Tag : บริทาเนีย โฮม (Britania Home)

1 ผลลัพธ์
“ออริจิ้น” ขยายพอร์ตแนวราบมุ่งเติบโตแบบ “มัลติพลาย” ตั้งเป้าแนวราบ 5 ปี มูลค่าโครงการสะสม รวม 35,000 ล้านบาท พร้อมดึงผู้บริหารมืออาชีพคุมทัพ ลุยส่ง “บริทาเนีย” ลงตลาดแนวราบ

“ออริจิ้น” ขยายพอร์ตแนวราบมุ่งเติบโตแบบ “มัลติพลาย” ตั้งเป้าแนวราบ 5 ปี มูลค่าโครงการสะสม รวม 35,000 ล้านบาท พร้อมดึงผู้บริหารมืออาชีพคุมทัพ ลุยส่ง “บริทาเนีย” ลงตลาดแนวราบ

“ออริจิ้น” กางแผนรุกตลาดแนวราบ 5 ปี ตั้งเป้าเปิดขายใหม่มูลค่าโครงการสะสมรวม 35,000 ล้านบาท พร้อมดึง “ศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์” มืออาชีพอสังหาฯ แนวราบเสริมทัพ ประเดิมปักหมุดทำเลศรีนครินทร์ ส่ง “บริทาเนีย” แบรนด์บ้านเดี่ยวระดับพรีเมียมชิมลางตลาด ลั่นเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์เพื่อดันให้ออริจิ้นพุ่งสู่ 1 ใน 3 บริษัทผู้พัฒนา และให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ครอบคลุมทุกสินค้า นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เคนซิงตัน (Kensington), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) และ พาร์ค (PARK) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานตลาดแนวราบว่า ในช่วงปลายปี 2560 เราได้พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว และบ้านแฝด ภายใต้แบรนด์ “บริทาเนีย” มูลค่าโครงการประมาณ 800 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะเติบโตแบบ “มัลติพลาย” ด้วยการพัฒนาโครงการแนวราบ  ภายใน 5 ปี จนมียอดโครงการสะสมถึง 35,000 ล้านบาท หรือประมาณ 30-35 โครงการ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดของที่ดินที่ได้มา สำหรับทำเลเป้าหมาย คือ ทำเลในโซนบางนา สมุทรปราการ และขยายครอบคลุมไปยังฝั่งตะวันออกในพื้นที่แถบ EEC ด้วย โดยปัจจุบันมีที่ดินในมือแล้ว 2 แปลง และกำลังเร่งหาที่ดินเพิ่มเพื่อพัฒนาให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งการพัฒนาโครงการแนวราบของออริจิ้นในครั้งนี้ ส่งผลให้ออริจิ้นสามารถพัฒนาโครงการได้ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้า  ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตาม road map ของบริษัทที่วางไว้ คือ การขึ้นแท่นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้าของไทย คือ 1 ใน 3 บริษัทผู้พัฒนาและให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ ภายในปี 2565 บริทาเนีย คือ แบรนด์โครงการแนวราบสำหรับออริจิ้น ซึ่งคำว่า Britania มาจาก Britain หมายถึง สหราชอาณาจักร เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาแบรนด์ของออริจิ้น ที่ทุกโครงการจะเป็นชื่อเมืองในประเทศอังกฤษ ชื่อแบรนด์ “บริทาเนีย” เป็นแบรนด์สำหรับพัฒนาโครงการแนวราบของออริจิ้น โดยได้แบ่ง Segment ของแบรนด์เอาไว้ 4 Segment หลัก คือ 1) บริทาเนีย วิลล่า (Britania Villa) คือ บ้านเดี่ยวในระดับราคา 15-25 ล้านบาท 2) บริทาเนีย เรสซิเดนซ์ (Britania Residence) คือ บ้านเดี่ยวในระดับราคา 8-15 ล้านบาท 3) บริทาเนีย โฮม (Britania Home) คือ บ้านเดี่ยว และบ้านแฝดในระดับราคา 5-8 ล้านบาท 4) บริทาเนีย ทาวน์ (Britania Town) คือ ทาวน์โฮม และบ้านแฝด ระดับราคา 3-5 ล้านบาท โดยสัดส่วนในการพัฒนาโครงการนั้น จะเน้น 80 เปอร์เซ็นต์ ไปที่การพัฒนาโครงการบ้านระดับราคา 3-8 ล้านบาท และอีก 20 เปอร์เซ็นต์ คือ โครงการระดับพรีเมียม ราคา 8-25 ล้านบาท การที่โครงการแนวราบของออริจิ้น ได้มือดีอย่าง นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ซึ่งเป็นผู้คร่ำหวอด ในวงการอสังหาริมทรัพย์มากว่า 30 ปี มาร่วมทีมโดยเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็น กรรมการผู้จัดการ โครงการแนวราบ ของ บมจ.ออริจิ้น โดยมีภารกิจหลักคือ พัฒนาโครงการแนวราบทั้งหมดของออริจิ้น นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ กรรมการผู้จัดการโครงการแนวราบ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การมาร่วมงานกับทางออริจิ้นในครั้งนี้ ได้รับภารกิจให้เข้ามาบุกเบิกพัฒนาโครงการแนวราบของบริษัท โดยเป้าที่ได้รับมอบไว้ คือ การพัฒนาโครงการให้ได้ มูลค่าโครงการสะสมตามเป้า 35,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก โดยจะยังคงไว้ซึ่งกลยุทธ์  Blue Ocean ของ ออริจิ้นในด้านการหาที่ดินที่มีศักยภาพ มาใช้ในการพัฒนาต่อไป เพราะมั่นใจว่ากลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์หลักที่ทำให้ออริจิ้นประสบความสำเร็จ และเติบโตมาจนถึงวันนี้ สำหรับโครงการแรก คือ  โครงการบริทาเนีย ศรีนครินทร์ (Britania Srinakarin) มีมูลค่าโครงการประมาณ  800  ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 22 ไร่ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 2 ชั้น และบ้านแฝด 2 ชั้น จำนวน 149 หลัง ระดับราคา 4.65-8 ล้านบาท ขนาดที่ดิน 35-50 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 130-160 ตารางเมตร ภายใต้คอนเซ็ปต์ Modern British Luxury โดยมีแบบบ้านทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ 1) Brompton บ้านแฝด 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 130 ตร.ม. ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จอดรถ 2 คัน 2) Regent บ้านแฝด 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 140 ตร.ม. ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จอดรถ 2 คัน 3) Oxford บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 160 ตร.ม. ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จอดรถ 2 คัน จุดเด่นของโครงการ คือ ทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้า เพียง 1.5 กม.จากบีทีเอสสายสีเหลือง สถานี “ศรีด่าน” การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางถูกพัฒนาขึ้นโดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ และฟังก์ชั่นบ้านที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยจริง หรือ  “Customer Centric Design” ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด พร้อมพื้นที่ส่วนกลางครบตอบไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยกลุ่มเป้าหมาย  ไม่ว่าจะเป็น สระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส สวนบาสเกตบอล สนามเด็กเล่น นอกจากนี้ ยังออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานภายในตัวบ้าน ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยจริง อาทิ  การออกแบบฟังก์ชั่น การใช้งานในบ้าน ให้มี USB port ตามจุดต่างๆ เพื่อเสียบสายชาร์ตโทรศัพท์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ต้องอาศัยเต้าเสียบไฟตามปกติ หรือแม้กระทั่งการเลือกวัสดุที่ใช้ในบ้าน อย่างเช่น กรอบประตูหน้าต่างวินเซอร์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม สำหรับโครงการบ้านระดับบน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังใส่ใจในการออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งาน อย่างการออกแบบครัวไทย เพื่อรองรับการใชัชีวิตประจำวันได้จริงของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอีกด้วย โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการ คือ กลุ่มลูกค้าที่มีอายุประมาณ 28-35 ปี กำลังเริ่มสร้างครอบครัว  มีรายได้ครอบครัวต่อเดือนประมาณ 80,000 บาท ทั้งนี้ ทางโครงการได้มีการเปิดขาย Pre-Sale ไปแล้ว เมื่อวันที่ 18 -19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยมียอดขายทะลุเป้าที่วางไว้กว่า 230 ล้านบาท ด้านทำเลศรีนครินทร์ ถือว่าเป็นโซนที่น่าจับตามองของกรุงเทพฯตะวันออก เนื่องจากถนนศรีนครินทร์ สามารถตัดเข้าสู่ถนนหลายหลักได้หลายสาย อาทิ ถนนเสรีไทย รามคำแหง พระราม 9 พัฒนาการ และในอนาคตจะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สำโรง-ลาดพร้าว-รัชโยธิน อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา และอนาคตจะมีแบงค็อก มอลล์ของเดอะมอลล์ กรุ๊ป เปิดตัวที่แยกบางนาอีกด้วย ส่งผลให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง ทำเลที่ตั้งของบริทาเนีย ศรีนครินทร์  ตั้งอยู่โซนบางนา- สมุทปราการ ซึ่งถือเป็นทำเลศักยภาพที่ตลาดแนวราบเติบโตสูง โดยในปีที่ผ่านมามีมูลค่าขายสูงถึง 22,075 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 15% ของตลาดแนวราบทั้งกรุงเทพ และปริมณฑล มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง  ห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ เนื่องจากราคาที่ดินบริเวณถนนศรีนครินทร์ โดยเฉพาะช่วงใกล้ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ และพาราไดซ์ พาร์ค มีราคาสูง โดยในปี 2558-2559 ราคาอยู่ที่ประมาณ 2-3 แสนบาทต่อตารางวา และคาดว่าหากการก่อสร้างรถไฟฟ้า มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม คาดว่าจะทำให้ราคาที่ดินขยับตัวเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10%