Tag : บริษัท บุญถาวรเซรามิค จำกัด

2 ผลลัพธ์
บุญถาวรนำร่อง ‘Solar Roof’ พลังงานทดแทน  ช่วยธุรกิจลดต้นทุน คืนทุนใน 7 ปี

บุญถาวรนำร่อง ‘Solar Roof’ พลังงานทดแทน ช่วยธุรกิจลดต้นทุน คืนทุนใน 7 ปี

บริษัท บุญถาวรเซรามิค จำกัด ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ลดการใช้เชื้อเพลิงอย่างก๊าซธรรมชาติในการผลิตพลังงานไฟฟ้า สืบเนื่องจากปัจจัยการขยายตัวเชิงเศรษฐกิจของไทยที่ขยายตัวจากเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ กระจายตัวออกไปยังหัวเมืองใหญ่ในแต่ละจังหวัดและภูมิภาคต่างๆ ภายในประเทศฯ เป็นผลให้ความต้องการพลังงานของประเทศไทยนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งในช่วง 3 เดือนแรกของ   ปี 2561 ที่ผ่านมาประเทศไทยมีอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงถึง 44,598  กิกะวัตต์ คิดเป็น 0.9% เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน1 ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ภาวะวิกฤตการณ์ขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า มีสภาวะรุนแรงยิ่งขึ้น สืบเนื่องมาจากก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยมีทีท่าว่าจะหมดลงในอีก 4 – 5 ปีข้างหน้า ซึ่งถือเป็นเชื้อเพลิงหลักในการใช้ผลิตไฟฟ้าของไทยถึง 70% ในการผลิตไฟฟ้า และหากก๊าซธรรมชาติหมดลงจะส่งผลตรงไปยังภาคเศรษฐกิจที่จะต้องทำการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้อัตราค่าการผลิตไฟฟ้าและราคาค่าไฟจะปรับตัวสูงขึ้นและมีที่ท่าว่าจะยังคงทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ได้รับการแก้ไขในระยะยาว จึงเป็นที่มาของ บุญถาวร ได้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ อย่าง ‘โซลาร์รูฟ’ (Solar Roof) มาติดตั้งตามสาขาต่างๆ โดยมี บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดูแลการติดตั้ง   การทำงานของ โซลาร์รูฟ (Solar Roof)  โซลาร์รูฟ (Solar Roof) ทำงานผ่านแผงโซลาร์เซลล์ที่ผลิตจากวัสดุสารกึ่งตัวนำที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับชิพคอมพิวเตอร์ในการเป็นตัวรับแสงอาทิตย์เข้ามาเปลี่ยนเป็นไฟฟ้ากระแสตรง ก่อนที่จะส่งไปยังเครื่องแปลงไฟ (Inverter) เพื่อเริ่มกระบวนการเปลี่ยนไฟฟ้ากระแสงตรง (DC Current) ไปเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Current) ในการดึงพลังงานไฟฟ้าไปใช้ต่อภายในครัวเรือนหรืออุตสาหกรรม ซึ่ง โซลาร์รูฟ สามารถติดตั้งได้กับหลังคาทุกประเภท อีกทั้งยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจ่ายค่าไฟ สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลาง ตัวอย่างเช่น บุญถาวร สาขาเกษตร-นวมินทร์ ติดตั้งขนาด 837 กิโลวัตต์ สามารถลดค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 20 – 25 % คิดเป็น 400,000 - 450,000 บาทต่อเดือน เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ไฟฟ้าแบบปกติ หรือเมื่อเปรียบเทียบ หากนำพลังงานที่ได้จากระบบ Solar Rooftop นี้ ไปใช้กับครัวเรือนบ้านพักอาศัยขนาดกลางโดยทั่วไป  ที่ใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยประมาณ 1,000 หน่วยต่อเดือน  สามารถใช้ได้ถึง 100 ครัวเรือน  คิดเป็นการประหยัดค่าไฟฟ้า 4,000 – 5,000 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน   โดยทาง บุญถาวร ได้ติดตั้ง โซลาร์รูฟ (Solar Roof) ทั้งสิ้นกว่า 11 สาขาทั่วประเทศ รวมขนาดประมาณ 7,226 กิโลวัตต์ สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า มากกว่า 836,000 หน่วยต่อเดือน ประหยัดค่าใช้จ่าย ประมาณ 3,764,000 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีแผนติดตั้ง โซลาร์รูฟ (Solar Roof) สำหรับโครงการต่างๆของบุญถาวรที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ยังช่วยในการบริหารจัดการลดค่าใช้จ่าย ค่าความต้องการพลังไฟฟ้า (kVA: Demand Charge) จากการเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท TOU Meter (Time of Use Rate หรือ อัตราค่าไฟฟ้าตามช่วงเวลาใช้) เป็นต้น ซึ่งจากการทดลองใช้งานดังกล่าวทำให้เห็นการทำงานของโซลาร์รูฟที่ช่วยในการประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้   ประโยชน์ของ โซลาร์รูฟ (Solar Roof) สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจและอุตสาหกรรมแล้ว การติดตั้งโซลาร์รูฟ (Solar Roof) นั้นสามารถช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ในระยะยาวเนื่องจากสามารถผลิตไฟฟ้าใช้งานเองได้ในเวลากลางวัน ด้วยการลงทุนเพียงครั้งเดียว มีอายุการใช้งานที่ยาวนานสูงกว่า 25 ปี ประกอบกับค่าบำรุงรักษาที่ย่อมเยา และระยะเวลาในการคืนทุนที่ชัดเจนภายใน 7 ปี ติดตามรายละเอียดต่างๆได้ที่บุญถาวรทุกสาขา หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.boonthavorn.com เฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/boonthavorn/ หรือไลน์ Official Account บุญถาวร  
ทิศทางวงการวัสดุตกแต่งไทย ปี 2561

ทิศทางวงการวัสดุตกแต่งไทย ปี 2561

สมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย (TIDA) ร่วมกับ บริษัท บุญถาวรเซรามิค จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุตกแต่งและวัสดุปิดพื้นผิว หรือ Coverings ในประเทศไทย ร่วมเผยเทรนด์การออกแบบตกแต่งภายในปี 2561 ในงาน TIDA COVERINGS 2018 ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Pattern’ ซึ่งได้ รวมเอากลุ่มคนที่มีความสนใจด้านวัสดุปิดพื้นผิว นักออกแบบและตกแต่งภายใน ไว้ด้วยกันมากที่สุดงานหนึ่งของประเทศไทย ถือเป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ในการช่วยพัฒนาบุคลากรในวงการมัณฑนศิลป์ ของไทยให้มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน และภายในงานยังได้รับโอกาสจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิอย่าง ผศ. ดร. เอกรัตน์ วงษ์จริต กรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายความคิดสร้างสรรค์ บริษัท คราฟท์ แฟคเตอร์ จำกัด และ มร.แอนเดรีย เดสสตาเฟนิส ผู้ร่วมก่อตั้งโคไคสตูดิโอ ที่ให้เกียรติร่วมแชร์ประสบการณ์ให้คนในวงการได้รับฟังภายในงานฯ สำหรับเทรนด์การออกแบบตกแต่งภายในปี 2561 นี้จะสะท้อนการผสมผสานของวัสดุหลากชนิด สี พื้นสัมผัส ลวดลายที่มีความแตกต่างเข้าไว้ด้วยกัน ผสานกับแนวการออกแบบที่มีชั้นเชิง เพื่อเพิ่มความสนุกสนานในการอยู่อาศัยให้มีมิติมากยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เพียงวัสดุ หรือ โทนสีเดียวกันเสมอไป ประกอบกับการเพิ่มความตัวตนของผู้อยู่อาศัยผ่าน D.I.Y หรือ Do It Yourself ที่ยังคงเป็นกระแสฮิตในหมู่คนรุ่นใหม่ที่จะได้มีโอกาสในการ ‘ออกแบบ’ และ ‘ลงมือ’ แต่งแต้มบ้านในฝันของตนเองได้ตรงตามรสนิยม ความชอบมากยิ่งขึ้น ประกอบกับการออกแบบแบบ Eco Design ก็เป็นอีกหนึ่งกระแสที่ฮิตไม่แพ้กัน ด้วยงานออกแบบที่มีความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิตที่จะประยุกต์ใช้ธรรมชาติเป็นแนวคิดหลักในการสร้างสรรคผลงานออกแบบและใช้ส่วนผสมจากวัสดุธรรมชาติ หรือเน้นรูปทรงธรรมชาติเข้ามาเสริมความเรียบง่ายของการออกแบบให้มีความล้ำลึกในรายละเอียดการตกแต่งได้อีกด้วย ในส่วนของวัสดุปิดผิวที่กำลังนิยมเป็นอย่างมากในหมู่สถาปนิกและนักออกแบบในตอนนี้ต้องยกให้ กระเบื้องไซส์ใหญ่ เพราะตัววัสดุกระเบื้องไซส์ใหญ่สามารถนำเอาไปต่อยอดงานดีไซน์ได้หลากหลายรูปแบบ ตามความชอบและไลฟ์สไตล์ได้ตรงจุด ประกอบกับลวดลายที่มีหลากหลาย ทั้งลายหินอ่อน (Marble) และ ลายหินขัด (Terrazzo) ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากดีไซน์ของหินจริงสามารถนำไปใช้งานร่วมกับวัสดุอื่นๆ เพื่อเพิ่มระดับของงานออกแบบในสไตล์ต่างๆ ได้อย่างลงตัว เหมาะกับการใช้ปูตกแต่งบ้าน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และอาคารสำนักงาน หรือแม้แต่การนำมาช่วยปิดพื้นผิวหรือหน้าท็อปเคาน์เตอร์ครัวก็สามารถเติมลูกเล่นให้กับงานตกแต่งได้เช่นกัน ซึ่งภายในงาน TIDA Coverings 2018 ยังได้มีการนำเอาวัสดุปิดพื้นผิวและผนังจากทั้งในและต่างประเทศ มาอัพเดทภายในงานฯ อาทิ กระเบื้องเซรามิค (Ceramic Tiles) โมเสค (Mosaic) โซลิดเซอร์เฟส (Solid Surface) วีเนียร์ (Veneer) ลามิเนท (Laminate) และ คริสตัลบอร์ด (Crystal Board)