Tag : พีระพงศ์ จรูญเอก

9 ผลลัพธ์
“ORI” อวดยอดขายทะยานเกินเป้ากว่า 25,000 ล้านบาท  จากการเปิดโครงการใหม่ “พาร์ค ออริจิ้นทองหล่อ”  หนุนผลประกอบการทั้งปีโตตามเป้า

“ORI” อวดยอดขายทะยานเกินเป้ากว่า 25,000 ล้านบาท จากการเปิดโครงการใหม่ “พาร์ค ออริจิ้นทองหล่อ” หนุนผลประกอบการทั้งปีโตตามเป้า

“ออริจิ้น” ปลื้มยอดขายโครงการแฟล็กชิพฉลุยทั้ง 2 ทำเล “พาร์ค ออริจิ้น พญาไท” กวาดยอดขายทะลุ 80% ด้าน “พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ” โกยยอด 74% ทันทีหลังจบพรีเซล 24 พ.ย. ตอกย้ำความต้องการที่อยู่อาศัยคุณภาพ มั่นใจหนุนผลประกอบการปีนี้โตตามเป้า     นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์ บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า หลังจากประกาศเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมแฟล็กชิพภายใต้แบรนด์ใหม่ “พาร์ค ออริจิ้น” ไป 2 โครงการ ใน 2 ทำเลศักยภาพ ได้แก่ 1.พาร์ค ออริจิ้น พญาไท (PARK ORIGIN Phayathai) มูลค่าโครงการ 4,600 ล้านบาท และ 2.พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ (PARK ORIGIN Thonglor) มูลค่าโครงการ 12,000 ล้านบาท บริษัทได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยพาร์ค ออริจิ้น พญาไท เริ่มเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการไปเมื่อ 30 ก.ย. ปัจจุบัน มียอดขายแล้วถึงกว่า 80% ขณะที่พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ เพิ่งเปิด Exclusive Presale เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา สามารถกวาดยอดขายได้แล้วถึง 74%     “แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น เป็นแบรนด์ใหม่ที่ทีมงานออริจิ้นทุกคนมุ่งมั่นและทุ่มเทในการสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดเป็นแบรนด์ที่อยู่อาศัยที่ลงตัว ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์ภายใต้คอนเซ็ปต์ A Perfect Living Platform ยอดขายที่เกิดขึ้นจึงสะท้อนถึงสภาพของตลาดที่ยังคงให้ความสำคัญกับการซื้อที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพและตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างแท้จริง” นายพีระพงศ์ กล่าว     ทั้งนี้ โครงการพาร์ค ออริจิ้นทั้ง 2 โครงการ จะถูกพัฒนาในรูปแบบของโครงการมิกซ์ยูส โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ควบคู่กับคอนโดมิเนียมด้วย อาทิ โรงแรม คอมมูนิตี้มอลล์ สำนักงานให้เช่า ยอดขายของทั้ง 2 โครงการ จึงสะท้อนถึงความต้องการที่อยู่อาศัยที่ครบวงจรในรูปแบบของโครงการมิกซ์ยูสอีกด้วย ในปี 2562 บริษัทยังคงมีแผนจะพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสควบคู่กับคอนโดมิเนียมแบรนด์พาร์ค ออริจิ้น อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค     นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ผลประกอบการในปี 2561 นี้ น่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้า โดยในส่วนของยอดขายนั้น บริษัทตั้งเป้าทั้งปีไว้ที่ 24,000 ล้านบาท เฉพาะช่วง 3 ไตรมาสแรก สามารถทำได้แล้ว 22,400 ล้านบาท หากรวมกับยอดขายที่เพิ่งเกิดขึ้นของโครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ จะทำให้ยอดขายทะลุเกิน 25,000 ล้านบาท ขณะที่ด้านรายได้นั้น ก็ยังคงมีโครงการสร้างเสร็จใหม่ที่ทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง เช่น 1.โครงการนอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท105 (Notting Hill Sukhumvit 105) และ 2.โครงการนอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร อินเตอร์เชนจ์ (Notting Hill Jatujak-Interchange) รวมถึงการประสบความสำเร็จจากการโอนโครงการใหญ่อย่างโครงการ พาร์ค 24 (PARK24) ซึ่งทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (IBD/E) ของบริษัทลดลงเหลือ 1.49 เท่าในไตรมาสที่ผ่านมา และคาดว่าจะลดลงเหลือ 1.35 เท่า ในการปิดงวดไตรมาส 4 นี้          
“ออริจิ้น” ปลื้ม ทุนฮ่องกงประทับใจแผนรายได้ 5 ปี โตแตะ 2.7 หมื่นล้าน

“ออริจิ้น” ปลื้ม ทุนฮ่องกงประทับใจแผนรายได้ 5 ปี โตแตะ 2.7 หมื่นล้าน

“ออริจิ้น” ปลื้ม ทุนฮ่องกงส่งสัญญาณสนใจลงทุน หลังเห็นแผนรายได้โตปีละ 20% ต่อเนื่อง 5 ปี ทะลุ 2.7 หมื่นล้านในปี 65 มั่นใจพร้อมปรับตัวรับมาตรการแบงก์ชาติคุม LTV ด้าน “กสิกร” คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 16.30 บาท   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์ บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า บริษัทได้เดินทางโรดโชว์พบปะนักลงทุนสถาบันในประเทศฮ่องกงเมื่อเร็วๆ นี้ โดยกลุ่มนักลงทุนต่างแสดงความประทับใจและส่งสัญญาณที่ดี หลังจากเห็นแผนการขยายธุรกิจครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์ทั้งกลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัยและกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน และเป้าหมายการเติบโตรายได้อย่างต่อเนื่อง “เราได้แสดงให้เห็นถึงทิศทางและแผนการขยายธุรกิจของเรา ด้วยเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในระดับ 20% ต่อปี ในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือมีรายได้เพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 1 หมื่นล้านบาทในปี 2560เป็น 2.7 หมื่นล้านบาท ในปี 2565 ก็ทำให้เขารู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก” นายพีระพงศ์ กล่าว นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการภาครัฐที่กำลังจะเกิดขึ้นในขณะนี้ เช่น มาตรการการควบคุมอัตราส่วนการให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น มีผลกระทบในวงจำกัดสำหรับตลาดระดับกลาง-ล่าง สำหรับตลาดระดับกลาง-บน ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของ Backlog บริษัทในปัจจุบัน ลูกค้าส่วนใหญ่มากกว่าครึ่งชำระค่าห้องชุดเป็นเงินสด นอกจากนี้บริษัทมีความมั่นใจในการปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับนโยบายดังกล่าว เนื่องจากในปัจจุบัน บริษัทได้วางรากฐานขยายประเภทธุรกิจที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนท์อยู่แล้ว บริษัทพร้อมที่จะปรับแผนการดำเนินธุรกิจปี 2562 ให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ใหม่ เช่น ให้ความสำคัญกับตลาดระดับกลาง-บนมากขึ้น พัฒนาโครงการระดับกลาง-ล่างเฉพาะในพื้นที่ที่มีดีมานด์สูง เพื่อลดผลกระทบจากข้อจำกัดของนโยบาย “หลายปีที่ผ่านมา เราได้พิสูจน์ให้ตลาดเห็นแล้วว่าเราเป็นผู้ประกอบการที่มีความชำนาญในการเลือกทำเลอย่างเหมาะสม ด้วยการใช้กลยุทธ์เจาะตลาดที่มีศักยภาพแต่ยังมีการแข่งขันไม่สูงนัก หรือ Blue Ocean จนทำให้โครงการของเราประสบผลสำเร็จและมียอดขายที่ดี แม้นโยบายภาครัฐในขณะนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงไป แต่เรายังมั่นใจว่าเราสามารถพัฒนาสินค้าในทำเลที่เหมาะสม เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคควบคู่กับการดำเนินงานตามเป้าหมายของบริษัทได้” นายพีระพงศ์ กล่าว ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุถึง ORI ว่า แม้ว่าหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ อาจเผชิญกับการปรับลดมูลค่าหุ้นลง หาก ธปท. ประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดเป็นอย่างมากในเดือน พ.ย. แต่ในแง่ของมูลค่าหุ้น ราคาปิด ORI ล่าสุดที่ซื้อขายที่ PER 6.84 เท่าและ 5.54 เท่าสำหรับปี 2561-62 ตามลำดับ ด้วยอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (DY) ที่มากกว่า 5.8% เป็นระดับที่น่าดึงดูดอย่างมาก สำหรับสถานะของการดำเนินงานนั้น กลุ่มแนวราบและธุรกิจรายได้ประจำที่รวมถึงกิจการด้านโรงแรม การดำเนินงานและบริหารค้าปลีก จะกลายเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญให้กับORI ในการเดินไปสู่เป้าหมายรายได้ 2.7 หมื่นล้านบาทในปี 2565 หรือมีรายได้เติบโตต่อเนื่องปีละ 20% ได้ นอกจากนี้ ยังมีแผนดำเนินการในลักษณะร่วมทุน (JV) และแผนการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ก็ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของ ORI เติบโตไปได้อย่างแข็งแกร่ง โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายเดิมสำหรับกลางปี 2562 ที่ 16.30 บาท ประกอบด้วยสัดส่วนจำนวน 14.90 บาทจากธุรกิจที่อยู่อาศัย อิง PER 8.25 เท่า และสัดส่วนจำนวน 1.40 บาทจากธุรกิจรายได้ประจำ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 54 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 82,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร    
“ออริจิ้น” ผนึก โนมูระ ปั้นคอนโดลักชัวรี่ “พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ”  ชูความเป็นที่สุดด้วย 60 สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการระดับโรงแรม

“ออริจิ้น” ผนึก โนมูระ ปั้นคอนโดลักชัวรี่ “พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ” ชูความเป็นที่สุดด้วย 60 สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการระดับโรงแรม

“ออริจิ้น” จับมือโนมูระ เปิดตัวคอนโดระดับลักชัวรี่ “พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ” มูลค่าโครงการกว่า 12,000 ล้านบาท ใจกลางย่านไลฟ์สไตล์ชั้นนำ หวังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทั้งชาวไทยและนักลงทุนจากต่างชาติ ชูความเป็นที่สุดด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเกือบ 60 รายการ และการบริการระดับโรงแรมในที่อยู่อาศัย พร้อมเปิดพรีเซลพฤศจิกายนนี้   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมแบรนด์พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งพัฒนาโครงการเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เป็นที่สุด บริเวณใจกลางย่านไลฟ์สไตล์ชั้นนำบนพื้นที่ “ทองหล่อ” โดยร่วมทุน (JOINT VENTURE) กับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากญี่ปุ่น อีก 1 โครงการ ภายใต้ชื่อ “พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ” (PARK ORIGIN THONGLOR) ซึ่งเป็นโครงการระดับลักชัวรี่ 3 อาคาร 1,182 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 12,000 ล้านบาท     “แม้ปัจจุบันจะมีซัพพลายใหม่ในย่านทองหล่อออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยศักยภาพของทองหล่อที่ขึ้นชื่อว่าเป็นย่านไลฟ์สไตล์ชั้นนำ ที่เป็นศูนย์รวมของการใช้ชีวิตภายในเมือง ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ศูนย์การค้า รวมถึงระบบการขนส่งที่สามารถเชื่อมต่อไปได้ทุกที่ จึงทำให้ทองหล่อเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงสำหรับการอยู่อาศัย และการลงทุนในอนาคต จนเป็นที่ต้องการของทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งโครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ จะรองรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยด้วยการสร้างความแตกต่างในการใช้ชีวิตสุดพิเศษ ไม่เหมือนใคร และยังส่งมอบความเป็นที่สุดในรูปแบบการใช้ชีวิตด้านต่างๆ ที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างลงตัว”   นอกจากนี้ ด้วยราคาที่ดินย่านทองหล่อที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับซัพพลายที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการเหลือน้อยลง ยิ่งทำให้ทองหล่อถูกจับตามองจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติที่มองเห็นถึงโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าในอนาคต จึงทำให้ยิ่งมั่นใจว่าโครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคชาวไทย และนักลงทุนต่างชาติ     นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า หนึ่งในไฮไลต์ของโครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ คือการนำบริการระดับโรงแรมเข้ามาให้บริการภายในโครงการคอนโดมิเนียม แบบ 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วันของสัปดาห์ ผ่านการฝึกอบรมและความร่วมมือจากเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล ทางเครือจะช่วยฝึกอบรมทักษะด้านบริการให้กับพนักงานของบริษัท วัน พญาไท จำกัด ในเครือ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ที่ประจำอยู่ ณ Hotel Indigo พญาไท ซึ่งบริหารจัดการโดยเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล จากนั้นพนักงานที่ได้รับการฝึกอบรมแล้วกลุ่มนั้น จะมาเป็นผู้สอนให้แก่พนักงานบริการ 4 กลุ่มที่โครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ ได้แก่ 1.พนักงานลูกค้าสัมพันธ์ (Guest relations) 2.พนักงานอำนวยความสะดวก (Concierge) 3.พนักงานทำความสะอาด (HOUSEKEEPING) และ 4.ช่างประจำโครงการ (ENGINEERING) ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยได้รับความสะดวกสบายเหนือระดับ เสมือนกำลังพักผ่อนอยู่ในโรงแรมระดับ 5 ดาว     “นอกจากบริการระดับโรงแรมแล้ว ตัวโครงการยังมอบสิทธิพิเศษให้แก่ผู้พักอาศัย ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางรวมเกือบ 60 รายการ โดยอาคารทั้ง 3 อาคาร ยังถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกัน และไล่ระดับความสูง ซึ่งตัวอาคารที่สูงที่สุด สูงถึง 59 ชั้น ทำให้โครงการดูโดดเด่น เป็นอีกหนึ่งแฟล็กชิพและแลนด์มาร์คของย่านทองหล่อ” นายพีระพงศ์ กล่าว     ด้านนายมาซาโอมิ คาตายามะ บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทตัดสินใจร่วมลงทุนพัฒนาโครงการใหม่กับออริจิ้นในครั้งนี้ เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสและศักยภาพของทำเลทองหล่อร่วมกัน โดยทองหล่อถือเป็นทำเลที่มีประวัติศาสตร์และเป็น Japanese Town ของไทยมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานในไทยก็ยังคงต้องการมีที่อยู่อาศัยในย่านนี้ ทั้งนี้ บริษัทจะร่วมมือกับออริจิ้นทั้งในด้านเงินทุน องค์ความรู้ เพื่อการพัฒนาโครงการให้รองรับกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด   “จากการพัฒนาโครงการร่วมทุนกับออริจิ้นในปี 2560 จำนวน 3 โครงการ เราได้รับผลตอบรับที่ดี มียอดขายเฉลี่ยแล้วมากกว่า 90% เราจึงยิ่งมีความมั่นใจทั้งในศักยภาพทำเลและศักยภาพของพันธมิตรอย่างออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” นายมาซาโอมิ กล่าว     ด้าน น.ส.วาสนา เลิศพงศ์โสภณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การคำนึงถึงความสงบในพื้นที่ส่วนตัว และสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางที่จะตอบสนองความต้องการในการพักผ่อน คือ สิ่งที่โครงการมอบให้แก่ผู้อาศัย เช่น พื้นที่กิจกรรมที่สร้างความผ่อนคลายผ่านสายน้ำอย่าง Aqua Lounge แห่งแรกของทองหล่อ และการเชื่อมโยงพื้นที่ส่วนกลางจาก 3 ตึก ด้วยการออกแบบที่ผสานกันได้อย่างลงตัว ภายใต้พื้นที่ส่วนกลางที่สร้างประสบการณ์ในการใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์ได้ทั้งวัน เช่น Crystal Box, Pool Bar, Outdoor Onsen และ Ice Room เป็นต้น     สำหรับโครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ มูลค่าโครงการกว่า 12,000 ล้านบาท ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 5 ไร่ 3 งานใจกลางซอยทองหล่อ 10 (ที่ดินโครงการ Arena 10 เดิม) ประกอบด้วยอาคารสูง 39 ชั้น 1 อาคาร 53 ชั้น 1 อาคาร และ 59 ชั้น 1 อาคาร รวม 1,182 ยูนิต ตัวห้องมีแบบ 1-3 ห้องนอน (เพนท์เฮาส์) ขนาดตั้งแต่ 30-97 ตร.ม. จะเปิดพรีเซลใน พ.ย นี้ เริ่มก่อสร้างช่วงไตรมาส 2/2562 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4/2564 ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.parkorigin.co.th หรือโทร 020 300 000
“ออริจิ้น” เปิดตัวคอนโดหรูทำเลศักยภาพ “พาร์ค ออริจิ้น พญาไท”  โชว์ห้องชุดพร้อมมิกซ์ยูสสุดสมบูรณ์แบบ พร้อมสวนแนวตั้งแห่งแรกในกรุงเทพฯ

“ออริจิ้น” เปิดตัวคอนโดหรูทำเลศักยภาพ “พาร์ค ออริจิ้น พญาไท” โชว์ห้องชุดพร้อมมิกซ์ยูสสุดสมบูรณ์แบบ พร้อมสวนแนวตั้งแห่งแรกในกรุงเทพฯ

  “ออริจิ้น” เปิดตัวคอนโดหรูติดถนนใจกลางเมือง “พาร์ค ออริจิ้น พญาไท” มูลค่าโครงการกว่า 4,800ล้านบาท ตอกย้ำแนวคิด A Perfect Living Platform ผสานธรรมชาติ เทคโนโลยี สังคมคุณภาพ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบผ่านคอนโดพร้อมอาณาจักรมิกซ์ยูส โชว์ Home Automation ครบวงจรและ Vertical Garden สวนแนวตั้งเสมือนปีนเขา 120 เมตรแห่งแรกในกรุงเทพฯ ดึงบริการมาตรฐานโรงแรมหรู ดูแลผู้อยู่อาศัย สร้างประสบการณ์ A Place Where We Share     นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า บริษัทได้พัฒนาโครงการแฟล็กชิพโครงการใหม่ติดถนนพญาไท ประกอบด้วย คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ภายใต้ชื่อ “พาร์ค ออริจิ้น พญาไท” (PARK ORIGIN Phayathai) เป็นอาคารสูง 35 ชั้น 1 อาคาร 550 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 4,800 ล้านบาท และโครงการวัน พญาไท (ONE Phayathai) เป็นโครงการมิกซ์ยูสติดกับพาร์ค ออริจิ้น พญาไท   “ทำเลพญาไทมีโครงการใหม่เกิดขึ้นหลายโครงการ ดังนั้น เราจึงเลือกพัฒนาโครงการของเราในทำเลที่ติดถนนใหญ่ บนถนนพญาไทจริงๆ ไม่ใช่แค่ละแวกพญาไท และตั้งใจนำแนวคิด A Perfect Living Platform ที่ผสมผสานธรรมชาติ เทคโนโลยี และสังคม อันเป็นหัวใจหลักของการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบในปัจจุบันและอนาคต เข้ามาไว้ในโครงการ พร้อมทั้งสร้างสรรค์จุดแตกต่างให้เป็นแลนด์มาร์ค เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาอยู่อาศัยในโครงการนี้ สามารถใช้ชีวิต 24 ชั่วโมงที่พญาไทในมุมใหม่ แบบที่ใครก็ให้ไม่ได้” นายพีระพงศ์ กล่าว     เริ่มต้นจากด้านธรรมชาติ (Nature) หนึ่งใน 3 องค์ประกอบหลักของ A Perfect Living Platform บริษัทได้ออกแบบตัวอาคารของพาร์ค ออริจิ้น พญาไท ด้วยดีไซน์ที่แปลกใหม่เป็นเอกลักษณ์ สร้างสวนแนวตั้ง หรือ Vertical Garden แห่งแรกในกรุงเทพฯ บริเวณส่วนกลางของอาคารไล่ตั้งแต่ชั้น 12 จนถึงชั้น 35 คิดเป็นพื้นที่สีเขียวรวมกว่า 1,800 ตร.ม. ทำให้ลักษณะของอาคารเสมือนภูเขาใจกลางเมืองที่มีความสูงจากพื้นกว่า 120 เมตร ผู้อยู่อาศัยเดินขึ้นลงบันไดเพียง 2-3 ชั้น ก็สามารถเข้าถึงธรรมชาติหรือพื้นที่สีเขียวได้ ทำให้ทุกห้องสามารถใกล้ชิดธรรมชาติได้มากกว่าเดิม     ทั้งนี้ พญาไทถือเป็นทำเลศักยภาพแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ มีอาคารสำนักงานอยู่ในละแวกมากกว่า 10 อาคาร รวมพื้นที่สำนักงานมากกว่า 2 แสน ตร.ม. อยู่ใกล้โรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่ง อาทิ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลพญาไท 1 อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อแห่งใหม่ (New Hub) ของกรุงเทพฯ เพราะเป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์ ที่เชื่อมต่อกับทั้ง BTS แอร์พอร์ตลิงค์ รถไฟความเร็วสูง สามารถเดินทางไปยังสนามบิน 3 แห่ง ทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินอู่ตะเภา     ด้านนางกมลวรรณ วิปุลากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด บริษัทที่ดูแลธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อให้เกิดประสบการณ์การพักอาศัยรูปแบบใหม่ ให้การทำงาน การพักอาศัย และสิ่งอำนวยความสะดวกเชื่อมกัน เป็นการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์ บริษัทจึงได้พัฒนาโครงการวัน พญาไท (ONE Phayathai) เป็นโครงการมิกซ์ยูส 1 อาคาร ประกอบด้วย พื้นที่ค้าปลีก สำนักงาน Co-working space โรงแรม สร้างสังคม (Community) ที่ตอบโจทย์ทุกมิติการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่สะท้อนความเป็นตัวเอง   “นอกจากนี้ เรายังจะใช้แบรนด์คราวน์ เรสซิเดนซ์ ในเครือวัน ออริจิ้น เข้ามาช่วยดูแลบริการส่วนกลางของที่อยู่อาศัยให้มีบริการเทียบเท่ามาตรฐานโรงแรมระดับสากล ทำให้พื้นที่ส่วนกลางของเรามีบริการที่พรีเมียมเหนือระดับ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาสร้างความร่วมมือกับเชนโรงแรมระดับสากลในการดูแลพื้นที่ส่วนกลาง คาดว่าจะเปิดเผยข้อมูลได้ในเร็วๆ นี้” นางกมลวรรณ กล่าว     ด้านนายเกษมิน นาคะประทีป ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการพาร์ค ออริจิ้น พญาไท จะตอบโจทย์การอยู่อาศัยแห่งอนาคตด้วยเทคโนโลยี (Technology) ที่หลากหลายทั้งภายในห้องพักและพื้นที่ส่วนกลาง ทั้งระบบ Home Automation เชื่อมต่อกับระบบการสื่อสารไร้สายบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต Internet of Things หรือ IoT มีสิ่งอำนวยความสะดวกอัจฉริยะ (Intelligence Facility) Digital Doorlock, Smart Mirror ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้ชีวิตแบบ Smart Living   “เรายังได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จากัด (มหาชน) เพื่อร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยี สำหรับผู้อยู่อาศัย ในทุกด้าน ทั้งภายใน และภายนอกอาคาร รวมทั้งได้มีการวางโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม และเทคโนโลยีดิจิทัล โดยติดตั้งโครงข่ายไฟเบอร์ออพติก ความเร็วเริ่มต้นตั้งแต่ 1Gbps สูงสุด 10 Gbps ที่พร้อมสำหรับการต่อยอดบริการสื่อสารทุกรูปแบบ เพื่อให้รองรับการใช้ชีวิตระดับเฟิร์สคลาสในยุคดิจิทัลของผู้อยู่อาศัยทั้งในปัจจุบันและอนาคต นอกจากนี้ พาร์ค ออริจิ้น พญาไท ยังตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่รักการแบ่งปัน ด้วยการสร้างสังคม A Place Where We Share โดยมีบริการ Co-working space จากแบรนด์ชั้นนำ และแบ่งปันวัฒนธรรมกันผ่าน Culture Hotel” นายเกษมิน กล่าว     สำหรับโครงการพาร์ค ออริจิ้น พญาไท (PARK ORIGIN Phayathai) ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 2 ไร่ 1 งาน ติดถนนพญาไท ประกอบด้วยอาคารสูง 35 ชั้น 1 อาคาร รวม 550 ยูนิต รูปแบบห้องประกอบด้วยแบบ 1-2 ห้องนอน ขนาดตั้งแต่ 24-55 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ 5.8 ล้านบาท ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รองรับมากมาย อาทิ Co-working area, Cascade Pool, Game Room, Business Lounge, Sky Lounge, Mini Theatre ฯลฯ   โครงการภายใต้แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น จะเปิดให้ Register ได้ภายในงาน My Life My Origin งานอีเวนท์ใหญ่ประจำปีของออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ในวันที่ 8-9 ก.ย. นี้ ณ ศูนย์การค้าสยาม พารากอน ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.parkorigin.co.th หรือโทร 063 365 5000
“ORI” โชว์ผลงานครึ่งปีแรก กำไรนิวไฮทะยาน 267% สูงสุดในกลุ่ม

“ORI” โชว์ผลงานครึ่งปีแรก กำไรนิวไฮทะยาน 267% สูงสุดในกลุ่ม

“ออริจิ้น” เปิดผลงานครึ่งปีแรก 2561 โชว์กำไร 1,508 ล้านบาท โต 267% (YoY) เหตุโปรโมชั่นใหม่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ดันยอดขายยอดโอนพุ่งกระฉูด เร่งเดินหน้าจัดโปรต่อเนื่อง ดึงกำลังซื้อ พร้อมลุยโครงการใหม่ครึ่งปีหลังกว่า 21,000 ล้านบาท   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรก 2561 จะมีอัตราการเติบโตแบบทรงตัว แต่บริษัทก็สามารถสร้างผลการดำเนินงานก้าวกระโดดได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 6,657 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 224% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก 2560 (%YoY) และคิดเป็น 45% ของเป้าหมายรายได้รวมที่ 15,000 ล้านบาท   สาเหตุหลักมาจากบริษัทมียอดรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมต่อเนื่องจากปี 2560 และมีโครงการใหม่ที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มอีก 5 โครงการ คือ โครงการ ไนท์บริดจ์ ติวานนท์ โครงการ พาร์ค 24 (เฟส 2) , โครงการ นอตติ้งฮิลล์ แหลมฉบัง , โครงการ นอตติ้งฮิลล์ สุขุมวิท-แพรกษา และโครงการ เคนซิงตัน เกษร แคมปัส และโปรโมชั่นกระตุ้นการขายกลุ่ม Ready to move ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคภายใต้ชื่อ “โปรเหนือเมฆ” ที่ให้ลูกค้าสามารถผ่อนห้องชุดได้ในราคาพิเศษเพียงล้านละ 999 บาทต่อเดือน นานเวลา 3 ปี   ด้านกำไรสุทธิประจำไตรมาส 2/2561 อยู่ที่ 1,019 ล้านบาท เติบโตขึ้น 327% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 24.4% ในขณะที่กำไรสุทธิครึ่งปีแรกรวม อยู่ที่ 1,508 ล้านบาท เติบโตขึ้น 267% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 22.7% อันเนื่องมาจากโครงการใหม่แล้วเสร็จ และหลายโครงการสามารถสร้างเสร็จและรับรู้รายได้ได้เร็วกว่าแผน รวมถึงการรับรู้รายได้จากการบริหารโครงการที่ร่วมลงทุนกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ได้ตามแผน ทำให้ทั้งรายได้และกำไรของบริษัทในครึ่งปีแรกนี้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง   “บริษัทยังสามารถสร้างยอดขายในไตรมาส 2/2561 ได้ 6,075 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 11,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 165% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก 2560 (%YoY) และคิดเป็น 56% ของเป้าหมายยอดขายที่ 20,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าโครงการของบริษัทเป็นที่ต้องการของลูกค้า ประกอบกับโปรโมชั่นที่จัดทำขึ้นสามารถช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี โดยในช่วงไตรมาส 3/2561 บริษัทยังคงดำเนินโปรโมชั่นดังกล่าว ภายใต้ชื่อ โปรเหนือเมฆยกกำลัง 2 ควบคู่โปรโมชั่นอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจได้ว่าในปีนี้บริษัทจะมียอดขายทะลุ 20,000 ล้านบาท และมีรายได้รวมถึง 15,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน” นายพีระพงศ์ กล่าว   นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ในครึ่งปีหลัง 2561 นี้ บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่มูลค่ากว่า 21,000 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงโครงการมิกซ์ยูสภายใต้แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น 3 ทำเล ซึ่งถือเป็นโครงการไฮไลท์ของบริษัทในปีนี้ และโครงการแนวราบที่จะเปิดตัวเพิ่มอีก 3 โครงการ
“ออริจิ้น” ร่วมทุน “โนมูระ” ผุดมิกซ์ยูส ORIGIN24  พร้อมดึง BIG NAME นั่งแท่น CEO กลุ่ม RECURRING INCOME

“ออริจิ้น” ร่วมทุน “โนมูระ” ผุดมิกซ์ยูส ORIGIN24 พร้อมดึง BIG NAME นั่งแท่น CEO กลุ่ม RECURRING INCOME

“ออริจิ้น” เดินหน้าร่วมทุน “โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์” ยักษ์อสังหาฯญี่ปุ่นเพิ่ม ขายหุ้นบริษัทย่อย 49% ลุยมิกซ์ยูส “ออริจิ้น 24” มูลค่าโครงการกว่า 4,000 ล้านบาท พร้อมแต่งตั้ง “กมลวรรณ วิปุลากร” อดีตผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจโรงแรมชั้นนำของประเทศไทย เพื่อปั้นธุรกิจ RECURRING INCOME เป็น TOP 3 ในวงการ   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค (PARK) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์ บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าสร้างความร่วมมือกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่นและพันธมิตรหลักของออริจิ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด จะร่วมทุนกันในการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส “ออริจิ้น 24” ตรงข้ามโครงการพาร์ค 24 ในซอยสุขุมวิท 24 ทั้งนี้ ได้ให้ บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด บริษัทที่ดูแลธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน (Recurring Income) ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ดำเนินการขายหุ้นในบริษัทย่อยที่ดูแลโครงการมิกซ์ยูส ออริจิ้น 24 ให้แก่ บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ 49% คิดเป็นมูลค่าหุ้นที่ชำระแล้วรวมจำนวน 135,008,100 บาท ทั้งนี้บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) จะรับรู้กำไรพิเศษ (Share premium) สำหรับดีลนี้เป็นจำนวน 73,500,000 บาท “เราและโนมูระยังคงมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการส่งมอบความสุขและความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตให้แก่ผู้บริโภค ผ่านการผสมผสานโนว์ฮาวของกันและกัน โครงการมิกซ์ยูส ออริจิ้น 24 จะเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของการใช้ชีวิต ใจกลางสุขุมวิท” นายพีระพงศ์ กล่าว สำหรับโครงการออริจิ้น 24 เป็นโครงการมิกซ์ยูสแบบลีสโฮลด์ ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 ห่างจาก BTS พร้อมพงษ์ประมาณ 500 เมตร บนที่ดินขนาดประมาณ 3 ไร่ 2 งาน ประกอบด้วย 2 อาคาร โดยมีโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์หรูระดับ 5 ดาว รวม 411 ห้อง สำนักงานให้เช่าพื้นที่รวม 2,000 ตร.ม. คอมมูนิตี้มอลล์ พื้นที่รวม 3,200 ตร.ม. ภายในพื้นที่โครงการประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สนามเด็กเล่น ห้องประชุม ฯลฯ รวมมูลค่าโครงการกว่า 4,000 ล้านบาท นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า บริษัทได้แต่งตั้งกรรมการใหม่ของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ทดแทนกรรมการที่ลาออกไป 1 ท่าน ได้แก่ นางกมลวรรณ วิปุลากร ทั้งนี้พร้อมพ่วงอีกตำแหน่งสำคัญคือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน (Recurring Income) ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ โดยนางกมลวรรณ วิปุลากร อดีตเคยเป็นผู้บริหารสูงสุดของกลุ่มธุรกิจโรงแรมชั้นนำของประเทศไทย ผู้มีประสบการณ์คร่ำหวอดในธุรกิจโรงแรมอย่างยาวนาน ถือเป็นมืออาชีพที่จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยจะมีการแสดงวิสัยทัศน์และแผนธุรกิจเร็วๆ นี้   โดยปัจจุบัน บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด อยู่ในระหว่างการพัฒนาโครงการทั้งสิ้น 4 โครงการ ได้แก่  โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา-แหลมฉบัง , โรงแรม สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ , โรงแรม สเตย์บริดจ์ สวีท ชลบุรี-ศรีราชา และ โครงการ ออริจิ้น 24 มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นกว่า 10,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันยังมีแผนผุดโครงการเพิ่มอีก 2-3 แห่ง เตรียมพร้อมแผนธุรกิจในการเติบโตขึ้นเป็น TOP 3 ครอบคลุมธุรกิจโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ สำนักงานเช่า และคอมมูนิตี้มอลล์
“ORI” โชว์ผลงานไตรมาส 1/61 สุดกระหึ่ม กำไรโตทะลุ 184%

“ORI” โชว์ผลงานไตรมาส 1/61 สุดกระหึ่ม กำไรโตทะลุ 184%

  นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์พาร์ค (PARK) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์ บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2561 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,473.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 182% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2560 (%YoY) สาเหตุหลักมาจากบริษัทรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมต่อเนื่องจากปี 2560 จำนวน 18 โครงการ และมีโครงการใหม่ที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในเดือนมีนาคม ปี 2561 เพิ่มอีก 1 โครงการ คือ โครงการ KnightsBridge Tiwanon นอกจากนี้บริษัทยังสามารถสร้างยอดขาย Presale ไตรมาสแรกได้ประมาณ 5,090 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 255% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความสามารถของบริษัทในการนำเสนอโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า   สำหรับกำไรสุทธิประจำไตรมาส 1/2561 อยู่ที่ 488.6 ล้านบาท เติบโตขึ้น 184% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับร้อยละ 19.8 ซึ่งสูงขึ้นกว่าไตรมาส 1 ปี 2560 ที่ร้อยละ 19.6 อันเนื่องมาจากโครงการใหม่แล้วเสร็จรับรู้รายได้ได้ตามแผน และความสามารถในการทำกำไรขั้นต้น รวมถึงการรับรู้รายได้จากการบริหารโครงการที่ร่วมลงทุนกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด จากญี่ปุ่น ทำให้ทั้งรายได้และกำไรของบริษัทในไตรมาสนี้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง   ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/2561 บริษัทได้เปิดตัวคอนโดมิเนียม 3 โครงการใหม่ ภายใต้แบรนด์ “ไนท์บริดจ์” ได้แก่ 1.ไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธิน (Knightsbridge Space Ratchayothin) 2.ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 (Knightsbridge Space Rama 9) และ 3.ไนท์บริดจ์ คอลลาจ สุขุมวิท 107 (Knightsbridge Collage Sukhumvit 107) รวมมูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท โดยสามารถกวาดยอดขายรวมกว่า 70% หรือคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 4,200 ล้านบาท   นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ในปี 2561 นี้ บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่รวมมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ทำให้ในช่วงอีก 3 ไตรมาสที่เหลือ บริษัทยังมีโครงการที่โดดเด่นรอเปิดตัวอีกมูลค่ากว่า 24,000 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงโครงการมิกซ์ยูสภายใต้แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น 3 ทำเล ซึ่งถือเป็นโครงการไฮไลท์ของบริษัทในปีนี้ รวมถึงโครงการแนวราบที่จะเปิดตัวเพิ่มอีก 3-4 โครงการ   “เรามั่นใจว่าการมีแบ็กล็อกคุณภาพตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับการดำเนินงานที่เป็นไปตามแผน จะช่วยให้ปีนี้บริษัทมียอดขายทะลุ 20,000 ล้านบาท และมีรายได้ถึง 15,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน” นายพีระพงศ์ กล่าว   บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 46 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 65,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
“ออริจิ้น” ผนึก asap GO มอบบริการรถเช่าลูกบ้านไนท์บริดจ์ 3 โครงการใหม่

“ออริจิ้น” ผนึก asap GO มอบบริการรถเช่าลูกบ้านไนท์บริดจ์ 3 โครงการใหม่

ออริจิ้น ผนึก asap GO มอบบริการรถเช่าแก่ลูกบ้านโครงการลักชัวรี่ เพิ่มทางเลือกความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตของผู้บริโภค นำร่องมอบสิทธิ์ไนท์บริดจ์ 3โครงการใหม่ สเปซ พระราม 9-สเปซ รัชโยธิน-คอลลาจ สุขุมวิท 107 นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด(มหาชน) ผู้ให้บริการรถยนต์เช่าแบบครบวงจรผ่านแอพพลิเคชั่น asap GO (เอแซ็ป โก) เพื่อส่งมอบทางเลือกใหม่ในการเดินทางให้แก่ผู้พักอาศัยในโครงการระดับลักชัวรี่ของออริจิ้น “เราพัฒนาโครงการใหม่ๆ ควบคู่กับการคำนึงถึงความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตของผู้บริโภค เราจึงพยายามสรรหาบริการใหม่ๆ ที่ทั้งง่ายและตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันมาให้ผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ และ asap GO ก็ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่จะช่วยให้ผู้บริโภคเดินทางได้สะดวกสบาย เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง” นายพีระพงศ์ กล่าว ทั้งนี้ asap GO เป็นบริการรถยนต์ให้เช่ารายชั่วโมงผ่านแอพพลิเคชั่น ภายใต้คอนเซ็ปต์ Sharing Economy ผู้ใช้บริการสามารถเลือกจองรถรุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานและไลฟ์สไตล์ ผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน โดยคิดอัตราค่าบริการจากการใช้งานตามจริง ตอบโจทย์ผู้ต้องการใช้รถในระยะเวลาสั้นๆ โดยออริจิ้นจะจัดเตรียมพื้นที่ภายในโครงการต่างๆ ไว้สำหรับจอดรถให้บริการโดยเฉพาะ และเตรียมจัด Privilege การบริการพิเศษให้กับลูกบ้านโดยเฉพาะ นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า การให้บริการ asap GO จะนำร่องในโครงการไนท์บริดจ์ 3 โครงการใหม่ ได้แก่ 1.ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 (Knightsbridge Space Rama 9) 2.ไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธิน(Knightsbridge Space Ratchayothin) 3.ไนท์บริดจ์ คอลลาจ สุขุมวิท 107 (Knightsbridge Collage Sukhumvit 107) ซึ่งถือเป็น 3 Best Knightsbridge ของปี 2561 ที่มีการออกแบบเพดานสูงสุดถึง4.2 เมตร มีฟังก์ชันและการออกแบบที่ลงตัวเป็นทุนเดิม และเสริมด้วยบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต ผู้สนใจสามารถโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 020-300-000 หรือลงทะเบียนจองโครงการใหม่ทันทีที่ https://origin.co.th/knightsbridgespace
ออริจิ้น ส่ง”ไนท์บริดจ์” 3 โครงการ 6,000 ล้านบาท ชู“Duo Space” เปิดขายออนไลน์ 8 มี.ค.นี้

ออริจิ้น ส่ง”ไนท์บริดจ์” 3 โครงการ 6,000 ล้านบาท ชู“Duo Space” เปิดขายออนไลน์ 8 มี.ค.นี้

ออริจิ้น เปิดตัวคอนโดหรู “ไนท์บริดจ์” 3 โครงการมูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท ชูจุดขาย “Duo Space” เพดานสูง 4.2 เมตร เพิ่มพื้นที่ใช้สอย สร้างจุดต่างตอบโจทย์ย่าน New CBD ผนึกโนมูระ ดึงโนว์ฮาว Luxmore ใส่ใจทุกรายละเอียด เปิดพรีเซล- จองออนไลน์ 8 มี.ค.นี้ นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เคนซิงตัน นอตติ้ง ฮิลล์ ไนท์บริดจ์ และพาร์ค และบ้านแนวราบภายใต้แบรนด์ บริทาเนีย กล่าวว่า ไตรมาส 1/2561 บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ เป็นคอนโดหรูภายใต้แบรนด์ “ไนท์บริดจ์” จำนวน  3 โครงการ ได้แก่ 1.ไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธิน (Knightsbridge Space Ratchayothin) 2.ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 (Knightsbridge Space Rama 9) และ 3.ไนท์บริดจ์ คอลลาจ สุขุมวิท 107 (Knightsbridge Collage Sukhumvit 107) รวมมูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท สำหรับจุดขายหลักของ 2 โครงการแรก ภายใต้แบรนด์ไนท์บริดจ์ สเปซ คือแนวคิดการพัฒนาแบบ “Duo Space” ที่มีองค์ประกอบหลัก 4 ส่วน ได้แก่ 1.Vertical Space คือการออกแบบพื้นที่ใช้งานแนวตั้งให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น พื้นที่เหนือครัว ส่วนอาบน้ำ สามารถใช้เป็นพื้นที่เก็บของได้ 2.Value Space ให้ทุกพื้นที่ใช้สอยภายในห้องสามารถใช้งานจริงได้อย่างคุ้มค่า 3.More Space เพิ่มพื้นที่ส่วนกลาง พื้นที่สันทนาการ และมุมพักผ่อนสังสรรค์ให้มีขนาดใหญ่ และ 4.Flow Space เชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอกอาคารด้วยการออกแบบให้มีการเล่นระดับโถงที่มีฝ้าเพดานสูง เป็น Double Space และ Triple Space “ทุกห้องภายในทั้ง 2 โครงการจะมีเพดานสูงถึง 4.2 เมตร เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย สร้างมิติใหม่แห่งการอยู่อาศัย และสร้างทางเลือก ตลอดจนไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างให้แก่ผู้บริโภคในย่าน New CBD พระราม 9 โดยสถานี MRT พระราม 9 มีผู้ใช้บริการมากเป็นอันดับ 2 ในบรรดาสถานี MRT ทั้งหมด ภายในระยะ 3 กิโลเมตรจากโครงการ มีทั้งแหล่งงาน ศูนย์การค้า ศูนย์จัดแสดงสินค้าและโลจิสติกส์ โรงพยาบาล สถานศึกษา เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย The Super Tower The Ninth Tower มักกะสัน มิกซ์ยูส อาคาร AIA สำนักงานใหญ่ยูนิลีเวอร์ G Tower เซ็นทรัล พระราม 9 เทอร์มินัล 21 โรงพยาบาลปิยะเวท มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เป็นย่านที่ผู้บริโภคมีรายได้เฉลี่ย 75,000-120,000 บาทต่อเดือน โครงการส่วนใหญ่จะมีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างจำกัด โครงการของเราถือเป็นโครงการแรกที่มอบพื้นที่ใช้สอยพิเศษกว่าใครในทุกยูนิต มุ่งตอบโจทย์การใช้ชีวิตของตลาดเรียลดีมานด์” นายพีระพงศ์ กล่าว ขณะเดียวกัน บริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ พัฒนาโครงการไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธินด้วย โดยจะนำคอนเซ็ปท์ Luxmore ของทางโนมูระ เข้ามาเพิ่มเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการฟังก์ชั่นเฟอร์นิเจอร์ที่มอบความสะดวกสบายและประโยชน์ใช้สอยที่หลากหลายเพิ่มขึ้น ขณะที่ไนท์บริดจ์ คอลลาจ สุขุมวิท 107 นั้น บริษัทจะนำระบบ Smart Home Automation และบริการหลังการขายโดยบริษัท พรีโม พร็อพเพอร์ตี้ โซลูชั่น จำกัด ช่วยยกระดับความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตให้แก่ผู้บริโภค “นอกจากเรื่อง Duo Space ยังปรับเปลี่ยนวิธีการจองมาสู่ระบบออนไลน์ทั้งหมด ให้ผู้บริโภคเข้าถึงโครงการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดยเปิดให้จองสิทธิ์ถึงวันที่ 7 มี.ค.นี้ และเปิดจองจริงตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.นี้” นายพีระพงศ์ กล่าว ด้านนายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาด บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า โครงการไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 2 ไร่บนถนนดินแดง ห่างจาก MRTพระราม 9 ราว 350 เมตร ประกอบด้วยอาคารสูง 27 ชั้น 1 อาคาร รวมจำนวน 325 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 2,300 ล้านบาท ภายในโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ EV Charger, Auto Parking, Craft Café & Working Space, Sky Sunrise Onsen, Sky Yoga & Zumba, Sky Panoramic Social & Fitness Club ทั้งโครงการออกแบบภายใต้แนวคิด Duo Space ทุกห้องพักภายในอาคารมีเพดานสูงถึง 4.2 เมตร เป็นห้องขนาด 1-3 ห้องนอน ตั้งแต่ 23-57 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ 4.69 ล้านบาท ขณะที่โครงการไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธิน ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 2 ไร่ 2 งาน ใกล้แยกรัชโยธิน ห่างจาก BTS พหลโยธิน 24 เพียง 20 เมตร ซึ่งสามารถเดินทางเชื่อมต่อรถไฟฟ้าได้ถึง 3 สาย โครงการประกอบด้วยอาคารสูง33 ชั้น 1 อาคาร รวมจำนวน 488 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 2,700 ล้านบาท นอกจากจุดขาย Duo Space พร้อมเพดานสูง 4.2 เมตรแล้ว ยังมอบ Auto Parking ถึง 70% และส่วนกลางลอยฟ้ากว่า 1,600 ตร.ม. ออกแบบโครงการให้มีพื้นที่ว่างและมีลักษณะเหมือนเป็นอวกาศ ห้องพักมีขนาด 1-2 ห้องนอน 22-61 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ 4.59 ล้านบาท สำหรับโครงการไนท์บริดจ์ คอลลาจ สุขุมวิท 107 ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 1 ไร่ 1 งาน ในซอยสุขุมวิท 107 ห่างจาก BTS แบริ่งราว 300 เมตร ประกอบด้วยอาคารสูง 28 ชั้น จำนวน 1 อาคาร รวม 304 ยูนิต มูลค่าโครงการ1,000 ล้านบาท ห้องพักมีขนาด 1-2 ห้องนอน ตั้งแต่ 23-61 ตร.ม. เพดานสูง 2.6 เมตร ราคาเริ่มต้นที่ 2.29 ล้านบาท