Tag : มิตซุย ฟูโดซัง

2 ผลลัพธ์
อนันดา สร้างสถิติใหม่โชว์รายได้ปี’60 ประกาศแผนธุรกิจปี’61 ลุย 16 โครงการใหม่ 35,000 ล้านบาท

อนันดา สร้างสถิติใหม่โชว์รายได้ปี’60 ประกาศแผนธุรกิจปี’61 ลุย 16 โครงการใหม่ 35,000 ล้านบาท

อนันดา ปิดฉากปี'60 โชว์รายได้ 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน พร้อมยอดขายกว่า 34,900 ล้านบาท เปิดตัวคอนโด  11 โครงการ มูลค่ากว่า 36,600 ล้านบาท ประกาศแผนธุรกิจปี'61 เป้าโอน 38,000 ล้านบาท เปิดโครงการใหม่ 16 โครงการ มูลค่ากว่า 35,100 ล้านบาท ตั้งเป้าโต 4 ปี ยอดโอน 70,000 ล้านบาท นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัท สามารถสร้างสถิติสูงสุดทั้งการเปิดโครงการใหม่ ยอดขาย และรายได้ โดยมูลค่าโครงการอยู่ที่ 42,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105% จากปีก่อน และยอดขายมูลค่า 34,920 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 39% จากปีก่อน และรายได้ 12,950 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน ประกอบด้วย รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 8,932 ล้านบาท รายได้อื่น 4,018 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายได้จากโครงการร่วมทุน และรายได้จากงานก่อสร้างโครงการภายนอกบริษัท ทั้งนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,328 ล้านบาท ลดลง 12% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่มาจากการเปิดโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ ยอดขายรอรับรู้รายได้(แบ็คล็อค) กว่า 53,700 ล้านบาท รองรับการโอนใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้น 30% จากสิ้นปีก่อน ซึ่งในปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวคอนโดมิเนียม 11 โครงการ และแนวราบ 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 42,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105% จากปีก่อน และจากการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ 11 โครงการ มูลค่าโครงการกว่า 36,600 ล้านบาท ส่งผลให้ในปี 2560 บริษัทเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดตัวคอนโดมิเนียมสูงที่สุดในประเทศ โดยไตรมาส 4 บริษัทได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ 2 โครงการ มูลค่าโครงการกว่า 8,400 ล้านบาท ประกอบด้วย ไอดีโอ โมบิ พระราม 4 มูลค่า 5,000 ล้านบาท ติดรถไฟฟ้าสถานีคลองเตย และเอลลิโอ เดล  มอสส์ มูลค่า 3,400 ล้านบาท ติดรถไฟฟ้าสถานีเสนานิคม บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้ 9,800 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่วางไว้ 7,500 ล้านบาท ถึง 31% ทั้งนี้ บริษัทประสบความสำเร็จในการขายไปยังต่างประเทศจากโครงการใหม่ และโครงการที่เปิดขายไปก่อนหน้า มูลค่าการขาย รวม 9,775 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น 164% จากปีก่อน ขายไปยังลูกค้าใน 38 ประเทศ ส่งผลให้บริษัทก้าวสู่การเป็นบริษัทที่มียอดขายต่างประเทศสูงที่สุดในประเทศในปี 2560 ทำให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายรวมในประเทศ และต่างประเทศกว่า 34,900 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7% นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงรักษาวินัยทางการเงิน และประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจให้เติบโต พร้อมดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิซึ่งหักด้วยเงินสดต่อส่วนทุนอยู่ที่ 0.77 :1 เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวของบริษัทในระดับ 1:1 ขณะเดียวกัน บริษัทได้ร่วมทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานคร ร่วมกับมิตซุย ฟูโดซัง เพิ่มเติมอีก 6 โครงการมูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท ประกอบด้วย ไอดีโอ คิว สุขุมวิท 36 ,ไอดีโอ พระราม 9 ตัดใหม่ ,เอลลิโอ เดล เนสต์ ,ไอดีโอ โมบิ รางน้ำ , เอลลิโอ เดล มอสส์ และคอนโดมิเนียมใกล้พระราม 9 ซึ่งมีมูลค่าร่วมทุนรวม 21 โครงการกว่า 95,000 ล้านบาท บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น เพิ่มขึ้นจากปีก่อน แสดงให้เห็นการมีวินัยทางการเงินในการรักษาผลกำไรของบริษัท แม้ว่าอยู่ในช่วงของการเติบโต นอกจากนี้กระแสเงินสดของบริษัทยังคงมีความแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นสุดไตรมาสยังคงรักษาเงินสดขนาดใหญ่ที่มีมากกว่า 2,000 ล้านบาท บริษัทยังได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องจากสถาบันการเงินชั้นนำ และมีทางเลือกในการจัดหาแหล่งเงินทุนที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการเงินสดของบริษัทฯตลอดทั้งปี ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามสถานการณ์ สำหรับแผนดำเนินงานในปี 2561 บริษัทตั้งเป้ายอดโอนเติบโตสูงถึง 152% เป็น 38,000 ล้านบาท โดยในปี 2561 บริษัทคาดว่ามีคอนโดมิเนียมที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอน 9 โครงการ เพิ่มเติมจากในปี 2560 ซึ่งมีคอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างแล้วเสร็จ และเริ่มโอนจำนวน  8 โครงการ รวมทั้ง มีแผนเปิดโครงการใหม่ในปี 2561 จำนวน 16 โครงการ มูลค่ากว่า 35,100 ล้านบาท โดยเป็นคอนโดมิเนียม 8 โครงการ ร่วมทุนกับมิตซุย ฟูโดซังจำนวน  7 โครงการ และแนวราบ 8 โครงการ โดยตั้งเป้ายอดขายใกล้เคียงกับปีก่อน 35,100 ล้านบาท จาก 34,900 ล้านบาท ในปี 2560 พร้อมเป้าหมายในการรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนทุนในระดับประมาณ 1:1 สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวในการบริหารงานของบริษัทอีกด้วย บริษัทตั้งเป้าหมายในการพัฒนาโครงการร่วมทุนเพิ่มขึ้น ด้วยมูลค่าโครงการร่วมทุนเกินกว่า 114,000 ล้านบาท ในปี 2561 จาก 95,000 ล้านบาท ในปี 2560 ส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาตำแหน่งผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าโครงการร่วมทุนสูงที่สุดในประเทศ "จากการรักษาการเติบโตของธุรกิจ และผลการดำเนินงานที่ดี รวมถึงยังรักษาความมีวินัยด้านต้นทุนการดำเนินงาน ทำให้อนันดายังคงครองความเป็นผู้นำคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งด้านการออกแบบอาคาร และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านอื่นๆ ทำให้ยังคงตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมต่อไป ปี 2561 เป็นส่วนหนึ่งของ "4 in 4 Roadmap ระยะเวลาแห่งการเติบโตมากกว่า 4 เท่าใน 4 ปี" โดยบริษัทคาดหวังว่ายอดโอนจะเติบโตเกินกว่า 400% จากระดับกว่า 15,100 ล้านบาท ในปี 2560 เป็น 70,000 ล้านบาท ในปี 2564 ด้วยผลสำเร็จจากเงินลงทุนภายหลังจากการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2561 บริษัทคาดว่ามีคอนโดมิเนียมที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอน 9 โครงการ เพิ่มเติมจากในปี 2560 ซึ่งมีคอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างแล้วเสร็จ และเริ่มโอน 8 โครงการ" นายชานนท์ กล่าว บริษัทมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งจากการได้รับผลสำรวจจากดัชนีความไว้วางใจในแบรนด์สูงที่สุดสำหรับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมในปี 2560 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CU-Brand Trust Index in the real estate industry) สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการส่งมอบสินค้า และบริการที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า พร้อมรับรู้ได้มายังแบรนด์ของบริษัท ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทเตรียมขออนุมัตินำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาการเพิ่มเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น เป็น 12.75 สตางค์ เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อนหน้านี้ โดยเป็นการเพิ่มเงินปันผลขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีตั้งแต่มีการเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัท
อนันดาฯ ลุยหนักปลายปี เปิดรวด 6 โครงการ ตอกย้ำความแข็งแกร่ง “มิตซุย ฟูโดซัง” ร่วมทุนต่อ 3 โครงการใหญ่ 12,000 ล้าน มั่นใจยอดปีทะลุเป้า หลังคนแห่จอง 2 โครงการใหม่ล้นหลาม เดินหน้าจัดงานใหญ่แห่งปี ANANDA URBAN PULSE 20 – 23 ต.ค.นี้

อนันดาฯ ลุยหนักปลายปี เปิดรวด 6 โครงการ ตอกย้ำความแข็งแกร่ง “มิตซุย ฟูโดซัง” ร่วมทุนต่อ 3 โครงการใหญ่ 12,000 ล้าน มั่นใจยอดปีทะลุเป้า หลังคนแห่จอง 2 โครงการใหม่ล้นหลาม เดินหน้าจัดงานใหญ่แห่งปี ANANDA URBAN PULSE 20 – 23 ต.ค.นี้

บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) โชว์ศักยภาพผู้นำคอนโดติดรถไฟฟ้า พร้อมตอกย้ำความแข็งแกร่งกับพันธมิตรเบอร์ 1 ของญี่ปุ่น มิตซุย ฟูโดซัง ที่มอบความไว้วางใจ ร่วมทุนต่อ 3 โครงการใหญ่ กว่า 12,000 ล้านบาทและอยู่ระหว่างพิจารณาร่วมทุนต่ออีกหลายโครงการปีนี้ เผยแผนธุรกิจ 4 เดือนหลังเปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท  บนทำเลศักยภาพที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ พร้อมโชว์ความสำเร็จได้รับการตอบรับดีเหนือความคาดหมาย จาก 2 โครงการใหม่ล่าสุด ไอดีโอ โมบิ อโศก และ เวนิโอ สุขุมวิท 10 นอกจากนี้เตรียมกระตุ้นตลาดและกำลังซื้อจัดงานนำเสนอคอนโดติดรถไฟฟ้าครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี “ANANDA URBAN PULSE” รวบรวมคอนโดติดรถไฟฟ้าคุณภาพเยี่ยมกว่า 14 โครงการทั่วกรุงเทพ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสุด !! และพลาดไม่ได้!! กับ 4 โครงการไฮไลท์  จากแบรนด์คุณภาพที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าด้วยดีเสมอมา ที่พร้อมตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองอย่างลงตัว ระหว่างวันที่ 20-23 ตุลาคม 2559 นี้ ที่ชั้น 1 สยามพารากอน นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจาก บริษัท มิตซุย  ฟูโดซัง  จำกัด อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มต้นความร่วมมือในปี 2013 – จนปัจจุบัน โดยได้ร่วมมือกันพัฒนาโครงการติดรถไฟฟ้าที่มีคุณภาพมาแล้ว 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 45,000 ล้านบาท ซึ่ง มิตซุยฯ เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของอนันดาฯ ซึ่งผลจากการร่วมทุนที่ประสบความสำเร็จที่ผ่านมาทำให้มีการวางแผนเดินหน้าสร้างความยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่องด้วยการทำสัญญาร่วมทุนเพื่อพัฒนาโครงการใหม่อีก 3 โครงการ มูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท  นอกจากนี้ยังมีโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมทุนในอนาคตอีกหลายโครงการเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าที่ตอบโจทย์และไลฟ์สไตล์ของคนเมืองอย่างลงตัวที่สุด ในช่วง 4 เดือนหลังของ 2559 นี้ บริษัทฯ มีแผนการเปิดตัวที่สุดของคอนโดมิเนียมบนสุดยอดทำเลศักยภาพ พร้อมกัน 6 โครงการ มูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ ไอดีโอ , ไอดีโอ โมบิ, เวนิโอ ,ยูนิโอ   ประกอบด้วย 3 โครงการความร่วมมือภายใต้การร่วมทุนกับ บริษัท มิตซุย ฟูโดซัง  จำกัด  มูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.) โครงการ ไอดีโอ โมบิ อโศก สูง 36 ชั้น จำนวน 507 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,240 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น  4.19 ล้านบาท  2.) โครงการ ไอดีโอ สุขุมวิท 93  สูง 38 ชั้น จำนวน 1,332  ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,072 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท   และ 3.) โครงการ ไอดีโอ  โมบิ สุขุมวิท 66 สูง 28 ชั้น จำนวน 298  ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,288 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 5.19 ล้านบาท  ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าทั้ง 3 โครงการจากความร่วมมือนี้จะสามารถสร้างความสนใจครั้งใหญ่ให้คนเมืองได้อีกครั้ง และสำหรับอีก 3 โครงการคุณภาพที่เตรียมตัวเปิดในช่วง 4 เดือนหลังเช่นกันได้แก่  โครงการ ไอดีโอ พหลโยธิน – จตุจักร สูง 37 ชั้น จำนวน 400 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,513 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท  โครงการ เวนิโอ สุขุมวิท 10 สูง 8 ชั้น จำนวน 162 ยูนิต มูลค่าโครงการ 875 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 3.49 ล้านบาท  และโครงการ ยูนิโอ นิด้า-เสรีไทย สูง 8 ชั้น จำนวน 703 ยูนิต มูลค่าโครงการ 932 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 950,000 บาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ประสบความสำเร็จดีเกินความคาดหมายอีกครั้งจากผลตอบรับที่ดียิ่งของการเปิดขาย 2  โครงการใหม่ล่าสุดไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นโครงการสุดยอดทำเลศักยภาพใจกลางเมือง ได้แก่ โครงการ ไอดีโอ โมบิ อโศก (IDEO Mobi Asoke) โดยสามารถสร้างยอดขายแล้วกว่า 70% และ โครงการ เวนิโอ สุขุมวิท 10  (Venio Sukhumvit 10 ) คอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ล่าสุด ภายใต้การพัฒนาโครงการโดย บริษัท เฮลิกซ์  จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอนันดาฯ  โดยสามารถสร้างยอดขายรวมเกือบ 90% ซึ่งดำเนินงานด้านการขายโดยบริษัท ดิ เอเจ้นท์ จำกัด มร. อะกิฮิโกะ ฟูนาโอกะ Executive Managing Officer บริษัท มิตซุย  ฟูโดซัง  จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุด และมีรายได้และกำไรสูงสุดในประเทศญี่ปุ่น มีมูลค่าทางการตลาดสูงถึง 7 แสนล้านบาท เปิดเผยว่า ตั้งแต่ได้มีการทำสัญญาความร่วมมือ บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นในศักยภาพของอนันดาฯ  ในการเป็นผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมทำเลใกล้รถไฟฟ้าที่ดีที่สุด มีความเชี่ยวชาญและศักยภาพในการพัฒนาโครงการที่โดดเด่นทั้งคุณภาพและการออกแบบโครงการที่ดึงดูด และสามารถตอบรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าย่านใจกลางเมืองได้เป็นอย่างดี แสดงให้เห็นว่า อนันดาฯ เป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย และ เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญของ มิตซุย ฟูโดซัง และหวังว่าจะมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งร่วมกันต่อไป  โดยมีความเชื่อมั่นในความสำเร็จ ในปีนี้เรามีอีก3โครงการใหม่ที่จะร่วมลงทุน ได้แก่ โครงการไอดีโอ โมบิ อโศก โครงการ ไอดีโอ สุขุมวิท 93 และโครงการ ไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท 66 ซึ่งการร่วมทุนใหม่นี้ ถือเป็นกลยุทธ์ในการสร้างคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าที่ตอบสนองความสะดวกสบายและมีสิ่งอำนวยความสะดวก ในราคาที่สมเหตุผลและสามารถจับต้องได้ “มิตซุย ฟูโดซัง มีนโยบายที่จะเติบโตทางธุรกิจในต่างประเทศอย่างรวดเร็ว ประเทศไทยเป็นประเทศที่สำคัญที่สุดสำหรับกลยุทธ์ด้านการลงทุนของ มิตซุย ฟูโดซัง เพราะการพัฒนาระบบการขนส่งสาธารณะในกรุงเทพฯ กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วในภูมิภาคนี้ และเราคาดหวังที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เจริญเติบโตในพื้นที่โดยรอบๆสถานีรถไฟฟ้า มิตซุย ฟูโดซังมีความมั่นใจอีกด้วยว่า ความรู้ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของอนันดาฯ จะสามารถสร้างโครงการที่มีนวัตกรรมใหม่ และมีมูลค่าที่สามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า บริษัทของเราต้องการที่สนับสนุนบริษัท อนันดาฯ และพัฒนาโครงการร่วมทุนอื่นๆด้วยกันอีก นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลัง ด้วยการจัดงาน “ANANDA  URBAN PULSE” ระหว่างวันที่ 20-23 ตุลาคม 2559 ณ. ชั้น 1  ศูนย์การค้าสยามพารากอน ภายใต้แนวคิด “SHIFT TO A NEW PARADIGM OF LIVING” เพื่อนำเสนอบริบทใหม่ของการใช้ชีวิตสำหรับคนเมือง โดยนำเสนอนวัตกรรมแห่งการอยู่อาศัยที่มีเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาผสมผสานกับการใช้ชีวิตเมืองมากขึ้น หรือ  SMART LIVING ไม่ว่าจะเป็นด้านความสะดวกสบาย ด้านความปลอดภัย หรือในด้านของการอยู่อาศัยในมิติอื่นๆเพื่อการใช้ชีวิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และในงาน ANANDA URBAN PULSE ทางบริษัทฯได้ออกแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกับแนวคิด “SHIFT TO A NEW PARADIGM OF LIVING” โดยตั้งใจนำเสนอรูปแบบงานให้เป็น Event แห่งอนาคต ที่ผู้ร่วมงานจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ของ Event ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยเทคโนโลยีการนำเสนอข้อมูลโครงการในรูปแบบใหม่ อาทิ Isolate map , 3D Simulator , Dynamic VR และอีกมากมาย พิเศษสุดเมื่อจองห้องชุดภายในงานจะได้รับ Samsung Gear Fit 2 (เฉพาะโครงการที่กำหนด) หรือแค่เข้าร่วมงานก็มีสิทธิ์ร่วมลุ้นรับ Siam Paragon Gift Card มูลค่า 5,000 บาท จำนวน 20 รางวัลต่อวัน ซึ่งบริษัทฯได้คัดสรรและรวบรวมโครงการคอนโดมิเนียมคุณภาพติดรถไฟฟ้า กว่า 14 โครงการทั่วกรุงเทพฯ มานำเสนอซึ่งเป็นการส่งเสริมการขายที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพบนทำเลศักยภาพสูงติดสถานีรถไฟฟ้าของอนันดาฯ สามารถเลือกชมโครงการต่างๆได้อย่างใกล้ชิดก่อนใครพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษเมื่อจองซื้อภายในงาน  ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งเห็นได้จากการการให้ความสนใจและตอบรับเป็นอย่างดีทุกครั้งของการเปิดตัวโครงการของบริษัทตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา