรับแผนธุรกิจปี 2561 เปิดตัว 43 โครงการ มูลค่า 64,750 ล้านบาท มากสุดตั้งแต่ก่อตั้ง แจงผลประกอบการไตรมาสแรก รายได้รวมสูงกว่า 6,500 ล้านบาท

  เอพีเดินหน้าปรับแผนธุรกิจรับตลาดอสังหาฯ บูม ทั้งปี 2561 เปิดตัวโครงการใหม่มากถึง 43 โครงการ มูลค่า 64,750 ล้านบาท มูลค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ครึ่งปีหลังพร้อมรุกตลาดแนวราบด้วยกว่า 30 ทำเลใหม่ และคอนโด 3 ทำเลเด็ด พร้อมประกาศผลการดำเนิน งานไตรมาสแรกของปี 2561 เติบโตอย่างมั่นคง ยิ้มรับผลความสำเร็จทั้งจากสินค้าแนวราบ และคอนโดร่วมทุน ส่งผลให้มีรายได้รวมมากกว่า 6,500 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิโตขึ้น 47% หรือกว่า 800 ล้านบาท เชื่อจากผลการดำเนินงานที่ดีประกอบกับการปรับแผนธุรกิจรุกตลาดแนวราบมากยิ่งขึ้น จะสามารถสร้างยอดขายและยอดรับรู้รายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน     นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) เผยทัศนะต่อแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส 2 ว่า “ตลาดมีแนวโน้มการเติบโตดีขึ้นจากปัจจัยบวกหลายประการ กำลังซื้อในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีอยู่มากสถานการณ์โดยรวมของตลาดโดยเฉพาะสินค้าแนวราบมีสัญญาณ การตอบรับที่ดีมาก ยอดขายและยอดรับรู้รายได้ในฝั่งของสินค้าแนวราบของเอพีปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ ดังนั้น เอพีจึงเดินหน้าปรับแผนธุรกิจด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มจากแผนเดิม ส่งผลให้แผนการพัฒนาโครงการใหม่ในปี 2561 นี้จะเป็นปีที่เอพีมีจำนวนโครงการเปิดตัวใหม่มากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท จำนวนทั้งสิ้น 43 โครงการ มูลค่า 64,750 ล้านบาท เป็นทาวน์โฮมจำนวน 21 โครงการ มูลค่า 18,550 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 17 โครงการ มูลค่า 20,800 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 25,400 ล้านบาท     สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมจากสินค้าแนวราบและคอนโดร่วมทุน (รวม 51% โครงการร่วมทุน) สูงถึง 6,533 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% หากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวมเท่ากับ 5,127 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิ (Net Profit) สูงกว่า 800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% หากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรเท่ากับ 549 ล้านบาท   ทั้งนี้ ความคืบหน้าทางด้านยอดขายไตรมาส 1 สามารถสร้างยอดขายได้แล้วถึง 10,000 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาราว 170% โดยสินค้าแนวราบเติบโตสูงถึง 64% หรือเท่ากับ 5,200 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมโตกว่า 7 เท่า หรือเท่ากับ 4,800 ล้านบาท ซึ่ง ณ วันที่ 30 เมษายน 2561 เอพีสร้างยอดขายได้มูลค่า 12,290 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้แล้ว 37% ของเป้ายอดขายปี 2561 ที่ตั้งไว้ (เป้ายอดขาย 33,500 ล้านบาท)     สรุปจากการปรับเพิ่มแผนการเปิดตัวโครงการ ในปี 2561 จะเป็นปีที่บริษัทเปิดตัวโครงการมากที่สุดตั้งแต่จัดตั้งบริษัทมา โดยมีโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 43 โครงการมูลค่า 64,750 ล้านบาท โดยเปิดตัวไปแล้วจำนวน 7 โครงการ คงเหลือเปิดตัวในเดือนมิถุนายนอีก 1 โครงการ คือ บ้านกลางเมือง วัชรพล และเตรียมเปิดตัวในไตรมาส 3 จำนวน 16 โครงการ มูลค่า 29,000 ล้านบาท และในไตรมาส 4 จำนวน 19 โครงการ มูลค่า 25,380 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจากผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ประกอบกับการปรับแผนธุรกิจรุกตลาดแนวราบมากยิ่งขึ้น และคอนโดมิเนียมไฮไลท์ จะสามารถสร้างยอดขายและยอดรับรู้รายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน   ณ 30 เมษายน 2561 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ามากถึง 47,100 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 6,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมมูลค่า 41,100 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2565
‘เอพี ไทยแลนด์’ ปลื้มยอดขายไตรมาส 1 โตครบลูปรวมกว่า 168% ไตรมาส 2 เตรียมเปิดอีก 3 โครงการ

‘เอพี ไทยแลนด์’ ปลื้มยอดขายไตรมาส 1 โตครบลูปรวมกว่า 168% ไตรมาส 2 เตรียมเปิดอีก 3 โครงการ

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) เผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่านมาและแนวโน้มไตรมาส 2 ดีขึ้นหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากปัจจัยบวก เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น การลงทุนของภาครัฐ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มในอัตราช้า เชื่อว่ากำลังซื้อในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน เนื่องจากเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูงและได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ ไม่มากนัก ซึ่งเห็นภาพได้อย่างชัดเจน จากอัตราการเติบโตด้านยอดขายในไตรมาส 1 ของเอพี โดยเฉพาะสินค้าแนวราบที่ปรับตัวสูงขึ้นถือเป็นดัชนีที่ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้เป็นอย่างดี  สำหรับภาพรวม ตลาดในไตรมาส 2 เชื่อว่าการแข่งขันจะเข้มข้มกว่าในไตรมาสผ่านมา ด้วยจำนวนโครงการใหม่ที่จะทยอยเปิดตัวมากขึ้น และด้านซัพพลายที่ตอบโจทย์ตลาดระดับกลางบนขึ้นไปยังคงได้รับการตอบรับที่ดี   “จากการปิดการขายโครงการ LIFE สุขุมวิท 62 ผ่านระบบจองทางแพลทฟอร์มออนไลน์ได้หมดทุกยูนิต ภายในเวลาเพียง 20 นาที สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า วันนี้ลูกค้ามีพฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนไป คุ้นชินกับการซื้อผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น อีกทั้งยังคงมีกำลังซื้อที่สูง ในขณะที่กลุ่มตลาดระดับกลางถึงล่าง มีแนวโน้มยังทรงตัว หรือขยายตัวช้า เนื่องจากกลุ่มลูกค้าในตลาดดังกล่าวยังมีปัญหาในเรื่องของสภาพคล่อง” นายอนุพงษ์กล่าว     ทั้งนี้ ยอดขายที่เพิ่มขึ้นนอกจากจะมาจากการเปิดตัว 2 คอนโดมิเนียมใหม่ LIFE สุขุมวิท 62 และแอสปาย สาทร-ราชพฤกษ์ รวมถึงคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จพร้อมโอนในเครือเอพีแล้วนั้น สินค้าแนวราบทั้ง บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมของเอพีก็ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมีนัยสำคัญ โดยเป็นผลมาจากแนวทาง การพัฒนาโครงการที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบตัวบ้าน และสภาพแวดล้อมภายในโครงการที่คำนึงถึงความสมบูรณ์แบบของคุณภาพชีวิตที่ดี ตลอดจนการกำหนดแพคเกจราคาที่ตอบรับกับความสามารถในการผ่อนชำระของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ซึ่งทั้งหมดถือว่ามีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคอย่างมาก     ทั้งนี้ในปี 2561 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 34 โครงการมูลค่า 49,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 19,000 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 30 โครงการ มูลค่า 30,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายที่ 33,500 ล้านบาท โดยเอพียังคงมีแผนในการจัดซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีโอกาสพร้อมเปิดขายเพิ่มจากแผนที่ตั้งไว้ในปีนี้ ในส่วนของเอพีเองนั้นในไตรมาส 2 เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ 3 โครงการ ได้แก่ บ้านเดี่ยว 2 ทำเล “CENTRO รังสิต คลอง 4-วงแหวน” ซึ่งจะเริ่มเปิดขายวันที่ 28-29 เมษายน เริ่ม 2.95 ล้านบาท และ “CENTRO ราชพฤกษ์-สวนผัก” เปิดขายวันที่ 5-6 พฤษภาคม เริ่ม 7.2 ล้านบาท และทาวน์โฮม “บ้านกลางเมือง วัชรพล” ซึ่งคาดว่าจะเปิดขายประมาณช่วงเดือนมิถุนายน