Tag : บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

17 ผลลัพธ์
SC เปิดตัวพันธมิตรยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ‘Nishitetsu’ ผู้นำในภูมิภาคคิวชู ตั้งบริษัทร่วมทุนในไทยชื่อ เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน (SC NNR1 Co.,Ltd.) เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในปี 62 นำร่องเปิดคอนโดใหม่แบรนด์ The Crest โดดเด่นสุดบนทำเลห้าแยกลาดพร้าว

SC เปิดตัวพันธมิตรยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ‘Nishitetsu’ ผู้นำในภูมิภาคคิวชู ตั้งบริษัทร่วมทุนในไทยชื่อ เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน (SC NNR1 Co.,Ltd.) เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในปี 62 นำร่องเปิดคอนโดใหม่แบรนด์ The Crest โดดเด่นสุดบนทำเลห้าแยกลาดพร้าว

การผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่าง SC Asset อสังหาฯ ชั้นนำของไทย กับ Nishitetsu Group (NNR) บริษัทยักษ์ใหญ่และผู้นำในภูมิภาคคิวชู ซึ่งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ประเทศญี่ปุ่น และมีผลประกอบการแข็งแกร่งกวาดรายได้เกือบ 380,000 ล้านเยน ในปี 2561 ล่าสุดได้จับมือเปิดบริษัทร่วมทุนชื่อ บริษัท เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน จำกัด (SC NNR1 Co.,Ltd.)   เพื่อพัฒนาอสังหาฯ ของ NNR ครั้งแรกในไทย และมีแผนเปิดคอนโดมิเนียมใหม่ในปี 2562 นำร่องด้วยโครงการ The Crest บนทำเลห้าแยกลาดพร้าว หนึ่งในทำเลสำคัญที่สุดของกรุงเทพฯ ศูนย์รวมเส้นทางคมนาคมแห่งอนาคต นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงยุทธศาสตร์เชิงรุกจากโรดแมป SC-Reinvention 2020 เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนว่า “เราได้ร่วมทุนกับ Nishitetsu Group (NNR) ทั้งนี้ด้วยเหตุผลหลัก 3 ประการ คือ 1.วิสัยทัศน์ด้วยวิธีคิดแบบเดียวกัน ภายใต้การส่งมอบคุณค่าด้านคุณภาพสินค้าและบริการที่เป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับลูกค้า 2.ความแข็งแกร่งทางธุรกิจของทั้งสองบริษัท 3.โอกาสสำหรับอนาคต เพื่อการลงทุนธุรกิจอสังหาฯ รูปแบบอื่น ๆ ตามโรดแมป ที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับ SC ”  สำหรับบริษัท Nishitetsu Group (NNR) ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1948 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Fukuoka ตั้งอยู่ในเขต  prime commercial zone ปัจจุบันมีสำนักงานอยู่ 85 แห่งทั่วโลก และ ดำเนิน  5 ธุรกิจหลักสำคัญได้แก่ คมนาคม, โลจิสติกส์, ค้าปลีก, อสังหาริมทรัพย์ และอื่น ๆ โดย นายฮิโรชิเกะ โฮริเอะ (Mr. Hiroshige Horie) Senior Executive Officer  General Manager of the housing Business Division บริษัท นิชิ นิปปอน เรลโรด จำกัด เป็นผู้แทนบริษัทเดินทางมายังประเทศไทย กล่าวถึงการร่วมทุนกับ SC  อย่างมั่นใจในศักยภาพและความแข็งแกร่งว่า  “ประเทศไทยมีการเติบโตที่โดดเด่นทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม อีกทั้งมีวัฒนธรรมใกล้เคียงกับประเทศญี่ปุ่น ที่ผ่านมาได้ขยายการลงทุนทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกับประเทศในแถบอาเซียน ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย เป็นต้น ดังนั้นความร่วมมือครั้งนี้  จึงเป็นการผสานจุดเด่นของสองบริษัท ทั้งด้านเทคโนโลยีการก่อสร้าง ความรวดเร็วในการส่งมอบสินค้าและบริการคุณภาพ  เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับอนาคต” บริษัท เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน จำกัด (SC NNR1 Co.,Ltd.)  บริษัทร่วมทุนใหม่นี้มีทุนจดทะเบียนรวม 1,200 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนถือหุ้นระหว่าง  SC  55% และ NNR  45% พร้อมกับแต่งตั้งนายมานิจ บรรจงธนกิจ ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ โดยโครงการนำร่องที่จะพัฒนาในปี 2562   เป็นคอนโดฯ ใหม่ ภายใต้แบรนด์เดอะเครสท์ (The Crest)   บนพื้นที่กว่า 1.9 ไร่ ทำเลโดดเด่นสุดในย่านห้าแยกลาดพร้าว ศูนย์รวมคมนาคมแห่งอนาคตที่แวดล้อมด้วยแหล่ง ช้อปปิ้งชั้นนำอย่าง เซ็นทรัล ลาดพร้าว ยูเนียนมอลล์ และอยู่ใกล้กับ Interchange Station ของ MRT และ BTS สายสีน้ำเงินและสายสีเขียว ที่สำคัญ คือ ใกล้สวนจตุจักร และสวนรถไฟ ซึ่งได้วิวสวนสาธารณะบนพื้นที่กว่า 700 ไร่   อีกทั้งโครงการยังตั้งอยู่ใจกลาง North CBD แวดล้อมด้วยอาคารสำนักงานชั้นนำ ศูนย์การค้า  และ Mega Project มากมาย      
เอสซี แอสเสทฯ เปิดจองครั้งแรก บ้านเดี่ยวและโฮม ออฟฟิศ โครงการใหม่ 2 ทำเล พร้อมรับสิทธิพิเศษ 15-16 ธ.ค.นี้

เอสซี แอสเสทฯ เปิดจองครั้งแรก บ้านเดี่ยวและโฮม ออฟฟิศ โครงการใหม่ 2 ทำเล พร้อมรับสิทธิพิเศษ 15-16 ธ.ค.นี้

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขอแนะนำ 2 โครงการใหม่ บ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น โครงการ VENUE (เวนิว) พระราม9 และ โฮม ออฟฟิศ โครงการ WORKPLACE (เวิร์คเพลส)  เพชรเกษม 81-2 เปิดจองพร้อมกันครั้งแรก พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย 15-16 ธ.ค.นี้ โครงการ  VENUE (เวนิว) พระราม 9  บนพื้นที่โครงการกว่า 34 ไร่   จำนวน 143 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,150 ล้านบาท  บ้านเดี่ยว 2 ชั้นสไตล์ Modern  ด้วยแนวคิด Organic Living ซึ่งออกแบบภายในและภายนอกอย่างมีเอกลักษณ์  โดยพื้นที่ใช้สอยใช้งานได้จริง และตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เพิ่มบรรยากาศแห่งการพักผ่อน ด้วยฟังก์ชั่นที่ลงตัว ราคา 6-10 ล้านบาท มีแบบบ้านให้เลือก 3 แบบ ได้แก่   1.HAZEL  : พื้นที่ใช้สอย 163 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ , Living Area , Dining Area , Kitchen ,และ 2 ที่จอดรถ 2.ROWAN : พื้นที่ใช้สอย 213 ตร.ม.  4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ , Living Area , Dining Area , Kitchen , Family Area , และ 2 ที่จอดรถ 3.WILLOW : พื้นที่ใช้สอย 234 ตร.ม.  4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ , Foyer , Living Area , Dining Area , Kitchen , Family Area , และ 2 ที่จอดรถ โครงการ VENUE (เวนิว) พระราม 9 ตั้งอยู่ทำเลศักยภาพ ติดถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก และถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า (กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่) เชื่อมต่อทุกการเดินทาง ใกล้ย่าน NEW CBD พระราม 9 ใกล้ทุกความสะดวกสบาย รายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ใกล้สถาบันการศึกษา และใกล้ศูนย์การแพทย์ ผ่อนคลายไปกับ Clubhouse ขนาดใหญ่ที่ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมสระว่ายน้ำระบบเกลือ, ฟิตเนส, สวนส่วนกลางขนาดใหญ่, Kid’s Club เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้พักผ่อนและออกกำลังไปด้วยกัน สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.063-197-4666 หรือ Line : @vnpr9  ลงทะเบียนรับสิทธิ์ : http://bit.ly/2NMobyJ ส่วนอีกโครงการคือ WORKPLACE  (เวิร์คเพลส)  เพชรเกษม 81-2 โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น สไตล์ Loft   พื้นที่โครงการกว่า 11 ไร่ จำนวน 112 ยูนิต   มูลค่าโครงการ 630 ล้านบาท  ด้วยที่สุดของทำเลย่านเพชรเกษม ตั้งอยู่ห่างถนนเพชรเกษม เพียง 1.2 กิโลเมตร โครงการติดถนนใหญ่ ใกล้แนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน(โครงการในอนาคต) รายล้อมด้วย Community Mall และ สถานศึกษาชั้นนำมากมาย พร้อมการเดินทางที่สะดวกสบายทั้งรถยนต์ส่วนตัว หรือ รถประจำทาง พร้อมเชื่อมต่อถนนเส้นหลักหลายสายทั้งเข้าเมือง และ ออกเมือง ได้แก่ ถนนเพชรเกษม,ถนนเอกชัย,ถนนพุทธสาคร,ถนนพุทธมณฑลสาย 3-4 และ ถนนกาญจนาภิเษก ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 163 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท  พร้อมสิทธิพิเศษในวันงาน ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษมูลค่า 100,000 บาท* ได้ที่ www.scasset.com รายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 080-604-5660 หรือ Line@ : @wpp81-2          
เอสซีฯ ผลดำเนินงาน 9 เดือน เติบโตทุกด้าน รายได้รวม 10,365 ลบ. เติบโต 32%  กำไรสุทธิ 1,096 ลบ. เติบโต 56%   ไตรมาสสุดท้ายรุกเปิด 5 โครงการแนวราบ มูลค่า 5,550 ลบ.   พร้อมจัดงานใหญ่  “This is  BEATNIQ” เปิดประสบการณ์คอนโดสไตล์ MCM (Mid-Century Modern) มิติใหม่บนถนนสุขุมวิท 21 พ.ย.นี้

เอสซีฯ ผลดำเนินงาน 9 เดือน เติบโตทุกด้าน รายได้รวม 10,365 ลบ. เติบโต 32% กำไรสุทธิ 1,096 ลบ. เติบโต 56% ไตรมาสสุดท้ายรุกเปิด 5 โครงการแนวราบ มูลค่า 5,550 ลบ. พร้อมจัดงานใหญ่ “This is BEATNIQ” เปิดประสบการณ์คอนโดสไตล์ MCM (Mid-Century Modern) มิติใหม่บนถนนสุขุมวิท 21 พ.ย.นี้

นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำทุกระดับราคา   กล่าวถึงความสำเร็จของผลประกอบการ 9 เดือนว่า “SC มีการเติบโตในทุกด้าน ทั้งยอดขาย รายได้รวม และกำไรสุทธิ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 โดยบริษัทฯ มียอดขายรวมเท่ากับ 11,800 ล้านบาท เติบโต 8% มีรายได้รวมเท่ากับ 10,365 ล้านบาท เติบโต 32% และมีกำไรสุทธิ 1,096 ล้านบาท เติบโตขึ้น 56%” โดยไตรมาส 3/2561 มียอดขาย 4,564 ล้านบาท เติบโต 28% มีรายได้รวมเท่ากับ 3,713 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขาย 3,500 ล้านบาท และรายได้จากการเช่าและบริการ 208 ล้านบาท กำไรสุทธิ 392 ล้านบาท  บริษัทและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมและหนี้สินรวม ณ วันที่ 30 กันยายน 22561 เท่ากับ 42,794 ล้านบาท และ 27,276 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับไตรมาส 4/2561 นี้ บริษัทจะเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่ารวมประมาณ  5,550 ล้านบาทซึ่งเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด ได้แก่  บ้านเดี่ยว 4 โครงการ และ โฮมออฟฟิศ  1 โครงการ ทั้งนี้เนื่องจากยอดขายแนวราบ กลุ่มบ้านเดี่ยว 8-20 ล้านบาท ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ด้วยแนวคิด ดีไซน์มีเอกลักษณ์  สิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์  และทำเลที่ดี  ทำให้ยอดขาย 9 เดือนเติบโตสูง 230% (YoY)  บริษัทฯ จึงเปิดแบรนด์บางกอก บูเลอวาร์ด 3 โครงการใหม่ต่อเนื่อง  ประกอบด้วย โครงการ บางกอก บูเลอวาร์ด ศรีนครินทร์-บางนา มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท พื้นที่ 55-3-20 ไร่ จำนวน 200 ยูนิต โครงการ บางกอกบูเลอวาร์ด พระราม 9 มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท พื้นที่ 30-1-0.6 ไร่  จำนวน 108 ยูนิต โครงการ บางกอก บูเลอวาร์ด รามอินทรา-เสรีไทย มูลค่าโครงการ 415 ล้านบาท  พื้นที่ 10-0-6 ไร่ จำนวน 31 ยูนิต   โดยทั้ง 3 โครงการอยู่ในโซนกรุงเทพฝั่งตะวันออกเป็นหลัก เนื่องจากเป็นทำเลศักยภาพแห่งอนาคต ที่จะเกิดโครงการ Mega Project มากมาย และรองรับความสะดวกในการเดินทางเข้าสู่ศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ สู่สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมด้วยปัจจัยบวกต่างๆ ที่รองรับ EEC ทั้งโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สีส้มและสีชมพู รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ และถนนตัดใหม่ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า พร้อมกับการเปิดโครงการ เวนิว พระราม 9 มูลค่าโครงการ 1,150 ล้านบาท  พื้นที่ 34-0-24 ไร่  จำนวน 143 ยูนิต ระดับราคา 6-10 ล้านบาท และ โครงการ เวิร์คเพลส เพชรเกษม 81-2 มูลค่าโครงการ 630 ล้านบาท  เป็นโฮมออฟฟิศ 3 ชั้น ราคา 6-10 ล้านบาท บนพื้นที่ 11-2-34.1 ไร่ จำนวน 112 ยูนิต   นอกจากนี้ ในวันที่ 21 พ.ย. 2561 บริษัทฯ จะจัดงานใหญ่ส่งท้ายปี คือ “This is BEATNIQ”   เพื่อร่วมเปิดประสบการณ์มิติใหม่สไตล์ MCM (Mid-Century Modern) ณ คอนโด BEATNIQ (บีทนิค) สุขุมวิท 32 Limited Luxury Collection   ที่มีสถาปัตยกรรมอันมีเอกลักษณ์พิเศษและเป็นแลนด์มาร์คใหม่บนถนนสุขุมวิท   นายอรรถพล กล่าวสรุปว่า “ ในไตรมาส 4 SC มีโครงการต่อเนื่องที่เปิดขาย 43 โครงการ มูลค่าคงเหลือเพื่อขายรวมกว่า 37,400 ล้านบาท และจะเปิดอีก 5 โครงการใหม่ มูลค่า 5,550 ล้านบาท พร้อมกับ Backlog หรือยอดขายรอโอน  11,800 ล้านบาท โดยประมาณ 45% จะรับรู้รายได้ในปีนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะสนับสนุนยอดขายและรายได้ของ SC ให้ได้ตามเป้าหมาย ”   สนใจเยี่ยมชมโครงการใหม่ และ สอบถามรายละเอียดได้ที่โทร 1749 หรือ www.scasset.com          
SC ทรานส์ฟอร์ม ขับเคลื่อนองค์กรมิติใหม่ ขยับสู่ผู้นำ Living Solutions Provider อย่างเต็มรูปแบบ

SC ทรานส์ฟอร์ม ขับเคลื่อนองค์กรมิติใหม่ ขยับสู่ผู้นำ Living Solutions Provider อย่างเต็มรูปแบบ

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็น Living Solutions Provider โดยการกำหนดทิศทางวัฒนธรรมองค์กรใหม่เพื่อหล่อหลอมพนักงานให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทั้งในด้านการทำงาน ความสุข และคุณภาพชีวิตที่ดี นอกจากตอบสนองความต้องการขององค์กรโดยตรงแล้ว ยังสามารถสื่อสารความตั้งใจนี้ไปยังลูกค้า โดยการยึดถือหัวใจหลัก “สร้างทุกเช้าที่ดีให้กับลูกค้าทุกคน” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “รู้ใจ” เพื่อตอบโจทย์ความพึงพอใจและการอยู่อาศัยของลูกค้าเป็นสำคัญ หากองค์กรมีทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน จะสามารถช่วยให้บรรลุเป้าหมายและภารกิจไปพร้อมกับพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เมื่อเข้าสู่ยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเทคโนโลยีและการแข่งขันในโลกปัจจุบัน เอสซีฯ จึงได้กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่จากผู้นำด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ก้าวสู่การเป็น Living Solutions Provider ผู้พัฒนาและสร้างสรรค์สินค้าบริการ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงจุดในยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมด้วย 4 กลยุทธ์ ได้แก่   1. Re-invention: ด้วยหลัก 3 D Digitize ปรับเปลี่ยนการทำงานเข้าสู่ยุคดิจิทัล เพื่อเก็บ Data หาความต้องการลูกค้า วิเคราะห์และพัฒนา Design ใช้หลัก Human-Centric เข้าใจปัญหาของลูกค้า เพื่อออกแบบสินค้าและบริการ รวมถึงโซลูชันตอบโจทย์ลูกค้า Developer ประสานนวัตกรรมและพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพในทุกระดับราคา 2.Co-Creation: ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายใน Ecosystem เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตให้ดียิ่งขึ้น 3.Quality First: สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องคุณภาพสินค้าและบริการ 4.Top-Line Growth: บริหารรายได้และยอดขาย ขับเคลื่อนให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ     SC Re-Culture วัฒนธรรมองค์กรของ เอสซี แอสเสท เมื่อปี 2550 หรือประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา เราได้มีการกำหนด Core Value คือ “2C2A” เป็นกรอบในการทำงาน ได้แก่ ช่างคิด ช่างสร้างสรรค์ผลงาน (Create), ใส่ใจลูกค้า (Care), ตอบสนองต่อความต้องการอย่างรวดเร็ว มีความกระตือรือร้น (Active) และ มีความเป็นมืออาชีพ (Ability)   แนวทางการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้บรรลุเป้าหมาย   การสร้างวัฒนธรรมองค์กร ด้วยรูปแบบบายดีไซน์ (By Design) คือ สิ่งที่ต้องการให้คนเป็นไปตามที่องค์กรต้องการ  โดยเกิดจากการออกแบบพฤติกรรมย่อย รวมกันเป็นค่านิยมและเมื่อมีค่านิยมถูกขมวดรวมกัน ทำต่อกันมาเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง จึงเกิดเป็นวัฒนธรรม ซึ่งสามารถออกแบบด้วย 4 หลักการ   1. กำหนดวิสัยทัศน์ และเป้าหมายให้ชัดเจน 2. กำหนดยุทธศาสตร์ และกลยุทธ์ที่สอดคล้องกัน 3. การนำแบบแผนไปปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ 4. กำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน นำสู่ความสำเร็จ   “หัวใจสำคัญของการทรานส์ฟอร์มองค์กร คือ การกำหนดทิศทางและร่วมกันออกแบบวัฒนธรรมองค์กรใหม่ โดยในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากบริษัท สลิงชอท กรุ๊ป ที่ปรึกษาและผู้ให้บริการด้านการพัฒนาผู้นำและการจัดการองค์กร ได้เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่การศึกษา สำรวจและการทำงานร่วมกันของหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายที่ปรึกษา, คณะผู้บริหารระดับสูง, ฝ่ายทรัพยากรบุคคล และฝ่ายสื่อสารองค์กร รวมไปถึงพนักงานทุกระดับ ให้สามารถเดินไปในทิศทางเดียวกันได้ โดยไม่หลุดกรอบที่องค์กรตั้งไว้” นายณัฐพงศ์ กล่าวต่อ นายอภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริษัท สลิงชอท กรุ๊ป จํากัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผู้นำ และการจัดการองค์กร เผยว่า “หลักการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร ต้องมีการวางแผนรองรับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ล่วงหน้า และคงไม่สามารถสำเร็จได้ในระยะเวลาอันสั้น ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันของพนักงานทุกคนในองค์กร ทั้งนี้ต้องเริ่มต้นจากการค้นหาและศึกษาทั้งปัจจัยภายในและภายนอกผสมผสานกัน ซึ่งนอกจากผู้บริหารและที่ปรึกษาร่วมกันกำหนดค่านิยมใหม่ ยังลงลึกถึงการสัมภาษณ์ความคิดเห็นจากลูกค้า และลูกบ้าน รวมถึงการจัดทำแบบสำรวจกับพนักงานทั้งองค์กร เพื่อร่วมกันออกแบบวัฒนธรรมตัวใหม่ขององค์กรที่บ่งบอกตัวตน และรวบรวมเพื่อเป็นการกำหนดกรอบพฤติกรรม ค่านิยม ความคิด ให้ซึมซับไปกับการทำงาน ตลอดจนสามารถพัฒนาและหล่อหลอมกลายเป็นวัฒนธรรมภายในองค์กรได้ นายณัฐพงศ์ กล่าวสรุปว่า นอกจากความท้าทายใหม่ในการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร ที่ต้องใช้เวลาค้นหาค่านิยมใหม่ ๆ ร่วมกัน และริเริ่มไปพร้อมกันกับองค์กร สิ่งสำคัญอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือการพัฒนาคุณภาพชีวิตพนักงานทุกคน เอสซีฯ จึงได้จัดทำแอพลิเคชัน “SC In One” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่จะใช้สื่อสารระหว่างพนักงาน และมอบสิทธิประโยชน์ในรูปแบบใหม่สำหรับพนักงานทุกคน โดยมีฟังก์ชันต่างๆ อาทิ   TOOK 9 ช่วยในการนับก้าว มีการจัดอันดับ เพื่อสนับสนุน Wellness Program Flexible Benefit มีสวัสดิการที่ตอบสนอง Life Style ของพนักงาน โดยพนักงานเป็นผู้เลือกเอง Flexible Time พนักงานเลือกเวลาทำงานได้ นอกจากนี้การขับเคลื่อนให้มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้น โดยการคัดเลือกกลุ่มผู้นำการเปลี่ยนแปลง หรือ “SC Team Robin” เพื่อเป็นตัวแทนสร้างการเปลี่ยนแปลงสื่อสารกับเพื่อนพนักงานภายใต้ภารกิจนี้และบรรลุเป้าหมายร่วมกัน”   เพราะเอสซีฯ เชื่อว่า “คน” คือทรัพยากรบุคคลที่สำคัญของการขับเคลื่อนองค์กร ดังนั้นการรับมือกับการปรับวัฒนธรรมองค์กร พนักงานทุกระดับจึงต้องมีส่วนร่วม ทั้ง ระดับผู้บริหาร และพนักงาน​ ร่วมจับมือเดินหน้าไปสู่เป้าหมายเดียวกัน พัฒนาให้เป็นคนเก่งและดี เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด พร้อมทั้งสามารถก้าวทันความเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลได้ ทั้งยังพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการให้อยู่คู่กับองค์กรเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน          
เอสซีฯ รุกบ้านแบรนด์เพฟ ตอบโจทย์ครอบครัวเริ่มต้น เจาะโซนทำเลศักยภาพ  เปิดใหม่ 2 โครงการ มูลค่า 2,750 ลบ

เอสซีฯ รุกบ้านแบรนด์เพฟ ตอบโจทย์ครอบครัวเริ่มต้น เจาะโซนทำเลศักยภาพ เปิดใหม่ 2 โครงการ มูลค่า 2,750 ลบ

นายมงกุฎ เตโชฬาร รองหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านพัฒนาทรัพย์สินแนวราบ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า SC ได้ขยายฐานบ้านเดี่ยวรองรับกลุ่มลูกค้าครอบครัวเริ่มต้น ภายใต้แบรนด์เพฟให้ครอบคลุมครบทุกโซนศักยภาพ โดยที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี พร้อมเปิด 2 โครงการใหม่ มูลค่า 2,750 ล้านบาท   ล่าสุดได้เปิดพรีเซลส์ โครงการเพฟ มอเตอร์เวย์-ฉะเชิงเทรา พื้นที่โครงการกว่า 45 ไร่ มูลค่า 800 ล้านบาท จำนวน 252 ยูนิต เป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นรูปแบบใหม่ ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 79-150 ตร.ม. เริ่ม 2.29 ล้านบาท ภายใต้บรรยากาศร่มรื่นด้วย Clubhouse ฟิตเนส, สระว่ายน้ำ, Co-Working Space และสวนส่วนกลางขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่บนทำเลศักยภาพ โดยเชื่อมต่อถนนหลักได้หลายเส้นทาง เชื่อมสู่กรุงเทพ-ชลบุรี ด้วย ถ.สุขุมวิท 314, กรุงเทพ-บางประกงตัดมอเตอร์เวย, ถ.อ่อนนุชลาดกระบัง (เทพราช), ถ.สุขุมวิท 304 และ ถ.บางนาตราด ตัด บางประกง-ท่าสะอ้าน     อีกโครงการที่เตรียมเปิดในสัปดาห์นี้ ได้แก่ โครงการเพฟ ปิ่นเกล้า-ศาลายา พื้นที่โครงการกว่า 95 ไร่ มูลค่า 1,950 ล้านบาท จำนวน 374 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยวสไตล์ Modern Iconic ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 171-214 ตร.ม. ราคาเริ่ม 4 ล้านต้น บรรยากาศร่มรื่นด้วยสวนส่วนกลาง Clubhouse ที่ครบครัน อาทิ ฟิตเนส, สระว่ายน้ำ, Co-Working Space และ Kid Zone พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยระดับพรีเมี่ยม 24 ชม. รายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และโรงเรียนชั้นนำ เชื่อมต่อการเดินทางเข้าเมืองหลากหลายเส้นทาง ด้วยทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ใกล้สถานีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศาลายา)       นอกจากนี้ยังพัฒนาควบคู่ในโซนอื่นๆ ที่อยู่ในทำเลศักยภาพ ได้แก่ โครงการเพฟ รังสิต, ประชาอุทิศ 90, รามอินทรา-วงแหวน, บ้านโพธิ์-ฉะเชิงเทรา เพื่อมุ่งสู่การเป็น Top 5 ในตลาดบ้านเดี่ยวในระดับราคา 3 – 5 ล้านบาท สำหรับผู้ที่สนใจโครงการสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษได้ที่ www.scasset.com หรือ โทร.1749
SC ASSET ผนึก 9 โครงการ ภายใต้แบรนด์ Pave และ Verve หนุนแคมเปญ “SAY HI บ้านหลังใหม่”

SC ASSET ผนึก 9 โครงการ ภายใต้แบรนด์ Pave และ Verve หนุนแคมเปญ “SAY HI บ้านหลังใหม่”

นายมงกุฎ เตโชฬาร รองหัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านพัฒนาทรัพย์สินแนวราบ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ASSET  จัดแคมเปญ "SAY HI บ้านหลังใหม่" ร่วมกับ 9 โครงการสำหรับคนรุ่นใหม่ แบรนด์ #Pave และ #Verve บนทำเลศักยภาพ ราคาเริ่ม 1.99 - 7 ล้านบาท เปิดให้ผู้สนใจลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษสูงสุด 700,000 บาท* ได้ที่ bit.ly/2wp0zd5 พร้อมรับเพิ่ม! หูฟังบลูทูธ Jabra Elite Sport 4.5* ถึง 15 ก.ย.นี้เท่านั้น!! นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมปูเสื่อ LIVE โชว์พิเศษ SC ASSET x THE TOYS @โครงการเวิร์ฟ ติวานนท์-รังสิต วันที่ 15 กันยายน 2561 เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป เพื่อติดตามชมได้ที่ www.facebook/scasset
SC โชว์ครึ่งปีแรกเติบโต 44 % ครึ่งปีหลังรุกเปิด 15 โครงการใหม่ กว่า 15,000 ลบ.พร้อมมุ่ง re-invent สู่การเป็น Living Solutions Provider

SC โชว์ครึ่งปีแรกเติบโต 44 % ครึ่งปีหลังรุกเปิด 15 โครงการใหม่ กว่า 15,000 ลบ.พร้อมมุ่ง re-invent สู่การเป็น Living Solutions Provider

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ สรุปผลการดำเนินงานที่ดีที่ผ่านมาว่า “ ในช่วงครึ่งปีแรก SC เติบโตทั้งรายได้และกำไรสุทธิ สรุปดังนี้ 1. มีรายได้รวม 6,652 ล้านบาท เติบโต 44% (yoy) โดยรายได้หลักมาจากโครงการเพื่อขาย 6,223 ล้านบาท คิดเป็น 94% ของรายได้รวม ประกอบด้วย 1.1 รายได้จากการขายแนวราบ 4,522 ล้านบาท เติบโต 49% (yoy) ทั้งนี้เมื่อเทียบกับกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา การเติบโตของแนวราบมีความโดดเด่นใน 3 กลุ่ม ได้แก่ • บ้านหรูราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป เติบโต 67% • บ้านราคา 8-20 ล้านบาท เติบโต 512% • ขณะที่ราคาน้อยกว่า 5 ล้านบาท เติบโต 132% 1.2 และเป็นรายได้จากการขายคอนโดฯ 1,701 ล้านบาท เติบโต 49% (yoy) เช่นกัน ส่วนใหญ่มาจากการโอนโครงการ SALADAENG ONE (ศาลาแดง วัน) 1,119 ล้านบาท และที่เหลือ 582 ล้านบาท มาจากคอนโดฯ สร้างเสร็จพร้อมอยู่จากโครงการ CHAMBERS (แชมเบอร์ส), CENTRIC (เซ็นทริค) และ THE CREST (เดอะเครสท์)     2. สำหรับกำไรสุทธิ 704 ล้านบาท เติบโต 107% (yoy) ด้วย 2 สาเหตุหลัก คือ 2.1 มีรายได้เติบโตทั้งแนวราบและแนวสูง โดยเริ่มโอนคอนโดฯ SALADAENG ONE (ศาลาแดง วัน) ในไตรมาส 2     2.2 การบริหารค่าใช้จ่ายมีประสิทธิภาพดีขึ้น ทั้งด้านการตลาด ด้วยรายได้ที่เติบโต 49% แต่มีค่าใช้จ่ายการตลาดลดลง 13% โดยได้มีการทำ JBP (Joint Business Partner) กับ Google และใช้การตลาดออนไลน์สูงกว่าปีที่ผ่านมาเกือบ 100% พร้อมกับค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการแนวราบเฉลี่ยลดลง 15%     สำหรับยอดขายรวมครึ่งปีแรกเท่ากับ 7,235 ล้านบาท โดยมาจากแนวราบและแนวสูงในสัดส่วน 70% และ 30%โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 บริษัทและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมและหนี้สินรวมเท่ากับ 41,711 ล้านบาท และ 26,583 ล้านบาทตามลำดับ     ในครึ่งปีหลัง SC จะมีโครงการเปิดขายรวมทั้งสิ้น 51 โครงการ มูลค่ารวม 47,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 15 โครงการใหม่ มูลค่า 15,000 ล้านบาท และโครงการต่อเนื่อง 36 โครงการ มูลค่า 32,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดขาย รอโอนหรือ Backlog เท่ากับ 10,730 ล้านบาท โดย 45% จะรับรู้รายได้ในปี 2561 ทำให้มั่นใจว่า SC จะทำได้ตามเป้ายอดขายและรายได้ของปีนี้ที่ 17,000 ล้านบาท ”     โดยแผนเปิด 15 โครงการใหม่ แบ่งเป็น คอนโดฯ 1 โครงการ คือ แชมเบอร์ส อ่อนนุช สเตชั่น มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท ราคา 3-5 ล้านบาท พร้อมกับโครงการแนวราบทุกระดับราคา จำนวน 14 โครงการ มูลค่ารวม 13,300 ล้านบาท ดังนี้ บ้านราคา 3-60 ล้านบาท จำนวน 10 โครงการ ได้แก่ 1. เดอะ เจนทริ เอกมัย-ลาดพร้าว 2. แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด รามอินทรา-เสรีไทย 3. บางกอก บูเลอวาร์ด ศรีนครินทร์-บางนา 4. บางกอก บูเลอวาร์ด พระราม 9-2 5. บางกอก บูเลอวาร์ด รามอินทรา-เสรีไทย 6. เวนิว ติวานนท์-รังสิต 7. เวนิว เวสต์เกต 8. เวนิว พระราม 9 9. เพฟ ปิ่นเกล้า-ศาลายา 10. เพฟ มอเตอร์เวย์-ฉะเชิงเทรา ทาวน์โฮม 2 โครงการ และ โฮมออฟฟิศ 1 โครงการ ราคา 2-10 ล้านบาท ได้แก่ 11. เวิร์ฟ ติวานนท์-รังสิต 12. เวิร์ฟ พระราม 9 13. เวิร์คเพลส เพชรเกษม 81-2 พร้อมกับแบรนด์ใหม่ชื่อ “V Compound” เป็นบ้านและทาวน์โฮม ราคา 3-7 ล้านบาท 14. โครงการวี คอมพาวด์ ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า     ด้วยกลยุทธ์ Re-invention 2020 ที่มุ่งสู่การเป็น Living Solutions Provider มีความคืบหน้าไปแล้วตามแผน ดังนี้ 1. ร่วมพัฒนา Baan Rue Jai Application กับบริษัท ไฟร์ วัน วัน จำกัด เพื่อสร้างประสบการณ์การสื่อสารที่ใกล้ชิดระหว่าง SC และ ชาว SC Family พร้อมให้ดาวน์โหลดทั้งระบบ iOS และ Android ไตรมาส 4 นี้ โดย 2 feature สำคัญเป็นการแจ้งซ่อม และ One-on-One Conversation ที่ชาว SC Family สามารถติดต่อ SC และติดตามสถานะงานซ่อมได้ทุกที่ตลอด 24 ชม. และหลังจากนี้จะมี feature ใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาทุก ๆ ไตรมาส ผ่านวิธีคิดอย่างเข้าใจและรู้ใจผู้ใช้ (human-centric) 2. มีการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจหลากหลายใน ecosystem นำร่องโดยการจัดสรรพื้นที่จำนวน 6 ไร่ บริเวณด้านหน้าของที่ดินบางกะดี จ.ปทุมธานี ขนาด 240 ไร่ เพื่อพัฒนาพื้นที่สาธารณะให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้อยู่อาศัยและชุมชนในย่าน 3. เริ่มปรับปรุงพื้นที่กว่า 1,500 ตร.ม. บริเวณชั้น 14 ณ อาคารชินวัตร 3 สำนักงานใหญ่ เป็น co-working space เพื่อส่งเสริมการทำงาน (co-creation) ร่วมกับ Startup หรือกลุ่มพันธมิตรธุรกิจต่างๆ พร้อมเปิดใช้ไตรมาส 2/2562 4. ร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำ Slingshot Group ปรับวัฒนธรรมองค์กร เพื่อรองรับการเติบโตในบริบทใหม่ สำหรับทุกคนในองค์กร และ คนรุ่นใหม่ที่จะเข้าร่วมงานกับ SC ในอนาคต     นายณัฐพงศ์กล่าวสรุปว่า “ บริบทใหม่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของ landscape ในการทำธุรกิจ SC จะเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน โดยเป็น Living Solutions Provider ผสานนวัตกรรมเข้ากับที่อยู่อาศัย เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในปัจจุบันและอนาคต เราพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ เรียนรู้พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอของมนุษย์ผู้อยู่อาศัย แต่ 2 สิ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลง คือ คุณภาพสูง และ ความจริงใจจาก SC ”
เอสซี แอสเสท เดินหน้าพัฒนา 2 โครงการใหม่ Verve และ Venue ติวานนท์-รังสิต บนที่ดินผืนใหญ่บางกระดี จ.ปทุมธานี พร้อมเปิดพรีเซลส์ ส.ค.นี้

เอสซี แอสเสท เดินหน้าพัฒนา 2 โครงการใหม่ Verve และ Venue ติวานนท์-รังสิต บนที่ดินผืนใหญ่บางกระดี จ.ปทุมธานี พร้อมเปิดพรีเซลส์ ส.ค.นี้

นายมงกุฎ เตโชฬาร รองหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านพัฒนาทรัพย์สินแนวราบ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ล่าสุดได้ประเดิมเปิดพรีเซลส์ 2 โครงการใหม่ มูลค่า 1,390 ล้านบาท บนที่ดินแปลงใหญ่ของบริษัทฯ ในฝั่งโซนเหนือของกรุงเทพ บริเวณบางกระดี จ.ปทุมธานี ทำเลที่มีศักยภาพติดถนนใหญ่ติวานนท์ ใกล้ทางด่วนศรีรัช (ด่านศรีสมานและด่านบางพูน) และใกล้คอมมูนิตี้มอลล์ขนาดใหญ่แห่งใหม่ (เดอะ ไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์) มีให้เลือกทั้งทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยว ” คือ โครงการ VERVE เวิร์ฟ ติวานนท์ - รังสิต ทาวน์โฮม 2 ชั้น บนพื้นที่กว่า 27 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 730 ล้านบาท จำนวน 315 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท ประกอบไปด้วย 3 แบบ ได้แก่ Loft 2 Bedroom, Loft 3 Bedroom และ Luxe พร้อมสวนส่วนกลาง และระบบความปลอดภัย 24 ชม. แบบ Double Security กล้อง CCTV โดยเปิดพรีเซลส์วันที่ 18-19 ส.ค.นี้ กับ โครงการ VENUE เวนิว ติวานนท์-รังสิต บ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น พื้นที่กว่า 26 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 660 ล้านบาท จำนวน 149 ยูนิต มีแบบบ้านให้เลือก 4 แบบ Birch, Linden, Redwood และ Oakwood ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 38.5-59.5 ตรว. ราคา 3.99 – 8 ล้านบาท พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน และสวนส่วนกลางขนาดใหญ่ ระบบความปลอดภัย 24 ชม. แบบ Double Security พร้อมระบบกันขโมย Magnetic sensor กล้อง CCTV จะเปิดพรีเซลส์ในวันที่ 25-26 ส.ค.นี้ ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.scasset.com หรือสอบถามที่โทร.1749
เอสซีฯ เดินหน้าไตรมาส 3/61 รุกเปิดแนวราบทุกระดับราคา 10 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 9,200 ลบ.

เอสซีฯ เดินหน้าไตรมาส 3/61 รุกเปิดแนวราบทุกระดับราคา 10 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 9,200 ลบ.

นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SCบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ  เปิดเผยว่า“ ในไตรมาส 3/61 SC มีแผนเปิดแนวราบ 10โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 9,200 ล้านบาทในหลายทำเลทุกระดับราคา พร้อมกับเตรียมจัดงาน Grand Opening เปิดให้เข้าชม 2 โครงการคอนโดฯ ระดับ Super Luxury ที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ คือ โครงการ SALADAENG ONE (ศาลาแดง วัน) และ โครงการ BEATNIQ (บีทนิค) มูลค่าโครงการรวม 8,400 ล้านบาท ที่เริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้ ”   โดยโครงการแนวราบ 10 โครงการใหม่  อยู่ในทำเลครอบคลุมทั่วกรุงเทพ-ปริมณฑล ได้แก่ โซนปิ่นเกล้า , ราชพฤกษ์, พระราม 9, เสรีไทย และที่ฉะเชิงเทรา ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์เพฟ, เวนิว, บางกอก บูเลอวาร์ด, แกรนด์บางกอก บูเลอวาร์ด และ เดอะเจนทริ ระดับราคาตั้งแต่ 4-50 ล้านบาท รวมถึงโครงการเวิร์ฟ ทาวน์โฮม 2 ชั้น ราคาเริ่มต้น 2ล้านบาท ซึ่งทุกโครงการได้ถูกดีไซน์และออกแบบภายใต้แนวคิดการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์เรื่อง human-centric เพื่อให้ฟังก์ชั่นต่างๆ รวมถึง facilities สิ่งอำนวยความสะดวก ภายในโครงการให้แต่ละแห่งสอดรับตรงกับ ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่ม โดยจะทยอยเปิดเข้าชมโครงการตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป   ในส่วนโครงการแนวสูง บริษัทเตรียมจัดงาน Grand Opening โครงการศาลาแดง วัน ในระหว่างวันที่ 21-22 กรกฎาคมนี้ เพื่อเปิดให้ผู้สนใจเยี่ยมชมความปราณีตพิเศษสุดของคอนโดสร้างเสร็จสมบูรณ์ที่โดดเด่นในเรื่องงานสถาปัตยกรรมภายนอกและภายในอาคาร พร้อมกับวิวความสวยงามของธรรมชาติสีเขียวของสวนลุมพินี โดยเป็นอาคารสูง 33 ชั้น จำนวน185 ยูนิต ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพที่ศาลาแดงซอย 1 ใจกลาง CBD แหล่งธุรกิจและศูนย์การค้าชั้นนำ โดยเป็นห้องขนาด 1-3 ห้องนอน พร้อมห้องDuplex และ ห้องแบบ Penthouse เนื้อที่ตั้งแต่50 ตารางเมตรถึง 442 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาท ถึง 250 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 4,400 ล้านบาท ซึ่งได้เริ่มโอนกรรมสิทธิ์เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สำหรับโครงการบีทนิค สุขุมวิท 32 คอนโดฯ หรู ที่มีดีไซน์เอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยกลิ่นอายสถาปัตยกรรมในแบบ Mid-Century Modern (MCM) ที่นับเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่บนถนนสุขุมวิท  ประกอบด้วยห้องชุด  197ยูนิต ขนาด 1 – 3 ห้องนอนพร้อมห้อง Duplex  ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 42 ตารางเมตร ไปจนถึง 204 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 13 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มทยอยส่งมอบในเดือนสิงหาคม พร้อมกับจัดงานGrand Opening อย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้   นายอรรถพล กล่าวสรุปว่า “ จากการตอบรับที่ดีของลูกค้า และจำนวนโครงการที่เปิดขายทั้งหมด ในไตรมาส 3/61 รวม 46 โครงการ (รวมโครงการเปิดใหม่) มูลค่าโครงการรวมกว่า41,000 ล้านบาท รวมถึงโครงการคอนโดที่สร้างแล้วเสร็จทยอยส่งมอบ จะสนับสนุนยอดขายและรายได้ของ SC ให้ได้ตามเป้าหมาย ”   สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเยี่ยมชมโครงการใหม่พร้อมรับสิทธิพิเศษได้ที่www.scasset.com  หรือ โทร. 1749
เอสซีฯ มุ่งต่อยอดความสำเร็จแบรนด์ Pave (เพฟ) กับ Verve (เวิร์ฟ) ขยายฐานจับกลุ่มเจเนอร์เรชั่นใหม่  ชวน  The Toys ทำเพลงพิเศษผ่านแคมเปญ “Say Hi บ้านหลังใหม่”

เอสซีฯ มุ่งต่อยอดความสำเร็จแบรนด์ Pave (เพฟ) กับ Verve (เวิร์ฟ) ขยายฐานจับกลุ่มเจเนอร์เรชั่นใหม่ ชวน The Toys ทำเพลงพิเศษผ่านแคมเปญ “Say Hi บ้านหลังใหม่”

นายณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์ หัวหน้าสายงานการตลาด บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพในทุกระดับราคา กล่าวว่า “เพื่อตอกย้ำความสำเร็จของบ้านกลุ่มตลาดแมสและขยายฐานกลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้น เอสซีฯ จึงได้สร้างสรรค์แคมเปญการตลาดชื่อ “Say Hi บ้านหลังใหม่” เพื่อจับกลุ่มคนเจเนอร์เรชั่นใหม่ ที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเองในราคาที่จับต้องได้ โดยเลือก The Toys ศิลปินรุ่นใหม่ ที่มากความสามารถและกวาดรางวัลในด้านดนตรีมามากมาย มาต่อยอดร่วมทำเพลงพิเศษให้กับเอสซีฯ ทั้งแต่งเนื้อร้องและดนตรี ที่มีไอเดียมาจาก Character ของแบรนด์ Pave (เพฟ) และ Verve (เวิร์ฟ) เพื่อบอกเล่าเรื่องราวภายใต้คอนเซปต์ “สิ่งดีๆ กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังใหม่” ถ่ายทอดเล่าผ่านทาง MV ที่พร้อมเปลี่ยนโลกเดิมๆ ให้เป็นวันดีๆ ” โดยปัจจุบันทั้ง 2 แบรนด์ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยปีนี้เปิดรวมทั้งหมด 9 โครงการ มูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท โดยกลุ่มบ้านแบรนด์ Pave (เพฟ) ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ เพฟ รังสิต, ประชาอุทิศ 90, รามอินทรา-วงแหวน, บ้านโพธิ์-ฉะเชิงเทรา โดยจะเปิดใหม่เพิ่ม 2 ทำเล ได้แก่ มอเตอร์เวย์-ฉะเชิงเทรา กับ ปิ่นเกล้า-ศาลายา ขณะที่ทาวน์โฮมแบรนด์ Verve (เวิร์ฟ) เริ่มต้น 2 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ เวิร์ฟ เพชรเกษม 81 มีเปิดใหม่ 2 ทำเลเช่นกัน ได้แก่ ติวานนท์-รังสิต กับ พระราม 9 ดังนั้น จึงนับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ระหว่าง เอสซีฯ และ The Toys ที่ได้มาร่วมงานกันและกล้าทำเพลงในแนวที่แหวกจากเดิมของ The Toys เอง เป็นเพลงเร็วมีจังหวะสนุกสนาน สะท้อนถึงตัวตนคนรุ่นใหม่ที่กล้าฉีกจากสิ่งเดิมๆ ลงมือทำอะไรใหม่ๆ โดย The Toys จะแสดง Live มินิคอนเสิร์ต 3 ครั้ง ยังโครงการ Pave (เพฟ) และ Verve (เวิร์ฟ) ระหว่างเดือนกรกฎาคม ถึง กันยายน 2561 โดย Live ครั้งแรกมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคมนี้ โดยสามารถรับชม Live สด ผ่านช่องทาง SC Asset แฟนเพจ ได้ที่ facebook.com/scasset
เอสซี แอสเสทฯ จับมือ OFO(โอโฟ่)  คิกออฟแอพพลิเคชั่นบริการให้เช่ารถจักรยานแบบไร้สถานี ตอกย้ำ Rue Jai Living Solutions

เอสซี แอสเสทฯ จับมือ OFO(โอโฟ่) คิกออฟแอพพลิเคชั่นบริการให้เช่ารถจักรยานแบบไร้สถานี ตอกย้ำ Rue Jai Living Solutions

  นายณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์ หัวหน้าสายงานการตลาด บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำการเป็น Rue Jai Living Solutions ด้วยการ co-create ร่วมกับ นางสาว ซาแมนต้า ตึง ผู้บริหารจาก OFO (โอโฟ่) แอปพลิเคชั่นรายใหญ่ที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ของโลก เพื่อเปิดให้บริการเช่าจักรยานแบบไร้สถานีที่ให้ความสะดวกผ่านแอปพลิเคชั่นผ่านมือถือ ใช้งานง่ายและ Worry free ปลอดความกังวลด้วยการดูแลบำรุงรักษาภายใต้ทีมโอโฟ่ เพื่อแก้ปัญหา pain point และตอบสนองไลฟ์สไตล์เรื่อง Sharing Economy รักษ์สุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยพร้อมนำร่องที่โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด แจ้งวัฒนะ 2 บ้านหรูสไตล์นอร์ดิกที่ Facilities ครบครัน รองรับ Bike Lane ซึ่งเชื่อมต่อสวนส่วนกลางถึง 3 จุด โครงการนี้ตั้งอยู่บนทำเลใกล้ทางด่วนแจ้งวัฒนะ บริเวณถนนหอการค้าไทย ซึ่งครอบครัวสมาชิก SC Family สามารถทดลองใช้บริการได้ฟรีถึงเดือนกรกฎาคมนี้ โดยสามารถปั่นออกกำลังกายทั้งภายในและภายนอกโครงการ ปั่นไปซื้อของบริเวณใกล้เคียง ช่วยทั้งประหยัดพลังงานและลดปัญหามลภาวะก๊าซคาร์บอนในอากาศ     นอกจากนี้เอสซี แอสเสทฯ มีแผนการขยายบริการโอโฟ่ไปยังโครงการอื่น ๆ ในอนาคตอีกด้วย สนใจเยี่ยมชมโครงการบางกอก บูเลอวาร์ด แจ้งวัฒนะ 2 สอบถามที่โทร.1749 https://www.scasset.com/th/house/bangkok-boulevard-changwattana2
เอสซีฯ สรุปไตรมาสแรกปี 2561 ปลื้มยอดขายตอบรับดีพร้อมเตรียมเปิดอีก 17 โครงการ มูลค่ากว่า 17,000 ล้านบาท

เอสซีฯ สรุปไตรมาสแรกปี 2561 ปลื้มยอดขายตอบรับดีพร้อมเตรียมเปิดอีก 17 โครงการ มูลค่ากว่า 17,000 ล้านบาท

  นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพทุกระดับราคา กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2561 ของ SC มีการเติบโตครบทุกด้านทั้งยอดขาย รายได้ และกำไรสุทธิ  โดยมีรายได้รวม 2,686 ล้านบาท เติบโต 53% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้หลักมาจากโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายคิดเป็นสัดส่วน 92% ของรายได้ทั้งหมด และมีกำไรสุทธิ 259 ล้านบาท เติบโต 244% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมกับมียอดขายรอโอน หรือ Backlog ประมาณ 10,800 ล้านบาท ซึ่ง 47% จะรับรู้รายได้ในปีนี้ และส่วนที่เหลืออีก 53% จะรับรู้รายได้ในปี 2562-2563  โดยบริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ทั้งปีอยู่ที่ 17,000 ล้านบาท     ในส่วนของยอดขาย 3,662 ล้านบาท เติบโต 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนทั้งในส่วนของโครงการแนวราบและแนวสูงทุกระดับราคา โดยเฉพาะโครงการที่เปิดใหม่ในไตรมาสแรกได้รับการตอบรับที่ดีมาก ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมเซ็นทริค รัชโยธิน ที่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้ารัชโยธินเพียง 150 เมตร ปัจจุบันมียอดขายถึง 75% และ โครงการบ้านเดี่ยวเพฟ บ้านโพธิ์-ฉะเชิงเทรา ขณะเดียวกันโครงการแนวราบเดิมในระดับราคา 8 ล้านบาทขึ้นไปมียอดขายเติบโตกว่า 70% เทียบกับไตรมาสแรกของปี 2560   ทั้งนี้ จากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2561 ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นเงินจำนวน  0.12 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล เท่ากับ 44.44%  โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า “ SC เตรียมทยอยเปิดโครงการใหม่ที่เหลือในปีนี้อีก 17 โครงการ มูลค่ากว่า 17,000 ล้านบาท  โดยในเดือนมิถุนายนนี้จะเปิดโครงการ เวนิว พระราม 5-3 บนพื้นที่ กว่า 7 ไร่ มูลค่าโครงการ 260 ล้านบาท เป็นบ้านแฝดรุ่นใหม่ จำนวน 46 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 5.89  ล้านบาท ต่อยอดความสำเร็จของโครงการ เวนิว พระราม 5-1 และ 2 ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี     โครงการใหม่อยู่บนถนนนครอินทร์ พระราม 5 ใกล้ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก และใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วงกับสายสีน้ำเงิน (เสร็จปลายปี 2562)  โดย ณ 30 เม.ย 61  SC มีโครงการเพื่อขายทั้งหมด 39 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 34,400 ล้านบาท ”นอกจากนี้ บริษัทได้จัดแคมเปญการตลาด “Reflection of Your Success” ภายใต้โครงการ บางกอก  บูเลอวาร์ด บน 6 ทำเลศักยภาพ  พร้อมบ้านซี่รี่ส์ใหม่กับห้องนอนเพดานสูงกว่า 4 เมตร* ราคา  6-27 ล้านบาท  พร้อมรับข้อเสนอพิเศษสูงสุด 2 ล้านบาท* ระหว่างวันนี้ - 31 พ.ค.61  เมื่อลงทะเบียนออนไลน์ที่ https://bit.ly/2jhDyCF สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1749 หรือ www.scasset.com
เอสซีฯ รุกตลาดEEC มูลค่า 1,500 ล้านบาท นำร่อง“เพฟ บ้านโพธิ์-ฉะเชิงเทรา” พรีเซลส์ 24-25 มี.ค.นี้

เอสซีฯ รุกตลาดEEC มูลค่า 1,500 ล้านบาท นำร่อง“เพฟ บ้านโพธิ์-ฉะเชิงเทรา” พรีเซลส์ 24-25 มี.ค.นี้

นายมงกุฎ  เตโชฬาร รองหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านพัฒนาทรัพย์สินแนวราบ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า SC ได้ลงทุนและพัฒนาโครงการบ้านแบรนด์เพฟ ขยายฐานไปยังตลาดต่างจังหวัดที่ฉะเชิงเทรา  มูลค่าโครงการรวม 1,500 ล้านบาท นอกจากรองรับการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดแนวราบกลุ่มนี้ในช่วงปี 2561-2563 ยังได้ทำการศึกษาข้อมูลเรื่องที่อยู่อาศัยจังหวัดฉะเชิงเทราในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา (2557-2560) พบว่าส่วนใหญ่ตลาดบ้านมีสัดส่วนมากสุดประมาณ 74% และมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 70%  ดังนั้นเพื่อรองรับดีมานด์ที่ขยายตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการเคลื่อนย้ายแหล่งงาน และการขยายตัวของการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมโซนตะวันออก ซึ่งในอนาคตจะมีการขยายการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่เพิ่มขึ้นและเกิดความต้องการที่อยู่อาศัยใหม่ ๆ ในอนาคต จึงได้นำร่องเปิดโครงการแรก “เพฟ บ้านโพธิ์-ฉะเชิงเทรา วันที่ 24-25 มีนาคม สำหรับโครงการใหม่อีกแห่งจะมีการเปิดตัวในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้จากข้อมูลภาพรวมตลาดอสังหาฯโดยสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกรศ.)  ในปี 2560 โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor (EEC) โครงการเมกะโปรเจกต์ภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่ต้องการจะพัฒนาพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของเขตเศรษฐกิจบริเวณภาคตะวันออกของไทยให้มีความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น เอสซีฯ จึงมองทิศทางการลงทุนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันออกมีทิศทางเป็นบวก และมีแนวโน้มการขยายตัวของดีมานด์ที่อยู่อาศัยในอนาคต เนื่องจากพื้นที่ภาคตะวันออกกำลังเป็นที่จับตามองของกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ โดยขณะนี้เริ่มมีผู้ประกอบการรายใหญ่ เริ่มทยอยเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ถือว่าเป็นทำเลที่เป็น ฮับแห่งภาคตะวันออก มีจุดเด่นเรื่องเส้นทางที่เป็นใจกลางระหว่างการขนส่งจากภาคตะวันออกเข้าสู่กรุงเทพฯ และทำเลที่ตั้งอยู่บนเส้นถนนหลักรับมาจากมอเตอร์เวย์อีกทั้งยังเชื่อมได้ทั้งทางด่วนบูรพาวิถี พร้อมทั้งมีรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่จะมาเชื่อมต่อในอนาคตอันใกล้อีกด้วย โครงการ เพฟ บ้านโพธิ์-ฉะเชิงเทรา (PAVE Ban Pho-Chachoengsao) มีพื้นที่โครงการกว่า 36 ไร่ มูลค่าโครงการ 750 ล้านบาท  จำนวน 144ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 168-217 ตร.ม. เริ่ม 4 ล้านต้น  เป็นบ้านเดี่ยวรุ่นใหม่สไตล์ Modern ด้วยการออกแบบภายในและภายนอกที่มีเอกลักษณ์ ทันสมัย คุ้มค่าทุกพื้นที่ใช้สอยด้วยฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความเป็นส่วนตัว เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการพักผ่อน  ภายใต้ แนวคิด Staycation Home  พร้อมมีแบบบ้าน 3 แบบให้เลือก ได้แก่ 1. LINEAR  ขนาดพื้นที่ใช้สอย 168 ตรม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 2. CIRCLE ขนาดพื้นที่ใช้สอย 178 ตรม. 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 3. INFINITY ขนาดพื้นที่ใช้สอย 217 ตรม. 5 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิท ฉะเชิงเทรา 314 เส้นหลักที่มุ่งหน้าเข้าตัวเมือง รองรับการขยายตัวและความต้องการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยสาธารณูปโภคต่างๆเช่น  ศูนย์การค้า  สถาบันการศึกษาชั้นนำและโรงพยาบาล เชื่อมต่อถนนเส้นหลักสามารถเข้าเมืองและเป็นจุดเชื่อม กรุงเทพและชลบุรี ใกล้สถานีรถไฟ กรุงเทพลาดกระบัง-ฉะเชิงเทราและสถานีรถไฟความเร็วสูงในอนาคต พร้อมด้วย Facilities สมบูรณ์แบบ เช่น คลับเฮ้าส์, สระว่ายน้ำระบบเกลือ, ห้องฟิตเนส, สวนส่วนกลาง และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ด้วย Premium Security , การเข้า-ออกโครงการผ่านระบบ Easy Pass  และควบคุมด้วยCCTV กล้องวงจรปิด  พร้อมสัญญาณกันขโมยในตัวบ้านทั้งหลังแบบ Magnetic ส่งสัญญาณเตือนไปยังศูนย์รักษาความปลอดภัย และรวมไปถึงบริการหลังการขายคุณภาพมาตรฐานโดยเอสซี แอสเสทฯ พร้อมเปิดพรีเซลส์ตั้งแต่ 24-25 มีนาคมนี้เป็นต้นไป สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษได้ที่ www.scasset.com หรือโทร.1749
เอสซีฯ ตั้งบริษัท เอสซี อัลฟ่า อินคอร์ปอเรชั่น ลุยตลาดอสังหาฯอเมริกา ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 17,000 ล้านบาท

เอสซีฯ ตั้งบริษัท เอสซี อัลฟ่า อินคอร์ปอเรชั่น ลุยตลาดอสังหาฯอเมริกา ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 17,000 ล้านบาท

เอสซีฯ รุกลุงทนธุรกิจอสังหาฯ ในอเมริกา   ตั้งบริษัทย่อย เอสซี อัลฟ่า อินคอร์ปอเรชั่น ปี 60 ทำสถิตินิวไฮยอดขายรวมและแนวราบโตกว่า 30% กำไรสุทธิ 1,256 ล้านบาท พร้อมปันผล 0.12 บาท/หุ้น ปี 61 ตั้งเป้ายอดขายและรายได้ 17,000 ล้านบาท โต 36% นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในปี 2560 ยอดขายรวมเท่ากับ 15,280 ล้านบาท โต 32% (YoY) และยอดขายแนวราบ 10,547 ล้านบาท โต 33% (YoY) กลุ่มที่เติบโตมากที่สุด คือ บ้านเดี่ยวระดับราคาน้อยกว่า 5 ล้านบาท หรือแบรนด์ PAVE เติบโต 189% (YoY) ส่วนบ้านเดี่ยวระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป ครองมาร์เกต แชร์ อันดับ 1 เติบโตถึง 63% (YoY) และบ้านเดี่ยวรวมทุกระดับราคา เป็นอันดับ 2 ขณะที่ รายได้จากการดำเนินงาน มูลค่า 12,450 ล้านบาท ประกอบด้วยรายได้จากค่าเช่าและบริการ 850 ล้านบาท กับรายได้หลักจากโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 11,600 ล้านบาท ซึ่งมาจากรายได้จากโครงการแนวราบ 9,093 ล้านบาท โต 18% (YoY) และโครงการแนวสูง 2,507 ล้านบาท ลดลง 58% (YoY) เนื่องจากโครงการคอนโดฯ ขนาดใหญ่จะสร้างเสร็จพร้อมโอนได้ในปี 2561 เป็นผลให้รายได้จากการดำเนินงานลดลงเมื่อเทียบกับปี 2559 และมีกำไรสุทธิ 1,256 ล้านบาท ส่วนยอดขายรอโอนหรือ Backlog รวม 9,703 ล้านบาท จะพร้อมโอนปีนี้ 50% อีก 50% ที่เหลือจะโอนในปี 2562-2563  ณ วันที่ 31 ธ.ค. 60 บริษัทและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม และหนี้สินรวมเท่ากับ 38,498 ล้านบาท และ 23,583 ล้านบาทตามลำดับ ทั้งนี้ มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้อนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อย ชื่อ SC ALPHA Inc.(บริษัท เอสซี อัลฟ่า อินคอร์ปอเรชั่น) ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ได้เห็นชอบให้เสนอจ่ายเงินปันผลประจำปี 2560 ในอัตรา 0.12 บาทต่อหุ้น โดยจะนำเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 เมษายน 2561 ปี 2561 ตั้งเป้ายอดขายและรายได้ 17,000 ล้านบาท โต 11% และ 36% ตามลำดับ มีโครงการที่เปิดขายทั้งหมดรวม 58 โครงการ มูลค่ากว่า 56,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการต่อเนื่อง 39 โครงการ มูลค่ารวม 37,000 ล้านบาท และโครงการเปิดใหม่ 19 โครงการ มูลค่า 19,000  ล้านบาท ซึ่งในเดือนมีนาคมจะเปิด 2 โครงการใหม่ ได้แก่ เซ็นทริค รัชโยธิน (CENTRIC RATCHAYOTHIN)คอนโดฯ ใกล้BTS สถานีรัชโยธินเพียง 150 เมตร บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท อาคารสูง 21 ชั้น จำนวน 261 ยูนิต เริ่มต้น 3.7 ล้านบาท โดยได้จัด Speed Online Booking 3 ชั่วโมง! ซึ่งเปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้ที่ https://booking.scasset.com รับราคาดีที่สุดพร้อมสิทธิพิเศษเฉพาะวันที่ 6 มีนาคม ก่อนเปิดพรีเซลส์ 10-11 มีนาคมนี้ สอบถามเพิ่มเติมโทร. 1749 เพฟ บ้านโพธิ์-ฉะเชิงเทรา (PAVE BANPHO-CHACHOENGSAO) บ้านสไตล์โมเดิร์นทำเลติดถนนสุขุมวิท ฉะเชิงเทรา 314 ตั้งอยู่บริเวณใจกลางหรือฮับของเส้นทางโลจิสติกระหว่าง กทม. - ภาคตะวันออกโดยเป็นจุดศูนย์กลางของการขนส่งสินค้าต่างๆ และ ใกล้โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงในอนาคตสถานีกรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา อีกทั้งใกล้นิคมอุตสาหกรรมและแวดล้อมด้วยสาธารณูปโภคสำคัญต่างๆบนพื้นที่กว่า 36 ไร่ มูลค่าโครงการ 750 ล้านบาท จำนวน 144 หลัง ราคาเริ่ม 4 ล้านต้น พรีเซลส์วันที่  24-25 มีนาคม 2561
SC ประกาศโรดแมป 3 ปี “SC RE-INVENTION 2020” ก้าวสู่การเป็น LIVING SOLUTIONS PROVIDER มั่นใจกวาดยอดขายรวมสามปี มากกว่า 60,000 ลบ. และรุกเปิด 19 โครงการใหม่ 19,000 ลบ. ในปี 2018

SC ประกาศโรดแมป 3 ปี “SC RE-INVENTION 2020” ก้าวสู่การเป็น LIVING SOLUTIONS PROVIDER มั่นใจกวาดยอดขายรวมสามปี มากกว่า 60,000 ลบ. และรุกเปิด 19 โครงการใหม่ 19,000 ลบ. ในปี 2018

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกาศวิชั่นและโรดแมปการเติบโตสามปีของ SC ว่า “ทุกองค์กรในโลกนี้กำลังถูกท้าทายอย่างรุนแรงเพราะ landscape ของโลกธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไป วิธีคิดแบบเดิมเริ่มใช้ไม่ได้ในบริบทใหม่ digital technology มีบทบาทอย่างมหาศาลในการสร้างความท้าทายครั้งนี้ทำให้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของมนุษย์ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตอย่างรวดเร็ว ภาพ landscape ใหม่ที่เกิดขึ้น คือ อุตสาหกรรมต่างๆ เชื่อมต่อกันกลายเป็น ecosystem ที่มีสมาชิกหลากหลาย และหลาย ecosystem ก็เชื่อมต่อกันเอง เกิดโมเดลธุรกิจใหม่นอกเหนือไปจาก products และ services นั่นคือ platforms และ solutions เกิดการร่วมงานของกลุ่ม 3 กลุ่มเพื่อตอบสนองความต้องการ  ของมนุษย์ได้ดียิ่งขึ้น กลุ่ม  1  incumbents หรือ stakeholders เดิมในอุตสาหกรรมเดิม กลุ่ม  2 tech entrepreneurs ทำงานเร็วและเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะอย่างของมนุษย์ กลุ่ม  3  digital giants บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ มีแนวโน้มที่จะขยายขนาดและขอบเขตการทำธุรกิจครอบคลุมไปทุกอุตสาหกรรม tech entrepreneurs และ digital giants มีบทบาทสำคัญของการเชื่อมต่ออุตสาหกรรมต่างๆ เข้าด้วยกัน องค์กรในกลุ่ม 1 จะอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืน ต้องพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ ร่วมทำงานกับกลุ่ม 2 และกลุ่ม 3 เพื่อให้ก้าวทันพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของมนุษย์หรือผู้บริโภค ”   เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน SC จึงประกาศโรดแมปสามปี SC RE-INVENTION 2020 ตั้งเป้าหมายยอดขาย 24,000 ล้านบาท รายได้ 22,000 ล้านบาทในปี 2020 และยอดขายรวมสามปี 2018-2020 มากกว่า 60,000 ล้านบาท ปรับวิธีคิดจากการเป็น Developer ก้าวสู่การเป็น Living Solutions Provider ทำงานร่วมกับ partners หลากหลายใน ecosystem เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของมนุษย์ได้ดียิ่งขึ้นบน landscape ใหม่นี้ โดยจะเติบโตด้วยกลยุทธ์ 4 ข้อคือ 1. RE-INVENTION จาก DEVELOPER สู่ LIVING SOLUTIONS PROVIDER ผ่าน 3D - D1  DIGITIZE ปรับเปลี่ยนระบบการทำงานจาก analog เป็น digital เพื่อจะได้นำ data ทั้งในส่วนการทำงานและความต้องการของลูกค้า (insights) มาวิเคราะห์และพัฒนาให้ดีขึ้น - D2 DESIGN ใช้หลัก human-centric ออกแบบสินค้า บริการ และโซลูชั่น (solutions) โดยเริ่มต้นที่ทำความเข้าใจปัญหา หรือ pain points ในการใช้ชีวิตของลูกค้า - D3  DEVELOP ประสานนวัตกรรม และพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพในทุกระดับราคา 2. CO-CREATION ด้วยการที่ SC ร่วมกับพันธมิตรในระบบ ecosystem ส่งมอบ living solutions (การพัฒนาที่อยู่อาศัยและบริการหลังการขาย โดย SC และสิ่งอื่นๆ โดยพันธมิตร) ให้ลูกค้าและชุมชนข้างเคียง เราเรียก living solutions platform ของเราว่า Rue Jai 3. QUALITY FIRST คุณภาพสินค้าและบริการเป็นเรื่องสำคัญเหนือสิ่งใด แบ่งเป็นสองส่วนคือ pre-transfer และ after-transfer 4. TOP-LINE GROWTH เติบโตในส่วน top-line ทั้งยอดขายและรายได้อสังหาฯ เพื่อขายทำหน้าที่หลักขับเคลื่อนการเติบโต ในขณะที่อสังหาฯ เพื่อเช่าทำหน้าที่เป็น secured income ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่อาคารสำนักงานเพื่อเช่ารวม 110,000 ตรม. มีสัดส่วนของกำไรสุทธิสูงถึง 1 ใน 4 อสังหาฯ เพื่อขายแบ่งออกเป็น แนวราบและแนวสูง แนวราบ โดยรักษาฐานผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 8 ล้านบาท และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของบ้านเดี่ยวราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาท  กับทาวน์โฮม 2-3 ล้านบาท ในปีนี้ SC จะขยายพื้นที่การพัฒนาโครงการไปจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยเล็งเห็นโอกาสของการเติบโตของเมืองจากเมกะโปรเจค EEC ในปี 2020 สัดส่วนมูลค่ายอดขายแนวราบ กรุงเทพและต่างจังหวัดของ SC จะอยู่ที่ 90:10 แนวสูง  SC และ SCOPE บริษัทร่วมทุนที่ SC ถือหุ้นอยู่ 90% ภายใต้การนำของ CEO คุณยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ เตรียมพัฒนาโครงการใหม่แนวสูงในสามปีนี้รวมกว่า 10 โครงการ โดยสัดส่วนหลักของรายได้แนวสูงในสามปีนี้ จะมาจากการโอนของ 3 โครงการ super luxury คือ  SALADAENG ONE, BEATNIQ, และ 28 CHIDLOM” “ SC ตั้งเป้าหมายยอดขายและรายได้ปี 2018 ที่ 17,000 ล้านบาท ยอดขายเติบโตประมาณ 11% และ    เตรียมเปิด 19 โครงการใหม่ มูลค่า 19,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 17 โครงการ มูลค่า15,000 ล้านบาท และ แนวสูง 2 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท พร้อมกับเตรียมงบสำหรับซื้อที่ดินในปีนี้ 10,000 ล้านบาท” “ hi-light ของโครงการใหม่ในปีนี้ สำหรับแนวราบคือ township concept development จำนวน 2 โครงการ 2 ทำเล บนที่ดินผืนใหญ่ทำเลกรุงเทพตะวันออก บริเวณกรุงเทพกรีฑากว่า 115 ไร่ และกรุงเทพตะวันตก บางกระดี จ.ปทุมธานีกว่า 200 ไร่ ซึ่งจะเปิดขายครึ่งปีหลังของปี 2018 และนอกจากนี้  50% ของโครงการใหม่ปีนี้จะเป็นแบรนด์ PAVE และ VERVE ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมระดับราคา 2-5 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดแนวราบกลุ่มนี้ในช่วงปี 2018-2020 สำหรับแนวสูงคือ โครงการ CENTRIC รัชโยธิน ทำเลใกล้ BTS สถานีรัชโยธินเพียง 150 เมตร เป็นอาคารสูง 21 ชั้น เริ่มต้น 3.7 ล้านบาท เปิดพรีเซลส์มีนาคม 2018 นี้ มูลค่า 1,500 ล้านบาท กับ โครงการ  THE CREST สุขุมวิท 23 มูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท จะเปิดขายประมาณไตรมาสสี่ของปี ” นายณัฐพงศ์ กล่าวสรุปว่า “ ในปี 2017 ที่ผ่านมา SC ทำยอดขายสร้างสถิติใหม่ทั้งยอดขายรวม 15,278 ล้านบาท และยอดขายแนวราบ 10,547 ล้านบาท ครอง market share อันดับ 1 บ้านเดี่ยว ราคามากกว่า 15 ล้านบาท และอันดับ 2 บ้านเดี่ยวรวมทุกระดับราคา ในขณะที่ยอดขายจากการบอกต่อ  สัดส่วนอยู่ที่ 18% แสดงถึงความมั่นใจที่ลูกค้ามีต่อเรา รวมถึงคุณภาพของที่อยู่อาศัยและบริการ ในปี 2018 บริบทได้เปลี่ยนแปลงไป เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน SC จะไม่ยึดติดกับวิธีการเดิม เราพร้อม re-invent ตัวเองและทำงานร่วมกับพันธมิตรใน ecosystem เพื่อส่งมอบ living solutions ที่มีคุณภาพสูงสู่ลูกค้าของเรา ”
SC ASSET ผู้นำอสังหาฯไทย ผนึก AIS ผู้นำแห่งเทคโนโลยี รุกวางระบบโครงข่ายดิจิตอลคุณภาพสูงให้ทุกโครงการของเอสซีฯ เตรียมส่งมอบ “Baan Rue Jai” แพลตฟอร์มการอยู่อาศัยที่พัฒนาโดยคนไทยเพื่อคนไทย

SC ASSET ผู้นำอสังหาฯไทย ผนึก AIS ผู้นำแห่งเทคโนโลยี รุกวางระบบโครงข่ายดิจิตอลคุณภาพสูงให้ทุกโครงการของเอสซีฯ เตรียมส่งมอบ “Baan Rue Jai” แพลตฟอร์มการอยู่อาศัยที่พัฒนาโดยคนไทยเพื่อคนไทย

SC ASSET  ผู้นำอสังหาฯไทย ผนึก AIS ผู้นำแห่งเทคโนโลยี รุกวางระบบโครงข่ายดิจิตอลคุณภาพสูงให้ทุกโครงการของเอสซีฯ เตรียมส่งมอบ “Baan Rue Jai” แพลตฟอร์มการอยู่อาศัยที่พัฒนาโดยคนไทยเพื่อคนไทย ตอบโจทย์ทุกปัจจัยสำคัญต้อนรับการมาถึงของเมืองอนาคต พร้อมนำร่องที่โครงการเดอะเจนทริ พระราม 9 บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โชว์วิสัยทัศน์ที่ก้าวล้ำไปไกลกว่าแค่การแข่งขันกันด้วยความเร็วของธุรกิจ แต่ยังต้องครอบคลุมทุกเรื่องที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อการอยู่อาศัยในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ อาหาร การเดินทาง การศึกษา ที่ต่อไปจะเชื่อมโยงกันกับที่อยู่อาศัยอย่างไร้รอยต่อด้วยเทคโนโลยีความเร็วสูงแห่งอนาคต ปัจจุบัน บริษัทฯกำลังมุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มแห่งการอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ ใช้ชื่อว่า “Baan Rue Jai Platform” (บ้านรู้ใจ) ที่พัฒนาขึ้นตามหลัก Human-Centric อันเกิดจากการศึกษาปัญหาและความต้องการในการใช้ชีวิตประจำวันของลูกค้าเป็นโจทย์สำคัญ เป็นที่มาของชื่อแพลตอร์ม “บ้านรู้ใจ” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมเอา Innovations และSolutions จากที่พัฒนาโดยบริษัทเอสซีฯ เอง และจากพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ โดยมีเป้าหมายให้การอยู่อาศัยของครอบครัวสมาชิกเอสซีฯสะดวกสบายขึ้น ปลอดภัยขึ้น มีเวลาให้เรื่องที่สำคัญในชีวิตมากขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงเมื่ออยู่อาศัยภายในบ้าน แต่เมื่อเดินทางออกนอกบ้านด้วยเช่นกัน โดยในเฟสแรก เอสซีฯ ได้ประกาศความร่วมมือกับผู้นำอันดับหนึ่งเรื่องเครือข่ายดิจิตอลของไทยอย่าง เอไอเอส ด้วยเหตุเพราะแพลตฟอร์มการอยู่อาศัยที่เชื่อมโยงต่อกันอย่าง Baan Rue Jai นี้ จะสำเร็จไม่ได้เลยหากขาดตัวแปรสำคัญคือโครงข่ายเทคโนโลยีดิจิตอลคุณภาพสูงจากเอไอเอส ทำให้แพลตฟอร์ม “บ้านรู้ใจ” ที่เมื่อเสร็จสมบูรณ์ จะเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีครอบคลุมทั้ง  4 ด้าน คือ IoT, Big Data, Cloud Computing และ AI ซึ่งจะกลายเป็นแพลตฟอร์มที่มีศักยภาพสูงพร้อมเติบโตได้อย่างไร้ขีดจำกัดร่วมไปกับการพัฒนาของเมืองในอนาคต นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า “แผนการพัฒนาแพลตฟอร์มที่อยู่อาศัย Baan Rue Jai ของเอสซีฯ เรียกได้ว่า เป็นอีกก้าวสำคัญของเราที่จะ ‘Re-invent’ ธุรกิจจากการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ไปสู่การเป็น “Living Solutions Provider” ผู้ส่งมอบสินค้าบริการ, โซลูชั่น และนวัตกรรมที่ครอบคลุมชีวิตทุกด้านของผู้อยู่อาศัย” “เอสซีฯ เชื่อว่า เมืองที่กำลังจะมาถึงในอนาคต จะพัฒนาไปในรูปแบบของการ “ร่วมกันสร้าง” (Co-creation) จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลากหลายหน่วยในสังคมเดียวกัน ซึ่งเป็นหนทางการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน เพราะคำนึงถึงประโยชน์ของสังคมและชุมชนร่วมกัน นายณัฐพงศ์ ยังกล่าวเสริมอีกว่า “การจับมือกับ เอไอเอส ในครั้งนี้เป็นหนึ่งในการร่วมกัน Co-create โดยคนไทย เพื่อคนไทย เป็นความร่วมมือครั้งสำคัญ ของเอสซีฯ และเอไอเอส โดยมีนายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ร่วมตกลงการพัฒนา Infrastructure สำหรับทุกโครงการที่อยู่อาศัยของเอสซีฯ ผ่านการขยายเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ด้วย AIS Fibre 100% พร้อมต่อยอดความสำเร็จอีกขั้นสู่การร่วมพัฒนา Baan Rue Jai Smart Home ฟีเจอร์แรกที่จะนำร่องยังโครงการใหม่ เดอะเจนทริ พระราม 9 เชื่อมั่นว่าจะช่วยสร้างให้ชีวิตคนในบ้านมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ทั้งนี้การจับมือกับ เอไอเอส เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการสร้างแพลตฟอร์ม Baan Rue Jai เท่านั้น ซึ่งในอนาคต บริษัทฯมีแผนที่จะร่วม Co-create นวัตกรรมและโซลูชั่นใหม่ๆ ร่วมกับ Strategic partner และ Startups อื่นๆ อีกมาก” ด้านนายสมชัย สรุปถึงการผนึกความร่วมมือครั้งนี้ว่า “ด้วยวิสัยทัศน์ Digital for Thais พร้อมกับความแข็งแกร่งของเครือข่ายเอไอเอส ประกอบกับ Infrastructure และ AIS Business Cloud ในระดับมาตรฐานโลก ทำให้เอไอเอสเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของไทยเรื่องโครงข่ายดิจิตอลที่มีประสิทธิภาพครอบคลุมสูงสุดในทุกๆ ด้าน และย่อมมีความพร้อมในการต่อยอดสู่การพัฒนาแพลตฟอร์มการอยู่อาศัยที่อำนวยความสะดวกให้กับชีวิตผู้คน เพื่อสร้างโอกาสและประสิทธิผลสำหรับการใช้ชีวิตของคนไทยให้ก้าวไปอีกขั้น” สำหรับฟีเจอร์แรกของ Baan Rue Jai Platform ที่พร้อมเปิดตัวในปีนี้ เป็นฟีเจอร์ Baan Rue Jai Smart Home ที่เกิดจากการร่วมพัฒนาจากเอสซีฯ และ เอไอเอส เป็นระบบที่ใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ  ในบ้านผ่านอินเตอร์เน็ต ด้วยการนำเทคโนโลยี “IoT” (Internet of Things) ที่ปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างก้าวล้ำเข้ามาช่วยตรวจสอบและประเมินผล เพื่ออำนวยความสะดวกการใช้งานภายในบ้านผ่าน Mobile Application โดยสามารถควบคุมและสั่งการอัติโนมัติ  พร้อมตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ขณะเมื่ออยู่นอกบ้าน ได้แก่ ระบบสัญญาณกันขโมย การเปิด-ปิดไฟ, และเปิด-ปิด เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น จึงช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้อยู่อาศัยในทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยของการอยู่อาศัยของครอบครัว และความปลอดภัยของข้อมูลทั้งภายในและภายนอกบ้าน ทุกที่ ทุกเวลา ที่พิเศษที่สุดของการใช้งาน Baan Rue Jai Smart Home คือการดูแลหลังการขาย เพราะเป็นระบบที่พัฒนาโดยเอสซีฯ และพันธมิตรที่เชี่ยวชาญอย่างเอไอเอส ทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมเหนือระดับด้วยทีมงาน Customer Service มืออาชีพที่พร้อมช่วยเหลือดูแลลูกค้าตามมาตรฐานงานหลังการขายอย่างอบอุ่นจากเอสซีฯ ตลอด 24 ชั่วโมง Rue Jai Smart Home  เพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับอนาคต  จะนำร่องที่โครงการเดอะเจนทริ พระราม 9 (The Gentry Rama 9) วิลล่าหรู 3 ชั้น โครงการใหม่ที่ได้รับการตอบรับดีเยี่ยมแห่งหนึ่ง  
เอสซีฯ ปลื้มทำสถิติยอดขายแนวราบเติบโตสูงสุด กวาดยอดขายรวม 10 เดือน 12,267 ลบ. เติบโต 32% มั่นใจไตรมาส 4 เติบโตทุกด้าน รุกเปิดแนวราบใหม่ 5 โครงการ มูลค่ากว่า 8,200 ลบ.

เอสซีฯ ปลื้มทำสถิติยอดขายแนวราบเติบโตสูงสุด กวาดยอดขายรวม 10 เดือน 12,267 ลบ. เติบโต 32% มั่นใจไตรมาส 4 เติบโตทุกด้าน รุกเปิดแนวราบใหม่ 5 โครงการ มูลค่ากว่า 8,200 ลบ.

เอสซีฯ ปลื้มทำสถิติยอดขายแนวราบเติบโตสูงสุด กวาดยอดขายรวม 10 เดือน   12,267  ลบ.  เติบโต 32%  มั่นใจไตรมาส 4 เติบโตทุกด้าน รุกเปิดแนวราบใหม่ 5 โครงการ มูลค่ากว่า 8,200 ลบ. พร้อมลงทุนกับ strategic partner ชั้นนำของไทย บจ.ไฟร์ วัน วัน  เพื่อร่วมขับเคลื่อนองค์กรก้าวสู่ Digital Economy นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า “ช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา การเติบโตของยอดขายทำสถิติดีเยี่ยม  มียอดขายรวม 12,267 ล้านบาท เติบโต 32%   ซึ่งมาจากโครงการแนวราบ 70% และแนวสูง 30%  โดยสรุปมาจาก ยอดขายแนวราบช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาเติบโต new high 35% รวม 8,500 ล้านบาท รักษา market share อันดับ 1 ของบ้านราคามากกว่า 15 ล้านบาท เติบโต 73% (yoy)  และ อันดับ 2 ในกลุ่มบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไป เติบโต 16% (yoy) ยอดขายบ้านเดี่ยวราคา 3-5 ล้านบาท เติบโตถึง 188% และเริ่มมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ในระดับ top 10 เป็นครั้งแรก สำหรับยอดขายแนวสูง โครงการ 28 Chidlom  สูงถึง 80% ของอาคาร The Tower ซึ่งเป็นอาคารแรกที่เปิดขาย ทั้งนี้รายได้รวม 9 เดือนเท่ากับ 7,843 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการขาย 7,190 ล้านบาท และรายได้จากการเช่าและบริการ 634 ล้านบาท กำไรสุทธิ 703 ล้านบาท พร้อมกับมียอดขายรอโอนหรือ Backlog รวม 9,800 ล้านบาท ซึ่งพร้อมโอนในปีนี้ 30% อีก 70% ที่เหลือจะโอนในปี 2561-2562 ส่วนไตรมาส 3/60 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา  SC มีรายได้รวม 3,228 ล้านบาท เติบโต 13% กำไรสุทธิ 363 ล้านบาท เติบโต 37%  คิดเป็นอัตรากำไร 11.3% ของรายได้ โดยสรุป ณ วันที่ 30 ก.ย. 60 บริษัทและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม และหนี้สินรวมเท่ากับ 38,328 ล้านบาท และ 23,972 ล้านบาทตามลำดับ พร้อมกับมีโครงการพร้อมขายทั้งหมดรวม 37 โครงการ มูลค่า 32,520 ล้านบาท นายณัฐพงศ์ กล่าวอย่างมั่นใจว่า “ปี 2560 นี้ SC จะมียอดขายเติบโตตามเป้าหมาย 16,000 ล้านบาท เติบโต 38% (yoy)   โดยปัจจัยสำคัญ คือ การเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวมกว่า 8,200 ล้านบาท  เป็นโครงการบางกอก บูเลอวาร์ด  4 โครงการ บนทำเลคุณภาพ เริ่มต้น 5.9 ล้านบาท และทาวน์โฮม 2 ชั้น  แบรนด์ใหม่ 1 โครงการ ชื่อ โครงการเวิร์ฟ เพชรเกษม 81  เริ่มต้น 1.99 ล้านบาท  พร้อมกับได้จัดแคมเปญพิเศษรวม 15 โครงการทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม จัดโปรแรงสุดแห่งปีถึง 17 ธ.ค. นี้”  นอกจากนี้เพื่อสร้างนวัตกรรมสำหรับการอยู่อาศัย  SC ได้ผนึกกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์รายล่าสุดต่อจาก Fixzy คือ บริษัท ไฟร์ วัน วัน จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจครอบคลุมทั้งให้คำปรึกษาและปฏิบัติการแก่องค์กรที่ต้องการก้าวสู่ Digital Economy โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ  ทั้งนี้จากมติที่ประชุมได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วน 20% ของบริษัท ไฟร์ วัน วัน จำกัด ภายใต้การนำของ CEO นายชาคริต จันทร์รุ่งสกุล ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปีในเรื่องของ property tech โดยจะพัฒนา Living Solutions Platform ร่วมกัน เพื่อทำให้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยในโครงการของ SC มีความสะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้น Platform นี้จะตอบโจทย์ คลอบคลุมทุกปัจจัยสำคัญในการอยู่อาศัย เช่น home automation, security system, renewable energy และอื่นๆ สำหรับเป้าหมายหลักของ SC ในการลงทุนครั้งนี้คือ การมี strategic partner เรื่องการสร้างนวัตกรรมสำหรับการอยู่อาศัย  Digital Technology ที่จะมีบทบาทสำคัญที่สุดสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กรในยุคนี้ อีกทั้งทิศทางของการพัฒนาที่อยู่อาศัยของ SC  คือการมุ่งประสาน Digital Technology เข้ากับที่อยู่อาศัยคุณภาพสูง รวมกันเป็น Living Solutions ภายใต้วิธีคิดที่เข้าใจการใช้ชีวิตของมนุษย์ผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง