Tag : บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)

2 ผลลัพธ์
ซีพีเอ็น ชูอินโนเวชั่นทางธุรกิจและไลฟ์สไตล์ ต่อยอดวิสัยทัศน์ ‘Center of Life’ แตกไลน์ธุรกิจใหม่แบรนด์ ‘Common Ground’ โคเวิร์กกิ้งสเปซเต็มรูปแบบ

ซีพีเอ็น ชูอินโนเวชั่นทางธุรกิจและไลฟ์สไตล์ ต่อยอดวิสัยทัศน์ ‘Center of Life’ แตกไลน์ธุรกิจใหม่แบรนด์ ‘Common Ground’ โคเวิร์กกิ้งสเปซเต็มรูปแบบ

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ประกาศเดินหน้าขยายไลน์ธุรกิจใหม่แบรนด์ ‘คอมมอน กราวด์’ (Common Ground) โคเวิร์กกิ้งสเปซเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างคอมมูนิตี้ผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ และต่อยอดวิสัยทัศน์การสร้าง Center of Life ศูนย์กลางการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ด้วยการร่วมทุนกับ Common Ground Group แบรนด์โคเวิร์กกิ้งสเปซที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งเป้าทุ่มงบ 800 ล้านบาท เปิด 20 สาขา ใน 5 ปี เปิดสาขาแรกต้นปีหน้า มุ่งเป็น ‘คอมมูนิตี้เชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการหัวคิดใหม่ที่ดีที่สุด’ แห่งแรกในไทย ชูจุดแข็งความเป็นศูนย์การค้าอันดับหนึ่งของประเทศที่สามารถต่อยอดธุรกิจด้วยเน็ตเวิร์กและมาร์เก็ตเพลสของซีพีเอ็น และกลุ่มเซ็นทรัล พร้อมตอบรับชีวิตทำงานยุคใหม่ด้วย Holistic Lifestyle Integration เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพฮับแห่งเซ้าท์อีสต์เอเชีย และผลักดันเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งยั่งยืน ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากวิสัยทัศน์การสร้าง Center of Life ของเรา ในการเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ เราจึงขยายไลน์ธุรกิจใหม่แบรนด์ ‘คอมมอน กราวด์’ (Common Ground) โคเวิร์กกิ้งสเปซเต็มรูปแบบ ซึ่งถือเป็น the New Generation of Innovative Coworking Community เพื่อเป็น ‘คอมมูนิตี้เชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการหัวคิดใหม่ที่ดีที่สุด’ แห่งแรกในไทย ด้วยการร่วมทุนกับ คอมมอน กราวด์ กรุ๊ป แบรนด์โคเวิร์กกิ้งสเปซที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตั้งเป้าทุ่มงบ 800 ล้านบาท เปิด 20 สาขา ใน 5 ปี เปิดสาขาแรกต้นปีหน้า เพื่อตอบรับเทรนด์ coworking space และ sharing economy กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใน 10 ปีข้างหน้า และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของธุรกิจโคเวิร์กกิ้งแห่งใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” นายอิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขาย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงเทรนด์ของโคเวิร์คกิ้งสเปซในไทยว่า ในปัจจุบัน มีกลุ่มบริษัทโคเวิร์กกิ้งสเปซระดับนานาชาติจากต่างประเทศหันมาปักหมุดและลงทุนในประเทศไทย โดยปัจจัยหลัก 2 ประการ คือ หนึ่ง เมกะเทรนด์ที่ไลฟ์สไตล์การทำงานของผู้คนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงไปตาม Technology และ Flexibility โดยต้องการพื้นที่ทำงานที่มีความเป็น Collaborative Workspace รวมถึงการลดต้นทุนทางธุรกิจทำให้รูปแบบการทำงานของผู้ประกอบการ และบริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลกจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยคาดว่าตลาด coworking space ในเอเชีย จะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 30% ในปี 2030 จากปัจจุบันที่มีตลาดอยู่ที่ 2% สอง อัตราการเติบโตของตัวเลขเอสเอ็มอีในประเทศไทย ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูง 8-10% ต่อปี มากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยกว่า 1 ใน 6  มีธุรกิจอยู่ในกรุงเทพฯ หรือคิดเป็นกว่า 500,000 ราย โดยเอสเอ็มอีเหล่านี้ ล้วนแต่มองหาสถานที่ทำงานในทำเลที่ดี หรือ prime location แต่การเข้าถึงออฟฟิศให้เช่าเกรด A ในกรุงเทพฯ เป็นไปได้ยากและมีราคาสูง เช่นเดียวกับบริษัทใหญ่ๆ ที่ต้องการลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ทำให้โคเวิร์กกิ้งในรูปแบบของ ‘คอมมอน กราวด์’ จึงเกิดขึ้นเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในเข้าถึงสถานที่ทำงานรูปแบบใหม่ หรือ โคเวิร์กกิ้งสเปซที่เต็มไปด้วยบริการมาตรฐานเกรด A แต่ยังตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพเปี่ยมไปด้วยเครือข่ายทางธุรกิจ มร. เออร์แมน อะคินซี หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งคอมมอน กราวด์ และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของคอมมอน กราวด์ เผยว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเข้าใจผู้ประกอบการอย่างลึกซึ้งในประเทศไทย เราเชื่อว่าการผนึกกำลังในครั้งนี้กับเซ็นทรัลพัฒนาที่เป็นผู้นำการพัฒนาศูนย์การค้าของประเทศ และหนึ่งในบริษัทกลุ่มเซ็นทรัลจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ และสร้างนวัตกรรมทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ทำให้ผู้ประกอบการสามารถต่อยอดธุรกิจด้วยเน็ตเวิร์กและมาร์เก็ตเพลส  พร้อมตอบรับชีวิตคนทำงานและไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ด้วย Holistic Lifestyle Integration ด้วยความแข็งแกร่งและกลุ่มธุรกิจที่หลากหลายของกลุ่มเซ็นทรัล ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรม แบรนด์แฟชั่น ไลฟ์สไตล์และร้านอาหาร จะเป็นจุดแข็งด้านไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่น ครบครันและครอบคลุมที่สุดในประเทศไทย” “การเปิดตัวคอมมอน กราวด์ในประเทศไทยนี้ถือเป็นการเปิดตัวในต่างประเทศเป็นประเทศที่ 3 ในภูมิภาคนี้ โดยจะเป็นรีจินัลแฟลกชิพแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยขนาดพื้นที่ถึง 4,500 ตร.ม. ซึ่งจะตั้งอยู่ใน Bangkok CBD ซึ่งโคเวิร์กกิ้งสเปซรูปแบบใหม่นี้จะทำให้ผู้ประกอบการหรือบริษัทใหญ่ต่างๆ สามารถลดต้นทุน เนื่องจากไม่จำเป็นต้องลงทุนสร้างออฟฟิศแบบถาวร ตั้งอยู่ใน Prime location ทำให้ติดต่องานและหมุนเวียนเปลี่ยนโลเคชั่นได้สะดวก อีกทั้ง มีความแตกต่างจากโคเวิร์กกิ้งสเปซอื่นๆ ด้วยจุดเด่นในการมอบไลฟ์สไตล์ที่ครบครันและสมบูรณ์แบบ (Enrich Lifestyle) ด้วยโลเคชั่นที่ใกล้กับศูนย์การค้าพร้อมสิทธิประโยชน์มากมายจากพันธมิตรทางธุรกิจและแบรนด์ต่างๆ ทั้งแฟชั่นไลฟ์สไตล์ ร้านอาหาร ธนาคาร ฟิตเนส ที่จอดรถ ร่วมด้วยกิจกรรมอีเว้นต์และไลฟ์สไตล์เวิร์กช็อปมากมาย พร้อมต่อยอดการเติบโตทางธุรกิจ (Expand Business through our deep partnerships) ด้วยการได้ทดลองทำตลาด ทำจริง ขายจริง ในศูนย์การค้าของซีพีเอ็น และธุรกิจอื่นๆ ของกลุ่มเซ็นทรัล นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังสามารถใช้บริการได้ในทุกสาขาทั่วโลก และเพิ่มคอนเนคชั่นทางธุรกิจที่เปิดกว้างและหลากหลายกว่า” มร. เออร์แมน อะคินซี กล่าว มร. จุน เตียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมมอน กราวด์และอีกหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง กล่าวถึง แผนการลงทุนของคอมมอน กราวด์กรุ๊ปในระดับภูมิภาคว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า เราตั้งเป้าจะเติบโตกว่า 3 เท่าทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสำหรับประเทศไทย จะมีจำนวนสาขาทั่วประเทศ กว่า 20 สาขา โดยกว่า 10 สาขาจะตั้งอยู่บน Prime Location ในกรุงเทพฯ ที่อยู่ในอาคารสำนักงานที่เชื่อมต่อกับศูนย์การค้าของซีพีเอ็น หรืออาคารสำนักงานให้เช่าอื่นๆ รวมถึงสาขาในหัวเมืองสำคัญ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต และ พัทยา เป็นต้น ทำให้ผู้ประกอบการสามารถใช้บริการในโลเคชั่นของเราได้ทั้งในและต่างประเทศ”   มร. เตียว กล่าวเพิ่มเติมว่า  “คอมมอน กราวด์เป็นรูปแบบใหม่ของโคเวิร์คกิ้งสเปซในประเทศไทย โดยจับกลุ่มเป้าหมายคนทำงานรุ่นใหม่ ได้แก่ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กลุ่มสตาร์ทอัพและฟรีแลนซ์ 80% และกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความต้องการทำงานในโคเวิร์กกิ้งสเปซ 20% การขยายธุรกิจเข้ามาในประเทศไทยในครั้งนี้ จึงมุ่งเข้ามาเพื่อสร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ให้กับคนไทย เพื่อตอบรับ 6 เทรนด์โคเวิร์กกิ้งสเปซที่จะเกิดขึ้นในปี 2019 ทั่วโลกอีกด้วย ทำให้คอมมอน กราวด์เป็นโคเวิร์กกิ้งสเปซเต็มรูปแบบที่ตอบโจทย์เทรนด์ระดับโลกทั้ง 6 ประการ เพื่อสร้างคอมมูนิตี้ผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย” โดย มร. เตียว กล่าวเพิ่มเติมถึง 6 เทรนด์โคเวิร์กกิ้งสเปซที่จะเกิดขึ้นในปี 2019 ทั่วโลก ได้แก่   ในระดับนักลงทุนธุรกิจโคเวิร์กกิ้ง คือ   เทรนด์การเข้ามาลงทุนทำ Coworking space จะเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความครบครันให้กับโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูสของกลุ่มบริษัทอสังหาริมทัพย์ เทรนด์โลคัลแอคโกลบอล หรือ การผสมผสานอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของผู้ประกอบการในท้องถิ่นเข้ากับความเชี่ยวชาญการจัดการในระดับนานาชาติจากโกลบอลแบรนด์ในระดับผู้ประกอบการยุคใหม่ กระแส Work-Life Balance ในคนยุคใหม่ เทรนด์การชอบใช้พื้นที่การทำงานที่สามารถปรับเปลี่ยนได้และช่วยจุดประกายต่อยอดโอกาสธุรกิจ (Flexible & Hyper Competitive Space) เทรนด์ความต้องการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์กด้วยเทคโนโลยีและระบบบล็อคเชนในพื้นที่การทำงาน และ เทรนด์ที่กลุ่มบริษัทใหญ่ๆ (Corporate) เริ่มมองหาพื้นที่การทำงานในรูปแบบใหม่เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ให้กับองค์กร รวมถึงเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ              
เซ็นทรัลพัฒนา ชูวิสัยทัศน์ “Co-Create Center of Life” อย่างเป็นรูปธรรม ภายในปี 2022 เสริมแกร่งธุรกิจทุ่มงบกว่า 1 แสนล้านบาทใน 5 ปี สร้าง ‘The New Landscape’ วงการรีเทล

เซ็นทรัลพัฒนา ชูวิสัยทัศน์ “Co-Create Center of Life” อย่างเป็นรูปธรรม ภายในปี 2022 เสริมแกร่งธุรกิจทุ่มงบกว่า 1 แสนล้านบาทใน 5 ปี สร้าง ‘The New Landscape’ วงการรีเทล

  บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ผู้นำด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของไทย นำโดย นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารแถลงวิสัยทัศน์ 5 ปี (2018-2022) บุกเบิกเทรนด์รีเทลด้วยแนวคิด “Co-Create Center of Life” ผ่าน 3 กลยุทธ์คือ  การสร้าง Destination Concepts, Digital Platform, และ Partnerships พร้อมทุ่มงบกว่า 1 แสนล้านบาทใน 5 ปี ชูสร้าง ‘The New Landscape’ ของวงการรีเทล ตอกย้ำความเป็น Global Player ด้วย 5 โครงการไฮไลท์ยิ่งใหญ่ทั้งในไทยและต่างประเทศ คือ เซ็นทรัลเวิลด์โฉมใหม่, เซ็นทรัล ภูเก็ต, เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้, เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา และ เซ็นทรัล วิลเลจ พร้อมปรับทุกศูนย์ฯ ให้เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตและคอมมูนิตี้ที่ลูกค้าจะได้มา “ใช้ชีวิต” ตาม ไลฟ์สไตล์ของตนเองอย่างแท้จริง   นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ในยุค Digital Disruption ที่เกิดขึ้นทั่วโลกขณะนี้ ทุกธุรกิจต้องมีการปรับตัวเปลี่ยนแปลง ซึ่งซีพีเอ็นเรามองการปรับตัวครั้งนี้ว่าเป็น ความท้าทายและโอกาสที่จะทำให้เราได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้ง ดังเช่น 38 ปีที่ผ่านมาที่เราเคยได้สร้างปรากฏการณ์สำคัญๆ ให้กับวงการค้าปลีกไทย และวันนี้เราจะสร้างประวัติศาสตร์ให้วงการค้าปลีกอีกครั้ง ทำให้การมาเดินศูนย์การค้าไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ด้วยวิสัยทัศน์ใหม่ 5 ปีต่อจากนี้คือ“Co-Create Center of Life” เพื่อทำให้ศูนย์การค้าของซีพีเอ็นเป็นศูนย์กลางที่ทุกคนมาใช้ชีวิตอย่างแท้จริง โดยมีจิ๊กซอว์สำคัญคือพันธมิตรธุรกิจ คู่ค้า และพาร์ทเนอร์ ผู้เช่าทั้งหมดของเรา ที่จะร่วมกัน Co-Create สิ่งใหม่ให้เกิดขึ้นจริง เพื่อความสำเร็จในธุรกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกันด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ (1) Co-Creating Destination Concepts, (2)Co-Creating Digital Platform ที่ทำให้เกิด Seamless Experience และ (3) Co-Creating Partnerships”   นายปรีชากล่าวต่ออีกว่า “นอกจากนี้ เราได้เตรียมแผนการสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องด้วยการลงทุน 1 แสนล้านบาทภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้าง ‘The New Landscape’ ของวงการรีเทล และตอกย้ำการเป็น Global Player ของซีพีเอ็น โดยในปีนี้ มีไฮไลท์ 5 โครงการที่จะทำให้การ  ‘Co-Create Center of Life’ เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์ โฉมใหม่ เราจะสร้างปรากฏการณ์ระดับโลกอีกครั้งให้กับเซ็นทรัลเวิลด์ ในฐานะ “ต้นแบบของเดสติเนชั่นการใช้ชีวิตระดับโลก” ด้วยคอนเซ็ปต์ Central to Your World ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 61นี้ โดยจะช่วยสะท้อนภาพ Co-Create Center of Life ที่ชัดเจน ทั้ง Destination Concept ที่หลากหลายที่สุด การสร้าง Digital Platform ที่จะเกิดขึ้นเป็นศูนย์แรกๆ และการสร้าง Business Initiative อีกมากมายร่วมกับร้านค้า เซ็นทรัล ภูเก็ต ซึ่งจะเป็น A Global Must-Visit Destination ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ทั้งแบบ Luxury และ Leisure อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด พร้อม Attraction ระดับโลกที่ไม่เคยมีมาก่อน ได้แก่ ‘ไตรภูมิ’ ธีมปาร์ค รูปแบบใหม่ครั้งแรกของโลกที่จะสร้างประสบการณ์ผจญภัยแบบ 3D walkthrough และ ‘Aquaria’ ซึ่งจะเป็น อควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พร้อมด้วย Food Destination ที่ตอบโจทย์ทั้งคนภูเก็ตและนักท่องเที่ยวทั่วโลก เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ โครงการศูนย์การค้าในต่างประเทศแห่งแรกของซีพีเอ็น ในโลเคชั่นศักยภาพสูงของมาเลเซีย ใกล้กัวลาลัมเปอร์ ตั้งอยู่ใน Mix-Use Project ขนาดใหญ่ที่ภาครัฐของมาเลเซียผลักดันให้เป็น Destination แห่งการท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบที่สุดของมาเลเซีย เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา ไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นแห่งใหม่ของอยุธยา ที่ผสมผสานเอกลักษณ์กลิ่นอายของจังหวัดอยุธยาเมืองมรดกโลกเข้ากับความร่วมสมัย โดยจะเป็นแลนด์มาร์กด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดและศูนย์กลางการใช้ชีวิต และเป็นจุดแวะพักที่ดีที่สุด คาดว่าจะเปิดให้บริการในปลายปี 2562 เซ็นทรัล วิลเลจ แพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดของซีพีเอ็นในรูปแบบ “ลักชูรี่เอาท์เล็ตระดับโลกแห่งแรกในประเทศไทย” เพื่อตอบรับกระแสการเป็นเมืองหลวงแห่งการท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ ตอบรับเทรนด์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ที่รู้จักเลือกใช้สินค้า ซึ่งแพลตฟอร์มเอาท์เล็ตทั่วโลกมีการเติบโตอย่างมาก และเป็นสถานที่ must visit ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก” สำหรับภาพรวมธุรกิจ ซีพีเอ็นมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 21,234 ล้านบาท ในปี 2013 เป็น 30,875 ล้านบาท ในปี 2017 และล่าสุดในปี 2018 ตั้งเป้าเติบโตประมาณ 20% นอกจากนี้ ยังมีแผนปรับโฉมศูนย์การค้าอื่นๆ ตอบรับเทรนด์อนาคตด้วย Destination Concept ที่วางไว้ ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว, พระราม 3,เชียงราย, ชลบุรี และเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยาบีช ที่จะเกิดขึ้นภายใน 2 ปีนี้ รวมถึงแผนพัฒนาธุรกิจอื่นๆ ทั้งสำนักงาน โรงแรม และโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อเติมเต็มธุรกิจศูนย์การค้า และเสริมสร้างความเป็น Center of Life สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจเชิงกลยุทธ์ของเซ็นทรัลพัฒนาที่เน้นการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน   ซีพีเอ็น เป็นผู้นำในการนำคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ สู่วงการค้าปลีก ด้วยการบุกเบิกคอนเซ็ปต์ ‘One-Stop Shopping Center’ ครั้งแรกในการเปิดตัว ‘เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว’ และต่อมากับ‘Lifestyle Experience’ ที่ ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ เพื่อสร้างปรากฏการณ์มาศูนย์การค้าไม่เพียงแค่มาช้อปปิ้ง และใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จกับศูนย์ฯ ใหม่ๆ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในแต่ละย่าน เช่น ‘เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต’ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของครอบครัวสมัยใหม่ และ ‘เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์’ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนกรุงย่านเอกมัย-รามอินทราที่ทันสมัย รักสุขภาพ