Tag : บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด (Grand Unity Development Co.

3 ผลลัพธ์
ยูนิเวนเจอร์ โชว์รายได้ครึ่งปีแรก พร้อมส่ง 20 โครงการ ลุยตลาดอสังหาฯ

ยูนิเวนเจอร์ โชว์รายได้ครึ่งปีแรก พร้อมส่ง 20 โครงการ ลุยตลาดอสังหาฯ

ยูนิเวนเจอร์ เผยผลประกอบการไตรมาส 2/2561 มีรายได้รวม 4,844 ล้านบาท ทำให้ช่วงครึ่งปีแรก มีรายได้รวม 10,532 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับปีก่อน    นายวรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/2561 (1 มกราคม 2561 – 31 มีนาคม 2561) บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 4,844 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11%  โดยมีรายได้หลักมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 3,742 ล้านบาท คิดเป็น 77% ของรายได้รวม   โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบมีรายได้รวม 3,116 ล้านบาท มาจากโครงการของกลุ่มแผ่นดินทอง จำนวน 38 โครงการ และจากโครงการแนวสูง รายได้รวม 626 ล้านบาท จำนวน 7 โครงการ จากบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด หรือ GRAND UNITY โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดตัว โครงการ เซียล่า ศรีปทุม (CIELA Sripatum) ที่ตั้งอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ตรงข้ามมหาวิทยาลัยศรีปทุม มีการเปิดขายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับอย่างดี สามารถทำยอดขายได้กว่า 80%   “ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ ในครึ่งปีหลัง (Backlog) รวม 6,093 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 4,340 ล้านบาท และโครงการแนวสูง 1,753 ล้านบาท บวกกับยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่รับรู้รายได้ไปแล้วที่ 8,309 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากยอดขายรอรับรู้ของโครงการแนวราบ และโครงการแนวสูงได้ประมาณ 4,764 ล้านบาท ส่วนยอดขายรอรับรู้ที่เหลืออีกจำนวน 1,329 ล้านบาทจะทยอยรับรู้ในปี 2562”   “นอกจากนี้ ยังมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งหลังปี 2561 อีก 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 26,900 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวสูง 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 4,600 ล้านบาท และโครงการแนวราบของกลุ่มบริษัทแผ่นดินทองอีก 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 22,300 ล้านบาท คาดว่าจะทำให้มียอดขายตรงตามเป้าอย่างแน่นอน” นายวรวรรต กล่าว   สำหรับรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าและธุรกิจโรงแรมรวมคิดเป็น 9% ของรายได้รวม หรือ 440 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจสังกะสีออกไซด์คิดเป็น 11% ของรายได้รวมหรือ 516 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเติบโตสูงที่สุด และรายได้ธุรกิจอื่นประมาณ 3% หรือ 146 ล้านบาท
แกรนด์ ยูนิตี้ เปิดตัว “เดอ ลาพีส จรัญ 81” คอนโดติดรถไฟฟ้าพร้อมสัมผัสวิวโค้งน้ำเจ้าพระยาถนนจรัญสนิทวงศ์

แกรนด์ ยูนิตี้ เปิดตัว “เดอ ลาพีส จรัญ 81” คอนโดติดรถไฟฟ้าพร้อมสัมผัสวิวโค้งน้ำเจ้าพระยาถนนจรัญสนิทวงศ์

  นายสิริพงศ์ ศรีสว่างวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า โครงการ “เดอ ลาพีส จรัญ 81” (De LAPIS Charan 81) เป็นคอนโดมิเนียมที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “ถ้าความรู้สึกคือเหตุผลของการใช้ชีวิต เดอ ลาพีส จรัญ 81 จะตอบทุกเหตุผลของคุณ” เพื่อสื่อถึงความโดดเด่นโครงการทั้งทำเลที่ตั้งที่ดี การออกแบบโครงการ ฟังก์ชันการใช้งาน วัสดุที่มีคุณภาพ ควบคู่ไปกับวิวโค้งน้ำเจ้าพระยาที่สวยกว่าใคร ที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การอยู่อาศัยของคุณมีความลงตัวมากยิ่งขึ้น   “เดอ ลาพีส จรัญ 81” (De LAPIS Charan 81) ตั้งอยู่บนทำเลถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพเพราะติดรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงบางซื่อ - ท่าพระ สถานีบางพลัด โดยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินนี้เป็นสายเดียวที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็น “วงแหวน” หรือ Circle Line ที่จะเป็นสายหลักของระบบรถไฟฟ้า เช่นเดียวกับหลากหลายมหานครชั้นนำ ซึ่งวงแหวนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินแห่งนี้จะกลายเป็นเส้นทางแห่งอนาคตที่สามารถเชื่อมรถไฟฟ้าสายสำคัญได้มากถึง 5 สาย อาทิ สายสีเขียว, สีแดงเข้ม, สีแดงอ่อน, สายสีส้ม และสีม่วง จึงทำให้ประชาชนสามารถเดินทางไปได้ทุกเส้นทางในกรุงเทพฯ และปริมณฑล นอกจากนี้ยังเป็นเส้นทางที่สามารถเชื่อมกับ เมกะโปรเจกต์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และถือเป็นรถไฟฟ้าสายหลักที่สามารถเชื่อมเข้าสู่ย่าน CBD ของกรุงเทพฯ ทั้งย่านรัชดาภิเษก, พระราม 9, อโศก - สุขุมวิท และสีลม - สาทร   นอกจากจะใกล้สถานีรถไฟฟ้าแล้ว การเดินทางด้วยรถยนต์ก็สะดวกสบายไม่แพ้กัน เพราะจากถนนจรัญสนิทวงศ์สามารถเชื่อมการเดินทางไปสู่กรุงเทพฯ ชั้นในได้ด้วยสะพานกรุงธน, สะพานพระราม 8 และสะพานสมเด็จ พระปิ่นเกล้า รวมทั้งเชื่อมต่อสู่ถนนรัชดาผ่านสะพานพระราม 7 และยังใกล้กับทางพิเศษเฉลิมมหานคร และจุดขึ้น - ลง ทางด่วนศรีรัช ที่จะทำให้เดินทางต่อไปสู่ย่านสำคัญๆ ทั่วเมืองได้อย่างสะดวก     "ตัวทำเลของโครงการยังแวดล้อมด้วยสถานที่สำคัญ ทั้งสถานศึกษา ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และสถานที่อำนวยความสะดวกต่างๆ พร้อมทั้งอยู่ใกล้กับแหล่งศิลปวัฒนธรรมของย่านเมืองเก่าไม่ว่าจะเป็น หอศิลป์ร่วมสมัยอาร์เดล ที่ตั้งอยู่บนถนนบรมราชชนนี, หอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร, หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนินเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา รวมไปถึงมิวเซียมสยาม, พิพิธภัณฑ์เหรียญ, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ที่จะทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถดื่มด่ำเสน่ห์ของวัฒนธรรมพร้อมกับความสะดวกสบายในความเป็นเมืองได้อย่างสมบูรณ์แบบ” นายสิริพงศ์ กล่าว   ทั้งนี้โครงการ “เดอ ลาพีส จรัญ 81” เป็นคอนโดมิเนียมไฮไรซ์ สูง 32 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 635 ยูนิตและร้านค้า 2 ยูนิต อาคารจอดรถ 8 ชั้น 1 อาคาร มูลค่าโครงการประมาณ 2,018 ล้านบาท รวมพื้นที่โครงการทั้งสิ้น   3-1-3.7 ไร่ ประกอบด้วยห้องชุดขนาดต่างๆ ได้แก่ ห้อง Studio ขนาด 26 ตร.ม. ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26 ตร.ม. และห้อง1 Bedroom Plus ขนาด 34.50 ตร.ม. และยังมีห้อง Type พิเศษ อย่างห้อง 1 Bedroom Corner ขนาด 34.50 ตร.ม. และห้อง 2 Bedroom ขนาด 60 ตร.ม. โดยจะมีจุดเด่นที่การเพิ่มพื้นที่ให้ฝ้าเพดานสูงถึง 2.75 เมตร ให้ความรู้สึกที่โปร่งโล่ง โดดเด่นด้วยวัสดุคุณภาพ ชุดเฟอร์นิเจอร์ Built-in ดีไซน์พิเศษออกแบบร่วมกับผู้ผลิตชั้นนำอย่างChic Republic ในราคาเริ่มต้นที่ 2.49 ล้านบาท (สำหรับห้อง 1 Bedroom)   นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทุกไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิต จุดเด่นบนชั้นดาดฟ้า (Rooftop) ของอาคาร ที่ประกอบด้วย Sky Fitness ที่สามารถมองเห็นวิวแบบพาโนรามารอบด้านทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำ Infinity Edge Swimming Pool สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่ออกแบบให้เหมือนไร้ขอบเป็นหนึ่งเดียวกับวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา Sky Garden สวนชั้นดาดฟ้าสำหรับพักผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดีกับวิวแม่น้ำ ทำให้เปรียบเสมือนเป็นเจ้าของแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากนี้โถงล็อบบี้ ยังถูกตกแต่งให้มีความโมเดิร์นมากขึ้นพร้อมปรับความสูงโถงให้เป็น Double Volume High Ceiling ที่สูงถึง 9 เมตร ทันสมัย หรูหรา ด้วยพื้นกระเบื้องลายหินจากอิตาลี และสามารถจอดรถยนต์รับ – ส่ง ด้านหน้าอาคารได้เหมือนกับโรงแรมหรู  Co-Working Space ที่มีสัดส่วนลงตัวกว่าเดิม พร้อมเพิ่มห้อง Private Room เพื่อความเป็นส่วนตัวสำหรับการนัดพบปะหรือนัดประชุมสำคัญรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี   โครงการ “เดอ ลาพีส จรัญ 81” (De LAPIS Charan 81) กำหนดเปิดให้จองอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 - 20 พฤษภาคมนี้ โดยผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับส่วดลดพิเศษสูงสุดถึง 250,000 บาท ได้ที่ www.grandunity.co.th/delapis/register และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02 652 4000 หรือ www.grandunity.co.th หรือ www.facebook.com/GrandUnityDevelopment
แกรนด์ ยูนิตี้ รุกขยายกลุ่มเป้าหมายในเมือง ยึดทำเลติดรถไฟฟ้า พร้อมปรับแบรนดิ้งใหม่ ตั้งเป้าดันยอดขายกว่าเท่าตัวในปีนี้

แกรนด์ ยูนิตี้ รุกขยายกลุ่มเป้าหมายในเมือง ยึดทำเลติดรถไฟฟ้า พร้อมปรับแบรนดิ้งใหม่ ตั้งเป้าดันยอดขายกว่าเท่าตัวในปีนี้

บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด (Grand Unity Development Co., Ltd.) หนึ่งในบริษัทชั้นนำผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คอนโดมิเนียม ในเครือบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) พร้อมเดินหน้าธุรกิจในปี 2561 รุกขยายกลุ่มเป้าหมายในเมืองด้วยทำเลใหม่ติดรถไฟฟ้า พร้อมการปรับแบรนดิ้งใหม่ให้ชัดเจนเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Simply Makes Sense. เดินหน้าเปิดตัวสี่โครงการคอนโดใหม่ โดยในปี 2561 นี้บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 10,000 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตประมาณ 160% จากปีที่ผ่านมา (ยอดขายในปี 2560 อยู่ที่ประมาณ 3,800 ล้านบาท) ในปีนี้ แกรนด์ ยูนิตี้ พร้อมเสริมศักยภาพในการแข่งขัน เพื่อตอบโจทย์การตลาดที่มีการแข่งขันสูงและไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัยที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยการขยายกลุ่มเป้าหมายขึ้นสู่ตลาดบนมากขึ้น กับการเสนอทำเลใหม่ติดสถานีรถไฟฟ้า จากโครงการเดิมที่ได้ทำเลใกล้รถไฟฟ้า 500 เมตร ถึง 1 กิโลเมตร เป็นทำเลติดสถานีรถไฟฟ้า เพื่อรับกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อมากขึ้น โดยได้ 4 ทำเล ที่มี 4 จุดเด่นพร้อมเปิดตัวในปีนี้ ซึ่งทั้ง 4 โครงการนี้มีมูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท และอีกหนึ่งกลยุทธ์หลักของปีนี้คือการสร้างตัวตนและเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้ชัดเจนขึ้น โดยยกแนวคิด Simply Makes Sense. สื่อวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในการสื่อสารถึงกลุ่มลูกค้าและผู้ลงทุน ว่าบริษัทใส่ใจทุกรายละเอียด และเข้าใจในกลุ่มลูกค้า เพื่อให้ผู้พักอาศัยได้ “ใช้ชีวิต...บนเหตุผลของคุณ” อย่างแท้จริง ด้วยการมอบพื้นที่การอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตโดยออกแบบมาเพื่อให้เกิดความสะดวกสบายและลงตัวในทุกการใช้งาน ด้วยราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งผู้พักอาศัยสามารถมั่นใจว่าจะได้รับความคุ้มค่าในการอยู่อาศัยกับทุกโครงการของ แกรนด์ ยูนิตี้ นายสิริพงศ์ ศรีสว่างวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า “ด้วยแนวโน้มของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่เน้นเลือกโครงการคอนโดในทำเลที่เดินทางสะดวก และสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างแท้จริง  แกรนด์ ยูนิตี้เราจึงเลือกสรรทำเลใหม่ติดรถไฟฟ้า ตอบความต้องการของผู้พักอาศัย และให้ความสำคัญกับงานดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่ใส่ใจทุกรายละเอียดเพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง ใช้วัสดุคุณภาพ คำนึงถึงความสมเหตุสมผลของราคากับสิ่งที่ได้รับ และทุกโครงการต้องการผ่านรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ก่อนเริ่มขายทุกโครงการด้วย” ซึ่งรายละเอียดที่สะท้อนถึงความใส่ใจที่แกรนด์ ยูนิตี้มอบให้กับผู้อยู่อาศัย ได้แก่ การติดตั้ง Tempered Glass หรือกระจกนิรภัยทั้งโครงการ ที่มอบความปลอดภัยและอุ่นใจให้กับผู้อยู่อาศัย การติดตั้ง WC Pod หรือห้องน้ำสำเร็จรูปที่ง่ายต่อการดูแลง่ายและซ่อมแซมได้โดยไม่รบกวนผู้พักอาศัยห้องรอบข้าง และ Private Balcony หรือการออกแบบระเบียงให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง ทั้งยังเรียบร้อยสะอาดตา ให้ความเป็นส่วนตัวด้วยระแนงที่ออกแบบมาอย่างดี นอกจากนี้ แกรนด์ ยูนิตี้ ยังได้พันธมิตรในการออกแบบอาคาร การตกแต่งภายใน การพัฒนานวัตรกรรมสำหรับการก่อสร้าง และการบริหารงานก่อสร้างจากทีมชั้นนำของประเทศ อาทิ บริษัท ดีพี อาร์คิเทคส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท พี ไอ เอ อินทีเรีย จำกัด บริษัท สยามสตีลอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด รวมถึงบริหารจัดการโครงการโดยบริษัท เซนเซส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด “ในปี 2561 นี้ แกรนด์ ยูนิตี้ ตั้งเป้าหมายหลักในการสร้างเอกลักษณ์และจุดยืนที่ชัดเจนในสายตาของผู้บริโภค เพื่อขยายฐานลูกค้าให้เติบโตอย่างมั่นคง โดยนำเสนอความเรียบง่าย และ make sense ในทุกพื้นที่ของการอยู่อาศัย” นายสิริพงศ์ กล่าวเสริม ล่าสุดแกรนด์ ยูนิตี้ ประกาศเปิดตัว 4 โครงการใหม่ในปี 2561 คือ เซียล่า (Ciela) เดอ ลาพีส (De Lapis)  เดนิม (Denim) และ แมสซารีน (Mazarine) โดยมีโลเคชั่นติดรถไฟฟ้า บนทำเลที่เป็นเป็นแหล่งชุมชน หรือศูนย์รวมการคมนาคมของกรุงเทพฯ และมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง อาทิ โครงการย่านมหาวิทยาลัยศรีปทุม โครงการวิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่ได้วิวโค้งน้ำสวยไม่เหมือนใคร  หรือแหล่งช้อปปิ้งย่านจตุจักร เป็นต้น “ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 เราจะเปิดสองโครงการ คือ เซียล่า (Ciela) สำหรับผู้ที่ต้องการพักอาศัยในทำเลย่านการศึกษาของมหาวิทยาลัยศรีปทุม และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเดอ ลาพีส (De Lapis) ที่จะมาตอบโจทย์ผู้มองหาคอนโดริมแม่น้ำย่านจรัญสนิทวงศ์ 81 ซึ่งทั้งสองโครงการจะตอบรับกับแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้น ให้ลูกค้าของเราสามารถเดินทางไปได้ทุกที่ในกรุงเทพฯ ได้อย่างง่ายดาย โดยเราหวังว่าความโดดเด่นของสองโครงการนี้จะช่วยยกระดับการอยู่อาศัยของคนเมือง ตอบโจทย์การใช้ชีวิตบนเหตุผลของตัวคุณเองมากขึ้น” นายสิริพงศ์ กล่าวปิดท้าย