Tag : ยอดขายโครงการใหม่

1 ผลลัพธ์
อนันดาฯ โชว์ผลงานโดดเด่นยอดขาย Q3 ดีกว่าเป้า ถึง 52% ยอดแบ็คล็อคพุ่งนิวไฮ ลุยปรับเพิ่มเป้ายอดขายทั้งปีอีก 5% เป็น 32,588 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดโอน Q4 เกือบ 15,000 ล้านบาท

อนันดาฯ โชว์ผลงานโดดเด่นยอดขาย Q3 ดีกว่าเป้า ถึง 52% ยอดแบ็คล็อคพุ่งนิวไฮ ลุยปรับเพิ่มเป้ายอดขายทั้งปีอีก 5% เป็น 32,588 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดโอน Q4 เกือบ 15,000 ล้านบาท

บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า โชว์ศักยภาพการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายจากที่ตั้งเป้าไว้ เผยไตรมาส 3/2560 บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 6,350 ล้านบาท ถึง 52% จากยอดขายโครงการใหม่ และโครงการที่เปิดตัวก่อนหน้า นอกจากนี้ประกาศปรับเพิ่มเป้ายอดขายทั้งปีอีก 5% เป็น 32,588 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อค) ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2560 กำหนดโอนภายในช่วง 4 ปีข้างหน้า จำนวนกว่า 54,400 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นสถิติอีกครั้ง โดยเพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ในไตรมาส 4/2560 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดโอนส่วนใหญ่คิดเป็นสัดส่วนถึง 64% ของเป้าหมายยอดโอนทั้งปีกว่า 23,000 ล้านบาท บริษัทฯ จะสามารถสร้างยอดโอนทั้งปีที่จะเติบโตเพิ่มขึ้น 45% จากปีก่อน นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมานับว่า บริษัทมีภาพรวมการดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมีผลประกอบการที่โดดเด่นเป็นที่น่าพอใจ  โดยมีตัวเลขยอดขายในไตรมาส 3 เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 6,350 ล้านบาท ถึง 52% จากยอดขายโครงการใหม่ และโครงการที่เปิดตัวก่อนหน้า พร้อมประกาศปรับเพิ่มเป้ายอดขายทั้งปีอีก 5% เป็น 32,588 ล้านบาท ทำให้มียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อค) ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2560 กำหนดโอนภายในช่วง 4 ปีข้างหน้า จำนวนกว่า 54,400 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นสถิติอีกครั้ง โดยเพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ในไตรมาส 4/2560 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดโอนส่วนใหญ่คิดเป็นสัดส่วนถึง 64% ของเป้าหมายยอดโอนทั้งปีกว่า 23,000 ล้านบาท ในไตรมาส 3 นี้ บริษัทฯ เปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ติดรถไฟฟ้าบน 2 ทำเล และโครงการแนบราบใหม่ 3 ทำเล ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 7,687 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่ารวมกว่า 4,435 ล้านบาท ได้แก่ ไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท 40 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเอกมัย มูลค่าโครงการกว่า 2,057 ล้านบาท โครงการไอดีโอ โมบิ รางน้ำ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มูลค่าโครงการกว่า 2,377 ล้านบาท โครงการแนวราบ ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 3,252 ล้านบาท ได้แก่ โครงการแอริ พระราม 5 – ราชพฤกษ์ มูลค่าโครงการ 792 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ บนถนนพระราม 5 จังหวัดนนทบุรี โครงการอาร์เทล เกษตร-นวมินทร์ มูลค่าโครงการ 1,658 ล้านบาท และโครงการเอโทล วงแหวน-ลำลูกกา ใกล้กับรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว มูลค่าโครงการ 802 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3 นี้ บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 9,645 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่วางไว้ที่ 6,350 ล้านบาท ถึง 52% โดยยอดขายที่แข็งแกร่งส่วนหนึ่งมาจากความต้องการซื้อจากลูกค้าที่ดีกว่าคาด และจากการเลื่อนเปิดโครงการใหม่เร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในช่วงต้นปี มูลค่ากว่า 4,435 ล้านบาท ทั้งนี้ในครึ่งปีแรก บริษัทฯ สร้างยอดขายได้ 77% ของเป้ายอดขายทั้งปี และมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 2 โครงการ โดยผลจากความสำเร็จดังกล่าวมาจากตัวโครงการอยู่ในทำเลติดรถไฟฟ้า สะดวกสบายในการอยู่อาศัย มีการนำเอาเทคโนโลยีมาปรับใช้ในโครงการ และราคาที่เหมาะสมสามารถจับต้องได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 1,692 ล้านบาท ลดลง 28% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่บริษัทฯ มีรายได้อื่นจำนวนกว่า 1,066 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายได้จากโครงการร่วมทุน ทำให้บริษัทฯ สร้างรายได้รวมจำนวน 2,759 ล้านบาท ลดลง 7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 141 ล้านบาท ลดลง 44% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้ที่ลดลง และการเปิดโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้น โดยในไตรมาส 4/2560 บริษัทฯตั้งเป้าหมายยอดโอนส่วนใหญ่คิดเป็นสัดส่วนถึง 64% ของเป้าหมายยอดโอนทั้งปีกว่า 23,000 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ในช่วงที่เรียกว่า "ระยะเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวผลตอบแทน" ซึ่งในปี 2559 สร้างยอดโอนเติบโต 65% จากปีก่อน ตลอดจนแผนงานในการเติบโต 45% จากปี 2559 สำหรับการโอนในปี 2560 อยู่ที่กว่า 23,000 ล้านบาท ซึ่งมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่จะโอนในปี 2560 มูลค่ากว่า 13,700 ล้านบาท คิดเป็น 93% ของเป้ายอดโอนในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งรวมส่วนแบ่งยอดโอนของอนันดา และมิตซุย ฟูโดซัง บริษัทฯ ยังคงรักษาวินัยทางการเงิน และประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจให้เติบโต พร้อมยังคงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิซึ่งหักด้วยเงินสดต่อส่วนทุนอยู่ที่ 0.84 :1 เท่านั้น นอกจากนี้กระแสเงินสดของบริษัทฯ ยังคงมีความแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นสุดไตรมาสยังคงรักษาเงินสดขนาดใหญ่ที่มีมากกว่า 1,400 ล้านบาท  ซึ่งบริษัทฯ ยังคงได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องจากสถาบันการเงินชั้นนำ และมีทางเลือกในการจัดหาแหล่งเงินทุนที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการเงินสดของบริษัทฯตลอดทั้งปี สามารถเลือกใช้ได้ตามสถานการณ์ ทั้งนี้ในเดือนตุลาคมปี 2560 บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี ด้วยต้นทุนหุ้นกู้เพียง 3.50% ซึ่งเป็นต้นทุนต่ำสุดเป็นสถิติอีกครั้ง ลดลงจากที่บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้ต้นทุน 3.95% และลดลงอย่างมีนัยสำคัญจาก 5.40% ที่ออกหุ้นกู้เมื่อ 3 ปีก่อน” นายชานนท์ กล่าว ในปี 2561 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดโอนเติบโต 76% อยู่ในระดับกว่า 40,500 ล้านบาท จากเป้าหมายยอดโอนในปี 2560 ที่ระดับ 23,000 ล้านบาท โดยในปี 2561 บริษัทฯ คาดว่าจะมีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอน สูงถึง 11 โครงการ เพิ่มขึ้นจากในปี 2560 ที่มี 10 โครงการใหม่ที่สร้างแล้วเสร็จ และเริ่มโอนจากวงจรเงินทุน ทำให้บริษัทฯ เปิดขายโครงการใหม่ในปี 2561 ด้วยมูลค่าโครงการ เพิ่มขึ้น 15% อยู่ในระดับกว่า 48,000 ล้านบาท จากเป้ากว่า 41,800 ล้านบาทในปี 2560 โดยในปี 2561 บริษัทจะเปิดขายโครงการใหม่ 22 โครงการ โดยเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 13 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับมิตซุย ฟูโดซัง 7 โครงการ และโครงการแนวราบ 9 โครงการ จากมูลค่าเปิดขายโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ในปี 2561 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นอีก 24% เป็นกว่า 40,500 ล้านบาท จากเป้ายอดขายในระดับกว่า 32,600 ล้านบาท ในปี 2560 พร้อมเป้าหมายในการรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนทุนในระดับประมาณ 1:1 สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวในการบริหารงานของบริษัทอีกด้วย “บริษัทฯ รักษาการเติบโตของธุรกิจ และผลการดำเนินงานที่ดี รวมถึงยังรักษาความมีวินัยด้านต้นทุนการดำเนินงาน และการกู้ยืมอีกด้วย โดย อนันดาฯ ยังคงครองความเป็นผู้นำคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งด้านการออกแบบอาคาร และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านอื่นๆ ทำให้ยังคงตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมต่อไป พร้อมมุ่งมั่นต่อการกำกับดูแลกิจการที่ดีที่สุดและโปร่งใส โดยได้รับคะแนนทางด้านการกำกับดูแลกิจการในระดับสูงสุด 5 ดาว เพิ่มขึ้นจากระดับ 4 ดาวในปีก่อน รวมทั้งการกำกับดูแลกิจการที่ดี และโปร่งใส ให้แก่นักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยตลาดหลักทรัพย์ได้เสนอชื่อให้บริษัทฯ เข้าชิงรางวัลนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยมให้แก่บริษัทประจำปี 2560 อีกทั้งนิตยสาร IR Magazine ได้เสนอชื่อให้บริษัทฯ เข้าชิงรางวัลนักลงทุนยอดเยี่ยมในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประจำปี 2560” นายชานนท์ กล่าวตอนท้าย