Tag : บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด

2 ผลลัพธ์
สิริ เวนเจอร์ส เผยแผนลงทุนใน 2 สตาร์ทอัพและกองทุนยักษ์จากอเมริกาส่งท้ายปี 61 เตรียมประกาศ “SIRI VENTURES Private PropTech Sandbox” แผนต่อยอดนวัตกรรมสำหรับการพักอาศัยเพื่อลูกบ้านแสนสิริในปี 2562

สิริ เวนเจอร์ส เผยแผนลงทุนใน 2 สตาร์ทอัพและกองทุนยักษ์จากอเมริกาส่งท้ายปี 61 เตรียมประกาศ “SIRI VENTURES Private PropTech Sandbox” แผนต่อยอดนวัตกรรมสำหรับการพักอาศัยเพื่อลูกบ้านแสนสิริในปี 2562

สิริ เวนเจอร์ส สรุปผลการดำเนินธุรกิจในปี 2561 เผยแผนลงทุน Fifthwall กองทุนยักษ์จากอเมริกาและ 2 สตาร์ทอัพที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง Techmetics-Neuron ส่งท้ายไตรมาส 4 หนุนภาพรวมการลงทุนกว่า 300 ล้านตลอดปี แย้มแผนปี 2562 เตรียมประกาศ “SIRI VENTURES Private PropTech Sandbox” เป็น PropTech รายแรกในไทยที่ใช้โมเดลนี้ต่อยอดนวัตกรรมสำหรับการพักอาศัยเพื่อลูกบ้านแสนสิริ จ่อลงทุนใหม่ 600 ล้านบาท ขยับสเกลการลงทุนสู่สตาร์ทอัพซีรีส์เอขึ้นไป นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด (SIRI VENTURES) บริษัทร่วมทุนในรูปแบบ CVC เพื่อวิจัยและลงทุนด้าน PropTech อย่างครบวงจร    เต็มรูปแบบรายแรกของไทย ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานในปี 2562 บริษัทได้เตรียมประกาศ “SIRI VENTURES Private PropTech Sandbox” หรือ พื้นที่ประมวลผลเสมือนจริงของเหล่าสตาร์ทอัพโดย สิริ เวนเจอร์ส จะนับเป็น PropTech รายแรกในไทยที่นำโมเดลนี้เข้ามาใช้ต่อยอดนวัตกรรมสำหรับการพักอาศัยเพื่อลูกบ้านแสนสิริ หลังจากความสำเร็จในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาของ สิริ เวนเจอร์ส ภาพรวมการลงทุนตลอดทั้งปี 2561 ทั้งรูปแบบการลงทุนโดยตรงในสตาร์ทอัพ การลงทุนผ่านกองทุน และการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับหน่วยงานต่างๆ มูลค่าการลงทุนรวมมากกว่า 300 ล้านบาท นับเป็นบันไดก้าวสำคัญในการต่อยอดให้เกิดนวัตกรรมและ PropTech ใหม่ๆ ในไทยอย่างเป็นรูปธรรม เผยนวัตกรรมในที่อยู่อาศัยจากการลงทุนในสตาร์ทอัพปี 2561 ทั้งนี้ บริษัทได้เริ่มนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมของสตาร์ทอัพรายต่างๆ ที่ได้เข้าลงทุน นำร่องใช้กับโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริ อาทิ Semtive สตาร์ทอัพที่อยู่ระหว่างพัฒนากังหันลมพลังงานไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย, การนำนวัตกรรมของ Astralink สตาร์ทอัพด้าน Construction Tech ผู้พัฒนาเทคโนโลยีแอพพลิเคชันสำหรับตรวจสอบงานก่อสร้าง 3 มิติแบบเรียลไทม์ มาควบคุมคุณภาพการก่อสร้าง โดยอยู่ระหว่างการทดสอบใช้งานในหลายโครงการของแสนสิริ, การเตรียมเปิดตัว แสนสิริ โฮม เซอร์วิส แอพพลิเคชัน ให้ก้าวสู่อีกขั้นกับการพัฒนา AI ให้โต้ตอบได้ทันที รองรับโลกขยับ             สู่ยุค “สั่งการด้วยเสียง” ด้วย AI แบบ Human-like เต็มรูปแบบ ซึ่งพัฒนาโดย Onion Shack สตาร์ทอัพผู้พัฒนาการสนทนาด้วยเสียงผ่านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ AppySphere สตาร์ทอัพผู้พัฒนาระบบ Home Automation, Farmshelf สตาร์ทอัพด้าน Living Tech จากสหรัฐอเมริกาที่พัฒนาการปลูกผักอัจฉริยะภายในที่พักอาศัย รวมถึงการเริ่มนำ e-Scooter จาก Neuron สตาร์ทอัพสัญชาติสิงคโปร์มาทดลองใช้ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ไทยเป็นครั้งแรก ชู Startup Ecosystem พาสตาร์ทอัพไทยสู่ ซิลิคอน วัลเลย์ เวทีสตาร์ทอัพระดับโลก นอกจากนี้บริษัทยังสามารถช่วยส่งเสริมระบบนิเวศของสตาร์ทอัพ (Startup Ecosystem) ให้เติบโต ทั้งการจับมือกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีในไทยและระดับโลกรวม 12 ราย โดยในปีนี้ สิริ เวนเจอร์ส ได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งมากมาย อาทิ Startup Thailand, Microsoft Thailand, dtac accelerate, Hubba Thailand และ Unicef ซึ่งแสนสิรินับเป็นองค์กรแรกในประเทศไทยที่ได้รับเลือกให้เป็น UNICEF’s Selected Partner นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรทั้งที่เป็น Accelerator มหาวิทยาลัย และองค์กรรัฐ ที่มีส่วนผลักดันการเติบโตของสตาร์ทอัพอีกมากมาย รวมถึงการร่วมจัดงาน        ที่สนับสนุนองค์ความรู้ ติดอาวุธให้แก่คนในอีโคซิสเท็ม เช่น Techsauce Global Summit 2018, Startup Thailand 2018 การพาสตาร์ทอัพไทยไปสู่เวทีสตาร์ทอัพระดับโลกอย่าง ซิลิคอน วัลเลย์ การจัดงานแฮกกาธอน เพื่อให้สตาร์ทอัพได้โชว์ผลงาน ซึ่งรวมถึงงานแฮกกาธอนที่บริษัทจะร่วมกับ Google Developer Thailand ในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ด้วย   จับมือ Startup Platform ใหญ่ในจีน “China Renaissance” สร้างเครือข่ายสตาร์ทอัพในจีน นอกจากการลงทุนในสตาร์ทอัพแล้ว สิริ เวนเจอร์ส ยังได้ร่วมมือกับ Startup Platform ระดับโลก อาทิ “Plug and Play” จากซิลิคอน วัลเล่ย์ส สหรัฐอเมริกา และ “SOSA” จากอิสราเอล ซึ่งทั้งสองเป็นเครือข่ายของสตาร์ทอัพเกือบหมื่นรายจากทั่วโลก รวมถึงล่าสุดในความร่วมมือกับ “China Renaissance” ในการลงทุนในกองทุน “Hua Xing” กองทุนใหญ่ในประเทศจีนที่มีเครือข่ายสตาร์ทอัพในระดับยูนิคอร์นในเครือข่ายอยู่มากกว่า 20 สตาร์ทอัพ ที่จะช่วยเชื่อมโยง สิริ เวนเจอร์ส ให้พบกับสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในการพัฒนานวัตกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยในประเทศจีนได้รวดเร็วและมากขึ้น ลงทุนกองทุนยักษ์จากอเมริกา และ 2 สตาร์ทอัพ ส่งท้ายปี 61  "ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทยังได้เข้าลงทุน Fifth Wall กองทุนยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกาที่มุ่งลงทุนในเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกที่จะช่วย สิริ เวนเจอร์ส ค้นหาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในการพัฒนานวัตกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยได้กว้างขวางและรวดเร็วขึ้น รวมถึงการลงทุนเพิ่มเติมในอีก 2 สตาร์ทอัพที่น่าสนใจ ได้แก่ การเข้าถือหุ้นใน Techmetics ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพหนึ่งในสองผู้พัฒนาหุ่นยนต์ให้บริการ (Deliverly Robot) ในโลกจากประเทศสิงคโปร์ โดยที่ผ่านมาแสนสิริได้นำ “แสนดี” เข้ามาใช้ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ไทยเป็นครั้งแรก ในโครงการ เดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า นอกจากในประเทศไทย Deliverly Robot ซึ่งพัฒนาโดย Techmetics ยังมีแนวโน้มได้รับการตอบรับที่ดีจากทั่วโลก ณ ปัจจุบัน Techmetics ได้ขยายการเปิดสาขาเพิ่มเติมใน ซิลิคอน วัลเล่ย์ สหรัฐอเมริกา และพัฒนา Deliverly Robot เพื่อนำไปใช้ในโรงแรมชั้นนำ อาทิ แมริออท ซิลิคอน วัลเล่ย์, โยเทล นิวยอร์คและไมอามี่ โรงพยาบาลในออสเตรเลียและไต้หวัน รวมทั้งปีหน้ามีแผนการขยายสาขาการพัฒนาไปยังแคนาดาและยุโรป นอกจากนี้บริษัทยังลงทุนใน Neuron สตาร์ทอัพสัญชาติสิงคโปร์ผู้พัฒนา e-Scooter เพื่อนำมาใช้ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ไทยเป็นครั้งแรก โดยอยู่ระหว่างการทดลองใช้ที่ฮาบิโตะ ใน T77 และโครงการภายใต้แบรนด์ ดีคอนโด ที่เชียงใหม่”นายจิรพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติม สำหรับปี 2562 บริษัทเตรียมลงทุนในมูลค่ารวม  600 ล้านบาท ในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ลงทุนไปแล้วมาต่อยอด เช่น การพัฒนายกระดับ แสนดี หุ่นยนต์ให้บริการของแสนสิริที่จะสามารถให้บริการได้มากกว่าการช่วยส่งพัสดุ การลงทุนใหม่ในสตาร์ทอัพและ Venture Capital ที่จะขยับสเกลการลงทุนในสตาร์ทอัพในระดับซีรี่ส์เอขึ้นไป การสนับสนุนระบบนิเวศสำหรับสตาร์ทอัพ จะเริ่มขยายตลาดการสนับสนุนสตาร์ทอัพและเทคโนโลยีสู่ระดับเอเชียมากขึ้นจากในปีนี้ ซึ่งเน้นสนับสนุนในประเทศไทยเป็นหลัก และการวิจัยและพัฒนา (Lab & Development) จะยังคงเดินหน้าพัฒนางานวิจัยร่วมกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในทั้ง 4 ด้านภายใต้แผนการดำเนินงานของ สิริ เวนเจอร์ส ในปี 2562 จะครอบคลุมความต้องการของลูกค้าแสนสิริได้ในทุกด้าน รวมถึงยังยกระดับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยผ่านการสร้างระบบนิเวศเพื่อการพัฒนาด้าน PropTech และ Living Tech ที่ยั่งยืน          
สิริเวนเจอร์สรุกจับมือ GDG Thailand พัฒนาแอพพลิเคชั่นรองรับ   Google Assistant เวอร์ชั่นไทยเจ้าแรก ต่อยอดสมาร์ทโฮมสุดล้ำตอบโจทย์   ไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัยยุคใหม่

สิริเวนเจอร์สรุกจับมือ GDG Thailand พัฒนาแอพพลิเคชั่นรองรับ Google Assistant เวอร์ชั่นไทยเจ้าแรก ต่อยอดสมาร์ทโฮมสุดล้ำตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัยยุคใหม่

สิริเวนเจอร์ส ดึง GDG พัฒนาระบบสมาร์ทโฮม จากแพลตฟอร์ม Google Assistant หวังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัยด้วยเวอร์ชั่นคำสั่งภาษาไทยรายแรกในประเทศ พร้อมเปิดแผนพัฒนาล้ำหน้ามากกว่าการทำงานพื้นฐานเปิด-ปิดไฟ เตรียมเปิดตัว Home Service Application   นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด (SIRI VENTURE) บริษัทร่วมทุนในรูปแบบ Corporate Venture Capital ในเครือแสนสิริทำการวิจัยและลงทุน เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ (R&D) ด้าน Property Technology อย่างเต็มรูปแบบเป็นรายแรกของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ GDG Thailand ( Google Developer Group) กลุ่มนักพัฒนาที่สนใจเทคโนโลยีของกูเกิลในประเทศไทย พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ บนแพลตฟอร์ม Google Assistant ผู้ช่วยอัจฉริยะจากค่าย Google ที่พัฒนาขึ้นมาใช้งานกับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน เช่นลำโพง Google Home, แอพพลิเคชั่น Google Assistant ในระบบแอนดรอยด์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยในทุกแพลตฟอร์มให้กับผู้อยู่อาศัย ให้ผู้ใช้งานใช้ชีวิตได้สะดวกสบายขึ้น โดยในการพัฒนาครั้งนี้ได้ต่อยอดฟังก์ชั่นการสั่งงานภาษาไทย ที่เล็งเห็นความสำคัญในการตอบโจทย์ผู้ใช้งานชาวไทยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งนอกจากการร่วมสนับสนุนนักพัฒนาให้สร้างแอพบนแพลตฟอร์มแล้ว ยังมีกิจกรรมเวิร์คช็อป และการแข่งขัน Hackathon อีกด้วย     สำหรับการพัฒนาร่วมกันในครั้งนี้จะมีการเปิดตัว Home Service Application บนแพลตฟอร์ม Google Assistant Google Home ที่รองรับการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบ ในงาน Techsauce Global Summit 2018 ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ 22-23 มิถุนายน 2561 และตั้งเป้าเปิดให้ใช้กับโครงการของแสนสิริในไตรมาส 3/2561 ซึ่งนอกเหนือจากฟังก์ชั่นรองรับการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยแล้ว ยังได้ร่วมมือกับ GDG ประเทศไทย เพื่อร่วมกันส่งเสริมให้ Start up ไทยเข้ามาร่วมพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ เพิ่มคุณสมบัติการใช้งาน Google Assistant เวอร์ชั่นภาษาไทย เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านในโครงการของแสนสิริ อาทิ การเช็คข้อมูลข่าวสารต่างๆ ของโครงการ รวมถึงการส่งพัสดุ การส่งข้อความหานิติบุคคล และการแจ้งซ่อมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้านเป็นต้น ซึ่งการพัฒนาในครั้งนี้จะทำให้สามารถสั่งงานด้วยเสียงได้ และใช้งานจริงได้กับ Google Home ถือเป็นการต่อยอดให้เหมาะกับการใช้งานของคนไทยมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีดิจิทัลตลอดเวลา รวมถึงทิศทางของทั่วโลกก็มีการพัฒนาด้านสมาร์ทโฮมและเติบโตอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ประเทศไทยยังมีการเข้าถึงไม่มากนัก ส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากข้อจำกัดในด้านการสื่อสารกับอุปกรณ์สมาร์ทโฮมที่ยังไม่ค่อยรองรับคำสั่งภาษาไทย   นอกจากนี้สิริเวนเจอร์สยังคงพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับเทรนด์การใช้ Smart home assistant เช่น ลำโพงสั่งการด้วยเสียงที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และถือว่าเป็นเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคด้านที่อยู่อาศัยที่เติบโตเร็วที่สุด โดยมีจำนวนผู้ใช้งานเกินกว่า 50 ล้านรายในปี 2561 ซึ่งเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวจากปีก่อนหน้า โดยอุปกรณ์เหล่านี้จะมีผลต่อพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรแกรมการสั่งงานด้วยเสียงนั้นจะถูกพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จากการเก็บข้อมูลการใช้งานจริงจากผู้ใช้งาน Google จำนวนมากในประเทศไทยด้วยระบบAI ส่งผลให้เพิ่มประสิทธิภาพของตัวเครื่องให้ตอบโจทย์ในสิ่งที่ผู้อยู่อาศัยต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ     “ในต่างประเทศเองได้มีการพัฒนาไปจนถึงจุดที่ Google Assistant สามารถทำงานร่วมกับ Third party หรือบริการต่างๆ ที่เป็นที่นิยมของผู้บริโภค ด้วยการสั่งการผ่าน Google Home ได้โดยตรง เช่น การเรียกดูข้อมูลข่าวสารจาก CNBC , การเลือกดูหนังจาก Netflix, การสั่งอาหาร หรือการเรียกใช้บริการขนส่งสาธารณะออนไลน์ ซึ่งฟังก์ชั่น เหล่านี้ สามารถใช้งานด้วยการสั่งการด้วยเสียงได้ทันที เราคาดหวังว่าจะมีสตาร์ทอัพไทยรายใหม่ๆ เห็นโอกาสและอยากเข้ามาพัฒนาฟังก์ชั่นนี้ โดยใช้ประโยชนจากการเก็บข้อมูลของ Google Assistant มาพัฒนาต่อยอด” นายจิรพัฒน์กล่าว   สำหรับโรดแมปในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับสมาร์ทโฮมร่วมกับสิริเวนเจอร์สนั้น เราได้แบ่งออกเป็นแผนระยะสั้นและระยะยาว โดยในระยะสั้นจะเป็นการพัฒนาแอพพลิเคชั่น Home Service App ให้สามารถสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยผ่าน Google Home ได้โดยตรง โดยจะสามารถใช้งานได้จริงภายต้นไตรมาส 3ปีนี้ และในอนาคตจะพัฒนาเพื่อรองรับระบบ Internet of Things คือการใช้งานอย่างครอบคลุมสามารถสื่อสารเชื่อมโยงระหว่างสิ่งของกับสิ่งของด้วยกัน ซึ่งจะทำให้เกิดผลดีกับผู้บริโภคอย่างมหาศาล   นายวิทยา อัศวเสถียร Community Manager ของ Google Developer Group Thailand กล่าวว่า GDG ประเทศไทย คือกลุ่มนักพัฒนาที่สนใจเทคโนโลยีของกูเกิล โดยการร่วมมือครั้งนี้มีขึ้นเพื่อพัฒนาแอพพลิเคชั่นต่อยอดการใช้งาน Google Assistant เวอร์ชั่นภาษาไทยรายแรกของประเทศ จากการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องพบว่าจุดเด่นของ Google Assistant ที่ได้ร่วมมือพัฒนากับสิริเวนเจอร์ส คือ การเปิดกว้างให้ Start up ไทยสามารถนำไปต่อยอดพัฒนาให้เกิดฟังก์ชั่นใหม่ๆ แบบไร้ขีดจำกัด