Tag : บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

4 ผลลัพธ์
CI กางแผนปี 62 รุกพัฒนาอสังหาฯ ไฮเอนด์ ทุ่ม 6 พันล้าน ผุด 6 โปรเจค เสริมทัพขยายธุรกิจ

CI กางแผนปี 62 รุกพัฒนาอสังหาฯ ไฮเอนด์ ทุ่ม 6 พันล้าน ผุด 6 โปรเจค เสริมทัพขยายธุรกิจ

ชาญอิสสระ เผยแผนขับเคลื่อนธุรกิจปี 62 ผุด 6 โปรเจค มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท ทั้งส่วนต่อขยายโรงแรม บาบา บีช คลับ, วาเคชั่น คลับ สร้างทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่รักการท่องเที่ยวกับที่พักระดับไฮเอนด์ เดินหน้าผุดโครงการใหม่คอนโดหรูย่านสาทร เตรียมนำ  บาบา บีช คลับ หัวหิน เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมศรีพันวา (“กองรีท”) มูลค่าไม่เกิน 550 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าลุยโครงการร่วมพัฒนาและบริหารโรงแรม เสริมทัพการเติบโต   นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปีนี้ว่าการแข่งขันด้านการตลาดอาจจะมีความคึกคักลดลงเมื่อเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยกระทบจากภาคการท่องเที่ยวที่ตัวเลขตกลงในช่วง 2- 3 เดือนมาแล้ว ส่งผลให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวของประเทศลดลงตามไป ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการท่องเที่ยวจากภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ รวมถึงกรุงเทพฯ ที่มีอัตราจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะชาวจีน ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลทำให้สภาพหมุนเวียนทางการเงินลดลง ประกอบกับนโยบายสงครามการเงินระหว่างจีนกับสหรัฐฯซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการค้าที่จะมีการวางกฎเกณฑ์เรื่องของการนำเงินออกนอกประเทศมากขึ้น   “ปกติ 2-3 ปีที่แล้วมีการซื้อขายกับชาวจีนเยอะ ชาวจีนมาซื้อคอนโดเมืองไทยค่อนข้างมาก ตอนนี้ลดน้อยลง ซึ่งก็เป็นปัจจัยที่เห็นได้ชัดว่า ในช่วงปลายปีนี้ตลาดอสังหาฯ อาจจะไม่ได้คึกคักมาก สำหรับกำลังการซื้ออสังหาฯ ที่ผ่านมา มีทั้งชาวไทย และต่างชาติ โดยในส่วนของชาวจีนก็ถือเป็นสัดส่วนที่ช่วยดึงกำลังซื้อได้พอสมควรในการเข้ามาจับจ่ายใช้สอย โครงการหลายๆ โครงการอาจจะมีผลเยอะ จากเหตุการณ์สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ที่ต้องมีการคุมเข้มเรื่องการเอาเงินออกจากประเทศจีน มันก็มีผลส่วนหนึ่งต่อสภาพการหมุนเวียนทางการเงิน ขณะเดียวกันในส่วนของบ้านเราเองมาตรการคุมเข้มของแบงก์ชาติในการปล่อยสินเชื่อ ก็จะมีผลกระทบต่อโครงการที่อยู่ในระดับล่าง-ระดับกลางที่อาจจะได้รับการอนุมัติการกู้จากแบงก์ที่ยากขึ้น โดยในส่วนของการดำเนินธุรกิจของชาญอิสสระ ในช่วงที่ผ่านมา เรามีการทำการตลาดเพื่อระบายสต็อกสินค้าในกลุ่มระดับกลาง-ล่าง มาตลอดทั้งปี อีกทั้งโครงการต่างๆ ของบริษัทเน้นสินค้าระดับไฮเอนด์ จึงส่งผลให้มาตรการดังกล่าวของแบงก์ชาติที่ออกมาไม่ได้มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจมากนัก” นายสงกรานต์ กล่าว   สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 62 บริษัทเตรียมทุ่มงบประมาณกว่า 6 พันล้านบาท ในการพัฒนาโครงการใหม่ และโครงการส่วนต่อขยาย ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียมหรูย่านถนนจันทร์ - สาทร มูลค่าโครงการ 2 พันล้านบาท, ส่วนต่อขยายโรงแรมบาบา บีช คลับ หัวหิน เมนโฮเทล อาคารสูง 12 ชั้น จำนวน 50 ห้อง มูลค่าโครงการ 1.5 พันล้านบาท, โครงการบ้านพักตากอากาศ พูลวิลล่า 7 หลัง   ภายในโครงการทิวทะเลเอสเตท มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท, วาเคชั่น คลับ อาคารสูง 10 ชั้น 80 ยูนิต ภายในโครงการทิวทะเลเอสเตท มูลค่าโครงการ 1.5. พันล้านบาท รวมไปถึงส่วนต่อขยายของโรงแรม ศรีพันวา ภูเก็ต คอนเวนชั่นฮอลล์ขนาดจุ 400 คน พร้อมห้องพักแบบพูลสวีท จำนวน 20 ห้อง มูลค่าโครงการ 1 พันล้านบาท และโครงการบ้านพักตากอากาศ พูลวิลล่าอีกจำนวน 4 หลัง มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท   “ทั้ง 6 โปรเจค ถือเป็นโครงการที่จะมาช่วยเติมเต็ม และรองรับการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคต โดยเฉพาะในส่วนของการพัฒนาส่วนต่อขยายของโรงแรมไม่ว่าจะเป็นโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต โรงแรมบาบาบีช คลับ หัวหิน โรงแรมบาบา บีช คลับ ภูเก็ต รวมถึงโครงการวาเคชั่นคลับ ซึ่งถือเป็นแนวคิดใหม่ในการพัฒนาที่พักตากอากาศสำหรับกลุ่มคนที่สนใจเป็นเจ้าของห้องพักในงบประมาณที่ไม่ถึงหนึ่งล้านบาท แต่ได้พักในอาคารที่มีการออกแบบและบริการระดับโรงแรม 5 ดาว” นายสงกรานต์ กล่าว   นอกจากนี้ในส่วนของความคืบหน้างานที่ปรึกษา และบริหารงานโรงแรมที่ไฮหนาน มณฑล ยูนนานประเทศจีน กับกลุ่มจุนฟาเรียลเอสเตท มีมูลค่าโครงการกว่า 18,000 ล้านบาท ปัจจุบันก่อสร้างไปแล้วกว่า 40 % ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนตุลาคม ปี 2562  ซึ่งที่ผ่านมาเราได้รับรายได้จากค่าที่ปรึกษาและจะได้บริหารงานโรงแรม ซึ่งจะเป็นรายได้ระยะยาวให้กับบริษัทต่อไปด้วย และเมื่อไม่นานมานี้กลุ่มจุนฟาก็ได้เชิญทีมพัฒนาโครงการของชาญอิสสระเข้าไปดูพื้นที่และศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโรงแรมต่อที่ สิบสองปันนา ประเทศจีน เพื่อลงทุนพัฒนาในปีหน้าอีกด้วย ด้านนายดิฐวัฒน์ อิสสระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจในส่วนของโครงการทิวทะเลเอสเตท โครงการ Mixed Use เต็มรูปแบบแห่งแรกในหัวหิน ด้วยคอนเซปต์โครงการบ้านพักตากอากาศแบบครบวงจร ที่มีทั้ง คอนโดมิเนียม โรงแรม พูลวิลล่า ร้านอาหาร รวมถึงพื้นที่รองรับการจัดกิจกรรม อีเว้นท์ และงานสันทนาการต่างๆ ปัจจุบันมีโครงการแล้วเสร็จรวม 4 โครงการ ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม ได้แก่ โครงการบ้านทิวทะเล อความารีน (Aquamarine), โครงการบ้านทิวทะเล บลูแซฟไฟร์ (Blue Sapphire), โครงการบลู (Blu) นอกจากนี้ยังมีโครงการ Baba Beach Club Hotel & Residences Hua Hin และ “บ้านโชค” ซึ่งเป็นบ้านพักตากอากาศเก่าแก่ของตระกูลโชควัฒนา ในสไตล์หัวหินโคโลเนียล ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี ประกอบกับเราได้มีการทำกิจกรรมทางการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขายมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีอีกด้วย   “จากกระแสตอบรับของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาพัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย, จีน,  อเมริกา, ไต้หวัน, สหราชอาณาจักร, เกาหลี, ฮ่องกง, แคนาดา, รัสเซีย, สวิตเซอร์แลนด์ ทำให้ในปีหน้าเราเตรียมที่จะทุ่มงบประมาณในการสร้างส่วนต่อขยายของโรงแรมเพื่อเป็นการรองรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมตึกสูง (Main Hotel) ซึ่งเป็นอาคารสูง 12 ชั้น จำนวน 50 ห้อง ที่มาพร้อมห้องบอลรูม ขนาดใหญ่, บ้านพักตากอากาศ พูลวิลล่า จำนวน 7 หลัง 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ รวมถึงวาเคชั่นคลับ  อาคารสูง 10 ชั้น จำนวน  80 ยูนิต ” นายดิฐวัฒน์ กล่าว   สำหรับโครงการส่วนต่อขยายในส่วนของพูลวิลล่า (บาบา บีช คลับ เรสซิเดนซ์ เฟส 2) สุดหรู จำนวน 7 ยูนิต ออกแบบดีไซน์ในสไตล์นีโอโคโลเนียลโดย บริษัท ฮาบิต้า จำกัด ประกอบด้วยวิลล่า 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 167.50 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้น 31.9 ล้าน มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท โดยมีทีมงานบริหารจากโรงแรมศรีพันวา เข้ามาช่วยบริหารจัดการด้านการลงทุนปล่อยเช่าให้กับลูกค้าอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินงานก่อสร้าง นอกจากนี้ในส่วนของการพัฒนาโปรเจคที่เรียกว่าวาเคชั่นคลับ เป็นอาคารสูง 10 ชั้น 80 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1.5 พันล้านบาท ถือเป็นโปรเจคใหม่ที่น่าสนใจสำหรับการสร้างประสบการณ์การวางโปรแกรมการพักผ่อนสำหรับนักเดินทางยุคใหม่ อีกทั้งยังเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ ของการพัฒนาที่พักตากอากาศ สำหรับกลุ่มคนที่สนใจเป็นเจ้าของในงบประมาณที่ไม่ถึง 1 ล้านบาท แต่ได้พักในอาคารที่บริการระดับโรงแรม 5 ดาว โดยในระยะเริ่มต้นจะนำโรงแรมในเครือไม่ว่าจะเป็นโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต, โรงแรม บาบา บีช คลับ ภูเก็ต และ โรงแรม บาบา บีช คลับหัวหิน  เข้าร่วมนำร่องก่อน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2562 นอกจากนี้ในปีหน้าเราได้เจรจากับพันธมิตรในการพัฒนาปั้มน้ำมัน และแหล่งช้อปปิ้ง บริเวณด้านหน้าโครงการ ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 20 ไร่ โดยจะแบ่งพื้นที่ดังกล่าวออกมาจำนวน 6 ไร่ ในการพัฒนาเติมเต็มรูปแบบความเป็นโครงการ Mixed Use ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ขณะที่นายวรสิทธิ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีพันวา แมเนจเมนท์ จำกัด  เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจโรงแรมที่ผ่านมายังได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีปัจจัยด้านการท่องเที่ยว และการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวจากเหตุการณ์ต่างๆ เข้ามากระทบ แต่ภาพรวมของอุตสาหกรรมโรงแรมก็ยังเติบโตได้ดี โดยในส่วนของอัตราการเข้าพักอาจจะมีการปรับตัวลดลงไปบ้าง แต่ในด้านของการเข้าใช้บริการของร้านอาหาร การใช้สถานที่จัดงาน ยังได้รับการตอบรับที่ดีโดยตลอดทั้งปีที่ผ่านมา มีกิจกรรมอีเว้นทั้งหมด 87 งาน   ทั้งนี้จากภาพรวมการเติบโตของการจัดกิจกรรมอีเว้นท์ ในปีหน้าเราเตรียมพัฒนาส่วนต่อขยายในโครงการโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต ในรูปแบบคอนเวนชั่นฮอลล์ เพื่อให้เป็นแหล่งรองรับการจัดกิจกรรม อีเว้นท์ ได้มากถึง 400 คน พร้อมพัฒนาห้องพักในรูปแบบของพูลสวีทเพิ่มอีกจำนวน 20 ห้อง เพื่อรองรับกลุ่มผู้เข้ามาร่วมกิจกรรมอีเว้นท์ได้มีที่พักผ่อน มูลค่าโครงการรวม 1 พันล้านบาท   อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังได้พัฒนาพูลวิลล่าโซนใหม่ ดีไซน์ในสไตล์ทรอปิคอลคอนเทมโพรารี่ ออกแบบโดยบริษัท แฮบบิต้า จำกัด  ผู้ออกแบบโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต ประกอบด้วยพูลวิลล่า 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ จำนวน 4 หลัง พื้นที่ใช้สอย 150 ตารางเมตร และพื้นที่ส่วนกลางอีกกว่า 1,000 ตารางเมตร มีสระว่ายน้ำและพูลบาร์ มูลค่าโครงการรวม 200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปลายปี 2562   นอกจากนี้ในปีปลาย 2561 เราเตรียมนำโรงแรม บาบา บีช คลับ หัวหิน เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา หรือกองทรัสต์ SRIPANWA มูลค่าไม่เกิน 550 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอมติจากผู้ถือหน่วยลงทุน ที่จะมีการประชุมในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ โดยหากผู้ถือหน่วยมีมติเห็นชอบการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในครั้งนี้จะส่งผลให้ขนาดมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์โตขึ้นจากเดิมที่ประมาณ 3,700 ล้านบาท เป็นมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท        
ชาญอิสสระ พร้อมอวดโฉมบ้านอิสสระ บางนา  สร้างความต่างการอยู่อาศัย มุ่งตอบโจทย์ทุกเจนเนอเรชั่น

ชาญอิสสระ พร้อมอวดโฉมบ้านอิสสระ บางนา สร้างความต่างการอยู่อาศัย มุ่งตอบโจทย์ทุกเจนเนอเรชั่น

ชาญอิสสระ เปิดตัวบ้านหรูระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ “บ้านอิสสระ บางนา” โชว์ความต่างด้านดีไซน์ ฟังก์ชัน โดดเด่นเหนือระดับ ภายใต้คอนเซปต์ “ความภูมิใจที่ส่งต่อได้ The New Legacy Of Freedom” มั่นใจตลาดบ้านหรูโตต่อเนื่อง มองศักยภาพ ทำเลย่านบางนาฮอต โครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคม สาธารณูปโภคต่างๆ หนุนตลาดไฮเอนด์รุ่ง   นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมการพัฒนาตลาดบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ว่ายังมีการแข่งขันสูง ขณะที่การหาทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมถือเป็นโจทย์ที่ยากสำหรับผู้พัฒนาโครงการที่จะหาทำเลที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในย่านซีบีดี (Central Business District) หรือทำเลในย่านที่รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันต่างๆ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคม รวมไปถึงสาธารณูปโภค โดยในส่วนของย่านบางนา ถือเป็นอีกย่านหนึ่งที่น่าสนใจ และท้าทาย สำหรับการพัฒนาตลาดบ้านเดี่ยว ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ล่าสุดบริษัท เตรียมเปิดตัวบ้านตัวอย่าง โครงการบ้านอิสสระ บางนา ซึ่งถือเป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ หลังจากแถลงข่าวเปิดตัวไปเมื่อช่วงกลางปี 2559 ที่ผ่านมา สำหรับโครงการบ้านอิสสระ บางนา เป็นอีกหนึ่งโครงการคุณภาพ ที่พัฒนาออกมาด้วยการสร้างความแตกต่างด้านที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า สอดแทรกการออกแบบบ้านที่ต้องอยู่สบาย ฟังก์ชั่นการใช้งานภายในบ้านครบครัน มีการนำนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาใช้ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้รับความสะดวกสบาย คุ้มค่า และปลอดภัยต่อการพักอาศัยให้มากที่สุด โดยมีบริษัทชั้นนำอย่าง บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49) เป็นผู้รังสรรค์งานออกแบบบ้าน   “สิ่งสำคัญในการพัฒนาบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ นอกจากการมีโลเคชั่นที่ดีแล้ว เราต้องสร้างความแตกต่าง ทั้งการดีไซน์แบบบ้านให้มีความทันสมัย อยู่สบาย ฟังก์ชั่นการใช้งานภายในบ้านสะดวกสบาย รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมสมัยใหม่เข้ามาแทรกเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ง่ายขึ้น สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยให้กับทุกช่วงวัย อีกทั้งโครงการบ้านอิสสระ บางนา ยังนับว่าเป็นโครงการที่อยู่บนทำเลตัวเมืองชั้นนอกที่เป็นย่านที่อยู่อาศัยที่เป็นที่นิยมอันดับต้นๆ ได้แก่ กรุงเทพฝั่งตะวันออก อันเนื่องมาจากทำเลดังกล่าวได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางคมนาคม และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อาทิ ศูนย์การค้าระดับ Regional Shopping Center อย่างเมกาบางนา หรือโครงการขนาดใหญ่แห่งใหม่ อย่างแบงค็อก มอลล์ รวมไปถึงการขยายตัวของอาคารสำนักงานอีกด้วย จึงเป็นโครงการที่เราพัฒนาออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง และเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของชาญอิสสระ ที่จะส่งต่อให้กับลูกค้า” นายสงกรานต์ กล่าว ด้านนายเมธินทร์ จันทรอุไร กรรมการบริหาร บริษัทสถาปนิก 49 จำกัด (A49) ผู้ออกแบบโครงการบ้านอิสสระ บางนา กล่าวว่าจุดเด่นของการออกแบบบ้านอิสสระ บางนา คือการต้องการเน้นพื้นที่ใช้สอยที่มากเพียงพอ พร้อมทั้งให้ฟังก์ชั่นการใช้สอยที่ครบครัน ภายใต้คอนเซปต์ สวนล้อมบ้าน ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความเขียวขจีของต้นไม้ แสงธรรมชาติ ด้วยการดีไซน์โครงการที่เน้นโล่ง โปร่ง สบาย ได้วิวธรรมชาติทุกมุมมอง อีกทั้งยังนำแนวคิด “พลังงาน (Energy)” และ “หลักการของธรรมชาติ (Principles of Nature)” มาใช้เพื่อให้เกิดสภาวะน่าสบาย (Comfort Zone) จึงได้นำแนวคิดหลักการของธรรมชาติที่มีผลต่อในเขตร้อนชื้นอย่างในประเทศไทย ได้แก่ การป้องกันแดด การระบายอากาศ การป้องกันและการระบายน้ำฝน รวมทั้งการอาศัยพลังงานต่างๆ จากสิ่งแวดล้อมภายนอกมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับที่อยู่อาศัย ทั้งในส่วนของภาพลักษณ์อาคาร และพื้นที่ใช้สอยภายในอาคาร โดยมีการออกแบบพื้นหน้ากว้างด้านหน้าโครงการ ให้สามารถรองรับการจอดรถเรียงกันได้ 5 คัน รวมถึงการออกแบบพื้นที่หลังบ้าน ให้เป็นพื้นที่ใช้สอยที่สวยงามเสมือนเป็นหน้าบ้านอีกด้านหนึ่งของโครงการ   นอกจากนี้มีการใช้กระจกสูงจากระดับพื้นถึงฝ้า เพื่อให้ภายในบ้านสามารถรับแสงจากธรรมชาติ    มากขึ้น และยังเป็นการช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้ ภายในบ้านยังออกแบบด้วยการยกเพดานให้สูง เพราะนอกจากจะทำให้รู้สึกโปร่งโล่งแล้ว ยังสามารถช่วยระบายความร้อนที่เกิดขึ้นในอาคารได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเรายังมีการออกแบบชายคาที่ยื่นยาว 1.20 เมตร และองค์ประกอบตกแต่งที่มีลักษณะเหมือน “ท่อนไม้ซุง” สามารถช่วยลดพลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นในอาคารได้ถึง 25% เมื่อเทียบกับบ้านโครงการอื่นที่มีปริมาณกระจกเท่ากัน ซึ่งทำให้พื้นที่ภายในบ้านได้รับแสงธรรมชาติ แต่ไม่รู้สึกร้อน พร้อมกันนี้ยังออกแบบให้การเชื่อมต่อพื้นที่ใช้สอยภายในและภายนอกบ้าน (บริเวณห้องนั่งเล่น สวน และสระว่ายน้ำ) ทำให้เกิดเป็นพื้นที่  ใช้สอยร่วมของบ้านที่เกิดเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างกิจกรรมของคนในครอบครัว ทั้งยังเป็นการระบายอากาศให้กับตัวบ้านและช่วยประหยัดพลังงานจากการใช้เครื่องปรับอากาศได้ นอกจากนี้ทุกห้องยังถูกออกแบบให้คำนึงถึงการถ่ายเทอากาศที่ดี โดยมีช่องหน้าต่าง 2 ด้าน เพื่อให้ลมพัดผ่านได้ทั่วห้อง   “นอกจากการออกแบบที่คำนึงถึงหลักการธรรมชาติ และการประหยัดพลังงานแล้วเพื่อให้เกิดความคุ้มค่า ความปลอดภัยในการอยู่ การออกแบบยังให้ความสำคัญกับ Universal Designเพื่อตอบโจทย์ผู้สูงอายุหรือผู้ใช้วีลแชร์ โดยมีการทำทางลาดเอียงสำหรับเข้าบ้าน รวมถึงขนาดของลิฟท์ที่เหมาะด้วย พร้อมมีการออกแบบคลับเฮาส์ที่โอ่โถง สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ฟิตเนสที่ทันสมัย รวมถึงโซน Amphitheater ที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ของแต่ละครอบครัว และลู่วิ่งรอบหมู่บ้าน สวนที่ร่มรื่นช่วยให้เวลาแห่งการพักผ่อนสมบูรณ์แบบสำหรับครอบครัว”นายเมธินทร์ กล่าว ขณะที่นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า หากจะกล่าวถึงทำเลที่เป็นย่านที่พักอาศัยที่นิยมในอันดับต้นๆ คงหนีไม่พ้นกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก สืบเนื่องมาจากทำเลดังกล่าวได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางคมนาคมที่สามารถวิ่งเข้ากรุงเทพฯ ชั้นในได้อย่างรวดเร็ว หรือในทางกลับกันยังเป็นเกทเวย์วิ่งออกสู่สนามบินสุวรรณภูมิ หรือย่านอุตสาหกรรมได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อาทิ เมกาซิตี้ บางนา หรือโครงการในอนาคตอย่างแบงค็อก มอลล์ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาพื้นที่พาณิชยกรรมขนาดใหญ่ รวมไปถึงการขยายตัวของออฟฟิศเกรดเอ อาทิ ภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค และ      วิสซ์ดอม วัน โอ วัน อีกด้วย   “จากการที่ซีบีอาร์อี เข้ามาทำการตลาด และการขายบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ในช่วงที่ผ่านมา เราจะพบได้ว่าสินค้าในตลาดยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านระดับนี้ได้จริง ไม่ว่าจะเป็นแนวความคิด การออกแบบบ้าน รูปแบบ ฟังก์ชั่นดีไซน์ ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าบ้านทั่วไปจะเน้นเรื่องดีไซน์ภายนอกให้น่าดึงดูด แต่ไม่ได้คำนึงถึงฟังก์ชั่น ประโยชน์ใช้สอยภายในตัวบ้าน หรือวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เท่าที่ควร ซึ่งการออกแบบบ้านที่ดีนั้นควรเริ่มตั้งแต่แนวความคิด สำหรับโครงการบ้านอิสสระ บางนานั้น มีจุดเด่นที่แตกต่างหลายด้าน เริ่มตั้งแต่มาสเตอร์แปลน (Master Plan) โดยบ้านทุกหลังตั้งอยู่บนถนนหลักของโครงการ ไม่มีการแบ่งทำเป็นถนนซอยเล็กๆ อีกทั้งยังคำนึงถึงทิศทางลม จึงทำให้บ้านส่วนใหญ่หันหน้าทิศเหนือ-ใต้” นางสาวอลิวัสสา กล่าว   นอกจากนี้ส่วนของตัวบ้านถูกออกแบบมาเพื่อให้ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด คำนึงถึงแสงธรรมชาติ ทิศทางลม อีกทั้งออกแบบเพื่อการใช้งานของคนทุกคน (Universal Design)เพื่อตอบโจทย์ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีข้อจำกัดทางด้านร่างกาย โดยมีการทำทางลาดเอียง รวมถึงจัดเตรียมลิฟท์โดยสารไว้ สำหรับพื้นที่ใช้สอยด้านในนั้น ด้วยตัวบ้านเป็นบ้านหน้ากว้าง จึงสามารถแยกพื้นที่ใช้สอยแบ่งซ้าย-ขวาได้อย่างลงตัว คุ้มค่า จุดเด่นที่สำคัญอีกประการหนึ่งของโครงการคือ การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์เกรดพรีเมี่ยม อาทิครัวบูลล์ธอป (Bulthaup),สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ แบรนด์ Toto, Kasch, Grohe อีกทั้งยังคำนึงถึงนวัตกรรมสำหรับบ้านยุคใหม่ อาทิ โซลาร์เซลล์ (Solar Cell), ระบบปรับอากาศแบบวีอาร์วี (VRV) ซึ่งช่วยประหยัดพลังงาน เป็นต้น   สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งสำหรับกลุ่มลูกค้าระดับนี้ คืองานบริการหลังการขาย โดยทางโครงการมีบริการ Lifestyle Concierge Service รองรับ ไม่ว่าจะเป็นบริการดูแลบ้าน,บริการประสานงานจัดกิจกรรม, บริการประสานงานด้านสุขภาพ และบริการผู้ช่วยส่วนตัว ซึ่งจากจุดเด่นที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นนี้ จึงถือได้ว่าบ้านอิสสระ บางนาได้เซทสแตนดาร์ดใหม่สำหรับบ้านระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ และตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ได้อย่างแท้จริง   บ้านตัวอย่างของบ้านอิสสระ บางนาจะแล้วเสร็จ พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 มิถุนายน ศกนี้ พร้อมสิทธิพิเศษ และกิจกรรมมากมายสำหรับลูกค้าที่จองภายในงานเท่านั้น นายดิฐวัฒน์ อิสสระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการบ้านอิสสระ บางนา เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ ลักชัวรี่ มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท ออกแบบโดยถ่ายทอดแนวคิดผ่านความเป็น Modern Tropical ทำให้เกิดความรู้สึกอยู่สบายน่าพักอาศัย มีความเรียบง่าย ใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ ประมาณ 24 ไร่ บริเวณถนนบางนา-ตราด กม.8 จำนวนทั้งสิ้นเพียง 44 หลัง บนพื้นที่ดินขนาด 100-238 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 380-697ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 38-94 ล้านบาท พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน รวมถึงการให้บริการ Lifestyle Concierge Service บริการที่จะช่วยสร้างไลฟ์สไตล์ความเป็นส่วนตัว แบบเอ็กซ์คลูซีฟให้แก่ลูกบ้านภายในโครงการ โดยมีงานบริการด้านต่างๆ ไว้คอยดูแลและอำนวยความสะดวก อาทิ บริการด้านโฮมแคร์ ที่จะช่วยดูแลและบำรุงรักษาตั้งแต่เรื่องภายในบ้านและภายนอกบ้านอย่างครบครัน, บริการด้านสุขภาพที่ช่วยให้ลูกบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น, บริการด้านการจัดเลี้ยง จัดกิจกรรมที่ครบวงจร และบริการผู้ช่วยส่วนตัวที่จะคอยดูแลให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นในทุกๆ เรื่องเมื่อเข้ามาอยู่ภายในโครงการ “บ้านอิสสระ บางนา” นอกจากนี้ภายในโครงการยังให้ความสำคัญกับนวัตกรรมการอยู่อาศัยด้วยการนำระบบ Home Automation มาใช้ซึ่งคือนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เอาอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้านมาทำงานร่วมกันแบบอัตโนมัติ โดยอาศัยการควบคุมผ่านอินเตอร์เน็ต (Internet of Things : IoT) โดยจะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสะดวกสบาย ปลอดภัย และยังช่วยประหยัดพลังงานได้ โดยการ Control ผ่าน Mobile Application บน   Smart Phone หรือ Tablet   “นวัตกรรมนี้สามารถช่วยให้เจ้าของบ้านสามารถตรวจสอบความปลอดภัยว่ามีการ เปิด/ปิด ประตู หรือ ไฟ เรียบร้อยแล้วหรือไม่ก่อนออกจากบ้าน, การแจ้งเตือนผ่านมือถือเมื่อมีผู้บุกรุก หรือมีสัญญาณตรวจจับควันไฟ เมื่อตัว Smoke Detector ทำงาน ซึ่งจะช่วยทำให้เจ้าของบ้านทราบเหตุและระงับได้ทันท่วงที นอกจากนี้การควบคุมผ่าน Mobile Application ยังสามารถสั่งให้ไฟแสงสว่าง และแอร์ทำงานตามล่วงหน้า หรือทำตามปรับ Scenario ตามความต้องการ เพื่อตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัยในยุคปัจจุบัน สำหรับบ้านอิสสระ  บางนา ถือเป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยให้กับทุกไลฟ์สไตล์ เริ่มตั้งแต่เรื่องการออกแบบ ดีไซน์ ฟังก์ชั่นการใช้สอยต่างๆ ภายในบ้าน ที่เป็นส่วนช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้อยู่อาศัย โดยมีแบบบ้านให้เลือกทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่ ABELIA, BELLIS, CALLA และ DAVIDIA ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 380-697 ตารางเมตร ขนาดบ้าน 2-3ชั้น เริ่มตั้งแต่ 4-6 ห้องนอน 4-5 ที่จอดรถ ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ครัว Panty ครัวไทย ห้องคนรับใช้ พร้อมลิฟท์ภายในบ้าน” นายดิฐวัฒน์ กล่าว   ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอกย้ำโครงการบ้านอิสสระ บางนา ซึ่งถือเป็นความภูมิที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ล่าสุดเตรียมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดแรก “ความภูมิใจที่ส่งต่อได้” เพื่อเป็นการสื่อถึงความภูมิใจ ในทุกๆ รายละเอียดให้กับคนในครอบครัว ได้สัมผัสถึงการใช้ชีวิตที่มีอิสระ มีความปลอดภัย โดยใช้ใจสัมผัสถึงการรับรู้ โดยจะเริ่มออนแอร์ในวันที่ 11 มิถุนายน นี้ ทางอัมรินทร์ทีวีช่อง 34, ช่อง 3HD 33, Nation TV ช่อง 22,ช่อง Money Channel, PPTV ช่อง 36 และ Thairath TV ช่อง 32 รวมถึงช่องทางออนไลน์ต่างๆของทางCharn Issara อีกด้วย
ชาญอิสระ เปิดมิกส์ยูส “อาณาจักรทิวทะเล” แห่งแรกในหัวหิน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใกล้ธรรมชาติ

ชาญอิสระ เปิดมิกส์ยูส “อาณาจักรทิวทะเล” แห่งแรกในหัวหิน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใกล้ธรรมชาติ

ร่วมอิสสระ เดินหน้าพัฒนามิกส์ยูส "อาณาจักรทิวทะเลเอสเตท" เต็มรูปแบบแห่งแรกในหัวหิน ชูคอนเซปต์ความครบวงจร มุ่งสู่ความเป็น The Ultimate Luxury Beachfront Community ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในวันพักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติ นายสงกรานต์  อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางอสังหาริมทรัพย์ของตลาดชะอำ-หัวหิน ว่ายังมีการเติบโตที่ดีขึ้นหลังจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีความซบเซา โดยสังเกตได้จากการขึ้นโครงการใหม่ๆ ที่ผ่านมายังค่อนข้างน้อย แต่ในช่วงจากนี้ไปมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ ชะอำ-หัวหิน จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยมีปัจจัยหนุนจากภาครัฐที่มีแผนพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ อาทิการสร้างทางด่วนยกระดับพระราม2 ลอยฟ้า กรุงเทพฯ-ราชบุรี และทางด่วนใหม่เชื่อมพระราม 3-วงแหวน รวมถึงรถไฟฟ้าความเร็วสูง กรุงเทพฯ ที่จะช่วยให้การเดินทางมาชะอำ-หัวหินมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น “จากปัจจัยด้านสาธารณูปโภคต่างๆ ดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่ช่วยผลักดันให้เมืองชะอำ-หัวหิน เป็นเมืองที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังส่งผลดีต่อภาคเศรษฐกิจการค้าให้เติบโตตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์ของดีเวล็อปเปอร์ต่างๆ สนามกอล์ฟระดับเวิลด์คลาส แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร สถานบันเทิงใหม่ๆ ที่จะเข้ามาช่วยดึงความน่าสนใจให้กับเมืองชะอำ-หันหินให้เป็นแลนด์มาร์คยอดฮิตที่นิยมจากอดีตจนถึงปัจจุบันได้อีกด้วย” นายสงกรานต์ กล่าว ทั้งนี้ในส่วนของโครงการ “อาณาจักรทิวทะเลเอสเตท” ซึ่งเป็นโครงการการร่วมทุนกันระหว่างบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน)  ภายใต้ชื่อ บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ชะอำ-หัวหิน เนื้อที่ประมาณ 110 ไร่  ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก หลังจากที่เปิดตัวการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในรูปแบบ Mixed Use ไปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาในปัจจุบันมีโครงการแล้วเสร็จรวม 4 โครงการ ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนี่ยมติดทะเล ได้แก่ โครงการบ้านทิวทะเล อความารีน (Aquamarine) ปัจจุบันมียอดขายไปแล้วกว่า 97%, โครงการบ้านทิวทะเล บลูแซฟไฟร์ (Blue Sapphire) ปัจจุบันมียอดขายไปแล้วกว่า75%, โครงการบลู (Blu) ปัจจุบันมียอดขายไปแล้วกว่า 50% นอกจากนี้ยังมีโครงการใหม่ที่เพิ่งเปิดดำเนินการไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้แก่โครงการ Baba Beach Club Hotel & Residences Hua hin ปัจจุบันมียอดขายในส่วนของเรสซิเดนซ์ ไปแล้วกว่า 70% รวมถึงยังมีในส่วนของ “บ้านโชค” ซึ่งเป็นบ้านพักตากอากาศเก่าแก่ของตระกูลโชควัฒนา ในสไตล์หัวหินโคโลเนียล ซึ่งได้มีการปรับรีโนเวทจากอาคารไม้หลังเดิมให้กลายเป็นอาคารโครงสร้างเหล็กที่ยังคงมีความทรงจำดีๆ ของบ้านโชคให้เป็นส่วนหนึ่งภายในอาณาจักรทิวทะเลเอสเตทที่จะเป็นทั้งสถานที่ตากอากาศ ร้านอาหาร คาเฟ่ ห้องประชุม สถานที่จัดเลี้ยง งานแต่ง และพื้นที่จัดกิจกรรมดีๆ ริมทะเลสวยๆ อีกด้วย “ตลาด Mixed Use ชะอำ-หัวหิน ยังมีอยู่น้อยมาก หรือเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ เพราะการหาทำเลที่มีพื้นที่กว้างขวางค่อนข้างหายาก ดังนั้นเมื่อทิวทะเลเอสเตทมีทำเลที่ตั้งที่ดีจึงมีความสนใจที่จะพัฒนาโครงการในลักษณะ Mixed Use ที่ผสมผสานทั้งอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย เพื่อการพักผ่อน และเพื่อการพาณิชย์ ที่รวมบ้านเดี่ยว คอนโด โรงแรม ในทำเลติดชายหาดยังมีอยู่น้อยมาก จึงนับได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีของเราในการรุกตลาด Mixed Use ด้วยจุดเด่นของการมีทำเลที่ดี ทุกโครงการสามารถตอบโจทย์การพักอาศัยให้กับทุกๆ ไลฟ์สไตล์ที่มา พร้อมกับการให้บริการเต็มรูปแบบ ซึ่งเราถือว่าเราเป็นเจ้าแรกที่ทำโครงการ Mixed Use ที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ชะอำ-หัวหินออกมาได้สำเร็จ” นายสงกรานต์ กล่าว อย่างไรก็ตามในส่วนของแผนการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในอนาคต ภายใต้อาณาจักรทิวทะเลเอสเตท บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาในรูปแบบรีสอร์ท มีคอมเมอร์เชียลสไตล์ใหม่ๆ เอ้าท์ดอร์เพลย์กราวด์ เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้ตรงทุกกลุ่ม และให้มีความแตกต่าง จากทุกโครงการที่พัฒนาออกมาเสริมเติมเต็มการให้บริการในทุกๆ รูปแบบ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อเนรมิตให้อาณาจักรทิวทะเลเอสเตทแห่งนี้ คือศูนย์รวมความครบวงจรสำหรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการ และมุ่งสู่ความเป็น The Ultimate Luxury Beachfront Community ด้านนายดิฐวัฒน์  อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด เปิดเผยว่าหลังจากที่เปิดตัวทุกโครงการที่พัฒนาออกมาบนพื้นที่ของอาณาจักรทิวทะเลเอสเตทไปแล้วทั้งหมด 4 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 7,200 ล้านบาท ซึ่งได้ดำเนินการพัฒนาพื้นที่ไปแล้วประมาณ 50 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด 110 ไร่ ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เนื่องจากแต่ละโครงการมีความโดดเด่น และสร้างไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน สามารถตอบโจทย์ได้กับทุกกลุ่มเป้าหมาย “ความเป็นโครงการ Mixed Use ของเราจุดเด่นๆ คือการที่เรามีทำเลที่ดี มีหน้าหาดยาวถึง 160 เมตร ทุกโครงการของเราติดทะเล ซึ่งเป็นส่วนช่วยเติมเต็มความสุขให้กับทุกคนที่เข้ามาพักผ่อนได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ความมีชื่อเสียงของ     บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันระหว่างบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ก็ยิ่งเป็นส่วนช่วยสร้างความมั่นใจ ด้วยประสบการณ์การพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์ของบริษัททำให้ลูกค้ามีความไว้วางใจและเชื่อมั่นว่าโครงการต่างๆ ที่พัฒนาออกมาบนพื้นที่อาณาจักรแห่งนี้จะไม่ละทิ้งลูกบ้าน แต่เราจะยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการอื่นๆ ต่อไปอีก นอกจากนี้การที่เราเป็นอาณาจักรทิวทะเลเอสเตทแบบนี้ สะท้อนให้เห็นว่าเราไม่ใช่โปรเจคที่เป็นแสตนอโลน ไม่ได้ทำเพียงโปรเจคเดียวแล้วจบ แต่เรายังมีแผนที่จะค่อยๆ พัฒนาโครงการดีๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเรายังมีความตั้งใจที่จะสร้าง Community ริมหาดที่ดีที่สุดในเอเชีย ที่มาพร้อมกับความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงบริการต่างๆ ที่เหนือกว่าคู่แข่ง เราอยากให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในอาณาจักรแห่งนี้คือครอบครัวเดียวกัน คือพี่น้องกัน สามารถใช้สาธารณูปโภคต่างๆ ที่อยู่ภายในอาณาจักรทิวทะเลเอสเตทได้ทั้งหมด นอกจากนี้ ในส่วนของโรงแรมก็จะเป็นส่วนกลางที่เข้ามาสร้างมูลค่าในการให้บริการลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย” นายดิฐวัฒน์ กล่าว ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของอาณาจักรทิวทะเลเอสเตท ล่าสุดได้เปิดตัวภาพยนตร์ โฆษณาชุดแรก “ความทรงจำดีดี.....สู่ทิวทะเลเอสเตท” เพื่อเป็นการสื่อถึงความทรงจำดีๆ ในวัยเด็กของตัวเอง ความผูกพันกับพื้นที่แห่งนี้ ที่ได้สร้างความสุขระหว่างตนเองและครอบครัว จึงได้เกิดเป็นโปรเจค “ทิวทะเลเอสเตท” ที่ต้องการจะแชร์ความสุข ความผูกพัน ความทรงจำดีๆ ให้กับทุกๆ คน ได้เข้ามาใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า และมาร่วมสร้างความทรงจำที่ “ทิวทะเลเอสเตท” แห่งนี้ด้วยกัน ซึ่งได้ออนแอร์ไปแล้วผ่านทางออนไลน์ FB : Thew Talay Estateและช่อง Money Channel, รายการ Perspective MCOT 30 นายดิฐวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการขายและการตลาดของทิวทะเลเอสเตทว่า นอกจากการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณานี้แล้ว ยังจะมีการจัดกิจกรรมหรืออีเว้นท์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายและเพิ่มไลฟ์สไตล์ให้กับลูกค้า โดยในวันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2561 เตรียมจัดงาน  “Thew Talay Estate Beat of Life @ Baba Beach Club Hotel & Residences Hua hin”  ขึ้น โดยไฮไลท์ภายในงานพบกับคอนเสิร์ตจาก บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์, แฟชั่นโชว์จาก Elle ฯลฯ,  Water Sport by Iconic Studio นอกจากนี้จะมีโปรโมชั่นจากทุกโครงการ “วันเดียว ราคาเดียว” อีกด้วย ขณะที่นายวรสิทธิ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีพันวา แมเนจเมนท์ จำกัด และบริษัท อิสสระ จุนฟา จำกัด เปิดเผยว่าในส่วนของโรงแรมบาบา บีช คลับ หัวหิน หลังจากที่ทำการเปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อาทิ จีน ไต้หวัน แคนาดา และยุโรป เป็นอย่างดี สำหรับลูกค้าคนไทย โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มของลูกค้าที่เคยใช้บริการที่โรงแรมศรีพันวา เพื่อเป็นการเปลี่ยนประสบการณ์การพักผ่อนใหม่ๆ กับโรงแรมน้องใหม่ที่อยู่ภายใต้การบริหารแบบมืออาชีพจาก ศรีพันวา “ด้วยความที่โรงแรมมีทีมบริหารงานมืออาชีพอย่างศรีพันวา จึงทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจในบริการที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งรูปแบบการดีไซน์ของห้องพักทุกห้องมีสระว่ายน้ำ สร้างความเอ็กซ์คลูซีฟให้ได้สัมผัสกับวิวทะเลทุกห้อง ชูคอนเซปต์ความเป็น Music Lovers Hotel ใช้เสียงเพลงถ่ายทอดความประทับใจสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นบาบา บีช คลับ อีกทั้งในทุกๆ สัปดาห์เราจะมีการจัดกิจกรรม อาทิ ดีเจ และ Live Entertainment รวมถึงการจัดอีเว้นท์พิเศษพูลปาร์ตี้ Baba Beach Pool Party ซึ่งจัดทุกเสาร์สุดท้ายของเดือน เพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับแขกที่เข้ามาและแขกทั่วไปได้มีกิจกรรมสันทนาการ ” นายวรสิทธิ กล่าว อย่างไรก็ตามในส่วนของแผนการพัฒนาโรงแรมในระยะต่อไป มีแผนที่จะพัฒนาโรงแรมเพิ่มอีก 49 ห้อง พร้อมพัฒนาพื้นที่ให้มีห้องบอลรูม ห้องประชุมขนาดใหญ่ คูลสปา คิดส์คลับ ร้านอาหารซึ่งคาดว่าจะน่าเปิด ช่วงในปี 2020 เพื่อเป็นการขยายพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวชะอำ-หัวหิน มากขึ้น โดยจากข้อมูลการท่องเที่ยวชะอำ-หัวหิน ในปี 2558 ที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและเดินทางท่องเที่ยวชะอำ-หัวหิน ทั้งหมด 4,835,371 คน และ 5,923,321 คน ตามลำดับ ซึ่งมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งชะอำ-หัวหิน ยังมีเป็นเมืองที่มีความน่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยว การเดินทางสะดวกสบาย ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 2 ชั่วโมง
ชาญอิสสระ ปักธงปี 61 รุกไฮเอนด์ต่อเนื่อง ลุยเปิด 2 โรงแรมใหม่ เตรียมพร้อมโกอินเตอร์

ชาญอิสสระ ปักธงปี 61 รุกไฮเอนด์ต่อเนื่อง ลุยเปิด 2 โรงแรมใหม่ เตรียมพร้อมโกอินเตอร์

ชาญอิสสระ มองปี 61 อสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ ยังรุ่ง ตามอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น ระบุภาคการท่องเที่ยวยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการกระจายการใช้จ่ายภายในประเทศ พร้อมสยายปีกผุด 2 โรงแรมใหม่ บาบา บีช คลับ ภูเก็ต และ บาบา บีช คลับ หัวหิน โชว์โครงการบ้านสีตวัน ปากช่อง-เขาใหญ่ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นบ้านพักอาศัยที่ดีที่สุดในเอเซีย จากการการันตี โดยรางวัลชนะเลิศจากงาน  Asia Property Awards ครั้งที่ 12 ณ ประเทศสิงคโปร์ นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 ว่ายังมีทิศทางเติบโตขึ้นจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่คาดว่าในปีนี้จะขยายตัวถึง 3.8% ส่งผลให้ปีหน้าแนวโน้มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) จะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหลักจากภาคการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกสนับสนุนการเติบโต ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกให้กลุ่มลูกค้ามีกำลังในการใช้จ่ายมากขึ้นตามไปด้วย “ในปีหน้าภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มเติบโตขึ้น จากช่วงที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ที่จะช่วยผลักดันให้ภาคอสังหาฯ เติบโตตามไปด้วย อีกทั้งยังจะเป็นปัจจัยให้ปีหน้าเกิดกำลังการซื้อที่อยู่อาศัย และเกิดการใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น” นายสงกรานต์ กล่าว ทั้งนี้ในส่วนของการแข่งขันของตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2561 ตลาดไฮเอนด์ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนี่ยม ระดับลักชัวรี่ ยังมีทิศทางการเติบโตต่อเนื่องจากในช่วงปีที่ผ่านมา ความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับบนยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลคุณภาพ ขณะที่ทำเลคุณภาพในปัจจุบันค่อนข้างหายาก ดังนั้นดีเวล็อปเปอร์ ที่มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ออกมาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จึงมีความได้เปรียบในการพัฒนาโครงการออกมารองรับตลาดในปี 2561 โดยในส่วนของชาญอิสสระ ที่ผ่านมาได้พัฒนาโครงการทั้งบ้านเดี่ยว คอนโด วิลล่า โรงแรม ระดับลักชัวรี่ ในทำเลคุณภาพออกมารองรับกลุ่มลูกค้าดังกล่าว ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น โครงการอิสสระ เรสซิเดนท์ พระราม9, โครงการบ้านอิสสระ บางนา, โครงการอิสสระ คอลเลคชั่น สาทร, โครงการบาบา บีช เรสซิเดนท์ หัวหิน, โครงการบาบา บีช เรสซิเดนท์ ภูเก็ต โครงการบ้านสีตวัน ปากช่อง ซึ่งโครงการทั้งหมดถือเป็นโครงการที่พัฒนาออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าในกลุ่มลักชัวรี่อย่างแท้จริง โดยล่าสุดโครงการบ้าน   สีตวัน ปากช่อง-เขาใหญ่ ได้รับรางวัลชนะเลิศ ในประเทศไทย 2 รางวัล จากงาน PropertyGuru Thailand Property Awards 2017 ในหมวดโครงการบ้านจัดสรรที่ดีที่สุดในประเทศไทย และในหมวด โครงการบ้านพักอาศัยที่ดีที่สุดในเขาใหญ่ และในระดับเอเชียได้รับคัดเลือกให้เป็นบ้านพักอาศัยที่ดีที่สุดในเอเซีย จากการการันตี โดยรางวัลชนะเลิศจากงาน  Asia Property Awards ครั้งที่ 12 ณ ประเทศสิงคโปร์ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งภายในงานได้รวบรวมบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในประเทศแทบเอเชียกว่า 13 ประเทศ มีผู้ส่งเข้าร่วมแข่งขันจำนวนมาก แต่บ้านสีตวันได้รับเลือกเพราะมีความโดดเด่นด้านการออกแบบที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทย มีคาแรคเตอร์ที่แตกต่าง และมีการออกแบบคำนึงถึง Eco-Living  อีกทั้งมีการนำเทคโนโลยีการก่อสร้างบ้าน Modular จาก SCG HEIM มาผสมผสานดีไซน์จากบริษัทสถาปนิก แฮบบิตา จึงทำให้บ้านสีตวันได้รับรางวัลชนะเลิศในครั้งนี้  “ที่ผ่านมาเราเน้นตลาดไฮเอนด์มาตลอด และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้จากโครงการ อิสสระ เรสซิเดนท์ พระราม9, โครงการบ้านอิสสระ บางนา แม้ที่ผ่านมาจะไม่มีบ้านตัวอย่างให้ลูกค้าได้เข้าชม แต่ด้วยศักยภาพ ทำเล และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ของเรา จึงส่งผลให้ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ประกอบกับในช่วงต้นปีเรายังมีการจัดแคมเปญชาญอิสสระ ครบรอบ 65 ปี มอบ 65 แพคเกจสุดหรูที่พักโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต 3 วัน 2 คืน สำหรับลูกค้า 65 ท่านแรกที่มียอดการซื้อสูงสุด (65 Top Spender) ซึ่งแคมเปญดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยในวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ เราจะมีการจัดงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้า เพื่อมอบ 65 แพคเกจ ให้กับลูกค้าผู้โชคดี พร้อมมอบประสบการณ์สุดเอ็กคลูซีฟ รับชมคอนเสิร์ตจากนักร้องดัง ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา, ชมแฟชั่นโชว์คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดจาก KEMISSARA, การแสดงโอเปร่าจากวงฟิเวียร่า และร่วมลุ้นกับรางวัล Lucky Draw ที่เตรียมมามอบให้กับลูกค้าอีกมากมาย ในงาน The Elegance of 65th Year Charn Issara ณ ห้องเอสเธอร์ บอลรูม โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจีส กรุงเทพฯ” นายสงกรานต์ กล่าว นอกจากนี้เพื่อเป็นการตอกย้ำความเอ็กคลูซีฟที่จะมอบให้กับลูกค้า ในปี 2561 บริษัทยังเตรียมร่วมกับ Rabbit Card จัดทำบัตร“CHARN ISSARA MEMBER CARD” ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ในการมอบสิทธิพิเศษให้กับกลุ่มลูกค้าโครงการของชาญอิสสระ และบริษัทในเครือทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ที่โครงการตั้งอยู่ ได้มีสิทธิประโยชน์ในการเข้าใช้บริการต่างๆ ของโรงแรม ร้านอาหาร สปา ฯลฯ ที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ อีกทั้งมอบสิทธิประโยชน์จากร้านค้าชั้นนำอีกมากมายที่อยู่นอกเหนือจากบัตร Rabbit Card ทั่วไป ขณะเดียวกันในปี 2561 บริษัทจะยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ ทั้งในส่วนของบ้านเดี่ยว คอนโด รวมถึงโรงแรม ซึ่งที่ผ่านมาได้เปิดตัวโรงแรมน้องใหม่ 2 โครงการด้วยกันได้แก่ โรงแรมบาบา บีช คลับ ภูเก็ต และ โรงแรมบาบา บีช คลับ หัวหิน ซึ่งการเปิดตัวทั้ง 2 โครงการ เพื่อเป็นการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ประกอบกับเพื่อเป็นการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากโรงแรม ที่มองว่าในอนาคตธุรกิจการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหลักในการหนุนให้ภาคธุรกิจโรงแรมมีการเติบโตขึ้นทุกปีๆ ขณะเดียวกันในปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะนำทั้งสองโรงแรมดังกล่าวเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมศรีพันวา (“กองรีท”) เพื่อขยายกองทุนให้มีขนาดใหญ่ขึ้น โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2560 มีสินทรัพย์รวมของกองทุนที่ 3,592 ล้านบาท “เราอยากเพิ่มสัดส่วนรายได้โรงแรม ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งของบริษัท โดยที่ผ่านมารายได้โรงแรมคิดเป็นสัดส่วน 26% ของรายได้รวมทั้งหมด  นอกจากนี้เรายังรับเป็นที่ปรึกษา และบริหารงานโรงแรมที่ไฮหนาน มณฑล ยูนนานประเทศจีน กับกลุ่มจุนฟาเรียลเอสเตท มีมูลค่าโครงการกว่า 18,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันงานออกแบบ Conceptual Design แล้วเสร็จ คาดว่าแบบจะเสร็จพร้อมก่อสร้างภายในธันวาคมนี้ และมีกำหนดเปิดโรงแรมในปี 2562 รายการนี้เราได้ทั้งรายได้ค่าที่ปรึกษา และบริหารงานโรงแรม ซึ่งจะเป็นรายได้ระยะยาวให้กับบริษัท” นายสงกรานต์ กล่าว นายสงกรานต์ กล่าวต่อว่าในส่วนของภาพรวมการตลาดในช่วงที่เหลือของปีนี้ ก็เป็นช่วงเวลาที่การดำเนินธุรกิจอาจจะต้องเหนื่อยกันมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาประชาชนชาวไทยยังในช่วงเวลาแห่งการไว้อาลัย สถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค โดยในส่วนของการดำเนินธุรกิจของบริษัทในช่วงปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทได้ทุ่มงบประมาณการลงทุนไปกับการเปิด 2 โครงการใหม่ ได้แก่ โรงแรมบาบา บีช คลับ ภูเก็ต และ โรงแรมบาบา บีช คลับ หัวหิน ที่จะเป็นส่วนนึงในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ในระยะยาว โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นรายได้เข้ามาเต็มที่ในปี 2561 เป็นต้นไป