Tag : บริษัท เน็กซัส เรียลเอสเตท แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด

2 ผลลัพธ์
แนวโน้มการเติบโต และการเปลี่ยนแปลงของตลาดรีเทล

แนวโน้มการเติบโต และการเปลี่ยนแปลงของตลาดรีเทล

จากการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอสังหาฯ เป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยธุรกิจรีเทลเป็นธุรกิจที่มีความน่าสนใจในตลาดอสังหาฯ เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมา ตลาดรีเทลของไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว สวนทางกับตลาดรีเทลในประเทศอื่นๆ ที่โดนผลกระทบจากตลาดออนไลน์และการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของพฤติกรรมผู้บริโภค ตลาดรีเทลเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ผู้ประกอบการต่างเร่งพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อแข่งขันอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นโครงการขนาดเล็กหรือใหญ่ โดยตั้งแต่ศูนย์การค้าอย่างสยามพารากอนเปิดให้บริการเมื่อปี พ.ศ. 2549 เป็นเหตุให้ศูนย์การค้าชั้นนำหลายแห่งทำการปรับปรุงพื้นที่ โดยเฉพาะย่านพระราม 1 ราชประสงค์ เพลินจิต และสุขุมวิท พื้นที่เช่าเฉลี่ยในย่านนี้ ซึ่งคลอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่หัวถนนพระราม 1 สยามดิสคอวเวอรี่ ตลอดแนวจนถึงสุขุมวิทตอนกลาง และเอ็มควอเทียร์ ในปัจจุบันมีอัตราว่างของพื้นที่เฉลี่ยน้อยกว่า 5% อีกทั้งค่าเช่ายังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ร้านค้าอาจต้องรอเป็นปีเพื่อให้ได้พื้นที่เช่าในห้างดังหลายๆแห่ง ปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มเป็นธุรกิจหลักในการดึงดูดลูกค้าของห้าง โดยใช้สื่อออนไลน์เป็นกลยุทธ์ในการดึงดูดลูกค้าจากทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้อัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยยังเป็นแรงผลักดันที่สำคัญต่อตลาดรีเทลของไทยอีกด้วย โดยในปีที่ผ่านมารายได้จากนักท่องเที่ยวเติบโตร้อยละ 11.66 เกษร ทาวเวอร์เป็นซัพพลายล่าสุดในย่านพระราม1-สุขุมวิท ซึ่งทำการเปิดตัวเมื่อปีที่แล้วด้วยพื้นที่เช่าเชิงพาณิชยกรรมกว่า 10,000 ตารางเมตร ทำให้ตลาดรีเทลในย่านพระราม1-สุขุมวิท มีพื้นที่เช่ารวมที่ประมาณ 660,000 ตารางเมตร ค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3,900 บาท/ตารางเมตร/เดือน และมีอัตราการเช่าที่ 96.4% แต่อย่างไรก็ตาม ที่ดินขนาดใหญ่ในย่านพระราม 1 ราชประสงค์ต่อเนื่องไปถึงสุขุมวิทตอนกลางในปัจจุบันหาได้ยากมากและราคาที่ดินสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้มีซัพพลายใหม่ๆในย่านนี้เกิดขึ้นอย่างจำกัด ผู้ประกอบการจึงให้ความสนใจในการเช่าที่ดินระยะยาวมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังมองหาทำเลใหม่ๆในโซนอื่นของกรุงเทพฯและปริมณฑลมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบัน ผู้ประกอบการต้องเตรียมรับมือกับพฤติกกรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป หลายผู้ประกอบการเริ่มให้ความสนใจในการเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด นายธีรวิทย์ ลิ้มทองสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส เรียลเอสเตท แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด กล่าวว่า “ตอนนี้มีหลายธุรกิจที่ต้องการเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เช่น ร้านกาแฟ ร้านอาหาร โคเวิร์กกิ้ง สเปซ หรือแม้กระทั้ง ศูนย์บริการความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ โดยมองว่าเป็นสิ่งที่น่าจับตามองและเป็นโอกาสที่ดีของหลายธุรกิจ ซึ่งส่งผลต่อรูปแบบของตลาดรีเทลไทย” นอกจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยียังเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวันโดยเทคโนโลยีได้เข้ามาช่วยให้เกิดความสะดวกสบายมากขึ้น พร้อมกันนี้ ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่หันมาให้ความสนใจกับสุขภาพอย่างจริงจัง โดยจะเห็นได้จากกิจกรรมเพื่อสุขภาพต่างๆที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคยังต้องการความสะดวกสบายที่จะเข้าถึงสุขภาพที่ดี จึงทำให้เกิดธุรกิจเพื่อสุขภาพเช่นฟิตเนสหรือคลาสสุขภาพต่างๆ โดยสถานที่ออกกำลังกายกระจายอยู่ในแทบทุกอาคารโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารที่อยู่อาศัยอย่างคอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้าหรือคอมมูนิตี้มอลล์ รวมถึงอาคารสำนักงานต่างๆ ธุรกิจฟิตเนสในไทยเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา หลายแบรนด์ดังมีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ฟิตเนสเชนส่วนมากจับกลุ่มตลาดระดับบนและส่วนมาก ฟิตเนสระดับกลางจะเป็นผู้ประกอบการรายย่อย ทำให้เกิดช่องว่างทางการตลาดของฟิตเนสระดับกลาง เมื่อความสะดวกสบายและเทรนด์สุขภาพมารวมกัน จึงทำให้เกิดโมเดลธุรกิจเพื่อสุขภาพ 24 ชั่วโมง โดยฟิตเนสที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง อย่างน้อย 3 แบรนด์ จากต่างประเทศเล็งเห็นถึงช่องว่างและความเป็นไปได้ทางการตลาดในไทย และได้เข้ามาเป็นผู้เล่นใหม่ในตลาด แต่ละรายพยายามหาพื้นที่เช่าที่แตกต่างออกไปจากฟิสเนสที่เคยเห็นอยู่ในปัจจุบัน โดยความต้องการหลักคือต้องการเช่าพื้นที่ชั้นล่าง ที่มองเห็น – เข้าออก - เดินทางได้สะดวก แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจถึงความต้องการและยอมรับ “คงต้องใช้เวลาซักพักที่จะทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการหลายๆ รายว่า ฟิตเนสจะสามารถเป็นตัวดูดลูกค้าเข้ามาในพื้นที่ได้เหมือนสตาร์บัคหรือแมคโดนัล” นายธีรวิทย์กล่าว อนาคตตลาดรีเทลยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีเสน่ห์ที่น่าสนใจ สิ่งที่จะท้าทายผู้ประกอบการคือ เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง และส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำอย่างไรที่จะดึงจุดเด่นทางเทคโนโลยีเข้ามาสร้างความแตกต่าง เพื่อให้สามารถแข่งขันและตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคได้สูงสุด
เน็กซัสเผยแนวโน้มการเติบโตของตลาดอาคารสำนักงานในอีก 5 ปีข้างหน้า

เน็กซัสเผยแนวโน้มการเติบโตของตลาดอาคารสำนักงานในอีก 5 ปีข้างหน้า

  เน็กซัส เผยผลสำรวจราคาค่าเช่าพื้นที่อาคารสำนักงาน ไตรมาสแรกของปี 2561 เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 960 บาท/ตารางเมตร/เดือน    โดยค่าเช่าสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 1,400 บาท/ตารางเมตร/เดือน    และยังคงมีอัตราการใช้พื้นที่ที่สูงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีการกระจายตัวของโครงการมากขึ้น    โดยในไม่กี่ปีที่ผ่านมา พื้นที่อาคารสำนักงานในเขตรอบนอกศูนย์กลางธุรกิจเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว คาดพื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีพื้นที่ออกมาเพิ่มขึ้นอีกถึงประมาณ 1.13 ล้านตารางเมตร โดยพื้นที่อาคารสำนักงานหลักจะมาจากโครงการ One Bangkok ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดของผู้ให้เช่าเปลี่ยนไปเป็นตลาดของผู้เช่าแทน สำหรับแนวโน้มการเช่าจะเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมของโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง โดยจะมีการเช่าในลักษณะการทำ Co-Working Space และ Serviced Office มากขึ้น     นายธีระวิทย์ ลิ้มทองสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส เรียลเอสเตท แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม เผยว่า ในช่วง 10 ปีทีผ่านมา ตลาดพื้นที่เช่าในอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านของราคาค่าเช่าและพื้นที่ให้เช่า ผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายเริ่มเข้ามาพัฒนาธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าเพิ่มมากขึ้น โดยจะเน้นการพัฒนาในรูปแบบอาคารประเภทผสมผสานเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการพัฒนาโครงการมากที่สุด เพราะปัจจุบันที่ดินทำเลดีหายากและราคาสูงขึ้นมาก สำหรับทำเลที่น่าจับตามองเป็นพิเศษคือย่านพระราม 4 และสุขุมวิทตอนต้น รวมถึงพญาไท   พื้นที่อาคารสำนักงานในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 มีพื้นที่ให้เช่าทั้งสิ้นประมาณ 4.23 ล้านตารางเมตร ในจำนวนนี้อยู่ในเขตศูนย์กลางธุรกิจประมาณ 2.29 ล้านตารางเมตร โดยกว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่เช่าในเขตศูนย์กลางธุรกิจนี้เป็นพื้นที่สำนักงานเกรด A ทั้งนี้ พื้นที่การพัฒนาอาคารสำนักงานมีการขยายตัวเป็นวงกว้างมากขึ้น โดยจะเห็นได้ว่าในไม่กี่ปี ที่ผ่านมา พื้นที่อาคารสำนักงานในเขตรอบนอกศูนย์กลางธุรกิจเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว   ในส่วนของการพัฒนาโครงการในอนาคต เนื่องจากที่ดินในเมืองที่สามารถพัฒนาโครงการมีจำนวนจำกัดและมีราคาสูง ส่งผลให้ผู้พัฒนาโครงการให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่ในอาคารสำนักงานเกรด A ถึง AA ทั้งในเขตชั้นใน และ เขตรอบนอกของศูนย์กลางธุรกิจ เนื่องจากตลาดยังมีความต้องการสูงจากผู้เช่า การดึงดูดผู้เช่าสามารถทำได้โดยการเน้นสาธารณูปโภคภายในโครงการที่ดี มีการออกแบบที่สวยงาม ทำเลที่ตั้งที่ดึงดูดและการแบ่งขนาดพื้นที่เช่าที่เหมาะสม  ทีมวิจัยของเน็กซัสคาดว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า ตลาดพื้นที่อาคารสำนักงานจะมีเพิ่มเข้าสู่ตลาดอีกประมาณ 1.13  ล้านตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 30% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออัตราการเช่าพื้นที่และอัตราการใช้พื้นที่อย่างมีนัยสำคัญ   สำหรับด้านอัตราค่าเช่าปัจจุบัน จากการสำรวจในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 พบว่า ราคาค่าเช่าเฉลี่ยของพื้นที่อาคารสำนักงานเกรด A ในเขตศูนย์กลางธุรกิจ มีอัตราค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 960บาท/ตรม./เดือน ในขณะที่ค่าเช่าสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 1,400 บาท/ตารางเมตร/เดือน ส่วนพื้นที่ในอาคารสำนักงานเกรด A ที่อยู่พื้นที่เขตรอบนอกศูนย์กลางธุรกิจ จะอยู่ที่ 820 บาท/ตารางเมตร/เดือน โดยมีอัตราการใช้พื้นที่เฉลี่ยรวมประมาณ 95%   นายธีระวิทย์ กล่าวสรุปว่า แม้ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าตลาดพื้นที่ในอาคารสำนักงานจะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกค่อนข้างมาก แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าจะยังไม่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในตลาดอาคารสำนักงาน เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีพื้นที่อาคารสำนักงานป้อนสู่ตลาดค่อนข้างจำกัด แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงจากตลาดของผู้ให้เช่าเป็นตลาดของผู้เช่าแทน ซึ่งจะส่งผลให้มีการแข็งขันที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้การใช้งานสำนักงานประเภท Co-Working Space และ Serviced Office จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในตลาดพื้นที่อาคารสำนักงาน โดยอาจจะกลายมาเป็นผู้เช่าหลักในอนาคตซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของธุรกิจอาคารพื้นที่ในอาคารสำนักงานให้เช่าในหลายๆประเทศทั่วโลก