Tag : ปิติ จารุกำจร

5 ผลลัพธ์
ครั้งแรกในไทย! “แสนสิริ” ผนึก “โตคิว คอร์เปอเรชั่น” ดึง “สมิติเวช” ร่วมเสริมแกร่ง  ประกาศพันธมิตร เปิดตัว “เวลล์เนส เรสซิเดนซ์” ต่อยอดศักยภาพ 3 ผู้นำธุรกิจ

ครั้งแรกในไทย! “แสนสิริ” ผนึก “โตคิว คอร์เปอเรชั่น” ดึง “สมิติเวช” ร่วมเสริมแกร่ง ประกาศพันธมิตร เปิดตัว “เวลล์เนส เรสซิเดนซ์” ต่อยอดศักยภาพ 3 ผู้นำธุรกิจ

“แสนสิริ” “โตคิว คอร์เปอเรชั่น” ร่วมด้วย “โรงพยาบาลสมิติเวช” ยักษ์ใหญ่ผู้นำ 3 ธุรกิจ ด้านอสังหาฯในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น และโรงพยาบาลระดับนานาชาติชั้นนำในไทยผนึกกำลังประกาศพันธมิตร เดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ “เวลล์เนส เรสซิเดนซ์” (Wellness Residence) ที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่ครั้งแรกในไทยพัฒนาขึ้นจากการศึกษาอย่างครอบคลุม เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพคอนเซ็ปท์ใหม่ พร้อมรับรองมาตรฐานระดับโลก WELL Certification เปิดมิติใหม่แห่งการใช้ชีวิตด้วยแนวคิดการส่งเสริมสุขภาพดีในทุกๆด้านจากความต้องการของคนทุกวัย มูลค่าโครงการกว่า 2,400 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพกรุงเทพกรีฑา ครบครันด้วยการสร้างคอมมูนิตี้และกิจกรรมไลฟ์สไตล์แห่งการอยู่อาศัยจากแบรนด์ชั้นนำมากมาย เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจที่เริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้ มุ่งพลิกโฉมการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีในไทยสอดรับเทรนด์เวลล์เนสโลกและในไทยที่เติบโตขึ้น   นายปิติ จารุกำจร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและบริหารกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ปัจจุบัน คนเราใช้เวลาอยู่ที่บ้านมากกว่าเมื่อเทียบกับเวลาในชีวิต และพร้อมจะจ่ายในสิ่งที่ต้องการเพื่อการดูแลสุขภาพ จากบ้านที่เราอาศัยสู่การใช้ชีวิตที่หลากหลายรวมถึงการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ดังนั้น การได้อยู่ในบ้านที่ถูกสร้างเพื่อส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพดี จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนทุกวัย จากรายงานการศึกษาเรื่องที่อยู่อาศัยเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี (Build Well to Live Well 2018) ที่สถาบันสุขภาพโลก (Global Wellness Institute) จัดทำขึ้นในปีนี้ พบว่านับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา การพัฒนาที่อยู่อาศัยในกลุ่มเวลล์เนสเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีทั่วโลกมีมูลค่าตลาดประมาณ 4.4 ล้านล้านบาท หรือ 134,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีอัตราการเติบโต 6.4% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมการก่อสร้างของโลกที่เติบโตที่ 1.5% และสามารถทำกำไรเฉลี่ยประมาณ 10-25% โดยปัจจุบัน มีโครงการและชุมชนที่เน้นการสร้างไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพดีประมาณ 740 แห่งทั่วโลก”     “แสนสิริ จึงได้พัฒนาโครงการในเซ็กเม้นท์ใหม่ “เวลล์เนส เรสซิเดนซ์” จากแนวคิดที่ต้องการนำเสนอที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่เป็นครั้งแรกของไทยที่สร้างขึ้นจากการศึกษาอย่างครอบคลุม ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบที่อยู่อาศัยครบวงจรที่คำนึงถึงการดีไซน์สวยงามที่ตอบโจทย์การใช้งาน (Style Living) เราได้นำแนวคิดการออกแบบที่เข้าใจความต้องการของมนุษย์มาใช้ในการพัฒนาทุกโครงการ ในครั้งนี้ เราจึงได้ร่วมมือกับโตคิว คอร์เปอเรชั่น ซึ่งเป็นนักพัฒนาจากญี่ปุ่นที่มีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมากในด้านการพัฒนาโครงการเพื่อการใช้ชีวิตที่ดีในทุกช่วงวัย รวมถึงร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติเกี่ยวกับความเชี่ยวชาญในด้านการยกระดับการดูแลสุขภาพ เพื่อสร้างสรรค์โครงการคอนโดมิเนียมสำหรับคนรักสุขภาพที่จะยกระดับมาตรฐานโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อไลฟ์สไตล์ที่เน้นสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นไปอีกขั้น โครงการนี้จะเป็นโครงการที่อยู่อาศัยและคอมมูนิตี้แห่งแรกในประเทศไทยที่พัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงสุขภาพของผู้อยู่อาศัยเป็นหัวใจสำคัญ ภายใต้แนวคิด 5 ด้านที่เป็นองค์ประกอบของการส่งเสริมการมีสุขภาพดี ได้แก่ด้านร่างภาย (Body) จิตใจ (Mind) จิตวิญญาณ (Soul) สิ่งแวดล้อม (Environment) และการใช้ชีวิตในสังคมที่รักสุขภาพ (Like minded community) โดยสะท้อนผ่านทั้งในการกำหนดคอนเซ็ปต์ การออกแบบการคัดสรรวัสดุที่ดีต่อสุขภาพ การตกแต่งและใช้เฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวที่เหมาะกับสรีระผู้ใช้งาน ตลอดจนผสานจุดแข็งของพันธมิตรแต่ละรายเข้าด้วยกันอย่างครบวงจร เพื่อสร้างสรรค์โครงการที่มีดีไซน์ โดดเด่นเพื่อการมีสุขภาพที่ดีในทุกมิติ”   แสนสิริ, โตคิว กรุ๊ป และ สห โตคิว คอร์ปอเรชั่น ร่วมมือกันโดยมีสัดส่วนการลงทุน 70:29:1 ตามลำดับ โดยโรงพยาบาลสมิติเวชจะร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์มอบบริการด้านสุขภาพเพื่อสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เป็น “Well-Cared” ซึ่งสรรหาโครงการที่อยู่อาศัยที่จะทำให้ตนเองสามารถรักษาสุขภาพดีที่ยืนยาว รวมทั้งมีเพื่อน มีสังคมที่มีความต้องการอย่างเดียวกัน     มร. ชินจิ สึยามะ ผู้จัดการทั่วไป และตัวแทนในประเทศไทย บริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) กล่าวว่า “เป้าหมายของเรา คือ การสร้างสรรค์ “สิ่งแวดล้อมที่สวยงาม” มีความอบอุ่น เพื่อการใช้ชีวิตที่ดี เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงชีวิตของผู้คน (Sustainable Living) ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จมาก คือ การสร้าง Business model หรือการผสานองค์ความรู้ที่เราเรียกว่า “One Tokyu” เข้ากับความรู้และประสบการณ์กับธุรกิจในเครือ บริษัทได้นำความเชี่ยวชาญการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่คำนึงถึงการสร้างสภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพ มีประโยชน์ใช้สอยและรองรับการใช้ชีวิตได้จริง ซึ่งถือเป็นทักษะสำคัญจากทีมสถาปนิกของโตคิว กรุ๊ป ทั้งยังได้นำการออกแบบที่สอดคล้องกับสภาพร่างกายมาใช้ในการออกแบบพื้นที่ที่อยู่อาศัย ตลอดจนข้อมูลจากการศึกษาตลาดและประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่คำนึงถึงสุขภาพมาให้ได้สัมผัส ซึ่งจะยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่และเกิดประโยชน์ต่อผู้ที่อาศัยในโครงการอย่างเต็มที่”     ด้าน พ.ญ. สุรางคณา เตชะไพฑูรย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวชและโรงพยาบาลบีเอ็นเอช กล่าวว่า “ข้อมูลจากทีดีอาร์ไอ เปิดเผยผลประมาณการค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของไทยในอีก 15 ปีข้างหน้าตามหลัก OECD จะมีค่าประมาณ 4.8 – 6.3 แสนล้านบาท นอกจากนี้ การวิจัยใหม่ๆ ชี้ให้เห็นว่า ปัจจัยทางพันธุกรรมของคนมีผลประมาณ 20% ต่อสุขภาพของเรา ส่วนที่เหลืออีก 80% นั้น เป็นผลจากการใช้ชีวิตและปัจจัยภายนอก เช่น บ้าน ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมต่างๆ ซึ่งล้วนแต่มีผลโดยตรงต่อสุขภาพ พฤติกรรม วิถีชีวิต และอารมณ์ ดังนั้น ในฐานะผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพชั้นนำ เรามุ่งเน้นหลักการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ด้วยการสร้างคุณค่าต่อผู้รับบริการ สังคมและประเทศผ่านคอนเซ็ปท์ “เราไม่อยากให้ใครป่วย” โดยใช้นวัตกรรมให้ผู้รับบริการ รู้เท่าทัน-สกัดกั้น-วางแผน เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีแบบองค์รวม (Holistic living)เนื่องมาจากปัญหาของผู้ป่วยทั้งกายและใจ นอกจากนี้ การใช้นวัตกรรมดูแลสุขภาพ Precision Medicine เทคโนโลยีตรวจวิเคราะห์ระดับยีนเฉพาะบุคคล สามารถเจาะลึกได้ทุกโรค เพื่อบ่งบอกความเสี่ยงการเกิดโรคได้ล่วงหน้าได้ตั้งแต่ในครรภ์ ยังสามารถช่วยสกัดกั้นโรคต่างๆ ตั้งแต่ก่อนคลอด หรือแรกเกิด ทำให้ทุกชีวิตเกิดมา   อย่างมีคุณภาพและปลอดโรคภัยไข้เจ็บตั้งแต่เริ่มแรก สมิติเวชมีความตั้งใจเพื่อมุ่งเน้นให้ผู้คนไม่เจ็บป่วย อันจะช่วยลดการเจ็บป่วยจากโรคที่เกิด ลดการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการรักษา Healthcare cost โดยรวมลดลง รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขที่เพิ่มขึ้นทุกปีจากการที่ผู้ป่วยมีจำนวนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อ GDP (Gross Domestic Product) ของประเทศในการพยุงเศรษฐกิจชาติเมื่อประชาชนมีสุขภาพดีขึ้น และนี่คือการสร้าง “องค์กรแห่งคุณค่า” (Organization of Value)”   “นอกจากนี้จากการที่ปัจจุบันผู้บริโภคควรเริ่มตระหนักถึงโครงการที่อยู่อาศัยที่เข้าใจและให้ความสำคัญต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของเราเป็นหลัก เพื่อช่วยให้เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น เราจึงเห็นว่ามีโอกาสอีกมากในตลาดที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพสูงและให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดี และความต้องการของผู้บริโภคในตลาดนี้ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การร่วมเป็นพันธมิตรกับแสนสิริและโตคิว คอร์เปอเรชั่น จะเป็นช่องทางในการเพิ่มรายได้ของเราอีกทางหนึ่ง นอกเหนือไปจากการขยายธุรกิจด้านบริการทางการแพทย์ที่เป็นธุรกิจหลักของเรา”     โครงการคอนโดมิเนียมสำหรับคนรักสุขภาพแห่งใหม่นี้ เป็นโครงการคอนโดมิเนียม 4 อาคาร รวมมูลค่า 2,400 ล้านบาท ที่นอกจากจะส่งเสริมการใช้ชีวิตที่ให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพแล้ว ยังจะเป็นการสร้างชุมชน “Wellness Community” ที่จะช่วยให้สามารถดูแลสุขภาพในองค์รวมได้อย่างครบวงจร โครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นที่ 7 ไร่ บนถนนกรุงเทพกรีฑา ทำเลทองสำหรับการอยู่อาศัยและมีสิ่งแวดล้อมที่สงบ และสามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์โดยรอบได้อย่างง่ายดาย การออกแบบโครงการเป็นไปตามแนวคิดที่เน้นการเติมเต็มทุกมิติในการใช้ชีวิตที่ดี ไม่ว่าจะเป็นความต้องการทางกายภาพ จิตใจ จิตวิญญาณ สิ่งแวดล้อม และสังคม ซึ่งคาดว่าจะเริ่มพรีเซลล์ได้ในปี 2562 นี้ โดยมีจุดเด่นใน 4 ด้าน ได้แก่   ด้านจิตใจ (Mind) จิตวิญญาณ (Soul) และการใช้ชีวิตในสังคมแห่งสุขภาพ (Like-minded community) โครงการคอนโดมิเนียมรูปแบบใหม่สำหรับคนรักสุขภาพแห่งแรกของไทย ที่พรั่งพร้อมด้วยกิจกรรมและบริการจากไลฟ์สไตล์แบรนด์ชั้นนำระดับโลกและในไทยไว้ในที่เดียว โดยร่วมกับพันธมิตรจัดกิจกรรมและบริการต่างๆ ที่ส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีตั้งแต่วันนี้ เพื่อพัฒนาการด้านสุขภาพร่างกาย (Body) สุขภาพความคิดและจิตใจ (Mind&Soul) สังคมของผู้ที่มีความชอบคล้ายกัน (Like-minded Community) และการวางแผนชีวิตทางการเงิน (Wealth)   ด้านสุขภาพร่างกาย (Body) โครงการที่อยู่อาศัยแห่งแรกของไทยที่ออกแบบด้วยยูนิเวอร์แซล ดีไซน์ (Universal Design) และให้ความสำคัญกับความสวยงาม (Aesthetic Universal Design) การจัดการพื้นที่ให้รองรับกับการเปลี่ยนแปลงความต้องการในอนาคตทั้งในที่พักอาศัยและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ (Space planning & Ergonomic Design) โดยผสานการออกแบบที่โดดเด่นผ่านความเชี่ยวชาญร่วมกับพันธมิตรอย่างโตคิว   โครงการแรกของไทยที่มีโซลูชั่นเพื่อสุขภาพที่ครบวงจร บริการผ่านการใช้เทคโนโลยี Tele-health และ Plus+ Service โรงพยาบาลสมิติเวช จะนำนวัตกรรมทางการแพทย์และสุขภาพมาใช้เพื่อช่วยให้เราเห็น ป้องกัน และวางแผนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตได้อย่างครบวงจร ผู้อยู่อาศัยในโครงการจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ บริการเพื่อสุขภาพ และได้รับคำปรึกษา ตลอดจนบริการส่งเสริมสุขภาพทั้งทางกายภาพและจิตใจ ผ่านบริการโดยตรงและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ บริการด้านสุขภาพสำหรับผู้อยู่อาศัยจะเน้นการป้องกัน และการให้คำปรึกษา เช่น การตรวจสุขภาพก่อนย้ายเข้าโครงการ การให้ความรู้ส่งเสริมสุขภาพ และการตรวจหาปัญหาสุขภาพ ตลอดจนโปรแกรมอื่นๆ เช่น การตรวจสอบทางพันธุกรรมและการแพทย์ ที่เจาะลึกระดับยีน (Precision Medicine) รวมทั้งอุปกรณ์ตรวจสุขภาพเพื่อให้คำแนะนำด้านสุขภาพแก่ผู้อยู่อาศัยได้อย่างทันท่วงทีผ่านการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ใหม่ๆ (Tele-health) นอกจากนี้ แสนสิริยังจะนำบริการ Plus+ Service มาใช้ โดยเป็นแนวคิดด้านการบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์แรกของไทยซึ่งมีโรงพยาบาลสมิติเวชเป็นผู้ให้ความรู้และฝึกอบรม เพื่อให้ข้อมูลความรู้แก่ลูกค้าในโครงการ รวมทั้งบริการฉุกเฉินตลอดเวลา ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) มาตรฐานบทใหม่ของโครงการที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่สำหรับคนรักสุขภาพในประเทศไทยที่ยกระดับสู่การรับรองมาตรฐานระดับโลก WELL Certification จากสถาบัน WELL Building InstituteTM ในสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างโมเดลใหม่ในการพัฒนาโครงการ ที่ผสานจุดเด่นด้านการดูแลสุขภาพเข้ากับสิ่งแวดล้อมอย่างกลมกลืน โดยให้ความสำคัญกับ 11 ปัจจัยหลัก ได้แก่ อากาศ น้ำ โภชนาการ แสง การเคลื่อนไหว ความสบาย เสียง วัสดุ จิตใจ ชุมชน สังคม และ นวัตกรรม WELL (เวลล์) เป็นมาตรฐานรับรองแรกที่รับประกันประสิทธิภาพของระบบโดยวัดผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมที่มีต่อสุขภาพ และเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับระดับโลก   “เราหวังว่าโครงการเวลล์เนส เรสซิเดนซ์นี้ จะเป็นมิติใหม่ด้านกลยุทธ์ที่สามารถตอบโจทย์คนที่รักสุขภาพแบบครบองค์รวมได้อย่างดี รวมถึงความเชี่ยวชาญของพันธมิตรระดับชั้นนำที่มั่นใจว่าจะสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีได้ตั้งแต่วันนี้” นายปิติกลาวสรุป
“แสนสิริ” ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ปลื้มโครงการ XT ฮอตฉุดไม่อยู่!  กวาดยอดขายพรีเซลล์ในงาน “XT Dimension” กว่า 8,000 ลบ.

“แสนสิริ” ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ปลื้มโครงการ XT ฮอตฉุดไม่อยู่! กวาดยอดขายพรีเซลล์ในงาน “XT Dimension” กว่า 8,000 ลบ.

  “แสนสิริ” ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่จากการจัดงานพรีเซลล์รูปแบบใหม่ “XT Dimension” เปิดตัวโครงการ “XT New Lifestyle Condominium” กวาดยอดขายมูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท รวมจำนวน เกือบ 1,400 ยูนิต ทั้ง 3 ทำเลโดนใจ ได้แก่ โครงการ XT เอกมัย XT ห้วยขวาง และ XT พญาไท จากมูลค่าโครงการรวมกว่า 21,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการเปิดตัวโครงการที่มีมูลค่ารวมสูงสุดในประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของแสนสิริ ปลื้มมีผู้สนใจตบเท้าจองโครงการและร่วมกิจกรรมภายในงานตลอด 3 วัน รวมกว่า 10,000 คน เนื่องจากคอนเซ็ปท์ของแบรนด์และโครงการที่ใหม่ตอบโจทย์โดนใจชาวมิลเลนเนียลและกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งชื่นชอบในการแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆในการใช้ชีวิตที่สะท้อนตัวตน ด้วยอิสระในการใช้ชีวิตแบบไร้ขีดจำกัดภายใต้แนวคิด Extend Your Style มั่นใจรุกเดินหน้าต่อยอดการขายผ่านการสร้างประสบการณ์ที่เซลล์แกลลอรี่ในรูปแบบใหม่ เตรียมแผนกวาดยอดขายรวมปลายปี 2561กว่า 10,000 ล้านบาท ตอกย้ำการเป็นปีแห่ง #SansiriBestYearEver   นายปิติ จารุกำจร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยถึงความสำเร็จในการจัดงานครั้งนี้ว่า “จากการที่แสนสิริได้จัดงาน XT Dimension งานพรีเซลล์รูปแบบใหม่ของโครงการ XT New Lifestyle Condominium ระหว่างวันที 3-5 สิงหาคมที่ผ่านมา ณ ลานพาร์ค พารากอน บริษัทฯ สร้างยอดขายได้มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ จากทั้ง 3 โครงการ XT หรือคิดเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนยูนิตที่เปิดขาย ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการนำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่างจากการจัดงานพรีเซลล์แบบทั่วไปผ่านบรรยากาศของ co-sharing หรือพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถใช้ร่วมกันได้ทุกโครงการ XT นำเสนอผ่านไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ตรงกับคนรุ่นใหม่ที่ เป็นกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงลูกค้าที่ไปเยี่ยมชมเซลล์แกลอรี่แนวคิดใหม่และห้องตัวอย่างของทั้ง 3 โครงการก่อนวันงาน ประกอบกับโปรโมชั่นพิเศษที่ดึงดูดใจภายในงาน ลูกค้าสามารถเลือกแพคเกจที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ตัวเองได้ เช่น รับส่วนลดสูงสุดภายในงานถึง 120,000 บาท (ตามเงื่อนไขที่กำหนด) และการผ่อนเริ่มเดือนละ 2,999 บาท รวมถึงการติดตามฐานลูกค้าที่ให้ความสนใจภายในงาน ซึ่งปรากฏการณ์ยอดขายที่ทำได้ใน 3 วันนี้ รวมถึงการสร้างยอดขายในตลาดต่างชาติที่เราได้เริ่มจัด Roadshow ในต่างประเทศไปเมื่อไม่นานมานี้ และจะมีอย่างต่อเนื่องในอนาคต จะช่วยสนับสนุนเป้ายอดขายของปี 2561 ที่บริษัทฯ ตั้งไว้สำหรับโครงการ XT New Lifestyle Condominium ทั้ง 3 โครงการกว่า 10,000 ล้านบาท ได้ภายในปีนี้อย่างแน่นอน ถือเป็นส่วนสำคัญในการตอกย้ำการเป็น #SansiriBestYearEver ของแสนสิริในปี 2561” “ตลอดระยะเวลา 3 วันของงาน มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 10,000 คน โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่วางแผนอยู่อาศัยเองและกลุ่มนักลงทุน สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งของแบรนด์ XT ซึ่งเป็นแบรนด์คอนโดมิเนียมใหม่ของแสนสิริภายใต้แนวคิด Extend Your Style ซึ่งงาน XT Dimension ถือเป็นมิติใหม่ในการจัดงานพรีเซลล์รูปแบบใหม่ให้โดนใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยดึงเอาไฮไลท์ต่างๆ ของโครงการ XT ที่พร้อมฉีกทุกกฎเกณฑ์การสร้างคอนโดมิเนียมมานำเสนอให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์ตรงเป็นครั้งแรก ตั้งแต่กิจกรรม Personality Test ที่ให้ผู้ร่วมงานสามารถค้นหาเลย์เอาท์ห้องที่ใช่จากอิสระในการเลือกรูปแบบห้อง การจัดแสดง Flexible Furniture ครั้งแรกในไทย ของเทคโนโลยีชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ปรับเปลี่ยนได้เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ในแต่ละวันได้อย่างเต็มที่เพียงปลายนิ้วสัมผัสผ่านการควบคุมของ Home Service Application กิจกรรมเวิร์คชอปต่างๆ และบาร์เครื่องดื่มที่สะท้อนถึงพื้นที่ co-sharing spaces ที่พัฒนาคอนเซ็ปท์ขึ้นจากสไตล์การทำงานและการใช้ชีวิตของกลุ่มมิลเลนเนียล ในแต่ละโลเคชั่น ภายใต้แนวคิดการผนวกรวม co-sharing space ของ XT แต่ละโครงการเข้าสู่แพลตฟอร์มเดียวกัน ที่ทุกคนสามารถใช้งานข้ามโครงการได้ในทุกโลเคชั่นของ XT รวมทั้งโลเคชั่นที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต รวมไปถึงการนำเสนอรูปแบบการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทที่เอาใจสาย Active Lifestyle ด้วยการเปิดประสบการณ์ออกกำลังกายสไตล์ใหม่ด้วยเทคโนโลยี Virtual Exercise ร่วมด้วยสีสันจาก ปาร์ตี้ XT Mash Up Music Experience จากดีเจและศิลปินชั้นนำมากมาย ทำให้มีผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมงานจำนวนมากและประสบความสำเร็จด้านยอดขายสูงเกินจากเป้าหมายที่ตั้งไว้” นายปิติกล่าวเสริม นอกจากนี้ แสนสิริ ยังสร้างมิติใหม่ของโปรโมชั่นด้วยไลฟ์สไตล์พริวิเล็จหรือ ‘XT Experience’ ที่จะสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยในแบบฉบับ XT ตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าอาศัยจากแนวคิดหลักของโครงการและพฤติกรรมของคุนรุ่นใหม่ คือ ต้องการสิ่งที่ได้รับการออกแบบพิเศษ (Customized) ให้เหมาะสมกับความต้องการของตัวเอง ดังนั้น แสนสิริจึงให้ความใส่ใจตั้งแต่ขั้นตอนการนำเสนอโปรโมชั่นตั้งแต่การขายที่ด้วยการ Customized เพื่อความต้องการลูกค้าได้จริงๆ โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มสิทธิประโยชน์หลัก ได้แก่ Dining สำหรับลูกบ้าน XT ที่ชื่นชอบในการทานอาหาร เช่น Marriott Club Card , Travel สำหรับลูกบ้านที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว เช่น E-code Voucher มูลค่า 5,000 บาท สำหรับใช้ในการจองในเอเจนซี่ออนไลน์อย่าง Agoda และ Traveloka, Activity สำหรับผู้ที่ชื่น ชอบการทำกิจกรรมสุดแอคทีฟ เช่น สมาชิก 3 เดือนที่ We Fitness การร่วมกิจกรรมผจญภัยกับ Pickaboo Club ฯลฯ และ Leisure สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็น Treatment จาก Panpuri Organic Spa โปรแกรม Facial Treatment จาก Divana Spa ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้สอดรับกับการที่แสนสิริให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์กลยุทธ์ที่มาจากการความเข้าใจของกลุ่มลูกค้าเสมอ (Human Centric) สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจความต้องการของชาวมิลเลนเนียลและคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง XT จึงเป็นคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกด้านทั้งเรื่องงาน การพักผ่อน และกิจกรรมต่างๆ และเป็นคอนโดมิเนียมที่มีชีวิต เพราะ XT ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่ล้าสมัย และมีประสบการณ์และข้อเสนอใหม่ๆ มาให้ลูกค้าอยู่เสมอ ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมเซลล์แกลอรี่ของทั้ง 3 โครงการ XT เอกมัย XT ห้วยขวาง และ XT พญาไท ได้แล้ววันนี้ โดยสามารถร่วมทำแบบทดสอบ XT Personality Test ค้นหาคาแรกเตอร์ที่ตอบโจทย์อิสระการ เลือกรูปแบบห้องเฉพาะบุคคล จาก 6 รูปแบบเลย์เอาท์ที่มีให้ได้แก่ The Fashionista, The Snoozy Head, The Visionary, The Party Goer, The Master Chef และ The Naturalist พร้อมเพลิดเพลินกับกิจกรรมสุดพิเศษต่างๆในบรรยากาศคาเฟ่สุดฮิปของเซลล์แกลอรี่ในแต่ละโครงการในแนวคิดที่แตกต่างกันได้แล้ววันนี้ ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.sansiri.com/xt
แสนสิริ เปิดตัว “XT” ไลฟ์สไตล์คอนโดมิเนียม แห่งแรกในไทย  หวังคว้าใจชาวมิลเลนเนียล

แสนสิริ เปิดตัว “XT” ไลฟ์สไตล์คอนโดมิเนียม แห่งแรกในไทย หวังคว้าใจชาวมิลเลนเนียล

  แสนสิริพลิกวงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดตัวแบรนด์ไลฟสไตล์คอนโดมิเนียมแนวคิดใหม่ “XT Condominium” #SansiriXT รับเทรนด์การเติบโตของลูกค้ากลุ่มมิลเลียนเนียล ฉีกทุกกฎคอนโดมิเนียมด้วยแนวคิด Extend Your Style ครั้งแรกในไทยกับอิสระในการเลือกรูปแบบห้องที่ออกแบบมาเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ของชาวมิลเลนเนียลที่มีความหลากหลาย และแพลตฟอร์มใหม่ของสังคมกลุ่มคนที่มีความชอบเหมือนกันกับการแลกเปลี่ยนการเข้าใช้ Co-Sharing Spaces ได้ทุกโครงการภายใต้แบรนด์ XT พร้อมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทด้วยเทคโนโลยีใหม่ในแบบฉบับ XT ตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับลูกค้า ตามแนวคิดการสร้างสรรค์และส่งมอบประสบการณ์อยู่อาศัยสมบูรณ์แบบ #CompleteYourLivingExperience เปิดตัวพร้อมกัน 3 โครงการบนทำเลโดนใจชาวมิลเลนเนียล (Central Millennial District) ได้แก่ เอกมัย ห้วยขวาง และ พญาไท มูลค่ารวมถึง 21,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นมูลค่าการเปิดตัวโครงการพร้อมกันสูงสุดในประวัติการณ์ของแสนสิริ นับเป็นหนึ่งในการผลักดันให้เป็นปีแห่งที่สุดของแสนสิริหรือ #SansiriBestYearEver โดยจะเปิดขายครั้งแรกในงาน XT Dimensions 3 - 5 สิงหาคมนี้ ณ ลานพาร์ค พารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน คุณอู้ พหลโยธิน ประธานบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากวิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งในฐานะผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับลูกค้า (Human Centric) ตามแนวคิดการสร้างสรรค์และส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบ #CompleteYourLivingExperience ประกอบกับการที่เศรษฐกิจมีการส่งสัญญาณในภาพรวมเป็นไปในทางบวก ส่งผลให้เกิดการพัฒนาโครงการใหม่ ของแสนสิริที่เกิดขึ้นจากการวิจัยและศึกษาพฤติกรรมเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง ทั้งนี้ หนึ่งในเป้าหมายที่แสนสิริให้ความสำคัญและต้องจับตามอง ได้แก่   “คนมิลเลนเนียล” หรือ กลุ่มประชากรที่เกิดในช่วงระหว่างปี 1980 – 2000 ที่ได้กลายมาเป็นกลุ่มคนที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เห็นได้จากพนักงานของแสนสิริเอง ก็เป็นคนมิลเลนเนียลมากถึง 60% และหากดูตามสถิติของลูกค้าแสนสิริตั้งแต่ปี 2013 – 2017 จะพบว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่อายุตั้งแต่ 21-30 ปี มาซื้อโครงการของแสนสิริเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 25% ในระยะเวลา 5 ปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต”   “กลุ่มคนมิลเลนเนียล นับเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่แสนสิริจับตามอง ด้วยความโดดเด่นทางพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้เกือบ 80% ของชาวมิลเลนเนียลยังให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ หรือ Experience Over Things ใช้ชีวิตผ่านเทรนด์ Sharing Economy มากกว่าการครอบครองทรัพย์สิน เป็นที่มาของการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่จะตอบโจทย์ความต้องการคนมิลเลนเนียลและเป็นที่มาของการสร้างสรรค์แบรนด์ไลฟ์สไตล์คอนโดมิเนียม (New Lifestyle Condominium) ภายใต้แนวคิด “Extend Your Style” ที่เป็นมากกว่าโครงการที่พักอาศัย แต่เป็นแบรนด์เพื่อการใช้ชีวิตของชาวมิลเลนเนียลอย่างแท้จริง”   “แสนสิริจึงมีความตั้งใจที่จะให้ XT สร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่วงการคอนโดมิเนียมเมืองไทย ที่เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจตัวตนและความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง ทั้งในด้านทัศนคติ แนวความคิด พฤติกรรม ค่านิยม และความมุ่งหมายในชีวิต ไปจนถึงบุคลิกภาพ โดยการทำวิจัยร่วมกับ TCDC ตลอดจนรวบรวมข้อมูลจากงานวิจัยอื่นๆ แล้วจึงนำข้อมูลเหล่านั้นมาผ่านกระบวนการด้านดีไซน์ หรือ Design Thinking Process จนออกมาเป็นแบรนด์ XT ที่จะมอบประสบการณ์และสภาพแวดล้อมในการพักอาศัยที่ไม่เหมือนใคร โดยยังคงรักษามาตรฐานด้านคุณภาพตามแบบฉบับแสนสิริเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ทำให้ XT เป็นคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกด้านทั้งเรื่องงาน การพักผ่อน และกิจกรรมต่างๆ และเป็นคอนโดมิเนียมที่มีชีวิต เพราะ XT ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่ล้าสมัย และมีประสบการณ์และข้อเสนอใหม่ๆ มาให้ลูกค้าอยู่เสมอ สมกับคำพูดที่ว่า “You can always expect something new in the future XT condominiums.” คุณอู้กล่าว คุณปิติ จารุกำจร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า “แสนสิริพร้อมที่จะเปิดตัวแบรนด์โครงการ XT พร้อมกันถึง 3 โครงการ บนทำเลโดนใจชาวมิลเลนเนียล หรือ Central Millennial District (CMD) ที่ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์และการทำงานของคนเหล่านี้ รวมมูลค่า 21,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นมูลค่าการเปิดตัวโครงการพร้อมกันสูงสุดในประวัติการณ์ของแสนสิริ และเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของปีแห่งที่สุดของแสนสิริหรือ #SansiriBestYearEver โดยทั้ง 3 ทำเล Central Millennial District ที่แสนสิริคัดสรรที่ดินแปลงเด็ดในสุดยอดทำเลที่จะช่วยให้ชาวมิลเลเนียลสามารถประหยัดเวลา มี Extra Time in Life ประกอบไปด้วย XT เอกมัย ซึ่งเป็นโครงการที่แสนสิริร่วมกันพัฒนากับบริษัท โตคิว คอนสตรัคชัน จำกัด ตั้งอยู่ห่างจากสถานี BTS เอกมัย 1.5 กม. ราคาเริ่มต้น 4.59 ล้านบาท โครงการนี้ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ไม่หยุดนิ่ง สนุกกับการทำงานและการใช้ชีวิต รักการสังสรรค์ยามค่ำคืน ชอบพบปะเพื่อนฝูง โดดเด่นด้วย Sky Lounge บนชั้นดาดฟ้าที่มาพร้อมวิวกรุงเทพฯแบบ 360 องศา พร้อมด้วยฟิตเนสและสระว่ายน้ำที่เป็น Swimming Pool Cinema XT ห้วยขวาง ตั้งอยู่ห่างจากสถานี MRT ห้วยขวาง 75 ม. และ 5 นาทีจากเซ็นทรัลพระราม 9 ราคาเริ่มต้น 3.69 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้พร้อมสร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นให้กับชาว XT ที่จะเข้ามาค้นพบชีวิตน่าหลงใหลที่ซุกซ่อนอยู่ใจกลางห้วยขวาง พื้นที่แห่งไลฟ์สไตล์ที่รองรับทุกด้านของความชอบ โดดเด่นด้วย Hidden Skybar ที่ซ่อนอยู่หลังห้องชั้นหนังสือ ซึ่งจะสร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นให้ลูกบ้านเวลาในเวลาพักผ่อน และ XT พญาไท ตั้งอยู่ห่างจากสถานีแอร์พอร์ตเรลลิงก์ราชปรารภ 500 ม. และ สถานี BTS พญาไท เพียง 600 ม. ราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท โดดเด่นด้วยทำเลแห่งศักยภาพ เชื่อมโยงความหลากหลายของไลฟ์สไตล์ รายล้อมด้วยสถานศึกษาที่มีชื่อเสียง ศูนย์การค้าชั้นนำ และการคมนาคมที่สะดวก พร้อมจุดเด่นของ Interactive Fitness ที่จะสร้างมิติใหม่ในการออกกำลังกายโดยที่ชาว XT ไม่ต้องก้าวออกจากคอนโดมิเนียม” นอกจากนี้ แสนสิริยังได้นำข้อมูลที่ได้จากการศึกษาพฤติกรรมชาวมิลเลนเนียลมาสร้างนิยามใหม่ของการออกแบบการอยู่อาศัยด้วยแนวคิด Explore your space, Expand your lifestyle ที่ชู 3 จุดเด่นซึ่งถือเป็นการพลิกวงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อลูกบ้านสามารถออกแบบการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิต ค้นพบไลฟ์สไตล์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ได้แก่ EXPLORE YOUR SPACE with Personalized Room Layouts – อิสระในการเลือกรูปแบบห้องที่ออกแบบมาเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ของชาวมิลเลนเนียลที่มีความหลากหลาย ผ่านรูปแบบห้อง 6 สไตล์ ได้แก่ The Fashionista ด้วย Walk-in closet ขนาดใหญ่ The Snoozy Head กับการขยายพื้นที่ห้องนอน The Visionary ที่มีพื้นที่ห้องทำงานกว้างขึ้น The Party Goer รองรับปาร์ตี้ด้วยห้องนั่งเล่นที่กว้างกว่า The Master Chef เอาใจสายทำอาหารด้วยห้องครัวที่เป็นสัดส่วน และ The Naturalist กับพื้นที่สีเขียวจากชานระเบียงร่มรื่น พร้อมด้วย Flexible Furniture ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าผ่าน Home Service Application เพื่อปรับเปลี่ยนแปลนห้องให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ในแต่ละวัน EXPAND YOUR LIFESTYLE at Co-Sharing Spaces – แพลตฟอร์มใหม่ของสังคมกลุ่มคนที่มีความชอบเหมือนกันกับการแลกเปลี่ยนการเข้าใช้ Co-Sharing Spaces ที่แตกต่างกันได้ทุกโครงการภายใต้แบรนด์ XT ซึ่งพัฒนาขึ้นมาจากแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบวัฒนธรรม Sharing Economy ในยุคปัจจุบัน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ทั้งการใช้ชีวิตและการทำงานที่หลากหลายของแต่ละคน ได้แก่ พื้นที่ Co Work/Play Space ณ XT เอกมัย สำหรับการทำงานร่วมกัน Creative Studio ณ XT ห้วยขวาง ที่เปิดโอกาสให้สร้างสรรค์งานศิลปะหลากแขนงร่วมกัน และ Co-Creation Space ณ XT พญาไท ที่ให้ชาว XT สามารถเข้ามาสนุกและผ่อนคลายไปกับจินตนาการเสมือนจริงด้วย VR GAME ROOM และพื้นที่ Co-Sharing Spaces จากโครงการ XT ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต Virtual Activities – นำเสนอการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทด้วยเทคโนโลยีใหม่ในแบบฉบับ XT ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง Virtual Exercise เทคโนโลยีการถ่ายทอดสดคลาสออกกำลังกายจากสตูดิโอฟิตเนสชื่อดัง นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Igloo Home สำหรับขอรหัสผ่านประตูแบบใช้ครั้งเดียวผ่านสมาร์ทโฟน ระบบ Home Automation สำหรับการควบคุมและสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในยูนิตและส่วนกลาง Smart Wash เครื่องซักผ้าอัจฉริยะที่เชื่อมต่อการแจ้งเตือนกับ Home Service Application, New Concept Convenience Store, อินเทอร์เน็ต Wi-fi ในพื้นที่ส่วนกลาง, ล็อกเกอร์อัจฉริยะ และ จุดชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้า ฯลฯ   มากไปกว่านั้น แสนสิริยังได้สร้างสรรค์ XT Experience แผนส่งเสริมการตลาดที่มีการริเริ่มนำมาใช้กับโครงการ XT เป็นครั้งแรก เป็นการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยในแบบฉบับ XT ตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าอาศัย โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เลือกโปรโมชั่นที่มีความหลากหลายและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ทั้งด้าน Health & Wellness , Travel experience, Lifestyle experience, หรือ Gadget experience เช่น สมาชิก TCDC สิทธิ์เข้าเทรนนิ่งคอร์สกับธนาคารระดับแนวหน้า สิทธิ์ร่วมปาร์ตี้เอ็กซ์คลูซีฟ สมาชิก Netflix/Spotify สมาชิก Virgin Fitness และ สมาชิก JustCo Co-Working Space เป็นต้น ซึ่งลูกค้าก็จะได้รับข่าวสารอัพเดทและสิทธิพิเศษในด้านที่สนใจอย่างสม่ำเสมอด้วยเช่นกัน ซึ่งสำหรับผู้ที่สนใจสามารถร่วมสร้างปรากฎการณ์การอยู่อาศัยของชาวมิลเลนเนียลและสัมผัสแนวคิดของแบรนด์ไลฟ์สไตล์คอนโดมิเนียม XT ได้ครั้งแรกในเมืองไทยที่งาน XT Dimensions ซึ่งจะเปิดการขายพร้อมกัน 3 โครงการพร้อมกันภายในงาน ระหว่างวันที่ 3 - 5 สิงหาคมนี้ ณ ลานพาร์ค พารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน   “การสร้างแบรนด์ XT เพื่อให้เป็น New Lifestyle Condominium แบรนด์แรกของไทยที่จะตอบโจทย์ความต้องการในการใช้ชีวิตของชาวมิลเลนเนียล และช่วย Extend Your Style ของพวกเขาอย่างเต็มที่ ในที่สุดแล้วคือการย้อนกลับไปที่แนวคิด #CompleteYourLivingExperience ของแสนสิริ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้แก่ลูกบ้านของแสนสิริ ทั้งหมดนี้คือหัวใจสำคัญของการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในแบบของแสนสิริ ซึ่งแบรนด์ XT จะช่วยต่อยอดความสำเร็จภายใต้แนวคิดนี้ให้กับแสนสิริอย่างต่อเนื่องต่อไป เพราะ XT จะเป็นที่พักอาศัยที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่ล้าสมัย เพราะมีประสบการณ์และข้อเสนอใหม่ ๆ มามอบให้ลูกค้าอยู่เสมอ”นายปิติ กล่าวสรุป
“แสนสิริ” เปิดตัว “เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ” มูลค่ารวมกว่า 6.5 พันลบ.

“แสนสิริ” เปิดตัว “เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ” มูลค่ารวมกว่า 6.5 พันลบ.

  แสนสิริ เปิดตัว “THE MONUMENT THONG LO” (เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ) คอนโดมิเนียม ระดับลักซ์ชัวรี่ล่าสุด มูลค่าโครงการกว่า 6,500 ล้านบาท ภายใต้บริษัทร่วมทุนกับ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ THE MONUMENT (เดอะ โมนูเมนต์) ด้วยแนวคิด “LUXURY IS SPACE” ผ่านประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ตอบโจทย์เสมือนเป็นมรดกอันล้ำค่าที่สามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ด้วยจำนวนยูนิตสุดเอ็กซ์คลูซีฟเพียงชั้นละ 4 ห้อง รวม 127 ยูนิต กำหนดนิยามใหม่แห่งการอยู่อาศัยด้วยพื้นที่กว้างขวาง โอ่โถงเสมือนอยู่บ้านเดี่ยว และเป็นส่วนตัว บนที่ดินขนาด 2 ไร่ ติดถนนเส้นหลักของทองหล่อซึ่งเป็นทำเลที่หาได้ยากสำหรับการพัฒนาโครงการในปัจจุบัน ทั้งยังเป็นที่พักอาศัยใจกลางเมืองศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ และการอยู่อาศัยที่เหนือระดับพร้อมสะกดทุกสายตาด้วยสถาปัตยกรรมอาคารสูงรูปทรง “Monolith” (โมโนลิธ) สูง 177 เมตร 45 ชั้น แห่งแรกในทองหล่อ เช่นเดียวกับอาคารสูงระฟ้าในมหานครใหญ่ทั่วโลก ที่จะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่เหนือทุกอาคารสูงบนถนนทองหล่อด้วยวิวเมืองแบบพาโนรามา พรั่งพร้อมด้วยทุกองค์ประกอบของความหรูหรา สง่างาม เหนือกาลเวลาทุกตารางนิ้ว ซึ่งปัจจุบันมีราคาแนวโน้มที่ดินถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 200% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จากราคา 1 ล้านบาทต่อตารางวามาอยู่ที่2 ล้านบาทต่อตารางวา พร้อมชูจุดเด่นดีไซน์สระว่ายน้ำระดับไอคอนิคสูง 10 เมตร ที่สวยงามดุจงานประติมากรรม รายล้อมด้วยสวนสีเขียวขนาดใหญ่ เปรียบเสมือนโอเอซิสใจกลางเมืองที่ด้านหน้าโครงการร่วมด้วยบริการเหนือระดับ 24 ชั่วโมง พร้อมดึงสุดยอด 2 แบรนด์ดีไซน์ชั้นนำด้านการตกแต่ง “Chanintr Living” (ชนินทร์ ลิฟวิ่ง) และ “Jim Thompson” (จิม ทอมป์สัน) รังสรรค์ห้องตัวอย่าง     นายปิติ จารุกำจร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แสนสิริ ร่วมกับ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) นำเสนอนิยามใหม่ของโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี “THE MONUMENT THONG LO” (เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ) ที่ผสานดีไซน์ระดับไอคอนิค โดยเราพัฒนาโครงการด้วยการมองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเป็นตัวตั้งต้น (Customer Centric) ซึ่งเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 ของครอบครัวอาศัยเติบโตมาในทำเลใจกลางเมืองและกำลังขยายครอบครัวใหม่ โดยต้องการหาที่อยู่อาศัยที่ไม่ไกลจากครอบครัวในเจเนอเรชั่นแรก ด้วยการดึงอินไซต์ของครอบครัวยุคใหม่ที่ต้องการพื้นที่กว้างขวางเสมือนบ้านเดี่ยว และต้องการความสะดวกสบาย ปลอดภัยจากการอยู่คอนโดมิเนียม มีพื้นที่เพียงพอสำหรับให้ลูกๆ หรือสัตว์เลี้ยงที่รักได้ใช้ชีวิตเหมือนอยู่บ้านเดี่ยว โดยกลุ่มเป้าหมายของเรายังรวมถึงกลุ่มคนที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยว ที่อยู่อาศัยรูปแบบอื่นๆ ที่มีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางใกล้เคียงกับบ้าน แต่ต้องการความสะดวกสบายในด้านทำเลที่อยู่ใจกลางเมืองทั้งยังเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟเราจึงได้ตอบโจทย์ดีมานด์ของคนกลุ่มนี้เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบ (Complete your living experience) ด้วยการออกแบบพื้นที่พักอาศัยที่มอบความโอ่โถง กว้างขวางกว่าขนาดของห้องคอนโดมิเนียมที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบัน บนทำเลที่พักอาศัยใจกลางเมืองคุณภาพสูงที่หาไม่ได้อีกแล้ว ทว่าเป็นโลเคชั่นที่สงบและมีความเป็นส่วนตัวของทองหล่อ เพื่อให้เป็นสมบัติล้ำค่าของผู้ครอบครองที่ส่งต่อให้ลูกหลานได้อย่างภาคภูมิใจ”   “THE MONUMENT THONG LO” (เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ) เป็นโครงการลำดับที่สองของแบรนด์ THE MONUMENT (เดอะ โมนูเมนต์) คอนโดมิเนียมที่พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์หลัก ‘The Monument to Generations’ (เดอะ โมนูเมนต์ ทูเจเนอเรชั่น) การส่งต่อทำเลที่มีคุณค่าจากรุ่นสู่รุ่น โดยโครงการแรก “เดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า” คอนโดมิเนียมมาสเตอร์พีซบนถนนพหลโยธินได้เปิดตัวไปแล้วเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จและสามารถเขย่าวงการอสังหาฯ ด้วยกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมจากดีไซน์และวัสดุที่มีคุณภาพระดับเวิลด์คลาสอย่างมีเอกลักษณ์ พิถีพิถันในทุกรายละเอียด รวมถึงทำเลในย่านที่ทรงคุณค่า และติดถนนใหญ่ที่ห่างจากบีทีเอสสนามเป้าเพียง 300 เมตร ซึ่งเราหวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้าอีกเช่นเคย”     โครงการ THE MONUMENT THONG LO (เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ) นำเสนอจุดเด่นผ่านแนวคิด “LUXURY IS SPACE เติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบ (Complete your living experience) ในทุกมิติดังนี้   ความโอ่โถงกว้างขวาง และฟังก์ชั่นการใช้งานเสมือนบ้านเดี่ยว โครงการประกอบด้วยห้องพัก 3 ประเภท คือ ขนาด 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พื้นที่ 124.25 ตรม. ขนาด 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ พื้นที่ 252.25 ตรม. และเพนต์เฮาส์ พื้นที่ 508.75 – 662 ตรม. ในราคาเริ่มต้น 300,000 บาทต่อตรม. หรือ 30 ล้านบาทต่อยูนิต นอกจากนี้ ยังออกแบบพื้นที่ภายในห้องให้โอ่โถงกว้างขวางเสมือนบ้าน อย่างห้องนั่งเล่นเพดานสูง 3.3 เมตร ห้องน้ำในห้องนอนมาสเตอร์ของทุกยูนิตเปิดรับวิวกรุงเทพฯ แบบพาโนรามาและมีระเบียงเทอร์เรซพื้นที่ถึง 20 ตรม. ในยูนิตขนาด 3 ห้องนอน   ทำเลอันเป็นมรดกทรงคุณค่า ถนนทองหล่อตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านสุขุมวิทที่มีศักยภาพสูงสุดอันดับต้น ๆ ของกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ซึ่งหลอมรวมประวัติอันยาวนานและวิถีชีวิตของคนยุคใหม่อย่างลงตัว เป็นทั้งที่พักอาศัยคุณภาพสูงมาตั้งแต่อดีต และแหล่งรวมร้านค้าระดับชั้นนำ ร้านอาหารและคอมมูนิตี้มอลล์ระดับไฮเอนด์มากมาย ที่สามารถตอบสนองทุกมิติของการใช้ชีวิตที่ให้ความสะดวกสบายสูงสุดด้านการเดินทางเชื่อมต่อภายในใจกลางกรุงเทพฯ และมีความพร้อมสรรพด้านทางด้านไลฟ์สไตล์ ทำให้ถนนสายนี้จึงยังคงเป็นที่ต้องการอย่างสูง สำหรับผู้ที่เคยพักอาศัยในแถบนี้และต้องการขยับขยายครอบครัวในพื้นที่ใกล้เคียงกับครอบครัวเดิม ทำเลนี้จึงเป็นพื้นที่เป้าหมายสำคัญในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราการเติบโตของราคาที่ดินในอัตราสูงมาก และแทบจะไม่มีพื้นที่ว่างติดถนนหลงเหลือสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ อีกแล้วในปัจจุบัน   ประสบการณ์อยู่อาศัยที่เป็นส่วนตัว (Privacy) มอบความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตที่มีเพียง 127 ยูนิต โดยแต่ละชั้นจำกัดที่ไม่เกิน 4 ยูนิต พร้อมลิฟต์ส่วนตัวที่จอดเฉพาะชั้นห้องพักของเจ้าของห้อง รวมถึงสัดส่วนที่จอดรถกว่า 192% ของยูนิตทั้งหมดในโครงการพร้อมระบบ Cross Ventilation ในทุกยูนิตเพื่อการระบายอากาศธรรมชาติที่ดีภายในอาคาร   สถาปัตยกรรมอาคารสูงรูปทรง “Monolith” อันเป็นเอกลักษณ์ ที่จะกลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในทองหล่อ เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ ได้รับการรังสรรค์ขึ้นด้วยองค์ประกอบที่จะทำให้ผู้อยู่อาศัยสัมผัสได้ถึงความกว้างขวาง เป็นส่วนตัว และสะดวกสบายไม่ต่างจากบ้าน ในทุกพื้นที่ของโครงการขนาด 2 ไร่ ด้วยความสูงถึง 45 ชั้น สูงที่สุดบนถนนทองหล่อ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอาคารรูปทรง “Monolith” (โมโนลิธ) ซึ่งมีเอกลักษณ์อยู่ที่รูปทรงตึกที่สูงตรงตั้งตระหง่าน โดยสัดส่วนระหว่างความกว้างของฐานอาคารต่อความสูงของอาคารอยู่ที่ 1:10 พร้อมนำที่จอดรถลงไปไว้ในชั้นใต้ดิน เพื่อความสวยงามและโดดเด่นของตัวอาคาร เช่นเดียวกับอาคารสูงระฟ้าในมหานครใหญ่ทั่วโลก อาทิ โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน นิวยอร์ค อาคารซีแกรม และตึก 432 พาร์ค อเวนิว ที่กรุงนิวยอร์ค หรืออัล ชาร์ค ทาวเวอร์ที่ดูไบ     ความโดดเด่นของพื้นที่ส่วนกลาง ที่ตอบโจทย์การใช้งานใกล้เคียงกับบ้านที่สุด เริ่มจากล็อบบี้ส่วนกลางเสมือนห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ของบ้าน พื้นที่ 150 ตารางเมตร โอ่โถงด้วยเพดานความสูงถึง 5 เมตร เปิดรับวิวสวนสีเขียวเต็มตา คัดสรรแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ระดับโลกอย่าง Fendi Casa และ Flexform มาประดับตกแต่ง โดยใช้ไม้ที่ใช้เวลาแปรสภาพถึง 300 ปี แชนเดอเลียร์จากแบรนด์ LASVIT ที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษดุจงานศิลปะด้วยเทคนิคพิเศษที่สืบทอดเทคนิคการผลิตแก้วจากรุ่นสู่รุ่นมากว่า 200 ปี และสระว่ายน้ำดีไซน์ระดับไอคอนิกแรงบันดาลใจจากต้นไม้ใหญ่ที่มีความสูงถึง 10 เมตร ตัวสระยาว 28 เมตร กว้าง 9.5 เมตร พื้นสระปูด้วยหินไวท์ คลาวด์ (White Cloud) รายล้อมไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด   วัสดุคุณภาพระดับเวิลด์คลาสและเทคโนโลยีเหนือระดับ มอบสัมผัสแห่งความหรูหรา กว้างขวาง ตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกมาจากลิฟต์สู่โถงทางเข้าด้วย “Welcome Light” เปิดไฟแบบอัตโนมัติด้วยระบบโมชั่นเซ็นเซอร์ พื้นโถงปูด้วยหินอ่อนไวท์ วีนัส (White Venus) ต่อกันเป็นลวดลาย Bookmatch ประตูเข้าสู่ห้องเป็นประตูบานเฟี้ยมติดกระจกฟาบริคกลาส (Fabric Glass) นอกจากนี้ โมนูเมนต์ทองหล่อยังเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เติมเต็มนิยามความหรูหรา เช่น สุขภัณฑ์จาก Gessi แบรนด์ระดับท้อปของอิตาลี สวิตช์พร้อมระบบอัตโนมัติจาก Legrand แบรนด์ฝรั่งเศสที่โดดเด่นด้วยงานดีไซน์   พื้นที่สีเขียวร่มรื่นใจกลางกรุง ทางโครงการยังคำนึงถึงออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวขนาดถึงกว่า 1,000 ตรม. แบ่งเป็นสวนด้านหน้าและสวนด้านหลัง ต้นจามจุรีที่อยู่กับที่ดินเดิมมาเป็นเวลานานกว่า 50 ปี ยังคงถูกเก็บรักษาไว้ให้ความร่มรื่น และอีกหนึ่งความพิเศษเหนือโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่อื่นๆ คือ “Dog Park” ที่ออกแบบขึ้นมาพิเศษบริเวณสวนด้านหน้าสำหรับครอบครัวที่มีสัตว์เลี้ยง พร้อมเป็นส่วนตัวด้วยการจัดเส้นทางการใช้งานเฉพาะสำหรับสุนัขโดยสัญจรผ่านทางลิฟต์เซอร์วิส   บริการเอ็กซ์คลูซีฟเหนือระดับ 24 ชั่วโมง (Exclusive service) อาทิ บริการบัตเลอร์ประจำโครงการ บริการ Valet Parking และบริการรถลิมูซีน รองรับการใช้บริการแบบเป็นครอบครัวคอยให้บริการรับส่งตามต้องการ โดยสามารถจองการใช้งานล่วงหน้าผ่าน Home Service Application     THE MONUMENT THONG LO เปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมห้องตัวอย่างที่ตกแต่งอย่างละเมียดละไมใน 2 สไตล์ ห้องแรกตกแต่งด้วยคอนเซ็ปท์ ‘The Southern Belle’ โดยชนินทร์ ลีฟวิ่ง โดดเด่นด้วยเฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ Hickory Chair แบรนด์คราฟท์เฟอร์นิเจอร์ลักซ์ชัวรี่ของอเมริกาซึ่งออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ระดับโลก ‘ซูซาน แคสเลอร์’ (Suzanne Kasler) อีกห้องหนึ่งได้รับการออกแบบตกแต่งโดย ‘จิม ทอมป์สัน’ ภายใต้คอนเซ็ปท์ ‘Forbidden Colour’ โดดเด่นด้วยการเลือกใช้สีสันที่ฉูดฉาดอย่างลงตัว เช่น การใช้สีเหลืองกับสีดำ ขาว น้ำเงินเข้ม และเขียวมรกต รวมถึงการผสมผสานระหว่างเฟอร์นิเจอร์วินเทจและเฟอร์นิเจอร์แบบโมเดิร์น เพิ่มความลักซ์ชัวรี่ด้วยการกรุผนังห้อง โซฟา เก้าอี้ โครงเตียงนอนด้วยผ้าไหมแท้   “ปัจจุบัน โครงการ เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จไปแล้วกว่า 70% และคาดว่าจะพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกบ้านได้ภายในต้นปี 2562 โดยเราตั้งเป้าการขายไว้ที่ 50% ภายในปีนี้ พร้อมกันนี้ แสนสิริ ยังได้เตรียมพริวิเลจสุดพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองห้องชุดในโครงการภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ด้วยการมอบโทรทัศน์แบรนด์ Bang & Olufsen รุ่น BEOVision 14 มูลค่ากว่า 6 แสนบาทให้อีกด้วย” นายปิติ กล่าวปิดท้าย     ผู้ที่สนใจเข้าชมโครงการและห้องตัวอย่าง สามารถสัมผัสประสบการณ์แห่งการอยู่อาศัยเหนือระดับบนนิยาม Luxury is space สมบัติอันล้ำค่าจากรุ่นสู่รุ่นของความหรูหรารูปแบบใหม่ผ่านพื้นที่โอ่โถงของคอนโดมิเนียม ที่ให้ประสบการณ์เสมือนบ้านเดี่ยว และความเป็นส่วนตัวสูงสุดที่ THE MONUMENT THONG LO (เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ) ได้แล้ววันนี้ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sansiri.com/en/condominium/the-monument- thong-lo/ หรือ โทร. 1685
แสนสิริ เปิดตัว “ลา กาซิตา”คอนโดมิเนียมสไตล์สแปนิช มั่นใจปิดการขายไตรมาส 2

แสนสิริ เปิดตัว “ลา กาซิตา”คอนโดมิเนียมสไตล์สแปนิช มั่นใจปิดการขายไตรมาส 2

แสนสิริ “ลา กาซิตา” มูลค่าโครงการกว่า 2,300 ล้านบาท ชูจุดขายคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่สไตล์สแปนิช ด้วยแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมสเปน จำนวน 705 ยูนิต เปิดขายในราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท คาดปิดการขายในไตรมาส 2  นายปิติ จารุกำจร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาโครงการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แสนสิรินับว่าเป็นผู้บุกเบิกและเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมตากอากาศในหัวหินมาอย่างยาว โดยเปิดตัวโครงการแรก “บ้านไข่มุก” หัวหิน ในปี 2534 ซึ่งนับเป็นโครงการแรกที่บริษัทพัฒนา มายาวนานกว่า 35 ปี ปัจจุบันบริษัทพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในทำเลชะอำ-หัวหินมาแล้วทั้งสิ้น 21 โครงการ เช่น โครงการบ้านไข่มุก บ้านแสนสราญ บ้านแสนสุข บ้านนับคลื่น บ้านทิวลม เป็นต้น สำหรับโครงการที่บริษัทพัฒนาล่าสุดในปี 2558 คือ โครงการบ้านเคียงฟ้า ปัจจุบันทุกโครงการได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจนสามารถปิดการขายในทุกโครงการในทำเลหัวหิน จากความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการที่หัวหิน ทำให้แสนสิริมีความได้เปรียบในการเข้าใจความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าทุกกลุ่มได้เป็นอย่างดี รวมถึงความศักยภาพของแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งในการพัฒนาโครงการที่มีประสิทธิภาพมาโดยตลอด นอกจากนี้ล่าสุด จากแรงหนุนในแผนการพัฒนาของภาครัฐด้านการลงทุนระบบคมนาคมในอนาคต ซึ่งมั่นใจว่าจะทำให้เกิดการกระตุ้นทั้งด้านการท่องเที่ยว และดึงดูดการลงทุนของภาคเอกชน และ เกิดความต้องการบ้านหลังที่ 2 เพิ่มมากขึ้น ล่าสุดบริษัทจึงได้เปิดตัวโครงการ ‘ลา กาซิตา’(La Casita) คอนโดมิเนียมตากอากาศบนทำเลที่ดีที่สุดในใจกลางเมืองหัวหิน แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งโรงแรมระดับ 5 ดาว ศูนย์การค้าบลูพอร์ต โรงพยาบาลกรุงเทพ และร้านอาหารชั้นนำมากมาย ซึ่งนับเป็นโครงการฯ ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ศักยภาพอย่างแท้จริง โดยภายในโครงการยังมอบพื้นที่ส่วนกลางสีเขียวขนาดใหญ่ถึง 4,000 ตร.ม. โดยล่าสุดบริษัทได้จัดงานพรีเซลล์ เปิดขายโครงการในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ที่ผ่านมา ปรากฎว่าได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเก่าหรือแฟนพันธุ์แท้แสนสิริเป็นอย่างดี โดยสร้างยอดขายไปได้แล้วถึง 50% คาดว่าจะได้รับความสนใจจากทั้งกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อการพักผ่อนเป็นบ้านหลังที่ 2 รวมถึงกลุ่มลูกค้านักลงทุน และสามารถปิดการขายได้ในไตรมาส 2 นี้อย่างแน่นอน ทั้งนี้โครงการ ลา กาซิตา (La Casita) เป็นคอนโดมิเนียมสไตล์สแปนิช ได้รับการสร้างสรรค์ด้วยแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมของสเปนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่มีมิติ สีสันในแบบพาสเทล ผสานความคลาสสิคท่ามกลางบรรยากาศของเกาะอิบิซ่า (Ibiza) ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศสเปน อบอวลกลิ่นอายของหาดทรายสีขาว และท้องทะเลสวยงามเหมือนสวรรค์ โครงการ ลา กาซิตา เป็นอาคารสูง 8 ชั้น 4 อาคาร จำนวน 705 ยูนิต แบ่งเป็น 1-2 ห้องนอน ขนาดตั้งแต่ 26.50-91.00 ตร.ม. บนพื้นที่กว่า 6 ไร่ ซึ่งแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางรวมกว่า 4,000 ตร.ม. อาทิ Palm Court (ปาล์ม คอร์ท) สำหรับการจัดเป็นพื้นที่ครัวส่วนกลาง หรือพื้นที่พักผ่อนที่ให้ทุกคนสามารถใช้เวลาว่างให้ผ่อนคลายยิ่งขึ้น Blooming Wall (บลูมมิ่ง วอลล์) หรือ กำแพงดอกไม้ เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ผ่อนคลายได้ดังใจ Paradise Garden (พาราไดซ์ การ์เด้น) สวนขนาดใหญ่ตามแบบฉบับสเปน The Great Lawn (เดอะ การ์เด้น ลอว์น) พื้นที่สีเขียวเพื่อสูดอากาศให้ชุ่มปอดสำหรับการพักผ่อน และ Lap Pool (แล็บ พูล) สระว่ายน้ำขนาดใหญ่กว่า 1,000 ตร.ม. และยาวกว่า 100 เมตร    ซึ่งนับเป็นสระว่ายน้ำในคอนโดมิเนียมที่ยาวที่สุดในหัวหิน พร้อมทางเดินร่มรื่นรอบโครงการ ภายใต้บรรยากาศของการผ่อนคลายที่แสนสงบ และความสนุกที่สามารถสัมผัสคำว่าบ้านได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ล่าสุดบริษัทยังได้เปิดตัวแคมเปญฤดูร้อน ตอบรับไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยวในหัวหิน “Joy of Huahin” โดยมอบข้อเสนอสุดพิเศษเพื่อรองรับความต้องการของผู้ที่ต้องการคอนโดมิเนียมตากอากาศในย่านชะอำ - หัวหิน และถือเป็นกิจกรรมแห่งความสุขที่มอบสิทธิพิเศษ ส่วนลดร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ในหัวหินให้กับลูกบ้านแสนสิริกว่า 66 ร้าน โดยเริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2561 เท่านั้น “ตลาดคอนโดมิเนียมในหัวหินมีราคาเฉลี่ยสูงขึ้นถึง 15% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งยังมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี และสามารถปล่อยเช่าได้ถึง 4-5% ต่อปี ผนวกกับการเติบโตของธุรกิจปล่อยเช่าออนไลน์ ซึ่งแสนสิริได้จับมือกับ Hostmaker (โฮสต์ เมกเกอร์) พาร์ทเนอร์สำคัญที่มีความเชี่ยวชาญ และได้รับรางวัลการันตีคุณภาพในระดับโลก มาช่วยอำนวยความสะดวกบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่าและอยู่อาศัย โดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยลดความซับซ้อนใน การจัดการการจองที่พักให้ง่ายขึ้น ดังนั้น โอกาสในการปล่อยเช่ารายเดือนจึงมีโอกาสมากขึ้น จากนักท่องเที่ยวที่นิยมเช่าพักในระยะยาว และคนทำงานประจำที่โยกย้ายจากต่างเมือง โดยมีอัตรา   ค่าเช่าโครงการของแสนสิริเฉลี่ยอยู่ที่ 20,000 บาทสำหรับขนาด 1 ห้องนอน และสูงสุดถึง 40,000 บาทสำหรับขนาด 2 ห้องนอน ทั้งนี้ โครงการ ลา กาซิตา (La Casita) จัดกิจกรรมพิเศษ “Live in the Lively Spanish Style” พร้อมเปิดให้ชมห้องตัวอย่างสมบูรณ์แบบครั้งแรกในวันที่ 6-8 เม.ย นี้ที่    หัวหินพร้อมมอบข้อเสนอพิเศษ ได้ภายในงานนี้เท่านั้น รวมทั้งมีกำหนดการนำไปโรดโชว์ในต่างประเทศในวันที่ 21-22 เมษายนนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติเช่นเดียวกัน” นายปิติ กล่าวเสริม  สำหรับแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมในทำเลหัวหินในปี 2561 นี้ คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดี และกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยมีแรงหนุนจากแผนการลงทุนของภาครัฐในการลงทุนระบบคมนาคมสู่เมืองท่องเที่ยวฝั่งตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อพัทยาสู่หัวหิน โดยการเปิดบริการเรือเฟอร์รี่เมื่อต้นปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถช่วยลดเวลาเดินทางจาก 5-6 ชม. เหลือเพียง 1.40 ชม. เท่านั้น และการเชื่อมต่อการเดินทางจากกรุงเทพฯ – หัวหิน ด้วยทางรถไฟความเร็วสูง และการสร้างมอเตอร์เวย์จากนครปฐม-ชะอำ (ท่ายาง) ซึ่งช่วยให้การเดินทางคล่องตัวกว่าเดิม รวมถึงการขยายการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวจากกรุงเทพฯ สู่เมืองท่องเที่ยวโซนอ่าวไทยมากขึ้น โดยเฉพาะเมืองหัวหินที่มีแนวโน้มการเติบโตได้ดีต่อเนื่อง *สำหรับทิศทางตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศไทยปี 2561 คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 37.8 ล้านคน ขยายตัวประมาณร้อยละ 7.0 จากปี 2560 ซึ่งปัจจัยที่เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น การขยายเส้นทางการบินของธุรกิจสายการบินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการขยายเส้นทางการบินของไทยที่เชื่อมไปยังเมืองรองของจีน เป็นต้น โดยได้รับปัจจัยหนุนหลักจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน อยู่ที่ประมาณ 9.81 ล้านคน ** ขณะที่แนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้หมุนเวียนอยู่ที่ประมาณ 9.9 แสนล้านบาท (*,**ที่มา: ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย) ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเมืองตากอากาศกลับมีความคึกคักขึ้นอีกครั้ง โดยล่าสุดคอนโดมิเนียมในหัวหิน มีอัตราการเสนอขายสูงสุดที่ 140,000 บาท/ ตารางเมตร และสามารถสร้างผลตอบแทนการขายต่อมากถึง 59%